1 00:00:06,043 --> 00:00:09,243 ‎เนื้อหาตอนที่แล้ว ในรายการการันตีรางวัล 2 00:00:09,323 --> 00:00:11,163 ‎เรื่องอารยธรรมมนุษย์ 3 00:00:11,243 --> 00:00:15,243 ‎ได้พาไปสำรวจการตื่นรู้ทางจิตของคนยุคก่อน 4 00:00:15,323 --> 00:00:16,443 ‎คล้ายป้าแครอล 5 00:00:16,523 --> 00:00:20,003 ‎บรรพบุรุษเราหันไปพึ่งกูรูเหมือนกัน 6 00:00:20,803 --> 00:00:22,563 ‎แต่ต่างกันตรงไม่ได้ทิ้งสามี… 7 00:00:22,643 --> 00:00:24,443 ‎(ฟิโลมีนา คังค์ ผู้ดำเนินรายการ) 8 00:00:24,523 --> 00:00:26,803 ‎ไปอยู่บ้านไร่กับกูรู พร้อมสาวอีกแปดคน 9 00:00:26,883 --> 00:00:29,203 ‎ในสภาพที่ต้องขอละไว้ 10 00:00:29,283 --> 00:00:33,083 ‎เพราะตำรวจนอร์ทเวลส์ยังสอบสวนคดีอยู่ 11 00:00:33,163 --> 00:00:34,963 ‎โลกเราเปลี่ยนไปตลอดกาล 12 00:00:35,043 --> 00:00:37,723 ‎หลังศาสนาสอนให้รับความต่าง ให้อภัย 13 00:00:37,802 --> 00:00:42,243 ‎แต่ส่งผลให้คนฟัดกัน ‎อย่างกับหนูในรองเท้าเป็นร้อยปี 14 00:00:42,323 --> 00:00:44,843 ‎แต่โลกกำลังจะประเทืองจิตใจอีกขั้น 15 00:00:44,923 --> 00:00:48,323 ‎ก่อนพังครืนลง ‎เมื่อเจออำนาจเหนือกว่าอีกอย่าง 16 00:00:49,003 --> 00:00:52,363 ‎มนุษยชาติจะได้เจอสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา 17 00:00:52,443 --> 00:00:54,363 ‎ยุคเรอแนซ็องส์ 18 00:00:54,443 --> 00:00:58,163 ‎ที่เกิดบนดาวเคราะห์ที่เรายังคงอยู่ 19 00:00:58,243 --> 00:01:01,163 ‎หินอวกาศเป็นประกายที่ชื่อว่าโลก 20 00:01:08,603 --> 00:01:11,603 ‎(มองโลกผ่านคังค์) 21 00:01:14,443 --> 00:01:18,203 ‎(ตอนที่สาม: ยุคเรเนสซองส์ไม่มีให้ดูในทีวี) 22 00:01:19,643 --> 00:01:21,563 ‎มันคือปี 1440 23 00:01:21,643 --> 00:01:24,043 ‎ไม่ใช่ปีนี้นะ แต่ปีสมัยนั้น 24 00:01:24,563 --> 00:01:27,323 ‎สิ่งประดิษฐ์ตัวใหม่กำลังจะจุดประกาย 25 00:01:27,403 --> 00:01:29,243 ‎ผลักดันกรอบความเป็นไปได้ 26 00:01:30,443 --> 00:01:33,323 ‎หลายร้อยปีก่อน ชาวจีนได้คิดค้นการพิมพ์ 27 00:01:33,403 --> 00:01:35,283 ‎แต่ยุโรปกลับไม่ใส่ใจ 28 00:01:35,363 --> 00:01:37,403 ‎จนมีการประดิษฐ์แท่นพิมพ์ 29 00:01:37,483 --> 00:01:40,363 ‎โดยคนเยอรมัน โยฮันเนิส สตีฟ กูเทินแบร์ค 30 00:01:40,443 --> 00:01:43,523 ‎แท่นพิมพ์กูเทินแบร์คคือแท่นพิมพ์แรกของโลก 31 00:01:43,603 --> 00:01:45,283 ‎ซึ่งหมายถึงไม่รวมจีน 32 00:01:45,363 --> 00:01:50,243 ‎แท่นพิมพ์ได้เปลี่ยนแปลงอะไรที่สำคัญมั้ย 33 00:01:50,323 --> 00:01:52,203 ‎การประดิษฐ์การพิมพ์ 34 00:01:52,283 --> 00:01:55,323 ‎ช่วยให้คนสามารถสื่อสารความคิด 35 00:01:55,403 --> 00:01:56,523 ‎ทั่วทั้งโลก 36 00:01:57,323 --> 00:02:00,723 ‎หากปราศจากมันวัฒนธรรมคงไม่เป็นอย่างที่เห็น 37 00:02:00,803 --> 00:02:04,683 ‎เขาคือต้นเหตุที่ทำให้โลกเป็นอย่างทุกวันนี้ 38 00:02:04,763 --> 00:02:06,923 ‎นี่เรียกสำคัญแล้วเหรอ 39 00:02:08,563 --> 00:02:12,483 ‎หนังสือเล่มแรกที่ตีพิมพ์คือคัมภีร์ไบเบิล 40 00:02:12,563 --> 00:02:14,763 ‎แต่นอกจากจะเผยแผ่พระวัจนะ 41 00:02:14,843 --> 00:02:17,563 ‎ก็ยังมีความคิดของนักวิทย์, นักปรัชญา, 42 00:02:17,643 --> 00:02:19,523 ‎ล่วงเลยมาถึงแดน บราวน์ 43 00:02:19,603 --> 00:02:21,003 ‎(แดน บราวน์ รหัสลับดาวินชี) 44 00:02:22,283 --> 00:02:24,043 ‎การลอกหนังสือใช้เวลานาน 45 00:02:24,123 --> 00:02:26,283 ‎เพื่อป้อนงานให้แท่นพิมพ์ 46 00:02:26,363 --> 00:02:28,563 ‎ผู้คนจึงทบทวนอดีต 47 00:02:28,643 --> 00:02:31,283 ‎เสาะหาเหล้าเก่ามาบรรจุลงขวดใหม่ 48 00:02:32,043 --> 00:02:33,963 ‎ปรัชญากรีกโบราณถึงได้ 49 00:02:34,043 --> 00:02:37,323 ‎สร้างความทึ่งและได้รับความนิยมใหม่ 50 00:02:37,403 --> 00:02:40,923 ‎สมัยนั้นชีวิตผู้คนค่อนข้างหมองหม่นอมทุกข์ 51 00:02:41,003 --> 00:02:42,483 ‎ไม่แพ้ลุงมาร์ติน 52 00:02:42,563 --> 00:02:44,763 ‎งานอดิเรกมีแค่ก้มหน้าทำงาน 53 00:02:44,843 --> 00:02:47,203 ‎ใกล้ตายเพราะโรคระบาด โดนทรมาน 54 00:02:47,283 --> 00:02:50,483 ‎ผู้คนนึกว่าชีวิตมีอยู่แค่นั้น 55 00:02:51,483 --> 00:02:54,683 ‎ก็เลยไม่เห็นว่าปรัชญากรีกโบราณ 56 00:02:54,763 --> 00:02:58,683 ‎น่าเบื่ออย่างเราๆ แต่เป็นการประเทืองปัญญา 57 00:02:58,763 --> 00:03:01,363 ‎ช่วยเปลี่ยนทัศนคติเรื่องตัวเอง 58 00:03:01,443 --> 00:03:03,923 ‎เช่นพอลเพื่อนฉัน ยัดบราวนี่เคตามีนห้าชิ้น 59 00:03:04,003 --> 00:03:06,283 ‎แล้วหลอนว่ามีโทรจิต สื่อสาร 60 00:03:06,363 --> 00:03:08,403 ‎กับสัตว์ทุกตัวในทีวีได้ 61 00:03:09,203 --> 00:03:12,803 ‎พอลโดนควบคุมตัวเพื่อความปลอดภัยของเขา 62 00:03:12,883 --> 00:03:16,083 ‎แต่บรรพบุรุษเรากลับคิดเปลี่ยนโลก 63 00:03:21,603 --> 00:03:22,963 ‎นี่คือนครฟลอเรนซ์ 64 00:03:23,043 --> 00:03:26,803 ‎คนอิตาเลียนเรียกฟีเรนเซ ‎ให้นักท่องเที่ยวหาไม่เจอ 65 00:03:26,883 --> 00:03:28,003 ‎เรามาถูกชัวร์ๆ 66 00:03:28,083 --> 00:03:30,123 ‎เพราะเช็กกับแผนที่อังกฤษแล้ว 67 00:03:31,603 --> 00:03:34,883 ‎ฟลอเรนซ์อาจดูแล้วเหมือนเมืองไร้แก่นสาร 68 00:03:34,963 --> 00:03:37,763 ‎แต่สมัยศตวรรษที่ 15 ที่นี่คือศูนย์กลาง 69 00:03:37,843 --> 00:03:41,923 ‎ปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม ‎และศิลปะที่ไม่เคยมีมาก่อน 70 00:03:42,003 --> 00:03:44,523 ‎เรอเนซอสคืออะไรนะ 71 00:03:44,603 --> 00:03:47,163 ‎ชื่อซอสสมัยศตวรรษที่ 16 เหรอ 72 00:03:47,243 --> 00:03:49,643 ‎เรอแนซ็องส์เป็นภาษาฝรั่งเศส 73 00:03:49,723 --> 00:03:53,723 ‎เรอแนซ็องส์ ‎"แนซ็องส์" แปลว่า "เกิด" 74 00:03:53,803 --> 00:03:55,483 ‎จึงหมายถึงเกิดใหม่ 75 00:03:55,563 --> 00:03:57,323 ‎ไม่ใช่เครื่องปรุงรสเหรอ 76 00:03:57,403 --> 00:03:59,603 ‎- เท่าที่รู้ก็ไม่นะ ‎- โอเค 77 00:03:59,683 --> 00:04:02,243 ‎สมัยนั้นใช้ซอสอะไรกัน 78 00:04:02,323 --> 00:04:06,323 ‎ผมไม่ถนัดประวัติศาสตร์อาหาร 79 00:04:06,403 --> 00:04:08,123 ‎ประวัติศาสตร์ซอส 80 00:04:08,203 --> 00:04:10,083 ‎คุณไม่ชอบกินซอสเหรอ 81 00:04:10,163 --> 00:04:12,443 ‎ผมไม่ได้กินซอสเป็นหลัก 82 00:04:14,483 --> 00:04:16,763 ‎คงต้องทบทวนเรื่องสัมภาษณ์นี้ละ 83 00:04:18,163 --> 00:04:19,803 ‎ในยุคเรอแนซ็องส์ 84 00:04:19,883 --> 00:04:23,243 ‎ฟลอเรนซ์ได้ผลิตศิลปิน 85 00:04:23,322 --> 00:04:26,882 ‎ที่พอมีฝีมือวาดรูปได้น่าดูเป็นครั้งแรก 86 00:04:26,963 --> 00:04:30,723 ‎ช่างวาดที่พอมีฝีมือเด่นๆ คือบอตตีเชลลี 87 00:04:31,683 --> 00:04:33,323 ‎ภาพนี้คือภาพอะไร 88 00:04:33,403 --> 00:04:36,923 ‎กำเนิดวีนัส ของอเลสซันโดร บอตตีเชลลี 89 00:04:37,003 --> 00:04:40,363 ‎เป็นภาพเขียนดังภาพหนึ่งของยุคเรอแนซ็องส์ 90 00:04:40,443 --> 00:04:44,203 ‎เรารู้ได้ไงว่ากำเนิดวีนัสเป็นตามนี้ 91 00:04:44,283 --> 00:04:47,363 ‎ภาพนี้วาดบุคคลในตำนาน 92 00:04:47,443 --> 00:04:49,323 ‎เป็นภาพเชิงเปรียบเทียบ 93 00:04:49,403 --> 00:04:51,843 ‎- แนวคิดเรื่องเทพี… ‎- อ้อ 94 00:04:51,923 --> 00:04:55,523 ‎ที่ก่อรูปร่างเป็นเทพ ไม่ได้คลอดจากครรภ์ 95 00:04:55,603 --> 00:04:57,083 ‎คอยาวเฟื้อยเชียว 96 00:04:57,163 --> 00:05:01,123 ‎เป็นลูกครึ่งยีราฟเหรอ หรือวาดคอไม่เป็น 97 00:05:04,443 --> 00:05:05,843 ‎คอเธอ… 98 00:05:05,923 --> 00:05:10,283 ‎เป็นสัญลักษณ์แทนความงาม วาดให้คอเรียว… 99 00:05:10,363 --> 00:05:11,883 ‎เจอจุดพลาดด้วย ดูสิ 100 00:05:11,963 --> 00:05:14,283 ‎คนนี้เป่าลม ผมเธอก็ปลิวตาม 101 00:05:14,363 --> 00:05:16,163 ‎แต่ตรงต้นไม้ฝั่งขวา 102 00:05:16,243 --> 00:05:18,123 ‎ไม่กระดิก ไม่มีลม 103 00:05:18,203 --> 00:05:21,083 ‎ต้องตัดต่อคนเข้าไปแน่ๆ 104 00:05:21,163 --> 00:05:22,803 ‎ปลอมทั้งยวงเลย 105 00:05:23,483 --> 00:05:27,923 ‎ศิลปินชื่อก้องคนอื่นๆ ‎สร้างผลงานสามมิติ "ประติมากรรม" 106 00:05:28,003 --> 00:05:31,563 ‎ตัวอย่างที่เลื่องลือคือภาพเปลือยนี้ 107 00:05:31,643 --> 00:05:34,243 ‎ที่ชื่อว่าเดวิดของมีเกลันเจโล 108 00:05:34,763 --> 00:05:37,843 ‎ถ้าทำใจมองข้ามกล่องดวงใจจากหินอ่อน 109 00:05:37,923 --> 00:05:40,483 ‎คุณจะเห็นรายละเอียดที่น่าทึ่ง 110 00:05:40,563 --> 00:05:42,723 ‎ตลอดทั่วเรือนร่างของมีเกลันเจโล 111 00:05:43,523 --> 00:05:46,563 ‎ตาเขามีม่านตาด้วยนะ เหมือนตัวเฟอร์บี้ 112 00:05:46,643 --> 00:05:48,603 ‎กล้ามเนื้อก็ละเอียดชัดเจน 113 00:05:48,683 --> 00:05:49,963 ‎ดูกล้ามท้องสิ 114 00:05:50,043 --> 00:05:53,563 ‎ตัวพิสูจน์ว่าฟิตเนสแหกตา ‎เพราะสมัยนั้นยังไม่มี 115 00:05:53,643 --> 00:05:55,243 ‎แต่เขายังฟิตกล้ามได้ 116 00:05:55,323 --> 00:05:58,403 ‎หลังมือก็มีเส้นเลือดสมจริง 117 00:05:58,483 --> 00:06:01,043 ‎สูบฉีดเลือดหินไปที่ปลายนิ้ว 118 00:06:01,563 --> 00:06:04,163 ‎แต่แม้จะใส่ใจรายละเอียด 119 00:06:04,243 --> 00:06:07,723 ‎มองด้านหลังปราดเดียวก็เห็นว่ารูก้นหาย 120 00:06:07,803 --> 00:06:09,923 ‎งงมากทำไมถึงตัดทิ้ง 121 00:06:10,003 --> 00:06:12,283 ‎ช่างสลักเกิดเขินอาย 122 00:06:12,363 --> 00:06:15,643 ‎แบบต้องลากลับบ้านเร็ว หรือตัวจริงก็ไม่มี 123 00:06:15,723 --> 00:06:17,283 ‎เราจนปัญญาจะเดา 124 00:06:19,123 --> 00:06:22,163 ‎ผู้ได้ชื่อว่าเป็นนายแห่งยุคเรอแนซ็องส์นี้ 125 00:06:22,243 --> 00:06:25,483 ‎คือมนุษย์นามว่า เลโอนาร์โด ดาวินชี 126 00:06:27,523 --> 00:06:29,523 ‎นี่คือวิทรูเวียนแมน 127 00:06:29,603 --> 00:06:34,643 ‎ภาพที่เลโอนาร์โด ดาวินชี ‎วาดขึ้นช่วงราว 1490 128 00:06:34,723 --> 00:06:35,763 ‎เพื่ออะไร 129 00:06:38,163 --> 00:06:39,723 ‎วาดไปทำไมคะ 130 00:06:39,803 --> 00:06:44,403 ‎เลโอนาร์โดวาดเพราะต้องการศึกษา 131 00:06:44,483 --> 00:06:49,963 ‎วิธีสเกตช์คนให้สมส่วน 132 00:06:50,043 --> 00:06:52,803 ‎ถามหน่อย เห็นกล่องดวงใจเขานะ 133 00:06:52,883 --> 00:06:53,803 ‎ฉันไม่ได้มโน 134 00:06:54,803 --> 00:06:57,283 ‎มีเวอร์ชันสวมกางเกงในมั้ย 135 00:06:57,363 --> 00:06:59,043 ‎โอ้ ไม่ค่ะ 136 00:06:59,763 --> 00:07:01,523 ‎เขาเห็นว่ามันปกติเหรอ 137 00:07:01,603 --> 00:07:03,283 ‎ประเจิดประเจ้อไปมั้ย 138 00:07:03,363 --> 00:07:05,083 ‎ไม่เลย 139 00:07:05,163 --> 00:07:07,243 ‎เพราะว่าความงาม… 140 00:07:07,323 --> 00:07:11,243 ‎ความงามของร่างกายมนุษย์… 141 00:07:11,323 --> 00:07:13,923 ‎ให้ดูมัดถั่วต้มอีกที นี่งามเหรอ 142 00:07:16,883 --> 00:07:17,723 ‎คุณดูสิ 143 00:07:18,483 --> 00:07:21,483 ‎เลโอนาร์โดยังเขียนบันทึกจบเป็นเล่มๆ 144 00:07:21,563 --> 00:07:24,723 ‎อัดแน่นด้วยภาพวาดสิ่งประดิษฐ์ล้ำสมัย 145 00:07:24,803 --> 00:07:26,003 ‎นี่อะไร 146 00:07:26,763 --> 00:07:28,243 ‎เครื่องยนต์บินได้ 147 00:07:28,323 --> 00:07:31,083 ‎คล้ายกับเฮลิคอปเตอร์ 148 00:07:31,163 --> 00:07:33,123 ‎หน้าตาไม่ค่อยน่าเชื่อ 149 00:07:33,203 --> 00:07:38,283 ‎คล้ายๆ ตอนพอลเพื่อนฉัน ‎คิดค้นลู่วิ่งให้กับงูคู่หมั้น 150 00:07:38,363 --> 00:07:41,563 ‎ภาพสเกตช์นั่นยังเข้าท่ากว่า 151 00:07:41,643 --> 00:07:43,363 ‎พอลเมาเห็ดอยู่ด้วยนะ 152 00:07:43,443 --> 00:07:46,363 ‎แต่ก็นั่นแหละ ตัวต้นแบบกระชากหัวงูขาด 153 00:07:47,403 --> 00:07:48,643 ‎ใช่ 154 00:07:48,723 --> 00:07:51,403 ‎งานฉลองวันเกิดที่ปิดฉากได้ยอดแย่ 155 00:07:52,883 --> 00:07:54,603 ‎สิ่งประดิษฐ์ก็เรื่องหนึ่ง 156 00:07:54,683 --> 00:07:58,323 ‎แต่ปัจจุบัน เรารู้จักดาวินชี ‎ผ่านผลงานภาพเขียน 157 00:07:58,403 --> 00:07:59,763 ‎นี่คือโมนาลิซา 158 00:07:59,843 --> 00:08:04,003 ‎ภาพวาดของจริง ‎ที่ยังหลงเหลือบนโลกและผนังนี้ 159 00:08:04,083 --> 00:08:07,723 ‎ความลึกลับของโมนาลิซาดึงดูดทุกคน 160 00:08:07,803 --> 00:08:11,203 ‎เธอเหมือนผู้หญิงทั่วไป ‎ไม่มีใครอ่านใจเธอออก 161 00:08:11,803 --> 00:08:14,843 ‎แค่มองหน้าก็มีคำถามผุดเป็นพรวน 162 00:08:14,923 --> 00:08:17,243 ‎เธอเป็นใคร ยิ้มทำไม 163 00:08:17,763 --> 00:08:19,763 ‎หนีบลูกโป่งไว้หว่างขามั้ย 164 00:08:19,843 --> 00:08:21,803 ‎ถ้าหนีบ ลูกโป่งสีอะไร 165 00:08:22,403 --> 00:08:25,043 ‎มีแฟนหรือเปล่า แฟนชื่ออะไร 166 00:08:25,123 --> 00:08:27,723 ‎หว่างขาเขามีอะไร เราจะรู้ได้ยังไง 167 00:08:28,403 --> 00:08:30,283 ‎คำตอบคือไม่มีวันรู้ 168 00:08:30,363 --> 00:08:33,603 ‎ทุกคนถึงได้กลับมาทุกปี 169 00:08:33,683 --> 00:08:35,843 ‎เพื่อมองเธอและเฝ้าสงสัย 170 00:08:35,923 --> 00:08:37,563 ‎ก่อนจะเลิกสงสัยแล้วกลับบ้าน 171 00:08:38,403 --> 00:08:40,202 ‎นอกจากจะพอดูได้ 172 00:08:40,283 --> 00:08:44,283 ‎งานของดาวินชียังแสดง ‎ความเป็นผู้นำเทคนิคแห่งยุค 173 00:08:44,363 --> 00:08:45,283 ‎อ่านป้ายเอา 174 00:08:45,363 --> 00:08:46,923 ‎ก่อนยุคเรอแนซ็องส์ 175 00:08:47,003 --> 00:08:51,523 ‎งานเขียนของคนอื่นเป็นภาพสองมิติพิลึกๆ 176 00:08:51,603 --> 00:08:54,443 ‎เพราะศิลปินไม่รู้จักทัศนคติ 177 00:08:54,523 --> 00:08:57,563 ‎คล้ายๆ พอลที่ชกบริกรร้านทีจีไอฟรายเดยส์ 178 00:08:57,643 --> 00:08:59,163 ‎ฐานทำบานอฟฟี่ร่วง 179 00:08:59,883 --> 00:09:02,683 ‎แค่ดูภาพเขียนพระเยซูศตวรรษที่ 14 180 00:09:02,763 --> 00:09:04,563 ‎กำลังดื่มชาสร้างศรัทธาสิ 181 00:09:05,163 --> 00:09:07,123 ‎มิติผิดเพี้ยนไปหมด 182 00:09:07,203 --> 00:09:09,643 ‎ห้องบีบอัดจนดูเหมือนเกิดขึ้น 183 00:09:09,723 --> 00:09:11,683 ‎บนฝากล่อง 184 00:09:12,483 --> 00:09:14,723 ‎พระเยซูตัวใหญ่สองเท่า 185 00:09:14,803 --> 00:09:17,723 ‎อย่างกับดื่มชาจิ๊จ๊ะกับเด็กนักเรียน 186 00:09:17,803 --> 00:09:19,203 ‎ให้ภาพที่ไม่ค่อยดี 187 00:09:19,283 --> 00:09:21,643 ‎แล้วนั่นอะไร ชามหรือเปลือกหอย 188 00:09:21,723 --> 00:09:23,403 ‎ฝีมือไม่เข้าขั้น 189 00:09:23,483 --> 00:09:25,483 ‎น่าละอายแท้ๆ 190 00:09:25,563 --> 00:09:27,203 ‎ไม่ควรอยู่ในพิพิธภัณฑ์ 191 00:09:27,283 --> 00:09:31,123 ‎แต่ผลงานรีบูตของดาวินชีเป็นหนังคนละม้วน 192 00:09:31,203 --> 00:09:34,003 ‎ทัศนคติของเขาเป๊ะมาก 193 00:09:34,083 --> 00:09:36,523 ‎มุมผนังรูปพระกระยาหารมื้อสุดท้าย 194 00:09:36,603 --> 00:09:37,763 ‎และโต๊ะตรงนี้นะ 195 00:09:37,843 --> 00:09:42,283 ‎เห็นแล้วแทบจะคลานเข้าไป ‎แล้วทรยศพระเยซูเอง 196 00:09:42,363 --> 00:09:46,443 ‎ทัศนคติคือก้าวกระโดดครั้งใหญ่ ‎ของงานศิลปะโดยมนุษย์ 197 00:09:46,523 --> 00:09:50,163 ‎ไม่แพ้การวางขายเกมแครชแบนดิคูต ‎อีกหลายร้อยปีต่อมา 198 00:09:50,243 --> 00:09:54,443 ‎ปฏิเสธไม่ได้ว่าเรอแนซ็องส์ ‎มีส่วนสำคัญต่ออารยธรรม 199 00:09:54,523 --> 00:09:58,123 ‎แต่สำคัญแค่ไหน ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญตัดสิน 200 00:09:58,803 --> 00:10:01,643 ‎สิ่งไหนมีความสำคัญเชิงวัฒนธรรมกว่ากัน 201 00:10:01,723 --> 00:10:06,123 ‎ยุคเรอแนซ็องส์ ‎หรือเพลง "ซิงเกิลเลดีส์" ของบียอนเซ่ 202 00:10:07,323 --> 00:10:09,163 ‎ทั้งสองอย่างมีสมัย 203 00:10:09,243 --> 00:10:10,843 ‎มีช่วงเวลาของมัน 204 00:10:12,683 --> 00:10:13,923 ‎ผมก็ชอบบียอนเซ่ 205 00:10:14,003 --> 00:10:18,403 ‎แต่ยุคเรอแนซ็องส์ ‎ตั้งใจจะฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรม 206 00:10:18,483 --> 00:10:19,763 ‎ส่วนบียอนเซ่ 207 00:10:19,843 --> 00:10:21,843 ‎เธอคงไม่ตั้งเป้าขนาดนั้น 208 00:10:21,923 --> 00:10:24,923 ‎แค่ผลงานของผู้ชายสเตรตผิวขาวไม่กี่คน 209 00:10:25,003 --> 00:10:26,883 ‎เหยียบผลงานบียอนเซ่จมดิน 210 00:10:26,963 --> 00:10:28,763 ‎ว่าอย่างนี้เหรอ ออกกล้องนะ 211 00:10:31,683 --> 00:10:34,923 ‎ยุคเรอแนซ็องส์อาจประเทืองปัญญา 212 00:10:35,003 --> 00:10:37,843 ‎แต่ถ้าไม่มีโครงการเหล่านี้คอยให้ความรู้ 213 00:10:38,603 --> 00:10:42,123 ‎ผู้คนก็คงหูตามืดบอดเกี่ยวกับดาวโลก 214 00:10:43,003 --> 00:10:46,643 ‎ชาวนายุคกลางคงทำหน้างงใส่พอถามถึงอเมริกา 215 00:10:46,723 --> 00:10:48,403 ‎เผลอๆ อาจจะแพร่โรคใส่ 216 00:10:49,843 --> 00:10:52,643 ‎ในความคิดพวกเขา แผนที่โลกหน้าตาแบบนี้ 217 00:10:52,723 --> 00:10:55,963 ‎ดินแดนทั้งหมดที่เคยค้นพบติดกัน 218 00:10:56,043 --> 00:10:59,763 ‎ยึดกันเป็นแพ มองไม่เห็นอเมริกา 219 00:11:01,003 --> 00:11:02,683 ‎ทุกอย่างเปลี่ยนด้วยชายคนหนึ่ง 220 00:11:02,763 --> 00:11:05,803 ‎นักเดินเรือและนักสืบอิตาเลียน ‎คริสโตเฟอร์ โคลัมโบ 221 00:11:05,883 --> 00:11:08,963 ‎โคลัมโบเข้าใจว่าถ้าแล่นเรือสุดแผนที่ 222 00:11:09,043 --> 00:11:11,523 ‎เขาจะวาร์ปมาอีกด้านอย่างเกมแพ็กแมน 223 00:11:11,603 --> 00:11:13,443 ‎นี่จะเป็นทางลัดไปอินเดีย 224 00:11:13,523 --> 00:11:15,683 ‎แถมสลัดผีร้ายที่ตามตัวอีก 225 00:11:15,763 --> 00:11:17,403 ‎เป็นเดิมพันที่สูงลิ่ว 226 00:11:17,483 --> 00:11:20,403 ‎ถ้าโคลัมโบทายถูก เขาจะเป็นเศรษฐี 227 00:11:20,483 --> 00:11:23,003 ‎ถ้าทายผิด ทุกคนจะหัวเราะเยาะ 228 00:11:23,083 --> 00:11:24,003 ‎แถมตายอีก 229 00:11:24,683 --> 00:11:27,443 ‎แต่เขายอมเสี่ยงและออกเรือไป 230 00:11:27,523 --> 00:11:30,003 ‎โคลัมโบไม่เจออินเดีย 231 00:11:30,083 --> 00:11:34,083 ‎แต่สุดท้ายเรือมาชนเข้ากับโลกใหม่ ‎ดาวโลกภาคสอง 232 00:11:34,163 --> 00:11:36,123 ‎หรืออเมริกา 233 00:11:36,203 --> 00:11:39,283 ‎ไม่นาน คนอื่นก็เอาตาม 234 00:11:41,363 --> 00:11:42,803 ‎ที่นี่คือพลีมัท 235 00:11:42,883 --> 00:11:47,203 ‎ในปี 1620 กลุ่มผู้เดินทาง ‎ที่แสวงหาชีวิตที่ดีกว่าเก่ามาที่นี่ 236 00:11:47,283 --> 00:11:50,283 ‎ซึ่งก็ไม่น่าแปลก อย่างที่บอก นี่คือพลีมัท 237 00:11:50,883 --> 00:11:54,043 ‎กลุ่มผู้เดินทางกระโดดขึ้นเจ็ตสกีหรือเรือ 238 00:11:54,123 --> 00:11:55,803 ‎เรือรบเมย์ฟลาวเวอร์ 239 00:11:56,563 --> 00:12:00,443 ‎แล่นข้ามภาพวาดมหาสมุทรแอตแลนติก ‎ด้วยความกล้าหาญ 240 00:12:00,523 --> 00:12:03,763 ‎เพื่อมายังอีกฝั่งที่ยังคงเป็นพลีมัท 241 00:12:03,843 --> 00:12:05,683 ‎พวกเขาคงใจเสียมาก 242 00:12:06,203 --> 00:12:09,603 ‎โชคยังดี พลีมัทนี้ ‎ไม่ใช่ที่เดียวกับที่จากมา 243 00:12:09,683 --> 00:12:14,203 ‎ทีแรกชาวอาณานิคมตรากตรำกับชีวิตโลกใหม่ 244 00:12:14,283 --> 00:12:17,163 ‎แต่โชคดีได้ชนพื้นเมืองสอนปลูกข้าวโพด 245 00:12:17,243 --> 00:12:18,563 ‎และชี้แหล่งตกปลา 246 00:12:18,643 --> 00:12:23,523 ‎ชาวอาณานิคมมอบไข้ทรพิษให้เป็นการตอบแทน 247 00:12:23,603 --> 00:12:27,403 ‎ผู้ตั้งรกรากไม่เคยลืม ‎ว่าชนพื้นเมืองทำอะไรให้บ้าง 248 00:12:27,483 --> 00:12:30,923 ‎ยกเว้นตอนสังหารหมู่พวกเขาอีกหลายปีต่อมา 249 00:12:31,003 --> 00:12:34,243 ‎ขณะที่โลกใหม่เปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ 250 00:12:34,323 --> 00:12:38,083 ‎ในโลกเก่าก็เกิดประเด็นร้อน 251 00:12:38,843 --> 00:12:42,483 ‎นี่คือช่วงต้นศตวรรษ 1600 ‎นักวิทยาศาสตร์เซ่อซ่านี่ 252 00:12:42,563 --> 00:12:45,883 ‎กำลังจะเปลี่ยนทัศนคติของมนุษย์ตลอดกาล 253 00:12:45,963 --> 00:12:47,483 ‎เขามีชื่อว่ากาลิเลโอ 254 00:12:47,563 --> 00:12:50,403 ‎หนึ่งในไม่กี่คนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง 255 00:12:50,483 --> 00:12:52,243 ‎จนรู้จักกันแค่ชื่อเดียว 256 00:12:52,323 --> 00:12:55,963 ‎อย่างเชอร์ชิล, เป๊ปซี่, หรือการ์ฟีลด์ 257 00:12:56,043 --> 00:13:00,603 ‎ชื่อเต็มกาลิเลโอ ‎คือกาลิเลโอ ฟิกาโร แม็กนิฟิโคใช่มั้ย 258 00:13:00,683 --> 00:13:04,043 ‎ผมไม่แน่ใจว่าถูกนะ ไม่รู้… 259 00:13:04,123 --> 00:13:06,043 ‎โดมินิกันแรปโซดีว่างั้น 260 00:13:06,723 --> 00:13:08,523 ‎โบฮีเมียนแรปโซดีหรือเปล่า 261 00:13:08,603 --> 00:13:09,683 ‎งั้นชื่ออะไร 262 00:13:09,763 --> 00:13:13,403 ‎เท่าที่ทราบ เขาชื่อกาลิเลโอ กาลิเลอี 263 00:13:13,483 --> 00:13:16,163 ‎- กาลิเลโอ กาลิเลอี ‎- ถูกต้อง 264 00:13:16,243 --> 00:13:19,683 ‎อารมณ์อย่าง ฉันชื่อฟิโลมีนา ฟิโลมีนี 265 00:13:20,843 --> 00:13:22,083 ‎ก็ไม่เลวนะ 266 00:13:22,643 --> 00:13:25,723 ‎กาลิเลโอประดิษฐ์กล้องโทรทรรศน์ที่ทรงพลัง 267 00:13:25,803 --> 00:13:28,363 ‎มองเห็นคนที่ดวงอาทิตย์เปลี่ยนเสื้อผ้า 268 00:13:28,443 --> 00:13:31,603 ‎แม่เจ้าโว้ย ขยายจนใหญ่ยักษ์ 269 00:13:31,683 --> 00:13:33,803 ‎ได้ลองหรือยัง วิเศษมาก 270 00:13:35,123 --> 00:13:36,283 ‎ทำได้ไงน่ะ 271 00:13:36,363 --> 00:13:38,843 ‎นี่กาลิเลโอตัวจริงหรือนักแสดงนะ 272 00:13:40,763 --> 00:13:42,203 ‎ตัวจริงงานยุ่งเหรอ 273 00:13:42,963 --> 00:13:47,603 ‎ความฉลาดด้านดาราศาสตร์ ‎ทำให้เขาค้นพบเรื่องสุดช็อก 274 00:13:47,683 --> 00:13:49,323 ‎พระสันตะปาปายังเหวอ 275 00:13:50,123 --> 00:13:51,723 ‎คัมภีร์พันธสัญญาเก่าบอกว่า 276 00:13:51,803 --> 00:13:54,923 ‎ดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก ‎ไม่ใช่โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ 277 00:13:55,003 --> 00:13:57,243 ‎ดังนั้นในสายตาศาสนจักร 278 00:13:57,323 --> 00:14:00,003 ‎กาลิเลโอกำลังหาว่าไบเบิลโกหก 279 00:14:00,083 --> 00:14:01,883 ‎แทนที่จะตอบโต้เว่อร์ๆ 280 00:14:01,963 --> 00:14:04,923 ‎ศาสนจักรก็สมกับชาวคริสต์ หาว่าเขานอกรีต 281 00:14:05,003 --> 00:14:07,723 ‎ตั้งศาลล็อกผลตัดสินว่าเขาผิดจริง 282 00:14:08,243 --> 00:14:12,323 ‎กาลิเลโอโดนคุมขังให้อยู่แต่ในบ้านตลอดชีวิต 283 00:14:12,403 --> 00:14:14,563 ‎บนดาวที่มีดวงอาทิตย์โคจรรอบ 284 00:14:14,643 --> 00:14:17,003 ‎ศาสนจักรว่าดวงอาทิตย์โคจรรอบโลก 285 00:14:17,083 --> 00:14:20,083 ‎แต่กาลิเลโอว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ 286 00:14:20,163 --> 00:14:22,283 ‎เราเข้าข้างใคร 287 00:14:22,363 --> 00:14:24,323 ‎เราเข้าข้างกาลิเลโอแน่นอน 288 00:14:25,323 --> 00:14:27,443 ‎ศาสนจักรสมัยนี้ก็คงเอาด้วย 289 00:14:27,523 --> 00:14:29,203 ‎เป็นไปได้มั้ยว่าถูกทั้งคู่ 290 00:14:29,283 --> 00:14:31,243 ‎ดวงอาทิตย์และโลกโคจรรอบกันและกัน 291 00:14:31,323 --> 00:14:32,763 ‎จะได้พอใจกันทุกฝ่าย 292 00:14:32,843 --> 00:14:34,323 ‎เห็นตรงตามนี้ไม่ได้เหรอ 293 00:14:34,923 --> 00:14:38,203 ‎ถ้าเขาประดิษฐ์เครื่องสร้างความอมตะได้ 294 00:14:38,283 --> 00:14:40,323 ‎แทนที่จะเป็นกล้องโทรทรรศน์ไร้สาระ 295 00:14:40,403 --> 00:14:43,723 ‎กาลิเลโอก็อาจอยู่จนได้เห็นคนยอมรับแนวคิด 296 00:14:43,803 --> 00:14:46,523 ‎น่าเสียดาย เขาไม่ได้ฉลาดขนาดนั้น 297 00:14:47,803 --> 00:14:51,643 ‎โลกปรัชญาก็พัฒนาไม่ต่างกับโลกวิทยาศาสตร์ 298 00:14:51,723 --> 00:14:54,003 ‎ด้วยฝีมือนักคิดเด่นๆ เช่นรายนี้ 299 00:14:54,563 --> 00:14:57,283 ‎จิม เดสคาร์ตเป็นใคร 300 00:14:57,363 --> 00:15:00,963 ‎ผมก็ไม่รู้จักจิม เดสคาร์ต… 301 00:15:01,043 --> 00:15:02,883 ‎(ศ. ดักลาส เฮดลีย์ อ. ปรัชญาศาสนา) 302 00:15:02,963 --> 00:15:06,603 ‎แต่คนส่วนใหญ่ยอมรับว่า เรอเน เดการ์ต 303 00:15:06,683 --> 00:15:08,923 ‎เป็นบิดาแห่งปรัชญาสมัยใหม่ 304 00:15:09,003 --> 00:15:12,683 ‎"เพราะฉันคิด ฉันจึงมีอยู่" หมายความว่าไง 305 00:15:14,043 --> 00:15:19,763 ‎เดการ์ตมองว่าการตระหนักรู้ 306 00:15:19,843 --> 00:15:22,283 ‎สติสัมปชัญญะ 307 00:15:22,363 --> 00:15:26,283 ‎คือตัวกำหนดอัตลักษณ์ของมนุษย์ 308 00:15:26,363 --> 00:15:29,843 ‎เดี๋ยวนะ เพราะฉันคิด ฉันจึงมีอยู่ 309 00:15:29,923 --> 00:15:31,563 ‎แล้วคนอื่นล่ะ 310 00:15:31,643 --> 00:15:33,563 ‎เพราะเขาคิด เขาจึงมีอยู่มั้ย 311 00:15:33,643 --> 00:15:37,163 ‎ฉันจะรู้ได้ไงว่า เพราะเขาคิด เขาจึงมีอยู่ 312 00:15:37,243 --> 00:15:41,203 ‎หรือแค่ฉันคิดว่า เพราะเขาคิด เขาจึงมีอยู่ 313 00:15:41,283 --> 00:15:44,683 ‎แต่ที่จริง เขาไม่มีอยู่ แค่ฉันคิดว่ามีอยู่ 314 00:15:44,763 --> 00:15:47,323 ‎เพราะคุณกำลังคิด คุณจึงมีอยู่มั้ย 315 00:15:48,323 --> 00:15:51,443 ‎ผมคงไม่บอกว่าตัวตนของผม 316 00:15:51,523 --> 00:15:54,763 ‎มีความคิดเป็นตัวกำหนด 317 00:15:55,323 --> 00:15:59,363 ‎แต่เดการ์ตไม่ได้จะอ้างอย่างนั้น 318 00:15:59,443 --> 00:16:02,083 ‎เราคิดว่าตัวเองเป็นคนอื่นได้มั้ย 319 00:16:02,163 --> 00:16:05,763 ‎ถ้าฉันครุ่นคิดไม่หยุด 320 00:16:05,843 --> 00:16:07,363 ‎ว่าตัวเองคือเอ็ดดี เมอร์ฟี 321 00:16:08,163 --> 00:16:10,523 ‎สุดท้าย ฉันจะกลายเป็นเขาได้มั้ย 322 00:16:10,603 --> 00:16:14,323 ‎แล้วถ้าฉันเป็นเขา เขาจะกลายเป็นฉันมั้ย 323 00:16:14,403 --> 00:16:16,603 ‎หรือเขาจะหายไปเลย 324 00:16:16,683 --> 00:16:19,283 ‎เดการ์ตแตะประเด็นนี้บ้างมั้ย 325 00:16:20,843 --> 00:16:26,283 ‎เท่าที่ทราบ เดการ์ตไม่ได้แตะประเด็นนี้ 326 00:16:26,363 --> 00:16:27,283 ‎ทำไมล่ะ 327 00:16:28,403 --> 00:16:32,683 ‎เดการ์ตคือแรงบันดาลใจ ‎ของยุคที่ชื่อเรืองปัญญา 328 00:16:32,763 --> 00:16:35,523 ‎พวกชนชั้นสูงหลงตัวเองพากันออกงานเขียน 329 00:16:35,603 --> 00:16:39,683 ‎ผลักดันขยายขอบฟ้า อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 330 00:16:39,763 --> 00:16:44,403 ‎จนการออกเพลงเทคโนสุดเจ๋ง ‎"Pump Up The Jam" ในปี 1989 331 00:17:01,043 --> 00:17:04,043 ‎(วิดีโอได้เค้าโครงจากทรีตเมนต์ 72 หน้า ‎ของวิลเลียม โกลด์แมน) 332 00:17:04,123 --> 00:17:06,643 ‎(นักเขียนรางวัลออสการ์ ‎จากเรื่องสองผู้เกรียงไกร) 333 00:17:07,923 --> 00:17:11,323 ‎(เทคโนโทรนิกได้ชื่อมาจาก ‎การรวมคำว่า "เทคโน") 334 00:17:11,402 --> 00:17:14,203 ‎(หมายถึงเพลงแดนซ์ ‎กับ "โทรนิก" ที่แปลว่า "โทรนิก") 335 00:17:15,203 --> 00:17:21,122 ‎(แผ่น "Pump Up The Jam" ‎ขนาด 12 นิ้วที่วางขายแถมม้า) 336 00:17:22,603 --> 00:17:25,763 ‎(วันที่ 28 ธันวาคม 1879 ‎เวลา 19.16 น. สะพานเทย์ถล่ม) 337 00:17:25,843 --> 00:17:28,763 ‎(ขณะรถไฟกำลังข้าม ‎ผู้โดยสาร 60 คนเสียชีวิต) 338 00:17:30,122 --> 00:17:32,003 ‎ผู้ชายที่ติดอยู่ในภาพนี้ 339 00:17:32,083 --> 00:17:35,483 ‎คือนักปรัชญายุคเรืองปัญญา ฌ็อง-ฌัก รูโซ 340 00:17:35,563 --> 00:17:39,163 ‎ชื่อที่แสนจะฝรั่งเศส ‎จนน่าตั้งว่าปิแอร์ บาแก็ต 341 00:17:39,243 --> 00:17:40,323 ‎แต่ไม่ได้ตั้ง 342 00:17:40,403 --> 00:17:42,003 ‎ฉันเลยไม่เรียกอย่างนั้น 343 00:17:43,123 --> 00:17:47,643 ‎รูโซว่า "มนุษย์เกิดมาเสรี ‎แต่ในทุกที่กลับตกอยู่ใต้พันธนาการ" 344 00:17:48,163 --> 00:17:49,803 ‎เขาวาดฝันถึงสังคมใหม่ 345 00:17:49,883 --> 00:17:52,163 ‎ที่ทุกคนสามารถกำหนดชะตาของตน 346 00:17:52,243 --> 00:17:54,963 ‎เป็นความฝันที่ส่งให้ชาวอาณานิคม 347 00:17:55,043 --> 00:17:58,203 ‎เดินทางไปโลกใหม่ด้วยเรือเป็นฝูงๆ 348 00:17:59,363 --> 00:18:03,523 ‎หลังตั้งใจจะมาใช้ชีวิตสุจริตที่อเมริกา 349 00:18:03,603 --> 00:18:06,963 ‎ชาวอาณานิคมส่วนใหญ่ค้นพบว่าตัวเองขี้เกียจ 350 00:18:07,043 --> 00:18:10,163 ‎เลยไปลักคนจากแอฟริกามาทำงานแทน 351 00:18:10,763 --> 00:18:12,923 ‎คุณอาจคิด เอ๊ะ รูโซหมายถึง 352 00:18:13,003 --> 00:18:14,443 ‎คนกลุ่มนี้หรือเปล่า 353 00:18:14,523 --> 00:18:17,403 ‎ตอนที่บอกว่าต้องทลายพันธนาการ 354 00:18:17,483 --> 00:18:18,883 ‎แต่ไม่ใช่หรอก 355 00:18:18,963 --> 00:18:21,843 ‎เหมือนมนุษยนิยมทั่วไป เขาค้นพบช่องโหว่ 356 00:18:21,923 --> 00:18:25,923 ‎เมื่อไม่คิดว่าทาสเป็นมนุษย์ ‎เขาก็ไม่จำเป็นต้องแยแส 357 00:18:26,003 --> 00:18:28,043 ‎โชคดี ในช่วงเวลาเดียวกัน 358 00:18:28,123 --> 00:18:30,883 ‎ชาวอาณานิคมเริ่มสนใจเรื่องเสรีภาพ 359 00:18:32,403 --> 00:18:33,843 ‎แต่โชคไม่เข้าข้าง 360 00:18:33,923 --> 00:18:37,283 ‎เสรีภาพที่สนคือของตัวเอง ‎ไม่ใช่เสรีภาพของทาส 361 00:18:38,003 --> 00:18:42,443 ‎อาณานิคมอังกฤษปกครองโดยกษัตริย์ ‎และรูปวาดชื่อจอร์จที่ 3 362 00:18:43,243 --> 00:18:48,403 ‎แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง ‎อังกฤษกับโลกใหม่เริ่มเย็นชา 363 00:18:48,483 --> 00:18:53,643 ‎ความตึงเครียดระหว่าง ‎อังกฤษกับอเมริกาเกิดขึ้นได้ยังไง 364 00:18:53,723 --> 00:18:56,483 ‎เพราะคุณเรียก "คุกกี้" ‎แต่เราเรียก "บิสกิต" 365 00:18:56,563 --> 00:18:59,363 ‎คุณเรียก "ไซด์วอล์ก" ‎แต่เราเรียก "เพฟเมนต์" เหรอ 366 00:18:59,443 --> 00:19:00,643 ‎เพราะฉันว่าเวลาคบกัน 367 00:19:00,723 --> 00:19:03,723 ‎เรื่องผิดใจเล็กๆ น้อยๆ จะทับถมไปเรื่อยๆ 368 00:19:03,803 --> 00:19:05,123 ‎แย่กว่านั้นอีกค่ะ 369 00:19:05,203 --> 00:19:08,203 ‎ชาวอังกฤษจะเก็บภาษีอาณานิคม 370 00:19:08,283 --> 00:19:09,963 ‎เรื่องนี้ไม่เคยเกิดมาก่อน 371 00:19:10,043 --> 00:19:13,003 ‎แสดงว่าผิดใจกันเรื่องเงิน 372 00:19:13,083 --> 00:19:16,803 ‎คล้ายๆ ฉันกับฌอน แฟนเก่าเลยสิ 373 00:19:17,603 --> 00:19:20,963 ‎เราชอบซื้อของกลับมากิน ‎"กลับบ้าน" อย่างคุณเรียก 374 00:19:22,003 --> 00:19:26,163 ‎บางครั้ง เขาชอบบอกให้หารครึ่ง 375 00:19:26,243 --> 00:19:29,443 ‎แต่ก็ยังซื้อของพวกหอมใหญ่ทอด 376 00:19:29,523 --> 00:19:31,203 ‎ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉันเกลียด 377 00:19:31,283 --> 00:19:33,203 ‎กินแล้วปากก็เหม็น 378 00:19:34,363 --> 00:19:38,683 ‎แถมยังให้ฉันช่วยจ่ายอีก ไม่ยุติธรรมเลย 379 00:19:39,323 --> 00:19:40,243 ‎คุณเห็นว่าไง 380 00:19:41,163 --> 00:19:42,403 ‎เท่าที่ฟังก็ไม่ 381 00:19:42,483 --> 00:19:45,003 ‎อาจารย์เขายังว่าไม่เลย ฌอน 382 00:19:47,123 --> 00:19:49,723 ‎สุดท้ายในปี 1773 ที่บอสตัน 383 00:19:49,803 --> 00:19:52,643 ‎ชาวอาณานิคมกลุ่มหนึ่งตัดสินใจว่าพอที 384 00:19:52,723 --> 00:19:57,283 ‎ตอนคนที่บอสตันโมโหชาวอังกฤษมากๆ 385 00:19:57,363 --> 00:20:01,243 ‎ทำไมถึงจัดงานเลี้ยงน้ำชาแทน 386 00:20:01,323 --> 00:20:04,643 ‎ไม่ท้าสู้กับชาวอังกฤษตรงๆ 387 00:20:04,723 --> 00:20:07,923 ‎ทำไมดินแดนอเมริกาถึงขี้ขลาด 388 00:20:08,003 --> 00:20:10,363 ‎สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้ 389 00:20:10,443 --> 00:20:14,003 ‎ความขี้ขลาดในเรื่องนั้น 390 00:20:14,083 --> 00:20:17,403 ‎ก็คงเป็นที่แต่งตัวเลียนแบบชนพื้นเมือง 391 00:20:17,483 --> 00:20:19,283 ‎และไม่ยอมประกาศชื่อตัว 392 00:20:19,363 --> 00:20:21,403 ‎แต่เป็นคุณจะยอมอาสา 393 00:20:21,483 --> 00:20:24,603 ‎เข้าคุก ทั้งๆ ที่หลบเลี่ยงได้เหรอ 394 00:20:26,603 --> 00:20:28,883 ‎ก็ต้องดูสภาพภายในก่อน 395 00:20:29,923 --> 00:20:32,843 ‎ดูหมิ่นใบชาก็เรื่องหนึ่ง 396 00:20:32,923 --> 00:20:36,163 ‎แต่เรื่องที่ตบหน้ากันสุดๆ ยังมาไม่ถึง 397 00:20:36,243 --> 00:20:39,843 ‎ในปี 1776 ผู้นำอาณานิคม 13 แห่ง 398 00:20:39,923 --> 00:20:42,843 ‎ตกลงว่า ไม่เป็นแล้วคนอังกฤษ 399 00:20:42,923 --> 00:20:44,203 ‎จะเป็นคนอเมริกัน 400 00:20:44,763 --> 00:20:48,683 ‎กลุ่มสุดยอดสเตรต ผิวขาว ‎ที่ชื่อบิดาผู้ก่อตั้ง 401 00:20:48,763 --> 00:20:51,723 ‎ร่างข้อความบอกเลิกที่ดังที่สุดในโลก 402 00:20:51,803 --> 00:20:54,243 ‎คำประกาศอิสรภาพ 403 00:20:54,323 --> 00:20:57,803 ‎ผู้ชายทุกคนในภาพคือวีรบุรุษ ‎ถ้าคุณเป็นคนอเมริกัน 404 00:20:57,883 --> 00:20:59,563 ‎สำหรับชาติอื่น แค่บางคน 405 00:21:00,243 --> 00:21:03,723 ‎เหตุครั้งนี้จุดชนวนสงครามอเมริกากับอังกฤษ 406 00:21:04,243 --> 00:21:06,883 ‎ยุคนั้นยังไม่มีใครประดิษฐ์ชุดพรางตัว 407 00:21:06,963 --> 00:21:10,043 ‎กองทหารอังกฤษจึงสวมเสื้อโค้ทสีแดงแจ๋ 408 00:21:10,123 --> 00:21:14,083 ‎และโดนยิงตายนับพันขณะที่ดูเท่ 409 00:21:14,803 --> 00:21:18,523 ‎ภาพวาดนี้คือเหตุการณ์สำคัญในสงคราม 410 00:21:18,603 --> 00:21:21,603 ‎จอร์จ วอชิงตันข้ามแม่น้ำเดลาแวร์ 411 00:21:21,683 --> 00:21:24,843 ‎อย่างที่เห็น เขายืนขาแข็งตลอดทาง 412 00:21:24,923 --> 00:21:26,763 ‎ไม่ยอมจองที่นั่งล่วงหน้า 413 00:21:26,843 --> 00:21:29,843 ‎เขาไม่ได้ล้ม แต่ก็ไม่ช่วยพาย 414 00:21:29,923 --> 00:21:31,243 ‎น่ารำคาญน่าดู 415 00:21:32,083 --> 00:21:34,083 ‎สุดท้าย วอชิงตันชนะ 416 00:21:34,163 --> 00:21:36,443 ‎ขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนแรกของอเมริกา 417 00:21:36,523 --> 00:21:41,083 ‎ตำแหน่งที่ทุกคนต่างเคารพจนกระทั่งปี 2016 418 00:21:41,163 --> 00:21:45,283 ‎วอชิงตันกับป๋าผู้ก่อตั้งเขียนรัฐธรรมนูญ 419 00:21:45,363 --> 00:21:47,723 ‎คู่มือแนะนำประเทศใหม่ 420 00:21:47,803 --> 00:21:51,483 ‎ที่แฝงแนวคิดทางการเมือง ‎ที่ทรงอิทธิพลมากมาย 421 00:21:51,563 --> 00:21:55,843 ‎ฉันเคยอ่านเจอว่า ‎อเมริกาไม่ใช่ประเทศ แต่เป็นความคิด 422 00:21:56,563 --> 00:21:59,203 ‎แต่เป็นแค่ประเทศไม่ใช่เหรอ 423 00:21:59,283 --> 00:22:01,123 ‎ก่อตั้งภายใต้ความคิด 424 00:22:01,203 --> 00:22:03,683 ‎ดังนั้น จึงมีขึ้นตาม… 425 00:22:03,763 --> 00:22:08,043 ‎มีขึ้นตามความคิด ‎เป็นแดนเสรีเพื่อทุกคนเสมอ 426 00:22:08,123 --> 00:22:10,843 ‎แต่การกินแซนด์วิชคือความคิด 427 00:22:10,923 --> 00:22:13,083 ‎ทาจักรยานสีฟ้านั่นก็ความคิด 428 00:22:13,163 --> 00:22:14,763 ‎พูดแบบ… 429 00:22:14,843 --> 00:22:15,963 ‎นั่นก็ความคิด 430 00:22:16,043 --> 00:22:17,923 ‎แต่อเมริกาเป็นแค่สถานที่ 431 00:22:18,963 --> 00:22:22,243 ‎การปฏิวัติอเมริกา ‎สร้างแรงกระเพื่อมไปทั่วโลก 432 00:22:22,323 --> 00:22:23,603 ‎อย่าว่าแต่ทั่วดาว 433 00:22:23,683 --> 00:22:26,243 ‎โดยเฉพาะที่ฝรั่งเศส 434 00:22:26,323 --> 00:22:29,883 ‎ที่คนทั่วไปต้องกัดก้อนเกลือกิน 435 00:22:30,563 --> 00:22:34,203 ‎ส่วนคนรวยก็ใช้ชีวิตหรู ‎จับจีบสวมระบายไปวันๆ 436 00:22:34,803 --> 00:22:38,683 ‎ไม่นาน คนทั่วไปก็สุดทนกับผู้นำ ‎พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 437 00:22:38,763 --> 00:22:41,323 ‎และเมียคู่แฝด มารีแอนด์ตัวแน็ต 438 00:22:41,403 --> 00:22:43,203 ‎ที่ชอบชีวิตฟุ้งเฟ้อ 439 00:22:43,283 --> 00:22:45,803 ‎ขณะคนยากจนกินเค้กประทังชีวิต 440 00:22:47,043 --> 00:22:51,963 ‎สุดท้ายในปี 1789 เกิดการปฏิวัติเปลือยอก 441 00:22:52,963 --> 00:22:55,883 ‎คนจนล้มล้างกษัตริย์ ประดิษฐ์เครื่องจักร 442 00:22:55,963 --> 00:22:58,243 ‎ที่ล้างราชวงศ์ทั่วโลกให้หมดไป 443 00:23:00,083 --> 00:23:02,203 ‎เครื่องกิโยตินออกแบบมา 444 00:23:02,283 --> 00:23:05,683 ‎เพื่อตัดหัวคนให้มีมนุษยธรรมที่สุด 445 00:23:05,763 --> 00:23:07,843 ‎ต่อหน้าฝูงชนที่โห่ร้องดีใจ 446 00:23:07,923 --> 00:23:12,803 ‎แค่ต้องเอาหัวพวกเชื้อพระวงศ์มาสอดช่องนี้ 447 00:23:12,883 --> 00:23:16,763 ‎แล้วใบดาบคมกริบจะเลื่อนลงมาตัดหัว 448 00:23:16,843 --> 00:23:19,923 ‎แยกให้ศีรษะขาดออกจากร่าง 449 00:23:20,003 --> 00:23:22,723 ‎ถึงตอนนั้น พวกเขาคงนึกว่าหนีพ้น 450 00:23:22,803 --> 00:23:25,203 ‎แต่ความดีใจจะหายไปรวดเร็ว 451 00:23:25,283 --> 00:23:28,443 ‎เพราะวินาทีต่อมา หัวทิ่ม 452 00:23:28,523 --> 00:23:31,083 ‎ลงตะกร้าหวายหยาบๆ นี่ 453 00:23:32,803 --> 00:23:35,683 ‎ข้างในไม่ได้บุอะไรเลย 454 00:23:35,763 --> 00:23:38,363 ‎ดังนั้นหัวที่ทิ่มลงไปต้องฟกช้ำ 455 00:23:38,443 --> 00:23:40,243 ‎อาจจะกระทบกระเทือน 456 00:23:40,323 --> 00:23:41,683 ‎แต่นี่คงดีแล้วแหละ 457 00:23:41,763 --> 00:23:43,603 ‎ไม่โดนให้ยื่นหัวจากรถม้า 458 00:23:43,683 --> 00:23:45,523 ‎แล้วขับไปเฉียดตึกอาคาร 459 00:23:46,243 --> 00:23:50,363 ‎ถึงอย่างนั้น โดนกิโยติน ‎คงมีผลกระทบต่อคนมาก 460 00:23:50,443 --> 00:23:52,243 ‎โดยเฉพาะกับพระเจ้าหลุยส์ 461 00:23:52,323 --> 00:23:56,003 ‎ที่พอหัวหายแล้ว ‎เขาไม่เคยแพร่พันธุ์หรือสวมมงกุฎอีก 462 00:23:56,083 --> 00:23:59,763 ‎และคงไม่สามารถทำงานได้ไม่ว่าจะในสายไหน 463 00:23:59,843 --> 00:24:03,123 ‎นี่คงเป็นสาเหตุที่เขาเก็บตัวโดยสิ้นเชิง 464 00:24:03,203 --> 00:24:04,843 ‎หลังเกิดเหตุได้ไม่นาน 465 00:24:04,923 --> 00:24:07,283 ‎การปฏิวัติฝรั่งเศสไม่ใช่ครั้งแรก 466 00:24:07,363 --> 00:24:11,243 ‎ที่ประชาชนลุกฮือต่อต้านชนชั้นสูง ‎และอาจไม่ใช่ครั้งสุดท้าย 467 00:24:11,323 --> 00:24:15,283 ‎การปฏิวัติหลายครั้งคือคนจนโค่นล้มคนรวย 468 00:24:15,363 --> 00:24:17,603 ‎คุณว่ามหาเศรษฐีอย่างอีลอน มัสก์ 469 00:24:17,683 --> 00:24:20,043 ‎ควรกลัวว่าจะโดนกิโยตินมั้ย 470 00:24:21,043 --> 00:24:25,163 ‎ฉันว่าการปฏิวัติฝรั่งเศสทำให้ผู้มีอำนาจ 471 00:24:25,243 --> 00:24:29,363 ‎หลายๆ คนเป็นกังวลกับชีวิตตัวเอง 472 00:24:29,443 --> 00:24:31,963 ‎อีลอน มัสก์คงสามารถประดิษฐ์เครื่องจักร 473 00:24:32,043 --> 00:24:35,403 ‎ที่ตัดหัวเขาโดยใช้ไฟฟ้าได้ก่อนฝูงชนถึงตัว 474 00:24:35,483 --> 00:24:37,403 ‎คุณเชี่ยวชาญเรื่องนี้กว่าฉัน 475 00:24:37,483 --> 00:24:39,123 ‎ฉันแค่เดาสุ่ม 476 00:24:40,203 --> 00:24:43,843 ‎ไม่นาน ฝรั่งเศสตัดสินใจว่า ‎ต้องการคนแกร่งมาคุม 477 00:24:43,923 --> 00:24:46,883 ‎แล้วก็ได้ตัวจักรพรรดินโปเลียน 478 00:24:46,963 --> 00:24:50,363 ‎เท่าที่ตรวจสอบ ‎เขาไม่ใช่ญาติเพนกวินจักรพรรดิ 479 00:24:51,163 --> 00:24:54,083 ‎นโปเลียนรบพุ่งทั้งทางบกและทะเลจำนวนมาก 480 00:24:54,163 --> 00:24:56,763 ‎ซึ่งก็ยังคงใช้ทุนสูงเกินจะสร้างให้เห็น 481 00:24:56,843 --> 00:24:59,083 ‎ในสารคดีประวัติศาสตร์จวบจนปัจจุบัน 482 00:25:02,003 --> 00:25:05,403 ‎การใส่เสียงประกอบกับภาพเขียนอย่างนี้ 483 00:25:05,483 --> 00:25:07,723 ‎ช่วยเสริมบรรยากาศยุคนั้น 484 00:25:07,803 --> 00:25:10,403 ‎แต่ก็ยังมีองค์ประกอบหลักหายไป 485 00:25:10,483 --> 00:25:13,683 ‎เสียงเพลงคลาสสิกเป็นสิ่งเดียว 486 00:25:13,763 --> 00:25:16,283 ‎ที่จะมอบชีวิตให้กับสงครามนโปเลียน 487 00:25:23,843 --> 00:25:25,963 ‎เห็นมั้ย ดีขึ้นเยอะเลย 488 00:25:26,843 --> 00:25:30,403 ‎โชคดีที่ดนตรีคลาสสิก ‎ได้รับการปรับปรุงในยุโรป 489 00:25:30,483 --> 00:25:33,363 ‎โดยนักประพันธ์ชื่อเบโธเฟน 490 00:25:34,923 --> 00:25:39,403 ‎เบโธเฟนมีม้าขนาดจริง ‎อาศัยอยู่ในหน้าเขาเหรอ 491 00:25:40,843 --> 00:25:42,643 ‎โทษที ถามผิด 492 00:25:42,723 --> 00:25:45,763 ‎เบโธเฟนเก่งเรื่องดนตรีมั้ย 493 00:25:47,083 --> 00:25:48,803 ‎ได้ชื่อเป็นสุดยอดนักประพันธ์… 494 00:25:48,883 --> 00:25:51,163 ‎(ดร. เชอร์ลีย์ เจ. ทอมป์สัน ‎นักประพันธ์ อ. ด้านดนตรี) 495 00:25:51,243 --> 00:25:52,523 ‎ของดนตรีคลาสิกตะวันตก 496 00:25:52,603 --> 00:25:54,603 ‎เบโธเฟนแต่งเพลงทำนอง 497 00:25:59,123 --> 00:26:00,843 ‎เนื้อเพลงนี้หมายความว่าไง 498 00:26:01,803 --> 00:26:04,843 ‎เป็นทำนองโมทีฟออร์เคสตรา 499 00:26:04,923 --> 00:26:06,923 ‎แค่คำว่า "ดัม" ซ้ำๆ 500 00:26:07,003 --> 00:26:11,083 ‎อันนี้หลอกด่าคนฟัง หรือเป็นภาษาเยอรมัน 501 00:26:11,163 --> 00:26:16,323 ‎เพลงซิมโฟนีของเบโธเฟน มีแค่ทำนอง 502 00:26:16,403 --> 00:26:21,123 ‎ไม่มีเนื้อเพลงประกอบ 503 00:26:21,203 --> 00:26:23,683 ‎ไม่มีเนื้อเพลง งั้นจะรู้เนื้อหาได้ไง 504 00:26:23,763 --> 00:26:24,963 ‎ถ้าไม่มีเนื้อเพลง 505 00:26:25,043 --> 00:26:26,843 ‎ไร้ความหมายชัดๆ 506 00:26:27,443 --> 00:26:30,923 ‎แม้จะประสบความสำเร็จกับทำนองไร้ความหมาย 507 00:26:31,003 --> 00:26:34,723 ‎เบโธเฟนกลับต้องเจอ ‎เรื่องท้าทายใหญ่หลวงทางการงาน 508 00:26:34,803 --> 00:26:37,723 ‎จริงหรือเปล่าที่ช่วงปั้นปลายชีวิต 509 00:26:37,803 --> 00:26:39,163 ‎เบโธเฟนตายแล้ว 510 00:26:40,443 --> 00:26:43,203 ‎เขาหูหนวกแทบจะทั้งชีวิต 511 00:26:43,283 --> 00:26:44,323 ‎- ครึ่งชีวิตน่ะ ‎- ไม่ใช่ ตาย 512 00:26:44,403 --> 00:26:45,643 ‎- ตายเหรอ ‎- ค่ะ 513 00:26:47,043 --> 00:26:48,243 ‎ไม่นะ 514 00:26:48,323 --> 00:26:50,683 ‎โปรดิวเซอร์เขียนโน้ตมาให้ 515 00:26:50,763 --> 00:26:52,483 ‎มีจริงๆ 516 00:26:53,283 --> 00:26:54,283 ‎- ขอฉันดูหน่อย ‎- เขา… 517 00:26:55,683 --> 00:27:00,323 ‎"ช่วงปั้นปลาย เบโธเฟนตายรุนแรง" 518 00:27:00,403 --> 00:27:02,163 ‎หูหนวกรุนแรง 519 00:27:02,243 --> 00:27:04,203 ‎หูหนวก 520 00:27:04,283 --> 00:27:06,243 ‎แหงละ เขาหูหนวกตอนตาย 521 00:27:06,323 --> 00:27:10,523 ‎แต่ตอนยังไม่ตาย หูหนวกมั้ย 522 00:27:10,603 --> 00:27:12,483 ‎หนวกอย่างรุนแรง 523 00:27:12,563 --> 00:27:14,723 ‎- เขาหูหนวกรุนแรง ‎- แต่ไม่ตายนะ 524 00:27:14,803 --> 00:27:15,963 ‎- ไม่ตาย ‎- ไม่ตาย 525 00:27:16,043 --> 00:27:18,763 ‎- ตอนยังมีชีวิต ‎- ไม่ๆ 526 00:27:18,843 --> 00:27:21,043 ‎แล้วเขาแต่งเพลงได้ยังไงหลังตายแล้ว 527 00:27:22,523 --> 00:27:25,683 ‎วันที่ 26 มีนาคม 1827 528 00:27:25,763 --> 00:27:27,803 ‎เบโธเฟนตายจริงในที่สุด 529 00:27:27,883 --> 00:27:30,803 ‎คิดกันว่าความอัจฉริยะของเขาจะสาบสูญไป 530 00:27:30,883 --> 00:27:32,243 ‎จนกระทั่งตอนนี้ 531 00:27:32,803 --> 00:27:35,283 ‎นักคิดซิลิคอน วัลเลย์สร้างจิตใจเขาขึ้น 532 00:27:35,363 --> 00:27:38,203 ‎นำมาติดตั้งใส่ลำโพงอัจฉริยะนี้ 533 00:27:38,283 --> 00:27:40,123 ‎บีเอตโฮเฟน สมาร์ต โฮม พลัส 534 00:27:40,203 --> 00:27:41,483 ‎ลองทดสอบหน่อย 535 00:27:42,243 --> 00:27:45,323 ‎บีเอตโฮเฟนแต่งเพลงซิมโฟนี 536 00:27:45,403 --> 00:27:46,443 ‎อะไรนะ 537 00:27:47,083 --> 00:27:49,163 ‎แต่งซิมโฟนี 538 00:27:49,243 --> 00:27:50,603 ‎นี่ฉันอยู่ไหน 539 00:27:50,683 --> 00:27:52,923 ‎อะไร แต่งเพลงไปสิ 540 00:27:53,003 --> 00:27:55,923 ‎ในนี้มืดตื๋อเลย ทำไมฉันพูดภาษาอังกฤษ 541 00:27:56,003 --> 00:27:57,283 ‎- มองไม่เห็นขา ‎- เอาอย่างนี้ 542 00:27:58,243 --> 00:28:00,043 ‎เล่นเพลย์ลิสต์คืนวันศุกร์ 543 00:28:00,123 --> 00:28:01,563 ‎กำลังเล่นเพลย์ลิสต์คืนวันศุกร์ 544 00:28:03,163 --> 00:28:05,123 ‎ทำไมฉันถึงทำตาม 545 00:28:05,203 --> 00:28:07,523 ‎พระเจ้าบนสวรรค์ ฆ่าฉันเถอะ 546 00:28:12,283 --> 00:28:15,763 ‎เราได้เห็นไปแล้ว เพียงแค่ไม่กี่ร้อยปี 547 00:28:15,843 --> 00:28:16,963 ‎มนุษยชาติมี 548 00:28:17,043 --> 00:28:20,803 ‎การปฏิวัติวัฒนธรรม ‎และการเมืองขนานใหญ่มากมาย 549 00:28:20,883 --> 00:28:23,763 ‎ครั้งหน้าฉันจะพาไปดูการปฏิวัติยักษ์ใหญ่ 550 00:28:23,843 --> 00:28:28,723 ‎การปฏิวัติอุตสาหกรรม ‎จากเหล็ก, ไอน้ำ, หยาดเหงื่อ, 551 00:28:28,803 --> 00:28:32,243 ‎เครื่องบิน, รถไฟ, รถยนต์ ‎และเครื่องบินอีกครั้ง 552 00:28:32,323 --> 00:28:34,923 ‎คนเพียรพยายามสร้างเครื่องบินหลายปี 553 00:28:35,563 --> 00:28:38,483 ‎ทำไมเราถึงสนใจจะพิชิตท้องฟ้านัก 554 00:28:38,563 --> 00:28:39,803 ‎ไม่เห็นจะมีอะไร 555 00:28:39,883 --> 00:28:41,643 ‎แค่ที่จะนั่งยังไม่มีเลย 556 00:29:04,123 --> 00:29:06,283 ‎คำบรรยายโดย พรพรรณ มุกนพรัตน์