1 00:00:06,006 --> 00:00:09,926 ‎(ผลงานซีรีส์คอมเมดี้จาก NETFLIX) 2 00:00:12,637 --> 00:00:17,177 ‎เมื่อถึงเวลาต้องส่งเสียง ‎คุณมีทางเลือกเดียว 3 00:00:17,267 --> 00:00:23,267 ‎ทางเดียวที่เข้มแข็งและใหญ่พอ ‎สำหรับอนาคตประเทศของเรา ดิ๊ก 4 00:00:24,733 --> 00:00:26,783 ‎ดิ๊กไม่กลัวที่ต้องลุย 5 00:00:27,444 --> 00:00:30,994 ‎ที่ที่คนผิดหวัง ดิ๊กยินดีที่จะเสี่ยง 6 00:00:31,489 --> 00:00:33,579 ‎ดิ๊กสยบได้ทุกปัญหา 7 00:00:34,159 --> 00:00:35,869 ‎ดิ๊กคือทั่วพสุธา 8 00:00:39,122 --> 00:00:42,832 ‎คุณไว้ใจดิ๊กได้ ‎เพราะดิ๊กอยู่ในตัวเราทุกคน 9 00:00:42,917 --> 00:00:43,747 ‎ผมคือดิ๊ก 10 00:00:44,335 --> 00:00:45,205 ‎ผมคือดิ๊ก 11 00:00:45,295 --> 00:00:46,795 ‎ฉันคือดิ๊ก 12 00:00:46,880 --> 00:00:47,920 ‎ฉันคือดิ๊ก 13 00:00:48,423 --> 00:00:50,593 ‎ฉันคือดิ๊กยักษ์ 14 00:00:50,675 --> 00:00:52,175 ‎เราคือดิ๊ก 15 00:00:52,260 --> 00:00:55,010 ‎ดังนั้นเมื่อถึงเวลา จงอย่าหลับทับสิทธิ์ 16 00:00:55,096 --> 00:00:56,506 ‎กาดิ๊ก 17 00:00:57,599 --> 00:00:58,929 ‎ผมนิโคลัส เคจ 18 00:00:59,017 --> 00:01:01,267 ‎และผมเห็นด้วยกับข้อความนั้น 19 00:01:01,853 --> 00:01:03,233 ‎(ค็อก) ‎(การปฏิวัติ) 20 00:01:03,313 --> 00:01:04,153 ‎(หยาบคาย) 21 00:01:04,230 --> 00:01:05,940 ‎(ทวัตต์) ‎(คำไม่สุภาพ) 22 00:01:06,024 --> 00:01:08,614 ‎(ลามก) ‎(ชิต) 23 00:01:15,533 --> 00:01:18,913 ‎เอาล่ะ มาเจอกันอีกตอนแล้วสิ 24 00:01:18,995 --> 00:01:20,865 ‎ในประมวลคำสบถของเรา 25 00:01:20,955 --> 00:01:22,245 ‎และคำนี้ก็ไม่เหมือนคำอื่น 26 00:01:22,332 --> 00:01:25,462 ‎มันเป็นคำเดียวที่เริ่มต้นจากชื่อคน 27 00:01:26,044 --> 00:01:29,014 ‎ไม่เคยมีใครตั้งชื่อลูกคนแรก ‎ว่า "ชิตเตอร์" หรือ "ฟัคกลิน" 28 00:01:29,089 --> 00:01:32,549 ‎"โทษนะ ฟัคกลิน การบ้านเสร็จรึยังน่ะ" 29 00:01:32,634 --> 00:01:34,644 ‎"ชิตเตอร์ เบาเสียงลงหน่อยสิ" 30 00:01:35,261 --> 00:01:37,681 ‎มีเพียง "ดิ๊ก" ที่ต่างออกไป 31 00:01:37,764 --> 00:01:40,644 ‎มันมาจากชื่อ และชื่อนั้นคือริชาร์ด 32 00:01:40,725 --> 00:01:42,435 ‎แต่ทำไมต้องริชาร์ดล่ะ 33 00:01:42,519 --> 00:01:43,899 ‎ทำไมไม่เป็นเจฟฟรีย์ 34 00:01:43,978 --> 00:01:45,978 ‎"นี่นาย ซัคมายเจฟ" 35 00:01:46,064 --> 00:01:49,034 ‎นั่นฟังไม่เข้าท่าเลย แล้วแดเนียลล่ะ 36 00:01:49,109 --> 00:01:50,989 ‎"ซัคมายแด..." เห็นมั้ย ไม่ได้ 37 00:01:51,069 --> 00:01:53,699 ‎อ๋อ ใช่สิ "ซัค มาย นิค" 38 00:01:53,780 --> 00:01:54,660 ‎ใช่ 39 00:01:54,739 --> 00:01:57,199 ‎"นี่ ไอ้ง่าว กินหำเลยไป" 40 00:01:57,283 --> 00:01:59,873 ‎"อย่าได้คิดเอาเปรียบฉันเป็นอันขาด ไอ้งั่ง 41 00:01:59,953 --> 00:02:04,673 ‎เออ อยากมีบี.เอ็น.อี. บิ๊กนิคเอนเนอร์จีล่ะสิ" 42 00:02:04,749 --> 00:02:05,919 ‎ผมชินซะแล้วครับ 43 00:02:06,000 --> 00:02:09,000 ‎แต่ก่อนที่ผมจะเปลี่ยนให้เป็น "นิค" ‎เราติดอยู่กับ "ดิ๊ก" ครับ 44 00:02:09,711 --> 00:02:14,051 ‎คำที่มีถึงสี่ความหมายในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา 45 00:02:14,134 --> 00:02:16,894 ‎แต่อะไรล่ะ ที่ทำให้คำนี้มันช่าง... 46 00:02:17,470 --> 00:02:18,760 ‎แพร่หลาย 47 00:02:19,472 --> 00:02:22,892 ‎(สำหรับคุณ ดิ๊กหมายถึงอะไร) 48 00:02:22,976 --> 00:02:23,846 ‎ดิ๊กเหรอ 49 00:02:23,935 --> 00:02:25,725 ‎- ดิ๊ก ‎- พี่บิ๊กดิ๊ก 50 00:02:25,812 --> 00:02:27,112 ‎ยิงมุกใต้สะดือมามุกนึงซิ 51 00:02:27,188 --> 00:02:28,898 ‎ฉันเคยบ๊วบเพื่อเอาโคเคน 52 00:02:28,982 --> 00:02:30,652 ‎(วิทยาศาสตร์พิสดาร) 53 00:02:30,733 --> 00:02:33,363 ‎ไปทำเอาเองเหอะ พวกไร้น้ำยา 54 00:02:33,444 --> 00:02:35,534 ‎มันลดอายุทุกคนให้เหลือเท่าเด็ก 12 55 00:02:35,613 --> 00:02:37,373 ‎พูด "ดิ๊ก" หรือ "พุซซี่" แล้วคนจะ... 56 00:02:37,448 --> 00:02:40,698 ‎"ดิ๊ก" เป็นเรื่องสนุกสนาน ‎มันมีโครงสร้างเหมือนกับ "ฟัค" 57 00:02:40,785 --> 00:02:43,865 ‎"ดิ๊ก" มีวิธีเปล่งเสียงที่ยอดเยี่ยม ‎เหมือนคำสบถคำอื่นๆ 58 00:02:43,955 --> 00:02:44,995 ‎"ดิ๊ก" เป็นคำสั้นๆ 59 00:02:45,623 --> 00:02:46,583 ‎แรงๆ 60 00:02:46,666 --> 00:02:47,536 ‎ไอ้งั่ง 61 00:02:47,625 --> 00:02:51,335 ‎"ดิ๊ก" ออกเสียงได้เป๊ะ ‎ตามแบบฉบับคำสบถในภาษาอังกฤษ 62 00:02:51,421 --> 00:02:53,721 ‎มันเกือบทำให้เป็นหลายพยางค์ได้เลย 63 00:02:53,798 --> 00:02:54,838 ‎ดี-อี๊ก 64 00:02:54,924 --> 00:02:55,934 ‎ดิ๊ก-เคอะ 65 00:02:56,009 --> 00:02:57,759 ‎ดี๊-แอ้ก 66 00:02:57,844 --> 00:03:00,564 ‎ผมมีวิธีใช้คำว่า "ดิ๊ก"… 67 00:03:00,638 --> 00:03:01,848 ‎(นักแสดง ‎นิค ออฟเฟอร์แมน) 68 00:03:01,931 --> 00:03:02,811 ‎ทั้งในเรื่อง… 69 00:03:03,850 --> 00:03:07,520 ‎การแลกเปลี่ยนอย่างใกล้ชิด ‎ในห้องนอนกับภรรยาผม 70 00:03:07,604 --> 00:03:10,024 ‎เช่น "ที่รัก คืนนี้คุณสนใจจะ… 71 00:03:10,857 --> 00:03:13,737 ‎ทำธุรกิจกับนายดิ๊กรึเปล่า" 72 00:03:13,818 --> 00:03:18,238 ‎"นี่ เมแกน คุณเห็นดิ๊กผมบ้างมั้ย 73 00:03:19,866 --> 00:03:21,276 ‎คุณควรดูหน่อยนะ 74 00:03:21,826 --> 00:03:23,616 ‎มันกำลังมีพัฒนาการด้วย" 75 00:03:23,703 --> 00:03:27,003 ‎มันไม่ได้ฟังปุ๊บก็รู้ปั๊บว่ากำลังด่า 76 00:03:27,081 --> 00:03:30,341 ‎เหมือนคุณพูดว่า "ฟัค" หรือ "ชิต" ‎หรือ "แอส" หรืออะไรทำนองนั้น 77 00:03:30,418 --> 00:03:34,918 ‎เพราะ "ดิ๊ก" คุณจะต้องหยุดสามวิ แล้วก็ 78 00:03:35,006 --> 00:03:38,216 ‎"โอเค ฉันพูดถึงส่วนหนึ่งของร่างกายอยู่เหรอ 79 00:03:38,301 --> 00:03:42,641 ‎หรือฉันกำลังด่าใครว่างี่เง่า ‎หรือฉันแค่พูดถึงลุงดิ๊กของฉัน 80 00:03:42,722 --> 00:03:45,272 ‎(ประวัติเจ้าดิ๊กน้อย) 81 00:03:45,350 --> 00:03:48,600 ‎"เปดิกาโบ เอกัว โวส เอต อิรูมาโบ" 82 00:03:48,686 --> 00:03:51,186 ‎นี่คือหนึ่งในกวีนิพนธ์คลาสสิกบทโปรดของผม 83 00:03:51,272 --> 00:03:54,152 ‎จากนักเขียนรูปงามที่สุดคนหนึ่ง ‎ยุคโรมโบราณ คาตัลลัส 84 00:03:54,734 --> 00:03:58,784 ‎มันแปลคร่าวๆ ว่า "ฉันจะเล่นประตูหลังเธอ ‎แล้วเอาให้เธออม" 85 00:03:59,322 --> 00:04:03,122 ‎"ดิ๊ก" ถูกใช้ในงานศิลปะ ‎และในวรรณกรรมมานับพันๆ ปี 86 00:04:03,201 --> 00:04:06,701 ‎การใช้ดิ๊กไปในลักษณะของเครื่องเพศ 87 00:04:06,788 --> 00:04:11,208 ‎และคำอื่นที่เกี่ยวกับดิ๊กในลักษณะของเครื่องเพศ ‎เป็นเรื่องต้องห้ามมาตลอด 88 00:04:11,292 --> 00:04:14,882 ‎ตอนที่นักโบราณคดีขุดค้นนครปอมเปอี 89 00:04:14,963 --> 00:04:18,093 ‎พวกเขาพบเมืองที่จมอยู่ใต้ซากกระจู๋ 90 00:04:18,173 --> 00:04:21,893 ‎ภาพฝาผนัง รูปปั้น… 91 00:04:21,970 --> 00:04:23,300 ‎มีกระจู๋อยู่ทั่วทุกที่ค่ะ 92 00:04:23,388 --> 00:04:27,018 ‎ดังนั้นเมื่อนักโบราณคดีตัดเอากระจู๋ออกไป 93 00:04:27,100 --> 00:04:30,230 ‎พวกเขาเอามันไปใส่ไว้ ‎ในสถานที่ที่เรียกกันว่าซีเคร็ต มิวเซียม 94 00:04:30,311 --> 00:04:31,901 ‎หรือตู้แห่งความลับ 95 00:04:32,605 --> 00:04:36,855 ‎นึกภาพออกมั้ยคะ ‎พิพิธภัณฑ์ที่เต็มไปด้วยกระจู๋ 96 00:04:36,943 --> 00:04:39,403 ‎ที่แอบสกัดออกมาจากรูปปั้นน่ะ 97 00:04:39,487 --> 00:04:42,817 ‎ผมคิดว่าพิพิธภัณฑ์อันงดงามแห่งนี้ ‎ก็เหมือนหลายๆ บ้านในอเมริกานั่นแหละ 98 00:04:42,907 --> 00:04:45,197 ‎พวกเขามีกระจู๋อยู่เต็มตู้ 99 00:04:45,285 --> 00:04:48,785 ‎แต่ของผม ผมมีลิ้นชักข้างเตียง ไม่ใช่ตู้ 100 00:04:49,539 --> 00:04:51,539 ‎มีกระจู๋อยู่เต็มถุงซิปล็อก 101 00:04:51,624 --> 00:04:56,344 ‎อาจจะไม่ดีงามเท่าพิพิธภัณฑ์หรอก ‎แต่ก็เป็นของสะสมที่ค่อนข้างจะน่าประทับใจอยู่ 102 00:04:56,421 --> 00:05:00,551 ‎(ชื่อเล่นของผู้ชาย ‎และน้องชายของเขา) 103 00:05:00,633 --> 00:05:04,933 ‎เรารู้ชัดว่า "ดิ๊ก" ‎เริ่มมาจากชื่อเล่นของ "ริชาร์ด" 104 00:05:05,013 --> 00:05:08,433 ‎ส่วน "ริชาร์ด" กลายเป็นชื่อเล่น ‎ของ "จังก์" ได้ยังไงนั้นยังคลุมเครืออยู่ 105 00:05:09,017 --> 00:05:12,557 ‎เดิมที "ดิ๊ก" เป็นชื่อเล่นของ "ริชาร์ด" ค่ะ 106 00:05:12,645 --> 00:05:15,935 ‎เช่นเดียวกับหลายๆ ชื่อในอังกฤษยุคแรกๆ 107 00:05:16,024 --> 00:05:18,614 ‎ที่มักจะพ้องกับชื่อเล่น 108 00:05:18,693 --> 00:05:20,193 ‎ในช่วงปลายยุค 1500 109 00:05:20,278 --> 00:05:23,738 ‎เราจะมีชื่อเล่นภาษาอังกฤษที่เป็นคำพ้อง 110 00:05:23,823 --> 00:05:26,583 ‎"โรเบิร์ต" กลายเป็น "ร็อบ" กับ "บ็อบ" 111 00:05:26,659 --> 00:05:29,449 ‎"มาร์กาเร็ต" กลายเป็น "เม็ก" กับ "เพ็ก" 112 00:05:29,537 --> 00:05:32,577 ‎และ "ริชาร์ด" กลายเป็น "ริก" กับ "ดิ๊ก" 113 00:05:34,167 --> 00:05:36,627 ‎ทุกคนที่ชื่อดิ๊กจะเป็นคนขาว 114 00:05:36,711 --> 00:05:38,961 ‎คุณจะไม่เจอคนดำคนไหนชื่อดิ๊กเลย 115 00:05:39,047 --> 00:05:42,587 ‎นี่เรื่องจริง ไม่มีจริงๆ มีแบบนั้นไม่ได้ 116 00:05:42,675 --> 00:05:45,045 ‎เราเต้นรำกันได้ แต่อย่างอื่นไม่ได้ 117 00:05:45,136 --> 00:05:46,176 ‎แค่นั้นแหละ 118 00:05:47,513 --> 00:05:49,473 ‎มันเป็นชื่อเล่นของ "ริชาร์ด" 119 00:05:49,557 --> 00:05:53,017 ‎จากนั้นก็กลายเป็นคำที่ใช้เรียก "ผู้ชาย" 120 00:05:53,102 --> 00:05:55,022 ‎เช่น "ทอม ดิ๊กและแฮร์รี่" 121 00:05:55,104 --> 00:05:57,574 ‎เช่น "นี่พวก" "นี่เพื่อน" ‎มันเหมือนพูดว่า "เพื่อน" 122 00:05:57,648 --> 00:05:59,528 ‎จากนั้นก็ไปสู่ความหมายที่น่าทึ่ง 123 00:05:59,609 --> 00:06:01,989 ‎ซึ่งหมายถึงแส้ขี่ม้า 124 00:06:02,070 --> 00:06:03,240 ‎หรือแส้ม้า 125 00:06:03,321 --> 00:06:05,281 ‎และเจาะจงไปที่ด้ามจับของแส้ม้า 126 00:06:05,365 --> 00:06:09,235 ‎ในยุควิกตอเรียที่ใส่ชุดรัดตัวมิดชิด ‎และต้องข่มอารมณ์ทางเพศ 127 00:06:09,327 --> 00:06:11,907 ‎ผู้คนต้องร้องหาโน่นนี่เพื่อใช้เรียกองคชาต 128 00:06:11,996 --> 00:06:13,746 ‎ในทางทฤษฎี บ้างก็ว่า 129 00:06:13,831 --> 00:06:17,501 ‎"แส้ม้า โอ้ว แส้ม้าเหมือนองคชาตจัง 130 00:06:17,585 --> 00:06:21,835 ‎เราเรียกแส้ม้าว่า 'ดิ๊ก' ‎งั้นเราก็มาเรียกองคชาตว่า 'ดิ๊ก' กันเถอะ" 131 00:06:21,923 --> 00:06:25,893 ‎แย่มากที่พวกเขาไม่เรียกแส้ม้าว่า "นิคส์" 132 00:06:26,636 --> 00:06:29,806 ‎"ดิ๊ก" เป็นคำที่สื่อถึง 133 00:06:30,390 --> 00:06:36,230 ‎ความแข็งแกร่ง ‎และความซุกซนของอวัยวะเพศชาย 134 00:06:36,312 --> 00:06:38,652 ‎คำโปรดที่ผมใช้เรียกองคชาตคือ "ด็อง" 135 00:06:38,731 --> 00:06:42,691 ‎เพราะมันเป็นคำ ‎ที่เหมือนกับการเลียนเสียงธรรมชาติ 136 00:06:42,777 --> 00:06:45,947 ‎มันสื่อถึงเสียงบางอย่าง 137 00:06:46,030 --> 00:06:47,700 ‎คล้ายๆ กับด็อง ด็อง 138 00:06:47,782 --> 00:06:49,242 ‎- วิลลี่ ‎- พัสดุ 139 00:06:49,325 --> 00:06:50,405 ‎ตาอสรพิษ 140 00:06:50,493 --> 00:06:51,663 ‎กล้วยปอก 141 00:06:51,744 --> 00:06:52,584 ‎จอห์นสัน 142 00:06:52,662 --> 00:06:53,872 ‎- ไม้กายสิทธิ์ ‎- ปฏัก 143 00:06:53,955 --> 00:06:55,075 ‎ขลุ่ยผิว 144 00:06:55,164 --> 00:06:56,334 ‎แทลลีแวคเกอร์ 145 00:06:56,416 --> 00:06:57,496 ‎ดาบเจได 146 00:06:58,042 --> 00:07:00,292 ‎- แท็คเกิล ‎- สมบัติของชาติ 147 00:07:00,378 --> 00:07:01,458 ‎โชด 148 00:07:01,546 --> 00:07:03,166 ‎- ปิ่นโต ‎- พุด 149 00:07:03,256 --> 00:07:04,376 ‎เพ็กกี้ ซู 150 00:07:04,465 --> 00:07:06,675 ‎- ต็อกคลีย์ ‎- ก๊อกน้ำเกรวี่ 151 00:07:08,553 --> 00:07:09,973 ‎น่าจะหมดแล้วล่ะ 152 00:07:11,722 --> 00:07:14,642 ‎ใช้เวลาแค่สิบปีกว่าๆ "ดิ๊ก" เปลี่ยนจาก 153 00:07:14,725 --> 00:07:18,855 ‎ชื่อเด็กข้างบ้านไปเป็นคำสองแง่สองง่าม ‎ที่ทำให้เราหน้าแดง 154 00:07:18,938 --> 00:07:19,858 ‎ได้ยังไง 155 00:07:20,481 --> 00:07:23,731 ‎เราสามารถไล่ไปจาก ‎คำคำหนึ่งซึ่งเป็นชื่อเล่น 156 00:07:23,818 --> 00:07:25,858 ‎ของคนที่ชื่อริชาร์ด 157 00:07:25,945 --> 00:07:30,065 ‎จากนั้นจึงเริ่มหยาบคายขึ้น ‎โดยสื่อถึงอวัยวะของผู้ชาย 158 00:07:30,158 --> 00:07:35,198 ‎และยังเป็นคำสบประมาทสำหรับคนทั่วไปด้วย 159 00:07:35,288 --> 00:07:36,578 ‎ซึ่งจะคล้ายๆ กับ "งี่เง่า" 160 00:07:36,664 --> 00:07:40,254 ‎ถึงตอนนี้ไม่มีใคร ‎เรียกลูกชายตัวเองว่า "ดิ๊ก" อีกแล้ว 161 00:07:40,334 --> 00:07:43,134 ‎เพราะเกรงว่าจะถูกตีความผิดไป 162 00:07:43,212 --> 00:07:46,592 ‎ความหมายใหม่นี้ค่อยๆ เข้ามาแทนที่อย่างช้าๆ 163 00:07:46,674 --> 00:07:49,844 ‎จนถึงยุค 1960 หรือ 1970 164 00:07:49,927 --> 00:07:52,507 ‎ก็ไม่มีใครเรียกตัวเองว่าดิ๊กอีกเลย 165 00:07:52,597 --> 00:07:54,847 ‎มีริชาร์ดกับริคอยู่เยอะมากครับ 166 00:07:54,932 --> 00:07:58,772 ‎แต่ถ้าคุณรู้จักดิ๊ก ‎เขาก็น่าจะอายุสักเจ็ดสิบหรือแปดสิบได้แล้วล่ะ 167 00:07:58,853 --> 00:08:01,613 ‎ฉันไม่คิดว่าดิ๊กจะกลับไปเป็นชื่อเล่นได้อีก 168 00:08:01,689 --> 00:08:05,569 ‎เมื่อกลายเป็นคำสบถ ‎หรือถูกเชื่อมโยงไปในทางลบแล้วล่ะก็ 169 00:08:05,651 --> 00:08:06,991 ‎ยากจะกลับมาได้ค่ะ 170 00:08:09,280 --> 00:08:10,780 ‎ในยุค 60 และ 70 171 00:08:10,865 --> 00:08:13,075 ‎บรรทัดฐานของคำสบถ ‎กำลังท้าดวลกันทุกหัวระแหง 172 00:08:13,159 --> 00:08:16,949 ‎และในอเมริกาก็เป็นยุคของทริกกี้ ดิ๊ก นิกสัน 173 00:08:17,038 --> 00:08:18,078 ‎ทริกกี้ ดิ๊ก 174 00:08:18,164 --> 00:08:21,544 ‎นั่นคือช่วงเวลาที่มันเริ่มลุกลาม ‎เข้าไปในวัฒนธรรม 175 00:08:21,626 --> 00:08:23,746 ‎"ดิ๊ก" เป็นที่รู้จักในความหมายนั้น 176 00:08:23,836 --> 00:08:25,836 ‎เพราะมันเป็นชื่อเล่นของเขา ‎และเป็นข้อชี้ชัด 177 00:08:25,922 --> 00:08:29,432 ‎ผมหมายถึงมันคือแก่นแท้ของริชาร์ด นิกสัน 178 00:08:29,509 --> 00:08:30,429 ‎เขาคือดิ๊ก 179 00:08:30,510 --> 00:08:36,310 ‎ริชาร์ด นิกสัน เขาคือราชันดิ๊ก ‎ในหลายๆ แง่มุมของคำคำนั้น 180 00:08:36,390 --> 00:08:41,440 ‎"ดิ๊ก" ใช้อธิบายถึงบุคคลอันไม่พึงปรารถนา 181 00:08:41,520 --> 00:08:43,190 ‎เป็นปรปักษ์ต่อสังคม 182 00:08:43,272 --> 00:08:46,232 ‎มันเหมือนฉันจะกวนประสาทใครก็ได้ ‎ด้วยองคชาตของฉัน 183 00:08:48,236 --> 00:08:49,986 ‎มีตั้งล้านแปดวิธี มัน... 184 00:08:51,030 --> 00:08:54,620 ‎เป็นทักษะพิเศษอย่างหนึ่ง ‎ในเรซูเม่ของฉัน ถัดจากตีเทนนิส 185 00:08:54,700 --> 00:08:57,450 ‎ผมคิดว่าเราเรียกคนที่เราไม่ชอบ ‎ว่า "ดิ๊ก" ก็เพราะว่า 186 00:08:57,537 --> 00:09:01,167 ‎กระจู๋เป็นอะไรที่ไม่เข้าตาที่สุด 187 00:09:01,249 --> 00:09:04,919 ‎เหมือนหนอนทรายน้อย ‎กระดึ๊บออกมาจากกางเกง 188 00:09:05,002 --> 00:09:07,882 ‎พอเราไม่ชอบขี้หน้าใคร ‎สิ่งอัปลักษณ์ที่สุดที่เราคิดออกก็คือ 189 00:09:07,964 --> 00:09:08,884 ‎กระจู๋ 190 00:09:10,383 --> 00:09:12,803 ‎นิกสันเป็นที่รังเกียจของประชากรมากมาย 191 00:09:12,885 --> 00:09:15,135 ‎ที่ให้อยากให้การสบถเป็นที่ยอมรับมากขึ้น 192 00:09:15,221 --> 00:09:20,181 ‎ไม่ต่างอะไรกับ "ดิ๊ก" นิกสันมักจะไปโผล่ ‎ในที่ที่เขาไม่จำเป็นต้องไป 193 00:09:20,268 --> 00:09:21,978 ‎เช่นเวียดนาม 194 00:09:22,061 --> 00:09:25,111 ‎ในขณะที่เราก้าวเข้าสู่บรรยากาศทางการเมือง ‎ที่พัฒนาขึ้นของเจนเอ็กซ์ 195 00:09:25,189 --> 00:09:27,149 ‎ในช่วงปลายยุค 80 และ 90 196 00:09:27,233 --> 00:09:30,953 ‎คำนี้มีพลังมากขึ้น และได้กลายเป็นเครื่องมือ ‎ที่ใช้สร้างการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 197 00:09:31,028 --> 00:09:34,318 ‎ในปี 1990 นิวแฮมเชียร์ สหรัฐอเมริกา 198 00:09:34,407 --> 00:09:38,367 ‎ชายชื่อดิ๊ก สเวตต์ตัดสินใจ ‎ลงชิงตำแหน่งสมาชิกสภาคองเกรส 199 00:09:38,869 --> 00:09:41,579 ‎คู่แข่งของเขาเมลดริม ทอมสัน จูเนียร์ 200 00:09:42,081 --> 00:09:45,131 ‎เมลดริมร้องเรียนต่อคณะกรรมการ ‎กฎหมายบัตรเลือกตั้งว่านายสเวตต์ 201 00:09:45,209 --> 00:09:49,259 ‎ควรใช้ชื่อตามที่ปรากฏในสมุดโทรศัพท์ ‎ริชาร์ด แลนโทส-สเวตต์ 202 00:09:49,338 --> 00:09:50,838 ‎ด้วยข้อสันนิษฐานที่ว่า 203 00:09:50,923 --> 00:09:54,513 ‎จะมีพวกโง่ที่เห็นว่าการกาชื่อ ‎ให้นายดิ๊ก สเวตต์เป็นแค่เรื่องสนุกอย่างหนีไม่พ้น 204 00:09:55,094 --> 00:09:56,894 ‎การอ้างสิทธิ์นั้นถูกปฏิเสธ 205 00:09:56,971 --> 00:09:59,811 ‎แต่คำพูดของเมลดริมอาจจะมีประเด็น ‎เพราะในวันเลือกตั้ง 206 00:09:59,890 --> 00:10:01,390 ‎ดิ๊ก สเวตต์ชนะ 207 00:10:01,475 --> 00:10:02,725 ‎(ดิ๊ก สเวตต์ เป็นสมาชิกคองเกรส) 208 00:10:02,810 --> 00:10:04,730 ‎ผมคิดว่ามันคือการหวนคืนอย่างภาคภูมิ 209 00:10:04,812 --> 00:10:08,942 ‎สำหรับคนที่เหมือนถูกทรมานมาตลอดชีวิต ‎เพราะชื่อของพวกเขา 210 00:10:09,025 --> 00:10:12,985 ‎และในที่สุดก็หวนคืน แล้วชนะการเลือกตั้ง 211 00:10:13,070 --> 00:10:16,530 ‎เอาตรงๆ นะ ‎ไม่มีใครรู้เรื่องนโยบายหาเสียงหรอก 212 00:10:16,616 --> 00:10:22,156 ‎ไม่มีใครสนใจว่าดิ๊ก สเวตต์อยู่พรรคไหน 213 00:10:22,246 --> 00:10:26,666 ‎พวกเขาเห็นคำว่า "ดิ๊ก สเวตต์" ‎แล้วก็ "เจ๋งว่ะ" 214 00:10:28,252 --> 00:10:32,722 ‎การเล่นกับความกำกวมนั้นยากขึ้น ‎เมื่อระดับความหยาบคายของคำสูงขึ้น 215 00:10:32,798 --> 00:10:37,088 ‎จนกระทั่ง "ดิ๊ก" ไปสู่จุดสูงสุด ‎ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 20 216 00:10:37,637 --> 00:10:41,267 ‎"ดิ๊ก" เป็นทัพหน้าในสงครามการเซ็นเซอร์คำ 217 00:10:42,600 --> 00:10:46,440 ‎"ดิ๊ก" มีเอกลักษณ์ ‎เพราะมีต้นกำเนิดมาจากชื่อ 218 00:10:46,520 --> 00:10:48,400 ‎มันแตกต่างจากคำหยาบคำอื่น 219 00:10:48,481 --> 00:10:52,031 ‎มันพิเศษในบริบทที่ไม่เหมือนกับ "ฟัค" 220 00:10:52,109 --> 00:10:55,029 ‎ไม่มีใครชื่อ "ฟัค" ให้คุณได้อ้างถึงได้ 221 00:10:55,112 --> 00:10:59,452 ‎มีร้านขายอุปกรณ์กีฬาชื่อดิ๊กส์ สปอร์ติง กู๊ดส์ 222 00:10:59,533 --> 00:11:02,243 ‎คิดได้ไงคะ ตั้งชื่อร้านกีฬาแบบนั้น 223 00:11:02,328 --> 00:11:08,208 ‎ฉันคงกระอักกระอ่วนน่าดู ‎ถ้าเป็นเด็กที่เข้าไปซื้อลูกวอลเลย์ใหม่ 224 00:11:08,292 --> 00:11:11,132 ‎ในอังกฤษมีของหวานอยู่อย่างหนึ่ง ‎ชื่อ "สปอตต์ ดิ๊ก" 225 00:11:11,212 --> 00:11:13,512 ‎ดูไม่เหมือนสปอตต์ดิ๊กของผมเลย 226 00:11:14,674 --> 00:11:17,684 ‎เอาเป็นว่าฉันจะเรียก ‎มันว่า "สปอตต์ริชาร์ด" ละกัน 227 00:11:17,760 --> 00:11:18,970 ‎เริ่ดซะไม่มี 228 00:11:19,553 --> 00:11:22,853 ‎งานอดิเรกสุดโปรดที่ขาดไม่ได้ ‎มุกใต้สะดือครับ 229 00:11:22,932 --> 00:11:25,812 ‎เพราะคำว่า "ดิ๊ก" ทำให้คนหัวเราะคิกคัก 230 00:11:25,893 --> 00:11:29,113 ‎และคนมักชอบพูดอะไรสองแง่สองง่าม ‎ก็นี่แหละสองแง่สองง่าม 231 00:11:29,188 --> 00:11:31,018 ‎มันไม่มีอะไรซ่อนเร้น 232 00:11:31,107 --> 00:11:35,897 ‎มันจะไม่ประมาณว่า "เอิ่ม ฉันยังงงอยู่ว่า 'ดิ๊ก' ‎หมายถึงอะไรกันแน่" 233 00:11:35,986 --> 00:11:38,606 ‎คุณจะเข้าใจได้ว่าเขาคุยเรื่องอะไร ‎ก็เรื่องของดิ๊กไง 234 00:11:38,698 --> 00:11:39,948 ‎เหมือนที่คุณเข้าใจว่า 235 00:11:40,032 --> 00:11:43,202 ‎เค้กจะไม่หมดถ้าอยู่เฉยๆ และไม่กินมัน 236 00:11:43,285 --> 00:11:45,615 ‎ผมคิดว่าการ์ตูนทุกเรื่องจะมีมุกใต้สะดือ 237 00:11:46,205 --> 00:11:47,995 ‎ฉันไม่ชอบกินกล้วยในที่สาธารณะค่ะ 238 00:11:48,082 --> 00:11:50,542 ‎มันจะเครียดมาก ‎ถ้าคุณเป็นผู้หญิง แล้ว... 239 00:11:51,335 --> 00:11:54,835 ‎มันน่าหงุดหงิด เพราะมัน ‎คือของกินเล่นชั้นดี พกก็สะดวก 240 00:11:54,922 --> 00:11:59,472 ‎แต่ถ้าคุณเป็นผู้หญิง แล้วอยากกินกล้วย ‎บนรถเมล์หรือที่ไหนสักที่ 241 00:11:59,552 --> 00:12:03,642 ‎ทันใดนั้นคุณจะตกอยู่ในสถานะ ‎"แล้วฉันจะเขมือบมันยังไงล่ะขุ่นพี่" 242 00:12:04,724 --> 00:12:08,894 ‎แปดปีแรกในอาชีพของผม ‎ผมยืนพื้นด้วยมุกใต้สะดือมาตลอด 243 00:12:08,978 --> 00:12:09,808 ‎มันไม่สำคัญว่า 244 00:12:09,895 --> 00:12:14,105 ‎คุณจะอายุเท่าไหร่ คุณจะโยงไปหา ‎มุกใต้สะดือเก่าๆ เจ๋งๆ ได้เสมอ 245 00:12:14,191 --> 00:12:16,281 ‎และผมบอกได้เลยว่ามุกใต้สะดือ 246 00:12:16,360 --> 00:12:18,360 ‎ก็เหมือนกับเพลงร็อกแอนด์โรลนั่นแหละ 247 00:12:18,446 --> 00:12:23,026 ‎มันจะหายไปสักพัก จนคนบอกว่ามันดับไปแล้ว ‎แล้วมันก็กลับมาอีกเสมอ 248 00:12:23,117 --> 00:12:26,287 ‎ในการแสดงเดี่ยว ‎คุณจะเล่นมุกใต้สะดือได้แป๊บนึง 249 00:12:26,370 --> 00:12:29,580 ‎แต่มันยากมาก ถ้าจะทำให้ได้ถึง 15 นาที 250 00:12:29,665 --> 00:12:30,665 ‎ซึ่งก็เหมือนกับ… 251 00:12:31,584 --> 00:12:32,424 ‎กระจู๋ 252 00:12:32,501 --> 00:12:34,001 ‎ผมไม่เคยลืม 253 00:12:34,587 --> 00:12:37,627 ‎ครั้งหนึ่งที่เคยเห็นกระจู๋ของพ่อผม 254 00:12:37,715 --> 00:12:40,335 ‎(แอนโทนี เจเซลนิค ‎ไฟร์ อิน เดอะ เมเทอร์นิตี้ วอร์ด) 255 00:12:40,426 --> 00:12:41,466 ‎ผมบอกว่า "พ่อ... 256 00:12:43,137 --> 00:12:44,927 ‎"ไม่ต้องด่ากันแรงขนาดนั้นก็ได้" 257 00:12:46,974 --> 00:12:51,444 ‎แพตตัน ออสวาลต์มีมุกเด็ดมาก ‎เกี่ยวกับความจริงของคำว่า "ดิ๊ก" 258 00:12:51,520 --> 00:12:54,270 ‎ซึ่งถูกเซ็นเซอร์ในทีวี ‎ถ้าคุณกำลังพูดถึงองคชาต 259 00:12:54,356 --> 00:12:56,566 ‎แต่ถ้าคุณกำลังพูดถึงผู้ชายที่หยาบคาย 260 00:12:56,650 --> 00:12:59,860 ‎คุณสามารถพูดว่า "เขามันดิ๊ก" ‎โดยไม่โดนเซ็นเซอร์ 261 00:12:59,945 --> 00:13:03,815 ‎แต่ถ้าคุณจะบอกว่า ‎องคชาตของคุณมันงี่เง่า 262 00:13:03,908 --> 00:13:06,948 ‎แล้วคุณพูดว่า "ดิ๊กของฉันมันดิ๊ก" 263 00:13:07,036 --> 00:13:10,956 ‎ตอนออกทีวีมันจะกลายเป็นว่า ‎"ปี๊บของฉันมันดิ๊ก" 264 00:13:11,040 --> 00:13:14,880 ‎เรื่องของภาษาเป็นแบบนั้นค่ะ ‎มีคำที่เราไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ 265 00:13:14,960 --> 00:13:18,130 ‎เราอยากพูดมากกว่านี้ ‎เราอยากพูดมันตลอดเวลา 266 00:13:18,214 --> 00:13:20,974 ‎แล้วถ้าบอกว่าห้ามใช้เมื่อไหร่ล่ะก็ ‎เตรียมใจได้เลยค่ะ 267 00:13:21,050 --> 00:13:22,800 ‎มันจะกลายเป็นคำดังประจำสัปดาห์ 268 00:13:22,885 --> 00:13:26,175 ‎แต่ตัวอย่างที่ดีที่สุดของ "ดิ๊ก" ‎ในการรับรู้ของคนส่วนใหญ่ 269 00:13:26,263 --> 00:13:29,813 ‎เกิดขึ้นในปี 2006 ‎ด้วยดิจิทัล ชอร์ตของเอสเอ็นแอล 270 00:13:29,892 --> 00:13:33,192 ‎แด่เพื่อนๆ ทั้งหลาย ที่อยากให้สาวถูกใจ 271 00:13:33,270 --> 00:13:36,190 ‎มันก็ไม่ยากอะไร ก็ทำตามขั้นตอนไป 272 00:13:36,273 --> 00:13:39,073 ‎หนึ่ง เจาะกล่องให้เป็นรู 273 00:13:39,151 --> 00:13:42,361 ‎สอง ใส่เจ้าหนูคุณลงไป 274 00:13:42,446 --> 00:13:44,776 ‎สาม บอกให้เธอเปิดไวๆ 275 00:13:44,865 --> 00:13:47,575 ‎ที่นี้ก็รู้ใช่ไหมว่า 276 00:13:47,660 --> 00:13:48,830 ‎มาย ดิ๊ก อิน อะ บ็อกซ์ 277 00:13:48,911 --> 00:13:51,961 ‎เอสเอ็นแอลเป็นปรากฏการณ์ ‎ในลักษณะการโยนหินถามทางเสมอ 278 00:13:52,039 --> 00:13:54,289 ‎แล้วทำไมถึงไม่ "ดิ๊ก อิน อะ บ็อกซ์" ล่ะ 279 00:13:54,375 --> 00:13:57,245 ‎"ดิ๊ก อิน อะ บ็อกซ์" เป็นช่วงหนึ่ง ‎ของวัฒนธรรมที่น่าหลงใหล 280 00:13:57,336 --> 00:13:59,796 ‎เพราะมันพูดถึง 281 00:13:59,880 --> 00:14:04,180 ‎ความคิดที่ว่ากระจู๋คือของขวัญสำหรับผู้หญิง 282 00:14:04,260 --> 00:14:06,930 ‎มันดูปัญญาอ่อน ‎แต่ผู้ชายก็คิดแบบนั้นตลอดเวลาจริงๆ 283 00:14:07,012 --> 00:14:12,142 ‎กล่องของขวัญถูกมัดไว้กับพวกเขา ‎แล้วพวกเขาก็ "ดิ๊ก อิน อะ บ็อกซ์" 284 00:14:12,226 --> 00:14:14,976 ‎มันน่าขำมาก เพราะ "ดิ๊ก อิน อะ บ็อกซ์"... 285 00:14:15,062 --> 00:14:19,482 ‎พวกเขาพูดมันทางโทรทัศน์ไม่ได้ ‎พวกเขาชนะรางวัลเอ็มมี่ 286 00:14:19,567 --> 00:14:23,397 ‎แต่พูดชื่อละครที่ชนะรางวัลเอ็มมี่ไม่ได้ด้วยซ้ำ 287 00:14:23,487 --> 00:14:25,067 ‎และนั่นคือการรุกล้ำทางสังคม 288 00:14:27,825 --> 00:14:31,115 ‎แค่พูดคำว่า "ดิ๊ก" ‎ยังไม่ถือเป็นการทำอนาจาร 289 00:14:31,203 --> 00:14:33,373 ‎แต่การให้ดูกระจู๋นั้นคนละเรื่องครับ… 290 00:14:34,248 --> 00:14:36,538 ‎เวลาเห็นกระจู๋บนหน้าจอ อย่าง… 291 00:14:37,251 --> 00:14:39,631 ‎ภาพเปลือยด้านหน้าเต็มตัวของผู้ชาย 292 00:14:39,712 --> 00:14:43,132 ‎มันจะเหมือนกับ "โอ้ แม่เจ้า" 293 00:14:43,215 --> 00:14:44,715 ‎ขอเซ็นนมพวกนี้หน่อยเหอะ 294 00:14:44,800 --> 00:14:47,430 ‎เชิญนั่งดูวิธีไปก็ละกันนะเพื่อน 295 00:14:47,511 --> 00:14:50,061 ‎เดี๋ยวฉันจะ... เช็ดเข้ ไอ้จู๋นี่หว่า 296 00:14:50,139 --> 00:14:52,889 ‎ฉันชอบนะ ดูทีไร มัน... 297 00:14:52,975 --> 00:14:54,845 ‎มันทำฉันใจไม่ดีทุกทีเลย 298 00:14:54,935 --> 00:14:57,515 ‎มันตื่นตาตื่นใจกว่าดูของผู้หญิงเยอะเลย 299 00:14:57,605 --> 00:15:00,105 ‎มันน่าตื่นเต้นซะจนต้องย้อนกลับไปดู ‎แบบสโลโมชั่น 300 00:15:00,190 --> 00:15:03,650 ‎ย้อนแล้วย้อนอีก ต้องศึกษาให้ละเอียด 301 00:15:03,736 --> 00:15:05,696 ‎สิ่งที่ฮอลลีวูดสื่อให้เห็นคือ 302 00:15:05,779 --> 00:15:08,699 ‎การมีส่วนร่วมในทั้งสองมาตรฐาน ‎ในวัฒนธรรมของเรา 303 00:15:08,782 --> 00:15:14,082 ‎โดยที่กระจู๋ถูกมองว่าโอเค ‎และยอมรับได้มากกว่า 304 00:15:14,163 --> 00:15:18,883 ‎เมื่อไม่มีช่องคลอดเข้ามาเกี่ยว ‎แต่ภาพเปลือยของผู้หญิงนั้นดูโจ๋งครึ่มไป 305 00:15:18,959 --> 00:15:19,959 ‎เมื่อเอามาเทียบกัน 306 00:15:20,044 --> 00:15:22,214 ‎ฉันจะเป็นประเภทดูฉากเซ็กซีนแบบนี้กันเลย 307 00:15:22,296 --> 00:15:24,506 ‎พยายามส่องว่ามีอะไรนูนๆ บ้างรึเปล่า 308 00:15:24,590 --> 00:15:27,640 ‎และถ้ามี ฉันก็จะแฮปปี้ ‎แต่ถ้าไม่ แสดงว่าไม่สมจริงสมจัง 309 00:15:27,718 --> 00:15:31,008 ‎ขี้หกทั้งเพ คุณทำทุกอย่างพังหมด ‎คุณทำโทรทัศน์ฉันพัง 310 00:15:34,141 --> 00:15:35,521 ‎ยังจำตอนมัธยมต้นได้มั้ยครับ 311 00:15:35,601 --> 00:15:39,441 ‎ตอนที่เด็กวัยรุ่นชายต่างพากันหมกมุ่น ‎กับการวาดภาพลึงค์ 312 00:15:39,521 --> 00:15:40,731 ‎ทำไมเราถึงทำแบบนั้น 313 00:15:41,315 --> 00:15:43,935 ‎เมื่อเราเห็นรถที่มีหิมะคลุมบางๆ 314 00:15:44,026 --> 00:15:48,276 ‎ทำไมสัญชาตญาณแรกของเรา ‎คือการสเก็ตภาพองคชาตบนพรมขาวบริสุทธิ์ 315 00:15:50,449 --> 00:15:51,989 ‎ทำไมผมถึงวาดรูปนี้ 316 00:15:52,076 --> 00:15:56,536 ‎ผมจะบอกให้ว่าในบรรดาคำสบถทั้งหมด ‎ "ดิ๊ก" วาดง่ายที่สุด 317 00:15:57,122 --> 00:15:59,292 ‎มันเป็นคำเดียวที่มีโลโก้ของตัวเอง 318 00:15:59,375 --> 00:16:02,285 ‎คำอื่นคุณจะไม่สามารถเอามาวาด ‎บนกระเป๋านักเรียนของคุณ 319 00:16:02,378 --> 00:16:05,088 ‎หรือของคนอื่น แล้วก็ใส่ฉี่เล็ดออกมา 320 00:16:05,172 --> 00:16:06,422 ‎หรืออะไรเล็ดก็ช่างได้เลย 321 00:16:06,507 --> 00:16:09,757 ‎(เดอะ บิ๊ก เลโบสกี) 322 00:16:17,476 --> 00:16:21,106 ‎ไม่ต้องสงสัยเลยว่าด้วยคำ ‎และภาพลักษณ์ของคำนั้นทำให้เราหัวเราะได้ 323 00:16:21,647 --> 00:16:23,067 ‎แต่อย่าหลงกลไปนะครับ 324 00:16:23,148 --> 00:16:27,528 ‎ดูเหมือนคำสบถโง่ๆ คำนี้ ‎จะมีอำนาจมืดแฝงอยู่ด้วย 325 00:16:27,611 --> 00:16:30,451 ‎ฉันไม่อยากทำให้ใครอับอายเรื่องขนาด 326 00:16:30,531 --> 00:16:32,371 ‎แต่กระจู๋ทำให้ทุกคนมีปัญหา 327 00:16:32,449 --> 00:16:33,279 ‎(ดิ๊กพิคส์) 328 00:16:33,367 --> 00:16:34,787 ‎ดิ๊กพิคส์คืออะไรเหรอ 329 00:16:34,868 --> 00:16:35,868 ‎ดิ๊กพิคส์ 330 00:16:37,121 --> 00:16:38,121 ‎ฉันเกลียดมัน 331 00:16:38,914 --> 00:16:41,464 ‎"ดิ๊กพิคส์" ฟังคล้ายคำสบถ 332 00:16:41,542 --> 00:16:43,542 ‎จริงอยู่มันมีคำว่าดิ๊กอยู่ด้วย 333 00:16:43,627 --> 00:16:46,377 ‎แต่มันสร้างจากคำสองคำที่มีเสียงคล้ายกันมาก 334 00:16:46,463 --> 00:16:48,263 ‎พยัญชนะทุกตัวของพวกมัน 335 00:16:48,340 --> 00:16:50,510 ‎คล้องจองกัน มันทำให้ดูเหมือน 336 00:16:50,592 --> 00:16:53,472 ‎มันเป็นสิ่งที่น่าจดจำและเอาเยี่ยงอย่าง 337 00:16:53,554 --> 00:16:56,814 ‎ผมไม่ได้ส่งดิ๊กพิคส์มา... 338 00:16:56,890 --> 00:17:00,140 ‎น่าจะ 15 ปีได้แล้วมั้งนับจากรูปสุดท้าย 339 00:17:00,227 --> 00:17:03,397 ‎ผมเคยถ่ายดิ๊กพิคส์ด้วยความคึกคะนอง 340 00:17:03,480 --> 00:17:06,980 ‎แล้วภาพส่วนใหญ่ก็หลุดออกไป ‎ไม่มีคำวิจารณ์เสียๆ หายๆ ผมเลยปล่อยมันไป 341 00:17:07,067 --> 00:17:12,357 ‎เราต้องยินยอมพร้อมใจ ‎ถ้าอยากจะมีวัฒนธรรมทางเพศที่เป็นธรรม 342 00:17:12,448 --> 00:17:16,448 ‎และกฎสำหรับดิ๊กพิคส์ก็คือ ‎อย่าส่งมันโดยไม่ได้ถาม 343 00:17:16,535 --> 00:17:19,785 ‎ฉันเคยหาคนทำความสะอาดในเว็บเครกส์ลิสต์ 344 00:17:19,872 --> 00:17:24,252 ‎แล้วฉันก็ไล่ดูไปตามหน้าโฆษณา ‎กับพวกที่ว่า "ฉันล้างทุกอย่างที่ขวางหน้า" 345 00:17:24,334 --> 00:17:28,714 ‎และฉันก็ไปเปิดเอาโฆษณาหนึ่ง ‎แล้วก็เจอรูปดิ๊กแท่งเบ้อเริ่ม 346 00:17:28,797 --> 00:17:31,257 ‎มันตลกสุดๆ เลย 347 00:17:31,759 --> 00:17:33,179 ‎มันผ่างขึ้นมา 348 00:17:33,260 --> 00:17:35,260 ‎แต่ถ้าคิดถึงผู้หญิงส่วนใหญ่ 349 00:17:35,345 --> 00:17:38,425 ‎ไม่รู้สิ ฉันแต่งงานแล้ว แต่ถ้าเป็นผู้หญิงส่วนใหญ่ 350 00:17:38,515 --> 00:17:39,885 ‎คงไม่ชอบใจแน่ๆ 351 00:17:39,975 --> 00:17:42,845 ‎มุกเก่ามุกหนึ่งถามว่า ‎"ทำไมผู้ชายถึงตั้งชื่อกระจู๋ของตัวเอง 352 00:17:43,353 --> 00:17:45,943 ‎ก็เพราะไม่อยากให้คนแปลกหน้าต้องคิดนานไง" 353 00:17:46,523 --> 00:17:48,443 ‎คุณเรียกองคชาติของคุณว่าอะไร 354 00:17:48,984 --> 00:17:51,204 ‎ชื่อเล่นขององคชาตคือ... 355 00:17:52,196 --> 00:17:53,276 ‎ง่อย 356 00:17:53,363 --> 00:17:54,873 ‎แต่ฉันว่าดีนะ 357 00:17:54,948 --> 00:17:56,948 ‎มันน่ารัก มันสนุกสนาน 358 00:17:57,034 --> 00:18:00,874 ‎ก็ฉันไม่เคยเดตกับใครที่ตั้งชื่อเล่นให้กระจู๋นี่นา 359 00:18:00,954 --> 00:18:02,464 ‎เดี๋ยว เดี๋ยวนะ 360 00:18:02,539 --> 00:18:04,169 ‎ฉันคิดยังไงกับชื่อเล่น... 361 00:18:04,249 --> 00:18:06,919 ‎คนอื่นเขาไม่ตั้งชื่อเล่นให้กระจู๋กันเหรอ 362 00:18:07,002 --> 00:18:10,262 ‎ผมเรียกกระจู๋ของผมว่า "เอลวิสน้อย" 363 00:18:10,339 --> 00:18:12,969 ‎เพราะผมจะไว้ขนด้านข้าง 364 00:18:13,050 --> 00:18:14,550 ‎เหมือนจอนเอลวิส 365 00:18:14,635 --> 00:18:18,095 ‎ฉันจะตั้งชื่อเล่นให้กระจู๋ของผู้ชายที่ฉันมีเซ็กซ์ด้วย 366 00:18:18,180 --> 00:18:19,770 ‎ฉันจะเรียกว่า "บรูซ" 367 00:18:19,848 --> 00:18:21,138 ‎ฉันจะเรียก "เพเนโลปี" 368 00:18:21,225 --> 00:18:24,725 ‎ฉันมองว่ากระจู๋ก็เหมือนเพเนโลปีนั่นแหละ ‎สะโอดสะองและสีชมพู 369 00:18:24,812 --> 00:18:27,772 ‎ผมไม่เคยตั้งชื่อเล่นให้กระจู๋ของผม 370 00:18:28,649 --> 00:18:33,029 ‎มันไม่เคยทำอะไร ‎ที่ควรได้รับสิทธิ์ให้มีชื่อเล่นฮาๆ 371 00:18:33,112 --> 00:18:34,662 ‎มันดีแต่สร้างปัญหา 372 00:18:34,738 --> 00:18:37,158 ‎ฉะนั้น ไม่ แกจะไม่มีชื่อเล่น 373 00:18:40,077 --> 00:18:41,747 ‎ทำดีมากเพื่อน 374 00:18:41,829 --> 00:18:44,039 ‎ฉันเพิ่งพูดถึงนายเมื่อตะกี๊ 375 00:18:44,123 --> 00:18:47,883 ‎ฉันภูมิใจกับทุกความสำเร็จที่เราทำด้วยกัน 376 00:18:48,836 --> 00:18:50,746 ‎เราฝ่านรกด้วยกันมาแล้ว 377 00:18:50,838 --> 00:18:54,628 ‎บางครั้งฉันเคยคิดว่าจะเสียนายไปแล้วด้วย 378 00:18:54,716 --> 00:18:58,426 ‎แต่นายก็มา ยังมาเสมอ 379 00:18:59,346 --> 00:19:00,306 ‎ขอร้องเลย 380 00:19:01,265 --> 00:19:03,265 ‎ผมเฟซไทม์กับนักบัญชีอยู่ต่างหาก 381 00:19:03,934 --> 00:19:04,944 ‎คุณคิดว่า... 382 00:19:06,436 --> 00:19:09,726 ‎ทะลึ่งนะ เราน่ะ 383 00:19:10,899 --> 00:19:13,649 ‎คำว่า "ดิ๊ก" นี่น่าอิ่มอกอิ่มใจจริงๆ 384 00:19:13,735 --> 00:19:16,815 ‎น่าอิ่มอกอิ่มใจที่ได้พูด ‎น่าอิ่มอกอิ่มใจที่ได้รับ 385 00:19:16,905 --> 00:19:19,775 ‎ดิ๊กๆ ดิ๊กๆ นิกๆๆๆ 386 00:19:19,867 --> 00:19:21,327 ‎ฉันว่ามันพูดลื่นดี 387 00:19:21,410 --> 00:19:23,500 ‎องคชาตเป็นสิ่งที่ค่อนข้างพิเศษ 388 00:19:24,496 --> 00:19:27,416 ‎ไม่ได้จะบอกว่ามันพิเศษไปกว่าทุกสิ่งอย่าง ‎แต่มันก็ใช่ 389 00:19:27,499 --> 00:19:31,589 ‎มันถูกใช้ในกิจสำคัญ 390 00:19:31,670 --> 00:19:36,550 ‎เพื่อรักษาความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ให้คงอยู่ต่อไป 391 00:19:36,633 --> 00:19:40,353 ‎ถึงจะดูหมกมุ่นไปหน่อย ‎แต่คุณคงจะยกโทษให้พวกมันได้ 392 00:19:40,429 --> 00:19:42,349 ‎สิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับทั้งหมดนี้ก็คือ 393 00:19:42,431 --> 00:19:45,521 ‎เราจะพูดอะไรเกี่ยวกับดิ๊กก็ได้ทั้งนั้น 394 00:19:45,601 --> 00:19:49,061 ‎แต่พวกเรา... ‎พวกมันยืนหยัดผ่านกาลเวลา 395 00:19:49,146 --> 00:19:53,686 ‎เรามีรูปปั้นองคชาตและสิ่งต่างๆ ที่ดูเหมือนลึงค์ 396 00:19:53,775 --> 00:19:56,605 ‎เราทุกคนชอบกระจู๋ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง 397 00:19:56,695 --> 00:19:59,735 ‎เราอาจไม่ชอบขี้หน้าคนที่พวกมันห้อยอยู่ด้วย 398 00:19:59,823 --> 00:20:01,703 ‎จริงๆ ก็ไม่ชอบกันทั้งนั้น 399 00:20:02,618 --> 00:20:05,368 ‎แต่ตัวองคชาตจริงๆ คือผู้ชนะ 400 00:20:07,039 --> 00:20:11,879 ‎นามฉันคือดิ๊ก และฉันสุดยอด 401 00:20:11,960 --> 00:20:14,460 ‎ทุกคนรักฉัน 402 00:20:14,546 --> 00:20:18,426 ‎เพราะฉันมันสุดยอด นามฉันคือดิ๊ก 403 00:20:19,051 --> 00:20:21,431 ‎ฉันคือที่สุดของที่สุด 404 00:20:21,929 --> 00:20:24,429 ‎เขานี่ล่ะ สุดยอดที่สุด 405 00:20:24,514 --> 00:20:26,774 ‎อะฮ่า นามฉันคือดิ๊ก 406 00:20:26,850 --> 00:20:28,980 ‎และฉันสุดยอด 407 00:20:29,061 --> 00:20:31,441 ‎ใช่เลย นามฉันคือดิ๊ก 408 00:20:31,521 --> 00:20:32,981 ‎และฉันสุดยอด 409 00:20:33,065 --> 00:20:34,975 ‎บอกหน่อย ลูกคู่บอกหน่อย 410 00:20:35,067 --> 00:20:37,607 ‎ใช่ ใช่ ใช่ 411 00:20:38,904 --> 00:20:40,994 ‎เขานี่เลยสุดยอดที่สุด 412 00:20:41,073 --> 00:20:42,953 ‎(คำบรรยายโดย ปาริชาติ ชัยพิกุล)