1 00:00:02,000 --> 00:00:07,000 Downloaded from YTS.MX 2 00:00:08,000 --> 00:00:13,000 Official YIFY movies site: YTS.MX 3 00:00:11,320 --> 00:00:13,760 ตํารวจเยอรมันในฝั่งตะวันออกที่ถูกยึดครอง 4 00:00:13,760 --> 00:00:14,840 ปี 1942 5 00:00:17,520 --> 00:00:19,880 พวกเขามาที่นี่ เพื่อบังคับใช้การปกครองของเยอรมนี 6 00:00:19,880 --> 00:00:21,360 ในดินแดนที่ถูกยึดครอง 7 00:00:31,360 --> 00:00:34,080 พวกเขาทําตามคําสั่งอย่างขยันขันแข็ง 8 00:00:40,360 --> 00:00:41,920 พวกเขาได้รับมอบหมายงานพิเศษ 9 00:00:45,320 --> 00:00:46,400 ยิงชาวยิว 10 00:00:46,920 --> 00:00:48,720 เป็นร้อยเป็นพัน 11 00:00:50,440 --> 00:00:52,080 ยิงระยะเผาขน 12 00:00:52,960 --> 00:00:59,040 นักประวัติศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญ ศึกษาอย่างละเอียดเกี่ยวกับคนที่เหนี่ยวไกปืน 13 00:00:59,040 --> 00:01:02,600 พวกเขาอยากรู้ว่า ฆาตกรรมหมู่แบบนั้นเกิดขึ้นได้ยังไง 14 00:01:03,520 --> 00:01:05,280 พวกเขาค้นพบสิ่งที่น่าตกใจมาก 15 00:01:07,720 --> 00:01:09,880 จริงๆ แล้วพวกเขาไม่จําเป็นต้องฆ่า 16 00:01:10,440 --> 00:01:12,600 พวกเขาไม่ต้องทําตามคําสั่งก็ได้ 17 00:01:15,440 --> 00:01:18,240 ถ้าคุณกล้าพูดว่า "ฉันทําใจยิงไม่ได้" 18 00:01:18,760 --> 00:01:20,640 คุณอาจจะถูกมองว่าขี้ขลาด 19 00:01:20,640 --> 00:01:23,600 ในแฟ้มคุณอาจจะมีจดหมายบอกว่าคุณไม่เก่ง 20 00:01:23,600 --> 00:01:26,400 แต่คุณไม่ได้ถูกลงโทษร้ายแรงแต่อย่างใด 21 00:01:27,960 --> 00:01:29,480 ยี่สิบปีหลังเกิดสงคราม 22 00:01:29,480 --> 00:01:33,040 มีการไต่สวนคดีฆาตกรรม ที่ก่อโดยหน่วยหนึ่งของตํารวจฮัมบวร์ก 23 00:01:33,960 --> 00:01:35,480 แรงจูงใจของพวกเขาคืออะไร 24 00:01:36,440 --> 00:01:37,840 ทําไมพวกเขาถึงยิง 25 00:01:39,640 --> 00:01:44,240 พวกเขาไม่ใช่เพชฌฆาต ที่สมัครใจและขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ 26 00:01:44,240 --> 00:01:46,840 พวกเขาไม่ใช่นักฆ่าที่ถูกฝึกมา 27 00:01:46,840 --> 00:01:51,440 พวกเขามีอาชีพพลเรือน เช่น คนขับแท็กซี่ ช่างประปา 28 00:01:51,440 --> 00:01:55,960 จะในแง่ไหนพวกเขาก็คือคนธรรมดา 29 00:02:12,920 --> 00:02:16,280 ฮัมบวร์ก หน้าร้อนปี 1942 30 00:02:16,800 --> 00:02:19,000 สามปีก่อนเข้าสู่ช่วงสงคราม 31 00:02:20,160 --> 00:02:23,360 รัฐบาลเกณฑ์คนมาทํางานพิเศษ 32 00:02:27,800 --> 00:02:31,480 ภายในปี 1942 แรงงานขาด 33 00:02:32,200 --> 00:02:34,960 {\an8}เพราะจํานวนคนตายที่กองทัพประสบในรัสเซีย 34 00:02:34,960 --> 00:02:36,840 {\an8}(คริสโตเฟอร์ บราวนิ่ง นักประวัติศาสตร์) 35 00:02:36,840 --> 00:02:43,600 {\an8}กับจํานวนแรงงานที่พวกเขาต้องการมากขึ้น เพื่อให้พอกับจักรวรรดิเยอรมันที่ขยายโตขึ้น 36 00:02:47,080 --> 00:02:52,120 พวกเขาเกณฑ์ใครได้ก็เกณฑ์ เพื่อขจัดปัญหาแรงงานไม่พอ 37 00:02:52,720 --> 00:02:56,880 ชายที่แก่แล้วและมีครอบครัว ซึ่งไม่ได้เหมาะกับกองทัพแวร์มัคท์เยอรมัน 38 00:02:56,880 --> 00:02:57,800 ก็ยังถูกเรียก 39 00:02:57,800 --> 00:03:00,760 หลายคนไม่ได้ฝักใฝ่พรรคนาซี 40 00:03:00,760 --> 00:03:03,960 และไม่ได้เป็นปรปักษ์ต่อคนยิว 41 00:03:03,960 --> 00:03:08,400 พื้นเพพวกเขามาจากสังคมประชาธิปไตยด้วยซ้ํา 42 00:03:08,400 --> 00:03:12,120 มีตั้งแต่คนอบขนม ช่างฝีมือ 43 00:03:12,120 --> 00:03:13,640 ไปจนถึงช่างไม้ 44 00:03:13,640 --> 00:03:17,720 และพ่อค้าที่เป็นเจ้าที่หน้าในสํานักงาน 45 00:03:18,320 --> 00:03:24,640 คนในกองพันตํารวจ สะท้อนวัยทํางานโดยทั่วไปของฮัมบวร์ก 46 00:03:24,640 --> 00:03:25,960 (สเตฟาน คืล นักสังคมวิทยา) 47 00:03:26,560 --> 00:03:29,280 พวกเขาถูกเกณฑ์ไปเป็นตํารวจกองหนุน 48 00:03:29,960 --> 00:03:33,280 ระยะเวลาฝึกของพวกเขาแทบไม่พอ 49 00:03:33,800 --> 00:03:35,600 ที่จะทําให้พวกเขาพร้อมทําสิ่งที่รออยู่ 50 00:03:38,280 --> 00:03:41,160 วันที่ 21 มิถุนา 1942 51 00:03:42,040 --> 00:03:44,160 พวกเขาบอกลาครอบครัว 52 00:03:44,720 --> 00:03:45,760 และออกจากบ้าน 53 00:04:00,240 --> 00:04:05,160 พวกเขาได้รับรายละเอียด ที่ค่อนข้างเป็นนามธรรมเกี่ยวกับภารกิจ 54 00:04:05,160 --> 00:04:09,040 รายละเอียดรวมถึง การยึดคืนพื้นที่ของเยอรมนีที่ถูกยึดครอง 55 00:04:09,040 --> 00:04:10,640 พวกเขาถูกพาไปที่โปแลนด์ 56 00:04:11,120 --> 00:04:12,360 วันที่ 25 มิถุนา 57 00:04:12,360 --> 00:04:18,320 กองพันตํารวจหนุน 101 ไปถึงยังตอนใต้ของจังหวัดลูบลิน 58 00:04:25,320 --> 00:04:27,240 ไม่มีการเตรียมตัวหรือเตรียมพร้อม 59 00:04:27,240 --> 00:04:29,880 พวกเขาไม่รู้ว่า พวกเขาต้องทําแบบนั้นตอนถูกส่งไปโปแลนด์ 60 00:04:29,880 --> 00:04:31,320 พวกตํารวจไม่รู้ 61 00:04:31,320 --> 00:04:32,440 ทรัปป์ไม่... 62 00:04:32,440 --> 00:04:34,840 ผู้พันทรัปป์ไม่รู้ว่าต้องทําอะไร 63 00:04:34,840 --> 00:04:36,320 ไปรู้เอาหนึ่งวันก่อนหน้า 64 00:04:38,320 --> 00:04:40,880 วันที่ 13 กรกฎา 1942 65 00:04:41,400 --> 00:04:44,320 กองพันต้องรายงานตัวแต่เช้าตรู่ 66 00:04:49,440 --> 00:04:52,280 คนออกคําสั่งคือผู้พันทรัปป์ 67 00:04:52,280 --> 00:04:53,200 เขาอายุเยอะแล้ว 68 00:04:53,200 --> 00:04:54,640 (ทรัปป์, วิลเฮล์ม พันตํารวจตรี) 69 00:04:54,640 --> 00:04:57,920 เขาเป็นที่ชื่นชอบในหมู่ลูกน้อง 70 00:04:57,920 --> 00:05:02,400 เพราะเขาไม่ใช่หัวหน้าเผด็จการแบบทั่วไป 71 00:05:02,400 --> 00:05:04,560 (ฮาราลด์ เวลเซอร์ นักจิตวิทยาสังคม) 72 00:05:04,560 --> 00:05:06,760 ลูกน้องเรียกเขาว่า "พ่อทรัปป์" 73 00:05:06,760 --> 00:05:10,280 ซึ่งสื่อความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขา 74 00:05:10,280 --> 00:05:16,040 ผู้พันทรัปป์ยืนอยู่หน้าตํารวจในกองพันและพูดว่า 75 00:05:16,640 --> 00:05:20,320 "วันนี้คําสั่งที่ผมจะให้พวกคุณไม่ดีนัก" 76 00:05:26,000 --> 00:05:27,280 เสียงเขาสั่น 77 00:05:27,280 --> 00:05:29,840 น้ําตาไหลอาบแก้ม 78 00:05:29,840 --> 00:05:32,360 เขาพยายามอย่างมากที่จะควบคุมร่างกายตัวเอง 79 00:05:32,360 --> 00:05:34,040 เขาพยายามจนมองออก 80 00:05:34,040 --> 00:05:37,120 สําหรับเขา มันเป็นสิ่งที่แย่และยากมาก 81 00:05:37,120 --> 00:05:40,720 แย่และยากที่จะอธิบายให้ลูกน้องฟัง ว่าสิ่งที่เขาจะขอให้พวกเขาทํานั้นคืออะไร 82 00:05:42,040 --> 00:05:46,600 พวกเขาต้องยิงชาวยิว 1,500 คน 83 00:05:46,600 --> 00:05:48,240 รวมทั้งเด็กและผู้หญิง 84 00:05:55,320 --> 00:05:57,480 หลังจากนั้นเขาก็เสนอว่า 85 00:05:57,480 --> 00:06:00,360 "ถ้าคนไหนไม่ใจเด็ดพอที่จะทํา 86 00:06:00,840 --> 00:06:04,000 ให้ก้าวออกมา คุณไม่จําเป็นต้องเข้าร่วม" 87 00:06:07,240 --> 00:06:13,440 การบอกให้ใครสักคนก้าวออกมา ถ้าคนคนนั้นไม่อยากเข้าร่วม 88 00:06:13,440 --> 00:06:15,640 คือการต้องให้พวกเขาทําอะไรสักอย่าง 89 00:06:15,640 --> 00:06:18,960 แต่เวลาเราต้องตัดสินใจ 90 00:06:18,960 --> 00:06:22,840 แล้วเราไม่รู้ว่าอะไรกันแน่คือสิ่งที่ถูกต้อง 91 00:06:22,840 --> 00:06:25,520 โดยปกติเราจะไม่ทําอะไร 92 00:06:38,360 --> 00:06:40,080 มีคนหนึ่งก้าวออกไป 93 00:06:42,080 --> 00:06:47,160 หัวหน้ากองอายมาก เพราะลูกน้องเขาเป็น "คนขี้ขลาด" คนแรก 94 00:06:47,960 --> 00:06:49,960 ที่ไม่ยอมเข้าร่วม 95 00:06:49,960 --> 00:06:51,120 ทีนี้หัวหน้าก็ตะคอกใส่เขา 96 00:06:51,720 --> 00:06:54,480 ทรัปป์บอกให้หัวหน้าหยุดพูด แล้วก็ปกป้องลูกน้องคนนั้น 97 00:06:55,800 --> 00:06:58,240 หลังจากนั้นประมาณอีก 12 คนก็ทําตาม 98 00:07:11,680 --> 00:07:12,520 แถวตรง 99 00:07:13,600 --> 00:07:14,440 เลิกแถว 100 00:07:15,600 --> 00:07:21,080 ถ้ามองจากมุมประวัติศาสตร์ มันเป็นสถานการณ์ที่น่าสนใจมาก 101 00:07:21,560 --> 00:07:25,240 เพราะมีการบันทึกคําสั่งไว้ 102 00:07:25,240 --> 00:07:31,360 และการออกคําสั่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าพวกเขาไม่จําเป็นต้องฆ่า 103 00:07:31,360 --> 00:07:33,200 ที่เล่ากันหลังเกิดสงครามคือ 104 00:07:33,200 --> 00:07:37,920 เราต้องเข้าร่วม ไม่งั้นจะโดนยิงเอง 105 00:07:37,920 --> 00:07:42,520 ตรงนี้เราแสดงให้เห็นได้ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น 106 00:07:42,520 --> 00:07:43,840 พวกเขาเลือกตัดสินใจได้ 107 00:07:46,400 --> 00:07:49,760 หน่วยปลิดชีพทุกหน่วยเลือกได้ 108 00:07:50,440 --> 00:07:54,600 ถึงตอนนี้ยังไม่พบว่ามีคนใต้บังคับบัญชาคนไหน 109 00:07:54,600 --> 00:07:58,960 ที่ชีวิตตกอยู่ในอันตราย หากปฏิเสธไม่ยิงพลเรือนที่ไม่มีอาวุธ 110 00:08:03,120 --> 00:08:05,800 ทุกอย่างเริ่มขึ้นในเดือนกันยา ปี 1939 111 00:08:06,840 --> 00:08:09,040 กองทัพแวร์มัคท์ของเยอรมนีบุกโปแลนด์ 112 00:08:09,640 --> 00:08:12,160 โปแลนด์พ่ายแพ้ในไม่กี่สัปดาห์ 113 00:08:13,920 --> 00:08:16,960 ชาวโปแลนด์หลายล้านคน ตกอยู่ในการควบคุมของเยอรมนี 114 00:08:16,960 --> 00:08:19,120 และต้องถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด 115 00:08:19,120 --> 00:08:22,960 รัฐบาลต้องการกองกําลังรักษาความปลอดภัย เพื่อควบคุมและจับตาดู 116 00:08:24,600 --> 00:08:25,800 ในไรช์เยอรมัน 117 00:08:25,800 --> 00:08:31,720 ชายหลายหมื่นคน สมัครเป็นตํารวจในดินแดนที่ถูกยึด 118 00:08:32,240 --> 00:08:35,640 พวกเขาหวังที่จะเลี่ยงเป็นทหารต่อสู้อยู่แนวหน้า 119 00:08:36,160 --> 00:08:41,080 ด้วยความที่มีคนสมัครหลายคน รัฐบาลจึงมีสิทธิ์เลือก 120 00:08:42,120 --> 00:08:47,040 มีผู้ชาย 160,000 คนอาสาสมัครเป็นตํารวจ 121 00:08:47,040 --> 00:08:49,720 {\an8}และมีเพียง 26,000 ถึง 30,000 คนเท่านั้น ที่จะได้รับเลือก 122 00:08:49,720 --> 00:08:51,360 (สเตฟาน เคลมป์ นักประวัติศาสตร์) 123 00:08:51,360 --> 00:08:53,400 หลังจากนั้นก็ถูกนําไปฝึกหกเดือน 124 00:08:53,400 --> 00:08:57,800 ที่สําคัญที่สุดคือฝึกทางด้านอุดมการณ์ 125 00:08:57,800 --> 00:09:01,760 ซึ่งทําให้พวกเขารู้แน่ชัดว่า อะไรคือสิ่งที่คาดหวังจากพวกเขา 126 00:09:02,440 --> 00:09:04,680 พวกเขาถูกบอกว่า 127 00:09:05,200 --> 00:09:06,680 ในฐานะชนชาติปกครอง 128 00:09:06,680 --> 00:09:08,800 พวกเขาต้องทําให้นโยบายสังคมนิยมแห่งชาติ 129 00:09:08,800 --> 00:09:11,160 ถูกนําไปใช้และถูกบังคับใช้ 130 00:09:11,800 --> 00:09:12,880 ในดินแดนที่ยึดครอง 131 00:09:13,400 --> 00:09:17,280 หลังการฝึกจบลง ผู้ชายเหล่านั้นก็ได้รู้ว่าที่จริงแล้วมันคืออะไร 132 00:09:18,880 --> 00:09:22,880 งานของพวกเขาคือช่วยนํานโยบายนาซีแสนโหด 133 00:09:22,880 --> 00:09:24,840 ไปใช้ในดินแดนที่ยึดครอง 134 00:09:25,400 --> 00:09:30,560 นี่คือเหตุผลที่รัฐบาล เลือกผู้ชายที่เห็นด้วยกับหลักการของนาซี 135 00:09:32,120 --> 00:09:34,160 พวกเขาถูกรวมกลุ่มเป็นกองพันตํารวจ 136 00:09:34,160 --> 00:09:36,080 และถูกส่งไปยังโปแลนด์ 137 00:09:37,520 --> 00:09:42,240 พวกเขาจะกดขี่ ข่มเหง และฆ่าพลเรือนที่นั่น 138 00:09:42,240 --> 00:09:44,600 โดยเฉพาะชาวยิว 139 00:09:48,000 --> 00:09:50,120 ประมาณช่วง... 140 00:09:50,640 --> 00:09:52,800 ตุลาหรือพฤศจิกาปี 1939 141 00:09:52,800 --> 00:09:55,400 หน่วยเหล่านั้นเริ่มยิงพลเรือน 142 00:09:56,000 --> 00:09:57,440 นักต่อสู้ชาวโปแลนด์ 143 00:09:57,440 --> 00:10:00,760 นักบวช เหล่าปัญญาชน แม้กระทั่งชาวยิว 144 00:10:01,600 --> 00:10:04,200 ให้ผู้คนออกจากพื้นที่ ขับไล่ผู้คนออกไป 145 00:10:04,920 --> 00:10:06,080 โดยสรุปแล้วคือ 146 00:10:06,640 --> 00:10:09,920 หน่วยตํารวจเหล่านั้น 147 00:10:09,920 --> 00:10:14,480 นํานโยบายกําจัดของสังคมนิยมแห่งชาติไปปฏิบัติ 148 00:10:15,800 --> 00:10:19,720 สองปีต่อมา โจมตีสหภาพโซเวียต 149 00:10:19,720 --> 00:10:22,720 มันคือสงครามแห่งการพิชิตและการถูกทําลายล้าง 150 00:10:23,320 --> 00:10:25,480 ตามแผนของเยอรมนี 151 00:10:25,480 --> 00:10:29,840 ต้องมีชาวโซเวียต 30 คนตาย เพื่อให้มีพื้นที่สําหรับอยู่อาศัย 152 00:10:34,360 --> 00:10:39,240 หน่วยสังหารเคลื่อนที่ ประกอบด้วยตํารวจกับหน่วยปฏิบัติการเอสเอส 153 00:10:39,240 --> 00:10:41,400 ชื่อ "ไอน์ซัทซ์กรุพเพิน" 154 00:10:41,400 --> 00:10:43,920 เป็นกําลังเสริมกองทหารในการรบ 155 00:10:43,920 --> 00:10:46,520 วันที่ 27 มิถุนา 1941 156 00:10:47,080 --> 00:10:50,760 กองพันตํารวจ 309 บุกเบียลีสตอก 157 00:10:50,760 --> 00:10:55,520 ชายที่ถูกตั้งโปรแกรมทางอุดมการณ์ จับชาวยิว 800 ขังในโบสถ์ยิว 158 00:10:55,520 --> 00:10:56,960 แล้วจุดไฟเผา 159 00:10:58,000 --> 00:11:00,000 พวกเขาฆ่ามากกว่านั้น 160 00:11:01,480 --> 00:11:05,320 วันต่อมาตํารวจได้รับรางวัล "กู้เมือง" 161 00:11:05,320 --> 00:11:06,400 พวกเขาเรียกว่างั้น 162 00:11:09,880 --> 00:11:13,440 ผู้ชายทั้งหมด 18,000 คน เดินอยู่หลังแนวหน้าไปยังหมู่บ้านและเมืองต่างๆ 163 00:11:13,440 --> 00:11:14,920 (โปแลนด์ที่นาซียึดครอง 1941) 164 00:11:14,920 --> 00:11:16,840 (โปแลนด์ที่สหภาพโซเวียตยึดครอง 1941) 165 00:11:16,840 --> 00:11:22,720 มือปืนส่วนใหญ่ที่ยังหนุ่มและถูกปลูกฝังความเชื่อ ยิงชาวยิวทุกคนที่นั่นจนตาย รวมทั้งผู้หญิงและเด็ก 166 00:11:23,280 --> 00:11:25,080 การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เริ่มขึ้น 167 00:11:25,640 --> 00:11:28,160 การสังหารหมู่ชาวยิวอย่างเป็นระบบ 168 00:11:29,280 --> 00:11:32,000 มือปืนหลายคนรู้สึกสะเทือนใจจากการฆ่า 169 00:11:32,680 --> 00:11:36,320 นี่คือหนึ่งเหตุผล ที่ค่ายกําจัดใหญ่อย่างเอาชวิทซ์ 170 00:11:36,320 --> 00:11:38,640 เกิดขึ้นในปลายปี 1941 171 00:11:38,640 --> 00:11:40,520 (โปแลนด์ที่นาซียึดครอง 1941 - 1942) 172 00:11:40,520 --> 00:11:44,760 กระบวนการสังหารหมู่ต้องมีประสิทธิผลกว่านี้ 173 00:11:44,760 --> 00:11:47,760 และอ่อนโยนต่อผู้กระทําผิดมากกว่านี้ 174 00:11:47,760 --> 00:11:50,000 ถ้าเราลอง... 175 00:11:50,600 --> 00:11:52,320 {\an8}หาสัดส่วนของเหยื่อการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์... 176 00:11:52,320 --> 00:11:54,880 {\an8}(คริสโตเฟอร์ บราวนิ่ง ผู้เชี่ยวชาญการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว) 177 00:11:54,880 --> 00:11:56,960 {\an8}ในแง่การตายของพวกเขา 178 00:11:58,040 --> 00:12:00,040 {\an8}ตัวเลขคร่าวๆ ที่ใกล้เคียงที่สุดผมว่า 179 00:12:00,040 --> 00:12:03,520 น่าจะประมาณเกือบๆ สามล้านที่ตายในค่ายมรณะ 180 00:12:03,520 --> 00:12:04,560 ในห้องรมแก๊ส 181 00:12:05,720 --> 00:12:10,720 เกือบหนึ่งล้านตายจากการถูกกักขัง 182 00:12:10,720 --> 00:12:12,720 หิวโหยท่ามกลางโรคระบาด หิวโหยในชุมชน 183 00:12:12,720 --> 00:12:14,640 การตายเกิดขึ้นจนสิ้นสงคราม 184 00:12:15,320 --> 00:12:17,080 ซึ่งแปลว่ามากกว่าสองล้านคน 185 00:12:17,920 --> 00:12:20,600 ถูกฆ่าโดยกองตํารวจที่ยิง 186 00:12:20,600 --> 00:12:22,480 ตายจากการโดนสังหารหมู่ 187 00:12:24,240 --> 00:12:26,400 คนมากกว่าสองล้านคนถูกฆ่า 188 00:12:26,400 --> 00:12:28,600 ประจันหน้ากับคนที่ฆ่าพวกเขา 189 00:12:29,360 --> 00:12:31,520 ความจริงที่ไม่ค่อยมีคนรู้แม้กระทั่งในวันนี้ 190 00:12:32,040 --> 00:12:34,280 นั่นก็คือ "การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ที่ถูกลืม" 191 00:12:36,080 --> 00:12:36,920 เลียปายา 192 00:12:37,560 --> 00:12:39,160 ฤดูร้อน ปี 1941 193 00:12:40,040 --> 00:12:43,240 ในพื้นที่ปฏิบัติการของไอน์ซัทซ์กรุพเพอเอ 194 00:12:43,880 --> 00:12:49,200 นี่คือสารคดีเรื่องเดียว ที่มีฉากยิงชาวยิวตรงแนวรบตะวันออก 195 00:12:50,560 --> 00:12:52,600 จริงๆ ทางการห้ามอัด 196 00:12:53,200 --> 00:12:56,000 เพราะการฆ่าต้องถูกปิดเป็นความลับ 197 00:13:01,640 --> 00:13:03,360 พวกเขาพลาดสองเรื่อง 198 00:13:03,360 --> 00:13:05,240 หนึ่ง พวกเขาบันทึกทุกอย่าง 199 00:13:05,240 --> 00:13:06,800 (เบนจามิน เฟเรนช์ ทนายสหรัฐฯ) 200 00:13:06,800 --> 00:13:07,720 และ 201 00:13:08,480 --> 00:13:09,880 บันทึกถูกส่งไปเบอร์ลิน 202 00:13:09,880 --> 00:13:14,320 แล้วถูกรวมกับบันทึกอื่นจากบี ซี ดี 203 00:13:15,160 --> 00:13:16,040 มัน... 204 00:13:16,640 --> 00:13:20,520 ทําให้เห็นภาพรวมว่า พวกเขาฆ่าใครบ้างในนครใด 205 00:13:20,520 --> 00:13:23,680 เมืองไหน หน่วยไหน โดยกองไหนตอนกี่โมง 206 00:13:24,480 --> 00:13:26,560 พลาดเรื่องแรกคือเก็บบันทึกไว้ 207 00:13:26,560 --> 00:13:28,160 พลาดเรื่องที่สองคือผมเจอบันทึก 208 00:13:28,880 --> 00:13:30,440 นูเรมเบิร์กหลังสงคราม 209 00:13:30,960 --> 00:13:34,080 เมือง "ไรช์พันปี" พังไม่มีชิ้นดี 210 00:13:35,320 --> 00:13:39,240 ฝ่ายสัมพันธมิตร ต้องการลงโทษอาชญากรรมของเยอรมนี 211 00:13:39,240 --> 00:13:42,400 ในเมืองที่ครั้งหนึ่งนาซี เคยจัดปราศรัยหาเสียงพรรคนาซี 212 00:13:44,400 --> 00:13:48,920 อาชญากรสงครามตัวสําคัญ ถูกนําตัวไปไต่สวนในทําเนียบยุติธรรมนูเรมเบิร์ก 213 00:13:51,640 --> 00:13:55,880 พวกเขาเป็นคนสั่งให้ก่ออาชญากรรม และจะฟ้องร้องตามความผิดที่ทํา 214 00:13:55,880 --> 00:13:58,520 ว่าแต่ใครล่ะเป็นคนฆ่า 215 00:13:58,520 --> 00:14:02,160 ทนายอายุ 27 ปี ชื่อเบนจามิน เฟเรนช์ 216 00:14:02,680 --> 00:14:04,400 ได้รับมอบหมายให้ค้นหา 217 00:14:04,960 --> 00:14:06,920 เขาออกตามหาเบาะแส 218 00:14:07,640 --> 00:14:13,280 ทีมสืบสวนของเขาเจอเอกสารสําคัญในปี 1947 219 00:14:13,280 --> 00:14:16,320 มีอยู่วันหนึ่งนักค้นคว้าของผมมาหา 220 00:14:16,320 --> 00:14:17,840 แล้วพูดว่า "ดูสิครับ ผมหานี่เจอ" 221 00:14:18,440 --> 00:14:20,960 เขายื่นเอกสารให้ผมปึกหนึ่ง 222 00:14:20,960 --> 00:14:24,360 "เอไรก์นิสเมลดุงเง็น เอาส์ แดร์ ยูดีเอสเอสอาร์" 223 00:14:25,440 --> 00:14:28,360 นี่คือรายชื่อผู้เสียชีวิตจากหน่วยสังหารเคลื่อนที่ 224 00:14:28,360 --> 00:14:30,240 เอสเอสไอน์ซัทซ์กรุพเพิน 225 00:14:31,400 --> 00:14:34,520 การฆ่าคนหลายแสนถูกบันทึกไว้ 226 00:14:35,000 --> 00:14:37,280 เป็นบันทึกแห่งความสําเร็จ 227 00:14:40,800 --> 00:14:43,040 ผมหยิบเครื่องบวกเลขเครื่องเล็กๆ มา 228 00:14:43,040 --> 00:14:46,320 แล้วก็บวกตัวเลข ในรายงานของไอน์ซัทซ์กรุพเพอเอ 229 00:14:46,320 --> 00:14:47,720 หนึ่งหมื่นคนถูกฆ่า 230 00:14:47,720 --> 00:14:49,240 หนึ่งหมื่นห้าพันคนถูกฆ่า 231 00:14:49,240 --> 00:14:50,560 สองหมื่นคนถูกฆ่า 232 00:14:50,560 --> 00:14:52,000 ผมบวกเลขเข้าด้วยกัน 233 00:14:52,840 --> 00:14:56,480 พอบวกไปจนเกินหนึ่งล้าน ผมก็ "พอละ" 234 00:14:57,600 --> 00:15:01,440 เฟเรนช์ต้องการให้ชายในกองเอสเอสขึ้นศาล 235 00:15:01,960 --> 00:15:03,760 แต่หัวหน้าเขาปฏิเสธ 236 00:15:04,480 --> 00:15:06,560 พวกเขาไม่มีงบหรือเวลา 237 00:15:07,800 --> 00:15:12,680 ผมโมโหนิดหน่อยและบอกว่า "คุณจะปล่อยให้คนพวกนี้ลอยนวลไม่ได้ 238 00:15:12,680 --> 00:15:15,720 ในมือผมมีการฆาตกรรมเป็นล้าน 239 00:15:15,720 --> 00:15:17,400 คุณจะปล่อยให้พวกเขาลอยนวลไม่ได้" 240 00:15:17,880 --> 00:15:20,680 เขาถามว่า "คุณทําเพิ่มจากงานอื่นได้มั้ยล่ะ" 241 00:15:20,680 --> 00:15:21,600 ผมตอบว่า "ได้" 242 00:15:22,080 --> 00:15:23,600 เขาก็บอกว่า "งั้นจัดไป" 243 00:15:24,280 --> 00:15:25,920 ตั้งแต่ผมเป็นทนายมา 244 00:15:26,600 --> 00:15:29,360 คดีนั้นเป็นคดีแรกเลย 245 00:15:29,360 --> 00:15:34,120 ที่ผมได้เป็นหัวหน้าอัยการไต่สวนคดีฆาตกรรม ที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษย์ 246 00:15:36,240 --> 00:15:38,160 การแก้แค้นไม่ใช่เป้าหมายของเรา 247 00:15:38,160 --> 00:15:39,960 (เบนจามิน เฟเรนช์ นูเรมเบิร์ก 1947) 248 00:15:39,960 --> 00:15:42,120 {\an8}และเราไม่ได้อยากจะแก้แค้นด้วยความเป็นธรรม 249 00:15:43,000 --> 00:15:44,640 เราขอให้ศาล 250 00:15:45,240 --> 00:15:47,960 ยืนยันว่าจะลงโทษตามหลักสากล 251 00:15:48,920 --> 00:15:49,840 ว่าด้วยสิทธิของมนุษย์ 252 00:15:50,720 --> 00:15:52,760 ที่จะอยู่อย่างสันติและมีศักดิ์ศรี 253 00:15:53,360 --> 00:15:57,360 ผู้ที่ถูกฟ้องคือคนในกองเอสเอส 24 คนจากไอน์ซัทซ์กรุพเพิน 254 00:15:57,880 --> 00:16:00,520 พวกเขาคือหัวหน้าหน่วยสังหารเคลื่อนที่ 255 00:16:02,640 --> 00:16:07,360 พวกเขาไม่ได้เหมือนตัวร้ายนาซีในหนังฮอลลีวูด 256 00:16:07,360 --> 00:16:12,760 {\an8}ซึ่งภาพลักษณ์มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยฉลาด 257 00:16:12,760 --> 00:16:17,080 และสนใจแต่จะฆ่าคนให้ได้มากที่สุด 258 00:16:17,600 --> 00:16:21,480 แต่จริงๆ แล้วในประวัติศาสตร์ พวกเขาไม่ใช่แบบนั้น 259 00:16:21,480 --> 00:16:27,080 หัวหน้าไอน์ซัทซ์กรุพเพินบางคน มีปริญญาเอกสองใบ 260 00:16:27,080 --> 00:16:32,960 ส่วนใหญ่เป็นชนชั้นกลาง มีการศึกษา รอบรู้ 261 00:16:33,600 --> 00:16:39,080 เป็นคนที่สามารถคุย เกี่ยวกับโมสาร์ทหรือบีโธเฟ่นได้ 262 00:16:39,800 --> 00:16:41,760 เราจะเริ่มจากจําเลยชื่อโอเลนดอร์ฟ 263 00:16:42,320 --> 00:16:45,280 หนึ่งในนั้นคืออ็อตโต้ โอเลนดอร์ฟ 264 00:16:45,280 --> 00:16:48,680 อดีตหัวหน้าไอน์ซัทซ์กรุพเพอดี 265 00:16:49,400 --> 00:16:51,440 เขาสั่งคน 600 คน 266 00:16:51,960 --> 00:16:55,200 ให้ฆ่าคน 90,000 คนในหนึ่งปี 267 00:16:56,160 --> 00:16:57,000 โอเลนดอร์ฟ... 268 00:16:57,880 --> 00:17:00,000 ทําให้ผมอึ้ง 269 00:17:00,680 --> 00:17:03,120 {\an8}เขามีลูกห้าคน 270 00:17:03,120 --> 00:17:05,960 {\an8}(เบนจามิน เฟเรนช์ หัวหน้าอัยการไต่สวนคดีไอน์ซัทซ์กรุพเพิน) 271 00:17:05,960 --> 00:17:07,240 {\an8}เขาเป็นคนซื่อสัตย์ 272 00:17:08,080 --> 00:17:10,440 เขารูปร่างหน้าตาดี 273 00:17:10,440 --> 00:17:11,800 หล่อ 274 00:17:11,800 --> 00:17:13,080 พูดจาฉะฉาน 275 00:17:13,560 --> 00:17:14,760 เขาในมั่นในตัวเอง... 276 00:17:14,760 --> 00:17:16,200 (ฮิลารี่ เอิร์ล นักประวัติศาสตร์) 277 00:17:16,200 --> 00:17:18,200 ซึ่งผู้คนมองว่ามีเสน่ห์ 278 00:17:18,760 --> 00:17:19,680 ฉันว่า 279 00:17:20,200 --> 00:17:22,920 โลกคิดว่า... 280 00:17:23,440 --> 00:17:27,000 คนที่เป็นผู้นํา... 281 00:17:28,240 --> 00:17:31,200 คนที่เป็นหัวหน้าหน่วยสังหารเคลื่อนที่ น่าจะมีลักษณะอีกแบบ 282 00:17:31,680 --> 00:17:35,560 พวกเขาคิดว่าน่าจะเป็นคนที่ไม่หล่อ แก่ บ้า 283 00:17:36,080 --> 00:17:38,080 งี่เง่า ชอบความรุนแรง 284 00:17:39,000 --> 00:17:40,080 และอาจจะโง่เขลา 285 00:17:40,080 --> 00:17:41,960 คนที่แปลกแยก อะไรประมาณนั้น 286 00:17:41,960 --> 00:17:43,640 แต่เขาเป็นคนที่ประสบความสําเร็จ 287 00:17:43,640 --> 00:17:44,920 ผู้พิพากษาชอบเขา 288 00:17:45,520 --> 00:17:48,200 ผู้พิพากษาพูดว่า "ผมชอบเขา เขาดูเป็นคนดี 289 00:17:49,160 --> 00:17:51,280 แต่เขาฆ่าคน ผมไม่เข้าใจ" 290 00:17:54,000 --> 00:17:57,240 โอเลนดอร์ฟทําให้ศาลประหลาดใจ ด้วยการพูดอย่างเปิดเผย 291 00:17:57,240 --> 00:18:02,520 ผู้พิพากษาขอบคุณเขาหลายครั้ง สําหรับคําให้การของเขาต่อฝ่ายสัมพันธมิตร 292 00:18:02,520 --> 00:18:05,320 ในระหว่างสอบสวนในปี 1946 293 00:18:06,640 --> 00:18:10,360 พวกเขาถูกส่งไปยังสถานที่ประหารด้วยวิธีไหน 294 00:18:12,080 --> 00:18:14,720 พวกเขาถูกขนไปด้วยรถบรรทุก 295 00:18:15,280 --> 00:18:18,560 ขนไปมากเท่าที่จะฆ่าได้ในทันที 296 00:18:20,920 --> 00:18:22,440 นั่นใช่ความคิดคุณมั้ย 297 00:18:23,560 --> 00:18:24,400 ครับ 298 00:18:26,160 --> 00:18:28,880 เหยื่อถูกยิงในขณะอยู่ท่าไหน 299 00:18:31,520 --> 00:18:33,240 ยืน หรือคุกเข่า 300 00:18:37,760 --> 00:18:41,760 เช่นเดียวกับในวันที่ 13 กรกฎา 1942 301 00:18:42,280 --> 00:18:48,480 กองพันตํารวจหนุนฮัมบวร์ก 101 เดินทางไปยังสถานที่ฆ่าล้างครั้งแรก 302 00:18:49,560 --> 00:18:52,320 ตํารวจไม่พร้อมทําสิ่งที่รอพวกเขาอยู่ 303 00:18:53,640 --> 00:18:57,240 พวกเขาไม่ได้ถูกสอนว่าต้องยิงสังหารหมู่ยังไง 304 00:18:58,400 --> 00:19:00,480 ครั้งแรกที่ทําเป็นการทําเลย ณ ตอนนั้นล้วนๆ 305 00:19:02,200 --> 00:19:04,960 พวกเขาถูกพาไปที่ป่าแห่งหนึ่ง 306 00:19:04,960 --> 00:19:11,080 แล้วตํารวจก็พาเข้าไปในป่าทีละคน 307 00:19:11,080 --> 00:19:13,200 บางคนก็เป็นผู้หญิง บางคนก็เป็นเด็ก 308 00:19:21,800 --> 00:19:24,600 แทนที่จะแยกไม่ให้เหยื่อเห็นเพชฌฆาตตอนฆ่า 309 00:19:25,080 --> 00:19:28,320 แทนที่จะให้เพชฌฆาตอยู่ห่างจากเหยื่อ 310 00:19:28,320 --> 00:19:33,200 กลายเป็นว่าเห็นเลยว่าจะฆ่าใคร 311 00:19:33,200 --> 00:19:35,720 และฆ่าในระยะเผาขน 312 00:19:40,000 --> 00:19:45,440 ตํารวจหลายคนรายงานว่า พวกเขาคุยกับเหยื่อในขณะเดินเข้าไปในป่า 313 00:19:46,040 --> 00:19:50,880 บางคนเป็นชาวยิวเชื้อสายเยอรมัน และออกจากเยอรมนีไปตั้งแต่แรกๆ แล้ว 314 00:19:51,720 --> 00:19:55,920 สมาชิกครอบครัวชาวยิวคนหนึ่ง เป็นเจ้าของโรงหนังที่ฮัมบว์รก 315 00:19:55,920 --> 00:19:58,320 ซึ่งเพชฌฆาตเคยไปดูหนังที่นั่น 316 00:19:58,320 --> 00:20:02,800 เขาได้รู้ว่า เขากําลังจะฆ่าเจ้าของโรงหนังที่เขาเคยไป 317 00:20:05,480 --> 00:20:10,240 ไม่ต้องพูดก็รู้กันว่า สิ่งนี้ส่งผลกระทบทางลบอย่างมากต่อจิตใจ 318 00:20:10,240 --> 00:20:13,360 เหยื่อกลัวตาย 319 00:20:13,360 --> 00:20:15,760 และรู้ว่าความตายกําลังใกล้เข้ามา 320 00:20:15,760 --> 00:20:19,480 ตัวตํารวจเองก็ประสบวิกฤตทางอารมณ์ 321 00:20:19,480 --> 00:20:23,440 เพราะรู้ว่ากําลังจะฆ่าคนในระยะกระชั้นชิด 322 00:20:45,520 --> 00:20:48,040 มันเป็นประสบการณ์ที่... 323 00:20:48,760 --> 00:20:49,600 แย่และสยองมาก 324 00:20:50,080 --> 00:20:51,960 บางคนเริ่มป่วย 325 00:20:51,960 --> 00:20:54,480 เพราะเนื้อตัวเต็มไปด้วยเนื้อสมองกับเลือด 326 00:20:56,240 --> 00:20:57,360 พวกเขาอาเจียน 327 00:20:57,360 --> 00:21:00,240 พวกเขาใจไม่สู้แล้ว ไม่สามารถทําต่อได้ 328 00:21:05,120 --> 00:21:07,400 การสังหารหมู่ใช้เวลาหลายชั่วโมง 329 00:21:07,400 --> 00:21:09,160 ในท้ายที่สุด 330 00:21:09,160 --> 00:21:14,480 ผู้ชาย ผู้หญิง และเด็กชาวยิว 1,500 คนนอนตายในป่า 331 00:21:24,240 --> 00:21:27,120 พอถึงบ้าน ก็มีเหล้าให้พวกเขาดื่ม 332 00:21:27,120 --> 00:21:30,680 ส่วนใหญ่ก็เมากัน แต่ส่วนใหญ่ก็กินข้าวไม่ลง 333 00:21:30,680 --> 00:21:34,440 อาหารถูกจัดไว้เรียบร้อย แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่หิว 334 00:21:35,200 --> 00:21:37,920 และคืนนั้นพวกเขาบางคนฝันร้าย 335 00:21:37,920 --> 00:21:40,760 มีอยู่คนหนึ่งยิงปืนขึ้นเพดาน 336 00:21:41,400 --> 00:21:43,480 ในขณะที่กําลังฝันร้าย 337 00:21:43,480 --> 00:21:47,960 อีกคนบอกเจ้าหน้าที่ชั้นประทวนว่า 338 00:21:48,480 --> 00:21:50,640 "ถ้าฉันต้องทําแบบนั้นอีก ฉันเป็นบ้าแน่" 339 00:21:51,560 --> 00:21:52,480 มี... 340 00:21:52,480 --> 00:21:56,680 สําหรับบางคนมันเป็นประสบการณ์ที่น่ากลัวมาก 341 00:21:57,200 --> 00:21:59,960 พวกเขาไม่สามารถทําได้อีก 342 00:22:01,560 --> 00:22:04,160 รัฐบาลรู้ว่าจะขอพวกเขานั้นต้องทํายังไง 343 00:22:05,280 --> 00:22:07,600 ช่วงฤดูร้อนปี 1941 344 00:22:07,600 --> 00:22:11,080 หัวหน้าเอสเอสระดับสูงพูดถึง 345 00:22:11,080 --> 00:22:15,000 "การสนับสนุนทางจิตใจต่อคนที่ปฏิบัติงานนี้" 346 00:22:16,160 --> 00:22:19,600 "ภาพและความรู้สึกในวันนั้นต้องถูกลืม 347 00:22:19,600 --> 00:22:23,680 ด้วยการจัดให้มีการรวมตัวตอนเย็น เพื่อสานมิตรภาพ" 348 00:22:25,360 --> 00:22:31,480 อ็อตโต้ โอเลนดอร์ฟเจอปัญหาเดียวกัน จากลูกน้องที่ปฏิบัติการสังหารหมู่ 349 00:22:33,040 --> 00:22:36,280 อ็อตโต้ โอเลนดอร์ฟพูดว่า 350 00:22:36,280 --> 00:22:39,680 "ลูกน้องผมทรมานกว่าเหยื่ออีก" 351 00:22:40,720 --> 00:22:45,640 หากมองจากมุมในปัจจุบัน 352 00:22:46,560 --> 00:22:49,480 เป็นการตีความซ้ําที่ตลกเอามากๆ 353 00:22:50,080 --> 00:22:55,520 ผู้กระทําผิดหาเครื่องมือทางจิตใจ 354 00:22:55,520 --> 00:22:58,640 ที่ตัวเองใช้ได้เพื่อให้ตัวเองเป็นเหยื่อ 355 00:22:58,640 --> 00:23:02,840 เพราะต้องทําสิ่งที่ทําให้ตัวเองทุกข์ทรมาน 356 00:23:09,040 --> 00:23:12,080 เขาเห็นอกเห็นใจลูกน้องเวลาลูกน้อง... 357 00:23:13,040 --> 00:23:15,560 ต้องทําสิ่งที่ทําให้พวกเขาเจ็บปวด 358 00:23:15,560 --> 00:23:19,680 ทหารไอน์ซัทซ์กรุพเพินบางคน 359 00:23:19,680 --> 00:23:23,680 จับหัวเด็กทารกฟาดกับต้นไม้ 360 00:23:24,520 --> 00:23:25,640 เพื่อประหยัดกระสุน 361 00:23:26,280 --> 00:23:30,160 โอเลนดอร์ฟอธิบายว่า "ผมไม่ได้ให้ลูกน้องผมทําแบบนั้น 362 00:23:30,160 --> 00:23:35,960 ถ้ามีเด็กทารก ผมบอกให้พวกเขาให้แม่อุ้มลูกไว้ที่อก 363 00:23:35,960 --> 00:23:38,160 แล้วเล็งไปที่ตัวเด็ก 364 00:23:38,160 --> 00:23:41,000 จะได้ยิงตายทีเดียวทั้งสองคน 365 00:23:41,480 --> 00:23:44,880 จะได้ประหยัดกระสุน และแม่เด็กจะได้หยุดร้อง" 366 00:23:44,880 --> 00:23:48,920 นั่นคือความเห็นอกเห็นใจลูกน้อง ไม่ใช่เหยื่อ 367 00:23:56,200 --> 00:23:58,680 ในการไต่สวนคดีไอน์ซัทซ์กรุพเพิน 368 00:23:58,680 --> 00:24:03,480 ศาลอยากรู้ว่าอะไร เป็นแรงจูงใจให้โอเลนดอร์ฟออกคําสั่งฆ่า 369 00:24:04,000 --> 00:24:06,960 เขาอ้างว่าเขาแค่ภักดีต่อรัฐบาลเขา 370 00:24:06,960 --> 00:24:09,400 คําสั่งฆ่า 371 00:24:10,000 --> 00:24:12,280 มาจากผู้นําของไรช์ 372 00:24:13,680 --> 00:24:14,720 ดังนั้นในแง่นี้ 373 00:24:16,000 --> 00:24:19,600 มันคือนโยบายที่ผู้นํากําหนด 374 00:24:19,600 --> 00:24:22,320 ด้วยโฆษณาชวนเชื่อของนาซี 375 00:24:22,320 --> 00:24:27,480 โอเลนดอร์ฟเชื่อว่าชาวยิว ทําให้เกิดลัทธิคอมมิวนิสต์ในสหภาพโซเวียต 376 00:24:27,480 --> 00:24:30,080 ดังนั้นพวกเขาคือศัตรูของไรช์เยอรมัน 377 00:24:32,240 --> 00:24:34,920 ทําไมโอเลนดอร์ฟ ถึงเชื่อว่าโฆษณาชวนเชื่อคือความจริง 378 00:24:34,920 --> 00:24:37,080 ฉันว่าเขาไม่ได้เชื่อว่ามันคือโฆษณาชวนเชื่อ 379 00:24:37,080 --> 00:24:39,680 เขาถูกเลี้ยงมาในครอบครัวชาตินิยม 380 00:24:40,560 --> 00:24:42,160 ตอนเรียนมหาลัย 381 00:24:42,760 --> 00:24:46,240 มีอาจารย์สอนเขาเกี่ยวกับปัญหาของ... 382 00:24:47,480 --> 00:24:48,560 ลัทธิบอลเชวิค 383 00:24:48,560 --> 00:24:51,640 ปัญหาของพวกคอมมิวนิสต์ ปัญหาของชาวยิว 384 00:24:52,160 --> 00:24:54,640 มีคนป้อนให้ ป้อนให้ แล้วก็ป้อนให้ 385 00:24:54,640 --> 00:24:58,280 มันทําให้เรายิ่งเชื่อสิ่งที่เราเชื่ออยู่แล้วเข้าไปอีก 386 00:24:58,960 --> 00:25:02,880 แล้วรัฐบาลที่เข้ามามีอํานาจก็บอกว่า 387 00:25:03,400 --> 00:25:04,680 "มันคือความจริง" 388 00:25:04,680 --> 00:25:07,320 เขาเชื่อว่า 389 00:25:08,280 --> 00:25:11,640 พวกบอลเชวิคคือชาวยิวและควรถูกฆ่า 390 00:25:16,280 --> 00:25:21,240 ผู้รอดชีวิตคนหนึ่งจากการสังหารหมู่ ให้การในชั้นศาลหลังสงคราม 391 00:25:24,440 --> 00:25:28,280 พวกเขาให้เรายืนเรียงแถวตรงขอบหลุม 392 00:25:28,760 --> 00:25:30,880 ยืนอัดกัน 393 00:25:31,680 --> 00:25:33,000 หลังจากนั้นก็เริ่มยิง 394 00:25:33,000 --> 00:25:35,400 {\an8}(ดิน่า โปรนีเชฟ่า ศาลทหารในเคียฟ ปี 1946) 395 00:25:35,400 --> 00:25:36,880 ฉันหลับตา 396 00:25:36,880 --> 00:25:38,480 กําหมัดแน่น 397 00:25:38,480 --> 00:25:42,240 เกร็งกล้ามเนื้อทุกส่วนแล้วกระโดด 398 00:25:42,240 --> 00:25:44,560 นานมากกว่าจะถึงข้างล่าง 399 00:25:44,560 --> 00:25:47,240 ฉันตกลงไปสัมผัสกับศพ 400 00:25:47,240 --> 00:25:48,480 ฉันไม่โดนกระสุน 401 00:25:49,560 --> 00:25:52,400 หลังผ่านไปสักพักพวกเขาก็หยุดยิง 402 00:25:55,360 --> 00:25:56,560 ฉันได้ยิน... 403 00:25:57,440 --> 00:26:00,320 พวกเยอรมันเดินลงไปในหลุม 404 00:26:03,080 --> 00:26:04,480 เพื่อยิงคนที่ยังร้องอยู่... 405 00:26:05,280 --> 00:26:06,240 ให้ตายสนิท 406 00:26:07,840 --> 00:26:10,120 บางคนยังดิ้นกระตุกและดิ้นชักอยู่ 407 00:26:10,640 --> 00:26:12,360 ด้วยความเจ็บปวดก่อนตาย 408 00:26:12,920 --> 00:26:14,800 พวกเขาใช้ไฟฉายส่องหาคนที่ยังไม่ตาย 409 00:26:15,360 --> 00:26:16,760 แล้วก็ยิงคนคนนั้น 410 00:26:17,840 --> 00:26:18,960 ฉันแกล้งตาย 411 00:26:19,840 --> 00:26:20,760 เพราะกลัวว่า 412 00:26:21,640 --> 00:26:23,200 จะถูกจับได้ 413 00:26:32,320 --> 00:26:35,920 ตํารวจส่วนใหญ่ในกองพันตํารวจหนุน 101 414 00:26:35,920 --> 00:26:38,120 ไม่ใช่นาซีด้วยหลักความเชื่อ 415 00:26:39,160 --> 00:26:41,000 ยี่สิบปีหลังสงครามสิ้นสุด 416 00:26:41,000 --> 00:26:46,040 พวกเขาเล่าให้เจ้าหน้าที่สืบสวนฟัง เกี่ยวกับประสบการณ์ฆ่าชาวยิวของพวกเขา 417 00:26:47,040 --> 00:26:48,720 ภาพยังติดอยู่ในหัวผม 418 00:26:49,320 --> 00:26:50,560 ผมจําได้ว่าตอนนั้นผมคิดว่า 419 00:26:51,240 --> 00:26:54,840 เราไม่มีดินพอที่จะกลบศพที่มากขนาดนั้น 420 00:26:58,000 --> 00:27:00,680 ผมโกรธที่เรากลายเป็นสัตว์ 421 00:27:01,480 --> 00:27:02,520 กลายเป็นฆาตกร 422 00:27:04,920 --> 00:27:08,240 เราไม่เห็นชาวยิวเป็นมนุษย์ 423 00:27:12,840 --> 00:27:15,520 {\an8}การสังหารหมู่ชาวยิวครั้งแรกที่ยูเซฟูฟ แย่และสะเทือนจิตใจมาก 424 00:27:15,520 --> 00:27:18,040 {\an8}(คริสโตเฟอร์ ตรวจสอบการสอบสวนตํารวจหลังสงคราม) 425 00:27:18,040 --> 00:27:19,720 {\an8}หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ชิน 426 00:27:19,720 --> 00:27:24,080 ความเร็วที่พวกเขาคุ้นชินกับสิ่งที่ทํา 427 00:27:24,560 --> 00:27:29,040 ความเร็วที่พวกเขาชินกับการฆ่าเป็นกิจวัตร 428 00:27:29,520 --> 00:27:33,080 คือหนึ่งในสิ่งที่น่าประหลาดใจมากสําหรับผม 429 00:27:33,840 --> 00:27:36,200 ที่ได้รู้จากการสอบสวน 430 00:27:36,200 --> 00:27:39,320 ตอนฆ่าในสองสามครั้งแรก 431 00:27:39,920 --> 00:27:42,040 พวกเขาอธิบายได้ละเอียด 432 00:27:42,040 --> 00:27:44,400 หลังจากนั้นคําอธิบายไม่ชัดเจนเลย 433 00:27:44,880 --> 00:27:47,040 พวกเขาจําไม่ได้ด้วยซ้ําว่ามันเกิดขึ้นที่เมืองไหน 434 00:27:47,040 --> 00:27:48,680 (กองพันตํารวจหนุน 101) 435 00:27:48,680 --> 00:27:52,960 พฤติกรรมของคนเหล่านั้น ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากผู้นํากองพัน 436 00:27:53,480 --> 00:27:56,880 ตอนนั้นหัวหน้ากองพันคือ พันตํารวจตรีวิลเฮล์ม ทรัปป์ 437 00:27:57,600 --> 00:27:59,680 เขาบัญชาคน 500 คน 438 00:28:03,320 --> 00:28:06,040 เขาเป็นหัวหน้าที่เป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่เคารพ 439 00:28:06,040 --> 00:28:11,040 เขาพูดว่า "ถ้าเลือกได้ ผมจะไม่สั่งพวกคุณแบบนี้ แต่..." 440 00:28:11,040 --> 00:28:14,200 เขาเรียกลูกน้องมาพบเพื่อสร้างความสมัครสมาน 441 00:28:14,200 --> 00:28:16,080 เพื่อช่วยเขาทํางานนั้นให้บรรลุ 442 00:28:16,560 --> 00:28:20,040 ซึ่งงานนั้นไม่ได้มาจากเขา 443 00:28:20,040 --> 00:28:23,680 และเขาขอไม่ให้ลูกน้องทอดทิ้งเขา 444 00:28:29,040 --> 00:28:32,720 เหมือนกึ่งบังคับกึ่งเจตจํานงเสรี 445 00:28:33,560 --> 00:28:35,600 พวกเขาถูกบอกว่า 446 00:28:36,080 --> 00:28:37,680 จะปฏิเสธไม่ทําก็ได้ 447 00:28:37,680 --> 00:28:41,320 แต่ต้องยอมให้สหายตํารวจด้วยกัน 448 00:28:41,880 --> 00:28:43,560 เป็นคนทําแทน 449 00:28:44,280 --> 00:28:47,120 การใช้สองอย่างนี้ 450 00:28:47,120 --> 00:28:48,400 "งานนี้ต้องทํา 451 00:28:48,880 --> 00:28:51,360 กองพันตํารวจต้องทํางานนี้" 452 00:28:51,960 --> 00:28:54,360 กับ "ถ้าอ่อนแอ ปฏิเสธได้นะ 453 00:28:54,880 --> 00:28:56,800 แต่ต้องให้เพื่อนตํารวจด้วยกันทําแทน" 454 00:28:56,800 --> 00:28:58,960 การใช้สองอย่างนี้ทําให้เกิดความกดดัน 455 00:28:58,960 --> 00:29:02,920 ที่ทําให้พวกเขาส่วนใหญ่ตัดสินใจร่วมยิง 456 00:29:05,800 --> 00:29:12,240 {\an8}(วอมาซือ ประเทศโปแลนด์ 17 สิงหาคม 1942) 457 00:29:12,240 --> 00:29:17,480 {\an8}(การฆ่าชาวยิว 1,700 คน โดยกองพันตํารวจหนุน 101) 458 00:29:34,800 --> 00:29:38,680 มีตํารวจไม่กี่คนที่ปฏิเสธไม่ฆ่าตามคําสั่ง 459 00:29:40,640 --> 00:29:43,120 ไม่ เราอยากให้มันจบจะตายอยู่แล้ว 460 00:29:43,880 --> 00:29:45,440 เอามันฝรั่งอีกมั้ย 461 00:29:45,440 --> 00:29:48,960 ถ้าให้พูดตามความเป็นจริง 462 00:29:48,960 --> 00:29:51,840 ไม่มีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นกับคนที่คัดค้าน 463 00:29:52,400 --> 00:29:54,760 พวกเขาถูกมอบหมาย 464 00:29:55,320 --> 00:29:57,560 ให้ล้างส้วมหรืออะไรประมาณนั้นแทน 465 00:29:58,160 --> 00:30:05,000 พวกเขาโดนด่าว่าเป็นไอ้กาก ไอ้กบฎ ไอ้ปอดแหก และอะไรประมาณนั้น 466 00:30:05,520 --> 00:30:08,040 พวกเขาไม่ได้อยู่บ้าน 467 00:30:08,040 --> 00:30:11,920 พอหมดวันพวกเขาก็ไม่ได้กลับบ้าน 468 00:30:11,920 --> 00:30:17,120 พวกเขาอยู่ด้วยกันกับผู้ชายเป็นเวลานานมากๆ 469 00:30:17,120 --> 00:30:20,280 อยู่กับคนหน้าเดิมๆ 470 00:30:20,280 --> 00:30:24,320 ที่ทรมานพวกเขา ดูถูก และกีดกันพวกเขา 471 00:30:24,960 --> 00:30:31,640 เราต้องมั่นใจในตัวเองมากๆ ถึงจะทนได้ 472 00:30:31,640 --> 00:30:38,360 มันอาจจะเป็นแค่การลงโทษทางสังคม ไม่ใช่การลงโทษบนร่างกาย 473 00:30:38,360 --> 00:30:42,720 แต่สําหรับมนุษย์ การลงโทษทางสังคมคือหนึ่งในสิ่งที่ทนได้ยากที่สุด 474 00:30:57,120 --> 00:30:59,200 หลักๆ พวกเขาคิดอะไร อะไรที่ขับเคลื่อนพวกเขา 475 00:30:59,200 --> 00:31:01,120 ผมว่าพวกเขาไม่ได้หมกมุ่นอยู่กับเรื่องคนยิว 476 00:31:03,520 --> 00:31:05,320 แรงจูงใจพวกเขามาจาก 477 00:31:05,840 --> 00:31:08,440 ความเห็นของคนอื่นที่มีต่อพวกเขา 478 00:31:08,440 --> 00:31:10,680 มากกว่าความเห็นของพวกเขาที่มีต่อชาวยิว 479 00:31:10,680 --> 00:31:13,360 ผมว่าพวกเขาคิดถึงเรื่องตัวเองมากกว่า 480 00:31:13,360 --> 00:31:14,840 คิดว่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้ยังไง 481 00:31:15,440 --> 00:31:19,880 ผู้กองโวล์ฟกัง ฮอฟมันน์ เชื่อว่าตัวเองรับแรงกดดันได้ 482 00:31:21,200 --> 00:31:22,360 แต่เขาดันมีปัญหา 483 00:31:22,360 --> 00:31:23,400 (ฮอฟมันน์, โวล์ฟกัง) 484 00:31:23,400 --> 00:31:28,000 ร้อยตํารวจเอกคนหนึ่งเป็นโรคเครียด 485 00:31:28,960 --> 00:31:32,880 เขาป่วยทุกครั้งที่กองตํารวจของเขาต้องลงมือฆ่า 486 00:31:33,480 --> 00:31:35,880 เขาปวดท้องบิดนอนอยู่บนเตียง 487 00:31:35,880 --> 00:31:37,480 ลุกจากเตียงไม่ได้ 488 00:31:37,480 --> 00:31:40,800 เขาต้องให้ลูกน้องคุมการฆ่าแทน 489 00:31:41,400 --> 00:31:42,760 เขาอยากเป็นเพชฌฆาต 490 00:31:43,520 --> 00:31:44,720 แต่ร่างกายเขาไม่ไหว 491 00:31:45,880 --> 00:31:49,040 ตํารวจเหล่านั้นมองว่าเป็นอะไรที่ขี้ขลาดมาก 492 00:31:49,040 --> 00:31:50,760 เขาอายจนจะแทรกแผ่นดินหนี 493 00:31:51,400 --> 00:31:55,240 แต่สําหรับผู้กองยูลีอุส วูเลาฟ์แล้วไม่ใช่อย่างนั้น 494 00:31:55,240 --> 00:31:59,880 เขาทะเยอทะยาน อยากสําเร็จในหน้าที่การงาน และทําหน้าที่ได้ดี 495 00:31:59,880 --> 00:32:01,800 และเขามีความรัก 496 00:32:04,200 --> 00:32:07,360 วูเลาฟ์แต่งงานที่ฮัมบวร์กในเดือนมิถุนา 497 00:32:07,360 --> 00:32:09,400 ไม่นานก่อนการสังหารหมู่ครั้งแรก 498 00:32:09,960 --> 00:32:14,000 ในฐานะเจ้าหน้าที่ เขาได้รับอนุญาตให้พาภรรยาโปแลนด์ด้วย 499 00:32:14,000 --> 00:32:16,400 ไปยังพื้นที่ปฏิบัติการ 500 00:32:17,000 --> 00:32:19,400 เขาอยากชดเชยช่วงฮันนีมูนที่พลาดไป 501 00:32:26,120 --> 00:32:29,480 วูเลาฟ์พาเจ้าสาวที่กําลังท้องของเขา ไปดูการกวาดล้างชุมชนชาวยิวด้วย 502 00:32:32,800 --> 00:32:36,720 การกวาดล้างชุมชนยิว ที่น่ากลัวที่สุดของปฏิบัติการทั้งหมด 503 00:32:36,720 --> 00:32:38,720 จากคําให้การของตํารวจเกือบทุกคน 504 00:32:38,720 --> 00:32:42,600 คือตอนที่พวกเขา จับชาวยิว 11,000 คนจากมีแยดชือเชตช์ไป 505 00:32:43,200 --> 00:32:45,880 แล้วก็ยิงพันคนในการกวาดล้างชุมชนยิว 506 00:32:45,880 --> 00:32:48,120 ถนนเต็มไปด้วยศพ 507 00:32:48,120 --> 00:32:51,280 อีกหมื่นคนที่เหลือถูกจับขึ้นรถไฟไปแตรบลิงกา 508 00:32:51,280 --> 00:32:55,400 คนแน่นรถไฟมาก จนพวกเขาต้องยัดคนเข้าไปแล้วตอกตะปูปิดประตู 509 00:32:55,400 --> 00:32:56,800 ไม่งั้นคนทะลักออกมา 510 00:32:59,040 --> 00:33:03,000 เธอยืนดูอยู่ที่จัตุรัส เห็นทุกอย่าง 511 00:33:03,840 --> 00:33:07,160 ในแง่หนึ่งก็แสดงให้เห็น ว่าวูเลาฟ์ภูมิใจในสิ่งที่เขาทํา 512 00:33:07,160 --> 00:33:08,960 เขาอยากอวดให้เจ้าสาวเขาดู 513 00:33:08,960 --> 00:33:10,960 เขาไม่ละอายหรืออับอายแต่อย่างใด 514 00:33:11,880 --> 00:33:14,760 ชุมชนยิวเริ่มผุดทั่วฝั่งตะวันออก 515 00:33:15,720 --> 00:33:18,880 ผู้คนถูกกักบริเวณไว้ข้างในก่อนจะถูกฆ่า 516 00:33:19,880 --> 00:33:24,120 มีการอัดวิดีโอและถ่ายภาพเหยื่อโดยคนทรมาน 517 00:33:35,720 --> 00:33:37,160 ตํารวจคุ้มกันพวกเขา 518 00:33:37,920 --> 00:33:38,760 และฆ่าพวกเขา 519 00:33:39,920 --> 00:33:43,320 แต่เฉพาะตอนที่ กลุ่มชาติสังคมนิยมอยู่ในอํานาจปกครองเท่านั้น 520 00:33:44,960 --> 00:33:48,120 ก่อนหน้าหรือหลังจากนั้น 521 00:33:48,120 --> 00:33:52,480 ไม่มีตํารวจคนไหนตัดสินใจสังหารหมู่ยิว 522 00:33:53,040 --> 00:33:55,480 ฉันไม่เชื่อว่าคนเราเกิดมาเป็นเพชฌฆาต 523 00:33:56,360 --> 00:33:58,480 ในขณะเดียวกันฉันว่าเราเป็นเพชฌฆาตได้ 524 00:33:58,960 --> 00:34:00,480 หากสถานการณ์ส่งเสริม 525 00:34:00,480 --> 00:34:04,040 เราต้องพิจารณาด้วยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลกับรัฐคืออะไร 526 00:34:04,600 --> 00:34:07,560 ถ้ารัฐนั้นกล่าวว่า 527 00:34:08,640 --> 00:34:10,160 "นี่คือกลุ่มที่เราเกลียด 528 00:34:10,160 --> 00:34:11,400 ผมอยากให้พวกคุณ... 529 00:34:11,400 --> 00:34:14,720 หรือเราอยากให้พวกคุณกําจัดคนกลุ่มนี้" 530 00:34:15,400 --> 00:34:17,320 นั่นคือความสัมพันธ์ที่สําคัญมาก 531 00:34:25,800 --> 00:34:31,440 คนเหล่านี้ถึงจะมีอุดมการณ์เดียวกับรัฐ 532 00:34:31,440 --> 00:34:34,920 ซึ่งสําหรับรัฐ พวกเขาคือตัวกระทํา คือเครื่องมือ 533 00:34:35,920 --> 00:34:38,720 พอรัฐหมดอํานาจปกครอง 534 00:34:39,520 --> 00:34:41,760 พอเปลี่ยนรัฐบาล 535 00:34:41,760 --> 00:34:45,520 พวกเขาก็เลิกกระทําหรือไม่มีเหตุผล 536 00:34:45,520 --> 00:34:48,360 ในการร่วมกระทําการที่รุนแรงของรัฐ 537 00:34:48,920 --> 00:34:53,240 ฉันว่านี่คือหนึ่งในเหตุผล ที่การเข้าใจผู้กระทําผิดคือสิ่งสําคัญ 538 00:34:53,240 --> 00:34:57,960 เราจะได้คิดวิเคราะห์ เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเรากับรัฐ 539 00:34:57,960 --> 00:34:59,680 และสิ่งที่รัฐบอกให้เราทํา 540 00:35:01,320 --> 00:35:03,440 ไรช์เยอรมันก่อนสงคราม 541 00:35:04,280 --> 00:35:06,880 ปี 1933 นาซีเข้ามามีอํานาจ 542 00:35:06,880 --> 00:35:10,080 และเปลี่ยนกฎหมาย ให้สอดคล้องกับมโนคติของตัวเอง 543 00:35:11,320 --> 00:35:14,320 ความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อชาวยิว กลายเป็นหลักการของรัฐ 544 00:35:14,800 --> 00:35:18,880 พวกเขาขับไล่ชาวยิว ออกจากสังคมเยอรมันในทันที 545 00:35:19,760 --> 00:35:23,040 มีกฎหมายต่อต้านชาวยิว ประมาณ 2,000 ฉบับออกมา 546 00:35:27,040 --> 00:35:30,160 คนกลุ่มหนึ่งถูกกีดกันอย่างเป็นระบบ 547 00:35:30,840 --> 00:35:33,520 ถูกตราหน้าประณาม และถูกทําให้อับอาย 548 00:35:43,360 --> 00:35:46,760 ก้าวแรกสู่การฆาตกรรมหมู่คือ 549 00:35:46,760 --> 00:35:51,840 การแยกกลุ่มอย่างชัดเจน ระหว่าง "เรา" กับ "พวกเขา" 550 00:35:51,840 --> 00:35:56,280 ทุกคนสังเกตเห็นว่ามีคนตกงาน 551 00:35:56,280 --> 00:35:58,800 มีคนถูกบังคับให้ออกจากบ้าน 552 00:35:58,800 --> 00:36:02,360 ข้าวของถูกนําไปประมูล 553 00:36:02,360 --> 00:36:04,560 ธุรกิจของชาวยิวถูกปิด 554 00:36:04,560 --> 00:36:07,400 ทั้งหมดเป็นกระบวนการสาธารณะ 555 00:36:07,400 --> 00:36:09,320 ไม่ได้ทําแบบลับๆ 556 00:36:09,320 --> 00:36:13,920 กระบวนการนั้นทําให้การแบ่งแยกหนักขึ้นไปอีก 557 00:36:13,920 --> 00:36:15,080 นั่น "พวกเขา" นะ 558 00:36:15,560 --> 00:36:17,880 ส่วน "เรา" คือเรา 559 00:36:27,600 --> 00:36:30,520 ถ้าในทางทฤษฎีผมนิยามคนคนหนึ่ง... 560 00:36:31,760 --> 00:36:33,280 ว่าแตกต่าง 561 00:36:33,280 --> 00:36:36,640 และในทางปฏิบัติ ผมปฏิบัติต่อคนคนนั้นต่างออกไป 562 00:36:37,120 --> 00:36:41,920 ความเต็มใจที่จะใช้ความรุนแรงกับคนคนนั้น 563 00:36:41,920 --> 00:36:45,400 จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ 564 00:36:49,280 --> 00:36:52,080 ความรุนแรงทางกายรุนแรงขึ้นในช่วงสงคราม 565 00:36:52,080 --> 00:36:55,880 ด้วยความที่เยอรมนีเข้ามายึดครอง การสังหารหมู่จึงเกิดขึ้นในฝั่งตะวันออก 566 00:36:55,880 --> 00:36:58,080 ชาวยิวถูกพลเรือนทําร้ายร่างกาย 567 00:36:58,560 --> 00:37:01,960 ภาพจากเลมแบร์กในฤดูร้อนปี 1941 568 00:37:02,680 --> 00:37:05,720 ผู้ที่ยึดครองถิ่น ทําให้ความรุนแรงที่มีอยู่แล้วรุนแรงขึ้น 569 00:37:06,280 --> 00:37:10,000 คนที่อยู่รอดชีวิตถูกชาวเยอรมันฆ่าในเวลาต่อมา 570 00:37:13,200 --> 00:37:17,400 {\an8}ผู้กระทําผิดคนหนึ่งในเลมแบร์ก ให้การในชั้นศาลหลังสงคราม 571 00:37:17,400 --> 00:37:19,440 {\an8}(ฮันส์ อีเซ็นมันน์ ศาลทหารในเคียฟ ปี 1946) 572 00:37:19,440 --> 00:37:22,160 {\an8}ผู้นําของเราบอกกลุ่มของเราที่มี 12 คน 573 00:37:22,680 --> 00:37:24,840 เกี่ยวกับงานในอนาคต 574 00:37:25,480 --> 00:37:28,880 เราต้องรวมตัวกัน... 575 00:37:29,560 --> 00:37:31,040 ยิงชาวยิว 576 00:37:32,160 --> 00:37:42,960 ขบวนรถจอดห่างจากหลุม ประมาณ 70 ถึง 90 เมตร 577 00:37:44,760 --> 00:37:46,880 หัวหน้ากรุพเพิน 578 00:37:47,440 --> 00:37:48,520 แบ่งลูกน้อง... 579 00:37:49,080 --> 00:37:50,000 ตามนี้ 580 00:37:50,880 --> 00:37:56,920 หัวหน้ากรุพเพินแบ่งลูกน้องตามนี้ 581 00:37:57,800 --> 00:38:06,000 หกคนเฝ้าระวัง อีกหกคนยิง 582 00:38:06,000 --> 00:38:11,520 ข้าพเจ้าได้รับมอบหมายให้ยิง 583 00:38:12,240 --> 00:38:13,960 การยิงเป็นดังต่อไปนี้ 584 00:38:14,680 --> 00:38:17,920 การยิงเป็นดังต่อไปนี้ 585 00:38:18,480 --> 00:38:21,960 แยกคนออกมาประมาณ 45 ถึง 50 คน 586 00:38:21,960 --> 00:38:23,800 แล้วก็พาไปที่หลุม 587 00:38:24,680 --> 00:38:26,920 พวกเขาถูกพาไปใกล้หลุม 588 00:38:26,920 --> 00:38:31,240 พวกเขายืนเรียงแถวหันหน้าเข้าหาเรา 589 00:38:31,760 --> 00:38:33,040 แล้วก็ถูกยิง 590 00:38:47,720 --> 00:38:50,800 พวกเขามองว่าเป็นงาน เป็นหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย 591 00:38:50,800 --> 00:38:51,960 เป็นงานที่ได้รับมอบหมาย 592 00:38:52,520 --> 00:38:54,480 เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องทํา 593 00:38:55,560 --> 00:39:00,680 มันถูกทําให้กลายเป็นกิจวัตร 594 00:39:00,680 --> 00:39:04,360 แต่ผมว่าพวกเขายังสัมผัสได้ถึงความยากของมัน 595 00:39:04,360 --> 00:39:07,200 อย่างที่บอก พวกเขาตระหนักตลอดว่ามีงานไม่ดีต้องทํา 596 00:39:07,200 --> 00:39:10,280 พวกเขาถูกขอให้ทําสิ่งที่ยากมากๆ 597 00:39:10,760 --> 00:39:14,120 พวกเขาโชคร้ายที่ถูกเกณฑ์ให้ไปอยู่กองพันนั้น 598 00:39:14,120 --> 00:39:15,840 และถูกส่งให้ไปทํางานนั้น 599 00:39:24,480 --> 00:39:28,000 ผู้กระทําผิดแต่ละคน 600 00:39:28,000 --> 00:39:34,160 หาเหตุผลให้กับสิ่งที่ตัวเองทํา 601 00:39:34,160 --> 00:39:36,800 "ยังไงก็ต้องมีคนทํางานที่ไม่ดีนี้" 602 00:39:36,800 --> 00:39:42,560 หรือไม่ก็แบบ "เรามีหน้าที่สืบเนื่องจากประวัติศาสตร์ที่ต้องทํา" 603 00:39:42,560 --> 00:39:45,240 อีกปัจจัยหนึ่งอาจจะประมาณว่า 604 00:39:45,240 --> 00:39:48,280 "ฉันทําแบบนี้ได้ดีกว่าคนอื่นๆ" 605 00:39:48,280 --> 00:39:50,640 พวกเขาอ้างเหตุผล 606 00:39:51,160 --> 00:39:56,320 เพื่อหาจุดประสงค์ในการฆ่า 607 00:39:56,320 --> 00:40:02,680 สุดท้ายแล้วมันแสดงให้เห็นว่าการสังหารหมู่ 608 00:40:02,680 --> 00:40:07,760 ทําโดยคนที่คิดว่าตัวเอง ไม่ได้ทําตามคําสั่งเหมือนเครื่องจักร 609 00:40:07,760 --> 00:40:13,560 แต่ทําเพราะคิดและเข้าใจสิ่งที่ตัวเองทํา 610 00:40:16,120 --> 00:40:21,160 (ลูบนีย์ ประเทศยูเครน - 16 ตุลาคม 1941) 611 00:40:21,160 --> 00:40:26,880 (ชาวยิวก่อนถูกประหาร) 612 00:40:34,480 --> 00:40:39,160 ผมพยายามและยิงแต่เด็ก 613 00:40:40,400 --> 00:40:43,760 คนที่อยู่ข้างผมยิงแม่ ส่วนผมยิงลูก 614 00:40:44,320 --> 00:40:49,280 ผมบอกตัวเองว่า ยังไงเด็กก็มีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีแม่ 615 00:40:52,760 --> 00:40:57,240 เขาเปลี่ยนการกระทําที่เลวร้ายของตัวเอง 616 00:40:57,840 --> 00:41:00,600 เป็นสิ่งที่ดีงามในแง่ศีลธรรม 617 00:41:00,600 --> 00:41:02,560 เป็นการ "ไถ่บาป" 618 00:41:03,200 --> 00:41:07,800 นี่คือกุญแจที่จะทําให้เข้าใจว่าทําไมพวกเขาถึงทํา 619 00:41:07,800 --> 00:41:09,560 มันไม่ใช่การหลับหูหลับตาทําตามคําสั่ง 620 00:41:09,560 --> 00:41:15,120 พวกเขาตีความคําสั่ง ให้เป็นไปในทิศทางที่พวกเขารับได้ 621 00:41:15,120 --> 00:41:19,200 และทําให้พวกเขา มองว่าตัวเองถูกต้องตามหลักศีลธรรม 622 00:41:22,480 --> 00:41:24,400 ทําไมเด็กถึงถูกยิงด้วย 623 00:41:24,960 --> 00:41:27,240 โอเลนดอร์ฟถูกขอให้อธิบาย 624 00:41:29,080 --> 00:41:34,120 คําถามนี้สําคัญ ต่อการฟ้องร้องหัวหน้าไอน์ซัทซ์กรุพเพิน 625 00:41:36,120 --> 00:41:37,520 ผมถามคําถามนั้น 626 00:41:37,520 --> 00:41:39,400 เขาตอบว่า "เพราะถ้าเด็กโตขึ้น 627 00:41:40,000 --> 00:41:42,480 {\an8}แล้วรู้ว่าเราทําอะไรกับพ่อแม่พวกเขา 628 00:41:42,480 --> 00:41:44,720 {\an8}พวกเขาจะกลายเป็นศัตรูกับเยอรมนี 629 00:41:44,720 --> 00:41:49,200 {\an8}ผมอยากปกป้องบ้านเกิดเมืองนอนผมในระยะยาว 630 00:41:49,200 --> 00:41:52,400 ดังนั้นจึงจําเป็นต้องฆ่าเด็กด้วย" 631 00:41:52,400 --> 00:41:56,320 อ็อตโต้ โอเลนดอร์ฟ มีลูกห้าคน 632 00:41:56,320 --> 00:41:59,360 ไม่แสดงความสํานึกผิดแม้แต่น้อย 633 00:42:00,360 --> 00:42:03,480 แล้วผู้พันวิลเฮล์ม ทรัปป์ล่ะ 634 00:42:04,400 --> 00:42:06,960 เขาเข้าใจการกระทําผิดของเขามั้ย 635 00:42:06,960 --> 00:42:09,240 เขารู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทํามันเลวร้ายมาก 636 00:42:09,720 --> 00:42:12,240 มีอยู่ครั้งหนึ่งเขาพูดกับคนขับรถว่า 637 00:42:12,240 --> 00:42:14,360 "ขออย่าให้เยอรมนีแพ้สงคราม 638 00:42:14,360 --> 00:42:18,440 เพราะถ้าเราต้องขึ้นศาล เพราะสิ่งที่เราทําในโปแลนด์ 639 00:42:18,440 --> 00:42:20,320 พระเจ้าทรงเมตตาเราชาวเยอรมันด้วย" 640 00:42:28,080 --> 00:42:31,600 พอจบเหตุการณ์แล้วผมถึงตระหนักว่ามันไม่ถูกต้อง 641 00:42:34,200 --> 00:42:35,240 ไม่รู้จะเอาไงต่อ 642 00:42:35,760 --> 00:42:38,920 มโนคติที่ชัดเจนในหัวหายไป 643 00:42:39,680 --> 00:42:40,680 เลิกเถียงกันได้แล้ว 644 00:42:40,680 --> 00:42:44,880 พวกเขาด้านชาจากการฆ่าซ้ําๆ 645 00:42:44,880 --> 00:42:47,800 - หยุด - ก็เขาเริ่มก่อน 646 00:42:47,800 --> 00:42:49,120 ให้ตายเถอะ 647 00:42:49,120 --> 00:42:50,880 - ต้องการอะไร - อยากกลับบ้าน 648 00:42:51,480 --> 00:42:56,720 {\an8}สําหรับผม หนึ่งในข้อสรุปที่น่าตกใจที่สุดจากเรื่องนี้คือ 649 00:42:57,400 --> 00:42:59,960 {\an8}ตลอดระยะเวลานั้น เราแบ่งคนในกองพันได้ออกเป็นสามกลุ่ม 650 00:42:59,960 --> 00:43:03,280 {\an8}(คริสโตเฟอร์ บราวนิ่ง ผู้แต่งเรื่อง "คนธรรมดา: กองพันตํารวจหนุน 101) 651 00:43:03,280 --> 00:43:05,400 {\an8}กลุ่มหนึ่งคือกลุ่มที่สนุกกับการฆ่าคน 652 00:43:07,040 --> 00:43:10,440 เวลาพวกเขากลับมาจากปฏิบัติการสังหาร 653 00:43:10,440 --> 00:43:13,440 พวกเขาจะกินข้าวเที่ยงมื้อใหญ่ และคุยตลกเกี่ยวกับสิ่งที่ทํามา 654 00:43:14,120 --> 00:43:19,880 ฮาร์ทวิก กนาเดอ คือหนึ่งในคนที่มีความสุขกับการฆ่าเป็นพิเศษ 655 00:43:20,480 --> 00:43:23,080 เขากลายเป็นเพชฌฆาตที่โหดเหี้ยม ชอบใช้ความรุนแรง 656 00:43:23,080 --> 00:43:27,240 และมีความสุขกับการทรมานเหยื่อก่อนยิง 657 00:43:27,240 --> 00:43:30,400 ชาวยิวถูกบังคับให้เปลือย และคลานไปตามทางลงหลุม 658 00:43:30,960 --> 00:43:34,800 แล้วกนาเดอก็จะสั่งให้ลูกน้องใช้ไม้ตะบองตีเหยื่อ 659 00:43:35,600 --> 00:43:40,200 นี่คือคนที่ถูกเปลี่ยน ด้วยสิ่งที่ตัวเองทําและสิ่งที่ตัวเองเห็น 660 00:43:40,720 --> 00:43:46,200 และกลายเป็นคนที่โหดร้ายในเวลาอันสั้น 661 00:43:47,840 --> 00:43:49,120 ต่อไปคือกลุ่มที่อยู่กึ่งกลาง 662 00:43:49,120 --> 00:43:51,080 เป็นกลุ่มที่ออกแนวว่าต้องสั่ง 663 00:43:51,080 --> 00:43:55,280 เวลาพวกเขาถูกขอให้ปฏิบัติการ พวกเขาก็จะทําสิ่งตามคําสั่ง 664 00:43:55,280 --> 00:44:00,000 แต่พวกเขาจะไม่ออกมาเองหรือทํามากขึ้นเอง 665 00:44:00,000 --> 00:44:02,800 กลุ่มที่สามคือคนที่คัดค้าน 666 00:44:02,800 --> 00:44:05,320 เช่น ผู้หมวดไฮนซ์ บูมันน์ 667 00:44:05,320 --> 00:44:09,360 เขาย้ายกลับฮัมบวร์กภายในไม่กี่สัปดาห์ 668 00:44:09,920 --> 00:44:11,760 แต่นั่นก็ไม่ได้ทําให้เขาเป็นฮีโร่ 669 00:44:11,760 --> 00:44:18,560 พวกเขาหาวิธีทําให้เครื่องจักรทํางานต่อได้เสมอ 670 00:44:18,560 --> 00:44:22,560 บางคนบอกว่ารู้สึกไม่ไหว 671 00:44:22,560 --> 00:44:25,080 รู้สึกว่าวันนั้นไม่มีแรง 672 00:44:25,080 --> 00:44:28,040 มันไม่ใช่การต่อต้านนะ 673 00:44:28,040 --> 00:44:31,200 มันคือการพยายามปลีกตัว 674 00:44:31,200 --> 00:44:36,480 โดยไม่ตั้งคําถาม กับความชอบธรรมของกองพันตํารวจโดยรวม 675 00:44:56,560 --> 00:45:02,760 สมาชิกกองพันตํารวจหนุนยิงชาวยิว 38,000 คน 676 00:45:03,560 --> 00:45:07,880 แล้วก็ส่งชาวยิว 45,000 คนไปยังค่ายมรณะ 677 00:45:08,920 --> 00:45:15,080 ประเด็นหลักที่น่ากลัวของกองพันตํารวจ 101 คือ 678 00:45:15,720 --> 00:45:18,640 เราไม่จําเป็นต้องเชื่อถึงจะทําได้ 679 00:45:18,640 --> 00:45:22,920 ไม่ต้องมีแรงจูงใจจากอุดมการณ์ เราก็สังหารหมู่ได้ 680 00:45:25,200 --> 00:45:29,840 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีกองพันตํารวจมากกว่า 130 กอง 681 00:45:30,760 --> 00:45:36,280 จากทุกหน่วย กองพันฮัมบวร์กมีอัตราการฆ่าสูงสุดเป็นอันดับสี่ 682 00:45:53,160 --> 00:45:56,600 กองพันตํารวจหนุน 101 ไม่เหมือนกองอื่น 683 00:45:57,120 --> 00:45:59,760 ซึ่งทําให้น่ากลัวขึ้น 684 00:45:59,760 --> 00:46:03,000 เราเห็นเลยว่า กองพันแบบนี้ที่ไม่มีการฝึกความพร้อม 685 00:46:03,000 --> 00:46:06,920 ไม่มีการคัดเลือก ไม่มีการปลูกฝัง ไม่โดนล้างสมองด้วยความเชื่อของนาซี 686 00:46:06,920 --> 00:46:11,680 สามารถเป็นหนึ่งในหน่วยสังหาร ของกองตํารวจรักษาความสงบเยอรมัน 687 00:46:11,680 --> 00:46:13,200 ที่ฆ่าคนมากที่สุดได้ 688 00:46:15,680 --> 00:46:18,520 นูเรมเบิร์ก วันที่ 10 เมษา 1948 689 00:46:19,200 --> 00:46:20,360 วันตัดสินคดี 690 00:46:30,040 --> 00:46:31,600 ประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ 691 00:46:32,400 --> 00:46:37,160 พวกเขาปล่อยมือ วางมันลง ผงกหัวให้ผู้พิพากษา แล้วก็ก้าวถอยหลัง 692 00:46:37,160 --> 00:46:38,800 แล้วก็เข้าไปในลิฟต์ 693 00:46:38,800 --> 00:46:40,880 แล้วก็ลงนรก 694 00:46:48,320 --> 00:46:50,600 ผมไปที่อาคารขังนักโทษที่รอประหารชีวิต 695 00:46:50,600 --> 00:46:53,320 ซึ่งอยู่ชั้นล่างของศาล 696 00:46:54,080 --> 00:46:54,920 ผมไปคุยกับเขา 697 00:46:54,920 --> 00:46:59,840 ก่อนหน้านั้นผมไม่เคยคุยกับจําเลย นอกห้องพิจารณาคดีเลยแม้แต่คําเดียว 698 00:47:07,400 --> 00:47:09,760 ผมหวังว่าเขาจะพูดกับผมว่า... 699 00:47:10,360 --> 00:47:13,320 ตอนผมลงไปเจอเขา ผมรู้ว่าเขาจะต้องถูกแขวนคอ 700 00:47:14,920 --> 00:47:16,400 "ให้ผมช่วยอะไรมั้ย" 701 00:47:16,880 --> 00:47:19,600 ผมนึกว่าเขาจะพูดว่า "ฝากบอกลูกผมด้วยว่าผมรักพวกเขา 702 00:47:19,600 --> 00:47:21,280 ฝากบอกภรรยาว่าผมขอโทษ" 703 00:47:21,280 --> 00:47:23,880 ไม่มีคําพูดที่สื่อว่าสํานึกผิดหรือเสียใจเลย 704 00:47:24,520 --> 00:47:29,280 {\an8}เขาบอกว่าถ้าให้ยิงน้องสาวตัวเอง เขาก็จะยิงถ้าอยู่ในสถานการณ์คล้ายกัน 705 00:47:29,280 --> 00:47:31,880 ผมบอกว่า "งั้นลาก่อน คุณโอเลนดอร์ฟ" 706 00:47:31,880 --> 00:47:33,200 ผมปิดประตูใส่เขาเลย 707 00:47:39,400 --> 00:47:42,560 (อ็อตโต้ โอเลนดอร์ฟ 7 มิถุนายน 1951) 708 00:47:44,160 --> 00:47:45,840 ผมไปออกซีเอ็นเอ็น 709 00:47:45,840 --> 00:47:50,240 พวกเขาถามว่า "ตอนคุยกับปีศาจรู้สึกยังไงบ้างครับ" 710 00:47:50,240 --> 00:47:52,240 ผมตอบว่า "พวกเขาไม่ใช่ปีศาจ" 711 00:47:52,720 --> 00:47:54,960 พวกเขาถามว่า "คือยังไง พวกเขาฆ่าเด็กหลายพันคน 712 00:47:54,960 --> 00:47:56,440 ยังไม่เรียกว่าปีศาจอีกเหรอ" 713 00:47:57,080 --> 00:48:01,720 ผมถามกลับว่า "แล้วคนที่ทิ้งระเบิดปรมาณูที่ฮิโรชิม่า 714 00:48:02,400 --> 00:48:03,920 เป็นปีศาจด้วยมั้ย" 715 00:48:03,920 --> 00:48:05,240 คนนั้นคือประธานาธิบดีทรูแมน 716 00:48:05,720 --> 00:48:08,200 ผมไม่เคยได้คําตอบของคําถามนั้นเลย 717 00:48:08,200 --> 00:48:14,560 ผมไม่สงสัยที่โอเลนดอร์ฟเป็นคนที่รักชาติเยอรมัน 718 00:48:15,080 --> 00:48:19,280 และทําในสิ่งที่เขา คิดว่าเป็นผลประโยชน์ของประเทศ 719 00:48:19,280 --> 00:48:22,400 แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่มนุษย์ธรรมคนหนึ่ง 720 00:48:22,920 --> 00:48:25,120 ควรอ้างและลอยนวลไปอย่างหน้าตาเฉย 721 00:48:32,000 --> 00:48:34,720 หลังสงครามสิ้นสุด ชาวเยอรมันอยากลืม 722 00:48:38,240 --> 00:48:39,880 ตํารวจก็เช่นกัน 723 00:48:41,000 --> 00:48:45,760 มีตํารวจ 60,000 คน ที่ร่วมปฏิบัติการยิงสังหารหมู่ 724 00:48:47,160 --> 00:48:51,120 หลายคนยังอยู่ในหน้าที่ต่อไปหลังปี 1945 725 00:48:54,160 --> 00:48:56,400 จนกระทั่งปลายคริสต์ทศวรรษ 50 726 00:48:56,400 --> 00:49:03,080 ถึงชัดเจนว่าปุถุชนชาวเยอรมัน มีส่วนร่วมในการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ขนาดไหน 727 00:49:04,080 --> 00:49:08,960 ฝ่ายตุลาการสอบสวนชายกว่า 172,000 คน 728 00:49:08,960 --> 00:49:12,200 รวมถึงสมาชิกเอสเอส เกสตาโพ 729 00:49:12,760 --> 00:49:13,920 และตํารวจ 730 00:49:13,920 --> 00:49:17,360 มีไม่ถึง 500 คนที่ถูกตัดสินว่ามีความผิด 731 00:49:17,360 --> 00:49:19,880 โทษฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ 732 00:49:20,520 --> 00:49:23,240 การดําเนินคดีแย่มาก 733 00:49:23,240 --> 00:49:26,880 มีการรวบรวมข้อมูลและเอกสารมากมาย 734 00:49:26,880 --> 00:49:29,560 มีหลักฐานหนาแน่น 735 00:49:29,560 --> 00:49:32,800 สิ่งที่ขาดคือความอยากจะลงโทษ... 736 00:49:33,320 --> 00:49:35,240 คนที่ก่ออาชญากรรม 737 00:49:36,160 --> 00:49:39,880 กองพันฮัมบวร์กถูกสอบสวนด้วยเช่นกัน 738 00:49:40,640 --> 00:49:44,280 อดีตสมาชิก 210 คนถูกสอบสอบ 739 00:49:44,280 --> 00:49:48,280 สิบสี่คนถูกตั้งข้อหาในปี 1967 740 00:49:48,960 --> 00:49:53,520 การพิจารณาคดีประสบความสําเร็จ ในการเปิดเผยรายละเอียดของกระบวนการ 741 00:49:53,520 --> 00:49:56,720 และรูปแบบพฤติกรรมในกองพัน 742 00:49:56,720 --> 00:49:59,840 ยูลีอุส วูเลาฟ์ถูกฟ้องด้วยเช่นกัน 743 00:50:00,360 --> 00:50:02,520 เขาคือคนที่พาภรรยาไปโปแลนด์ด้วย 744 00:50:09,960 --> 00:50:13,560 พวกเขาหลายคน มองว่าตัวเองเป็นเหยื่อทั้งขาขึ้นขาล่อง 745 00:50:14,720 --> 00:50:18,840 พวกเขาคือเหยื่อที่ได้รับเลือก ให้ทําหน้าที่ที่เลวร้ายที่สุดของไรช์ที่สาม 746 00:50:18,840 --> 00:50:23,360 และพวกเขาคือเหยื่อ ของศีลธรรมชุดใหม่หรือกฎหมายใหม่ 747 00:50:23,360 --> 00:50:26,680 ที่มีผลย้อนหลังและบรรจุเข้ามาหลังสงคราม 748 00:50:27,480 --> 00:50:29,760 พวกเขามองว่า การนํามาใช้กับพวกเขาไม่ยุติธรรม 749 00:50:29,760 --> 00:50:31,720 เพราะตอนที่พวกเขาทํา 750 00:50:32,480 --> 00:50:33,400 มัน "ไม่ผิดกฎหมาย" 751 00:50:33,400 --> 00:50:36,160 มันคือสิ่งที่รัฐบาลสั่งให้ทํา 752 00:50:36,160 --> 00:50:39,000 พวกเขาเลยสงสารตัวเอง 753 00:50:39,000 --> 00:50:40,280 ไม่ได้รู้สึกผิด 754 00:50:40,280 --> 00:50:41,240 "ฉันน่าสงสาร" 755 00:50:41,720 --> 00:50:42,560 ไม่ใช่เหยื่อนะ 756 00:50:42,560 --> 00:50:45,000 "ฉันน่าสงสาร ดูสิ่งที่ฉันถูกขอให้ทําและต้องทําสิ" 757 00:50:45,880 --> 00:50:49,480 มีจําเลยแค่สองคนที่ต้องรับโทษจําคุก 758 00:50:50,000 --> 00:50:53,680 หนึ่งในจําเลยสองคนนั้นคือยูลีอุส วูเลาฟ์ 759 00:50:53,680 --> 00:50:55,920 แปดหมื่นสามพันคนถูกฆ่า 760 00:50:56,880 --> 00:50:58,920 แต่พวกเขาไม่มีใครรู้สึกว่าตัวเองผิด 761 00:50:59,560 --> 00:51:01,720 พวกเขาเป็นหุ่นเชิดบนภาคสนาม 762 00:51:03,400 --> 00:51:05,920 ตํารวจแต่ละคนเลือกได้ 763 00:51:06,400 --> 00:51:08,560 แต่ก็เลือกได้ไม่มาก 764 00:51:09,160 --> 00:51:11,720 คนที่ไม่ได้ฆ่าเพราะความเชื่อ 765 00:51:12,360 --> 00:51:13,560 พวกเขาแค่ทําตาม 766 00:51:14,040 --> 00:51:15,920 ผมว่าน่าเศร้าที่มันทําให้เราเห็นว่า 767 00:51:15,920 --> 00:51:20,480 คนทุกประเภท เป็นเพชฌฆาตได้ภายใต้สถานการณ์บางอย่าง 768 00:51:20,480 --> 00:51:25,160 {\an8}รัฐบาลที่ต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์หรือสังหารหมู่ 769 00:51:25,960 --> 00:51:31,120 {\an8}ยังไงก็ไม่มีทางไม่สําเร็จ ถึงจํานวนคนเหนี่ยวไกปืนจะไม่พอก็เถอะ 770 00:51:31,120 --> 00:51:36,560 {\an8}ตั้งแต่เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว ก็มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ตามมาหลายครั้ง 771 00:51:37,560 --> 00:51:41,120 มีการสังหารหมู่และฆาตกรรมหมู่เกิดขึ้น 772 00:51:41,120 --> 00:51:47,720 มีบริบทอื่นที่เราเจอว่ามีกลไกเหล่านั้น 773 00:51:48,200 --> 00:51:54,640 ที่ทําให้คนเราฆ่าคนอื่น โดยต้องไม่มีแรงจูงใจส่วนตัว 774 00:51:54,640 --> 00:51:57,680 และแรงจูงใจทางจิตใจ 775 00:51:57,680 --> 00:52:02,360 พอใครสักคน บอกตัวเองได้ว่า "ฉันเป็นแค่ฟันเฟือง 776 00:52:02,360 --> 00:52:04,600 ฉันไม่ผิด" 777 00:52:05,440 --> 00:52:08,920 ด้วยทัศนคติแบบนี้ เกือบทุกอย่างเป็นไปได้ 778 00:52:13,360 --> 00:52:15,840 การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว เป็นอาชญากรรมที่มีการวางแผน 779 00:52:15,840 --> 00:52:17,800 และการปฏิบัติให้ลุล่วงที่เฉพาะมากๆ 780 00:52:18,680 --> 00:52:24,720 {\an8}จนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังมีคนที่ถูกฆ่าเพราะอยู่ต่างกลุ่ม 781 00:52:24,720 --> 00:52:31,760 {\an8}(เซรเบรนิสซา ประเทศบอสเนีย 1995 มากกว่า 8,000 คนถูกฆ่า) 782 00:52:40,000 --> 00:52:47,000 {\an8}(ประเทศรวันดา 1994 พลเรือนมากกว่า 800,000 ถูกฆ่า) 783 00:52:58,880 --> 00:53:05,000 {\an8}(หมีลาย ประเทศเวียดนาม 1968 พลเรือน 504 คนถูกฆ่า) 784 00:53:05,000 --> 00:53:12,080 {\an8}(173 คนเป็นเด็ก ซึ่ง 56 คนเป็นเด็กทารก) 785 00:53:22,640 --> 00:53:26,160 เราชอบคิดว่าเราคือผู้กําหนดชะตาชีวิตตัวเอง 786 00:53:26,160 --> 00:53:30,280 แต่ผมว่าจริงๆ แล้วเราถูกหล่อหลอม 787 00:53:30,800 --> 00:53:32,440 ด้วยสิ่งที่เรา 788 00:53:33,120 --> 00:53:34,640 ควบคุมไม่ค่อยได้มากกว่า 789 00:53:35,200 --> 00:53:38,680 เราจะควบคุมได้มากขึ้นเมื่อตระหนักรู้ถึงสิ่งๆ นั้น 790 00:53:39,360 --> 00:53:42,800 หนึ่งในเป้าหมาย ของการเขียนหนังสืออย่างเรื่องคนธรรมดา 791 00:53:42,800 --> 00:53:47,040 ก็เพื่อให้ผู้คน ตระหนักมากขึ้นถึงความเปราะบางของเรา 792 00:53:47,040 --> 00:53:48,320 การถูกชักจูงได้ง่ายของเรา 793 00:53:48,800 --> 00:53:52,440 เพื่อที่เวลาเราเจอสถานการณ์แนวนั้น 794 00:53:53,680 --> 00:53:54,640 เราจะได้ไม่ต้องตกใจ 795 00:53:54,640 --> 00:54:00,200 จะได้ตัดสินใจอย่างมีสติมากขึ้น กว่าตอนที่ไม่ตระหนัก 796 00:54:10,840 --> 00:54:12,320 คนธรรมดาคือปีศาจใช่หรือไม่ 797 00:54:13,040 --> 00:54:18,360 ฉันว่าทุกคนสามารถทําสิ่งที่ 798 00:54:19,040 --> 00:54:21,160 ตัวเองคิดว่าตัวเองทําไม่ได้ 799 00:54:21,640 --> 00:54:23,720 ฉันว่าเราอยากมองว่าผู้กระทําผิด 800 00:54:25,040 --> 00:54:25,880 "ต่างจากเรา" 801 00:54:25,880 --> 00:54:27,320 เช่น คนอย่างโอเลนดอร์ฟ 802 00:54:27,800 --> 00:54:32,960 เพราะเราไม่อยากมองกระจก แล้วเห็นตัวเองเป็นแบบนั้น 803 00:54:41,360 --> 00:54:44,720 พวกเขาใส่สูท มีการศึกษา เรียนระดับมหาวิทยาลัย 804 00:54:44,720 --> 00:54:47,200 พูดได้หลายภาษา 805 00:54:47,200 --> 00:54:49,320 ฉันว่าเราอยากเชื่อ 806 00:54:49,840 --> 00:54:52,400 ว่าเราไม่มีทางทําสิ่งที่คนเหล่านั้นทํา 807 00:54:52,400 --> 00:54:54,840 คุณไม่จําเป็นต้องมีอุดมการณ์ 808 00:54:54,840 --> 00:54:56,320 ไม่จําเป็นต้อง... 809 00:54:57,200 --> 00:54:58,120 เกลียดชัง 810 00:54:58,120 --> 00:55:01,000 ไม่ต้องเป็นอะไรทั้งนั้นก็ฆ่าได้ 811 00:55:01,960 --> 00:55:05,960 คําถามคือ "คนธรรมดาหรือคนทั่วไปเป็นปีศาจมั้ย" 812 00:55:05,960 --> 00:55:08,320 ฉันว่าเราทุกคนมีความเป็นไปได้จะทําแบบนั้น 813 00:55:10,160 --> 00:55:13,800 ประสบการณ์ในนูเรมเบิร์กหล่อหลอมเขายาวนาน 814 00:55:15,120 --> 00:55:16,720 ตลอดชีวิตของเบนจามิน เฟเรนช์ 815 00:55:16,720 --> 00:55:23,160 เขาทํางาน เพื่อไม่ให้อาชญากรรมต่อมนุษยชาติซ้ํารอย 816 00:55:24,040 --> 00:55:25,600 เขาเป็นคนริเริ่ม 817 00:55:25,600 --> 00:55:28,880 ให้มีการก่อตั้ง ศาลอาญาระหว่างประเทศที่กรุงเฮก 818 00:55:29,520 --> 00:55:33,120 ที่ที่ทุกวันนี้อาชญากรรมสงครามยังคงถูกฟ้อง 819 00:55:36,800 --> 00:55:39,760 เราต่างก็เป็นผู้อาศัยอยู่ในดาวดวงเล็กๆ ด้วยกัน 820 00:55:40,760 --> 00:55:43,000 แนวคิดคือเมื่อเราตระหนักได้ว่า 821 00:55:43,000 --> 00:55:46,920 {\an8}ไม่ใช่เพราะเราต่างศาสนา เป็นคนละชาติกัน หรือมีสีผิวต่างกัน 822 00:55:47,400 --> 00:55:51,280 {\an8}เรามนุษย์ทุกคนอาศัยอยู่ในดาวเล็กๆ นี้ด้วยกัน 823 00:55:51,280 --> 00:55:53,560 ถ้าเราเดินทางเดียวกัน 824 00:55:54,040 --> 00:55:55,480 เราจะประสบความสําเร็จ 825 00:55:55,480 --> 00:55:58,080 แต่ถ้าไม่ การมีอยู่ของเราจะสิ้นลง 826 00:55:59,120 --> 00:56:01,600 ผมทําในส่วนของผมแล้ว ผมอายุ 100 แล้ว 827 00:56:02,080 --> 00:56:04,520 ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกกี่ปี 828 00:56:04,520 --> 00:56:06,720 แต่ตราบใดที่ยังทําได้อยู่ ผมจะทําต่อไป 829 00:56:06,720 --> 00:56:10,040 ผมขอให้คนหนุ่มสาวสานต่อครับ 830 00:56:12,360 --> 00:56:13,360 ยืนแถวตรง 831 00:56:13,360 --> 00:56:14,600 ถ่ายให้ที่บ้านดู 832 00:56:15,440 --> 00:56:16,920 อย่างนั้นแหละ กอดกันหน่อย 833 00:58:04,880 --> 00:58:06,560 คําบรรยายโดยเฉลิมรัชฏ์ อัครไชยนนท์