1 00:00:02,000 --> 00:00:07,000 Downloaded from YTS.MX 2 00:00:08,000 --> 00:00:13,000 Official YIFY movies site: YTS.MX 3 00:00:27,611 --> 00:00:29,488 ไม่เคยมีใครคิดว่าผมจะมีชีวิตรอด 4 00:00:36,828 --> 00:00:39,748 ผมเกิดก่อนกำหนดสองเดือน 5 00:00:44,294 --> 00:00:47,047 ตอนที่หมอตำแยดูแล้วว่า ผมไม่น่าจะรอด… 6 00:00:49,091 --> 00:00:52,386 คุณพ่อกลับมาที่บ้าน 7 00:00:54,638 --> 00:00:55,722 พร้อมกับกล่องรองเท้า 8 00:01:00,143 --> 00:01:02,187 (This Life) (ซิดนีย์ พัวติเยร์) 9 00:01:02,688 --> 00:01:04,857 เขาพร้อมจะเอาผมไปฝังแล้ว 10 00:01:12,531 --> 00:01:15,200 ชีวิตของผมหักมุมอย่างงดงาม 11 00:01:15,284 --> 00:01:19,705 จนแทบไม่รู้จะบรรยายอย่างไรเยอะมาก 12 00:01:35,554 --> 00:01:37,764 โลกที่ผมรู้จักตอนแรก เป็นโลกที่เรียบง่าย 13 00:01:40,809 --> 00:01:44,188 ผมไม่รู้จักสิ่งที่เขาเรียกว่าไฟฟ้า 14 00:01:44,271 --> 00:01:46,899 (แคทไอส์แลนด์ หมู่เกาะบาฮามาส) (ปี 1927) 15 00:01:47,774 --> 00:01:50,194 ผมไม่รู้ว่าในโลกนี้มี 16 00:01:50,277 --> 00:01:54,281 น้ำที่ไหลผ่านท่อมาถึงบ้านเราเลยได้ด้วย 17 00:01:56,950 --> 00:02:00,871 ผมได้เรียนรู้วิถีต่างๆ ของโลกผ่านการสังเกต 18 00:02:00,954 --> 00:02:03,332 ผมเห็นสัตว์โลกต่างๆ เห็นนก 19 00:02:03,415 --> 00:02:06,668 และต้องคิดเองนะว่าพวกนั้นเป็นตัวอะไร 20 00:02:12,257 --> 00:02:15,135 ผมเป็นลูกคนสุดท้องของบ้าน 21 00:02:15,219 --> 00:02:19,097 และแน่นอนว่าผมโดนพี่ๆ เล่นงานเยอะสุด 22 00:02:19,181 --> 00:02:21,308 แต่ผมเป็นลูกคนเล็กสุด 23 00:02:21,391 --> 00:02:25,312 และมักจะถูกทิ้งไว้ที่บ้าน 24 00:02:26,605 --> 00:02:27,981 ตอนที่พ่อแม่เข้าไปทำงานในไร่ 25 00:02:28,065 --> 00:02:30,025 พ่อแม่ผมเป็นชาวไร่มะเขือเทศ 26 00:02:32,277 --> 00:02:35,572 ตอนเด็กผมได้เรียนหนังสือน้อยมาก น้อยมากๆ 27 00:02:37,157 --> 00:02:41,203 ทุกอย่างที่ผมได้เรียนรู้ เรื่องคุณค่าของชีวิต เรื่องอะไรถูกอะไรผิด 28 00:02:41,286 --> 00:02:46,083 เรื่องตัวตนของผม คุณค่าตัวตน มาจากพ่อกับแม่ทั้งนั้น 29 00:02:47,459 --> 00:02:49,461 ผมคอยดูพ่อแม่เสมอ 30 00:02:49,545 --> 00:02:50,796 (เรจินัลด์และเอเวอลีน พัวติเยร์) 31 00:02:50,879 --> 00:02:53,590 วิธีที่พ่อแม่ปฏิบัติต่อกัน การที่ท่านเอาใจใส่กัน 32 00:02:53,674 --> 00:02:55,509 วิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อเพื่อนๆ 33 00:02:56,176 --> 00:02:59,179 วิธีที่พวกเขาปฏิบัติต่อคนอื่นในหมู่บ้าน 34 00:03:00,305 --> 00:03:03,183 แล้วผมก็จะทำตามให้ใกล้เคียงที่สุดเท่าที่ทำได้ 35 00:03:03,267 --> 00:03:06,728 เพราะผมจะเห็นผลลัพธ์จากพฤติกรรมของพ่อแม่ 36 00:03:08,772 --> 00:03:12,442 รัฐฟลอริดาสั่งห้าม 37 00:03:12,526 --> 00:03:15,279 นำเข้ามะเขือเทศจากหมู่เกาะบาฮามาส 38 00:03:16,113 --> 00:03:17,906 ธุรกิจของครอบครัวผมล้มหมด 39 00:03:18,574 --> 00:03:21,827 พ่อเลยส่งแม่ของผมออกมา แม่พาผมไปที่นาสโซ 40 00:03:21,910 --> 00:03:24,288 เพื่อหาบ้านที่เราพอจะอยู่ได้ 41 00:03:24,371 --> 00:03:25,622 (นาสโซ หมู่เกาะบาฮามาส) (ปี 1938) 42 00:03:25,706 --> 00:03:29,042 ตอนเรามุ่งหน้าไปทางอ่าว ผมเห็นอะไรสักอย่างวิ่งอยู่ 43 00:03:29,126 --> 00:03:32,171 มันดูเหมือนแมลงเต่าทอง วิ่งมาตามถนนนะ 44 00:03:35,591 --> 00:03:37,634 ผมถามแม่ว่า "นั่นอะไร" 45 00:03:38,343 --> 00:03:41,263 แม่บอกว่า "นั่นคือรถยนต์" 46 00:03:42,264 --> 00:03:44,892 ผมถาม "รถยนต์คืออะไร" 47 00:03:45,976 --> 00:03:49,605 แม่ก็อธิบายให้ฟัง ผมทึ่งมาก 48 00:03:51,732 --> 00:03:54,193 ตอนเดินไปตามถนนผมก็เห็นหน้าต่างร้านค้า 49 00:03:54,276 --> 00:03:56,945 ในนั้นมีของตื่นตาตื่นใจเยอะแยะเลย 50 00:03:57,029 --> 00:03:59,114 แต่แล้วผมก็เห็นผู้หญิงหนึ่งคน 51 00:03:59,198 --> 00:04:04,953 เธอยืนอยู่ตรงข้ามผู้หญิงอีกคน ผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเธอเป๊ะ 52 00:04:05,662 --> 00:04:09,958 แล้วไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นทำอะไร อีกคนก็ทำตามด้วย 53 00:04:10,918 --> 00:04:12,419 แน่ละ นั่นคือกระจกเงา 54 00:04:12,503 --> 00:04:15,631 แต่ผมไม่เคย… ไม่รู้มาก่อนว่า โลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่ากระจกเงา 55 00:04:15,714 --> 00:04:19,051 เข้าใจไหม ตอนนั้นผมไม่รู้ว่ากระจกคืออะไร 56 00:04:20,093 --> 00:04:22,262 ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองหน้าตาเป็นยังไง 57 00:04:22,346 --> 00:04:25,098 ผมก็แค่เห็นสิ่งที่เห็น 58 00:04:26,225 --> 00:04:29,811 ทั้งเกาะแคทไอส์แลนด์มีคนขาวหนึ่งคน 59 00:04:29,895 --> 00:04:33,690 ตอนที่ผมไปถึงนาสโซ ก็เริ่มเห็นคนขาวคนอื่นๆ 60 00:04:33,774 --> 00:04:36,652 แต่พวกนั้นเป็นคนกลุ่มน้อย 61 00:04:36,735 --> 00:04:41,073 ประชากรที่นั่นเป็นคนดำไป 90% 62 00:04:43,033 --> 00:04:46,787 ผมก็เล่นกับกลุ่มเด็กที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน 63 00:04:46,870 --> 00:04:49,456 ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน 64 00:04:49,540 --> 00:04:51,959 คนในนั้นสามหรือสี่คนก็ ถูกจับเข้าโรงเรียนดัดสันดาน 65 00:04:52,042 --> 00:04:53,585 พ่อผมเลยตัดสินใจเลยว่า 66 00:04:53,669 --> 00:04:57,089 ถ้าอยู่ที่นั่นผมจะต้องเป็นเด็กมีปัญหาแน่ 67 00:04:58,048 --> 00:04:59,967 ผมเลยถูกส่งตัวมาที่ไมอามี ฟลอริดา 68 00:05:00,717 --> 00:05:02,970 (ไมอามี รัฐฟลอริดา) (ปี 1942) 69 00:05:03,846 --> 00:05:08,392 ผมออกจากเกาะบาฮามาสตอนอายุ 15 ปี โดยมีความมั่นใจและรู้ตัวระดับหนึ่ง 70 00:05:08,475 --> 00:05:12,563 รู้ตัวแบบที่อยู่บนแคทไอส์แลนด์มาสิบปีครึ่ง 71 00:05:12,646 --> 00:05:15,190 แล้วก็อยู่ที่นาสโซอีกสี่ปีครึ่ง 72 00:05:15,274 --> 00:05:18,777 ผมจึงมาถึงไมอามี ฟลอริดา ด้วยความรู้ตัวประมาณหนึ่ง 73 00:05:19,611 --> 00:05:24,992 ตั้งแต่ขึ้นมาจากเรือ ฟลอริดาก็รีบบอกผมเลย 74 00:05:25,075 --> 00:05:27,202 "แกไม่ใช่คนที่แกคิด" 75 00:05:27,286 --> 00:05:29,162 (คนผิวสีเท่านั้น) 76 00:05:29,246 --> 00:05:31,582 เมื่อเราโตมาในชุมชนในแคทไอส์แลนด์… 77 00:05:31,665 --> 00:05:32,666 (โอปราห์ วินฟรีย์) 78 00:05:32,749 --> 00:05:34,001 ที่ทุกคนในนั้นเป็นคนดำ 79 00:05:34,084 --> 00:05:37,212 ทุกอย่างที่เราได้รับรู้หรือเห็นรอบตัว จะทรงพลัง 80 00:05:37,296 --> 00:05:39,214 ดีงามและช่วยกล่อมเกลาให้เติบโต 81 00:05:39,298 --> 00:05:40,549 ในนั้นเป็นผิวดำกันทั้งหมด 82 00:05:40,632 --> 00:05:44,303 แต่ที่นั่นไม่มีแนวคิดของเชื้อชาติอะไร 83 00:05:44,386 --> 00:05:47,848 และเพราะนั่นคือมุมมองโลก มุมมองส่วนตัวของเขา 84 00:05:47,931 --> 00:05:51,226 เขาจึงปฏิบัติต่อโลกทั้งหมดในแบบนั้น 85 00:05:51,310 --> 00:05:54,271 เขาคิดมาตลอดว่า เขาก็เป็นคนอย่างที่เขาเป็น 86 00:05:54,354 --> 00:05:58,692 และ คือ ก็มีบางครั้งที่ การคิดแบบนั้นทำให้เขาเดือดร้อน 87 00:05:59,359 --> 00:06:04,615 ผมถูกส่งไปอยู่กับพี่… พี่ชาย ญาติคนเดียวที่มีอยู่ที่นั่น 88 00:06:05,407 --> 00:06:09,119 เขาหางานให้ที่ตรงที่เคยเป็น ห้างสรรพสินค้าเบอร์ไดน์ 89 00:06:09,203 --> 00:06:11,622 ที่ไมอามี ฟลอริดา ให้เป็นเด็กส่งของ 90 00:06:11,705 --> 00:06:14,416 และก็มีคนบอกชื่อสุภาพสตรี และ… 91 00:06:14,499 --> 00:06:18,504 ผมก็ขี่จักรยานไปที่หาดไมอามีบีช 92 00:06:18,587 --> 00:06:23,967 ไปถึงที่อยู่ที่เขาให้ เดินไปยังประตูหน้า 93 00:06:24,051 --> 00:06:26,345 กดกริ่ง 94 00:06:27,513 --> 00:06:30,516 เจ้าของบ้านหญิงเดินออกมา เธอบอกว่า 95 00:06:30,599 --> 00:06:32,726 "มาทำอะไรที่ประตูหน้า" 96 00:06:33,477 --> 00:06:39,191 ผมบอก… "ผมมาส่งของชิ้นนี้ครับ" 97 00:06:39,274 --> 00:06:42,277 เธอบอกว่า "อ้อมไปเข้าประตูหลังโน่น" 98 00:06:42,361 --> 00:06:44,196 แล้วกระแทกประตูปิดใส่หน้าผมเลย 99 00:06:44,279 --> 00:06:49,535 คือผมยังไม่ชินกับประสบการณ์ เรื่องเชื้อชาติในสหรัฐอเมริกา 100 00:06:51,161 --> 00:06:53,163 ผมไม่เข้าใจเลย 101 00:06:53,247 --> 00:06:56,333 ทำไมถึงจะต้องอ้อมไปประตูหลัง ทั้งที่เจ้าของบ้านออกมาแล้ว 102 00:06:56,416 --> 00:07:00,379 แต่เขาปิดประตูใส่หน้าผม ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง 103 00:07:00,462 --> 00:07:05,467 ผมเลยตัดสินใจว่า จะวางของไว้ตรงหน้าประตูนั่นแหละ 104 00:07:05,551 --> 00:07:09,680 เสร็จงานเย็นนั้น ผมก็กลับมาที่บ้านพี่ชาย 105 00:07:10,889 --> 00:07:13,100 กลับไปถึงก็มืดแล้ว 106 00:07:14,935 --> 00:07:16,979 ตอนใกล้จะถึงบ้าน ตรงนั้นไฟดับหมดเลย 107 00:07:17,062 --> 00:07:20,983 ผมก็งงว่าทำไมไม่มีไฟ แต่ก็เดินไปถึงหน้าบ้าน 108 00:07:21,066 --> 00:07:23,193 เมียพี่ชายเปิดประตูแล้วคว้าตัวผมไป 109 00:07:23,277 --> 00:07:25,404 ดึงให้ผมหมอบลงกับพื้น 110 00:07:25,487 --> 00:07:26,905 แล้วกระแทกประตูปิดอีก 111 00:07:29,116 --> 00:07:34,162 แล้วผม… พี่สะใภ้ถาม "แกไปทำอะไร วันนี้แกไปทำอะไรมา" 112 00:07:34,246 --> 00:07:39,334 ผมบอก "ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ผมทำอะไรลงไป" 113 00:07:40,169 --> 00:07:45,674 พี่บอก "คูคลักซ์แคลนมาที่บ้าน วันนี้แกไปทำอะไรมา" 114 00:07:54,975 --> 00:08:00,189 ผมตัดสินใจออกจากเมืองนั้นเลย ผมอยากหนีออกจากเมืองนั้น 115 00:08:02,149 --> 00:08:05,319 ตอนนั้นผมมีเสื้อผ้าสองสามชุด 116 00:08:06,028 --> 00:08:08,405 ที่เอาไปซักแห้งไว้ 117 00:08:08,488 --> 00:08:11,950 ผมไปที่ร้านนั้น มันอยู่ในชุมชนคนขาวล้วนๆ เลย 118 00:08:12,534 --> 00:08:16,121 ระหว่างทางกลับ ผมก็เดินไปถึงจุดที่จะเป็นป้ายรถเมล์ 119 00:08:16,205 --> 00:08:17,998 ตอนนั้นรถเมล์ไม่วิ่งแล้วนะ 120 00:08:20,042 --> 00:08:23,212 มีรถคันหนึ่งเข้ามาจอดเทียบ 121 00:08:23,295 --> 00:08:25,714 ในนั้นตำรวจนั่งกันเต็มเลย 122 00:08:28,759 --> 00:08:31,178 เขาถามผมว่า "แกทำอะไรอยู่" 123 00:08:31,261 --> 00:08:35,349 ผมบอกว่ากำลังพยายามหารถกลับเข้าเมือง 124 00:08:35,432 --> 00:08:38,184 "แกมาทำอะไรอยู่ตรงนี้" ผมก็อธิบายหมดว่าทำอะไร 125 00:08:38,809 --> 00:08:41,104 เขาชักปืนออกมา 126 00:08:41,188 --> 00:08:46,610 แล้วก็โน้มตัวออกมาจากหน้าต่างรถเลยนะ 127 00:08:48,362 --> 00:08:51,406 เอาปืนจ่อเข้ากับหัวผม 128 00:08:52,741 --> 00:08:53,742 ตรงนี้ 129 00:08:55,869 --> 00:08:58,121 แล้วบอกกับมิตรสหายของเขาในรถว่า 130 00:08:59,039 --> 00:09:03,335 "จะจัดการไอ้นี่ยังไงดี" 131 00:09:03,919 --> 00:09:05,629 เขาไม่ได้ใช้คำว่า "ไอ้นี่" 132 00:09:06,463 --> 00:09:08,590 เขาบอกว่า "ถ้าฉันปล่อยแกไป 133 00:09:08,674 --> 00:09:14,054 คิดว่าจะเดินกลับไปจนถึงบ้านที่จากมาได้ไหม 134 00:09:15,806 --> 00:09:18,141 โดยห้ามหันหลังมามอง คิดว่าทำได้หรือเปล่า" 135 00:09:19,726 --> 00:09:24,064 ผมตอบว่า "ได้ ผมทำได้" 136 00:09:25,023 --> 00:09:29,152 เขาบอก "ถ้าแกเหลียวหลังแม้แต่ครั้งเดียว เราจะยิงแกให้ตาย" 137 00:09:32,573 --> 00:09:36,159 อีกห้าสิบกว่าช่วงถนนต่อมา 138 00:09:36,243 --> 00:09:42,040 ทุกครั้งที่เดินผ่านกระจก ผมทำได้แต่เหลือบตามอง 139 00:09:42,124 --> 00:09:48,088 แล้วก็จะเห็นว่ารถตำรวจยังจ่อตามมาข้างหลัง 140 00:09:53,510 --> 00:09:55,304 ตามมาอย่างนั้น… 141 00:09:59,141 --> 00:10:03,228 จนไปถึงถนนเส้นเล็กๆ 142 00:10:04,479 --> 00:10:07,858 ที่ญาติของผมอยู่กัน 143 00:10:09,651 --> 00:10:12,696 ไปถึงตรงนั้น ถึงได้ขับเลยผ่านไป 144 00:10:14,239 --> 00:10:17,659 ในเวลาไม่กี่เดือน 145 00:10:17,743 --> 00:10:23,373 ผมต้องเปลี่ยนมุมมองชีวิตโดยสิ้นเชิงเลย 146 00:10:25,209 --> 00:10:28,045 ผมต้องหัดเรียนรู้ว่าใครคือผู้มีอำนาจ 147 00:10:28,128 --> 00:10:33,509 และผมจะได้เป็นพยานถึง การใช้อำนาจเหล่านั้น 148 00:10:44,686 --> 00:10:48,649 ตอนนั้นผมรู้แล้วว่า ยังไงก็ต้องออกจากเมืองนั้น 149 00:10:48,732 --> 00:10:50,275 ผมรู้เลยว่าต้องไป 150 00:10:50,817 --> 00:10:54,321 ผมไม่รู้หรอกว่าจะหาที่ไหน 151 00:10:54,404 --> 00:10:57,407 ซึ่งแตกต่างจากฟลอริดาได้หรือเปล่า 152 00:11:00,369 --> 00:11:03,580 ผมได้ยินคนพูดกันว่ามีที่หนึ่ง 153 00:11:03,664 --> 00:11:07,167 ซึ่งจะเปิดโอกาสอีกแบบหนึ่งให้พวกเรา 154 00:11:07,251 --> 00:11:08,252 นิวยอร์ก 155 00:11:11,672 --> 00:11:13,757 ผมไปถึงนิวยอร์ก ที่สถานีรถโดยสาร… 156 00:11:13,841 --> 00:11:14,925 (นิวยอร์กซิตี้) (ปี 1943) 157 00:11:15,008 --> 00:11:16,677 ตรงถนนสาย 50 ตัดกับสาย 8 158 00:11:16,760 --> 00:11:19,638 เดินออกมาที่ถนน 159 00:11:20,305 --> 00:11:23,308 แล้วผมก็ทึ่งกับที่นี่มากๆ 160 00:11:24,059 --> 00:11:26,979 มีชายชาวแอฟริกันอเมริกันคนหนึ่ง เดินเข้ามาหาผม 161 00:11:27,062 --> 00:11:29,147 เขาถามว่า "เป็นยังไงบ้าง" ผมตอบว่า "สบายดี" 162 00:11:29,231 --> 00:11:30,524 เขาถาม "คุณจะไปไหน" 163 00:11:30,607 --> 00:11:33,944 ผมถามเขา "ช่วยบอกทาง ไปฮาร์เลมหน่อยได้ไหม" 164 00:11:34,027 --> 00:11:35,237 เขาบอกว่า "ได้สิ" 165 00:11:35,320 --> 00:11:38,782 เขาบอก "ลงไปทางนั้นนะ แล้วขึ้นรถไฟสายเอไป" 166 00:11:38,866 --> 00:11:40,868 (อินเทอร์โบโรห์) (แรพิดทรานสิทกัมปะนี) 167 00:11:40,951 --> 00:11:44,204 ผมก็เริ่มหวั่นใจหน่อยละ เพราะเขาบอกว่า "ลงไปตรงนั้น 168 00:11:44,288 --> 00:11:46,373 มีบันไดลงไปที่ใต้ดิน" 169 00:11:49,626 --> 00:11:51,253 ผมเลยบอกว่า "โอเค" 170 00:11:53,005 --> 00:11:56,633 ผมเดินลงบันไดไปแบบที่ไม่เต็มใจเลย 171 00:11:56,717 --> 00:12:00,179 แล้วก็ได้ยินเสียงฉึกฉักครืนๆ 172 00:12:00,262 --> 00:12:02,973 รอไม่นาน รถไฟก็วิ่งฉิว… 173 00:12:14,860 --> 00:12:17,529 รถไปถึงถนนสาย 116 แล้วผมก็ลง 174 00:12:17,613 --> 00:12:19,865 แล้วก็เดินตามคนที่ลงเหมือนกันไป 175 00:12:19,948 --> 00:12:21,283 เดินขึ้นบันได 176 00:12:21,366 --> 00:12:24,286 แล้วผมก็ไปถึงฮาร์เลม 177 00:12:28,707 --> 00:12:31,043 (ซาวอย) (ลินดี้ฮอป - บิ๊กแอปเปิ้ล) 178 00:12:35,797 --> 00:12:37,674 ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีคนดำยืนอยู่ด้วย 179 00:12:37,758 --> 00:12:39,676 ผมพูด "หวัดดี" พวกเขาก็ทักทายผมตอบ 180 00:12:39,760 --> 00:12:41,762 ผมตื่นเต้นมากๆ 181 00:12:49,895 --> 00:12:51,897 ศิลปินผิวดำอยู่กันหนาแน่นมากในย่านฮาร์เลม 182 00:12:51,980 --> 00:12:53,440 (เกรก เทท) (นักวิจารณ์วัฒนธรรม นักดนตรี) 183 00:12:53,524 --> 00:12:55,943 เราจะรับรู้ได้ถึง ความยิ่งใหญ่ที่อยู่รอบตัว 184 00:12:56,026 --> 00:12:57,361 คือทั้ง เอลลิงตัน 185 00:12:57,444 --> 00:12:59,488 ลีน่า ฮอร์น บิลลี่ ฮอลิเดย์ 186 00:12:59,571 --> 00:13:01,949 คือว่า นั่นเป็นซูเปอร์สตาร์ที่ หาได้ทั่วไปในที่นั้นเลย 187 00:13:02,032 --> 00:13:05,160 สมัยนั้นเรารู้เลยว่า คนจะเป็นศิลปินต้องวัดกันตรงไหน 188 00:13:05,244 --> 00:13:07,621 เห็นๆ กันอยู่ตรงหน้า ไม่ต้องมีฟิลเตอร์ 189 00:13:07,704 --> 00:13:08,539 (เบิร์ดแลนด์) 190 00:13:08,622 --> 00:13:10,832 นี่เป็นวิถีของเมืองในยุคที่ 191 00:13:10,916 --> 00:13:12,960 กำลังรอให้ซิดนีย์ พัวติเยร์มาถึง 192 00:13:13,043 --> 00:13:14,044 (ซิดนีย์ พัวติเยร์ ปี 1943) 193 00:13:14,127 --> 00:13:16,004 คุณมาเมืองนี้เพราะอยากค้นหา ชื่อเสียงและสร้างตัว 194 00:13:16,088 --> 00:13:18,924 - ผมมาเพื่อค้นหาเฉยๆ - ค้นหา 195 00:13:19,007 --> 00:13:22,052 คงต้องบอกว่าการค้นหาของผม ไม่เจออะไรเลยอยู่นานมาก 196 00:13:22,135 --> 00:13:25,806 ที่จุดถนนสาย 49 ตัดกับบรอดเวย์ 197 00:13:25,889 --> 00:13:27,808 จะมีร้านบาร์ปิ้งย่าง 198 00:13:28,308 --> 00:13:30,561 ที่หน้าร้านติดป้ายไว้ว่า "รับสมัครคนล้างจาน" 199 00:13:30,644 --> 00:13:33,188 ผมเดินเข้าไป เขาถามว่า "เริ่มได้เมื่อไหร่" 200 00:13:33,772 --> 00:13:36,066 ผมตอบว่า "เริ่มได้เดี๋ยวนี้เลย" 201 00:13:36,149 --> 00:13:37,484 เขาเลยจ้างผม 202 00:13:38,569 --> 00:13:41,655 เขาไม่เพียงแต่ให้ผมทำงาน เขาจ่ายเงินให้ผมคืนละสี่เหรียญ 203 00:13:41,738 --> 00:13:43,323 ผมกินข้าวที่ร้านได้ด้วย 204 00:13:43,407 --> 00:13:45,701 ตอนทำงานเสร็จคืนแรก 205 00:13:46,869 --> 00:13:48,453 ผมไปที่สถานีรถโดยสาร 206 00:13:48,537 --> 00:13:49,538 (เกรย์ฮาวนด์) (ศูนย์รถโดยสาร - ร้านอาหาร) 207 00:13:49,621 --> 00:13:52,249 แล้วก็ไปนอนในส้วม 208 00:13:52,332 --> 00:13:55,419 เมื่อก่อนในนั้นส้วมต้องหยอดเหรียญนะ ผมก็หยอดไปหนึ่งนิกเกิล ห้าเซนต์ 209 00:13:55,502 --> 00:13:58,255 หยอดไปหนึ่งนิกเกิล แล้วก็เข้าไปได้ 210 00:13:58,338 --> 00:14:02,009 เอาฝาปิดลง นั่งบนนั้น ยกเท้าขึ้นยันประตูไว้ 211 00:14:02,092 --> 00:14:03,260 แล้วก็นอนเลย 212 00:14:03,343 --> 00:14:05,888 คงไม่ต้องบอกว่านอนไม่สบายหรอก 213 00:14:07,264 --> 00:14:08,891 ในคืนวันหนึ่ง 214 00:14:08,974 --> 00:14:11,894 ผมนั่งอยู่ข้างๆ ครัว 215 00:14:11,977 --> 00:14:13,854 อ่านหนังสือพิมพ์ 216 00:14:13,937 --> 00:14:17,065 มีบ๋อยคนหนึ่งมองมาแล้วเห็นว่า ผมนั่งอยู่ตรงนั้น 217 00:14:17,149 --> 00:14:20,068 ผมบอกว่า "ผมพยายามฝึกอ่านหนังสือ ให้คล่องกว่าที่เป็นอยู่" 218 00:14:20,152 --> 00:14:23,238 เขาบอกว่า "อยากให้ฉันช่วยอ่านด้วยไหมล่ะ" 219 00:14:23,906 --> 00:14:26,200 ทุกคืน 220 00:14:26,992 --> 00:14:30,996 ชายคนนั้น บ๋อยชาวยิว 221 00:14:31,663 --> 00:14:34,917 จะเดินมาดูผมอ่านหนังสือพิมพ์ 222 00:14:35,000 --> 00:14:41,924 แล้วก็นั่งช่วยสอนจนกระทั่ง ผมเริ่มอ่านหนังสือออกอย่างจริงจัง 223 00:14:42,007 --> 00:14:45,928 นั่นเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นการเดินทางของผม 224 00:14:46,011 --> 00:14:49,181 ถ้าเราเลิกดิ้นรน คนก็จะเดินผ่านเราไปเฉยๆ 225 00:14:49,890 --> 00:14:51,433 แต่ถ้าคนเห็นว่าคุณยังพยายาม… 226 00:14:51,517 --> 00:14:52,351 (มอร์แกน ฟรีแมน) 227 00:14:52,434 --> 00:14:54,061 จะมีคนที่หยุดแล้วช่วยให้กำลังใจ 228 00:14:54,144 --> 00:14:57,022 หรือช่วยอะไรเล็กๆ น้อยๆ แบบที่จำเป็นต้องมีถึงจะไปต่อได้ 229 00:14:57,731 --> 00:14:58,982 เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นเสมอ 230 00:15:01,318 --> 00:15:04,363 ผมอยู่ที่ถนนเส้น 125 ในฮาร์เลม 231 00:15:04,446 --> 00:15:07,574 แล้วผมก็ซื้อหนังสือพิมพ์ชื่อว่า อัมสเตอร์ดัมนิวส์… 232 00:15:07,658 --> 00:15:10,244 เป็นหนังสือพิมพ์คนดำ… เพราะมีหน้าโฆษณาหางาน 233 00:15:10,327 --> 00:15:14,081 ในหน้าหางานนั้นมีหลายที่ซึ่ง ผมเคยได้งานจากที่นั่น 234 00:15:14,164 --> 00:15:16,291 งานล้างจาน งานหิ้วกระเป๋า 235 00:15:16,375 --> 00:15:18,752 งานอะไรอีกหลายอย่างที่ผมพอจะทำได้ 236 00:15:18,836 --> 00:15:20,379 (รับสมัครนักแสดง) (โรงละครอเมริกันนิโกรเธียเตอร์) 237 00:15:20,462 --> 00:15:23,090 ที่หน้าตรงข้ามกันเขาเขียนไว้ว่า "รับสมัครนักแสดง" 238 00:15:23,674 --> 00:15:28,178 ผมบอกตัวเองเลยว่า "โอ้โห รับสมัครนักแสดงเหรอ 239 00:15:28,262 --> 00:15:31,014 ถ้าเป็นนักแสดงแล้วเราจะทำอะไรได้" 240 00:15:32,307 --> 00:15:35,269 ผมก็ไปตามที่อยู่ในประกาศ เคาะประตู 241 00:15:35,352 --> 00:15:37,271 ผ่านไปพักหนึ่งก็มีคนออกมา 242 00:15:37,354 --> 00:15:40,023 เขาตัวใหญ่เท่าภูเขาเลากา ใหญ่มาก เขาคือเฟรเดอริค โอนีล 243 00:15:40,107 --> 00:15:41,108 (เฟรเดอริค โอนีล) 244 00:15:41,191 --> 00:15:42,401 (ผู้ร่วมก่อตั้ง อเมริกันนิโกรเธียเตอร์) 245 00:15:43,068 --> 00:15:46,864 ผมเดินเข้าไป เดินขึ้นไปบนเวที แล้วก็เปิดหน้าตามที่เขาว่า 246 00:15:46,947 --> 00:15:49,950 เขาเปิดสคริปต์อีกชุดหนึ่ง เขานั่งอยู่ในเก้าอี้คนดูนะ 247 00:15:50,033 --> 00:15:52,703 แล้วก็พลิกหน้ากระดาษ บอกว่า "อ่านบทจอห์น" 248 00:15:52,786 --> 00:15:55,581 ผมก้มอ่าน เห็นคำว่า "จอห์น" ผมก็บอก "โอเค" 249 00:15:56,164 --> 00:16:01,587 "เขาพูดว่า 'คุณจะไปไหน'" 250 00:16:01,670 --> 00:16:04,798 แล้วเขา… เขาหงุดหงิดและโมโหไม่ใช่น้อยเลย 251 00:16:04,882 --> 00:16:07,467 ไล่ผมออกจากโรงละครอะไรแบบนั้น 252 00:16:07,551 --> 00:16:09,720 เขาบอกว่า "วันหลังไม่ต้องมาทำคนเสียเวลา 253 00:16:09,803 --> 00:16:12,181 แล้วไปหางานเป็นคนล้างจานอะไรงั้นไป" 254 00:16:12,264 --> 00:16:14,766 จังหวะนั้นแหละ ผมจึงกลายเป็นนักแสดงเลยจริงๆ 255 00:16:15,267 --> 00:16:18,187 ผมบอกว่า "ผมจะเป็นนักแสดงให้ได้ 256 00:16:18,812 --> 00:16:24,443 และเมื่อเป็นแล้ว ผมจะกลับมา เล่นให้ชายคนนั้นดู" 257 00:16:24,526 --> 00:16:25,944 คุณเคยมีปัญหาเรื่องสำเนียง 258 00:16:26,028 --> 00:16:27,988 ตอนที่เพิ่งเริ่มทำงานในนิวยอร์กใช่มั้ย ผมอ่านมา 259 00:16:28,071 --> 00:16:29,072 (เดอะดิ๊ก คาเวตต์โชว์) 260 00:16:29,156 --> 00:16:30,991 พูดให้ฟังหน่อยได้ไหมว่า สำเนียงตอนแรกเป็นยังไง 261 00:16:31,074 --> 00:16:32,451 บทง่ายๆ อย่าง… 262 00:16:34,036 --> 00:16:35,245 "ผมจะกลับบ้าน" 263 00:16:36,079 --> 00:16:39,082 สมัยผมยังเด็ก เราจะพูดว่า "ผ'จ'กับบั้ง" 264 00:16:39,166 --> 00:16:42,085 มีคนบอกเลยว่าต้องเลิกพูดไม่ชัด หากอยากจะเป็นนักแสดง 265 00:16:42,711 --> 00:16:44,421 ผมเลยกำจัดสำเนียงเอง 266 00:16:45,214 --> 00:16:47,841 ผมซื้อวิทยุราคา 14 เหรียญมาเครื่องหนึ่ง 267 00:16:47,925 --> 00:16:51,678 แล้วก็หมุนฟังคนที่ชื่อว่า นอร์แมน โบรเคนไชร์ 268 00:16:51,762 --> 00:16:54,890 นอร์แมน โบรเคนไชร์เป็นผู้ประกาศข่าว 269 00:16:54,973 --> 00:16:56,642 (นอร์แมน โบรเคนไชร์) 270 00:16:57,976 --> 00:16:59,478 เขามีเสียงที่สุดยอดมากๆ 271 00:16:59,561 --> 00:17:00,395 (ออกอากาศอยู่) 272 00:17:00,479 --> 00:17:02,731 เป็นอย่างไรกันบ้าง ท่านผู้มีเกียรติทุกท่าน เป็นอย่างไรกันบ้างครับ 273 00:17:02,814 --> 00:17:04,233 กระผม นอร์แมน โบรเคนไชร์ 274 00:17:04,316 --> 00:17:08,444 ผมจะฟังเสียงเขาพูด… ผ่านไปสักพักผมจะพูดตาม 275 00:17:08,529 --> 00:17:11,949 คือผมใช้ชีวิตเป็นคนหน้าไมค์มา 25 ปี 276 00:17:12,031 --> 00:17:14,660 บอกได้เลยว่านี่เป็นวงการที่แข่งขันสูงมาก 277 00:17:14,742 --> 00:17:19,080 จนกระทั่งแทบไม่เหลือสำเนียงเดิมอีกเลย 278 00:17:19,164 --> 00:17:21,375 ผมออกไปแล้ว… ซื้อหนังสือ 279 00:17:21,458 --> 00:17:24,377 แล้วก็หัดวิธีอ่านบทละครอะไรแบบนั้น 280 00:17:24,461 --> 00:17:27,631 ผมกลับไปคัดตัวอีกรอบ 281 00:17:27,714 --> 00:17:28,966 แล้วได้รับบท 282 00:17:29,049 --> 00:17:30,050 (อเมริกันนิโกรเธียเตอร์) 283 00:17:30,133 --> 00:17:34,805 ผมใช้โรงละคร ใช้การแสดง และชั้นเรียนการแสดงเป็นเหมือนที่บำบัดส่วนตัว 284 00:17:36,557 --> 00:17:39,101 ผมจะไปที่โรงละคร หลังจากเสร็จงานที่ย่านการ์เมนต์ดิสทริกต์ 285 00:17:39,184 --> 00:17:42,563 หรือหนึ่งในที่ 14 หรือ 18 ที่ซึ่งผมเคยทำงาน 286 00:17:43,397 --> 00:17:44,690 แล้วตอนค่ำก็ไปเรียน 287 00:17:44,773 --> 00:17:47,776 จะไปนั่งดู ศึกษาแล้วก็ทดลองเล่นฉากต่างๆ 288 00:17:47,860 --> 00:17:50,737 ตอนนั้น ตอนที่ผมอายุ 17 หรือ 18 ปี 289 00:17:50,821 --> 00:17:54,575 การแสดงทำให้ผมสามารถได้แสดงออก 290 00:17:54,658 --> 00:17:57,202 และสามารถระบาย ความอึดอัดคับข้องใจออกได้บ้าง 291 00:17:57,286 --> 00:18:01,957 เป็นที่ซึ่งผมสามารถระบายความสับสน หรือเรื่องไม่สบายใจอื่นๆ 292 00:18:02,666 --> 00:18:04,877 เข้าไปในตัวละครสมมติ 293 00:18:04,960 --> 00:18:08,672 ผมรู้สึกว่านี่เป็นหนึ่งในสิ่งที่ ทำให้ผมพิเศษไม่เหมือนใคร 294 00:18:08,755 --> 00:18:10,799 อยู่ที่นี่ผมเป็นอะไรได้หลายสิ่ง 295 00:18:10,883 --> 00:18:13,510 และมีตัวตนได้ในหลายด้าน ไม่ว่าจะนับทางสังคมหรือทางอื่นๆ 296 00:18:13,594 --> 00:18:15,512 ซึ่งตัวจริงของผมอาจจะไปอยู่ไม่ได้… 297 00:18:15,596 --> 00:18:20,017 แต่ผมสามารถเอาคืนได้ ด้วยการสร้างภาพสมมติในแบบนี้ 298 00:18:21,852 --> 00:18:24,313 ไอ้ทรราช จงโผล่หน้าออกมา 299 00:18:24,396 --> 00:18:25,731 เจ้าชื่อว่ากระไร 300 00:18:27,024 --> 00:18:30,485 ผมว่าหนึ่งในสิ่งที่หายไปคือโรงละครคนดำ 301 00:18:31,570 --> 00:18:33,113 ข้าชื่อแมคเบธ 302 00:18:33,197 --> 00:18:37,534 ตั้งแต่หลังสงครามโลกจนถึงช่วงยุค 1980 303 00:18:37,618 --> 00:18:39,786 โรงละครคนดำ ถือเป็นสุ้มเสียงของงานศิลป์คนดำ 304 00:18:39,870 --> 00:18:41,538 อเมริกันนิโกรเธียเตอร์ก็ทำให้เกิด… 305 00:18:41,622 --> 00:18:42,789 (เนลสัน จอร์จ) (นักเขียน นักประวัติศาสตร์) 306 00:18:42,873 --> 00:18:45,417 คณะนิโกรอองเซมเบิลคอมพานี และกลุ่มละครเวทีชั้นเยี่ยมกลุ่มอื่นๆ 307 00:18:45,501 --> 00:18:47,669 (อเมริกันนิโกรเธียเตอร์) 308 00:18:47,753 --> 00:18:51,048 นั่นเป็นที่ซึ่งนักแสดงหนุ่มสาวจะได้ขึ้นเวที 309 00:18:51,632 --> 00:18:52,841 ไปฝึกปรือฝีมือได้ 310 00:18:52,925 --> 00:18:54,510 ทุกคนต้องผ่านโรงละครคนดำมา 311 00:18:54,593 --> 00:18:57,554 น่าจะต้องรอจนถึงยุค 1990 เราถึงจะสามารถคัดนักแสดงผิวดำ 312 00:18:57,638 --> 00:18:59,806 ที่ไม่เคยผ่านโรงละครคนดำมาเลยได้ 313 00:18:59,890 --> 00:19:01,767 ผมก็ไปคัดตัวที่นั่น 314 00:19:01,850 --> 00:19:02,851 (เสียงแฮร์รี่ เบลาฟอนเต) 315 00:19:02,935 --> 00:19:03,769 พอไปถึง 316 00:19:03,852 --> 00:19:07,105 ก็เห็นชายผิวดำหน้าบูดคนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงข้ามห้องกับผม 317 00:19:07,189 --> 00:19:08,482 (ซิดนีย์ พัวติเยร์) 318 00:19:08,565 --> 00:19:11,610 ดูเขาไม่ค่อยพอใจที่เห็นผมเท่าไหร่ 319 00:19:11,693 --> 00:19:13,153 ผมมองหน้าเขา แล้วก็รู้เลยว่า 320 00:19:13,237 --> 00:19:15,989 ผมจะต้องแข่งกับหมอนี่ 321 00:19:16,073 --> 00:19:17,866 ไปจนกว่าจะตาย 322 00:19:18,367 --> 00:19:22,621 ผมตัดสินใจเลยว่าคงต้อง เอาดวงมาผูกไว้กับดวงดาราของซิดนีย์… 323 00:19:23,705 --> 00:19:26,500 จนกระทั่งเขาลากผมไป ผ่านประสบการณ์สุดขอบฟ้าด้วย 324 00:19:27,000 --> 00:19:28,418 แล้วผม… 325 00:19:28,502 --> 00:19:30,170 สายตาเป็นมีดก็แทงตายแล้ว 326 00:19:31,046 --> 00:19:34,091 พ่อฉันกับแฮร์รี่มีโบรแมนซ์ที่ยาวนานบ้าบอมาก 327 00:19:34,174 --> 00:19:35,217 พวกเขาสนิทกัน 328 00:19:35,300 --> 00:19:38,178 ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่อยู่ คณะอเมริกันนิโกรเธียเตอร์ 329 00:19:38,262 --> 00:19:39,263 (ซิดนีย์ พัวติเยร์ ฮาร์ทซอง) (ลูกสาว) 330 00:19:39,346 --> 00:19:42,140 และทั้งสองเป็นเพื่อนสนิทที่สุดต่อกัน 331 00:19:42,933 --> 00:19:45,686 แล้วพวกเขาก็แตกคอกัน แตกคอกันเป็นระยะๆ นึกออกไหม 332 00:19:45,769 --> 00:19:48,730 เหมือนคู่แต่งงานแก่ๆ เลยค่ะ คือว่าเหมือน… 333 00:19:48,814 --> 00:19:52,109 แยกทางกัน หย่ากัน แล้วก็กลับมาแต่งกันใหม่ 334 00:19:52,192 --> 00:19:54,278 - มีบางครั้งที่เราเห็นไม่ตรงกัน - อ้อ 335 00:19:54,361 --> 00:19:57,531 และไม่ได้เป็นเชิงตลกนะ บางครั้งเราเห็นไม่ตรงกัน 336 00:19:57,614 --> 00:20:00,325 ในหลายเรื่อง 337 00:20:00,409 --> 00:20:03,161 แต่เราก็แลกเปลี่ยนความคิดในเรื่องเหล่านั้น 338 00:20:03,245 --> 00:20:06,707 ผมได้เรียนรู้อะไรเยอะมากจากชายคนนี้ ตลอด 26 ปีที่รู้จักกัน 339 00:20:06,790 --> 00:20:09,626 ผมคิดว่าเขาก็คงเรียนอะไรไปจากผมบ้าง 340 00:20:10,502 --> 00:20:13,839 พวกเราเป็นศิลปิน ผมก็มีอีโก้ เขาก็มีอีโก้ 341 00:20:13,922 --> 00:20:14,965 ใช่สิ ที่รัก 342 00:20:18,385 --> 00:20:19,386 ก็… 343 00:20:20,345 --> 00:20:23,348 ตอนนั้นผมอายุ 18 ออกมาจากเบิร์ดแลนด์… 344 00:20:23,432 --> 00:20:24,433 (เบิร์ดแลนด์) 345 00:20:24,516 --> 00:20:25,517 (ควินซี โจนส์) 346 00:20:25,601 --> 00:20:29,188 แล้วได้ดูทั้งซิดนีย์ แฮร์รี่ เบลาฟอนเต แล้วก็มาร์ลอน แบรนโด 347 00:20:29,271 --> 00:20:33,108 คือ โห ไม่เอาน่ะ นั่นเหมือนประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ 348 00:20:33,734 --> 00:20:36,320 พวกเราเถื่อนกันมาก คนสมัยนั้นเถื่อนกันหมด 349 00:20:36,403 --> 00:20:38,697 ชินกับการรักและชินกับการสู้ 350 00:20:39,323 --> 00:20:41,783 พวกเขาสนิทกัน สนิทกันต่อเนื่อง 351 00:20:42,618 --> 00:20:43,619 และทำงานใกล้ชิดกัน 352 00:20:43,702 --> 00:20:45,829 แต่ก็ถลึงตาค้อนกันตลอด 353 00:20:46,705 --> 00:20:48,498 จนตอนนี้ยังไม่เลิกเลย 354 00:20:48,582 --> 00:20:50,792 ตอนนั้นเราเล่นละครเวทีชื่อ Days of Our Youth 355 00:20:50,876 --> 00:20:52,503 ซิดนีย์ พัวติเยร์เป็นตัวสำรองของผม 356 00:20:52,586 --> 00:20:54,463 แน่นอน เราทำงานแบบแทบไม่ได้เงินอะไร 357 00:20:54,546 --> 00:20:55,631 ผมมีงานทำอยู่ 358 00:20:55,714 --> 00:20:56,715 (แฮร์รี่ เบลาฟอนเต) 359 00:20:56,798 --> 00:20:58,467 ผมเป็นผู้ช่วยภารโรง 360 00:20:58,550 --> 00:21:00,302 คืนหนึ่งพวกเขาเปิดแสดง 361 00:21:00,385 --> 00:21:03,138 เรื่องนั้นแฮร์รี่ เบลาฟอนเตเป็นพระเอก เขาควรต้องขึ้นเวที 362 00:21:03,222 --> 00:21:05,015 แต่ตอนนั้นเขาเป็นคนเก็บขยะด้วย 363 00:21:05,098 --> 00:21:07,935 เลยโดนเรียกไปเข้ากะ ซึ่งก็จำเป็นต้องไป 364 00:21:08,018 --> 00:21:10,687 พ่อของฉัน เพราะเป็นตัวสำรอง เลยได้เล่นแทน 365 00:21:10,771 --> 00:21:13,440 ปรากฏว่าคืนนั้นมีโปรดิวเซอร์จากบรอดเวย์ 366 00:21:13,524 --> 00:21:15,359 นั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชมด้วย 367 00:21:15,442 --> 00:21:17,694 ฉันคิดว่าเขากำลังหานักแสดง เรื่อง Lysistrata 368 00:21:19,029 --> 00:21:21,240 แล้วเขาก็เลือกพ่อฉันไปเล่น 369 00:21:21,323 --> 00:21:23,659 ฉันว่าแฮร์รี่น่าจะโกรธเรื่องคืนนั้นน่าดู 370 00:21:23,742 --> 00:21:24,743 (ทเวนตี้เซนจูรีฟ็อกซ์) 371 00:21:24,826 --> 00:21:27,329 ทเวนตี้เซนจูรีฟ็อกซ์ ให้แมวมองบินมารัฐตะวันออก 372 00:21:27,412 --> 00:21:28,664 เพื่อค้นหานักแสดง 373 00:21:28,747 --> 00:21:30,040 เขาได้ดูซิดนีย์ พัวติเยร์ 374 00:21:30,123 --> 00:21:31,625 แล้วให้เขาบินไปแคลิฟอร์เนีย 375 00:21:31,708 --> 00:21:33,794 ให้เขาทดสอบหน้ากล้อง ที่เหลือก็กลายเป็นประวัติศาสตร์แล้ว 376 00:21:33,877 --> 00:21:36,797 ทุกครั้งที่เขาพูดบทอะไร ผมจะย้ำเสมอ เขาจะได้ไม่หยิ่ง 377 00:21:36,880 --> 00:21:40,259 ว่าอาชีพเขารุ่งเรืองขึ้นมาได้บนกองขยะ 378 00:21:40,342 --> 00:21:43,262 ทำแบบนั้นคงทำให้หงุดหงิดน่าดู หากไม่ได้ประสบความสำเร็จ 379 00:21:43,345 --> 00:21:44,263 อย่างที่คุณทำได้หลังจากนั้น 380 00:21:44,346 --> 00:21:46,181 ไม่นะ ผมประสบความสำเร็จพอสมควร แต่ก็ยังหงุดหงิดอยู่ 381 00:21:57,651 --> 00:21:58,819 - ไง เลฟตี้ - หวัดดี ลูธ 382 00:21:58,902 --> 00:22:01,446 เป็นยังไงบ้าง ฉันตามหาแกอยู่ทีเดียว 383 00:22:02,197 --> 00:22:04,950 ผมเริ่มต้นชีวิตนักแสดงหนัง กับชายที่ชื่อโจ แมนคีวิซ 384 00:22:05,033 --> 00:22:06,076 (กำกับโดย โจเซฟ แอล. แมนคีวิซ) 385 00:22:06,159 --> 00:22:07,828 - สวัสดี บรูคส์ - สวัสดีครับ คุณหมอ 386 00:22:07,911 --> 00:22:10,956 เขาอยากทำหนังเกี่ยวกับ คนดำในอเมริกา 387 00:22:11,498 --> 00:22:12,332 (ปี 1950) 388 00:22:12,416 --> 00:22:16,837 นั่นเป็นหนังที่น่าสนใจมาก หนังเรื่องแรกที่เป็นแบบนั้น 389 00:22:16,920 --> 00:22:21,800 ผมเล่นเป็นแพทย์หนุ่มผิวดำ ในโรงพยาบาลที่ลอสแองเจลิส 390 00:22:21,884 --> 00:22:23,260 ผมคือนพ.บรูคส์ 391 00:22:23,343 --> 00:22:25,220 ฮื่อ พวกนั้นบอกว่าคุณจะอยู่ 392 00:22:25,304 --> 00:22:28,056 เป็นหนังแบบที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนจริงๆ 393 00:22:28,140 --> 00:22:29,892 ไม่อยากให้มันรักษา จะเอาหมอผิวขาว 394 00:22:29,975 --> 00:22:31,977 เดี๋ยวจะปิดไฟให้ แค่นั้นก็ไม่ต่างกันแล้ว 395 00:22:32,060 --> 00:22:34,146 - ผมไม่มีสิทธิ์อะไรเลยเหรอ - ไม่มี! 396 00:22:34,229 --> 00:22:35,981 มีคนในวงการบันเทิง 397 00:22:36,064 --> 00:22:37,733 ที่ไม่มีความกล้า 398 00:22:37,816 --> 00:22:40,736 จะลุกขึ้นมาทำหนังแบบนั้นเกี่ยวกับคนดำ 399 00:22:40,819 --> 00:22:43,822 มีความชินชาที่ทำกันจนเคยตัว 400 00:22:43,906 --> 00:22:48,702 ในการใช้นักแสดงคนดำในแบบที่ ต่ำต้อยด้อยค่าที่สุด 401 00:22:48,785 --> 00:22:51,288 ผมรู้นะว่าเรากินมันฝรั่งบด โดยไม่ต้องใช้มีดและ… 402 00:22:51,371 --> 00:22:52,623 (สเตพิน เฟชอิท) 403 00:22:52,706 --> 00:22:54,041 - เลิกทำงี่เง่าเสียที! - ผม… 404 00:22:54,124 --> 00:22:55,834 เรากำลังพูดถึงยุค 40 405 00:22:55,918 --> 00:22:58,545 ถ้าคนดำอยากเล่นหนัง เราต้องเป็นคนตลก 406 00:22:58,629 --> 00:22:59,963 สเตพิน เฟชอิท 407 00:23:00,464 --> 00:23:01,673 แมนแทน มอร์แลนด์ 408 00:23:01,757 --> 00:23:04,343 โห คุณบิล ต้องไปด้วยเหรอครับ ผมอยู่บนนี้กับคุณไม่ได้เหรอ 409 00:23:04,426 --> 00:23:05,427 (แมนแทน มอร์แลนด์) 410 00:23:05,511 --> 00:23:08,889 ไม่ได้ ต้องเข้าใจนะว่า มันจะเป็นตัวอย่างไม่ดีต่อคนใช้คนอื่นๆ 411 00:23:08,972 --> 00:23:09,973 เข้าใจสิ 412 00:23:10,057 --> 00:23:12,851 นั่นเป็นดาราแล้วนะ… เป็นดาราผิวดำในยุคนั้น 413 00:23:12,935 --> 00:23:15,103 ถ้าไม่ทำตัวตลกก็ไม่ได้งาน 414 00:23:15,687 --> 00:23:19,399 แมนแทน มอร์แลนด์ สเตพิน เฟชอิทและแฮทตี้ แมคแดเนียล 415 00:23:19,483 --> 00:23:22,152 ผมรู้ตั้งแต่ตอนเข้าวงการว่า พวกเขาต้องเจ็บปวดแค่ไหน… 416 00:23:22,236 --> 00:23:23,237 (แฮทตี้ แมคแดเนียล) 417 00:23:23,320 --> 00:23:28,075 ที่พวกเขาต้องพูดคำเหล่านั้น และทำตัวในแบบที่เห็นกันนั้น 418 00:23:28,784 --> 00:23:30,744 โธ่ เจฟฟ์ แกเป็นคนขี้เกียจที่สุดที่ฉันรู้จักมา 419 00:23:31,328 --> 00:23:35,082 คุณแฟรงค์ครับ ผมไม่ได้ขี้เกียจ ผมแค่เป็นคนสะเบยดี 420 00:23:35,165 --> 00:23:39,753 สมัยนั้นฮอลลีวูดเป็นวงการซึ่งใจแคบมาก 421 00:23:39,837 --> 00:23:41,505 เมื่อเป็นเรื่องของคนดำ 422 00:23:41,588 --> 00:23:42,881 เดี๋ยว อย่าทิ้งผมไว้ที่นี่ 423 00:23:42,965 --> 00:23:45,425 แฮทตี้ แมคแดเนียล ได้รับเสนอชื่อเมื่อปี 1939 424 00:23:45,509 --> 00:23:47,386 เธอได้รางวัลเมื่อปี 1939 425 00:23:47,469 --> 00:23:50,889 ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ เข้าโรงแรมหรืออะไรแบบนั้น 426 00:23:50,973 --> 00:23:52,391 (พาเมลา พัวติเยร์) (ลูกสาว) 427 00:23:52,474 --> 00:23:54,601 และรู้ว่า แน่นอน การเล่นเป็นสาวใช้ 428 00:23:55,394 --> 00:23:57,062 ถึงจะเล่นได้ดีแค่ไหน 429 00:23:57,938 --> 00:24:02,609 แต่นั่นเป็นบทเดียวที่คนพวกนั้นต้องการ จากคนอย่างเธอ 430 00:24:02,693 --> 00:24:03,694 ฉันขออนุญาตขอบคุณ… 431 00:24:03,777 --> 00:24:08,365 ผมคิดว่าซิดนีย์ไม่เคยเล่นบทไหน ที่เรียกได้ว่า "สยบยอม" เลย 432 00:24:08,448 --> 00:24:10,534 ไม่เคยทำตาถลน 433 00:24:11,285 --> 00:24:12,578 ไม่เคยก้มหัวให้ใคร 434 00:24:13,120 --> 00:24:15,289 ไม่เคยพูดอะไรขำขัน 435 00:24:15,372 --> 00:24:17,749 เหมือนเรากำลังดูชายคนหนึ่งในโลก 436 00:24:17,833 --> 00:24:20,627 ซึ่งไม่ค่อยเปิดโอกาสให้เขามีปากมีเสียง 437 00:24:21,670 --> 00:24:24,256 แต่ปรากฏว่าเขามีอะไรจะพูด 438 00:24:25,299 --> 00:24:28,177 ทุกครั้งที่มีคนตายในโรงพยาบาลท้องถิ่น จะมีคนหาว่าเป็นการฆาตกรรม 439 00:24:28,260 --> 00:24:29,887 แต่การที่เขาหาว่าผมฆ่าคน มันไม่เหมือนกรณีอื่น 440 00:24:29,970 --> 00:24:31,305 ต้องเหมือนสิ คุณเป็นหมอ 441 00:24:31,388 --> 00:24:34,308 เขาไม่ได้ตะโกนด่าหมอ เขาตะโกนด่านิโกรต่างหาก 442 00:24:34,892 --> 00:24:37,436 ภาพยนตร์เปลี่ยนไป ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นบนจอ 443 00:24:37,519 --> 00:24:38,520 นึกออกไหม 444 00:24:38,604 --> 00:24:40,939 ไม่เคยมีคนดำแบบนั้นมาก่อน 445 00:24:41,023 --> 00:24:42,024 เขา… ใช่ คือว่า 446 00:24:42,107 --> 00:24:45,277 เขาสลักบทบาทในแบบที่ไม่เคยมีใครทำ 447 00:24:45,819 --> 00:24:47,571 ผมมีเรื่องที่ขับเคลื่อนจิตใจผม 448 00:24:48,071 --> 00:24:50,782 ผมมาจากครอบครัวยากจนมาก ครอบครัวยากจนมากจริงๆ 449 00:24:50,866 --> 00:24:53,702 ผมมาจากครอบครัวยากจนไร้การศึกษา ในแถบทะเลแคริบเบียน 450 00:24:54,203 --> 00:24:58,665 ครอบครัวยากจนไร้การศึกษา ในแถบแคริบเบียนของผมมองอเมริกา 451 00:24:58,749 --> 00:25:01,084 เป็นที่ซึ่งเหมือนถนนปูด้วยทอง 452 00:25:01,919 --> 00:25:05,506 และเมื่อขุดทองได้จำนวนหนึ่งแล้ว เราก็ควรส่งทองกลับไปบ้าน 453 00:25:06,298 --> 00:25:08,300 และเพราะผมไม่สามารถส่งทองกลับไปบ้านได้ 454 00:25:08,383 --> 00:25:12,304 ผมจึงมีความรู้สึกวิตกจริตแบบหนึ่ง ทุกครั้งที่คิดถึงบ้าน 455 00:25:12,387 --> 00:25:13,472 ผมตัดขาดกับที่บ้าน 456 00:25:13,555 --> 00:25:17,100 ผมไม่เขียนจดหมายไปเพราะ ผมไม่สามารถใส่เงินไปในซองด้วยได้ 457 00:25:17,184 --> 00:25:20,521 เขามีความรักและเคารพคุณปู่คุณย่าอย่างลึกซึ้ง 458 00:25:20,604 --> 00:25:23,232 ฉันว่านั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้เขาหนักใจอยู่พักใหญ่ 459 00:25:23,315 --> 00:25:24,983 ที่เขาไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านถึงแปดปี 460 00:25:26,318 --> 00:25:29,404 ผมได้เจอพ่อกับแม่ ครั้งแรกในรอบแปดปี 461 00:25:29,488 --> 00:25:30,322 (นาสโซ) 462 00:25:30,405 --> 00:25:32,533 ทั้งครอบครัวมารวมตัวกันที่โรงหนังในนาสโซ 463 00:25:32,616 --> 00:25:35,744 เพื่อดูหนังเรื่องแรกที่ผมเล่น No Way Out 464 00:25:35,827 --> 00:25:37,246 ครับ นี่สำคัญมาก 465 00:25:37,329 --> 00:25:38,664 สำหรับพ่อกับแม่ 466 00:25:38,747 --> 00:25:41,667 นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้ดูหนัง 467 00:25:42,167 --> 00:25:45,420 ผมว่ามันคงเหมือนเรื่องในฝันสำหรับพวกเขานะ 468 00:25:45,504 --> 00:25:49,508 ผมไม่แน่ใจว่าพ่อกับแม่ เข้าใจแนวคิดแก่นเรื่องมากแค่ไหน 469 00:25:49,591 --> 00:25:52,135 แต่พวกเขาอัศจรรย์ใจอย่างที่สุด 470 00:25:52,219 --> 00:25:57,057 หลุดปากบอกว่า "นั่นลูกฉัน!" อะไรอย่างนั้นทั้งเรื่อง 471 00:25:57,641 --> 00:26:02,604 หลังจากประสบความสำเร็จช่วงต้นแล้ว ผมก็ต้องกลับไปล้างจานในฮาร์เลม 472 00:26:02,688 --> 00:26:04,022 ถึงจะมีอุปสรรค 473 00:26:04,106 --> 00:26:06,733 ผมก็ยังศรัทธาในตัวเองและศรัทธาในอนาคต 474 00:26:06,817 --> 00:26:10,237 ศรัทธาในทั้งสองอย่างพอที่จะแต่งงาน กับสาวน้อยที่ชื่อฮัวนิต้า… 475 00:26:10,320 --> 00:26:11,321 (วันที่ 29 เมษายน ปี 1950) 476 00:26:11,405 --> 00:26:13,115 และพยายามหาความก้าวหน้าในชีวิต 477 00:26:13,198 --> 00:26:16,368 ไม่ช้า ลูกคนแรกของเราก็เกิดขึ้นมา 478 00:26:16,451 --> 00:26:18,829 แล้วลูกอีกคนก็กำลังจะเกิด 479 00:26:19,538 --> 00:26:22,624 ฉันว่าคุณแม่เป็นคนมองโลกในแง่ดีมากๆ 480 00:26:22,708 --> 00:26:25,252 และคุณพ่อเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย 481 00:26:26,044 --> 00:26:29,673 แต่ความมองแง่ดีของแม่กลบเขาไปหมด 482 00:26:29,756 --> 00:26:33,218 และฉันคิดว่าเพราะแม่เป็นคนที่ดูคนออก 483 00:26:33,302 --> 00:26:34,845 พ่อก็เลยติดอกติดใจที่ตรงนั้น 484 00:26:34,928 --> 00:26:38,807 และการที่แม่… แม่รักคนอย่างไม่มีเงื่อนไข 485 00:26:38,891 --> 00:26:41,101 จับจินตนาการของพ่อไว้จนได้ 486 00:26:42,644 --> 00:26:47,191 ฉันเป็นสาวคนเดียวและคนผิวดำคนเดียว… 487 00:26:47,274 --> 00:26:48,358 (ฮัวนิต้า ฮาร์ดี้) 488 00:26:48,442 --> 00:26:50,903 ในปีของฉันตอนเรียนมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย 489 00:26:50,986 --> 00:26:53,572 โดนเข้าไปสองเด้งเลย คือ… 490 00:26:54,323 --> 00:26:57,034 ฉันเขียนเรียงความ 491 00:26:57,117 --> 00:27:01,496 เรื่องสถานการณ์ระหว่างคนผิวขาวและดำ ในสหรัฐอเมริกา 492 00:27:01,580 --> 00:27:04,541 เขาถามว่า "อ้อ ไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหน" 493 00:27:04,625 --> 00:27:07,127 ฉันก็ตอบว่า "จากคนที่ผ่านประสบการณ์นี้มาสิ" 494 00:27:07,211 --> 00:27:11,381 ตอนที่เจอซิดนีย์ เขาเรียนจบแค่ป.สาม 495 00:27:11,465 --> 00:27:14,384 แต่เขาพยายามใฝ่หาความรู้อยู่เสมอ 496 00:27:14,468 --> 00:27:16,345 เขาอยากจะต้องรู้ 497 00:27:16,428 --> 00:27:20,682 ทุกอย่างที่จะสามารถเรียนได้ 498 00:27:21,725 --> 00:27:25,938 และฉันก็พยายามใส่ความรู้เพิ่มให้เขาตลอดเวลา 499 00:27:26,021 --> 00:27:28,690 ใส่เรื่องที่ฉันคิดว่าเขายังไม่รู้ 500 00:27:28,774 --> 00:27:30,901 ที่ฉันคิดว่าจะช่วยได้หากเขารู้ 501 00:27:30,984 --> 00:27:34,404 แล้วเขาก็เริ่มรู้สึกและมีปฏิกิริยา 502 00:27:34,488 --> 00:27:37,282 กับบทหนังที่คนเสนอมาให้เขาเล่น 503 00:27:37,366 --> 00:27:39,618 ฉันบอกว่า "ไม่ใช่ทุกเรื่องเป็นเรื่องของเงิน" 504 00:27:40,369 --> 00:27:44,915 เขาได้รับข้อเสนอให้เล่นหนังเรื่องหนึ่ง ฉันคิดว่าเป็นหนังของมาร์ตี้ บาม 505 00:27:44,998 --> 00:27:46,959 (อานิก้า พัวติเยร์) (ลูกสาว) 506 00:27:47,042 --> 00:27:48,210 แต่พ่อก็ปฏิเสธ 507 00:27:48,293 --> 00:27:50,754 มาร์ตี้ บามบอกว่า "ขอโทษนะ ผมไม่เข้าใจ 508 00:27:50,838 --> 00:27:54,925 คือหนังเรื่องนี้จ่ายค่าตัว มากกว่าที่คุณได้รับมาทั้งปี" 509 00:27:55,509 --> 00:27:57,469 ลูกสาวคนที่สองกำลังจะคลอดแล้ว 510 00:27:57,553 --> 00:27:58,679 ลูกคนที่สอง 511 00:27:59,346 --> 00:28:00,639 แล้วผมก็ไม่มีเงิน 512 00:28:02,808 --> 00:28:04,935 บทนั้นเป็นบทภารโรง 513 00:28:05,018 --> 00:28:07,354 ซึ่ง… การเล่นบทภารโรงก็ไม่มีอะไรเสียหาย 514 00:28:07,437 --> 00:28:10,941 แต่ในบทหนังเรื่องนี้เกิดคดีฆาตกรรม 515 00:28:11,441 --> 00:28:14,361 และฆาตกร หรือคนที่รู้เรื่องการฆาตกรรมนั้น… 516 00:28:14,444 --> 00:28:17,114 หรือคนที่เกี่ยวข้องกับฆาตกร 517 00:28:17,990 --> 00:28:21,201 รู้สึกว่าผม ภารโรง เป็นพยานในเรื่อง 518 00:28:21,285 --> 00:28:25,455 ในบทก็คือ ลูกสาวของภารโรงถูกฆ่า 519 00:28:26,206 --> 00:28:31,712 และตัวภารโรงเองไม่มีบทพูด ที่จะสื่อว่าเขารู้สึกอย่างไรเลย 520 00:28:31,795 --> 00:28:35,465 กับการที่เห็นศพลูกสาวถูกโยนทิ้งไว้กลางสนาม 521 00:28:35,549 --> 00:28:37,009 เขาไม่คิดจะแก้บท 522 00:28:37,092 --> 00:28:39,511 หรือให้เขามีปฏิกิริยาอะไรกับเรื่องนี้ 523 00:28:41,180 --> 00:28:42,347 เขาเลยบอกว่า 524 00:28:42,431 --> 00:28:46,059 "เรจินัลด์ พัวติเยร์ไม่มีทางยอมให้ 525 00:28:46,143 --> 00:28:49,563 ลูกคนใดของเขาถูกจับโยนไว้กลางสนาม 526 00:28:49,646 --> 00:28:51,690 โดยที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำแน่" 527 00:28:51,773 --> 00:28:54,234 เขาอยากให้แน่ใจว่าสิ่งที่เขาทำในชีวิต… 528 00:28:54,318 --> 00:28:55,319 (เบเวอร์ลี พัวติเยร์-เฮนเดอร์สัน) (ลูกสาว) 529 00:28:55,402 --> 00:28:57,196 สะท้อนสิ่งที่คุณปู่สอนเอาไว้ 530 00:28:57,696 --> 00:28:59,990 พ่อบอกว่าถ้าเงยหน้าขึ้นไป 531 00:29:00,073 --> 00:29:04,953 แล้วเห็นนามสกุลอยู่บนจอหรือบนป้ายหน้าโรงหนัง 532 00:29:05,037 --> 00:29:07,539 นั่นไม่ใช่นามสกุลของพ่อ แต่เป็นนามสกุลของคุณปู่ 533 00:29:08,123 --> 00:29:09,917 ผมเล่นบทนั้นไม่ได้ 534 00:29:11,043 --> 00:29:16,048 ถ้าผมเป็นลูกของชายที่ผมเชื่อมั่นว่าเป็น 535 00:29:16,882 --> 00:29:18,550 ผมเล่นบทนั้นไม่ได้ 536 00:29:18,634 --> 00:29:24,139 ถ้าคุณแม่ของผมเป็นคนที่ผมคิดว่าท่านเป็น 537 00:29:24,223 --> 00:29:26,934 เขาจึงปฏิเสธบทนั้น 538 00:29:27,643 --> 00:29:31,271 เขาปฏิเสธบทและออกไปกู้เงิน 539 00:29:31,355 --> 00:29:33,982 เพื่อจะได้มีเงินมาจ่ายค่าคลอดลูกที่โรงพยาบาล 540 00:29:34,483 --> 00:29:36,902 เขาทำสิ่งที่จำเป็นต้องทำ… 541 00:29:36,985 --> 00:29:37,986 (เชอร์รี พัวติเยร์) (ลูกสาว) 542 00:29:38,070 --> 00:29:43,033 ไม่ใช่เพราะนั่นคือสิ่งที่คนอื่นคาดว่าเขาต้องทำ 543 00:29:43,116 --> 00:29:45,911 แต่เพราะพ่อเองคาดหวังว่าตัวเองต้องทำ 544 00:29:46,453 --> 00:29:50,958 ความยึดมั่นในค่านิยมต่างๆ ในชีวิตของผม มาจากคุณแม่ 545 00:29:57,422 --> 00:29:58,799 และจากคุณพ่อ 546 00:30:10,269 --> 00:30:13,564 ต้องหมอบก่อน แล้วหาอะไรมาคลุม 547 00:30:15,899 --> 00:30:18,819 สงครามเย็นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้เกิด 548 00:30:18,902 --> 00:30:21,154 ความวิตกจริตเรื่องคอมมิวนิสต์ไปทั่วอเมริกา… 549 00:30:21,238 --> 00:30:22,239 (เนลสัน จอร์จ) (นักเขียน นักประวัติศาสตร์) 550 00:30:22,322 --> 00:30:25,367 และส่งผลต่อทุกมุมของชีวิตชาวอเมริกัน 551 00:30:25,450 --> 00:30:30,330 ขบวนการคอมมิวนิสต์ใต้ดิน กำกับให้ผู้ปฏิบัติการ 552 00:30:30,414 --> 00:30:32,541 เข้าแทรกซึมในฮอลลีวูด 553 00:30:32,624 --> 00:30:36,253 และทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้ เพื่อจะพ่นพิษไว้ในจอเงิน 554 00:30:36,336 --> 00:30:38,672 มันคือศัตรู! พวกนั้นไม่ใช่ชาวอเมริกัน 555 00:30:38,755 --> 00:30:40,382 - พวกมันเป็นโฮโม - ใช่แล้ว! 556 00:30:40,465 --> 00:30:41,884 - เป็นคอมมิวนิสต์! - ใช่! 557 00:30:41,967 --> 00:30:43,385 มันเป็นคอมมิวนิสต์! 558 00:30:43,468 --> 00:30:46,221 ต่อให้มีคอมมิวนิสต์เพียงคนเดียว ในกระทรวงต่างประเทศทั้งกระทรวง… 559 00:30:46,305 --> 00:30:47,264 (โจเซฟ แมคคาร์ธี) 560 00:30:47,347 --> 00:30:49,308 ก็ยังถือว่ามีคอมมิวนิสต์มากเกินไป 561 00:30:49,391 --> 00:30:52,477 ผมจำยุคนั้นได้ เพราะผมเพิ่งเข้าชั้นอุดมศึกษา 562 00:30:52,561 --> 00:30:53,729 ที่มหาวิทยาลัยโฮเวิร์ด 563 00:30:53,812 --> 00:30:55,522 ผมได้ดูการไต่สวนแมคคาร์ธี… 564 00:30:55,606 --> 00:30:57,566 (เอกอัครราชทูตแอนดรูว์ ยัง) (นักการเมือง นักกิจกรรม) 565 00:30:57,649 --> 00:30:59,818 บนทีวีเครื่องแรกที่ผมได้เห็นในชีวิต 566 00:30:59,902 --> 00:31:02,237 ซึ่งอยู่ในห้องนั่งเล่นหอพักนักศึกษา 567 00:31:02,321 --> 00:31:03,697 ตอนนั้นน่ากลัวมาก 568 00:31:03,780 --> 00:31:05,782 การกำหนดให้ทุกคนต้องสาบานตนสวามิภักดิ์ 569 00:31:05,866 --> 00:31:08,368 เริ่มกระจายแพร่ไปทั่วทั้งในหน่วยงานรัฐบาล 570 00:31:08,452 --> 00:31:09,620 และทั่วทั้งประเทศ 571 00:31:09,703 --> 00:31:10,746 (ปกป้องประเทศจากคอมมิวนิสต์) 572 00:31:10,829 --> 00:31:14,333 เขามีรายชื่อคนที่อาจจะเป็นคอมมิวนิสต์ หรือเห็นดีเห็นงามกับคอมมิวนิสต์ 573 00:31:14,416 --> 00:31:16,877 มีหลายคนที่ไม่ผ่านรายชื่อนั้น พอล โรเบสันเป็นหนึ่งในนั้น 574 00:31:16,960 --> 00:31:20,255 คุณกลับมาจากมอสโก โดยยังเชื่อในคอมมิวนิสต์เต็มหัวใจหรือเปล่า 575 00:31:20,339 --> 00:31:22,341 ผมไม่ทราบว่าคุณถามผมอย่างนั้นได้ยังไง คุณทราบเหรอว่าผมเป็นคอมมิวนิสต์จริง 576 00:31:22,424 --> 00:31:23,258 (พอล โรเบสัน) 577 00:31:23,342 --> 00:31:24,343 - ไม่มีใครรู้ - แล้วคุณเป็นหรือเปล่า 578 00:31:24,426 --> 00:31:26,386 - ผมเกลียดคำถามแบบนั้นมาก - ขออภัยค่ะ 579 00:31:26,470 --> 00:31:28,096 รบกวนถามใหม่ด้วยครับ ครับ 580 00:31:30,390 --> 00:31:34,019 (The Emperor Jones ปี 1933) 581 00:31:34,102 --> 00:31:36,188 พอล โรเบสันเป็นชาวแอฟริกันอเมริกัน 582 00:31:36,271 --> 00:31:39,733 ที่เป็นคนสำคัญทางวัฒนธรรมช่วง 1930 ที่สุดเท่าที่เคยมีมา 583 00:31:39,816 --> 00:31:41,568 เขายืนอยู่จุดสูงสุดของโลกวงการบันเทิงผิวดำ… 584 00:31:41,652 --> 00:31:42,653 (อารัม กู้ดซูเซียน) (ผู้เขียนอัตชีวประวัติพัวติเยร์) 585 00:31:42,736 --> 00:31:44,530 ซึ่งคนอย่างซิดนีย์ พัวติเยร์ หรือแฮร์รี่ เบลาฟอนเต 586 00:31:44,613 --> 00:31:45,614 เพิ่งก้าวเท้าเข้ามา 587 00:31:45,697 --> 00:31:48,033 แล้วทั้งสองคนนั้นก็นับถือพอล โรเบสันมาก 588 00:31:50,035 --> 00:31:52,120 โห เขาโดนรัฐบาลอเมริกาจี้น่าดู 589 00:31:52,204 --> 00:31:54,915 เพราะเขาสนับสนุนชนชั้นกรรมมาชีพ 590 00:31:54,998 --> 00:31:56,917 "ใช่ แต่พวกนั้นคือคอมมิวนิสต์" แล้วไง 591 00:31:58,126 --> 00:32:01,880 โรเบสันกลายเป็นต้นแบบทั้งสองด้านที่น่าสนใจ 592 00:32:02,589 --> 00:32:05,425 ของพัวติเยร์และเบลาฟอนเต 593 00:32:05,509 --> 00:32:10,806 ในส่วนที่ว่า คนเราจะเลือกสู้กับด้านไหนกันแน่ 594 00:32:10,889 --> 00:32:13,225 (คุณทรูแมน เอาจิม โครว์ออกจากเงินดอลล่าร์ที) 595 00:32:13,308 --> 00:32:15,853 โรเบสันถูกกีดกันทุกทาง และเขาไม่ได้แค่โดนกีดกัน 596 00:32:15,936 --> 00:32:17,563 แต่ตอนที่เขาอาจได้ไปทำงานที่ยุโรป 597 00:32:17,646 --> 00:32:19,439 รัฐบาลอเมริกันกลับยึดพาสปอร์ตเขาเฉยเลย 598 00:32:19,523 --> 00:32:23,652 เราเห็นแล้วว่าคนจะพยายามต่อสู้เพื่อเสรีภาพ 599 00:32:23,735 --> 00:32:27,072 และหากพวกเขาไม่ได้รับมัน พวกเขาก็จะช่วงชิงมันมาเอง 600 00:32:27,155 --> 00:32:31,827 ในสายตาของซิดนีย์ เขาเห็นว่าพอล โรเบสันถูกหยามเหยียดแค่ไหน 601 00:32:31,910 --> 00:32:33,662 และถูกกลั่นแกล้งแค่ไหน 602 00:32:34,246 --> 00:32:36,540 เวลาที่เราเห็นอะไรแบบนั้น 603 00:32:36,623 --> 00:32:38,041 (สไปค์ ลี) 604 00:32:39,334 --> 00:32:41,295 มันเหมือน… อาจกลายเป็นต้นแบบได้ 605 00:32:41,879 --> 00:32:45,507 อ้อ ก็พยายามตั้งใจเรียนหน่อยแล้วกัน ซานตินี 606 00:32:45,591 --> 00:32:46,884 ผมตั้งใจอยู่ครับ 607 00:32:49,887 --> 00:32:51,138 (ปี 1955) 608 00:32:51,221 --> 00:32:54,308 นี่ มิลเลอร์ มานี่ก่อน ขอคุยด้วยเดี๋ยวสิ มิลเลอร์ 609 00:32:54,391 --> 00:32:55,976 หนังเรื่องไหนนะ Blackboard Jungle ไหม 610 00:32:56,059 --> 00:32:56,935 (กำกับโดยริชาร์ด บรูคส์) 611 00:32:57,019 --> 00:32:58,187 ที่เขาขอให้คุณเซ็นคำสาบานสวามิภักดิ์ 612 00:32:58,270 --> 00:33:00,022 - หลายครั้งเลย - ทำไมกัน 613 00:33:00,105 --> 00:33:01,440 (สัมภาษณ์ทางวิทยุกับสตัดส์ เทอร์เคิล) 614 00:33:01,523 --> 00:33:03,942 ผมว่าหลักๆ เป็นเพราะ ผมรู้จักกับพอล โรเบสัน 615 00:33:04,026 --> 00:33:07,446 และผมก็ไม่ได้เก็บความชื่นชมที่มีต่อเขา เป็นความลับอะไร 616 00:33:07,529 --> 00:33:10,782 แค่นั้นก็เหมือนจะพอให้ผมต้องสงสัยแล้ว 617 00:33:11,408 --> 00:33:13,118 นี่ ไม่ต้องมาถ่อมตัวกับฉัน มิลเลอร์ 618 00:33:13,202 --> 00:33:14,536 แกรู้ว่าแกเก่งกว่าคนอื่นๆ 619 00:33:14,620 --> 00:33:16,371 ฉลาดกว่าคนอื่นๆ ในห้องนั้น 620 00:33:16,455 --> 00:33:17,664 - ผมเหรอ - ใช่ 621 00:33:18,248 --> 00:33:19,958 และทุกห้องก็ต้องมีผู้นำ 622 00:33:20,042 --> 00:33:22,294 ชื่อพัวติเยร์ถูกตีพิมพ์ใน Counterattack 623 00:33:22,377 --> 00:33:24,505 ซึ่งเป็นสิ่งพิมพ์เฝ้าระวัง จากฝั่งอนุรักษ์นิยมขวาจัด… 624 00:33:24,588 --> 00:33:26,381 (ซิดนีย์ พัวติเยร์สนับสนุน ขบวนการบังหน้าคอมมิวนิสต์) 625 00:33:26,465 --> 00:33:28,717 ซึ่งพยายามเปิดโปง สัมพันธ์ซึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับฝ่ายซ้าย 626 00:33:28,800 --> 00:33:30,511 ของบุคคลมีชื่อเสียงชาวอเมริกันหลายคน 627 00:33:30,594 --> 00:33:34,014 เห็นชัดๆ ว่าต้องมีคนคอยจับตามองพัวติเยร์ ตลอดช่วง 1950 628 00:33:34,598 --> 00:33:37,059 ในตอนนั้น วงการหนังก็มีการเมือง 629 00:33:37,142 --> 00:33:39,353 ซึ่งจะบังคับว่าถ้าเรายังอยากรับงานอยู่ 630 00:33:39,436 --> 00:33:42,481 เราต้องพยายามรอมชอมมากๆ 631 00:33:42,564 --> 00:33:46,443 กับอำนาจใดก็ตามที่เอาชื่อคนใส่แบล็กลิสต์ได้ 632 00:33:46,527 --> 00:33:47,528 คุณบอกว่า ไม่เซ็น 633 00:33:48,862 --> 00:33:49,988 ไปกันเถอะ พ่อคนฉลาด 634 00:33:50,614 --> 00:33:52,574 อ้าว เดี๋ยว เขาพูดถึงฉัน 635 00:33:53,075 --> 00:33:55,786 คุณกำลังจะเอาชีวิตในวงการ และทุกอย่างไปขึ้นเขียง 636 00:33:55,869 --> 00:33:59,373 ใช่ แต่ เรื่องบางเรื่องเราก็ต้องปฏิเสธ 637 00:33:59,456 --> 00:34:03,168 หลักการในใจของผมสำคัญกว่า การเล่นการเมืองในวงการ 638 00:34:03,919 --> 00:34:06,421 กล้านะ คือขณะที่ทุกอย่างแขวนอยู่บนชะตา… 639 00:34:06,505 --> 00:34:07,339 (เดนเซล วอชิงตัน) 640 00:34:07,422 --> 00:34:08,924 เขาอาจโดนกีดกันไม่ให้ทำงาน 641 00:34:09,007 --> 00:34:13,262 ผมยังนึกภาพไม่ออกเลยว่า การออกมาพูดความเห็นตรงๆ สมัยนั้นเป็นยังไง 642 00:34:15,681 --> 00:34:17,266 ในบรรดาคำสอนทั้งหมดของคุณพ่อ 643 00:34:17,349 --> 00:34:21,812 เรื่องที่ยังใช้ได้ยืนยาวที่สุด คือคำสอนเรื่องว่าคนเราวัดค่ากันที่ไหน 644 00:34:22,312 --> 00:34:26,108 และค่าของคนจริงๆ อยู่ที่ เขาทำมาหาเลี้ยงลูกได้ดีเพียงใด 645 00:34:26,190 --> 00:34:30,237 เรื่องนั้นติดตัวผมราวกับสลักไว้ในสมอง 646 00:34:30,904 --> 00:34:32,947 ตอนนั้นผมยังไม่รู้ว่าชีวิตจะไปทางไหน 647 00:34:33,031 --> 00:34:36,243 แต่ผมรู้ว่าผมล้มเหลวไม่ได้ 648 00:34:37,411 --> 00:34:39,996 นั่นเป็นตอนที่ผมได้รับโทรศัพท์จากริชาร์ด บรูคส์ 649 00:34:40,080 --> 00:34:42,623 ให้ไปถ่าย Something of Value ในเคนยา 650 00:34:42,708 --> 00:34:45,835 จากนั้น อาชีพนักแสดงของผมจึงแจ้งเกิดจริงๆ 651 00:34:45,918 --> 00:34:49,380 ผมบอกตัวเองหรือเปล่าว่า "ประเทศนี้กำลังจะตื่น 652 00:34:49,464 --> 00:34:52,259 และเริ่มรู้ตัวว่าความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง มันเลี่ยงไม่ได้" 653 00:34:52,342 --> 00:34:53,844 (ห้องรอของคนผิวขาว ผู้โดยสารระหว่างรัฐ) 654 00:34:53,927 --> 00:34:55,429 ไม่ ผมไม่ได้บอก 655 00:34:55,512 --> 00:34:59,558 ทันทีที่มีเด็กนิโกรเดินเข้าไปในโรงเรียน 656 00:34:59,641 --> 00:35:02,311 พ่อแม่ที่รักลูกและยังมีเกียรติศักดิ์ศรีคนดีทุกคน… 657 00:35:02,394 --> 00:35:03,395 (ผู้พิพากษาลีแอนเดอร์ เปเรซ) 658 00:35:03,478 --> 00:35:06,899 ควรพาลูกผิวขาวของพวกเขา ออกจากโรงเรียนที่บิดเบี้ยวเสีย 659 00:35:08,066 --> 00:35:10,360 ตอนนั้นยังเป็นอเมริกาเมื่อปี 1950… 660 00:35:10,444 --> 00:35:11,612 (ชั้นของคนดำ) 661 00:35:11,695 --> 00:35:12,696 ประเทศอเมริกาที่ 662 00:35:12,779 --> 00:35:15,991 ไม่มีทางฝันถึงอาชีพนักแสดงอย่างนี้ได้เลย 663 00:35:16,074 --> 00:35:20,120 ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในประวัติศาสตร์การสร้างหนัง 664 00:35:20,204 --> 00:35:22,372 พระเอกผิวดำ 665 00:35:27,753 --> 00:35:30,589 ไม่ได้ยินที่เขาพูดเหรอ ไอ้นิโกร หุบปากไป 666 00:35:33,258 --> 00:35:34,676 (กำกับโดยสแตนลีย์ เครเมอร์) 667 00:35:34,760 --> 00:35:37,387 ขืนเรียกฉันว่านิโกรอีกคำนะ ไอ้โจ๊ก ฉันฆ่าแกแน่ 668 00:35:38,013 --> 00:35:39,223 ทำได้ก็ทำสิ 669 00:35:40,474 --> 00:35:41,892 ระวัง! 670 00:35:41,975 --> 00:35:43,894 (ปี 1958) 671 00:35:50,192 --> 00:35:53,529 ฉันคิดเสมอว่าเรามีสิ่งที่เชื่อมโยงกัน 672 00:35:53,612 --> 00:35:56,114 ระหว่างคนยิวกับคนดำ 673 00:35:56,198 --> 00:35:59,326 ตอนที่ได้ดู The Defiant Ones โทนี่ เคอร์ทิสที่เป็นคนยิว… 674 00:35:59,409 --> 00:36:00,702 (บาร์บรา สไตรแซนด์) 675 00:36:00,786 --> 00:36:04,248 กับซิดนีย์ พัวติเยร์ซึ่งเป็นคนดำ… 676 00:36:04,331 --> 00:36:08,252 เขามีเคมีต่อกันเหมือน คนที่ถูกกดขี่ล่ามโซ่ไว้เหมือนกัน 677 00:36:08,335 --> 00:36:10,838 เราเข้าใจเรื่องแบบนั้นผ่านดีเอ็นเอ 678 00:36:11,797 --> 00:36:14,925 The Defiant Ones นั่นเป็นเรื่องแรกของเขาที่ฉันได้ดู 679 00:36:15,008 --> 00:36:16,927 คือมันสะเทือนความคิดมากค่ะ 680 00:36:17,010 --> 00:36:19,388 จนถึงวันนี้ฉันยังจำฉากที่เขาพูดกับโทนี่ เคอร์ทิส… 681 00:36:19,471 --> 00:36:20,472 (ฮัลลี แบร์รี) 682 00:36:20,556 --> 00:36:22,850 "ฉันมีเข็มทิ่มตัวอยู่นี่ อย่ามาเรียกฉันว่า 'ไอ้หนู'" 683 00:36:22,933 --> 00:36:25,769 เออ ฉันมีเข็มทิ่มตัวอยู่นี่เลย 684 00:36:25,853 --> 00:36:27,521 ฟังนะ ไอ้โจ๊ก อย่ามาเรียกฉันว่า "ไอ้หนู" 685 00:36:28,105 --> 00:36:30,190 นั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นกับตา 686 00:36:30,274 --> 00:36:34,820 ว่ามีคนดำที่ลุกขึ้นมาใช้พลังในตัวเอง และเรียกความเคารพนับถือ 687 00:36:35,320 --> 00:36:36,738 จากคนขาวในโลกภาพยนตร์ 688 00:36:36,822 --> 00:36:40,701 จังหวะนั้นในหนัง ตอนที่ซิดนีย์ตัดสินใจว่า… 689 00:36:44,580 --> 00:36:47,082 จะสละสิ่งที่อาจเป็นจังหวะอิสรภาพ… 690 00:36:47,165 --> 00:36:48,417 มาเร็ว! 691 00:36:48,500 --> 00:36:51,461 ฉันวิ่งไม่ไหว! วิ่งไม่ไหวแล้ว! 692 00:36:51,545 --> 00:36:53,255 เพื่อช่วยเพื่อนผิวขาวของเขา… 693 00:36:58,927 --> 00:37:02,973 เป็นสิ่งที่คนดำยังไม่ชอบ และยังไม่เชื่ออยู่ดีครับ 694 00:37:03,473 --> 00:37:04,808 เป็นจังหวะคนดำในอุดมคติ 695 00:37:04,892 --> 00:37:07,561 ซึ่งก็น่าจะเป็นตัวละครซ้ำที่เกิดขึ้น… 696 00:37:07,644 --> 00:37:10,606 The Defiant Ones เป็นหนึ่งในเรื่องที่ เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด 697 00:37:10,689 --> 00:37:14,484 ของการที่ตัวละครผิวดำต้องสละประโยชน์ส่วนตน 698 00:37:14,568 --> 00:37:15,903 หรือเสี่ยงอะไรบางอย่าง 699 00:37:15,986 --> 00:37:17,529 หรือพยายามจนเกินตัว 700 00:37:17,613 --> 00:37:20,657 เพื่อช่วยตัวละครผิวขาวที่กำลังจนตรอก 701 00:37:20,741 --> 00:37:26,413 นั่นเป็นตัวละครซ้ำกลุ่มใหญ่ ในการเล่าเรื่องของฮอลลีวูดมานานมาก 702 00:37:26,914 --> 00:37:29,333 สำหรับพวกเขา นี่เป็นวิธีหนึ่งที่จะ 703 00:37:29,416 --> 00:37:32,169 แสดงให้เห็นว่าคนดำมีความเป็นมนุษย์ และมีมนุษยธรรม 704 00:37:32,252 --> 00:37:33,921 แม้ในยามที่พวกเขาต้องเดือดร้อน 705 00:37:35,047 --> 00:37:38,634 แต่สำหรับคนดำแล้วกลับดูเหมือน "โย่ คนพวกนี้ไร้ค่าจะตาย" 706 00:37:38,717 --> 00:37:41,637 ผมก็ตั้งคำถามกับเรื่องนั้นนิดหน่อยนะ 707 00:37:42,304 --> 00:37:44,848 "ถ้าเป็นเราจะทำยังไง" นึกออกไหม 708 00:37:47,226 --> 00:37:48,727 แต่ก็อาจจะกระโดดลงมาเหมือนกัน 709 00:37:50,145 --> 00:37:52,439 เราสองคนผ่านเรื่องราวมากมาย ถูกล่ามเข้าไว้ด้วยกัน 710 00:37:54,191 --> 00:37:56,068 ฉันไม่ยอมให้นายตายไปคนเดียวหรอก 711 00:37:57,027 --> 00:37:58,654 เจมส์ บอลด์วินมาออกรายการ 712 00:37:58,737 --> 00:37:59,571 (เจมส์ บอลด์วิน) 713 00:37:59,655 --> 00:38:02,282 เขาบอกว่า "Defiant Ones เหรอ อ๋อ ชนชั้นกลางผิวขาวชอบน่ะเรื่องนั้น 714 00:38:02,366 --> 00:38:03,951 แต่แถวอัพทาวน์ ในชุมชนผิวดำ 715 00:38:04,034 --> 00:38:06,245 ทุกคนตะโกนว่า 'กลับขึ้นรถไฟไป ไอ้โง่!'" 716 00:38:06,870 --> 00:38:08,247 คุณจะมีปฏิกิริยายังไง 717 00:38:08,330 --> 00:38:09,915 ผมไม่มีปฏิกิริยาอะไรทั้งนั้น 718 00:38:09,998 --> 00:38:12,584 คือว่าตอนนั้นหนังเรื่องนั้น เป็นหนังที่ปฏิวัติวงการ 719 00:38:12,668 --> 00:38:14,044 - ก็จริง - นึกออกไหม 720 00:38:14,127 --> 00:38:16,964 ทุกวันนี้คนก็ยังนับว่าเป็นหนังที่ปฏิวัติวงการ 721 00:38:17,756 --> 00:38:19,424 เราก็ยังพอไปกันไหวนะ ไอ้โจ๊ก 722 00:38:19,508 --> 00:38:20,509 จริง 723 00:38:22,302 --> 00:38:23,929 Defiant Ones เป็นภาพยนตร์ที่ 724 00:38:24,012 --> 00:38:26,849 ช่วยส่งให้ซิดนีย์ พัวติเยร์ เป็นดาราดังอย่างที่เรารู้จักเขา 725 00:38:26,932 --> 00:38:28,851 ในฐานะนักแสดงทรงพลังสุดยอด 726 00:38:28,934 --> 00:38:32,312 คู่กับโทนี่ เคอร์ทิส ชื่อของทั้งสองขึ้นก่อนชื่อหนังอีก 727 00:38:32,396 --> 00:38:35,649 ซึ่งนั่นคือสัญลักษณ์ว่า ได้มาเป็นพระเอกฮอลลีวูดเต็มตัว 728 00:38:35,732 --> 00:38:37,234 (โทนี่ เคอร์ทิส - ซิดนีย์ พัวติเยร์) (The Defiant Ones) 729 00:38:37,317 --> 00:38:39,987 คุณพ่อกับโทนี่ เคอร์ทิส ได้รับเสนอชื่อชิงออสการ์ทั้งคู่ 730 00:38:40,070 --> 00:38:43,156 นั่นเป็นครั้งแรกที่คนดำได้รับเสนอชื่อชิงออสการ์ 731 00:38:43,240 --> 00:38:44,491 นับตั้งแต่แฮทตี้ แมคแดเนียล 732 00:38:44,575 --> 00:38:46,910 การที่พ่อของฉันได้กลับบ้านมา พร้อมกับป้ายทองเหลือง 733 00:38:46,994 --> 00:38:50,581 ที่เขียนว่าเขาได้รับการเสนอชื่อ และสามารถเอาประดับผนังบ้านได้ 734 00:38:50,664 --> 00:38:51,957 เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับพ่อค่ะ 735 00:38:53,041 --> 00:38:55,002 ความสนใจที่เขาได้รับจากสื่อ 736 00:38:55,085 --> 00:38:57,671 ทั้งการเขียนถึงประวัติเขา การได้ขึ้นปกนิตยสาร… 737 00:38:57,754 --> 00:39:00,716 เขาได้ขึ้นปกนิตยสาร Ebony ตอนนั้นเห็นชัดๆ ว่าเขากำลังขึ้นมาเป็นดาวเด่น 738 00:39:03,760 --> 00:39:06,388 เขาเป็นคนที่งดงามมากในหลายๆ ทาง 739 00:39:06,471 --> 00:39:08,640 ก่อนอื่นเลย รอยยิ้มนั่นมันอะไรกัน 740 00:39:08,724 --> 00:39:11,560 อีกทีก็แบรนโดแล้วมั้ย ไม่ไหวนะ 741 00:39:15,856 --> 00:39:18,483 ส่วนหนึ่งที่ทำให้ซิดนีย์หน้าตาดีมาก 742 00:39:18,567 --> 00:39:21,987 คือเขาเป็นเหมือนหน้ากากโยรูบาเดินได้ 743 00:39:22,070 --> 00:39:24,114 นึกที่พูดออกไหม เหมือนเครื่องสัมฤทธิ์เบนิน 744 00:39:24,698 --> 00:39:25,908 หน้าเขางามเหมือนรูปปั้นมาก 745 00:39:25,991 --> 00:39:28,827 เขาเหมือนสัตว์โลกที่งดงามน่ะ 746 00:39:28,911 --> 00:39:32,497 ฉันอยากแต่งงานกับซิดนีย์ พัวติเยร์ นึกออกไหม 747 00:39:32,581 --> 00:39:37,920 เขาเป็นต้นแบบในหัวฉันเลยว่า ผู้ชายผิวดำไร้ที่ติจะเป็นแบบไหน 748 00:39:38,003 --> 00:39:39,546 ซิดนีย์มีความเชื่อมั่น 749 00:39:40,047 --> 00:39:45,010 เขาเข้าใจเรื่องของการสร้างภาพ พลังของการสร้างภาพ 750 00:39:45,677 --> 00:39:47,804 ฉันเคยเจอคนร้องไห้ 751 00:39:47,888 --> 00:39:49,723 เห็นผู้หญิงกรี๊ดกร๊าด 752 00:39:49,806 --> 00:39:51,892 แม้แต่สามีของพวกนั้นก็กรี๊ดกร๊าด 753 00:39:51,975 --> 00:39:56,438 ฉันเห็นทุกคนแทบจะละลาย เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณพ่อค่ะ 754 00:39:57,022 --> 00:40:00,817 เขาช่างสง่า ร่างสูงราวรูปปั้น 755 00:40:00,901 --> 00:40:04,780 เขาเหมือนกับ "ว้าว" ดาราหนังทุกคนควรจะทำให้ "ว้าว" 756 00:40:08,867 --> 00:40:11,787 ผมเล่นเรื่อง Raisin in the Sun ปี 1959 ผมจึงได้รู้จักซิดนีย์ค่อนข้างสนิทเลย 757 00:40:11,870 --> 00:40:13,038 (ลูอิส กอสเซตต์ จูเนียร์) 758 00:40:13,121 --> 00:40:14,748 เราได้ทำความรู้จักกันดีมาก 759 00:40:18,961 --> 00:40:20,879 คนดำทุกคนเคยอ่าน Raisin in the Sun 760 00:40:20,963 --> 00:40:23,257 เพราะนั่นเป็นหนึ่งในบทละครที่เราต้องอ่าน 761 00:40:23,340 --> 00:40:25,551 ตอนที่เขาเริ่มยอมให้เรา อ่านเรื่องของคนดำในโรงเรียน 762 00:40:33,600 --> 00:40:37,312 ซิดนีย์ซื้อเสื้อคลุมขนมิงค์อะไรแบบนั้นให้ฉัน 763 00:40:37,813 --> 00:40:40,107 ฉันบอกว่า "จะเอาเสื้อมิงค์ไปทำอะไร 764 00:40:40,190 --> 00:40:41,650 ฉันแค่อยาก…" 765 00:40:42,192 --> 00:40:45,028 ฉันเลยเอาไปคืนที่ห้างแล้วเอาเป็นเงินมา 766 00:40:45,112 --> 00:40:48,240 แล้วก็เอาไปลงทุนในละครเวที เรื่อง Raisin in the Sun 767 00:40:48,323 --> 00:40:50,492 ฉันกลายเป็นนายทุนรายใหญ่สุด 768 00:40:50,576 --> 00:40:53,620 ในละครเรื่องที่เขาเล่นที่บรอดเวย์ 769 00:40:54,246 --> 00:40:55,831 ผมเคยเล่นบรอดเวย์มาก่อนแล้ว 770 00:40:55,914 --> 00:40:57,791 ตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะออกมาดีหรือแย่ 771 00:40:57,875 --> 00:40:58,709 แต่รู้สึกดีนะ 772 00:40:58,792 --> 00:41:01,378 พอพักหลังจากองก์แรก ตอนที่เขาปิดม่าน 773 00:41:01,461 --> 00:41:02,629 เงียบจนแทบได้ยินเสียงเข็มหล่น 774 00:41:03,213 --> 00:41:05,090 เรานึกว่าคนไม่ชอบแล้ว 775 00:41:05,174 --> 00:41:07,384 กว่าจะไปถึงตอนพักครั้งที่สอง 776 00:41:07,926 --> 00:41:12,431 คนดูใจจดจ่ออยู่กับเราเสียจนเมื่อละครจบ 777 00:41:13,098 --> 00:41:14,349 พวกเขาถึงกับ… 778 00:41:14,433 --> 00:41:18,145 หายใจกันเข้าไปหน่อย แล้วคนก็ตะโกนว่า "ไชโย!" 779 00:41:18,228 --> 00:41:19,313 มันสุดยอดเลย 780 00:41:20,063 --> 00:41:22,316 ผมรู้แน่ว่าผมเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง 781 00:41:22,399 --> 00:41:23,817 (ละครเวทียอดเยี่ยม รางวัลวงการนักวิจารณ์ละครเวทีนิวยอร์ก) 782 00:41:23,901 --> 00:41:25,736 ตอนที่ม่านปิดลงมาเมื่อคืนปฐมฤกษ์ในนิวยอร์ก 783 00:41:25,819 --> 00:41:28,155 หลังจากที่เกิดความกังขาอะไรสั่งสมไว้มากมาย 784 00:41:28,238 --> 00:41:29,948 ตั้งแต่การพบกันโดยไม่ได้นัดหมายครั้งนั้น 785 00:41:30,032 --> 00:41:33,202 ระหว่างตัวผมกับคุณผู้ชายคนนั้น ที่อเมริกันนิโกรเธียเตอร์ 786 00:41:33,285 --> 00:41:35,412 ตอนที่เขาไล่ผมออกมาและปิดประตูไล่หลัง 787 00:41:35,996 --> 00:41:38,123 คืนนั้นผมถึงได้รู้แน่ 788 00:41:38,207 --> 00:41:42,586 ว่าผมเพิ่งได้ทำความรู้จักอย่างเป็นทางการ กับพรสวรรค์ที่แท้จริงของผม 789 00:41:42,669 --> 00:41:43,837 ผมเป็นนักแสดง 790 00:41:45,631 --> 00:41:47,382 ฉันก็มีแผนนะ สหาย 791 00:41:47,466 --> 00:41:48,467 (ปี 1961) 792 00:41:48,550 --> 00:41:51,094 ฉันมีแผนที่จะพลิกเมืองนี้จากหน้ามือเป็นหลังมือ 793 00:41:51,178 --> 00:41:52,179 เข้าใจที่พูดไหม 794 00:41:52,262 --> 00:41:53,096 (กำกับโดย แดเนียล พีทรี) 795 00:41:53,180 --> 00:41:54,765 แล้วก็มีการทำหนังในปีต่อมา 796 00:41:54,848 --> 00:41:56,600 ซึ่งทำให้ละครเรื่องนี้ได้มีผู้ชมกว้างขวางขึ้นเยอะ 797 00:41:56,683 --> 00:41:59,061 นั่นถือเป็นการแสดงที่น่าตื่นเต้นที่สุด เรื่องหนึ่งของพัวติเยร์ 798 00:41:59,144 --> 00:42:02,940 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่นั่นเป็น บทที่เขียนโดยชาวแอฟริกันอเมริกัน 799 00:42:03,023 --> 00:42:05,025 ระหว่างความปั่นป่วนในช่วงต้นของ การเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชน 800 00:42:05,108 --> 00:42:06,443 แตกต่างจากบทก่อนๆ หน้านี้ 801 00:42:06,527 --> 00:42:09,404 ซึ่งเขียนโดยนักเขียนบทที่เป็น ชายผิวขาวสายเสรีนิยม 802 00:42:09,488 --> 00:42:10,864 ลอร์เรน แฮนส์แบร์รีสามารถเจาะสู่… 803 00:42:10,948 --> 00:42:11,949 (ลอร์เรน แฮนส์แบร์รี) 804 00:42:12,032 --> 00:42:13,700 ความจริงแท้แน่นอนส่วนหนึ่ง ของประสบการณ์ความเป็นคนดำ 805 00:42:13,784 --> 00:42:15,827 แบบที่ไม่มีนักเขียนบทละครคนไหน ในฮอลลีวูดทำได้ 806 00:42:15,911 --> 00:42:19,790 - ฉันรู้ว่าแกกำลังทำตัวยุ่งมาก - วอลเตอร์ ขอละ 807 00:42:21,208 --> 00:42:24,169 ฉันรู้ว่าโลกนี้ไม่มีอะไร ยุ่งมากไปกว่าพวกเด็กมหาลัยผิวดำ… 808 00:42:24,253 --> 00:42:25,295 (ลูอิส กอสเซตต์ จูเนียร์) 809 00:42:25,379 --> 00:42:27,297 ติดเข็มกลัดบอกบ้านและใส่รองเท้าขาว 810 00:42:27,381 --> 00:42:28,215 โธ่ วอลลี่ 811 00:42:28,298 --> 00:42:30,926 ฉันเห็นแกเหน็บหนังสือไว้ใต้วงแขนตลอดเวลา 812 00:42:31,009 --> 00:42:33,136 จะรีบไปเรียน 813 00:42:33,762 --> 00:42:36,473 ไปที่นั่นเขาสอนอะไรบ้างล่ะ เขาเอาอะไรใส่หัวแกไว้บ้าง 814 00:42:36,557 --> 00:42:40,769 เพดานของโอกาสที่คนผิวดำจะได้รับ 815 00:42:40,853 --> 00:42:44,231 โดยเฉพาะชายผิวดำที่ค่อนข้างก้าวร้าวในยุคนั้น… 816 00:42:44,314 --> 00:42:46,733 มันมีอยู่จริง และเรา… เขาสวมบทบาทให้เราเห็นได้จริง 817 00:42:46,817 --> 00:42:50,529 เท่ากับเราเห็นความแตกต่างชัดเจนมากระหว่าง ซิดนีย์ใน Raisin in the Sun 818 00:42:50,612 --> 00:42:53,991 กับ สมมตินะ พวกหนุ่มๆ ใน Boyz n the Hood 819 00:42:54,074 --> 00:42:56,827 จะบอกให้นะ เพื่อน แกมันเอาแต่คิดขมขื่นกับตัวเอง 820 00:42:58,620 --> 00:43:00,372 แล้วแกล่ะ แกไม่ขมขื่นหรือไง 821 00:43:00,873 --> 00:43:04,376 แกไม่เคยเห็นดาวที่แกเองก็คว้าไม่ได้เหรอ 822 00:43:05,419 --> 00:43:06,420 ฉันพูดถึง… 823 00:43:09,131 --> 00:43:10,132 ขมขื่นเหรอ 824 00:43:11,049 --> 00:43:14,386 ฉันเดือดเป็นภูเขาไฟ ฉันเป็นยักษ์ที่รอบตัวมีแต่มดปลวก 825 00:43:14,469 --> 00:43:17,306 มดที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันพูดถึงอะไร ว่างั้นเป็นไงล่ะ 826 00:43:17,389 --> 00:43:20,726 เป็นงานศิลป์ครับ ที่สร้างจังหวะนั้นขึ้นมา และรู้ว่าเราจะทำอะไร 827 00:43:20,809 --> 00:43:22,477 รู้ว่ากล้องจะหันไปทางไหน 828 00:43:22,561 --> 00:43:23,729 แล้วต้องจำหมดว่าต้องไปตรงไหนบ้าง 829 00:43:23,812 --> 00:43:25,480 เขารู้เรื่องทุกอย่างได้เป็นอย่างดี 830 00:43:25,564 --> 00:43:28,483 ยากมากนะที่จะไม่เลียนแบบชายคนนั้น 831 00:43:36,950 --> 00:43:38,368 (ปี 1961) 832 00:43:38,452 --> 00:43:40,746 (กำกับโดยมาร์ติน ริตต์) 833 00:43:41,330 --> 00:43:43,165 ครั้งแรกที่ผมน่าจะได้เจอซิดนีย์ 834 00:43:43,248 --> 00:43:44,541 ผมคงยังต้องเด็กมาก 835 00:43:44,625 --> 00:43:47,503 เพราะเขากับน้าไดแอนน์คบกันอยู่ 836 00:43:47,586 --> 00:43:48,837 ผมน่าจะอายุห้าขวบ 837 00:43:49,338 --> 00:43:52,216 ผมมารู้เรื่องความสัมพันธ์ครั้งนั้นของเขาจริงๆ… 838 00:43:52,299 --> 00:43:53,300 (เลนนี่ คราวิตซ์) 839 00:43:53,383 --> 00:43:57,554 ตอนที่อ่านหนังสือของซิดนีย์ เมื่อโตขึ้นมากแล้ว 840 00:43:58,180 --> 00:44:02,935 เพราะตอนนั้นน้าไดแอนน์ก็ไม่ค่อยพูดถึงหรอก 841 00:44:03,435 --> 00:44:07,648 แต่เมื่อผมโตขึ้น ก็มีเรื่องที่เราคุยกันบ้าง 842 00:44:08,440 --> 00:44:09,942 ตอนนี้ก็น่าจะพูดได้แล้ว 843 00:44:10,692 --> 00:44:13,487 ผมก็ประหลาดใจเพราะ ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าเขาคบกันแบบนั้น 844 00:44:14,029 --> 00:44:16,323 มีความรู้สึกอะไรมากมาย 845 00:44:17,449 --> 00:44:18,575 - คุณงามเหลือเกิน - เหรอ 846 00:44:18,659 --> 00:44:19,826 ใช่สิ 847 00:44:19,910 --> 00:44:21,828 คุณทำให้ผมรู้สึกงดงาม 848 00:44:22,329 --> 00:44:24,164 ฉันรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่คนธรรมดาเวลาอยู่กับคุณ 849 00:44:24,248 --> 00:44:27,459 ฉันรู้สึกเป็นคนพิเศษมากๆ 850 00:44:27,543 --> 00:44:29,545 เป็นหนังที่เซ็กซี่มากเลยนะ 851 00:44:29,628 --> 00:44:31,922 หนังขาวดำมันสวยแบบนั้น 852 00:44:32,005 --> 00:44:34,091 ปารีส เมืองมันก็สวยแบบนั้น 853 00:44:34,174 --> 00:44:37,594 เราลงไปในอุโมงค์… อุโมงค์ที่เล่นเพลงแจ๊สน่ะ นึกออกไหม 854 00:44:37,678 --> 00:44:38,846 ในนั้นมีทั้งพอล นิวแมน 855 00:44:40,013 --> 00:44:41,723 แล้วก็มีน้าไดแอนน์ของผม 856 00:44:41,807 --> 00:44:46,562 ซึ่งเป็นผู้หญิงงามจับตาที่สุด เท่าที่เห็นในหนังเรื่องนั้น 857 00:44:46,645 --> 00:44:49,231 เขากับไดแอนน์ แคร์รอลเป็น หนึ่งในคู่รักที่งดงามที่สุด 858 00:44:49,314 --> 00:44:50,566 ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ 859 00:44:50,649 --> 00:44:51,859 ทั้งสองใส่เสื้อโค้ทกันลมตัวสวย 860 00:44:51,942 --> 00:44:53,944 แล้วก็เดินกันทั่วปารีสตลอดคืน 861 00:44:54,027 --> 00:44:57,322 ประคารมกันเรื่องการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิมนุษยชนและเรื่องความรัก 862 00:44:57,406 --> 00:45:00,242 คุณลองมาอยู่ที่ปารีสสักระยะ พักกายเสียหน่อย 863 00:45:00,325 --> 00:45:02,703 นั่งกินอาหารกลางวันโดยไม่ต้องถูกตีหัว 864 00:45:02,786 --> 00:45:04,830 แล้ววันหนึ่งคุณจะตื่นขึ้นมา มองข้ามมหาสมุทรไป 865 00:45:04,913 --> 00:45:06,290 แล้วจะบอกว่า "ใครต้องการที่นั่นกัน" 866 00:45:06,790 --> 00:45:10,794 ยิ่งพัวติเยร์กลายเป็น สัญลักษณ์ของคนทั้งประเทศ 867 00:45:10,878 --> 00:45:13,255 เขากลับกำลังต้องเจอวิกฤตในเรื่องส่วนตัว 868 00:45:13,338 --> 00:45:14,339 ในทางหนึ่ง 869 00:45:14,423 --> 00:45:16,967 เขารู้สึกรักและผูกพัน กับไดแอนน์ แคร์รอลอย่างรุนแรง 870 00:45:17,050 --> 00:45:18,969 ซึ่งเป็นสิ่งที่เขารู้สึกว่าหายไปจากชีวิตสมรส 871 00:45:19,052 --> 00:45:20,512 แต่อีกทางหนึ่ง เขาเป็นพ่อคน 872 00:45:20,596 --> 00:45:23,182 และเขายังจำคำสอนของเรจินัลด์ พัวติเยร์ คุณพ่อของเขา 873 00:45:23,265 --> 00:45:25,767 ที่บอกว่าคุณค่าของคนอยู่ที่ การหาเลี้ยงครอบครัวให้ได้ 874 00:45:25,851 --> 00:45:29,188 เขาจะละทิ้งคุณค่าเหล่านั้น และไปมีสัมพันธ์ต้องห้ามนี้เหรอ 875 00:45:29,897 --> 00:45:31,648 ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ 876 00:45:32,858 --> 00:45:34,234 งั้นก็ไปกับฉันสิ 877 00:45:35,402 --> 00:45:37,654 เมื่อจบช่วงการถ่ายทำ Paris Blues 878 00:45:37,738 --> 00:45:39,281 ทั้งคู่ก็ยังคงอยู่ในสภาวะไม่แน่ไม่นอน 879 00:45:39,364 --> 00:45:41,241 ยังไม่แน่ใจว่าก้าวต่อไปของชีวิตจะเป็นอย่างไร 880 00:45:41,325 --> 00:45:43,285 ไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะยังคบกันต่อไหม 881 00:45:43,368 --> 00:45:46,330 ไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร กับสถานการณ์ครอบครัวในวงกว้าง 882 00:45:46,830 --> 00:45:49,249 เขายุ่ง เขาบอกว่าเขาต้องไปละ 883 00:45:49,333 --> 00:45:52,920 เขามาอยู่ที่บ้านไม่ได้ 884 00:45:53,003 --> 00:45:56,673 เพราะเขาต้องซื้อห้องชุดอีกแห่ง เพื่อจะได้เขียนหนังสือ 885 00:45:56,757 --> 00:45:59,092 ช่วงนั้นเขาเริ่มเขียนหนังสืออะไรอย่างนั้น 886 00:45:59,676 --> 00:46:02,012 และ แน่นอน กลายเป็นว่า 887 00:46:02,095 --> 00:46:04,765 ความจริงเป็นเรื่องอื่น 888 00:46:04,848 --> 00:46:08,060 ไม่ใช่อย่างที่เขาพูด 889 00:46:15,025 --> 00:46:17,236 ฟรีด้อมนาวมูฟเมนท์ ฟังผม 890 00:46:17,319 --> 00:46:19,446 (เอาสิทธิมนุษยชนมา! มาเดินขบวนเพื่อเสรีภาพกัน!) 891 00:46:19,530 --> 00:46:21,865 เราอยากขอให้ประชากรทุกคนย้ายไปที่วอชิงตัน 892 00:46:21,949 --> 00:46:23,325 จะไปด้วยเครื่องบิน รถหรือรถโดยสารก็ได้ 893 00:46:23,408 --> 00:46:24,743 (เดินขบวนที่วอชิงตัน เพื่อให้ได้งานและได้เสรีภาพ!) 894 00:46:24,826 --> 00:46:26,203 ไปทางไหนก็ได้ทั้งนั้น 895 00:46:29,331 --> 00:46:31,959 (ผู้คนหลั่งไหลมาจากทุกทิศทาง) 896 00:46:35,337 --> 00:46:38,882 คนดำก็ต้องการสิ่งเดียวกัน กับที่ประชากรผิวขาวได้อยู่แล้ว 897 00:46:38,966 --> 00:46:40,300 อยากได้สิทธิเท่าเทียมกัน 898 00:46:40,384 --> 00:46:43,011 เสรีภาพ! เสรีภาพ! 899 00:46:52,312 --> 00:46:56,275 (การเดินขบวนที่วอชิงตัน) (ปี 1963) 900 00:46:56,358 --> 00:46:59,403 จุดประสงค์ของการประท้วงครั้งนี้คือ แสดงการสนับสนุน 901 00:46:59,486 --> 00:47:02,281 กฎหมายสิทธิมนุษยชนของ ประธานาธิบดีเคนเนดี้ 902 00:47:02,364 --> 00:47:05,242 ที่จริงพวกเราคือขบวนคนดำทางใต้ 903 00:47:05,325 --> 00:47:07,619 จนกระทั่งเดือนสิงหาคมปี 1963 904 00:47:07,703 --> 00:47:08,996 (ใช้ชีวิตและทำงานร่วมกัน) 905 00:47:09,079 --> 00:47:12,040 ไม่ใช่แค่การที่ดร.คิงพูดถึงความฝัน 906 00:47:12,124 --> 00:47:14,251 ของชาวแอฟริกันอเมริกันทางใต้ 907 00:47:14,334 --> 00:47:19,131 แต่เป็นเพราะดาราฮอลลีวูดเข้าร่วมด้วย 908 00:47:35,606 --> 00:47:40,027 แฮร์รี่กับซิดนีย์ พัวติเยร์ทำให้เรื่องนี้ กลายเป็นเรื่องระดับโลก 909 00:47:40,110 --> 00:47:42,279 และตอนนั้น มาร์ติน ลูเธอร์ คิงยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ 910 00:47:44,281 --> 00:47:47,075 ดร.คิงไม่ได้รู้จักมาร์ลอน แบรนโด 911 00:47:48,285 --> 00:47:50,370 เขาไม่ได้รู้จักพอล นิวแมน 912 00:47:51,496 --> 00:47:55,792 ดาราฮอลลีวูดที่มาเดินขบวนร่วมกับดร.คิง 913 00:47:55,876 --> 00:48:00,047 มาเพราะซิดนีย์กับแฮร์รี่ เขามาเพราะตรงนั้น 914 00:48:00,130 --> 00:48:01,924 วันนี้ผมสังเกตอยู่ทั้งวัน 915 00:48:02,007 --> 00:48:04,343 ในการปราศรัยของทุกคนและป้ายเกือบทุกใบ 916 00:48:04,426 --> 00:48:07,888 ผมเห็นหรือได้ยินคำว่า "เดี๋ยวนี้ๆ" ซ้ำๆ 917 00:48:07,971 --> 00:48:08,972 - ยืนยันหนักแน่น - เดี๋ยวนี้! 918 00:48:09,056 --> 00:48:13,185 ความเร่งเร้าที่เห็นได้ชัดในวันนี้ ปุดๆ อยู่ในใจผมส่วนตัวมานานแล้ว 919 00:48:13,268 --> 00:48:14,478 ตลอดเวลาหลายปี 920 00:48:14,561 --> 00:48:17,022 อย่างน้อยก็หลายปีตั้งแต่ผมเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ 921 00:48:17,105 --> 00:48:19,066 ผมเริ่มสนใจในการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน 922 00:48:19,149 --> 00:48:20,901 เพราะความจำเป็นที่ต้องเอาชีวิตรอด 923 00:48:20,984 --> 00:48:25,489 และผมว่าผมเริ่มสนใจเรื่องนี้ตั้งแต่ เมื่อหลายปีก่อน 924 00:48:25,572 --> 00:48:29,326 แต่ไม่เคยสนใจอย่างหนักและจริงจัง เท่ากับที่สนใจอยู่ในตอนนี้ 925 00:48:29,409 --> 00:48:30,994 ทุกท่าน ผมคิดว่าถึงเวลาที่เรา… 926 00:48:31,078 --> 00:48:33,789 ในแง่ของการต่อสู้เพื่อสังคมของซิดนีย์ ผมไม่เพียงแต่ประทับใจ 927 00:48:33,872 --> 00:48:35,249 ผมได้แรงบันดาลใจจากเขาเลย… 928 00:48:35,332 --> 00:48:36,333 (โรเบิร์ต เรดฟอร์ด) 929 00:48:36,416 --> 00:48:38,961 เพราะผมคิดว่า "โห เราก็ทำได้นะ ในแบบของเรา 930 00:48:39,044 --> 00:48:41,922 เราคงต้องหาทางของเราเอง แต่เราก็ทำได้ นึกออกไหม 931 00:48:42,005 --> 00:48:44,216 เรามีสิทธิ์มีเสียง เราใช้เสียงได้" 932 00:48:44,299 --> 00:48:46,134 เขาต้องต่อสู้กับความเสี่ยงมากมาย 933 00:48:46,218 --> 00:48:48,345 เพราะเขาจะถูกคนกล่าวหาและบอกว่า 934 00:48:48,428 --> 00:48:49,471 "เป็นใครถึงกล้าจะออกมาพูด" 935 00:48:49,555 --> 00:48:51,014 มันไม่ยุติธรรม 936 00:48:51,098 --> 00:48:53,350 เขาก็มีเสียง เขามีสิทธิ์ทุกประการที่จะพูด 937 00:48:53,433 --> 00:48:55,352 เขาได้เสียงนั้นมาแล้ว 938 00:48:55,435 --> 00:48:58,188 และแค่เพราะเขาเป็นนักแสดง ไม่ได้แปลว่าเขาออกความเห็นการเมืองไม่ได้ 939 00:48:58,689 --> 00:49:03,193 แต่น่าเสียดาย ในสายตาของชาวอเมริกันทั่วไป 940 00:49:04,069 --> 00:49:07,030 พวกเขาไม่สามารถเข้าใจผมได้เลย 941 00:49:07,739 --> 00:49:10,742 บางครั้งผมจะโมโห 942 00:49:10,826 --> 00:49:14,454 เพราะนั่นแปลว่าผมจะไม่สามารถเปลี่ยน 943 00:49:14,955 --> 00:49:17,666 ท่าทีหรือมุมมองที่เอาเปรียบคนดำ 944 00:49:18,250 --> 00:49:20,711 ณ จุดนั้นฮอลลีวูดยังไม่พร้อม 945 00:49:20,794 --> 00:49:23,672 ที่จะมีดาราผิวดำมากกว่าหนึ่งคนด้วยซ้ำ 946 00:49:23,755 --> 00:49:26,258 มีดาราผิวดำหนึ่งคนแล้วไง ก็มีนักแสดงผิวดำคนอื่นๆ นะ 947 00:49:26,341 --> 00:49:27,342 (ปาร์ตี้ส่วนตัว) 948 00:49:27,426 --> 00:49:30,345 แต่ส่วนใหญ่แล้วนี่เป็นวงการที่อนุรักษ์นิยม 949 00:49:30,429 --> 00:49:32,389 เราต้องบีบให้พวกเขายอมรับแนวคิดก้าวหน้า 950 00:49:32,472 --> 00:49:33,932 แถมยังต้องใช้เวลานานมาก 951 00:49:34,433 --> 00:49:36,894 คือเอาเข้าใจไม่มีคนคิดจะปั้น 952 00:49:36,977 --> 00:49:39,188 ซิดนีย์ พัวติเยร์คนต่อไป นึกที่ผมพูดออกไหม 953 00:49:39,271 --> 00:49:41,398 ซิดนีย์เหมือน เขาเหมือนเป็นตึกสำเร็จรูป 954 00:49:41,481 --> 00:49:44,484 เนี่ยมีตึกซิดนีย์ พัวติเยร์ที่สร้างเสร็จแล้ว ใหญ่เป็นเมทริกซ์ทั้งอัน 955 00:49:44,568 --> 00:49:46,195 และด้วยความเหยียดเชื้อชาติสีผิว 956 00:49:46,278 --> 00:49:48,280 คือมันเหมือนในเรื่อง Highlander เลยครับ 957 00:49:48,363 --> 00:49:49,656 มีซิดนีย์แล้วไง 958 00:49:49,740 --> 00:49:52,451 แล้วจะเอานิโกรคนอื่นๆ มาทำไมอีก 959 00:49:52,534 --> 00:49:57,706 เขาเป็นขุนศึกด้านสีผิวที่นำทัพรบเพื่อคนอื่นๆ 960 00:49:58,457 --> 00:50:03,337 แต่เขาเข้าใจจริงๆ เลยว่า ตัวเขาเองไม่ได้ถูกจำกัดความด้วยสีผิว 961 00:50:04,004 --> 00:50:09,718 เขาไม่ได้พูดในแง่ที่จะเป็นการต่อต้าน หรืออธิบายตัวเองอะไรด้วย 962 00:50:09,801 --> 00:50:11,595 มันเป็นแค่ข้อเท็จจริง 963 00:50:11,678 --> 00:50:14,806 มีเรื่องเกี่ยวกับพวกเรา และเรื่องที่อยู่รอบตัวเรา 964 00:50:14,890 --> 00:50:19,102 ซึ่งส่งผลสำคัญมากต่อ จุดหักมุมหลายจุดในชีวิตของผม 965 00:50:19,186 --> 00:50:21,104 ทางเลือกหลายทางในชีวิตของผม 966 00:50:21,188 --> 00:50:23,023 และทางเลือกบางส่วนก็ไม่ได้ 967 00:50:23,106 --> 00:50:27,778 เป็นแค่ผมคนเดียวนั่งมองคะแนนชีวิต แล้วบอกว่า 968 00:50:27,861 --> 00:50:30,822 "นี่คือสิ่งที่ฉันควรจะทำ นี่คือสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำ" 969 00:50:30,906 --> 00:50:35,244 ไม่ เราใช้ชีวิตไปตาม 970 00:50:35,327 --> 00:50:38,121 คุณค่าของสิ่งที่ผลักดันชีวิตของเรา 971 00:50:45,921 --> 00:50:49,466 (ปี 1963) 972 00:50:49,550 --> 00:50:52,719 (กำกับโดย ราล์ฟ เนลสัน) 973 00:50:52,803 --> 00:50:55,305 Lilies of the Field เป็นหนังทุนต่ำ 974 00:50:55,389 --> 00:50:57,808 เป็นเรื่องราวเล็กๆ ของสารพัดช่างผิวดำ 975 00:50:57,891 --> 00:51:00,853 ซึ่งมาเจอสำนักนางชีในเขตเซาท์เวสต์ ก็คือเจอนางชีกลุ่มหนึ่ง 976 00:51:00,936 --> 00:51:02,604 เขาจึงช่วยพวกเธอสร้างโบสถ์ 977 00:51:02,688 --> 00:51:06,608 พระเจ้าทรงปรานี ทรงโปรดส่งชายร่างใหญ่แข็งแรงมาให้ 978 00:51:06,692 --> 00:51:09,069 เขาไม่ได้พูดอะไรกับผม เรื่องที่จะส่งผมไปที่ไหนเลย 979 00:51:09,152 --> 00:51:10,279 ผมแค่ผ่านมาเฉยๆ 980 00:51:10,362 --> 00:51:13,115 ปี 1963 ผมอายุหกขวบ 981 00:51:13,198 --> 00:51:17,035 ผมยังพูดเลยว่า "ซิดนีย์ ไปเสีย ไปยุ่งกับพวกนางทำไมน่ะ" 982 00:51:18,245 --> 00:51:20,455 "ขึ้นรถไปเลย" แล้ว… ตอนนั้นผม… 983 00:51:20,539 --> 00:51:22,833 คือนั่นคือสิ่งที่ผมคิดตอนแค่หกขวบนะ 984 00:51:22,916 --> 00:51:28,922 เขาบอกว่า "พวกนั้นไม่มีเงินจ้างผมหรอก ไม่ได้เสนอยอดเงินมาเลย" 985 00:51:29,006 --> 00:51:31,008 ฉันบอกว่า "ซิดนีย์ รู้ไหมว่าทำยังไงดี 986 00:51:31,091 --> 00:51:34,469 เล่นหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่เพื่อค่าจ้าง 987 00:51:34,553 --> 00:51:38,515 แต่เล่นหนังเพื่อเป็น แสดงความเป็นตัวของตัวเอง" 988 00:51:38,599 --> 00:51:42,144 เขาบอก "ผมไม่เคยคิดอะไรเชิงนั้นเลย" ฉันบอก "คิดซะแล้วรับรู้เลยด้วย" 989 00:51:42,227 --> 00:51:44,313 ตอนแรกเขาเสนอบทนั้น ให้แฮร์รี่ เบลาฟอนเต 990 00:51:44,396 --> 00:51:45,480 เขาปฏิเสธบท บอกว่า 991 00:51:45,564 --> 00:51:48,400 "ชายคนนี้ดูยังไงก็ไม่เหมือนคนที่มีตัวตนจริง" 992 00:51:48,483 --> 00:51:50,110 หนังห่วยมาก ห่วยสุดๆ 993 00:51:50,194 --> 00:51:51,195 (เสียงแฮร์รี่ เบลาฟอนเต) 994 00:51:51,278 --> 00:51:52,905 เป็นบทหนังห่วยที่สุดเท่าที่ผมเคยอ่านมา 995 00:51:52,988 --> 00:51:55,866 แล้วผมก็ปฏิเสธเสียใหญ่โตเลย 996 00:51:56,450 --> 00:51:58,368 จนซิดนีย์ พัวติเยร์รับบทนั้นไป 997 00:51:59,453 --> 00:52:01,455 เขาเล่นหนังเรื่องนั้นได้อย่างยอดเยี่ยม 998 00:52:01,538 --> 00:52:03,874 ตอนนั้นแฮร์รี่ร้องเพลงอยู่ด้วย เขามีงานอีกด้านหนึ่งเลย 999 00:52:03,957 --> 00:52:05,542 แฮร์รี่ก็อยู่ได้แหละ 1000 00:52:05,626 --> 00:52:07,544 แฮร์รี่สามารถปฏิเสธบทหนังได้ 1001 00:52:07,628 --> 00:52:10,923 คือเราปฏิเสธอะไรๆ ได้เวลาที่… แบบว่า เวลาผ่อนบ้านหมดแล้ว 1002 00:52:11,006 --> 00:52:15,302 ไม่ได้จะลบหลู่แฮร์รี่นะ แต่ตอนนั้นเขาร้องเพลง "เดย์-โอ" อยู่ 1003 00:52:16,887 --> 00:52:17,930 โอเคเนอะ 1004 00:52:20,307 --> 00:52:21,934 ตอนที่เล่น Hello, Dolly! กันอยู่ 1005 00:52:22,017 --> 00:52:24,019 ผมเล่นบรอดเวย์กับเพิร์ล เบลีย์ 1006 00:52:24,102 --> 00:52:25,103 (เพิร์ล เบลีย์) 1007 00:52:25,187 --> 00:52:27,898 และยามที่มีใครที่เป็นคนสำคัญมาดู 1008 00:52:27,981 --> 00:52:29,942 เธอก็จะเชิญเขาขึ้นมาบนเวที 1009 00:52:30,025 --> 00:52:31,610 พวกเขาจะร้อง… 1010 00:52:34,863 --> 00:52:37,616 ตอนซิดนีย์มาเธอก็เรียกเขาขึ้นไป 1011 00:52:37,699 --> 00:52:40,244 เธอบอกว่า "มาเร็ว ซิดนีย์ มา… ร้องกัน" 1012 00:52:40,327 --> 00:52:43,288 เขาบอกว่า "ผมร้องเพลงไม่เป็น!" 1013 00:52:43,789 --> 00:52:45,040 โอเค เอาละนะ 1014 00:52:47,960 --> 00:52:50,087 เธอบอกว่า "พูดเรื่องอะไรของคุณ" 1015 00:52:50,170 --> 00:52:52,339 ฉันเห็นคุณร้องเสียงดีจะตายในเรื่อง Lilies of the Field" 1016 00:52:52,422 --> 00:52:54,132 เขาบอก "นั่นมันเสียงคนอื่น!" 1017 00:53:01,348 --> 00:53:02,432 มาเร็วร้องเลย 1018 00:53:05,143 --> 00:53:08,188 หนังเรื่องเล็กๆ ทุนต่ำนี้ สั่งสมผู้ชมเป็นระยะเวลานาน 1019 00:53:08,272 --> 00:53:10,691 และเจาะเข้าถึงใจของคนในประเทศช่วงนั้น 1020 00:53:10,774 --> 00:53:11,775 โดยเฉพาะจุดที่ 1021 00:53:11,859 --> 00:53:14,736 คนชื่นชอบตัวละครโฮเมอร์ สมิธที่พัวติเยร์เล่น 1022 00:53:14,820 --> 00:53:16,071 และชอบการแสดงของพัวติเยร์เป็นพิเศษ 1023 00:53:16,154 --> 00:53:19,366 ลักษณะของคนที่อ่อนหวานน่ารัก ที่เขาดึงออกมาให้กับหนังเรื่องนี้ 1024 00:53:19,449 --> 00:53:21,493 นั่นจับใจคนได้ถูกจังหวะพอดี 1025 00:53:21,577 --> 00:53:23,203 ผมว่าส่วนหนึ่งที่มันดังก็คือ 1026 00:53:23,287 --> 00:53:28,125 ผมว่าเป็นเพราะตัวละครที่น่ารัก แสนดี ดีต่อใจ 1027 00:53:28,208 --> 00:53:31,044 ซึ่งเราอาจสามารถเห็นเงาสะท้อนของเขาได้ 1028 00:53:31,128 --> 00:53:33,505 ในด้านที่ดีของมนุษย์ทุกคน 1029 00:53:35,591 --> 00:53:38,343 (รางวัลออสการ์) (ปี 1964) 1030 00:53:38,427 --> 00:53:39,803 คืนสำคัญของฮอลลีวูด 1031 00:53:39,887 --> 00:53:42,055 เป็นครั้งที่ 36 แล้ว เมืองหลวงด้านวงการบันเทิงโลก 1032 00:53:42,139 --> 00:53:44,933 จะให้รางวัลกับ ความสำเร็จและศิลปินยอดเยี่ยมประจำปี 1033 00:53:45,017 --> 00:53:47,728 ด้วยการให้รางวัลออสการ์ 1034 00:53:47,811 --> 00:53:50,772 ตอนนั้นฉันเป็นเด็กสิบขวบ อยู่ที่มิลวอกี้ 1035 00:53:50,856 --> 00:53:53,108 แล้วฉันนั่งดูสิ่งที่เขาเรียกว่า การประกาศรางวัลอะคาเดมีอะวอร์ด 1036 00:53:53,192 --> 00:53:58,113 เราเห็นคนขึ้นรถลิมูซีนยาวๆ มาอะไรอย่างนั้น 1037 00:53:58,697 --> 00:54:02,159 ทุกครั้งที่มีคนดำออกทีวี 1038 00:54:02,242 --> 00:54:04,703 จำได้เลยว่าฉันจะวิ่งไปโทรศัพท์แล้วบอกว่า 1039 00:54:04,786 --> 00:54:06,830 "คนดำออกทีวี คนดำล่ะ คนดำออกทีวี! 1040 00:54:06,914 --> 00:54:08,207 คนดำมา เปิดดูเดี๋ยวนี้" 1041 00:54:08,290 --> 00:54:10,000 จนกระทั่งสุดท้ายไม่ทันได้ดูว่ามันรายการอะไร 1042 00:54:10,667 --> 00:54:12,836 ผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม 1043 00:54:12,920 --> 00:54:15,047 คืออัลเบิร์ต ฟินนีย์ จาก Tom Jones 1044 00:54:16,173 --> 00:54:18,175 ริชาร์ด แฮร์ริสจาก This Sporting Life 1045 00:54:19,301 --> 00:54:21,053 เร็กซ์ แฮร์ริสันจาก Cleopatra 1046 00:54:23,013 --> 00:54:24,556 พอล นิวแมนจาก Hud 1047 00:54:25,390 --> 00:54:27,559 ซิดนีย์ พัวติเยร์จาก Lilies of the Field 1048 00:54:29,561 --> 00:54:32,022 ผู้ชนะคือซิดนีย์ พัวติเยร์ จาก Lilies of the Field 1049 00:54:33,398 --> 00:54:34,816 ตอนเขาเรียกชื่อผม 1050 00:54:34,900 --> 00:54:37,110 ผมกระโดดตัวลอยพูดว่า 1051 00:54:37,194 --> 00:54:41,490 "ผมชนะ! ผมชนะ! ผมชนะ!" 1052 00:54:41,573 --> 00:54:43,492 ก็ห้ามตัวเองไม่อยู่นะ 1053 00:54:44,076 --> 00:54:46,912 เป็นการแสดงอารมณ์ของตัวผมเอง 1054 00:54:46,995 --> 00:54:49,289 แต่ในขณะเดียวกันนั่นก็เป็นการแสดง 1055 00:54:49,373 --> 00:54:51,667 ซึ่งตรงกับใจคนจำนวนมากเลยทีเดียว 1056 00:54:51,750 --> 00:54:53,418 นึกออกไหม 1057 00:54:53,502 --> 00:54:56,171 นั่นมันก่อนที่เราจะมีกฎหมายสิทธิมนุษยชน 1058 00:54:56,255 --> 00:54:58,215 นึกสภาพความช็อกในห้องนั้นออกไหม 1059 00:54:58,298 --> 00:55:03,720 นึกถึงความยินดี มีมนตร์ขลัง 1060 00:55:03,804 --> 00:55:07,975 และสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์บอกไม่ถูกที่เกิดขึ้นในจังหวะนั้น 1061 00:55:08,058 --> 00:55:12,938 ซึ่งข้ามผ่านทุกสิ่งซึ่งกำลังเกิดอยู่ ในสังคมของเราตอนนั้น 1062 00:55:13,021 --> 00:55:16,108 คุณพัวติเยร์เป็นนิโกรคนแรก ซึ่งได้รางวัลระดับสูงขนาดนั้น 1063 00:55:16,191 --> 00:55:18,819 และผลของรางวัลก็ได้รับ เสียงตอบรับจากผู้ชมอย่างงดงาม 1064 00:55:24,658 --> 00:55:27,244 นั่นเป็นจุดเปลี่ยน 1065 00:55:27,327 --> 00:55:28,912 เป็นจุดเปลี่ยนจริงๆ 1066 00:55:28,996 --> 00:55:32,457 ในวงการฮอลลีวูดซึ่งเคยเลือกที่จะ 1067 00:55:32,541 --> 00:55:36,879 ส่งสารความเป็นพวกเรา ความเป็นคนดำ 1068 00:55:37,713 --> 00:55:41,842 แบบที่แตกต่างจากที่เราเป็นอย่างแท้จริง 1069 00:55:42,384 --> 00:55:48,348 เพราะเราต้องใช้เวลานานกว่าจะมาถึงจุดนี้ 1070 00:55:49,391 --> 00:55:52,436 ผมจึงต้องเป็นหนี้บุญคุณ 1071 00:55:52,519 --> 00:55:56,106 คนจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน 1072 00:55:56,190 --> 00:55:58,734 เขาเป็นความหวังคนดำสำคัญของฉัน 1073 00:55:58,817 --> 00:56:01,236 ในจังหวะนั้น เขากลายเป็น ความหวังคนดำของฉัน 1074 00:56:01,320 --> 00:56:03,614 จำได้แม่นว่าฉันรู้สึกว่า 1075 00:56:04,615 --> 00:56:06,909 ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับคนผิวสีได้ 1076 00:56:06,992 --> 00:56:10,120 อยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับฉันได้บ้าง 1077 00:56:10,204 --> 00:56:14,041 ผมพูดได้แค่ขอบคุณทุกคนสำหรับสิ่งวิเศษนี้ 1078 00:56:44,655 --> 00:56:46,240 เขาเบิกทางให้คนอีกเยอะมาก 1079 00:56:46,323 --> 00:56:48,742 ไม่ใช่แค่คนที่ตามหลังเขามา 1080 00:56:48,825 --> 00:56:50,744 แต่เป็นพ่อแม่และปู่ย่าตายายของซิดนีย์ด้วย 1081 00:56:50,827 --> 00:56:53,121 ย้อนกลับไปจนถึงสมัยที่ยังค้าทาส 1082 00:56:53,205 --> 00:56:57,209 ลองนึกสิว่าพวกนั้นจะรู้สึกอย่างไร เมื่อ "เขาทำได้" 1083 00:56:57,876 --> 00:57:00,295 (นาสโซ บาฮามาส) (ปี 1964) 1084 00:57:04,383 --> 00:57:08,387 การได้เป็นชายผิวดำคนแรก ชายบาฮามาสคนแรก 1085 00:57:08,470 --> 00:57:10,305 ที่ได้รางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยม 1086 00:57:10,389 --> 00:57:13,600 ในช่วงเวลาที่ยังถือว่าเป็นไปไม่ได้ 1087 00:57:13,684 --> 00:57:16,353 เขาต้องเก่งกว่าคนอื่นเป็นร้อยเท่า 1088 00:57:21,066 --> 00:57:23,318 นั่นเป็นเรื่องพิเศษสำหรับยุคนั้น 1089 00:57:23,402 --> 00:57:26,572 ไม่ใช่เพราะผมเก่งหรือบริสุทธิ์อะไรขนาดนั้น 1090 00:57:26,655 --> 00:57:29,950 ผมไม่ได้เก่ง แสนดีหรือบริสุทธิ์อะไร 1091 00:57:30,826 --> 00:57:34,329 แต่มีอะไรบางอย่างในใจที่ผมนำเสนอไปด้วย 1092 00:57:34,413 --> 00:57:36,373 สิ่งซึ่งอยู่ในใจของคุณแม่ผม 1093 00:57:36,957 --> 00:57:42,129 สิ่งที่ท่านทำในฐานะของแม่ เพื่อให้ผมรอดชีวิตมาได้ 1094 00:57:44,464 --> 00:57:46,550 ไม่เคยมีใครคิดว่าผมจะมีชีวิตรอด ไม่ 1095 00:57:46,633 --> 00:57:48,635 ตอนผมเกิด คนไม่คิดว่าผมจะมีชีวิตรอด 1096 00:57:48,719 --> 00:57:52,639 ผมเกิดก่อนกำหนดสองเดือน 1097 00:57:53,140 --> 00:57:56,059 เช้าวันต่อมา คุณพ่อผมก็ออกไปจากบ้าน 1098 00:57:56,143 --> 00:57:58,896 ตอนที่ทุกคนในบ้านนั้นเห็นตรงกันหมด 1099 00:57:58,979 --> 00:58:01,648 รวมทั้งหมอตำแยด้วย ว่าผมคงไม่รอดแล้ว 1100 00:58:02,733 --> 00:58:08,155 เขากลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับกล่องรองเท้า 1101 00:58:10,574 --> 00:58:11,658 และ… 1102 00:58:14,411 --> 00:58:17,289 เขาเตรียมใจจะเอาผมไปฝัง 1103 00:58:18,874 --> 00:58:21,043 แต่… คุณแม่ผมไม่ยอมเด็ดขาด 1104 00:58:21,126 --> 00:58:22,961 แม่บอกว่า "ไม่ ทำงั้นไม่ได้" 1105 00:58:23,837 --> 00:58:25,130 แล้วแม่ก็ออกไปจากบ้าน 1106 00:58:25,214 --> 00:58:29,801 ไปทุกที่ซึ่งคิดว่าจะมีคนช่วยได้ 1107 00:58:29,885 --> 00:58:34,806 จนผ่านบ้านของหมอดูคนหนึ่ง 1108 00:58:34,890 --> 00:58:36,225 (มาดามเบส - เพิ่มพลังโชคดี) 1109 00:58:36,308 --> 00:58:38,268 แม่บอกว่า "ฉันมีลูกที่เพิ่งเกิด 1110 00:58:38,352 --> 00:58:39,895 เขาเกิดก่อนกำหนดเยอะมาก 1111 00:58:39,978 --> 00:58:43,106 ฉันอยากให้คุณบอกหน่อยว่า ชีวิตลูกฉันจะเป็นอย่างไร" 1112 00:58:44,358 --> 00:58:49,112 หมอดูหลับตา ทำหน้าเหยเก 1113 00:58:49,196 --> 00:58:52,241 เขากลอกตาไปมาทั้งที่หลับตาอยู่นั่นน่ะ 1114 00:58:54,660 --> 00:58:58,205 แล้วทันใดนั้น หมอดูก็ลืมตาโพลงขึ้น 1115 00:58:58,288 --> 00:59:00,999 แล้วบอกว่า "ไม่ต้องห่วงเรื่องลูกคุณหรอก 1116 00:59:04,336 --> 00:59:05,546 เขาจะรอด 1117 00:59:06,380 --> 00:59:11,802 เขาจะได้เดินทางไปยังแทบทุกมุมโลก 1118 00:59:11,885 --> 00:59:13,470 เขาจะร่ำรวยและโด่งดัง" 1119 00:59:14,304 --> 00:59:17,099 และผมจะทำให้ชื่อของแม่โด่งดังไปทั่วโลก 1120 00:59:18,308 --> 00:59:21,812 แล้วเรื่องที่หมอดูพูดไว้ทั้งหมดนั้น 1121 00:59:23,939 --> 00:59:25,566 ผมก็ได้ใช้ชีวิตผ่านมันมาแล้ว 1122 00:59:27,818 --> 00:59:32,155 ข่าวเอ็นบีซีขอเสนอ เชนีย์ กู้ดแมน ชเวอร์เนอร์ 1123 00:59:32,239 --> 00:59:35,075 รายการพิเศษเกี่ยวกับ คนงานสามคนที่ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน 1124 00:59:35,158 --> 00:59:36,994 ซึ่งถูกอุ้มหายไปจากมิสซิสซิปปี 1125 00:59:37,077 --> 00:59:38,078 (มิสซิสซิปปี) (ปี 1964) 1126 00:59:38,161 --> 00:59:40,372 เจมส์ เชนีย์, แอนดรูว์ กู้ดแมน และไมเคิล ชเวอร์เนอร์ 1127 00:59:40,455 --> 00:59:43,000 ไปมิสซิสซิปปีเพื่อช่วย ลงทะเบียนให้คนดำมีสิทธิ์เลือกตั้ง 1128 00:59:43,083 --> 00:59:45,002 ตอนนั้นผมเพิ่งเข้าร่วมขบวนการเคลื่อนไหว 1129 00:59:45,085 --> 00:59:46,879 (สาธุคุณวิลลี่ บลู) (นักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน) 1130 00:59:46,962 --> 00:59:49,006 ผมลงมาจากรถเชฟโรเลต 1131 00:59:49,089 --> 00:59:51,758 ผมรู้จักทุกคนนอกจากกู้ดแมน 1132 00:59:52,342 --> 00:59:53,802 พวกเขาเป็นครู 1133 00:59:53,886 --> 00:59:57,097 คือสอน… คือก็อธิบายให้คนเข้าใจว่า การลงคะแนนเลือกตั้งคืออะไร 1134 00:59:57,181 --> 00:59:59,224 ทำไมถึงต้องเลือกตั้ง เพราะสมัยนั้นเราไม่รู้ 1135 00:59:59,308 --> 01:00:00,350 (หนึ่งคนหนึ่งเสียง ลงทะเบียนเลย!) 1136 01:00:00,434 --> 01:00:04,104 เท่าที่ผมเข้าใจ พวกเขาสอนฝันชาวอเมริกันให้เราอยู่ 1137 01:00:04,188 --> 01:00:07,316 ไปเลือกตั้ง และคุณจะมีสิทธิ์เลือกได้ 1138 01:00:08,025 --> 01:00:09,902 ไม่ไปเลือก ทางเลือกจะกลายเป็นของคนอื่น 1139 01:00:09,985 --> 01:00:13,280 อย่าลืมไปเลือกตั้ง เพื่อให้ทางเลือกเป็นของเรา 1140 01:00:13,363 --> 01:00:16,200 มีครั้งหนึ่งเกิดเรื่องน่ากลัวขึ้นกับคุณ 1141 01:00:16,283 --> 01:00:17,326 ตอนที่คุณลงไปทางใต้ 1142 01:00:17,409 --> 01:00:19,369 ผมได้ยินคนเล่าเรื่องคร่าวๆ มาแล้ว แต่คุณช่วย… 1143 01:00:19,453 --> 01:00:21,330 ผมไม่เคยได้ยินคุณเล่าเรื่องนั้นเองเลย 1144 01:00:21,413 --> 01:00:23,498 ซิดนีย์กับผมเป็นเพื่อนกันมา 26 ปี 1145 01:00:24,583 --> 01:00:26,960 ผมว่าระหว่างเราไม่มีประสบการณ์ไหน 1146 01:00:27,044 --> 01:00:30,422 ที่ทำให้เราผูกพันกันได้ยิ่งกว่าจังหวะนั้น 1147 01:00:31,089 --> 01:00:34,009 เพื่อนสนิทผม แฮร์รี่ เบลาฟอนเต โทรมาบอกว่า 1148 01:00:34,092 --> 01:00:36,929 "ฉันอยากให้แกไปมิสซิสซิปปีกับฉัน 1149 01:00:37,012 --> 01:00:40,265 เราต้องเอาเงินจำนวนหนึ่ง ไปให้ขบวนการเพื่อสิทธิมนุษยชน" 1150 01:00:40,349 --> 01:00:41,892 กลุ่มที่อยู่ในบริเวณนั้น 1151 01:00:41,975 --> 01:00:45,312 ขาดเงินทุนในการทำกิจกรรมอย่างหนัก และจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือ 1152 01:00:45,395 --> 01:00:48,440 เราจะปฏิบัติต่อทุกคนอย่างมีเกียรติ ในมิสซิสซิปปี 1153 01:00:48,524 --> 01:00:49,525 (ผู้ว่าการรัฐ รอส บาร์เนตต์) 1154 01:00:49,608 --> 01:00:52,319 ทุกคนที่มาที่นี่ ตราบใดที่ไม่ทำตาม… 1155 01:00:52,402 --> 01:00:53,946 ไม่ขัดกับกฎหมายของเรา 1156 01:00:54,029 --> 01:00:57,824 ทั้งโทรศัพท์และจดหมายขู่ มากันทั้งวันทั้งคืน 1157 01:00:57,908 --> 01:01:02,621 พวกนั้นอยากลอบสังหาร เบลาฟอนเตกับพัวติเยร์ 1158 01:01:02,704 --> 01:01:03,705 คำที่พวกเขาใช้คือ 1159 01:01:03,789 --> 01:01:06,333 "เราจะฆ่าไอ้นิโกรที่มากรีนวู้ด" 1160 01:01:06,416 --> 01:01:08,418 ผมก็คิดเองว่า… 1161 01:01:08,502 --> 01:01:10,546 เพราะผมรู้จักกับบ๊อบบี้ เคนเนดี้ 1162 01:01:10,629 --> 01:01:12,548 เมื่อโทรแจ้งกระทรวงยุติธรรมแล้ว… 1163 01:01:12,631 --> 01:01:13,632 (หน่วยสิทธิมนุษยชน) 1164 01:01:13,715 --> 01:01:16,093 และแจ้งว่าผมจะไปไหน อยู่ที่ไหน… 1165 01:01:16,176 --> 01:01:18,345 เราจะได้รับการคุ้มครองจากรัฐบาลกลาง 1166 01:01:18,428 --> 01:01:19,721 แต่เมื่อไปถึงที่นั่น… 1167 01:01:19,805 --> 01:01:23,183 กลับไม่พบแม้แต่ร่องรอยของ เจ้าหน้าที่ส่วนกลางหรือการคุ้มครองอะไรเลย 1168 01:01:23,267 --> 01:01:25,435 เราขึ้นรถกัน… มีรถมารับเราสองคัน 1169 01:01:25,519 --> 01:01:29,022 คันหนึ่งให้เราขึ้นไป อีกคันเป็นรถสำรอง 1170 01:01:29,106 --> 01:01:31,108 ไม่มีใครอยากขึ้นรถคันนั้น 1171 01:01:32,234 --> 01:01:33,777 ผมเลยบอกว่า ผมขับเอง 1172 01:01:33,861 --> 01:01:38,407 หลังจากจับมือทักทาย แนะนำตัวกันเรียบร้อย 1173 01:01:38,490 --> 01:01:41,368 กระเป๋าก็ถูกขนขึ้นรถผม 1174 01:01:42,160 --> 01:01:45,914 ส่วนพัวติเยร์กับเบลาฟอนเต 1175 01:01:45,998 --> 01:01:48,458 ไปขึ้นรถนำ 1176 01:01:49,042 --> 01:01:50,627 ตอนที่เราขึ้นรถกันไป 1177 01:01:50,711 --> 01:01:52,713 มีคนตะโกนว่า "มันมานั่นแล้ว" 1178 01:01:54,673 --> 01:01:57,968 เปิดไฟหน้า เราเห็นเลยว่านั่นพวกกลุ่มคูคลักซ์แคลน 1179 01:01:59,803 --> 01:02:01,346 เราขับออกมา 1180 01:02:01,430 --> 01:02:03,307 แล้วรถพวกนั้นก็พยายามไล่ตามเรา 1181 01:02:03,390 --> 01:02:07,644 รถคันที่สามเข้ามา ขวางความพยายามที่จะแซง 1182 01:02:10,230 --> 01:02:12,357 พวกนั้นขับชนท้ายรถเราเลย 1183 01:02:12,441 --> 01:02:15,861 ตอนแรกผมคิดว่า "อย่าให้แซงได้" 1184 01:02:17,070 --> 01:02:20,616 แล้วพวกนั้นก็พุ่งเข้าชนท้ายเราตลอดทาง 1185 01:02:20,699 --> 01:02:23,952 เพราะพยายามจะชนหรือเบียดให้ตกถนน เพื่อจะได้มาเล่นงานพวกเรา 1186 01:02:24,036 --> 01:02:25,829 ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อย่าให้แซงได้ 1187 01:02:25,913 --> 01:02:28,957 ถ้าพวกนั้นยิงเราจากท้ายรถ เราก็ต้องตายกันตรงนั้นแหละ 1188 01:02:34,671 --> 01:02:37,966 เราเล่นชนแล้วถอยกันไประยะใหญ่ 1189 01:02:38,550 --> 01:02:41,386 พวกนั้นแซงผมไม่ได้ สุดท้ายก็หลีกไป 1190 01:02:42,638 --> 01:02:46,475 แล้วก็มีนักศึกษากลุ่มใหญ่มาก วิ่งขึ้นรถทุกคันเท่าที่มีอยู่ 1191 01:02:46,558 --> 01:02:48,477 รถพวกนั้นขึ้นมาวิ่งบนทางหลวงกับเรา 1192 01:02:48,560 --> 01:02:51,980 และคุ้มกันเราเข้าไปในกรีนวู้ดพร้อมกับเงิน 1193 01:02:52,064 --> 01:02:53,774 จนกระทั่งเราไปถึงโดยปลอดภัย 1194 01:02:53,857 --> 01:02:55,859 นั่นเหมือนเป็นเรื่องที่ออกมาจากพระคัมภีร์ไบเบิล 1195 01:02:55,943 --> 01:02:57,986 คนไต่ขึ้นไปดูจากบนต้นไม้ 1196 01:02:58,862 --> 01:03:03,367 ตลอดช่วงถนนนั้นคนแน่นขนัดไปหมด 1197 01:03:04,284 --> 01:03:08,497 และนั่น… ทำให้ผมน้ำตาไหล 1198 01:03:09,665 --> 01:03:14,753 มีคนปีนขึ้นไปบนต้นไม้หรือล่องแพมาดู 1199 01:03:15,921 --> 01:03:17,381 มันมีมนตร์ขลังมาก 1200 01:03:19,091 --> 01:03:20,968 ตอนที่พวกเขาเห็นพัวติเยร์ 1201 01:03:21,051 --> 01:03:24,471 ทุกคนก็เริ่มร้องเพลงจาก Lilies of the Field 1202 01:03:24,555 --> 01:03:25,639 "อาเมน" 1203 01:03:28,308 --> 01:03:30,352 นั่นเป็นวันพิเศษมากจริงๆ 1204 01:03:39,278 --> 01:03:42,990 เรารู้กันว่าทุกปี ประมาณเดือนมีนาคมถึงเมษายน 1205 01:03:43,073 --> 01:03:44,408 (ปี 1967) (ดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์) 1206 01:03:44,491 --> 01:03:49,329 หนังสือพิมพ์จะเริ่มเขียนถึง หน้าร้อนอันยาวนานที่กำลังจะเริ่มขึ้น 1207 01:03:53,625 --> 01:03:57,754 การปล้นสะดม ฆ่าและวางเพลิง ไม่เกี่ยวอะไรกับสิทธิมนุษยชนเลย 1208 01:03:58,589 --> 01:03:59,631 (ดีทรอยต์) 1209 01:04:00,549 --> 01:04:01,592 (บอสตัน) 1210 01:04:02,467 --> 01:04:03,552 (นิวอาร์ค) 1211 01:04:04,303 --> 01:04:05,888 เราเบื่อ เราเหนื่อย 1212 01:04:05,971 --> 01:04:08,432 เราไม่ยอมให้กดดันกันต่อ ไม่ว่าจะเป็นคนขาวมาจากที่ไหน 1213 01:04:08,515 --> 01:04:09,516 (ชาร์ลส์ เอเวอร์ส) 1214 01:04:09,600 --> 01:04:10,601 แล้วเราพูดจริง 1215 01:04:10,684 --> 01:04:14,730 เรื่องที่ผมจำได้ชัดเจนมาก เป็นตอนที่ผมอายุประมาณสิบขวบ 1216 01:04:14,813 --> 01:04:17,983 นั่นคือปี 1967 และนั่นเป็นเหมือนฤดูร้อนของซิดนีย์ 1217 01:04:18,066 --> 01:04:20,819 คุณแม่พาผมไปดูหนังเรื่อง To Sir, with Love 1218 01:04:20,903 --> 01:04:23,363 In the Heat of the Night และ Guess Who's Coming to Dinner 1219 01:04:23,447 --> 01:04:25,657 เรามีดาราผิวดำเล่นหนังมาก่อน 1220 01:04:25,741 --> 01:04:27,659 แต่ซิดนีย์น่าจะเป็นคนแรกของฮอลลีวูด… 1221 01:04:27,743 --> 01:04:29,453 ที่เป็นดาวเด่นฮอลลีวูดแท้ๆ ซึ่งผิวดำ 1222 01:04:29,536 --> 01:04:32,831 คนมาโรงหนังเพื่อมาดูหนังของซิดนีย์ พัวติเยร์ 1223 01:04:32,915 --> 01:04:33,999 เมื่อก่อนเรื่องแบบนั้นไม่มีนะ 1224 01:04:34,082 --> 01:04:36,919 แล้วคนขาวก็มาโรงหนัง เพื่อมาดูหนังของซิดนีย์ พัวติเยร์ 1225 01:04:37,002 --> 01:04:38,837 ที่สำคัญที่สุด ในช่วงที่ 1226 01:04:38,921 --> 01:04:40,756 กำลังเกิดขบวนการเรียกร้องสิทธิมนุษยชน 1227 01:04:40,839 --> 01:04:42,758 เขากลายเป็นตัวอย่างสำคัญของเรื่องนั้น 1228 01:04:42,841 --> 01:04:47,638 ทำหนังขายตั๋วได้มากที่สุด ชายคนดำ ช่วงปี 1967 ถึง 68 1229 01:04:47,721 --> 01:04:51,433 แล้วทั้งประเทศก็ชุลมุนอยู่รอบตัวเขาเลย 1230 01:05:04,530 --> 01:05:06,031 ลุกขึ้นมา ไอ้หนุ่ม 1231 01:05:06,114 --> 01:05:09,618 (กำกับโดย นอร์แมน จิวิสัน) 1232 01:05:09,701 --> 01:05:11,370 ลุกเดี๋ยวนี้! 1233 01:05:11,453 --> 01:05:13,497 จำได้แค่ว่าผมประทับใจมาก 1234 01:05:13,580 --> 01:05:16,959 กับความหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีของหมอนี่ 1235 01:05:17,042 --> 01:05:19,086 หนังเรื่องนั้นก็เล่นกับความคาดหวังของคนดู 1236 01:05:19,169 --> 01:05:20,629 เขาไม่ยอมโดนข่มเลย 1237 01:05:20,712 --> 01:05:23,924 แต่เราก็อดสงสัยไม่ได้ว่า เขาจะทนไปได้นานแค่ไหน… 1238 01:05:24,550 --> 01:05:25,676 ก่อนที่จะระเบิด 1239 01:05:26,426 --> 01:05:28,679 อ้อ มั่นใจในตัวเองไม่เบาสินะ เวอร์จิล 1240 01:05:28,762 --> 01:05:30,430 "เวอร์จิล" ตลกดีที่ชื่อแบบนั้นเป็นชื่อนิโกร 1241 01:05:30,514 --> 01:05:32,558 ที่มาจากฟิลาเดลเฟียด้วย ที่นั่นเขาเรียกแกว่าอะไรกันแน่ 1242 01:05:32,641 --> 01:05:35,602 ทุกคนเรียกผมว่าคุณทิบส์ 1243 01:05:35,686 --> 01:05:37,813 "ทุกคนเรียกผมว่าคุณทิบส์" 1244 01:05:37,896 --> 01:05:40,148 ฉันชอบมาก เพราะฉันก็ด่าคนในหนังเหมือนกัน 1245 01:05:40,232 --> 01:05:42,442 แล้วผู้ชมส่วนใหญ่ก็เป็นคนดำ 1246 01:05:42,526 --> 01:05:46,697 ทุกคนปรบไม้ปรบมือกันใหญ่ แล้วก็ มีชีวิตชีวากันมาก 1247 01:05:46,780 --> 01:05:49,366 ฉากเด่นจากในเรือนกระจก 1248 01:05:49,449 --> 01:05:51,660 ที่เจ้าของไร่คนขาวตบหน้าเขา 1249 01:05:51,743 --> 01:05:53,787 แล้วซิดนีย์ตบกลับ… 1250 01:05:53,871 --> 01:05:57,499 ตอนอยู่ในโรงหนังเมื่อปี 1967 มันส่งผลกระทบอย่างแรงมาก 1251 01:05:57,583 --> 01:06:00,169 คุณโคลเบิร์ตได้เข้ามาในเรือนกระจกนี้ 1252 01:06:00,252 --> 01:06:02,629 เมื่อคืนตอนประมาณเที่ยงคืนหรือไม่ 1253 01:06:06,592 --> 01:06:08,302 โห โรงเงียบจนเข็มหล่นก็ได้ยิน 1254 01:06:08,385 --> 01:06:10,804 นั่นเป็นความเงียบซึ่งดังกังวานที่สุด เท่าที่เคยดูหนังในโรงมา 1255 01:06:10,888 --> 01:06:12,556 เราได้ยินเสียง… นึกออกไหม 1256 01:06:12,639 --> 01:06:14,266 แล้วคนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเลย 1257 01:06:14,349 --> 01:06:17,895 คนดำแตกตื่นกันใหญ่เพราะ พวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนั้นมาก่อน 1258 01:06:21,607 --> 01:06:23,817 ภาพแบบนั้นไม่เคยเกิดขึ้นบนจอได้ 1259 01:06:23,901 --> 01:06:25,485 เขาไม่เหมือนใครเลยจริงๆ พวก 1260 01:06:25,569 --> 01:06:27,529 แล้วจะยังไง 1261 01:06:29,907 --> 01:06:31,158 ผมก็ไม่รู้ 1262 01:06:32,826 --> 01:06:34,244 รู้นี่ว่าพวกเราทุกคนทำยังไง 1263 01:06:34,328 --> 01:06:35,454 "เย้!" 1264 01:06:38,081 --> 01:06:41,126 ในบทร่างแรก เขาให้ผมมองด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ 1265 01:06:41,210 --> 01:06:44,254 และเดินออกไปด้วย ความคิดแรงกล้าในหัว 1266 01:06:44,755 --> 01:06:47,216 ถ้าเป็นนักแสดงคนอื่นเล่นบทนั้น ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ 1267 01:06:47,299 --> 01:06:49,176 แต่เป็นผมไม่มีทางเป็นแบบนั้น 1268 01:06:49,259 --> 01:06:52,221 ผมยังจำคืนนั้นในไมอามีได้ดี 1269 01:06:52,304 --> 01:06:54,556 ที่มีคนขาวเอาปืนจ่อหัวผม 1270 01:06:54,640 --> 01:06:58,685 ผมบอกผู้กำกับว่าต้องแก้บท 1271 01:06:59,311 --> 01:07:01,605 พนันเลยว่ามีแต่ซิดนีย์ที่จะเล่นแบบนั้นได้ 1272 01:07:01,688 --> 01:07:03,732 ตอนนั้นเขาเป็นดาวเด่น ไม่มีใครเทียบ 1273 01:07:03,815 --> 01:07:06,151 คือว่า… ถึงตรงนั้นก็ไม่ต้องสงสัยแล้ว 1274 01:07:06,235 --> 01:07:08,946 เขาจะทำอะไรก็ต้องทำ ไม่มีใครห้ามได้ 1275 01:07:09,029 --> 01:07:10,113 "ถอยไปซะ" 1276 01:07:11,949 --> 01:07:13,909 และนั่นก็กลายเป็น 1277 01:07:13,992 --> 01:07:15,994 จุดเด่นสำคัญมากของหนังเรื่องนั้น 1278 01:07:16,078 --> 01:07:18,205 แต่มัน… ก็สะท้อนให้เห็นช่วงเวลาในสังคม 1279 01:07:18,288 --> 01:07:23,085 สะท้อนให้เห็นยุคหนึ่งของอเมริกา ที่ อย่างน้อยในภาพยนตร์ 1280 01:07:23,168 --> 01:07:26,046 เราเริ่มสามารถทำความเข้าใจ ปัญหาที่เกิดจริงในสังคมได้ 1281 01:07:26,129 --> 01:07:27,172 ก็เหมือนกับที่ทุกคนบอก 1282 01:07:27,256 --> 01:07:29,633 เป็นเสียงตบที่ได้ยินไปทั่วโลก ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน 1283 01:07:29,716 --> 01:07:32,094 นั่นยิ่งส่งให้เขาพุ่งทะยานสูงขึ้นอีก 1284 01:07:32,177 --> 01:07:34,847 ทำให้เกิดจังหวะที่เข้ากันอย่างประหลาด 1285 01:07:34,930 --> 01:07:36,682 ของซิดนีย์ในจังหวะนั้นของหนัง 1286 01:07:36,765 --> 01:07:39,268 และสิ่งที่เกิดขึ้นในแนวหน้าของการต่อสู้ 1287 01:07:47,901 --> 01:07:49,695 (กำกับโดย เจมส์ คลาเวลล์) 1288 01:07:51,947 --> 01:07:55,158 การได้เห็นชายผิวดำคนนี้ 1289 01:07:55,242 --> 01:07:59,580 เป็นครูและเป็นผู้อบรมบ่มนิสัย ให้กับเด็กๆ ในหนัง… 1290 01:07:59,663 --> 01:08:03,625 คือปกติแล้วคนที่เป็นพระเอก จะต้องเป็นคนขาวเสมอ 1291 01:08:03,709 --> 01:08:08,463 และคนดำก็จะเป็นฝ่ายถูกช่วยไว้ หรือเป็นคนที่ก่อปัญหาต่างๆ 1292 01:08:08,547 --> 01:08:10,966 แต่เรื่องนี้เหมือน พลิกวิธีการเล่าเรื่องแบบนั้นไปเลย 1293 01:08:11,550 --> 01:08:12,634 นั่งลง 1294 01:08:14,595 --> 01:08:17,555 To Sir, with Love ที่จริงนั่นเป็นหนังโปรดของฉันเลยนะคะ 1295 01:08:17,639 --> 01:08:22,269 เพราะฉันได้นั่งดูคุณพ่อ 1296 01:08:22,352 --> 01:08:25,147 ทำตัวแบบเดียวกับเวลาเขาทำกับเราเลย 1297 01:08:25,229 --> 01:08:30,652 เขาไม่ได้แค่สอนลูกตัวเอง แต่เขากำลังสอนทุกคน 1298 01:08:30,736 --> 01:08:32,613 ฉัน… เห็นตัวจริงของพ่อ 1299 01:08:33,613 --> 01:08:35,908 ทุกคนอาจจะเห็นนักแสดง 1300 01:08:35,991 --> 01:08:37,868 แต่ฉันเห็นความเป็นพ่อในนั้น 1301 01:08:37,951 --> 01:08:41,830 อยู่ในห้องนี้เราทุกคนจะต้อง มีกติกามารยาทกันหน่อย 1302 01:08:42,497 --> 01:08:44,750 พวกคุณจะต้องเรียกผมว่า "ครู" หรือ "ครูแธคเคอเรย์" 1303 01:08:44,832 --> 01:08:47,336 เราจะเรียกสาวทุกคนว่า "คุณ" 1304 01:08:47,836 --> 01:08:49,587 และเรียกนามสกุลของหนุ่มๆ 1305 01:08:49,671 --> 01:08:51,590 ฉันพูดเสมอว่ามีเทวดาประจำตัวคอยช่วย 1306 01:08:51,673 --> 01:08:52,674 (ลูลู่) 1307 01:08:52,758 --> 01:08:54,510 เพราะฉันโชคดีอย่างที่สุด 1308 01:08:54,593 --> 01:08:56,345 สมัยนั้นฉันเป็นศิลปิน เป็นนักดนตรี 1309 01:08:56,428 --> 01:08:58,680 เป็นนักร้อง ฉันไม่เคยแสดงอะไรมาก่อนเลย 1310 01:08:58,764 --> 01:08:59,765 คะ 1311 01:08:59,848 --> 01:09:01,558 แต่ผู้จัดการของฉันเก่งมาก 1312 01:09:01,642 --> 01:09:03,560 ตอนที่เขาขอให้ฉันเล่นหนังเรื่องนั้น 1313 01:09:03,644 --> 01:09:06,188 เธอตอบว่า "ได้ แล้วเธอต้องร้องเพลงเปิดหนังด้วย" 1314 01:09:24,413 --> 01:09:25,457 คือว่า… 1315 01:09:39,513 --> 01:09:42,640 การที่ฉันได้ไปเกี่ยวข้องกับ สารที่เขาต้องการจะสื่อ 1316 01:09:42,724 --> 01:09:46,603 และเป็นสารที่ทรงพลังมาก 1317 01:09:46,687 --> 01:09:49,398 เพลงนั้นเป็นเรื่องของความรัก 1318 01:09:49,481 --> 01:09:50,899 เป็นเรื่องเกี่ยวกับแบล็คไลฟส์แมทเทอร์ 1319 01:09:50,983 --> 01:09:54,194 เขาก็สำคัญพอๆ กับ พวกเด็กขาวที่โรงเรียน 1320 01:09:54,278 --> 01:09:58,866 ที่จริงแล้วเขาสำคัญ ต่อชีวิตของคนในโรงเรียนนั้น 1321 01:09:58,949 --> 01:10:01,994 มากกว่าใครทุกคนที่เขาจะได้เจอ ในชีวิตต่อจากนี้ 1322 01:10:02,661 --> 01:10:05,372 ก่อนนั้นฉันก็มีเพลงฮิตมาเยอะ 1323 01:10:05,455 --> 01:10:08,417 หลังจากนั้นฉันก็มีเพลงฮิตอีก 1324 01:10:08,500 --> 01:10:10,252 แต่เพลงนั้นโดดเด่นขึ้นมา 1325 01:10:11,128 --> 01:10:13,213 เพราะมันไม่ได้เป็นแค่เพลง 1326 01:10:13,881 --> 01:10:19,136 มันเป็นเรื่องของซิดนีย์ พัวติเยร์ และสารที่หนังเรื่องนั้นต้องการจะสื่อ 1327 01:10:21,388 --> 01:10:23,307 พูดหน่อย! พูดหน่อย! 1328 01:10:23,974 --> 01:10:25,267 เราต้องไม่ลืมว่า 1329 01:10:25,350 --> 01:10:27,144 หนังเหล่านี้ไม่ได้ทำมาให้คนดำดู 1330 01:10:27,227 --> 01:10:28,478 เขาเล่นหนังเหล่านี้ 1331 01:10:28,562 --> 01:10:31,899 โดยรู้ตัวตลอดเวลาว่า เขากำลังเล่าเรื่องอะไรแบบไหน 1332 01:10:31,982 --> 01:10:34,568 รู้ด้วยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ในการต่อสู้เคลื่อนไหว 1333 01:10:34,651 --> 01:10:36,612 โดยเฉพาะการต่อสู้จากฝ่ายดร.คิง 1334 01:10:36,695 --> 01:10:40,741 แต่เขาก็เหมือนเป็นแนวหน้า เมื่อพูดถึงการสื่อสารมวลชน 1335 01:10:40,824 --> 01:10:43,327 ที่เหมือนจะพิสูจน์ว่า คนดำก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน 1336 01:10:43,994 --> 01:10:47,456 ทุกครั้งที่เราจะสามารถแสดงให้เห็นว่า คนดำก็เป็นมนุษย์ 1337 01:10:47,539 --> 01:10:49,666 ทำให้เห็นว่าเป็นมนุษย์และ เป็นคนปกติเหมือนๆ กัน 1338 01:10:49,750 --> 01:10:55,088 ในโลกที่ไม่คิดด้วยซ้ำว่า เราทุกคนเป็นมนุษย์ 1339 01:10:55,172 --> 01:10:56,465 ก็จะช่วยผลักดันประโยชน์ในวงกว้าง… 1340 01:10:57,049 --> 01:10:59,676 เพราะนั่นคือสิ่งที่สำคัญที่สุด 1341 01:10:59,760 --> 01:11:01,929 คือการที่ทำให้คนเห็นว่า พวกเรามีความเป็นมนุษย์เช่นกัน 1342 01:11:02,012 --> 01:11:03,847 (กำกับโดย สแตนลีย์ เครเมอร์) 1343 01:11:03,931 --> 01:11:06,934 จอห์น เวด เพรนทิซ 1344 01:11:07,017 --> 01:11:08,977 ชื่อเพราะใช่ไหมล่ะคะ 1345 01:11:09,061 --> 01:11:10,604 จอห์น เวด… 1346 01:11:12,314 --> 01:11:14,399 หนูจะกลายเป็น โจแอนนา เพรนทิซ 1347 01:11:20,197 --> 01:11:21,406 นี่จอห์นค่ะแม่ 1348 01:11:23,700 --> 01:11:26,411 ยินดีมากที่ได้พบคุณ 1349 01:11:27,454 --> 01:11:29,581 ผมก็ยินดีที่ได้พบคุณครับ คุณนายเดรย์ตัน 1350 01:11:33,085 --> 01:11:35,254 คุณนายเดรย์ตัน ผมมีใบประกอบโรคศิลป์ 1351 01:11:35,337 --> 01:11:37,130 ดังนั้นหวังว่าคุณคงไม่คิดว่าผมถือดี 1352 01:11:37,214 --> 01:11:40,175 ถ้าผมเสนอว่าคุณไปนั่งก่อนดีกว่า ก่อนที่จะล้มนะครับ 1353 01:11:40,259 --> 01:11:42,594 เขาคิดว่าแม่จะเป็นลม เพราะเขาเป็นคนดำค่ะ 1354 01:11:43,178 --> 01:11:46,723 ตอนนั้นฉันอายุ 22 ปี แล้วซิดนีย์ก็น่ารักมาก… 1355 01:11:46,807 --> 01:11:48,225 (แคธารีน ฮอตัน) 1356 01:11:48,308 --> 01:11:50,352 ฉันยังอ่อนต่อโลกมาก 1357 01:11:50,435 --> 01:11:54,606 ดังนั้น ตอนที่เขาถ่ายฉากนั้น ฉากจูบ 1358 01:11:54,690 --> 01:11:58,485 ฉันก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่โตอะไร 1359 01:11:58,569 --> 01:12:00,988 ตากล้องบอกว่า "โอเคๆ เราพร้อมแล้ว" 1360 01:12:01,071 --> 01:12:05,200 แล้วฉันก็มองไปรอบๆ ตัวที่ใน… ในโรงถ่าย 1361 01:12:05,284 --> 01:12:09,496 แล้วฉันก็เห็นแต่สีหน้าตึงเครียดหนักมาก 1362 01:12:11,206 --> 01:12:12,833 ฉันไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น 1363 01:12:12,916 --> 01:12:15,294 จนกระทั่งหลังจากนั้น 1364 01:12:15,377 --> 01:12:18,755 ตอนที่ฉันไปล้างเครื่องสำอางออก 1365 01:12:18,839 --> 01:12:20,549 ฉัน… ถามช่างแต่งหน้าของฉัน 1366 01:12:20,632 --> 01:12:23,051 ถามว่า "เมื่อกี้ในโรงถ่ายเกิดอะไรกัน" 1367 01:12:23,802 --> 01:12:27,431 เธอบอกเลยว่า "โถ คุณช่างอ่อนต่อโลก 1368 01:12:27,514 --> 01:12:28,974 คุณไม่รู้เหรอ" 1369 01:12:29,057 --> 01:12:31,852 ฉันตอบว่า "ไม่ ฉันไม่รู้ เกิดอะไรขึ้น" 1370 01:12:31,935 --> 01:12:33,395 คนจำนวนมากเลยจะคิดว่า 1371 01:12:33,478 --> 01:12:34,730 เราเป็นคู่รักที่ชวนให้ตกใจมาก 1372 01:12:34,813 --> 01:12:36,023 ไม่ใช่หรือครับ คุณนายเดรย์ตัน 1373 01:12:36,607 --> 01:12:38,317 ฉัน… เข้าใจว่าคุณพูดเรื่องอะไร 1374 01:12:38,901 --> 01:12:40,360 ผมคิดว่ามันง่ายมาก 1375 01:12:40,444 --> 01:12:44,531 สำหรับคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมกับ ความขัดแย้งทางวัฒนธรรมในยุคนั้น 1376 01:12:44,615 --> 01:12:49,578 ที่จะมองข้ามหนังอย่าง Guess Who's Coming to Dinner 1377 01:12:49,661 --> 01:12:52,956 แล้วลืมว่ามันเป็นหนังที่ปฏิวัติวงการแค่ไหน 1378 01:12:53,040 --> 01:12:55,042 ถ้าดูบริบทของช่วงเวลานั้น 1379 01:12:55,125 --> 01:12:57,461 ไอ้ความรักครั้งนี้ มันเกิดขึ้นเร็วเกินไป 1380 01:12:57,544 --> 01:12:58,629 แกก็ยังพูดเองด้วยซ้ำ 1381 01:12:58,712 --> 01:13:01,173 คิดบ้างไหมว่าคนจะพูดถึงแกอย่างไร 1382 01:13:01,256 --> 01:13:03,759 แกจะถือว่าทำผิดกฎหมาย ใน 16 หรือ 17 รัฐ 1383 01:13:03,842 --> 01:13:04,843 แกจะต้องกลายเป็นอาชญากร 1384 01:13:04,927 --> 01:13:07,012 ฉากนั้นใน Guess Who's Coming to Dinner 1385 01:13:07,095 --> 01:13:10,015 ตอนที่เขาพูดว่า "พ่อมองตัวเองเป็นคนผิวดำ 1386 01:13:10,098 --> 01:13:11,725 ผมแค่มองตัวเองเป็นคน" 1387 01:13:11,808 --> 01:13:13,685 นั่นคือคำจำกัดความของซิดนีย์ พัวติเยร์ 1388 01:13:14,269 --> 01:13:15,479 พ่อก็เป็นพ่อของผม 1389 01:13:17,105 --> 01:13:19,525 ผมเป็นลูกของพ่อ ผมรักพ่อ 1390 01:13:20,651 --> 01:13:23,529 รักเสมอและจะรักตลอดไป 1391 01:13:25,697 --> 01:13:28,909 แต่พ่อมองตัวเองเป็นคนดำคนหนึ่ง 1392 01:13:30,244 --> 01:13:33,372 ผมมองตัวเองว่าเป็นแค่คนคนหนึ่ง 1393 01:13:35,290 --> 01:13:37,334 สำหรับเขาแล้ว นั่นไม่ใช่การแสดงด้วยซ้ำ 1394 01:13:37,417 --> 01:13:40,128 เพราะนั่นคือตัวตนของเขาเลย 1395 01:13:40,212 --> 01:13:41,880 เขาคิดว่าตัวเองเป็นแค่คนคนหนึ่ง 1396 01:13:48,470 --> 01:13:50,764 หนังสามเรื่องนั้น ทุกเรื่องประสบความสำเร็จด้านรายได้ 1397 01:13:50,848 --> 01:13:53,308 เขาใส่เสื้อเชิ้ตขาวและผูกไทในทั้งสามเรื่อง 1398 01:13:53,392 --> 01:13:54,977 นั่นคือจุดที่เขากลายเป็นท่านเซอร์ซิดนีย์ 1399 01:13:55,060 --> 01:13:58,105 เขาฝากรอยไว้ในวงการแล้ว ตั้งแต่ Lilies of the Field ปี 1963 1400 01:13:58,188 --> 01:14:00,649 แต่จู่ๆ เขาก็ไม่เพียงแต่เป็นคนมีเกียรติน่านับถือ 1401 01:14:00,732 --> 01:14:02,192 เขายังเป็นนักแสดงที่ทำเงินได้ด้วย 1402 01:14:02,276 --> 01:14:03,694 เรื่องนั้นไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน 1403 01:14:03,777 --> 01:14:06,113 ณ จุดนั้นของวงการภาพยนตร์อเมริกา 1404 01:14:06,196 --> 01:14:09,867 ฉันถามเขาว่า "หลังจากนี้ คิดไว้หรือเปล่าว่าจะเล่นหนังเรื่องไหนต่อ" 1405 01:14:10,617 --> 01:14:12,119 เขาตอบว่า "ไม่คิด" 1406 01:14:12,202 --> 01:14:15,789 เขาบอกว่า "นี่อาจจะ… นี่อาจเป็น หนังเรื่องสุดท้ายที่ผมเล่น" 1407 01:14:16,373 --> 01:14:18,125 ฉันถามว่า "ทำไมคะ" 1408 01:14:18,208 --> 01:14:22,629 เขาบอกว่า "เพราะคนดำ 1409 01:14:22,713 --> 01:14:26,675 คนของผมเอง คิดว่าผมกลายเป็นลุงทอมไปแล้ว" 1410 01:14:28,635 --> 01:14:31,597 เมื่อดูกระแสสังคมที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว 1411 01:14:31,680 --> 01:14:35,684 เริ่มมีความไม่พออกพอใจผมเกิดขึ้นไม่ใช่น้อย 1412 01:14:35,767 --> 01:14:37,769 ในกลุ่มชุมชนคนดำบางกลุ่ม 1413 01:14:37,853 --> 01:14:39,980 คลื่นทางวัฒนธรรมที่จะซัดลงมาเพิ่ม 1414 01:14:40,063 --> 01:14:42,149 เมื่อเดอะนิวยอร์กไทมส์ ตีพิมพ์บทความชื่อว่า 1415 01:14:42,232 --> 01:14:45,360 "ทำไมคนขาวถึงชอบซิดนีย์ พัวติเยร์กัน" 1416 01:14:45,444 --> 01:14:48,864 ("เราติดโรคซิดนีย์ พัวติเยร์กันมา) 1417 01:14:48,947 --> 01:14:52,201 (โรคคนดีในโลกของคนที่ขาวล้วน") 1418 01:14:52,284 --> 01:14:53,952 ในสายตาของคนบางกลุ่ม 1419 01:14:54,036 --> 01:14:58,165 ผมกลายเป็นลุงทอม บางคนถึงกับมองว่าเป็นทาสดำในเรือนเบี้ย 1420 01:14:58,248 --> 01:15:02,211 เพราะรับเล่นบทซึ่งไม่เป็นพิษเป็นภัย ต่อผู้ชมคนขาว 1421 01:15:02,294 --> 01:15:07,674 เพราะรับบทเป็นคนดำมีเกียรติ ซึ่งทำตามจินตนาการคนขาวเสรีนิยม 1422 01:15:07,758 --> 01:15:10,427 ("แต่เขาก็ยังดูไม่สมจริง เหมือนอย่างที่เป็นมาเกือบสองทศวรรษ) 1423 01:15:10,511 --> 01:15:12,554 (แทบจะเล่นบทเดิมซ้ำๆ) 1424 01:15:12,638 --> 01:15:15,682 (บทพระเอกแบนไร้มิติ ไร้พิษสง") 1425 01:15:16,308 --> 01:15:21,980 ผมเป็นศิลปิน เป็นคน เป็นชาวอเมริกัน และเป็นคนร่วมสมัย 1426 01:15:22,773 --> 01:15:24,274 ผมเป็นอะไรหลายอย่าง 1427 01:15:24,358 --> 01:15:25,734 ผมจึงหวังว่าคุณจะ… 1428 01:15:27,027 --> 01:15:29,571 ให้ความเคารพกันตามสมควร 1429 01:15:30,572 --> 01:15:32,491 การเป็นคนแรกไม่ใช่เรื่องง่าย 1430 01:15:32,574 --> 01:15:34,660 เมื่อเรากลายเป็นบุคคลที่ 1431 01:15:35,244 --> 01:15:39,915 ต้องเป็นตัวแทนของคนทั้งชาติพันธุ์ 1432 01:15:40,415 --> 01:15:42,376 นั่นมันหนักพอๆ กับเรื่องของแจ็คกี้ โรบินสัน 1433 01:15:42,459 --> 01:15:45,963 เหมือนเราต้องแบกรับภาระ ของคนทั้งเชื้อชาติเอาไว้เลย 1434 01:15:46,046 --> 01:15:48,423 ซิดนีย์ก็ต้องแบกรับภาระอะไรมากมาย 1435 01:15:48,507 --> 01:15:51,176 แบบที่เดนเซลไม่เคยต้องแบก 1436 01:15:51,260 --> 01:15:53,971 ถ้าเราภาวนาขอฝน เราต้องเตรียมใจด้วยว่าจะมีโคลนตามมา 1437 01:15:55,305 --> 01:15:57,558 คือว่าเขา… เขาแกร่งและกล้ามาก 1438 01:15:57,641 --> 01:16:00,894 เขาได้รับพื้นที่ให้แกร่งและกล้า แต่เขาก็ต้องแบกรับภาระมากทีเดียว 1439 01:16:00,978 --> 01:16:03,814 มีแรงกดดันเยอะมาก ว่าเขาต้องทำทุกอย่างถูกต้องหมด 1440 01:16:03,897 --> 01:16:05,315 ไม่รู้หรอกว่าจะตัดสินที่ตรงไหน 1441 01:16:05,399 --> 01:16:08,777 แต่ซิดนีย์มีสองสิ่งที่ผมชอบมากที่สุด 1442 01:16:08,861 --> 01:16:12,573 คือมีความถ่อมตนกับงานสร้างสรรค์ และไม่โอ้อวดตนเมื่อประสบความสำเร็จ 1443 01:16:12,656 --> 01:16:13,657 (ควินซี โจนส์) 1444 01:16:16,493 --> 01:16:18,036 คุณรู้สึกถึงแรงกดดันไหม 1445 01:16:18,120 --> 01:16:19,830 เราอดไม่ได้ที่ต้องรู้สึก 1446 01:16:20,497 --> 01:16:22,374 เราสัมผัสได้ตลอดเวลา 1447 01:16:22,958 --> 01:16:25,919 เรารู้ว่ามีคนทั้งชุมชนที่จับตาดู 1448 01:16:26,003 --> 01:16:30,799 ว่าเราจะยังเป็นตัวแทน สิ่งที่พวกเขายึดถือและเชื่อมั่นหรือไม่ 1449 01:16:30,883 --> 01:16:35,053 และจะตัดสินว่า เขาจะให้คุณเป็นตัวแทน 1450 01:16:35,137 --> 01:16:37,139 ของภาพนั้นที่คุณแสดงออกมาหรือไม่ 1451 01:16:37,222 --> 01:16:40,058 ตัดสินว่าเขาจะต้อนรับเราหรือเปล่า 1452 01:16:40,767 --> 01:16:43,520 - เหงาหรือไม่ครับ - "เหงาหรือไม่" เหรอ 1453 01:16:44,271 --> 01:16:45,856 มันก็ต้องเหงาอยู่แล้ว 1454 01:16:46,815 --> 01:16:49,359 เหงาสิครับ เหงา 1455 01:16:55,657 --> 01:16:56,575 (วันที่ 4 เมษายน 1968) 1456 01:16:56,658 --> 01:16:58,619 เขารู้เรื่อง มาร์ติน ลูเธอร์ คิงหรือยัง 1457 01:16:59,912 --> 01:17:00,913 เรามี… 1458 01:17:00,996 --> 01:17:03,540 ข่าวเศร้ามากที่จะต้องเรียนทุกคน 1459 01:17:04,166 --> 01:17:08,212 ผมว่าเป็นข่าวเศร้าของ ประชาชนชาวอเมริกันทั้งหมด 1460 01:17:09,087 --> 01:17:12,216 และผู้ที่รักความสงบทั่วโลก 1461 01:17:13,008 --> 01:17:15,677 ข่าวนั้นคือ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง 1462 01:17:15,761 --> 01:17:18,222 ถูกยิงเสียชีวิตแล้วเมื่อหัวค่ำ ที่เมมฟิส เทนเนสซี 1463 01:17:21,475 --> 01:17:23,894 เอ็นบีซีขอขัดจังหวะรายการปกติ 1464 01:17:23,977 --> 01:17:26,188 เพื่อตัดเข้ารายการพิเศษ 1465 01:17:27,814 --> 01:17:28,815 (มาร์ติน ลูเธอร์ คิง) (ปี 1929 - 1968) 1466 01:17:28,899 --> 01:17:32,861 มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ถูกสังหาร เมื่อคืนนี้ที่เมมฟิส เทนเนสซี 1467 01:17:32,945 --> 01:17:36,532 เขาถูกยิงเข้าที่ใบหน้า ขณะยืนตามลำพังที่ระเบียงห้องโรงแรม 1468 01:17:36,615 --> 01:17:38,700 และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมา 1469 01:17:39,952 --> 01:17:42,162 จำได้ว่าฉันขึ้นรถโรงเรียนกลับบ้านที่ เพลเซนท์วิลล์ 1470 01:17:42,246 --> 01:17:43,247 (พาเมลา พัวติเยร์) (ลูกสาว) 1471 01:17:43,330 --> 01:17:45,123 คุณพ่อมารับถึงรถเลย 1472 01:17:45,207 --> 01:17:47,668 ที่สุดทางเดินหน้าบ้าน ตรงตู้ไปรษณีย์ 1473 01:17:48,836 --> 01:17:50,629 พ่อเดินขึ้นมาบนรถ 1474 01:17:50,712 --> 01:17:53,340 เขายืนเต็มตัวแทบไม่ได้ เพราะพ่อตัวสูงมาก 1475 01:17:54,132 --> 01:17:56,635 เขามองหน้าเด็กๆ ทุกคน 1476 01:17:57,970 --> 01:18:01,598 แล้วก็พูดสิ่งที่ทุกคนเข้าใจได้ตรงกันหมด 1477 01:18:01,682 --> 01:18:04,184 เรื่องเกี่ยวกับ "ชายที่ยิ่งใหญ่ถูก… 1478 01:18:06,353 --> 01:18:09,356 พรากจากเราไปแล้ว" เขาพูดในเชิงนั้น 1479 01:18:09,439 --> 01:18:12,484 "เราควรยกย่องคำพูดยอดเยี่ยมของเขา 1480 01:18:12,568 --> 01:18:16,071 ที่บอกให้ปฏิบัติต่อทุกคน ด้วยความเคารพและให้เกียรติกัน" 1481 01:18:16,822 --> 01:18:18,365 แล้วเด็กๆ ในรถโรงเรียนก็ทึ่งกันหมด 1482 01:18:18,448 --> 01:18:20,242 ทุกคนเหมือน เงยหน้ามองพ่อ 1483 01:18:20,325 --> 01:18:22,703 แล้วพ่อฉันก็บอกว่า "โอเค ลูกๆ กลับบ้านกัน 1484 01:18:22,786 --> 01:18:24,663 ไปกัน เข้าบ้านกันเถอะ" 1485 01:18:24,746 --> 01:18:26,498 เถ้าสู่เถ้า 1486 01:18:27,541 --> 01:18:29,293 ธุลีสู่ธุลี 1487 01:18:29,877 --> 01:18:32,254 เราขอขอบคุณพระเจ้าที่มอบผู้นำให้เรา 1488 01:18:32,337 --> 01:18:35,841 ซึ่งพร้อมจะสละชีพ แต่ไม่เต็มใจที่จะพรากชีวิตใคร 1489 01:18:36,842 --> 01:18:40,095 เมื่อปี 1965 มัลคอล์มเอ็กซ์โดนลอบสังหารไป 1490 01:18:40,804 --> 01:18:41,930 ในสุเหร่าที่ฮาร์เลม 1491 01:18:44,099 --> 01:18:47,644 ปี 1968 คือปีที่มาร์ติน ลูเธอร์ คิง โดนลอบสังหาร 1492 01:18:48,979 --> 01:18:51,648 ในสังคมยูดาย-คริสเตียนของเรานั้น 1493 01:18:51,732 --> 01:18:54,818 มีประชาธิปไตยที่เปราะบางกว่าที่เราคิด 1494 01:18:55,903 --> 01:18:59,323 พวกเรารวมตัวกันอยู่ได้ ด้วยสายใยทางวัฒนธรรมไม่กี่เส้น 1495 01:19:01,241 --> 01:19:04,661 และซิดนีย์ พัวติเยร์ก็เป็นหนึ่งในสายใยนั้น 1496 01:19:08,498 --> 01:19:10,876 ในหลายๆ ทาง การลอบสังหารมาร์ติน ลูเธอร์ คิง 1497 01:19:10,959 --> 01:19:14,296 จุดประกายให้เกิดยุคใหม่ ในชีวิตการทำงานของพัวติเยร์ 1498 01:19:14,379 --> 01:19:17,549 และยังมี… มิติด้านชีวิตส่วนตัวที่สำคัญด้วย 1499 01:19:17,633 --> 01:19:19,593 มิติด้านส่วนตัวซึ่งไม่เพียงแต่ 1500 01:19:19,676 --> 01:19:21,803 รู้สึกคว้างเหมือนกับชาวแอฟริกันอเมริกันมากมาย 1501 01:19:21,887 --> 01:19:24,056 เมื่อมาร์ติน ลูเธอร์ คิงโดนลอบสังหาร 1502 01:19:24,139 --> 01:19:27,643 แต่เขายังแตกแยกกับเพื่อนสนิท แฮร์รี่ เบลาฟอนเต 1503 01:19:27,726 --> 01:19:30,521 ทันทีที่เกิดเหตุลอบสังหารคิง ทั้งคู่ 1504 01:19:30,604 --> 01:19:33,565 มีการคุยถกสนทนาว่า จะจัดงานรำลึกถึงคิงอย่างไรให้ดีที่สุด 1505 01:19:33,649 --> 01:19:34,691 (อารัม กู้ดซูเซียน) 1506 01:19:34,775 --> 01:19:37,861 เบลาฟอนเตอยากจัดเดินขบวนใหญ่ที่แอตแลนตา หลังจากงานศพของคิง 1507 01:19:37,945 --> 01:19:39,780 พัวติเยร์บอกว่าไม่ควรทำ 1508 01:19:39,863 --> 01:19:42,157 และบอกว่าทำแบบนั้น จะดึงความสนใจไปจากคิง 1509 01:19:42,241 --> 01:19:45,285 เรื่องนั้นทำให้เขาแตกคอกัน เหมือนเกิดความตึงเครียดระหว่างเพื่อนทั้งสอง 1510 01:19:45,369 --> 01:19:47,412 แล้วเขาก็ไม่คุยกันไปพักใหญ่ 1511 01:19:47,496 --> 01:19:49,248 คนสองคนที่ยึดถือความคิดตัวเองมาก 1512 01:19:49,331 --> 01:19:50,415 (เบเวอร์ลี พัวติเยร์-เฮนเดอร์สัน) 1513 01:19:50,499 --> 01:19:53,460 ขอพูดอีกครั้งได้ไหม คนสองคนที่ยึดถือความคิดตัวเองมาก 1514 01:19:53,544 --> 01:19:56,421 แล้วพวกเขาก็ไม่เคยยั้งที่จะบอกว่า ตัวเองรู้สึกอย่างไร 1515 01:19:56,922 --> 01:20:01,051 แฮร์รี่อยากจัดงานอะไรสักอย่างและ น่าจะอยากให้ชุมชนของเขาได้ 1516 01:20:01,134 --> 01:20:05,264 แสดงความเศร้าโศก และไว้อาลัยด้วยการเฉลิมฉลอง 1517 01:20:05,347 --> 01:20:07,057 แต่พัวติเยร์คิดว่า 1518 01:20:07,140 --> 01:20:09,476 ผมว่าคิดถูกด้วยนะ ว่านั่นจะดึงความสนใจเกินไป 1519 01:20:13,397 --> 01:20:14,690 นั่นก็เป็นเรื่องที่เป็นหลักฐานเลยว่า 1520 01:20:14,773 --> 01:20:18,235 คนในขบวนต้องคิดตัดสินใจกันเฉพาะหน้าแค่ไหน 1521 01:20:18,318 --> 01:20:23,031 เมื่อเกิดสถานการณ์เลวร้ายที่ไม่คาดคิด นึกออกไหม 1522 01:20:23,115 --> 01:20:25,242 คือแค่… แค่ความปวดร้าวใจก็หนักแล้ว 1523 01:20:25,826 --> 01:20:31,123 และสำหรับทั้งพัวติเยร์และเบลาฟอนเต ต้องมีการเว้นจังหวะให้พวกเขาคิดกันใหม่ 1524 01:20:33,000 --> 01:20:35,085 เท่ากับเขาเสียเพื่อนสนิทในเรื่อง… 1525 01:20:35,169 --> 01:20:37,546 ช่วงเดียวกันกับที่เรื่องอื่นๆ ในชีวิตดูไม่แน่ไม่นอน 1526 01:20:37,629 --> 01:20:39,089 เขาเพิ่งหย่ากับภรรยา 1527 01:20:39,173 --> 01:20:41,258 เขาพยายามจะสานต่อความสัมพันธ์ กับไดแอนน์ แคร์รอล 1528 01:20:41,842 --> 01:20:44,469 อย่างที่ผมเคยพูดไว้ มรดกส่วนใหญ่ที่พ่อของผมให้ไว้ 1529 01:20:44,553 --> 01:20:46,805 คือคำสอนที่เขามอบไว้ให้กับลูกชายทั้งหลาย 1530 01:20:46,889 --> 01:20:52,227 คำสอนนั้นหนักใจของผมมาก ตอนที่ผมแยกทางกับภรรยาคนแรก 1531 01:20:52,311 --> 01:20:57,274 กระบวนการก่อนจะแยกกัน เป็นช่วงเวลายาวนานที่ฝากแผลใจไว้กับทุกฝ่าย 1532 01:20:58,066 --> 01:21:00,152 มันก็ไม่สนุกเลยสำหรับแม่ของฉัน 1533 01:21:00,235 --> 01:21:03,447 ฉันว่าฉันรับรู้ถึงความรู้สึกนั้นมากกว่าเรื่องอื่น… 1534 01:21:05,199 --> 01:21:07,659 เพราะฉันไม่ได้เห็นว่า คุณพ่อต้องเจอกับอะไรบ้าง 1535 01:21:08,243 --> 01:21:09,703 แต่ฉันเห็นกับตาว่าแม่ต้องเจอกับอะไรบ้าง 1536 01:21:09,786 --> 01:21:12,414 เพื่อนฝูงต้องตัดสินใจว่าจะเข้าข้างใคร 1537 01:21:13,457 --> 01:21:17,336 และสำหรับฉัน เรื่องนั้นก็ปวดใจนะ 1538 01:21:17,419 --> 01:21:19,129 เพราะคุณพ่อได้เพื่อนส่วนใหญ่ไป 1539 01:21:19,213 --> 01:21:21,965 ไม่มี… ไม่มี "ลุง" คนนั้น "อา" คนนี้ 1540 01:21:22,049 --> 01:21:23,800 แม้แต่พ่อแม่ทูนหัวบางคนก็หายไปด้วย 1541 01:21:24,718 --> 01:21:26,136 เรื่องนั้นยังทำให้ฉันน้ำตาไหลได้อยู่ 1542 01:21:26,220 --> 01:21:29,681 แต่ฉันก็ซาบซึ้งใจมาก 1543 01:21:29,765 --> 01:21:31,141 กับคนที่ยังเป็นกำลังใจให้แม่ 1544 01:21:31,767 --> 01:21:34,686 และก็จริง ผมตกหลุมรักหญิงอื่น 1545 01:21:34,770 --> 01:21:36,730 ความรู้สึกผิดนั้นก็เป็นสิ่งที่ 1546 01:21:36,813 --> 01:21:40,234 ต่อให้เข้ารับการบำบัดจิตไป 11 ปี ก็ยังรักษาไม่ขาด 1547 01:21:41,109 --> 01:21:43,654 "ภรรยาผมไม่เข้าใจผมมากพอ" 1548 01:21:43,737 --> 01:21:45,697 ผมพูดอย่างแสนจะน้ำเน่า 1549 01:21:45,781 --> 01:21:50,202 แต่แล้วผมก็จะพูดต่อว่าหญิงอีกคน ก็มีเป้าหมายทางอื่น 1550 01:21:50,702 --> 01:21:53,455 หลังจากแยกทางกัน เมื่อเวลาผ่านไปไม่นาน 1551 01:21:53,539 --> 01:21:55,040 เราก็จะพยายามกลับมาสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง 1552 01:21:55,123 --> 01:21:56,416 (ไดแอนน์ แคร์รอล) 1553 01:21:56,500 --> 01:21:58,836 และ… ฉันว่าเรารู้ดีอยู่แก่ใจ 1554 01:21:58,919 --> 01:22:01,171 ก่อนที่สัมพันธ์นั้นจะจบไปจริงๆ นานเลย 1555 01:22:01,255 --> 01:22:03,423 ว่านี่ไม่ใช่สัมพันธ์ที่ดีต่อใจนัก 1556 01:22:03,507 --> 01:22:05,884 นี่ไม่ใช่ความสัมพันธ์แบบที่ 1557 01:22:05,968 --> 01:22:09,429 จะสามารถพัฒนาไปเป็นอะไรได้ แม้แต่มิตรภาพที่ดียังไม่ได้ 1558 01:22:12,349 --> 01:22:16,270 มันก็น่าสนใจเมื่อเห็นว่า วัฒนธรรมกระแสหลักเปลี่ยนได้เร็วแค่ไหน 1559 01:22:16,353 --> 01:22:19,565 จาก Lilies of the Field ปี 1963 ถึงประมาณปี 1968 1560 01:22:19,648 --> 01:22:21,567 เขาเป็นพระเอกตัวหลัก และเขาเป็นคนวางมาตรฐาน 1561 01:22:21,650 --> 01:22:23,443 ว่าภาพลักษณ์ของคนดำควรดูเป็นอย่างไร 1562 01:22:23,527 --> 01:22:24,987 แต่เกิดเรื่องขึ้นสองอย่าง 1563 01:22:25,070 --> 01:22:26,363 เกิดความเคลื่อนไหวสายแบล็คพาวเวอร์ 1564 01:22:33,745 --> 01:22:36,623 เรากำลังพูดถึง "พูดออกมาดังๆ เราดำและเราภูมิใจ" 1565 01:22:36,707 --> 01:22:39,334 แล้วเราก็เริ่มตื่นตัวในฐานะประชากร 1566 01:22:39,418 --> 01:22:42,129 ผมทรงอะโฟร รายการโซลเทรน 1567 01:22:44,381 --> 01:22:46,216 แล้วก็มีหนังที่ขายความเป็นคนดำ 1568 01:22:48,760 --> 01:22:50,179 ไปตาย! ไสหัวไปเลย 1569 01:22:55,559 --> 01:22:57,936 ตอนนี้ สิ่งที่ทำให้เขาปฏิวัติวงการช่วงต้น 1570 01:22:58,020 --> 01:22:59,313 ในสมัยปี 1967-1968 1571 01:23:01,231 --> 01:23:04,318 เขากลายเป็นเรื่องเฉยๆ ไปแล้ว เพราะตอนนี้มีคนอีกรุ่นหนึ่ง 1572 01:23:04,401 --> 01:23:07,154 ที่ถึงกับมีเซ็กซ์กับผู้หญิงขาวออกสื่อได้ 1573 01:23:07,237 --> 01:23:09,781 คนรุ่นที่ไม่เพียงแต่ตบหน้าคนขาว แต่ไล่ยิงกันเลย 1574 01:23:11,700 --> 01:23:13,452 คือพวกหนังที่ขายความเป็นคนดำพวกนั้น 1575 01:23:13,535 --> 01:23:16,038 สิ่งสำคัญมันคือต้องเตะตูดพวกคนขาว 1576 01:23:16,121 --> 01:23:18,540 นั่นเป็นเรื่องเดียวที่สำคัญ 1577 01:23:19,041 --> 01:23:22,294 และมันก็น่าเสียดายที่มีคนดูผิวดำกลุ่มหนึ่ง 1578 01:23:22,377 --> 01:23:25,839 ที่รู้สึกว่าซิดนีย์ไม่เข้าสมัยอีกต่อไปแล้ว 1579 01:23:25,923 --> 01:23:27,007 ผมไม่เห็นด้วยนะ 1580 01:23:27,090 --> 01:23:29,092 แต่ถ้าเรามาดูกันที่กลุ่มผู้ชมคนดำ 1581 01:23:29,176 --> 01:23:33,597 พวกเขาเข้าไปดูหนังขายความเป็นคนดำกัน เป็นฝูง เข้าทีเป็นฝูงเลยจริงๆ 1582 01:23:34,389 --> 01:23:37,809 ควินซี โจนส์จัดงานวันเกิดครบรอบ 42 ปี ให้ฉันที่บ้านเขา 1583 01:23:38,393 --> 01:23:41,230 ซิดนีย์ พัวติเยร์ก็ไปด้วย 1584 01:23:41,313 --> 01:23:44,483 จำได้ว่าฉันเดินลงบันได เลี้ยวไป 1585 01:23:44,566 --> 01:23:46,610 แล้วเขาก็ยืนอยู่ตรงนั้น 1586 01:23:46,693 --> 01:23:50,656 ฉันตัวแข็งเลย เพราะเขาเป็นฮีโร่ของฉันนะคะ 1587 01:23:51,156 --> 01:23:53,909 เขาพูดแค่ว่า "เป็นอย่างไรบ้าง แม่หนู 1588 01:23:53,992 --> 01:23:57,120 ผมอยากเจอคุณมานานแล้ว แม่หนู" 1589 01:23:59,915 --> 01:24:02,334 คิดฉันคิดว่า… แน่สิ ฉันน้ำตารื้นเลย 1590 01:24:02,417 --> 01:24:03,919 คือฉันก็เหมือนกับ 1591 01:24:04,002 --> 01:24:07,381 คุณไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่า จังหวะนี้มีความหมายอะไรต่อชีวิตฉัน" 1592 01:24:07,464 --> 01:24:11,009 ในจังหวะนั้นฉันกำลังโดนวิจารณ์หนัก จากชุมชนคนดำ 1593 01:24:11,718 --> 01:24:15,097 ว่าฉันไม่ดำพอ ไม่ทำรายการที่แสดงความเป็นคนดำมากพอ 1594 01:24:15,180 --> 01:24:19,268 เขาพาฉันไปนั่งคุยที่มุมหนึ่งในงานนั้น งานวันเกิดอายุ 42 ปี 1595 01:24:19,351 --> 01:24:20,561 เขาบอกว่า 1596 01:24:21,645 --> 01:24:24,606 "มันก็ยากหน่อยเวลาที่ เราต้องแบกความฝันของคนอื่นไว้ด้วย 1597 01:24:25,190 --> 01:24:28,986 ดังนั้นคุณต้องยึดความฝัน ที่อยู่ในตัวของคุณเองไว้ให้มั่น 1598 01:24:29,069 --> 01:24:31,363 และรู้ว่าคุณไม่ได้ทรยศต่อความฝันนั้น 1599 01:24:32,197 --> 01:24:33,824 เรื่องนั้นต่างหากที่สำคัญที่สุด" 1600 01:24:33,907 --> 01:24:37,703 นั่นคือจุดเปลี่ยนชีวิตของฉันเลยค่ะ ในจังหวะนั้น 1601 01:24:38,287 --> 01:24:41,164 เขากำลังบอกฉันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับเขา นึกออกไหม 1602 01:24:41,248 --> 01:24:42,958 "ซิดนีย์ พัวติเยร์ดำพอหรือยัง 1603 01:24:43,041 --> 01:24:45,586 เขาดีพอหรือยัง เขาเป็นตัวแทนอย่างที่เราต้องการรึเปล่า" 1604 01:24:45,669 --> 01:24:48,380 และความรู้สึกของเขาลึกๆ ในใจ ที่มีต่อเรื่องพวกนั้น 1605 01:24:48,463 --> 01:24:50,591 นั่นทำให้เขาเงียบไปพักหนึ่ง 1606 01:24:50,674 --> 01:24:54,928 เขาแค่พยายามจะตัดสินใจให้ดีที่สุด เลือกหนังไปทีละเรื่อง 1607 01:24:55,012 --> 01:25:00,434 จากการเป็นลูกชายของ เรจินัลด์และเอเวอลีน พัวติเยร์ 1608 01:25:01,059 --> 01:25:05,314 แต่การที่เขาเรียกได้ว่าถูกทำร้ายเพราะเรื่องนั้น 1609 01:25:05,397 --> 01:25:07,065 มันคือการโจมตีลักษณะนิสัยของเรา 1610 01:25:07,149 --> 01:25:09,443 ตัวตนของเรา คุณค่าการใช้ชีวิตของเรา 1611 01:25:09,526 --> 01:25:13,280 คุณค่าในฐานะมนุษย์ และในฐานะของคนดำด้วย 1612 01:25:20,120 --> 01:25:23,498 ตอนที่ผมเริ่มเตรียมตัว ถ่ายหนังชื่อ The Lost Man 1613 01:25:24,208 --> 01:25:27,294 ไม่มีอะไรในสัญชาตญาณของผม ทำให้คาดคิดได้เลยว่า 1614 01:25:27,377 --> 01:25:30,005 คู่แท้ในชีวิตของผมกำลังรอจะปรากฏตัว 1615 01:25:30,672 --> 01:25:34,259 ฉันกับพี่สาวได้ดู The Lost Man ครั้งแรก 1616 01:25:34,343 --> 01:25:35,844 ตอนที่พวกเราวัยเข้า 20 กันแล้วค่ะ 1617 01:25:35,928 --> 01:25:37,012 (ซิดนีย์ พัวติเยร์ ฮาร์ทซอง) 1618 01:25:37,095 --> 01:25:40,140 ก่อนหน้านั้นไม่มีใครหามาดูได้เลย อย่าถามฉันนะว่าทำไม 1619 01:25:40,766 --> 01:25:42,809 คุณแม่เป็นคนแคนาดา 1620 01:25:42,893 --> 01:25:45,187 แต่ตอนนั้นอยู่ที่ปารีสและเล่นหนังฝรั่งเศส 1621 01:25:45,270 --> 01:25:47,189 เขาเลยนึกว่าแม่เป็นนักแสดงฝรั่งเศส 1622 01:25:49,274 --> 01:25:50,275 (ปี 1967) 1623 01:25:50,359 --> 01:25:52,986 ตอนที่ยูนิเวอร์แซลพิคเจอร์ส เข้าไปติดต่อเธอครั้งแรก 1624 01:25:53,070 --> 01:25:57,533 คำถามแรกของเธอคือ "นอกจากฉันแล้วมีใครเล่นอีก" 1625 01:25:57,616 --> 01:25:59,743 และตอนที่เธอได้ยินคำว่า "ซิดนีย์ พัวติเยร์" 1626 01:25:59,826 --> 01:26:01,828 เธอก็ตอบว่า "ใครนะ" 1627 01:26:02,496 --> 01:26:04,414 เขาบอกว่า "โห แต่นี่คือซิดนีย์ พัวติเยร์เลยนะ 1628 01:26:04,498 --> 01:26:06,375 เขาเป็นเหมือนนักแสดงที่โด่งดังที่สุด" 1629 01:26:06,458 --> 01:26:07,543 (โจแอนนา ชิมคัส พัวติเยร์) 1630 01:26:07,626 --> 01:26:10,420 ฉันก็ตอบว่า "ฉันไม่เคยดูหนังที่เขาเล่น" 1631 01:26:10,504 --> 01:26:12,548 ตอนนั้นฉันบังเอิญอยู่ลอนดอน 1632 01:26:12,631 --> 01:26:15,175 มีหนังเรื่องหนึ่งเข้า A Patch of Blue 1633 01:26:15,259 --> 01:26:16,093 (A Patch of Blue ปี 1965) 1634 01:26:16,176 --> 01:26:18,011 ฉันคิดเลยว่า "โห เขาน่ารักนะ น่ารักมาก" 1635 01:26:18,095 --> 01:26:21,640 ตอนนั้นฉันบังเอิญขึ้นปกโว้กที่อเมริกา 1636 01:26:21,723 --> 01:26:24,685 และเล่นหนังเรื่องหนึ่งซึ่งฉายตามโรงหนังอาร์ต 1637 01:26:24,768 --> 01:26:28,605 แล้วฉันก็ไปแอลเอ ได้เจอกับซิดนีย์ 1638 01:26:28,689 --> 01:26:31,191 เขาก็ดีต่อฉันมาก 1639 01:26:31,275 --> 01:26:33,694 คือ เรากินมื้อกลางวันกัน แค่นั้นเลย 1640 01:26:33,777 --> 01:26:37,072 ตอนนั้นฉันหมั้นและเตรียมจะแต่งงานกับคนอื่น 1641 01:26:37,155 --> 01:26:38,156 แต่… 1642 01:26:42,202 --> 01:26:43,704 ท่าที่คุณขบริมฝีปาก… 1643 01:26:46,415 --> 01:26:47,958 เราใช้เวลาไม่นานเลย 1644 01:26:48,041 --> 01:26:50,544 เมื่อเราเริ่มถ่ายหนังเรื่องนั้นด้วยกัน 1645 01:26:50,627 --> 01:26:54,339 เราก็เริ่มสงสัยว่า มีอำนาจอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา 1646 01:26:54,423 --> 01:26:55,924 นำพาให้เรามาเจอกันหรือเปล่า 1647 01:26:56,008 --> 01:26:59,511 ครั้งนี้ ผมพร้อมที่จะใช้ชีวิตรัก 1648 01:26:59,595 --> 01:27:02,973 ที่ได้เห็นจากชีวิตสมรสของพ่อกับแม่ 1649 01:27:03,056 --> 01:27:04,474 ตอนช่วงต้นของชีวิต 1650 01:27:05,601 --> 01:27:07,269 การคิดว่าพ่อกับแม่เล่นหนังด้วยกัน 1651 01:27:07,352 --> 01:27:09,730 เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวที่ว่า พ่อกับแม่เจอกันได้ยังไง 1652 01:27:09,813 --> 01:27:13,859 เท่ากับจริงๆ แล้วเรื่องการที่เขามาเจอกันยังไง เป็นสิ่งที่ฉันจำได้ 1653 01:27:14,401 --> 01:27:15,569 พ่อแม่ฉันไม่ได้แต่งงานกัน 1654 01:27:15,652 --> 01:27:17,821 จนกระทั่งฉันกับน้องสาวอายุสองขวบกับสี่ขวบ 1655 01:27:17,905 --> 01:27:21,033 คุณแม่พาเราไปหาหมอเด็ก 1656 01:27:21,116 --> 01:27:22,951 แล้วเขาก็คิดว่าแม่เป็นพี่เลี้ยงเด็ก 1657 01:27:23,035 --> 01:27:26,288 วันนั้นแม่กลับมาแล้วบอกเลยว่า "พอกันที" 1658 01:27:26,371 --> 01:27:27,206 (อานิก้า พัวติเยร์) 1659 01:27:27,289 --> 01:27:29,958 "คุณต้องแต่งงานกับฉัน และต้องแต่งสัปดาห์นี้เลยด้วย 1660 01:27:30,042 --> 01:27:32,503 จบนะ" แล้วเขาก็แต่งงานกันสัปดาห์นั้นเลย 1661 01:27:33,253 --> 01:27:34,671 แต่งกันที่บ้านของเรา 1662 01:27:34,755 --> 01:27:36,256 ขณะที่กำลังทำพิธีกันอยู่ 1663 01:27:36,340 --> 01:27:40,344 ซิดนีย์น้อยที่อายุสองขวบครึ่ง ก็เดินขึ้นมากระตุกชายเสื้อโค้ทซิดนีย์ 1664 01:27:40,427 --> 01:27:42,471 "พ่อคะ พ่อ ทำอะไรอยู่น่ะ" 1665 01:27:43,013 --> 01:27:46,099 แล้วมีคนบอกว่า "คุณพ่อกำลังแต่งงานกับคุณแม่จ้ะ หนู" 1666 01:27:46,975 --> 01:27:47,976 แล้วลูกก็ตอบว่า "อ๋อ โอเค" 1667 01:27:48,060 --> 01:27:50,312 แค่นั้นเอง เราแต่งงานกัน 1668 01:27:51,563 --> 01:27:54,483 ตอนยังเด็ก ครอบครัวคนส่วนใหญ่รอบตัวเรา 1669 01:27:54,566 --> 01:27:56,902 หรือเพื่อนฝูงจำนวนมากของเรา เป็นลูกผสม 1670 01:27:56,985 --> 01:27:58,987 พ่อแม่ฉันมองการณ์ไกล 1671 01:27:59,071 --> 01:28:01,823 และให้พวกเราอยู่ท่ามกลาง ครอบครัวที่แต่งงานข้ามเชื้อชาติอื่นๆ 1672 01:28:01,907 --> 01:28:05,536 เราก็เลยมีเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่รู้จักกันสนิทสนมมาก 1673 01:28:05,619 --> 01:28:09,331 และเด็กๆ จะได้เล่นด้วยกันหมด เราจะได้รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องปกติ 1674 01:28:09,414 --> 01:28:11,500 ควินซี่กับเพ็กกี้ คิดาดากับราชิดา 1675 01:28:11,583 --> 01:28:13,836 นั่นเป็นแก๊งที่เราสนิทที่สุด 1676 01:28:13,919 --> 01:28:16,880 นั่นเป็นเหมือน พี่น้องทูนหัว พ่อแม่ทูนหัว ครอบครัวทูนหัวของเรา 1677 01:28:16,964 --> 01:28:19,925 ฉันว่าพ่อแม่เก่งที่คุ้มครองเรา 1678 01:28:20,008 --> 01:28:22,386 จากมุมมองของโลกกว้าง เรื่องคู่แต่งงานสองเชื้อชาติ 1679 01:28:23,387 --> 01:28:25,973 คุณพ่อไม่ได้แยกเลี้ยงพวกเราเลย พวกเขา… พ่อไม่ได้… 1680 01:28:26,056 --> 01:28:28,851 "โอเค ตรงนี้ครอบครัวหนึ่ง ตรงนี้อีกครอบครัวหนึ่ง" 1681 01:28:28,934 --> 01:28:30,978 เขาทำเป็น "ไม่ นี่คือครอบครัวของพ่อ" 1682 01:28:31,562 --> 01:28:34,940 แล้วเขาก็ดูให้แน่ใจว่า เราทุกคนเข้าใจว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน 1683 01:28:35,023 --> 01:28:37,943 ในฐานะพ่อคน เขาทำได้ค่อนข้างดีเลยนะ 1684 01:28:38,026 --> 01:28:42,364 พวกเรามีกันหกคน แล้วเราทุกคนก็… 1685 01:28:42,447 --> 01:28:43,907 เราทุกคนได้รับการดูแลอย่างดี 1686 01:28:43,991 --> 01:28:47,744 การที่เขาแต่งงานกับ ผู้หญิงที่ยอดเยี่ยมทั้งสองคนก็ช่วยด้วย 1687 01:28:47,828 --> 01:28:49,788 แล้วทั้งสองคนเป็นคนที่เหมือนกันมาก 1688 01:28:49,872 --> 01:28:51,498 โจแอนนากับคุณแม่ฉันเหมือนกันมาก 1689 01:28:51,582 --> 01:28:53,500 ในแง่ของการเป็นคนใจกว้าง นึกออกไหม 1690 01:28:53,584 --> 01:28:56,879 ใจกว้างและเอาครอบครัวมาก่อน 1691 01:28:56,962 --> 01:28:58,672 คุณย่าบอกพ่อเสมอว่า 1692 01:28:58,755 --> 01:29:01,216 "แกต้องดูแลลูกๆ แกต้องดูแลครอบครัว" 1693 01:29:01,300 --> 01:29:02,342 (เชอร์รี พัวติเยร์) (ลูกสาว) 1694 01:29:02,426 --> 01:29:03,635 และจนถึงวันนี้ 1695 01:29:04,428 --> 01:29:06,263 พ่อก็ทำอย่างนั้นเลยค่ะ 1696 01:29:06,847 --> 01:29:11,185 แล้วเขาก็ปลูกฝังให้เท่าทุกคนทำแบบเดียวกัน 1697 01:29:11,268 --> 01:29:13,187 เพื่อที่เราจะได้ปกป้องกันและกัน 1698 01:29:15,022 --> 01:29:17,858 ในช่วงต้นยุค 1970 มีโอกาสครั้งใหม่เปิดให้กับพัวติเยร์ 1699 01:29:17,941 --> 01:29:20,068 ที่จะเปลี่ยนชีวิตเขาในหลายทาง 1700 01:29:20,152 --> 01:29:22,738 เขารับสายจากแฮร์รี่ เบลาฟอนเต ซึ่งเขาไม่ได้คุยด้วยมา 1701 01:29:22,821 --> 01:29:26,200 ตั้งแต่เหตุลอบสังหารมาร์ติน ลูเธอร์ คิง เมื่อปี 1968 1702 01:29:26,283 --> 01:29:27,576 หาฉันเจอได้ยังไง 1703 01:29:28,160 --> 01:29:29,661 ถามม้าแกมาไง 1704 01:29:30,370 --> 01:29:33,582 แฮร์รี่ เบลาฟอนเตโทรหาซิดนีย์ บอกว่า "ฉันมีโปรเจกต์มาเสนอ" 1705 01:29:33,665 --> 01:29:36,585 ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาต้องพูดอะไรมากกว่านั้นไหม 1706 01:29:36,668 --> 01:29:38,587 เหมือนเขามีสัมผัสที่หก และ… 1707 01:29:38,670 --> 01:29:41,465 "ได้ ฮื่อ โอเค ที่ไหน เมื่อไหร่ ฉันจะไป" 1708 01:29:45,344 --> 01:29:46,929 (ปี 1972) 1709 01:29:49,473 --> 01:29:50,641 (กำกับโดย ซิดนีย์ พัวติเยร์) 1710 01:29:50,724 --> 01:29:53,060 ก่อนอื่น นั่นเป็นงานกำกับชิ้นแรกของซิดนีย์ 1711 01:29:53,143 --> 01:29:54,937 ตอนแรกที่เราตั้งใจจะเริ่มถ่าย 1712 01:29:55,020 --> 01:29:56,355 ซิดนีย์ไม่ใช่ผู้กำกับ 1713 01:29:56,438 --> 01:29:58,565 เขาได้รับหน้าที่นั่นมาทีหลัง 1714 01:29:58,649 --> 01:30:00,859 ประมาณหนึ่งสัปดาห์ หลังจากที่เปิดกล้องไปแล้ว 1715 01:30:00,943 --> 01:30:02,653 ผู้กำกับคนแรกไปไหนเสียล่ะ 1716 01:30:09,326 --> 01:30:12,538 เปิดกล้องไปได้หนึ่งสัปดาห์ แฮร์รี่พูดกับผมว่า 1717 01:30:12,621 --> 01:30:15,624 "คือฉันว่าเราต้องหาผู้กำกับใหม่แล้วล่ะ" 1718 01:30:15,707 --> 01:30:17,835 เขาไม่เข้าใจความละเอียดอ่อนของบท 1719 01:30:17,918 --> 01:30:19,169 ความละเอียดอ่อนของบท 1720 01:30:19,920 --> 01:30:25,217 มันเชื่อมสานวัฒนธรรมชาวพื้นเมืองอเมริกัน เข้ากับวัฒนธรรมแอฟริกันอเมริกัน 1721 01:30:25,968 --> 01:30:28,554 ไม่เคยมีการถ่ายหนังเรื่องไหน 1722 01:30:28,637 --> 01:30:34,184 ที่ผมไม่ได้จับตามองผู้กำกับอย่างใกล้ชิดตลอด 1723 01:30:34,268 --> 01:30:38,856 หลังจากที่ดูเขาทำมาหลายๆ ปีเข้า 1724 01:30:38,939 --> 01:30:42,401 ผมก็เรียนจากสิ่งที่ได้เห็น 1725 01:30:46,446 --> 01:30:51,159 ผมรับช่วงในฐานะผู้กำกับ และกำกับอยู่หนึ่งสัปดาห์ 1726 01:30:51,243 --> 01:30:53,829 ค่ายโคลัมเบียดูงานที่ถ่ายในสัปดาห์นั้น 1727 01:30:54,580 --> 01:30:57,124 แล้วก็ส่งข้อความมาบอกผม 1728 01:30:57,207 --> 01:31:00,127 บอกว่า "เราอยากให้คุณกำกับหนังเรื่องนั้นต่อ 1729 01:31:00,210 --> 01:31:03,088 และนี่… ที่เราเห็นเราก็ว่าโอเคแล้ว" 1730 01:31:03,172 --> 01:31:05,299 - แอ็คชั่น - ขอพระเจ้าอำนวยพร 1731 01:31:05,382 --> 01:31:07,050 ผมสาธุคุณวิลลิส โอ๊คส์ รูเธอร์ฟอร์ด 1732 01:31:07,134 --> 01:31:09,928 จากนิกายไฮแลนด์โลว์ออร์เดอร์ ออฟเดอะโฮลีเนสเพอร์ซูเอชั่น 1733 01:31:10,012 --> 01:31:11,805 อ้าว แล้วมาจากไหนล่ะ สาธุคุณ 1734 01:31:11,889 --> 01:31:13,724 ซันฟลาวเวอร์เคาน์ตี้ มิสซิสซิปปี 1735 01:31:13,807 --> 01:31:15,684 - คัท! - ให้ตาย 1736 01:31:15,767 --> 01:31:17,436 ขอบคุณ ดีมาก 1737 01:31:17,519 --> 01:31:19,646 - โอเค เก็บงาน - เตรียมเลย 1738 01:31:19,730 --> 01:31:20,939 - เริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นไหม - เอา 1739 01:31:21,023 --> 01:31:22,608 โอเค ตั้งแต่ต้น 1740 01:31:24,359 --> 01:31:25,986 (โซล! กับเอลลิส ไฮซลิป) 1741 01:31:26,069 --> 01:31:28,655 นั่นเป็นฉากหนึ่งจาก Buck and the Preacher 1742 01:31:28,739 --> 01:31:31,617 ซึ่งพวกคุณจะได้ชมในโรงหนังใกล้บ้านในไม่ช้า 1743 01:31:31,700 --> 01:31:33,368 คุณคิดยังไงกับการกำกับหนัง แฮร์รี่ 1744 01:31:33,452 --> 01:31:36,246 เขาทำตัวเป็นดาราไหม หรือว่าหลงตัวเองแบบดาราใหญ่รึเปล่า 1745 01:31:37,122 --> 01:31:38,790 ขอบคุณมากที่ถามออกมา 1746 01:31:40,250 --> 01:31:43,879 เคมีระหว่างซิดนีย์กับแฮร์รี่ในหนังนั้นดีมาก 1747 01:31:43,962 --> 01:31:46,173 เราดูออกว่าเขาสองคนถูกคอกันมากจริงๆ 1748 01:31:46,256 --> 01:31:47,883 ทั้งคู่มีความอบอุ่นให้แก่กัน 1749 01:31:47,966 --> 01:31:50,844 หากบอกเรื่องนี้ คนจำนวนมากอาจจะประหลาดใจ 1750 01:31:50,928 --> 01:31:53,680 แต่เขาเป็นนักแสดงที่ให้ความร่วมมือดีที่สุด 1751 01:31:53,764 --> 01:31:54,973 เท่าที่ผมเคยได้ทำงานด้วย 1752 01:31:55,557 --> 01:31:59,603 และ ต่อหน้าผู้ชมอาจจะสักสิบล้านคนมั้ง 1753 01:31:59,686 --> 01:32:01,647 ผมอยากพูดว่า ขอบคุณนะ บีเพื่อนยาก 1754 01:32:04,733 --> 01:32:07,152 ในฐานะนักแสดงที่ทรงพลังที่สุด… นักแสดงผิวดำที่ทรงพลังในฮอลลีวูด 1755 01:32:07,236 --> 01:32:10,072 และหนึ่งในนักแสดงในฮอลลีวูด ที่ทรงพลังที่สุดในจุดนั้น 1756 01:32:10,155 --> 01:32:11,949 การที่เขาลุกขึ้นมากำกับก็เป็นเรื่องดี 1757 01:32:12,032 --> 01:32:13,825 จากนั้นก็มีเรื่องประเภทหนังที่เขาเลือกทำอีก 1758 01:32:13,909 --> 01:32:16,453 เพราะสุดท้ายหนังเรื่องนั้น เกี่ยวกับคนดำในแดนคาวบอย 1759 01:32:16,537 --> 01:32:17,538 ซึ่งเป็นประเด็นใหม่ 1760 01:32:17,621 --> 01:32:19,915 ซึ่งในตอนนั้นยังไม่เคยมีใครใน วัฒนธรรมกระแสหลักจับเลยสักคน 1761 01:32:19,998 --> 01:32:21,416 หรือจับก็ในมุมที่ปัดผ่าน 1762 01:32:22,000 --> 01:32:24,962 เราสร้างหนังเพื่อความบันเทิง แต่ก็มีสารที่ต้องการจะสื่อ 1763 01:32:25,045 --> 01:32:27,339 เราคิดว่าคนดำมีบทบาทสำคัญ 1764 01:32:27,422 --> 01:32:28,966 ในการสร้างดินแดนคาวบอยด้วย 1765 01:32:29,466 --> 01:32:31,593 เราอยากให้ลูกหลานคนดำได้เห็น 1766 01:32:31,677 --> 01:32:34,388 เราลืมสิ่งที่ซิดนีย์ทำในฐานะคนทำหนังไม่ได้นะ 1767 01:32:35,055 --> 01:32:37,599 หนังที่เขาได้มีโอกาส… หนังที่จะ… 1768 01:32:37,683 --> 01:32:39,852 เราจะไม่ได้มีหนังจากมุมมองตรงนั้นเลย 1769 01:32:39,935 --> 01:32:43,313 จะไม่มีคนเล่าเรื่องแบบนั้นในทางนั้น ถ้าไม่ใช่เพราะซิดนีย์ 1770 01:32:43,897 --> 01:32:45,065 "ฉันชื่อบัค" 1771 01:32:47,192 --> 01:32:48,527 ฉันชื่อบัค 1772 01:32:53,532 --> 01:32:56,159 เราจะไม่ได้เห็นเขา เป็นนักแสดงเด่นเอื้อมไม่ถึง 1773 01:32:56,243 --> 01:32:57,369 อย่างที่เป็นสมัยยุค 1960 อีก 1774 01:32:57,452 --> 01:32:59,830 เขาจะไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์แบบนั้นอีก 1775 01:32:59,913 --> 01:33:02,291 ในทางกลับกัน เขาเปลี่ยนมาเล่นบทบาทของผู้นำ 1776 01:33:02,374 --> 01:33:04,376 แห่งสังคมคนดำในฮอลลีวูดช่วงปี 1970 1777 01:33:04,459 --> 01:33:07,087 ในแบบที่ช่วยสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้คนอีกมาก 1778 01:33:07,171 --> 01:33:08,380 ที่ก้าวเข้ามาทำงานตามจากเขา 1779 01:33:08,964 --> 01:33:12,050 ถ้าวงการนี้มีโอกาสให้คนอย่างเท่าเทียมกัน 1780 01:33:12,134 --> 01:33:15,888 จะต้องมีซิดนีย์ พัวติเยร์ 15 คน และเบลาฟอนเตอีกสิบหรือ 12 คน แต่ไม่มี 1781 01:33:15,971 --> 01:33:18,348 หรือไม่งั้นก็ในทางกลับกัน มีเบลาฟอนเต 15 คนและสิบ… 1782 01:33:18,432 --> 01:33:19,433 ระวังๆ 1783 01:33:23,437 --> 01:33:24,438 (ห้องสเตทสวีท) 1784 01:33:24,521 --> 01:33:27,232 ตอนปี 1969 เรากลายเป็นหุ้นส่วนธุรกิจกัน 1785 01:33:27,316 --> 01:33:28,734 พร้อมกับพอล นิวแมนด้วย 1786 01:33:28,817 --> 01:33:31,278 เราตั้งบริษัทที่ชื่อว่าเฟิร์สอาร์ททิสต์ 1787 01:33:31,987 --> 01:33:37,367 ซึ่งตอนนั้นก็ถือว่าใหม่มากเพราะ ศิลปินจะมีสิทธิ์ในการควบคุมงานสร้างสรรค์ 1788 01:33:37,451 --> 01:33:39,995 ได้สิทธิ์ในงานสร้างสรรค์เต็มรูปแบบ ในหนังทุกเรื่องที่เราสร้าง 1789 01:33:40,078 --> 01:33:42,372 เราไม่ได้ค่าจ้างล่วงหน้า 1790 01:33:42,456 --> 01:33:46,126 และจะได้เงิน ต่อเมื่อหนังเรื่องนั้นประสบความสำเร็จ 1791 01:33:46,210 --> 01:33:47,503 ฉันไม่ได้สนใจเรื่องค่าจ้าง 1792 01:33:47,586 --> 01:33:50,631 ฉันแค่อยากได้สิทธิ์ในงานสร้างสรรค์นั้น 1793 01:33:50,714 --> 01:33:53,800 ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่เป็นผู้หญิงคนเดียว 1794 01:33:54,426 --> 01:33:57,971 แล้วก็ภูมิใจมากที่ได้ร่วมงานกับซิดนีย์ 1795 01:33:58,055 --> 01:34:01,099 นั่นเป็นก้าวที่ต้องกล้าบ้าบิ่นมาก ถึงจะเปิดบริษัทโปรดักชั่น 1796 01:34:01,183 --> 01:34:02,935 ทั้งที่เป็นคนดำอยู่ในฮอลลีวูด 1797 01:34:04,269 --> 01:34:06,480 ฉันว่าความรู้สึกคนส่วนใหญ่ตอนนั้นคือ 1798 01:34:07,272 --> 01:34:09,441 เขาควรจะพอใจกับสิ่งที่มีอยู่แล้ว 1799 01:34:09,525 --> 01:34:12,486 "คุณก็ได้บทเยอะ คุณอยู่ได้สบาย 1800 01:34:12,569 --> 01:34:16,240 คุณไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองมา อยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจตัดสินใจอะไร 1801 01:34:16,323 --> 01:34:18,951 จนกระทั่งตอนนี้ต้องมาสร้างสรรค์งาน" 1802 01:34:19,034 --> 01:34:23,705 แต่นั่นก็เป็นก้าวที่คิดล่วงหน้าจากคนอื่น เพื่อที่จะส่งสารบอกทุกคน 1803 01:34:24,540 --> 01:34:26,458 สิ่งที่ตอนนั้นเราทุกคนต้องการจริงๆ 1804 01:34:26,542 --> 01:34:31,338 คืออยากทำหนังที่เราเลือกเองได้ 1805 01:34:31,421 --> 01:34:34,132 ได้ทำหนังเอง เลือกเรื่องที่จะมาเป็นหนังเอง 1806 01:34:34,216 --> 01:34:35,592 ผมได้ทำเรื่อง Uptown Saturday Night 1807 01:34:35,676 --> 01:34:37,636 Let's Do It Again และ A Piece of the Action 1808 01:34:37,719 --> 01:34:39,471 ทั้งหมดนั่นเป็นหนังที่ยอดเยี่ยม 1809 01:34:39,555 --> 01:34:41,557 ฉันว่ามันโคตรเจ๋งที่สุดเลย 1810 01:34:42,224 --> 01:34:43,934 เคนะ ฉันว่ามันโคตรเจ๋งที่สุด 1811 01:34:44,017 --> 01:34:45,269 ตอนที่พ่อกลายมาเป็นผู้กำกับ 1812 01:34:45,352 --> 01:34:47,688 เขาเข้าใจวงการนี้ดี 1813 01:34:47,771 --> 01:34:50,816 และรู้ว่ามีอะไรที่จำเป็นต้องทำ และอะไรที่พอจะทำได้ 1814 01:34:50,899 --> 01:34:55,362 พ่อรู้ดีเลยว่า ณ จุดหนึ่งไม่มีคนดำสักคน 1815 01:34:55,445 --> 01:34:59,032 แล้วจู่ๆ ก็มีชาวแอฟริกันอเมริกันอยู่ในกอง 1816 01:34:59,116 --> 01:35:01,451 คือมันเหมือนกันไปทุกแห่ง 1817 01:35:02,035 --> 01:35:04,788 แล้วเขาก็ถือเป็นหน้าที่เขาที่ต้องแก้ 1818 01:35:04,872 --> 01:35:06,123 เราควรจะเน้นเรื่องที่ 1819 01:35:06,206 --> 01:35:09,334 คุณทำให้คนดำได้มาทำงานเบื้องหลังเพิ่มมากขึ้น 1820 01:35:09,418 --> 01:35:12,588 เราไม่ได้แค่ได้นักแสดงผิวดำที่เก่งกาจ… 1821 01:35:13,088 --> 01:35:15,674 ใช่ครับ เราจ้างคนดำ 1,300 คน 1822 01:35:15,757 --> 01:35:17,968 ทำงานอยู่ในหนังเรื่องนี้ 1823 01:35:18,051 --> 01:35:20,721 มาเป็นตัวประกอบฉาก เป็นช่างเทคนิคอะไรทุกอย่าง 1824 01:35:20,804 --> 01:35:23,473 ในนั้น 1,276 คนเป็นญาติผม 1825 01:35:23,974 --> 01:35:24,975 โชคดีนะ 1826 01:35:25,058 --> 01:35:26,852 ก็ซิดนีย์เขาให้ความสำคัญเรื่องเชื้อชาติ 1827 01:35:26,935 --> 01:35:30,272 เพราะงั้นเขาจะมากำกับหนังได้ยังไง 1828 01:35:30,981 --> 01:35:33,192 ถ้าทุกคนหน้ากล้องเป็นคนดำ 1829 01:35:33,275 --> 01:35:35,569 แต่ทีมเบื้องหลังผิวขาวหมด เขาไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก 1830 01:35:35,652 --> 01:35:38,697 ไม่ต้องถามด้วยซ้ำ ซิดนีย์ไม่ทำแน่ 1831 01:35:38,780 --> 01:35:42,576 ซิดนีย์จะหาทางจนได้ เพื่อให้คนดำมีตำแหน่งงาน 1832 01:35:42,659 --> 01:35:45,871 ทำให้พวกเขามีอาชีพเบื้องหลังในวงการหนัง 1833 01:35:46,455 --> 01:35:48,332 เพราะอาชีพเบื้องหลังจริงๆ แล้วยืนยาวกว่า 1834 01:35:48,415 --> 01:35:49,708 การอยู่หน้ากล้องอีกนะ 1835 01:35:49,791 --> 01:35:52,294 สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ พัวติเยร์ในฐานะนักแสดงในยุคนี้ 1836 01:35:52,377 --> 01:35:54,463 คือเหมือนเขาเริ่มส่งไม้ต่อละ 1837 01:35:54,546 --> 01:35:56,965 เขาไม่จำเป็นจะต้องเป็นพระเอกเด่นสุดเสมอ 1838 01:35:57,049 --> 01:35:58,675 ผมตั้งตารอการได้ทำงานในฐานะผู้กำกับ 1839 01:35:58,759 --> 01:36:00,719 ตั้งตารอที่จะได้ตัดสินใจในเรื่องนั้น 1840 01:36:00,802 --> 01:36:03,514 ตั้งตารอที่จะได้อ่านสคริปต์ และได้ทำงานกับนักแสดงท่านอื่นๆ 1841 01:36:03,597 --> 01:36:04,723 และสร้างบรรยากาศในการทำงาน 1842 01:36:04,806 --> 01:36:06,266 ผมตั้งตารอที่จะได้วาดภาพยนตร์ 1843 01:36:07,017 --> 01:36:09,770 ผมไม่ได้มีวิสัยทัศน์แบบนั้นในฐานะนักแสดง 1844 01:36:09,853 --> 01:36:11,897 ผมคิดว่าผมได้ทำทุกอย่างเท่าที่สามารถทำได้แล้ว 1845 01:36:11,980 --> 01:36:12,981 ในฐานะนักแสดง 1846 01:36:16,318 --> 01:36:18,403 ที่ถนนสายสามในนิวยอร์กซิตี้ 1847 01:36:18,487 --> 01:36:19,613 คืนหนึ่งผมเดินเข้าไป 1848 01:36:19,696 --> 01:36:22,824 มีหนังฉายอยู่ หนังชื่อ Let's Do It Again 1849 01:36:23,408 --> 01:36:25,577 ผมเดินเข้าไป ยืนดูด้านหลังโรง 1850 01:36:25,661 --> 01:36:29,581 คนเต็มโรงเลยนะ ผมจึงยืนดูปฏิกิริยาของคนจากด้านหลัง 1851 01:36:30,165 --> 01:36:31,792 มีผู้หญิงดำคนหนึ่ง 1852 01:36:31,875 --> 01:36:35,546 นั่งดูหนังแล้วหัวร่องอหายเลย 1853 01:36:35,629 --> 01:36:36,630 (Let's Do It Again ปี 1975) 1854 01:36:36,713 --> 01:36:40,717 พวกเขายินดีปรีดากับการได้เห็นตัวละครเหล่านี้ 1855 01:36:40,801 --> 01:36:44,179 เพราะเราสร้างภาพตัวละคร ที่พวกเขาเปิดใจรับได้ 1856 01:36:44,263 --> 01:36:46,348 เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาแบบนั้น 1857 01:36:46,431 --> 01:36:49,643 ผมจึงตัดสินใจว่าอยากหาบทในแบบเดียวกัน 1858 01:36:50,310 --> 01:36:53,772 หนังตลกที่ผมทำ เราพยายามออกแบบมา 1859 01:36:53,856 --> 01:36:56,817 ให้คนที่นั่งดูอยู่ในโรง 1860 01:36:56,900 --> 01:36:59,778 สามารถเห็นตัวเองในหนังได้ 1861 01:37:00,737 --> 01:37:02,197 ในแบบที่รู้สึกว่าทุกคนเปิดใจรับ 1862 01:37:02,281 --> 01:37:05,534 ตอนนี้ซิดนีย์ พัวติเยร์กลายเป็นผู้กำกับหนังตลก 1863 01:37:06,368 --> 01:37:08,912 พูดถึงการหักมุมที่ไม่น่าจะเป็นไปได้นะ 1864 01:37:09,413 --> 01:37:13,333 เขากลายเป็นผู้กำกับหนังตลกคนสำคัญ แล้วเขาก็ทำหนัง 1865 01:37:13,834 --> 01:37:19,798 กับดาราตลกผิวดำซึ่งมีเสน่ห์หาตัวจับยากสุด 1866 01:37:19,882 --> 01:37:24,052 ผมขอตัดสินให้จำคุก 125 ปี 1867 01:37:24,136 --> 01:37:26,096 ในการดูแลของอธิบดี 1868 01:37:26,180 --> 01:37:28,515 - กรมราชทัณฑ์ - ไงนะ อะไร… 1869 01:37:28,599 --> 01:37:31,894 เมื่อเราดู เอาหนังที่พัวติเยร์เป็นผู้กำกับมาดู 1870 01:37:31,977 --> 01:37:34,062 เขาไม่ได้มีสไตล์กำกับภาพที่ยอดเยี่ยมอะไร 1871 01:37:34,146 --> 01:37:36,440 แต่สิ่งที่โดดเด่นคือเขาเป็นผู้กำกับการแสดงที่เก่ง 1872 01:37:36,523 --> 01:37:37,691 (กำกับโดย ซิดนีย์ พัวติเยร์) 1873 01:37:37,774 --> 01:37:41,820 และสามารถเว้นที่ว่างให้ จีน ไวล์เดอร์เล่นได้ตลกสุดใจ 1874 01:37:41,904 --> 01:37:43,280 ให้ริชาร์ด ไพรเยอร์ได้ตลกสุดใจ 1875 01:37:43,363 --> 01:37:44,364 เราไม่ได้… ผมไม่ได้… 1876 01:37:44,448 --> 01:37:46,700 - ทนายบอกให้เรามา… - ผมรู้ว่าผมไม่ได้ทำ 1877 01:37:46,783 --> 01:37:48,994 - ผม… - เขาล้อเล่นครับ 1878 01:37:49,077 --> 01:37:50,996 - ผมบอกเขา… - เขาหมายถึง เราไม่ได้ทำ 1879 01:37:51,079 --> 01:37:53,624 - เราไม่ได้ทำ - ตัดสินถูกคดีรึเปล่าเนี่ย 1880 01:37:54,208 --> 01:37:55,334 เราไม่มีทางเดาได้ว่า 1881 01:37:55,417 --> 01:37:57,753 เขาจะประสบความสำเร็จสูงสุด ในฐานะผู้กำกับจากหนังตลก 1882 01:37:57,836 --> 01:38:01,131 ชายซึ่งเป็นผู้เบิกทาง ให้เราได้มีเดนเซลหรือเวสลีย์ 1883 01:38:01,215 --> 01:38:03,717 เขาคือคนที่เบิกทางให้เรา ได้มีโรเบิร์ต ทาวน์เซนด์ด้วย 1884 01:38:03,800 --> 01:38:05,302 และคีแนน ไอวอรี เวย์นส์ 1885 01:38:06,094 --> 01:38:09,056 เพราะเขาเป็นผู้กำกับหนังตลกคนดัง คนแรกของฮอลลีวูด 1886 01:38:09,139 --> 01:38:11,934 (Stir Crazy ได้รายได้ทั้งหมด 100 ล้าน) 1887 01:38:19,399 --> 01:38:21,944 - หวัดดีพ่อหน่อย - หวัดดีค่ะ พ่อ 1888 01:38:22,528 --> 01:38:24,071 อยู่นิ่งๆ อานิก้า 1889 01:38:25,280 --> 01:38:26,907 เห็นนะ ซิดนีย์ 1890 01:38:29,076 --> 01:38:30,452 - เห็นอะไรมั่ง - เห็นพ่อ 1891 01:38:31,578 --> 01:38:33,747 อ้อ ก็นี่แหละตัวเงินตัวทอง 1892 01:38:34,623 --> 01:38:35,999 อยู่ในกองเขาก็พูดกันอย่างนั้น 1893 01:38:36,083 --> 01:38:39,211 ยิ้มหน่อย โอเค 1894 01:38:39,795 --> 01:38:40,796 ซิดนีย์ พี. 1895 01:38:41,922 --> 01:38:44,091 เรื่องหนึ่งที่ฉันชื่นชมพ่อจริงๆ 1896 01:38:44,174 --> 01:38:45,884 คือว่า หลายครั้ง 1897 01:38:45,968 --> 01:38:49,388 ตอนที่งานนักแสดงจะเริ่มลดน้อยถอยลง 1898 01:38:49,471 --> 01:38:53,183 คนจะกระเสือกกระสนและ คว้าบทอะไรก็ตามที่มีคนส่งมาให้ 1899 01:38:53,267 --> 01:38:56,186 เพราะยังอยากอยู่ในความรับรู้ของสังคม 1900 01:38:56,270 --> 01:38:58,522 และอยากทำงานในฐานะนักแสดงต่อไป 1901 01:38:58,605 --> 01:39:01,066 แต่พ่อฉันไม่มีความรู้สึกแบบนั้นเลย 1902 01:39:02,150 --> 01:39:03,819 ผมเลือกเดินออกมาเอง 1903 01:39:03,902 --> 01:39:08,740 คือในชีวิตของเรา เราไม่ควรใช้เวลาจังหวะสุดท้าย 1904 01:39:08,824 --> 01:39:10,576 ถึงจะยอมรับความจริงว่า 1905 01:39:10,659 --> 01:39:13,287 เราอาจเผลอใช้เวลามาทั้งชีวิต 1906 01:39:13,954 --> 01:39:16,123 ในเส้นทางแคบๆ 1907 01:39:16,707 --> 01:39:20,210 อาชีพการแสดงของผมก็ยอดเยี่ยม เป็นเวลานานหลายปี 1908 01:39:20,961 --> 01:39:25,674 ไม่ได้แปลว่ามันจะดำเนินต่อไป ในอัตราความเร็วอย่างที่เคย 1909 01:39:26,633 --> 01:39:29,803 แต่ถ้าไม่หยุดแสดง นั่นจะทำให้ผมพลาดโอกาส 1910 01:39:29,887 --> 01:39:32,639 ที่จะได้เป็นบุคคลที่สมบูรณ์ขึ้น นึกออกไหม 1911 01:39:32,723 --> 01:39:35,434 บางทีความสำเร็จก็เข้ามาหุ้มแล้วกันตัวเราไว้ 1912 01:39:36,935 --> 01:39:38,103 ผมไม่อยากทำอย่างนั้น 1913 01:39:38,187 --> 01:39:40,647 ผมอยากรู้ว่า การได้กำกับหนังสักเรื่องเป็นอย่างไร 1914 01:39:40,731 --> 01:39:42,733 หรือกำกับหนังสักห้าหกเรื่องเป็นอย่างไร 1915 01:39:42,816 --> 01:39:45,068 ผมอยากรู้ว่าจะเป็นอย่างไร หากเราอำนวยการสร้างหนังเอง 1916 01:39:45,152 --> 01:39:46,445 แล้วผมก็สร้างหนังมาหลายเรื่อง 1917 01:39:46,528 --> 01:39:48,488 ผมเกิดมาพร้อมกับความอยากรู้อยากเห็น 1918 01:39:48,572 --> 01:39:50,616 นั่นทำให้ผมเดือดร้อนไม่น้อย สมัยที่ผมยังเด็ก 1919 01:39:50,699 --> 01:39:52,534 แต่มันช่วยให้ผมยืนหยัดได้อย่างมั่นคง 1920 01:39:52,618 --> 01:39:53,869 ตอนที่ผมโตแล้ว 1921 01:39:56,246 --> 01:39:58,081 ผมยังหวังว่าความอยากรู้อยากเห็นนั้น 1922 01:39:58,165 --> 01:39:59,583 จะคงอยู่กับผมไปจนกว่าจะตาย 1923 01:40:00,751 --> 01:40:04,129 ผู้รับรางวัลเอเอฟไอ ความสำเร็จตลอดชีพปี 1992 1924 01:40:04,213 --> 01:40:05,589 ซิดนีย์ พัวติเยร์ 1925 01:40:06,632 --> 01:40:10,802 (รางวัลความสำเร็จเอเอฟไอ ปี 1992) 1926 01:40:14,932 --> 01:40:17,976 ผมคิดเสมอว่าซิดนีย์เป็นเหมือน ประภาคารหลังเบ้อเร่อ 1927 01:40:18,936 --> 01:40:22,231 ตั้งอยู่บนแหลมที่ไหนสักแห่งมืดๆ 1928 01:40:22,898 --> 01:40:23,899 แต่สว่างจ้าเลย 1929 01:40:24,608 --> 01:40:29,321 ผมเคยบอกเขาว่า ตลอดช่วงวัยที่ผมเพิ่งเริ่มเรียนรู้ 1930 01:40:30,781 --> 01:40:34,451 ผมเพ่งจุดสนใจไปที่แสงซึ่งเขาส่งมาถึงผม 1931 01:40:36,161 --> 01:40:40,457 ไม่เคยมีแสงอื่นที่ไหนเจิดจ้าได้ถึงขนาดนั้น 1932 01:40:40,541 --> 01:40:41,917 หรือมั่นคงได้ขนาดนั้น 1933 01:40:43,043 --> 01:40:46,505 หรือมีแสงไหนที่ผมศรัทธามากกว่าแสงนั้น 1934 01:40:47,130 --> 01:40:52,052 เมื่อ 48 ปีก่อน หน้าหนาวปี 1945 1935 01:40:52,719 --> 01:40:56,181 ซิดนีย์ พัวติเยร์เดินเข้าไป ในโรงหนังเล็กๆ ย่านฮาร์เลม 1936 01:40:56,265 --> 01:40:59,309 นั่นคืออเมริกันนิโกรเธียเตอร์ 1937 01:41:02,813 --> 01:41:05,524 ซิดนีย์ทำลายแม่พิมพ์เดิมในเกือบทุกทาง 1938 01:41:05,607 --> 01:41:08,735 ซิดนีย์แสดงให้สุดฝีมือทุกครั้ง เพื่อเราทุกคนจะได้แสดงสุดฝีมือ 1939 01:41:09,653 --> 01:41:11,780 ผมว่าเขาเป็นคนดีมากจริงๆ 1940 01:41:11,864 --> 01:41:15,075 เขาเป็นตัวอย่างที่ดีว่าความเป็นชาย ควรดูเป็นอย่างไรและให้ความรู้สึกยังไง 1941 01:41:15,158 --> 01:41:16,743 ตลอดช่วงอาชีพเขา เขาทำอะไรเยอะมาก 1942 01:41:16,827 --> 01:41:18,245 เขาผ่านอะไรมาเยอะมาก 1943 01:41:18,328 --> 01:41:19,705 กว่าจะมาถึงจุดที่เขาสามารถพูดได้ว่า… 1944 01:41:19,788 --> 01:41:21,790 (เครื่องราชอิสริยาภรณ์อาณาจักรบริเตน อัศวินกิตติมศักดิ์ ปี 1974) 1945 01:41:21,874 --> 01:41:24,209 "อ้อ ฉันทำมาหมด ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว 1946 01:41:24,293 --> 01:41:26,837 ตอนนี้ฉันอยากจะมองกลับไป แล้วบอกตัวเองได้ว่า 1947 01:41:26,920 --> 01:41:28,672 "ฉันทำเรื่องที่ถูกต้อง จากจุดยืนทางจริยธรรม" 1948 01:41:28,755 --> 01:41:30,090 (อุปทูตกิตติมศักดิ์แห่งบาฮามาส ราชอาณาจักรญี่ปุ่น ปี 1997) 1949 01:41:30,174 --> 01:41:31,717 แล้วเขาก็ทำถูกจริงๆ 1950 01:41:31,800 --> 01:41:34,261 เราเป็นเพื่อนกันมายาวนานหลายปีมาก 1951 01:41:34,344 --> 01:41:37,055 ผมร่วมชีวิตกับซิดนีย์มา มากกว่าที่เคยอยู่กับชายคนไหน 1952 01:41:37,639 --> 01:41:40,100 และผมภูมิใจมากกับความสำเร็จของเขา 1953 01:41:40,184 --> 01:41:42,644 ทั้งในฐานะของศิลปิน และฐานะของประชาชน 1954 01:41:43,395 --> 01:41:47,316 และฉันถือว่าตัวเองโชคดีมาก ที่มีแกเป็นเพื่อน 1955 01:41:47,399 --> 01:41:48,609 ฉันรักแกนะ 1956 01:41:54,948 --> 01:41:58,660 รางวัลออสการ์เป็นของ เดนเซล วอชิงตัน 1957 01:42:00,120 --> 01:42:01,580 (อะคาเดมีอะวอร์ด ปี 2002) 1958 01:42:02,414 --> 01:42:05,584 รางวัลออสการ์เป็นของ ฮัลลี แบร์รี จาก Monster's Ball 1959 01:42:05,667 --> 01:42:07,586 โอ๊ยคุณพระๆ 1960 01:42:07,669 --> 01:42:09,588 สำหรับฉัน คืนนั้นเป็นคืนสำคัญมาก 1961 01:42:09,671 --> 01:42:11,006 มันเหมือนหมุดหมายในชีวิต 1962 01:42:11,089 --> 01:42:13,217 ไม่ใช่แค่เพราะฉันได้รางวัล แต่เพราะเดนเซลได้ด้วย 1963 01:42:13,300 --> 01:42:15,344 และซิดนีย์ได้รางวัลออสการ์กิตติมศักดิ์ด้วย 1964 01:42:15,427 --> 01:42:18,597 ฉันรู้ว่าจังหวะนั้น จะเป็นแรงบันดาลใจให้คนเยอะมาก 1965 01:42:18,680 --> 01:42:20,557 จากก้นบึ้งของหัวใจ ผมขอบคุณทุกคน 1966 01:42:20,641 --> 01:42:21,850 (เดนเซล วอชิงตัน) (Training Day) 1967 01:42:21,934 --> 01:42:24,436 ผมไล่ตามซิดนีย์มา 40 ปี ในที่สุดเขาก็ให้รางวัลผม 1968 01:42:24,520 --> 01:42:26,396 แต่แล้วเขาทำไง เขาก็ให้ซิดนีย์ในคืนเดียวกันด้วย 1969 01:42:28,649 --> 01:42:30,108 ผมจำได้ว่าเขายืนขึ้น 1970 01:42:31,026 --> 01:42:33,237 และเราแสดงความยินดีกันจากที่ห่างๆ 1971 01:42:33,320 --> 01:42:36,281 จะเรียกว่าส่งไม้ต่อก็คงได้มั้ง 1972 01:42:36,365 --> 01:42:38,784 ผมจะเดินตามรอยเท้าคุณตลอดไป 1973 01:42:38,867 --> 01:42:41,328 ไม่มีอะไรที่อยากทำมากกว่านี้ครับ 1974 01:42:41,411 --> 01:42:43,956 เป็นสิ่งที่ผมอยากทำที่สุดในชีวิตครับ ขอพระเจ้าคุ้มครอง 1975 01:42:44,540 --> 01:42:48,752 ไม่มีใครเหมือนเขา และคงไม่มีทางเกิดได้อีก 1976 01:42:49,920 --> 01:42:53,006 มีคนบอกว่า ซิดนีย์ พัวติเยร์ไม่ได้สร้างหนัง 1977 01:42:53,090 --> 01:42:54,550 (เหรียญอิสรภาพจากประธานาธิบดี ปี 2009) 1978 01:42:54,633 --> 01:42:56,969 เขาสร้างหมุดหมาย หมุดหมายแห่งพัฒนาการของประเทศอเมริกา 1979 01:42:57,052 --> 01:42:59,471 ครั้งหนึ่งพัวติเยร์เคยเรียกมันว่า จุดหมายที่ขับเคลื่อนชีวิตของเขา 1980 01:42:59,555 --> 01:43:01,306 คือการทำให้ตัวเองเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น 1981 01:43:02,015 --> 01:43:05,769 เขาได้ทำแล้วและระหว่างทางนั้น เขาได้ทำให้เราทุกคนเป็นคนดีขึ้นด้วย 1982 01:43:11,692 --> 01:43:15,279 เขาเป็นหนึ่งในคนที่มาเกิดในโลกนี้ 1983 01:43:16,780 --> 01:43:20,659 เพื่อจะขยับโลก เปลี่ยนโลก เขย่าโลก 1984 01:43:21,243 --> 01:43:24,371 มาเพื่อมอบสิ่งที่คนจำเป็นต้องได้ให้โลก 1985 01:43:24,872 --> 01:43:29,710 เพื่อคนจะได้เดินหน้า และสร้างความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเขาเอง 1986 01:43:29,793 --> 01:43:33,964 ซิดนีย์ พัวติเยร์เป็นแรงที่ทรงพลังมหาศาล 1987 01:43:34,464 --> 01:43:37,843 และเรื่องที่ยอดเยี่ยมของพลังก็คือ 1988 01:43:37,926 --> 01:43:40,596 ดังที่คุณปู่ของผมสอนไว้ว่า เราฆ่าพลังงานไม่ได้ 1989 01:43:40,679 --> 01:43:41,680 (เนลสัน แมนดาลา) 1990 01:43:41,763 --> 01:43:43,974 พลังงานไม่มีวันหยุด 1991 01:43:44,057 --> 01:43:48,061 ทุกอย่างที่ซิดนีย์สร้างสรรค์ไว้ จะยังคงอยู่ตรงนี้ 1992 01:43:48,145 --> 01:43:51,023 และจะเติบโตต่อยอดออกไปเรื่อยๆ 1993 01:43:51,607 --> 01:43:55,235 และ… ช่างเป็นชีวิตที่งดงามเหลือเกิน 1994 01:43:56,778 --> 01:43:59,156 ยินดีด้วยนะ โอปราห์ จากใจเราทุกคน 1995 01:43:59,239 --> 01:44:01,450 สำหรับช่วง 20 ปีที่ผ่านมา 1996 01:44:02,117 --> 01:44:05,537 และสำหรับแสงสว่าง ที่คุณส่องจ้าอย่างอ่อนโยน 1997 01:44:05,621 --> 01:44:08,582 ให้คนที่ต้องการแสงนั้นมากที่สุด 1998 01:44:11,835 --> 01:44:13,795 ฉันก็เป็นส่วนสำคัญ ของสิ่งที่เขาฝากให้โลกไว้ 1999 01:44:13,879 --> 01:44:16,757 พร้อมกับทุกชีวิตอื่นๆ ที่เขาสร้างความประทับใจให้ 2000 01:44:16,840 --> 01:44:22,137 ทุกคนที่สัมผัสได้ว่า มีความรู้สึกประทับใจหรือเปิดใจ 2001 01:44:22,221 --> 01:44:25,349 เมื่อได้ดูเขาในเรื่อง To Sir, with Love 2002 01:44:25,432 --> 01:44:28,393 หรือได้ดูเขาในเรื่อง Guess Who's Coming to Dinner 2003 01:44:28,477 --> 01:44:32,022 หรือเห็นจังหวะที่เขากระโดดลงจากรถไฟ 2004 01:44:32,606 --> 01:44:35,734 ลงไปยืนหยัดกับโทนี่ เคอร์ทิสต่อ 2005 01:44:35,817 --> 01:44:36,818 พร้อมกับคิดว่า 2006 01:44:38,195 --> 01:44:39,655 "คนดำทำแบบนั้นกันด้วยเหรอ" 2007 01:44:42,616 --> 01:44:44,243 นั่นแหละค่ะ การสรุปความเป็นตัวเขา 2008 01:44:45,077 --> 01:44:47,079 คือทุกชีวิตที่ได้สัมผัสกับเขา 2009 01:44:47,829 --> 01:44:49,122 ฉันพูดได้แค่นั้น 2010 01:44:54,086 --> 01:44:57,965 ฉันรักเขาเหลือเกิน ฉันแค่รักเขามากเหลือเกิน 2011 01:44:58,465 --> 01:44:59,800 เป็นเรื่องจริงนะ 2012 01:44:59,883 --> 01:45:02,219 ถ้าไม่มีเขา ชีวิตฉันจะไม่ใช่แบบนี้ 2013 01:45:03,595 --> 01:45:05,055 ผมเดินทางมาไกลมาก 2014 01:45:05,138 --> 01:45:07,808 ผมเดินทางมาไกลมากๆ จริงๆ 2015 01:45:07,891 --> 01:45:09,476 แล้วผมก็ภาคภูมิใจกับเส้นทางนี้ 2016 01:45:10,060 --> 01:45:13,647 ผมยังอยู่ตรงนี้ เพื่อจะเป็น… 2017 01:45:15,190 --> 01:45:18,861 สามีที่ดีที่สุด คุณตาที่ดีที่สุด 2018 01:45:18,944 --> 01:45:21,780 พ่อที่ดีที่สุด คุณทวดที่ดีที่สุด 2019 01:45:21,864 --> 01:45:27,035 ผมพยายามส่งทุกอย่าง ที่คนจะถือว่าดีในตัวของผม 2020 01:45:27,619 --> 01:45:30,414 ผมพยายาม พยายามจริงๆ 2021 01:45:30,497 --> 01:45:34,543 ที่จะเป็นคนที่ดีกว่าเก่าในวันพรุ่งนี้ 2022 01:45:35,335 --> 01:45:36,753 ให้ดีกว่าวันนี้ 2023 01:45:36,837 --> 01:45:38,255 เป็นมนุษย์ที่ดีกว่าเดิม 2024 01:45:38,755 --> 01:45:42,134 ไม่ใช่นักแสดงที่ดีกว่าเดิม แต่แค่เป็นมนุษย์ที่ดีกว่าเดิม 2025 01:45:42,217 --> 01:45:47,222 และเมื่อผมจากไป ผมจะไม่ต้องกลัวที่ได้ใช้ชีวิตเต็มที่แล้ว 2026 01:45:56,231 --> 01:46:01,862 (ซิดนีย์ พัวติเยร์) (1927 - 2022) 2027 01:51:27,855 --> 01:51:29,857 คำบรรยายโดย ปัทมวรรณ บูรณมาตร์