1 00:00:06,506 --> 00:00:10,006 ‎(ผลงานซีรีส์คอมเมดี้จาก NETFLIX) 2 00:00:10,093 --> 00:00:10,933 ‎น้ำตาล 3 00:00:11,886 --> 00:00:12,716 ‎น้ำผึ้ง 4 00:00:13,596 --> 00:00:15,306 ‎ชาเย็น 5 00:00:16,850 --> 00:00:18,230 ‎ฟังดูดีนะครับ 6 00:00:18,309 --> 00:00:20,979 ‎อาจจะหวานไปหน่อย อาจต้องบีบมะนาวเพิ่ม 7 00:00:21,062 --> 00:00:24,402 ‎แต่เหมือนมันจะดังก้องอยู่ข้างใน รู้สึกดี 8 00:00:24,482 --> 00:00:27,242 ‎ฟังเหมือนอะไรที่คุณจะจิบด้วยความดื่มด่ำ 9 00:00:27,318 --> 00:00:30,658 ‎ตวัดไปตวัดมาแล้วกลืนลงไปด้วยรอยยิ้ม 10 00:00:31,531 --> 00:00:33,741 ‎แต่ถ้าผมบอกคุณว่าวลีนี้ 11 00:00:34,826 --> 00:00:35,696 ‎"น้ำตาล... 12 00:00:37,537 --> 00:00:38,537 ‎น้ำผึ้ง... 13 00:00:40,415 --> 00:00:45,295 ‎ชาเย็น" เป็นรหัสลับที่ใช้ปลดล็อกคำสบถคำหนึ่ง 14 00:00:45,378 --> 00:00:47,298 ‎ต้องห้ามร้ายแรง เห็นภาพชัดเจน 15 00:00:47,881 --> 00:00:49,841 ‎ซึ่งพวกเราส่วนใหญ่ไม่สามารถทนฟังมันได้ 16 00:00:49,924 --> 00:00:53,724 ‎โดยไม่คิดถึงความน่าขยะแขยง 17 00:00:54,554 --> 00:00:58,814 ‎ของกระบวนการทำงานบางอย่างของร่างกาย ‎ที่ใช้คำสบถคำนี้เป็นคำอธิบาย 18 00:01:00,602 --> 00:01:03,102 ‎ชูการ์ ฮันนี่ ไอซ์ ที 19 00:01:04,522 --> 00:01:05,772 ‎ของเค้าดีจริง 20 00:01:07,859 --> 00:01:08,779 ‎(ค็อก) ‎(การปฏิวัติ) 21 00:01:08,860 --> 00:01:09,690 ‎(หยาบคาย) 22 00:01:09,778 --> 00:01:11,488 ‎(ทวัตต์) ‎(คำไม่สุภาพ) 23 00:01:11,571 --> 00:01:13,871 ‎(ลามก) ‎(ชิต) 24 00:01:17,035 --> 00:01:19,785 ‎ฉันไม่ได้อะไรสักอย่าง ‎ไม่มีแม้แต่คำว่าสุขสันต์วันเกิด 25 00:01:19,871 --> 00:01:21,041 ‎ฉันไม่สนย่ะ 26 00:01:21,122 --> 00:01:23,332 ‎คำสบถที่ฉันชอบที่สุดคือชิต 27 00:01:23,416 --> 00:01:25,286 ‎ให้ตายสิ 28 00:01:25,376 --> 00:01:28,836 ‎ฉันหมายถึงถ้าฉันคิดถึงเรื่องชิต ‎ฉันก็ไม่คิดถึงอะไรนอกจากอึ 29 00:01:28,922 --> 00:01:29,762 ‎นั่นชัดเจน 30 00:01:29,839 --> 00:01:31,879 ‎แล้วทำไมชิตถึงเป็นคำสบถล่ะ 31 00:01:31,966 --> 00:01:33,546 ‎มันเป็นคำสี่ตัวอักษร 32 00:01:33,635 --> 00:01:38,215 ‎ซึ่งมีความหมายเหมือนกันเป๊ะ ‎กับคำสี่ตัวอักษรอีกตัว แครป 33 00:01:38,306 --> 00:01:40,636 ‎"ฉันมีคำที่แตกมาจากชิตเยอะมาก" ‎ไม่มีคำหยาบเลย 34 00:01:40,725 --> 00:01:42,305 ‎เราสร้างของเจ๋งๆ ทุกรูปแบบ 35 00:01:42,393 --> 00:01:44,443 ‎พวกเขาควานหามันทั้งทางอินเทอร์เน็ตและที่อื่น 36 00:01:44,521 --> 00:01:45,861 ‎พวกเขาอยากได้ของเจ๋งๆ 37 00:01:45,939 --> 00:01:47,019 ‎(ชิต) 38 00:01:47,107 --> 00:01:48,397 ‎ชิตเป็น... 39 00:01:49,234 --> 00:01:50,904 ‎คำที่ใช้ง่าย 40 00:01:51,402 --> 00:01:54,282 ‎เพราะคุณใส่มันลงไปในคำสบถอื่นๆ ได้อีก 41 00:01:54,364 --> 00:01:56,954 ‎มันจะกลายเป็นอะไรที่เจ๋งและสนุก 42 00:01:57,033 --> 00:01:59,543 ‎"นี่มันน่าสมเพชชะมัด ไร้สาระสิ้นดี" 43 00:01:59,619 --> 00:02:01,289 ‎- "อย่างร้ายกาจ" ‎- "ไอ้งี่เง่า" 44 00:02:01,371 --> 00:02:03,331 ‎"ดูไอ้งี่เง่าตรงนั้นสิ" 45 00:02:03,414 --> 00:02:05,254 ‎"โคตรเจ๋งว่ะ บรรลัยล่ะ" 46 00:02:05,333 --> 00:02:07,923 ‎"นายกำลังเดือดร้อน บรรลัยมั้ยล่ะ" 47 00:02:11,047 --> 00:02:16,587 ‎แล้วต้นกำเนิดของคากา ‎กับพี่ชายหัวรั้นของดูดูคืออะไร 48 00:02:16,678 --> 00:02:18,638 ‎(ความเป็นมาของชิต) 49 00:02:18,721 --> 00:02:22,061 ‎คำต่างๆ ไม่ได้เริ่มจากคำสบถ ‎มันเป็นแค่คำพูด 50 00:02:22,142 --> 00:02:25,562 ‎แล้วทันใดนั้นพวกมันก็เริ่มเข้าถึง 51 00:02:26,688 --> 00:02:32,778 ‎ข้อห้ามที่เข้มงวดที่สุดและพื้นที่ ‎ที่ได้รับการลงทุนทางวัฒนธรรมอย่างจริงจัง 52 00:02:32,861 --> 00:02:34,991 ‎ณ จุดหนึ่งในประวัติศาสตร์ 53 00:02:35,655 --> 00:02:39,525 ‎เกี่ยวกับที่มาและความหมายของคำ ‎มีใครสักคนตัดสินใจว่านี่คือคำสบถ 54 00:02:40,243 --> 00:02:41,163 ‎มันงี่เง่า 55 00:02:41,244 --> 00:02:42,954 ‎"ชิต" น่าจะมาจาก... 56 00:02:43,496 --> 00:02:44,366 ‎อารมณ์ 57 00:02:44,455 --> 00:02:48,205 ‎ฉันรู้ว่าคำตอบที่ดูฉลาดคือ ‎มันน่าจะมาจาก 58 00:02:48,293 --> 00:02:51,923 ‎รากศัพท์ในภาษาละติน ‎หรือเรื่องเพ้อเจ้อประมาณนั้นแหละ 59 00:02:52,005 --> 00:02:54,415 ‎"ชิต" เป็นคำแองโกล-แซกซัน 60 00:02:54,507 --> 00:02:57,137 ‎เหมือนคำสบถส่วนใหญ่ ‎มันไม่ได้หยาบคายมาตั้งแต่แรก 61 00:02:57,218 --> 00:02:59,008 ‎มันเป็นคำที่ใช้กับอุจจาระ 62 00:03:00,346 --> 00:03:03,556 ‎ในภาษาอังกฤษยุคกลาง มีตำราแพทย์ 63 00:03:03,641 --> 00:03:06,561 ‎ที่ใช้คำว่า "ชิต" เมื่อพูดถึงการขับถ่าย 64 00:03:06,644 --> 00:03:10,324 ‎ในยุคกลางการเข้าห้องน้ำ ‎จะไม่ใช่การทำธุระส่วนตัว 65 00:03:10,398 --> 00:03:12,728 ‎คุณไม่มีห้องส่วนตัว 66 00:03:12,817 --> 00:03:14,527 ‎ให้เดินเข้าไปนั่งบนโถ 67 00:03:14,611 --> 00:03:17,281 ‎แต่คุณจะมีห้องน้ำแบบหลายที่นั่ง 68 00:03:17,363 --> 00:03:19,913 ‎โดยมีคุณกับใครสักคนที่คุณแทบไม่รู้จัก 69 00:03:19,991 --> 00:03:21,911 ‎หรืออาจจะมีคุณกับสมาชิกทุกคนในครอบครัว 70 00:03:21,993 --> 00:03:25,913 ‎มันงดงามมาก ภาพพวกเราทุกคนนั่งอึด้วยกัน 71 00:03:25,997 --> 00:03:30,877 ‎เราจะไม่ได้อยู่ในสังคมที่ดีกว่านี้ ‎ถ้าเราแค่ก้าวเข้าห้องน้ำ 72 00:03:30,960 --> 00:03:34,090 ‎แล้วก็คุยโทรศัพท์ แล้วก็ตอบอีเมล 73 00:03:34,172 --> 00:03:36,422 ‎แล้วก็โพสต์อินสตาแกรม 74 00:03:36,507 --> 00:03:40,297 ‎แต่เรานั่งข้างมนุษย์อีกคน ‎แล้วก็พูดว่า "หวัดดีเพื่อน สบายดีมั้ย 75 00:03:40,386 --> 00:03:41,966 ‎เป็นเชี่ยไรบ้าง" 76 00:03:42,055 --> 00:03:44,675 ‎การมองตาใครบางคนตอนพวกเขากำลังขี้ 77 00:03:44,766 --> 00:03:48,516 ‎มันจะทลายหลายสิ่งอย่างที่ทำให้เรารู้สึกอาย 78 00:03:48,603 --> 00:03:50,023 ‎ตอนอยู่ในห้องน้ำนะผมว่า 79 00:03:50,104 --> 00:03:53,404 ‎แล้วเราจะได้เห็นว่า ‎การรอคิวที่สตาร์บัคส์นั้นเร็วขึ้นอีกโขเลย 80 00:03:53,483 --> 00:03:54,613 ‎ไร้สาระสิ้นดี 81 00:03:54,692 --> 00:03:56,532 ‎(ห้องน้ำ) 82 00:03:56,611 --> 00:03:59,241 ‎มีเรื่องเล่าที่สนุกมากเกี่ยวกับที่มาของชิต 83 00:03:59,322 --> 00:04:02,412 ‎มันเป็นเรื่องราวพื้นบ้านที่เล่าถึงวิธี 84 00:04:02,492 --> 00:04:05,582 ‎ที่เคยใช้ขนส่งมูลข้ามแอตแลนติก 85 00:04:05,662 --> 00:04:09,792 ‎และมีสมมุติฐานว่า "Shit" มาจาก ‎"Ship High In Transit." 86 00:04:09,874 --> 00:04:12,504 ‎เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปี 1800 87 00:04:12,585 --> 00:04:15,545 ‎ตอนที่คนขนส่งปุ๋ยคอกข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก 88 00:04:15,630 --> 00:04:16,710 ‎จำคำข้าไว้ 89 00:04:16,798 --> 00:04:21,048 ‎วันหนึ่งข้าจะจ้างคนมาส่งปุ๋ยคอกของข้า ‎ข้ามทะเลโหดนี่ 90 00:04:21,135 --> 00:04:24,305 ‎คุณจะต้องเก็บมันไว้ที่สูง ‎เพราะถ้าเอามันใส่ใต้ท้องเรือ 91 00:04:24,389 --> 00:04:27,429 ‎อาจมีโอกาสที่ก๊าซมีเทนเจอกับความร้อน ‎แล้วเกิดไฟลุกได้ 92 00:04:27,517 --> 00:04:33,107 ‎ข้าเป็นอะไรเนี่ย เอาแต่ฝันเรื่องชีวิตโรแมนติก ‎กลางทะเลโง่ๆ นี่อยู่ได้ 93 00:04:33,189 --> 00:04:35,649 ‎อิสรภาพ การผจญภัย ขุมทรัพย์ 94 00:04:36,651 --> 00:04:40,821 ‎ความจริง สิ่งเดียวที่เอาแน่ได้ในชีวิตก็คือขิ... 95 00:04:43,533 --> 00:04:45,663 ‎นั่นเป็นเรื่องที่ยังไม่เข้าท่าเท่าไหร่ 96 00:04:45,743 --> 00:04:48,413 ‎ผมแต่งเรื่องได้เนียนกว่านั้นแน่ 97 00:04:48,496 --> 00:04:49,576 ‎ให้ตายเหอะ 98 00:04:49,664 --> 00:04:52,004 ‎ก่อนเราจะไปต่อเรื่องประวัติของ "ชิต" 99 00:04:52,083 --> 00:04:55,423 ‎ไปดูความสำเร็จของหนึ่งในผู้สนับสนุน ‎คนสำคัญของมันกันก่อนครับ 100 00:04:55,503 --> 00:04:58,213 ‎นักแสดงชื่ออิเชีย วิทล็อกกลายเป็นคนดัง 101 00:04:58,715 --> 00:05:04,045 ‎จากการพูดคำว่า "ชิต" ในแบบที่ไม่มีใครพูดได้ ‎ในเรื่องเดอะไวร์ 102 00:05:04,137 --> 00:05:07,597 ‎"ชิต" กลายเป็นส่วนสำคัญในอาชีพของผม 103 00:05:07,682 --> 00:05:09,982 ‎ผมไม่ได้กะจะให้เป็นแบบนั้นเลย 104 00:05:10,059 --> 00:05:13,479 ‎เขาพูดว่า "ชีต" 105 00:05:15,148 --> 00:05:19,568 ‎ผมมาจากเซาท์เบนด์ อินดีแอนา ‎ครอบครัวผมมาจากเทนเนสซี 106 00:05:19,652 --> 00:05:23,362 ‎ฉะนั้นเรามีทางใต้และเรามีมิดเวสต์ 107 00:05:23,448 --> 00:05:25,278 ‎แล้วผมก็เอาทั้งสองมาผสมกัน 108 00:05:26,034 --> 00:05:27,584 ‎ให้มันเป็น... 109 00:05:28,077 --> 00:05:31,827 ‎ชิต 110 00:05:31,914 --> 00:05:37,594 ‎ซึ่งผมเริ่มพูดแบบนั้นในหนังของสไปก์ ลี ‎เรื่อง 25 ชม. ชนเส้นตาย 111 00:05:37,670 --> 00:05:41,090 ‎แล้วก็ในเรื่องเดอะไวร์ ‎ซึ่งนั่นคือตอนที่มันเหมือนพลุแตก 112 00:05:41,174 --> 00:05:44,264 ‎"ชิต" สำหรับอิเชีย วิทล็อก ‎ส่วน "ฟัค" ก็สำหรับแซมมวล แอล แจ็กสัน 113 00:05:44,344 --> 00:05:47,394 ‎จะว่าไปมันเหมือนฉายาของพวกเขา ‎มันคือโน้ตตัวดำและตัวขาว 114 00:05:47,472 --> 00:05:48,772 ‎แห่งศตวรรษที่ 21 115 00:05:49,557 --> 00:05:50,847 ‎เอาล่ะ ไปดูกัน 116 00:05:50,933 --> 00:05:54,483 ‎เดี๋ยวผมจะพูด "ชิต" ที่ยาวที่สุดในโลก 117 00:05:58,191 --> 00:06:04,821 ‎ชิต... 118 00:06:05,490 --> 00:06:09,290 ‎(สิบนาทีต่อมา) 119 00:06:09,369 --> 00:06:13,119 ‎(ที่ 22 นาที ยังไปต่อ) 120 00:06:14,916 --> 00:06:17,496 ‎วิทยาศาสตร์แสดงให้เห็นว่าการพูดคำว่า "ชิต" 121 00:06:17,585 --> 00:06:20,665 ‎นั้นสุขพอๆ กันกับการนั่งสุขา 122 00:06:21,214 --> 00:06:24,514 ‎มีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ซึ่งบอกว่า... 123 00:06:24,634 --> 00:06:26,054 ‎คุณจะรู้สึกดีขึ้นเมื่อคุณสบถ 124 00:06:26,135 --> 00:06:30,385 ‎ถ้าคุณเจ็บแล้วคุณสบถ ‎จุดเริ่มต้นของความเจ็บปวดจะยกสูงขึ้น 125 00:06:30,473 --> 00:06:34,853 ‎มีคนบางกลุ่มที่ไม่พูดสบถ ไม่ใช้คำหยาบ 126 00:06:34,936 --> 00:06:38,056 ‎พวกเขาพยายามควบคุมตัวเอง 127 00:06:38,147 --> 00:06:42,147 ‎แต่คุณก็จะเห็นคนที่พูดว่า ‎"ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ไม่สบถ" 128 00:06:42,235 --> 00:06:44,565 ‎พวกเขาจะมีคำอย่าง 129 00:06:44,654 --> 00:06:49,624 ‎"ไร้สาระ" "เช็ด" "ชิบ" ‎ซึ่งทั้งหมดก็คือคำสบถที่นุ่มนวลขึ้น 130 00:06:49,700 --> 00:06:52,330 ‎พวกมันทำงานเหมือนกับที่คำสบถทำ 131 00:06:52,412 --> 00:06:56,922 ‎หลายคนคิดว่าการสบถเป็นยาระบาย 132 00:06:56,999 --> 00:07:00,999 ‎ซึ่งถ้าคุณมีความรู้สึกบางอย่างอัดอั้นอยู่ ‎มันช่วยได้ 133 00:07:01,087 --> 00:07:03,207 ‎ลองคิดถึงผู้หญิงที่กำลังคลอดค่ะ 134 00:07:03,297 --> 00:07:08,257 ‎ถ้าคุณกำลังแบ่งมนุษย์คนหนึ่งผ่านร่างคุณ ‎ออกจากช่องคลอดของคุณ 135 00:07:08,344 --> 00:07:11,934 ‎คุณคงไม่อยากพูดอะไร 90 คำหรอก ‎คุณไม่อยากพูด 136 00:07:12,014 --> 00:07:13,934 ‎"โอ้ พระเจ้า เบ่งจ้ะเบ่ง" 137 00:07:14,016 --> 00:07:16,556 ‎ไม่ คุณก็แค่ "เชี่ย" 138 00:07:16,644 --> 00:07:18,274 ‎แล้วก็เบ่งออกมา 139 00:07:18,354 --> 00:07:19,314 ‎ก็ได้ 140 00:07:19,397 --> 00:07:21,397 ‎เราจะทดลองบางอย่าง เอาด้วยมั้ย 141 00:07:21,482 --> 00:07:23,482 ‎โอเค เจ๋ง ไปกันเลย จะแข็งมั้ย 142 00:07:23,568 --> 00:07:28,488 ‎นักวิทยาศาสตร์ขอให้คุณแช่มือเอาไว้ ‎ในอ่างน้ำเย็นจนเกือบเป็นน้ำแข็ง 143 00:07:28,573 --> 00:07:33,953 ‎โดยให้คุณสบถไปเรื่อยๆ ‎ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ 144 00:07:34,036 --> 00:07:35,906 ‎หรือให้พูดคำกลางๆ ทั่วไป 145 00:07:35,997 --> 00:07:39,037 ‎ซึ่งผลออกมาว่าคนที่พูดคำสบถ ‎จะแช่อยู่ได้นานกว่า 146 00:07:39,125 --> 00:07:42,495 ‎ประมาณ 50% เมื่อเทียบกับคนที่ไม่ได้สบถ 147 00:07:42,587 --> 00:07:43,417 ‎(ห้ามสบถ) 148 00:07:43,504 --> 00:07:44,384 ‎โอเค 149 00:07:49,719 --> 00:07:50,639 ‎นั่นไง... 150 00:07:51,971 --> 00:07:54,061 ‎อีปลาสลิดลนไฟ 151 00:07:54,140 --> 00:07:55,980 ‎ฉลาดน้อย... 152 00:07:56,851 --> 00:07:59,271 ‎เชี่ยๆๆๆๆ 153 00:07:59,353 --> 00:08:00,773 ‎ไรเนี่ย 154 00:08:00,855 --> 00:08:02,435 ‎เชี่ย 155 00:08:02,523 --> 00:08:03,613 ‎(ห้ามสบถ) 156 00:08:03,691 --> 00:08:04,531 ‎ไอ้หูดแมงสาบ 157 00:08:04,609 --> 00:08:05,569 ‎(ห้ามสบถ) 158 00:08:06,110 --> 00:08:06,940 ‎แม่ง 159 00:08:07,028 --> 00:08:10,948 ‎เอ บี ซี ดี อี... 160 00:08:11,032 --> 00:08:14,792 ‎(ประมาณ 28 นาที) 161 00:08:14,869 --> 00:08:17,289 ‎เชี่ยๆๆๆ 162 00:08:19,081 --> 00:08:20,041 ‎เชี่ย 163 00:08:20,625 --> 00:08:21,745 ‎หมู... 164 00:08:21,834 --> 00:08:23,634 ‎เชี่ยๆๆ 165 00:08:23,711 --> 00:08:25,051 ‎ตู้ 166 00:08:25,129 --> 00:08:29,129 ‎ฉันจะไม่พูดคำนี้นะ "จิ๋ม" ‎"จิ๋ม" ไม่ช่วยให้รอดได้หรอก 167 00:08:35,597 --> 00:08:36,927 ‎ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหว 168 00:08:37,517 --> 00:08:38,637 ‎ใช่ พวก 169 00:08:40,645 --> 00:08:42,475 ‎ไม่ไหวล่ะ ได้แล้ว พอแล้ว 170 00:08:42,563 --> 00:08:43,733 ‎เชี่ย 171 00:08:45,149 --> 00:08:46,149 ‎เชี่ย 172 00:08:46,234 --> 00:08:47,694 ‎เชี่ยๆๆๆๆ 173 00:08:51,906 --> 00:08:54,156 ‎- ได้กี่วินาที ‎- สองนาที 20 วินาที 174 00:08:55,326 --> 00:08:56,736 ‎จริงๆ ด้วย 175 00:08:56,827 --> 00:08:58,957 ‎ฉันอยากสบถใจจะขาด ‎คุณไม่เข้าใจหรอก 176 00:08:59,038 --> 00:09:01,918 ‎ยิ่งฉันพูดว่า "ชิต" ฉันยิ่งรู้สึกเหมือนอยู่ในภวังค์ 177 00:09:01,999 --> 00:09:04,169 ‎พลังแห่งการสาปแช่ง อย่าทำเป็นเล่นไป 178 00:09:04,252 --> 00:09:06,672 ‎มันช่วยให้เราทนเจ็บได้ 179 00:09:06,754 --> 00:09:08,464 ‎การสบถมีอานุภาพค่ะ 180 00:09:08,548 --> 00:09:11,508 ‎โคตรขอบคุณพระเจ้าที่ให้เราสบถ 181 00:09:12,176 --> 00:09:16,056 ‎การทดลองเรื่องน้ำแข็ง นอกจากจะทำให้เกิด ‎คำถามที่น่าสนใจว่าทำไมเราถึงสบถ 182 00:09:16,138 --> 00:09:18,218 ‎มันยังรวมถึงวิธีที่เราสบถด้วย 183 00:09:18,307 --> 00:09:21,847 ‎เพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ ‎ระหว่างสมองกับคำหยาบ 184 00:09:21,936 --> 00:09:26,226 ‎เราต้องไปดูกรณีศึกษาที่ไม่ธรรมดา ‎ของคนงานรถไฟในศตวรรษที่ 19 185 00:09:26,315 --> 00:09:27,725 ‎ชื่อฟิเนียส เกจ 186 00:09:27,817 --> 00:09:29,277 ‎และนั่นคือตัวก. 187 00:09:29,360 --> 00:09:30,490 ‎เกจ 188 00:09:30,570 --> 00:09:34,530 ‎ฟีเนียส เกจทำงานจัดรางรถไฟ ‎อยู่แถวคาเวนดิช เวอร์มอนต์ 189 00:09:34,615 --> 00:09:39,325 ‎แม่เจ้าโว้ย โชคดีซะจริง ‎เช้าชามเย็นหลุมไม่ว่างเว้นเลย 190 00:09:39,412 --> 00:09:41,582 ‎ตำนานเล่าว่าเขาลืมปิดปากหลุม 191 00:09:43,499 --> 00:09:46,839 ‎มันเกิดติดไฟและระเบิดขึ้น ‎แท่งเหล็กยาวสามฟุตหกนิ้ว 192 00:09:46,919 --> 00:09:48,249 ‎เจาะทะลุกะโหลก 193 00:09:48,337 --> 00:09:51,467 ‎ไปตกด้านหลังห่างเขาไป 82 ฟุต 194 00:09:51,549 --> 00:09:55,759 ‎หมอทุกคนต่างพากันประหลาดใจ ‎ที่เขาพูดได้ทันทีหลังเกิดอุบัติเหตุ 195 00:09:55,845 --> 00:09:57,925 ‎บอกว่า "เชี่ย" 196 00:09:58,014 --> 00:10:00,064 ‎ขนมปังหน้าเนื้อสับโว้ย 197 00:10:00,141 --> 00:10:04,151 ‎แต่ทุกคนที่รู้จักเขาบอกว่า ‎พฤติกรรมเขาเปลี่ยนเป็นคนละคน 198 00:10:04,228 --> 00:10:06,518 ‎เขาไม่ใช่เกจอีกแล้ว 199 00:10:06,606 --> 00:10:07,436 ‎เวร 200 00:10:07,523 --> 00:10:11,693 ‎เขาพูดจาหยาบคายขึ้น บุคลิกก้าวร้าวขึ้น 201 00:10:11,777 --> 00:10:14,737 ‎และการหางานทำก็ยากขึ้น 202 00:10:14,822 --> 00:10:16,452 ‎เวรกรรม 203 00:10:17,074 --> 00:10:20,754 ‎และเขายังสูญเสียความสามารถส่วนใหญ่ ‎ในการสร้างภาษาไปด้วย 204 00:10:20,828 --> 00:10:24,168 ‎ยกเว้นตอนที่เขาพยายามสร้างคำ 205 00:10:24,248 --> 00:10:25,208 ‎เขาจะสบถ 206 00:10:25,291 --> 00:10:28,251 ‎แท่งเหล็กแทงสมองกลีบหน้าของเขา 207 00:10:28,336 --> 00:10:32,086 ‎และมันทำลายสมองส่วนต่างๆ 208 00:10:32,173 --> 00:10:36,473 ‎ที่มีหน้าที่วางแผนและใช้เหตุผลทางสังคม 209 00:10:36,552 --> 00:10:38,972 ‎ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่เราใช้ 210 00:10:39,055 --> 00:10:41,965 ‎เมื่อต้องการยับยั้งแรงกระตุ้น 211 00:10:42,058 --> 00:10:43,768 ‎พวกเขามองว่านี่เป็นกรณี 212 00:10:43,851 --> 00:10:46,151 ‎ที่คุณเปลี่ยนจากคนดีไปเป็นคนเลวได้ 213 00:10:46,228 --> 00:10:47,768 ‎เชี่ย 214 00:10:47,855 --> 00:10:51,065 ‎แล้วเราใช้คำว่า "ชิต" กันยังไงบ้าง 215 00:10:51,692 --> 00:10:53,782 ‎ฉันไม่ได้ใช้คำว่า "ชิต" เป็นคำสบถ 216 00:10:53,861 --> 00:10:57,071 ‎เพราะมันกลายเป็นส่วนหนึ่ง ‎ในคำพูดปกติของฉันไปซะแล้ว 217 00:10:57,156 --> 00:10:58,616 ‎ตอนฉันใช้คำว่า "ชิต" 218 00:10:58,699 --> 00:11:01,239 ‎ฉันมักจะพูดว่า "ฉันต้องไปรับของล่ะ" 219 00:11:01,327 --> 00:11:03,497 ‎หรือ "ฉันต้องไปส่งของล่ะ" 220 00:11:03,579 --> 00:11:05,669 ‎แล้วถ้าสบถ ฉันก็จะ "ฟัค" เลย 221 00:11:05,748 --> 00:11:07,788 ‎"ชิต" กับ "ฟัค" มันพอจะแทนกันได้อยู่ 222 00:11:07,875 --> 00:11:11,295 ‎แต่ "ฟัค" จะแรงกว่า "ชิต" อยู่หน่อยนึง 223 00:11:11,379 --> 00:11:15,469 ‎ตอนที่ฉันกำลังสร้างประโยคขึ้นในหัว... 224 00:11:15,549 --> 00:11:17,839 ‎ฉันก็จะเลือกคำที่ใช่เอาตอนนั้นเลย 225 00:11:17,927 --> 00:11:21,307 ‎"ชิต" คือการเอามีดไปสู้กับปืน 226 00:11:21,389 --> 00:11:23,519 ‎แต่ "ชิต" ก็ยังใช้ได้ผลดีมากๆ 227 00:11:24,350 --> 00:11:25,730 ‎ผมล่ะรัก "ชิต" จริงๆ 228 00:11:25,810 --> 00:11:27,850 ‎(จูราสสิค พาร์ค) 229 00:11:27,937 --> 00:11:29,517 ‎นี่มันขี้กองโตจริงๆ 230 00:11:29,605 --> 00:11:32,725 ‎สมมติว่าฉันไปร้านอาหาร 231 00:11:32,817 --> 00:11:37,317 ‎ก็จะประมาณว่า "นี่เธอ ‎ฉันอยากลองเมนูใหม่นี่จังเลย 232 00:11:37,405 --> 00:11:39,405 ‎ฉันขอชิมก่อนละกันนะ" 233 00:11:39,490 --> 00:11:43,290 ‎ฉันเรียกบริกรมาถาม ‎"นี่ใช่ที่ฉันสั่งแน่เหรอ 234 00:11:43,369 --> 00:11:45,999 ‎เพราะรสชาติมันไม่เหมือนกับทุกที 235 00:11:46,080 --> 00:11:48,170 ‎แล้วบริกรก็พูดว่า "คุณพูดเรื่องบ้าอะไร" 236 00:11:48,249 --> 00:11:50,329 ‎ฉันก็ว่า "ของที่ฉันสั่ง" 237 00:11:50,835 --> 00:11:52,625 ‎แล้วเขาก็ "เชี่ย" 238 00:11:52,712 --> 00:11:55,512 ‎ชิต... 239 00:11:55,589 --> 00:11:57,839 ‎(ราว 30 นาที) 240 00:11:57,925 --> 00:12:00,215 ‎(เรื่องตลก) 241 00:12:00,302 --> 00:12:03,722 ‎ฉันมองว่าในโลกของตลก ‎การเล่นมุกเกี่ยวกับ "ชิต" ก็มีอยู่หลายระดับ 242 00:12:03,806 --> 00:12:06,676 ‎การพิจารณาว่าการศึกษาต่ำ ‎หรือการศึกษาสูง หรือไม่มี 243 00:12:06,767 --> 00:12:10,017 ‎ก็ดูกันที่คุณกำลังพูดถึง "ชิต" ‎ในลักษณะของ "อุจจาระ" รึเปล่า 244 00:12:10,104 --> 00:12:13,774 ‎การศึกษาต่ำมั้ยเหรอ ‎ก็ต้องดูว่าการศึกษาของใคร 245 00:12:13,858 --> 00:12:17,608 ‎การทึกทักเอาว่ามุกคำว่าชิต 246 00:12:17,695 --> 00:12:19,695 ‎เป็นเรื่องการศึกษาต่ำซะทีเดียวคงไม่ได้หรอก 247 00:12:20,406 --> 00:12:21,986 ‎มุกปริญญาก็มี 248 00:12:22,074 --> 00:12:23,124 ‎ฉันเพิ่งตี้ว่ะ 249 00:12:23,200 --> 00:12:24,030 ‎(กล้า ๆหน่อย อย่าปล่อยให้ชวดรัก) 250 00:12:24,118 --> 00:12:26,748 ‎- ฉันไม่รู้ว่าตี้คืออะไร ‎- ฉันจะตดแล้วขี้มันเล็ดออกมาไง 251 00:12:26,829 --> 00:12:27,659 ‎มันตี้ออกมา 252 00:12:27,747 --> 00:12:32,497 ‎ฉันเคยขึ้นเวที ‎แล้วพูดโน่นนี่เรื่องเสรีภาพสตรี 253 00:12:33,377 --> 00:12:35,167 ‎เด็กๆ ไม่ได้สนใจฟังฉันเลย 254 00:12:35,254 --> 00:12:37,924 ‎ฉันก็เลยถามว่า ‎"ตกลงใครขี้บนรถทัวร์เป็นคนแรก" 255 00:12:38,007 --> 00:12:38,967 ‎หัวเราะกันท้องแข็งค่ะ 256 00:12:40,801 --> 00:12:43,101 ‎ตลกไร้สาระอาจจะตบตาเราได้ 257 00:12:43,179 --> 00:12:46,269 ‎ฉันคิดว่าเหมือนมันกำลังอยู่บนเส้นทาง 258 00:12:46,348 --> 00:12:49,598 ‎ที่ผู้คนพากันเมินเฉยราวกับ ‎มันเป็นเรื่องตรงไปตรงมาและเป็นเรื่องง่าย 259 00:12:49,685 --> 00:12:52,345 ‎มันอาจเป็นอะไรในระดับนิวยอร์กเกอร์ก็ได้ 260 00:12:53,147 --> 00:12:55,267 ‎ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับบริบทค่ะ 261 00:12:55,357 --> 00:12:56,817 ‎(เละเทะ) 262 00:12:56,901 --> 00:13:00,991 ‎"ชิต" คือคำสบถจำพวกไม่เหมือนชาวบ้านครับ 263 00:13:01,071 --> 00:13:05,661 ‎ไม่เหมือนคำโดนๆ อย่าง ‎"ฟัค" "พุซซี่" และ "แอส" 264 00:13:05,743 --> 00:13:08,333 ‎"ชิต" เป็นสิ่งที่แทบไม่มีใครต้องการ 265 00:13:08,412 --> 00:13:11,082 ‎แล้ว "ชิต" กลายมาเป็นการจาบจ้วงได้ยังไง 266 00:13:11,665 --> 00:13:14,785 ‎คำอื่นๆ ของ "ชิต" ‎ในยุคเรอแนซ็องส์คือ "เบเรย์" 267 00:13:14,877 --> 00:13:16,127 ‎และ "เบสคัมเบอร์" 268 00:13:16,212 --> 00:13:19,592 ‎ซึ่งโดยทั่วไปก็หมายถึง ‎การถ่ายในลักษณะพ่นใส่สิ่งต่างๆ 269 00:13:19,673 --> 00:13:21,933 ‎มันคือคำที่สื่อถึงอาการท้องเดินอย่างรุนแรง 270 00:13:22,009 --> 00:13:25,139 ‎แต่คุณก็น่าจะมองออกว่า ‎ทำไมพวกมันถึงไม่ใช่คำสบถที่ดี 271 00:13:25,221 --> 00:13:26,391 ‎พวกมันขาดพลัง 272 00:13:26,472 --> 00:13:31,642 ‎"ชิต" มีขอบเขตที่กว้างกว่าหน่อย ‎เมื่อมองในแง่ของการสื่อความ 273 00:13:31,727 --> 00:13:33,847 ‎เพราะมันโยงไปหาของเสีย 274 00:13:33,938 --> 00:13:38,398 ‎มันจึงมักถูกใช้แทนสิ่งที่ไม่ดีซะเป็นส่วนใหญ่ 275 00:13:39,485 --> 00:13:43,235 ‎คำคำนี้แทบไม่เป็นอันตรายใดๆ อยู่นานโขทีเดียว 276 00:13:43,322 --> 00:13:46,242 ‎คุณอาจไม่ได้หยิบยกมันขึ้นมาคุยกับใครเลย 277 00:13:46,325 --> 00:13:49,575 ‎เว้นแต่คนคนนั้นจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอึจริงๆ 278 00:13:49,662 --> 00:13:53,332 ‎เช่นเกษตรกรหรือไม่ก็ทนายความ เหอะๆ 279 00:13:53,415 --> 00:13:57,285 ‎เมื่อเรายิ่งถอยห่างจากอึของคนอื่นออกไปเรื่อยๆ 280 00:13:57,378 --> 00:13:59,758 ‎เราก็ยิ่งทิ้งระยะจากคำว่าชิต ‎ออกไปเรื่อยๆ เช่นกัน 281 00:13:59,839 --> 00:14:03,129 ‎มันถูกหลีกเลี่ยงที่จะกล่าวถึงอยู่ร่วมร้อยปี 282 00:14:03,217 --> 00:14:07,047 ‎แต่ทำไมเราถึงหนีจากหมายเลขสองมานานนัก 283 00:14:07,137 --> 00:14:10,597 ‎หรือเป็นไปได้ว่า ‎เพราะการคิดค้นระบบสุขาภิบาล 284 00:14:11,183 --> 00:14:13,353 ‎ผู้คนเริ่มมั่งคั่งขึ้นในยุคเรอแนซ็องส์ 285 00:14:13,435 --> 00:14:16,555 ‎พวกเขาเริ่มสร้างบ้านที่มีจำนวนห้องมากขึ้นได้ 286 00:14:16,647 --> 00:14:20,107 ‎และนี่ทำให้เกิดแนวคิดสมัยใหม่ ‎เรื่องความเป็นส่วนตัว 287 00:14:20,192 --> 00:14:23,362 ‎และเมื่อแนวคิดเรื่องความเป็นส่วนตัวเกิดขึ้น 288 00:14:23,445 --> 00:14:27,115 ‎บางส่วนของเรื่องพวกนี้ ‎ก็ควรใช้แค่คนเดียว 289 00:14:27,199 --> 00:14:30,949 ‎ไม่ใช่กับชาวบ้านชาวช่อง ‎ที่เริ่มมองว่าการขับถ่ายเป็นเรื่องต้องห้าม 290 00:14:31,036 --> 00:14:34,916 ‎และนั่นทำให้คำว่าชิตกลายเป็นคำสบถ 291 00:14:34,999 --> 00:14:35,959 ‎ในช่วงปี 1930 292 00:14:36,041 --> 00:14:39,711 ‎เราจะเริ่มเห็นวลีต่างๆ ‎ที่แปลมาจากชิตเช่น "เมาปลิ้น" 293 00:14:39,795 --> 00:14:43,255 ‎"ขี้เท่อ" และ "ขี้ขลาด" ในคลังคำของเรา 294 00:14:43,924 --> 00:14:47,514 ‎แต่การใช้และความหลากหลายก็เริ่มล้นแก้ว 295 00:14:47,595 --> 00:14:50,675 ‎บทบาทของคำนี้เริ่มกว้างขึ้น ‎ในวัฒนธรรมและคำสแลง 296 00:14:50,764 --> 00:14:54,064 ‎โดยเฉพาะในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ‎"ชิต" เดินทางมาไกล 297 00:14:54,143 --> 00:14:58,313 ‎มันเข้ายึดครองทำเลทองของคำหยาบ 298 00:14:58,397 --> 00:15:03,487 ‎มันแรงพอแต่ก็ยังคงความน่าเชื่อถือ ‎ให้กับคนที่พูดออกมา 299 00:15:03,569 --> 00:15:06,279 ‎มันไม่จาบจ้วงจนถึงขั้นที่ว่า... 300 00:15:07,031 --> 00:15:09,911 ‎พูดง่ายๆ คือ... ‎โก่งราคาจนลูกค้าหายจ้อย 301 00:15:09,992 --> 00:15:11,542 ‎(ชิต) 302 00:15:11,619 --> 00:15:14,249 ‎(42 นาทีกลมๆ) 303 00:15:14,330 --> 00:15:16,540 ‎(การเซ็นเซอร์ที่บิดเบี้ยว) 304 00:15:16,624 --> 00:15:21,464 ‎ดี สไนเดอร์นักร้องนำวงทวิสต์ ซิสเตอร์ 305 00:15:22,087 --> 00:15:24,127 ‎สวมเสื้อกล้ามและเครื่องประดับเต็มยศ 306 00:15:24,214 --> 00:15:28,394 ‎เข้าไปในห้องประชุมรัฐสภา ‎เพื่อปกป้องศิลปะแห่งถ้อยคำในปี 1985 307 00:15:28,469 --> 00:15:30,639 ‎ศูนย์ข้อมูลดนตรีสำหรับผู้ปกครอง 308 00:15:30,721 --> 00:15:34,561 ‎ร่วมก่อตั้งโดยทิปเปอร์ กอร์ ‎มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการควบคุมเด็กๆ 309 00:15:34,642 --> 00:15:39,522 ‎ในการเข้าถึงเพลงที่มองว่ามีเนื้อหาโจ่งแจ้ง 310 00:15:39,605 --> 00:15:42,605 ‎ผมถูกขอให้มาที่นี่ ‎เพื่อนำเสนอมุมมองของผม 311 00:15:42,691 --> 00:15:46,361 ‎"เรื่องเนื้อหาของการบันทึกเสียงบางประเภท 312 00:15:46,445 --> 00:15:50,275 ‎และคำแนะนำให้มีการติดป้ายกำกับ 313 00:15:50,366 --> 00:15:52,656 ‎เพื่อแสดงคำเตือนให้ผู้ที่จะซื้อทราบถึง 314 00:15:52,743 --> 00:15:57,583 ‎เนื้อหาทางเพศที่โจ่งแจ้ง ‎หรือเนื้อหาที่อาจสร้างความไม่พอใจอื่นๆ" 315 00:15:57,665 --> 00:15:59,455 ‎ผลการพิจารณาคดีเหรอ 316 00:15:59,541 --> 00:16:01,541 ‎สติกเกอร์ผู้ปกครองควรแนะนำไงครับ 317 00:16:01,627 --> 00:16:02,747 ‎โมเมนตัมที่เกิดขึ้น 318 00:16:02,836 --> 00:16:06,086 ‎เหมือนหัวรถจักร ‎ที่ลากวัฒนธรรมคนดำไปข้างหน้า 319 00:16:06,173 --> 00:16:09,223 ‎โดยมีทิปเปอร์ กอร์และคณะ ‎พยายามจะหยุดมัน 320 00:16:09,301 --> 00:16:10,971 ‎ด้วยสติกเกอร์ผู้ปกครองควรแนะนำ 321 00:16:11,053 --> 00:16:14,853 ‎สำหรับผม สติกเกอร์ผู้ปกครองควรแนะนำ ‎คือการเหยียดผิวโดยปริยาย 322 00:16:14,932 --> 00:16:17,812 ‎และสำหรับเพื่อนๆ ของผม ‎เราทุกคนคิดว่ามันคือการเหยียดผิว 323 00:16:17,893 --> 00:16:22,233 ‎เพราะมันเกิดขึ้นช่วงยุค 80 ‎ตอนที่ฮิปฮอปเริ่มมีอำนาจทางการค้า 324 00:16:22,314 --> 00:16:24,324 ‎มันไม่ได้อยู่ใต้ดินอีกต่อไป 325 00:16:24,400 --> 00:16:27,610 ‎ผมเคยคิดว่า "นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ‎นี่เป็นโอกาสที่จะได้คุย 326 00:16:27,695 --> 00:16:30,105 ‎เรื่องความเป็นไปของวัฒนธรรม ‎แต่เราพลาดไป" 327 00:16:30,698 --> 00:16:34,658 ‎พวกหัวอนุรักษ์กว่าจะพยายามทำให้ 328 00:16:34,743 --> 00:16:39,673 ‎คนที่พวกเขาไม่เห็นด้วยกลายเป็นคนไม่มีค่า ‎ด้วยการชี้ว่าภาษาของพวกเขาหยาบคาย 329 00:16:39,748 --> 00:16:42,418 ‎ราวกับการพูดหยาบเป็นสัญญาณ 330 00:16:42,501 --> 00:16:45,551 ‎ของคนไร้การศึกษา ‎หรือไร้สติปัญญาอะไรทำนองนั้น 331 00:16:45,629 --> 00:16:49,089 ‎มันก็แค่ความกลัวอีกอย่างหนึ่ง ‎เกี่ยวกับวัฒนธรรมวัยรุ่นและวัฒนธรรมคนดำ 332 00:16:49,174 --> 00:16:53,264 ‎ฉันมองว่าทั้งหมดเป็นเรื่องไม่รู้จักจบ ‎ของความเหมาะสม การเมือง การปกครอง 333 00:16:53,345 --> 00:16:56,845 ‎และการสนับสนุนให้เหยียดผิว 334 00:16:56,932 --> 00:17:00,102 ‎สิ่งเหล่านี้ทำให้พ่อแม่กลัว ‎และทำให้ทิปเปอร์ กอร์กลัว 335 00:17:00,185 --> 00:17:03,355 ‎สิ่งที่เกิดขึ้นกับแผ่นเสียงพวกนี้ ‎ทำให้เด็กๆ ยิ่งต้องการมันมากขึ้นไปอีก 336 00:17:03,439 --> 00:17:05,569 ‎มันเหมือนป้ายเลหลังในลานโปรโมชั่น 337 00:17:05,648 --> 00:17:07,978 ‎"เพื่อน นั่นมีป้ายผู้ปกครองควรแนะนำด้วย" 338 00:17:08,068 --> 00:17:10,318 ‎ผมเกลียดเวลาคนซื้อแผ่นแล้วไม่มีมัน 339 00:17:10,404 --> 00:17:12,664 ‎ผมเกลียดการสงสัยว่าอันนี้ได้อันนี้อาจจะ 340 00:17:12,740 --> 00:17:16,160 ‎ฉันพยายามหาซีดี 341 00:17:16,242 --> 00:17:17,492 ‎ที่มีป้ายผู้ปกครองควรแนะนำ 342 00:17:17,578 --> 00:17:23,128 ‎ฉันจำอัลบั้มเวิร์ด ออฟ เมาฟ์ของลูดาคริสได้ ‎มันมีรูปเหมือนคนกำลังใช้ปาก 343 00:17:23,208 --> 00:17:26,748 ‎มันเป็นเรื่องความต้องการอย่างรุนแรง ‎และติดป้ายผู้ปกครองควรแนะนำ 344 00:17:26,837 --> 00:17:29,297 ‎ฉันก็แบบ "โอ้วเชี่ย" 345 00:17:29,381 --> 00:17:31,381 ‎การเซ็นเซอร์เป็นเรื่องไม่เข้าท่าสำหรับผม 346 00:17:31,467 --> 00:17:34,137 ‎ใครตัดสินว่าคำพวกนี้ไม่ดี ใครเป็นคนทำ 347 00:17:34,219 --> 00:17:36,389 ‎ใครบอกว่า "นี่เป็นคำที่แย่ที่สุด" 348 00:17:37,431 --> 00:17:39,771 ‎มันนำเราไปสู่ประเพณีที่มีมาช้านาน 349 00:17:39,850 --> 00:17:42,190 ‎ที่ยังคงก่อร่างสร้างวัฒนธรรมของเรา 350 00:17:42,269 --> 00:17:46,569 ‎พลังการเปลี่ยนแปลงของภาษาอังกฤษ ‎แบบแอฟริกันอเมริกัน 351 00:17:46,648 --> 00:17:50,188 ‎และอีกครั้งที่เราต้องเป็นหนี้คำขอบคุณ ‎วัฒนธรรมคนดำอย่างสุดซึ้ง 352 00:17:50,277 --> 00:17:53,987 ‎สำหรับการเปลี่ยนภาษาโถรองนั่ง ‎ให้เป็นบัลลังก์ 353 00:17:54,531 --> 00:17:55,451 ‎"ชิต" 354 00:17:55,532 --> 00:18:00,252 ‎เปลี่ยนจากสิ่งที่เราหลีกเลี่ยงที่จะ ‎ได้เห็น ได้ยิน หรือได้พูดไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร 355 00:18:00,329 --> 00:18:02,579 ‎ไปเป็นเดอะชิต 356 00:18:03,082 --> 00:18:03,962 ‎(ชิต ปะทะ ‎เดอะชิต) 357 00:18:04,041 --> 00:18:07,881 ‎"ชิต" เริ่มต้นจริงๆ ในช่วง 1970, 1980 358 00:18:07,961 --> 00:18:14,471 ‎มีคำสแลงใหม่ๆ ที่ขึ้นต้นด้วย "ชิต" ‎และใช้กันทั่วทุกที่ 359 00:18:14,551 --> 00:18:17,511 ‎ลองนึกภาพว่าคุณถูกเรียก ‎ด้วยคำที่แย่ที่สุดบ่อยๆ ดูสิ 360 00:18:17,596 --> 00:18:19,426 ‎มันจะไม่มีความหมายอะไรกับคุณอีกต่อไป 361 00:18:19,515 --> 00:18:23,805 ‎อันที่จริง คุณกำลังหาทางที่จะแสดงให้เห็นว่า 362 00:18:23,894 --> 00:18:27,194 ‎เจ้าสิ่งแย่ๆ ที่คุณโดนเรียกอยู่นั่นแหละ ‎คือสิ่งที่ทุกคนต้องการ 363 00:18:27,272 --> 00:18:30,732 ‎แล้วถ้ามีอะไรอย่างเดอะชิต ‎มาใช้เป็นวิธีแยกความแตกต่าง 364 00:18:30,818 --> 00:18:33,448 ‎ระหว่างดีกับไม่ดี นั่นหมายถึงมันสุดยอด 365 00:18:33,529 --> 00:18:36,159 ‎มันเหมือนเอาสิ่งที่เป็นลบไปบิดกลับ 366 00:18:36,240 --> 00:18:38,780 ‎ถ้าใครบอกว่า "ฉันคือเดอะชิต" 367 00:18:38,867 --> 00:18:42,197 ‎ฉันก็จะ "ขอบคุณที่สุดเลยค่ะ ‎ดีใจที่คุณจำได้นะคะ" 368 00:18:42,287 --> 00:18:43,707 ‎มันเป็นเรื่อง 369 00:18:43,789 --> 00:18:46,749 ‎ของการทำให้การลบหลู่ ‎กลายเป็นความศักดิ์สิทธิ์ ผมคิดงั้นนะ 370 00:18:46,834 --> 00:18:50,884 ‎"แบด" เคยเป็นแค่เรื่องแย่ๆ ‎จนกระทั่งไมเคิล แจ็คสันไปเจอมันเข้า 371 00:18:50,963 --> 00:18:55,473 ‎"Fat" เคยถูกฟังไปในทางลบ ‎จนมันเปลี่ยน "F" เป็น "PH" 372 00:18:55,551 --> 00:18:56,721 ‎"ชิต" ก็คือเดอะชิต 373 00:18:56,802 --> 00:18:59,562 ‎ก็แค่เดอะชิต คือชิตที่แรงที่สุด 374 00:18:59,638 --> 00:19:02,308 ‎แต่ถ้าคุณชิตตี้ คุณจะไม่ใช่ชิต แต่คุณห่วย 375 00:19:02,391 --> 00:19:03,231 ‎เข้าใจนะ 376 00:19:05,435 --> 00:19:06,765 ‎มีเนื้อร้องในเพลงหนึ่ง 377 00:19:06,854 --> 00:19:09,944 ‎สำหรับฉันมันเป็นคำร้องที่โรแมนติกที่สุด 378 00:19:10,023 --> 00:19:11,153 ‎เขาบอกว่า... 379 00:19:12,025 --> 00:19:14,525 ‎"เธอคือชิต แต่ฉันก็จมมิดเข่า" 380 00:19:17,489 --> 00:19:20,529 ‎ผมคิดว่าคำนั้นควรจะเป็นแค่คำหนึ่ง 381 00:19:21,034 --> 00:19:22,414 ‎ผมว่ามันก็คำทั่วๆ ไป 382 00:19:22,494 --> 00:19:27,754 ‎ไม่มีใครที่ใช้คำว่า "ชิต" เมื่อ 100 หรือ ‎200 ปีก่อนจะนึกออกว่า 383 00:19:27,833 --> 00:19:31,093 ‎"ชิตนี่อร่อยจัง" จะกลายเป็นเรื่องดี 384 00:19:31,170 --> 00:19:34,460 ‎"ชิต" หลบอยู่หลัง "แครป" มาสองสามศตวรรษ 385 00:19:34,548 --> 00:19:38,258 ‎ถ้าคุณพูด "แครป" ได้อยู่แล้วไม่ว่าตอนไหน 386 00:19:38,343 --> 00:19:39,973 ‎แสดงว่า "ชิต" ก็ต้องได้เหมือนกัน 387 00:19:41,930 --> 00:19:45,270 ‎ไม่ว่าคุณจะกำลังหน่าย ‎กับเรื่องไร้สาระของใครบางคน 388 00:19:45,350 --> 00:19:47,270 ‎หรือแม้แต่เรื่องของคุณเอง 389 00:19:47,352 --> 00:19:50,862 ‎แต่จงจำไว้ว่า "ชิต" คือตัวปรับค่าชั้นเยี่ยม 390 00:19:50,939 --> 00:19:53,649 ‎ไม่ว่าจะเชื้อชาติ ศาสนา หรือลัทธิใด 391 00:19:53,734 --> 00:19:55,404 ‎ราชาหรือชาวไร่ 392 00:19:55,485 --> 00:19:57,195 ‎ทุกคนเชี่ยทั้งนั้น 393 00:19:57,279 --> 00:20:02,739 ‎(ประมาณ 56 นาทีต่อมา ‎หรืออาจจะมากกว่า) 394 00:20:04,745 --> 00:20:05,615 ‎นั่นแหละ 395 00:20:06,455 --> 00:20:08,865 ‎เรียกกินเนสบุ๊กมาได้เลย 396 00:20:09,416 --> 00:20:11,036 ‎นั่นแหละ เสร็จแล้ว 397 00:20:43,242 --> 00:20:45,082 ‎คำบรรยายโดย ปาริชาติ ชัยพิกุล