1 00:00:07,541 --> 00:00:10,021 ‎(ผลงานซีรีส์สารคดีจาก NETFLIX) 2 00:00:25,581 --> 00:00:30,021 ‎โลก ถิ่นกำเนิดของหลายล้านสายพันธุ์ 3 00:00:34,661 --> 00:00:37,901 ‎แต่มีอะไรที่อาจอยู่... นอกโลกบ้าง 4 00:00:45,261 --> 00:00:48,501 ‎มีดาวเคราะห์มากมายนับไม่ถ้วนอยู่ทั่วจักรวาล 5 00:00:53,941 --> 00:00:57,381 ‎หากมีสิ่งมีชีวิต ‎อยู่บนเศษเสี้ยวของดาวเหล่านั้นเท่านั้น 6 00:00:58,541 --> 00:01:03,221 ‎งั้นจักรวาลก็คงมีชีวิต 7 00:01:12,981 --> 00:01:16,661 ‎สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีความต้องการเหมือนกัน 8 00:01:19,461 --> 00:01:20,661 ‎กิน... 9 00:01:27,341 --> 00:01:28,621 ‎สืบพันธุ์... 10 00:01:33,301 --> 00:01:34,141 ‎และวิวัฒนาการ 11 00:01:38,141 --> 00:01:40,781 ‎จากการประยุกต์กฎของสิ่งมีชีวิตบนโลก 12 00:01:41,341 --> 00:01:43,101 ‎กับดาวดวงอื่นๆ ในจักรวาล 13 00:01:45,141 --> 00:01:46,941 ‎จึงเป็นไปได้ที่จะจินตนาการถึง 14 00:01:47,501 --> 00:01:48,621 ‎สิ่งที่อาจมีชีวิตอยู่... 15 00:01:50,341 --> 00:01:52,501 ‎บนโลกต่างดาว 16 00:02:15,741 --> 00:02:19,061 ‎รูปแบบชีวิตทุกรูปแบบ ‎ต้องการดาวเคราะห์สำหรับอยู่อาศัย 17 00:02:20,661 --> 00:02:23,781 ‎แต่ในจักรวาลมีดาวเคราะห์อยู่ทั้งหมดกี่ดวงกันแน่ 18 00:02:28,941 --> 00:02:30,501 ‎ลองนึกถึงดาวฤกษ์ของเรา 19 00:02:31,461 --> 00:02:32,421 ‎พระอาทิตย์ 20 00:02:33,381 --> 00:02:36,781 ‎มีโลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัสบดีโคจรอยู่รอบมัน 21 00:02:41,541 --> 00:02:42,901 ‎เป็นเวลาหลายศตวรรษ 22 00:02:42,981 --> 00:02:46,061 ‎ที่คนเราถามตัวเองว่า "แล้วดาวฤกษ์ดวงอื่นล่ะ" 23 00:02:46,421 --> 00:02:48,221 ‎พวกมันมีดาวเคราะห์เหมือนกันรึเปล่า 24 00:02:52,141 --> 00:02:53,781 ‎และเมื่อ 24 ปีที่แล้ว 25 00:02:54,581 --> 00:02:55,501 ‎ผมเจอหนึ่งดวง! 26 00:02:57,301 --> 00:03:01,301 ‎(หอดูดาวพารานัล ‎ประเทศชิลี) 27 00:03:02,901 --> 00:03:06,221 ‎ดีดีเยร์ เควลอซเป็นนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์ชื่อดัง 28 00:03:09,141 --> 00:03:12,461 ‎เขาเคยได้รับรางวัลโนเบล ‎ที่ค้นพบดาวเคราะห์ดวงแรก 29 00:03:13,221 --> 00:03:14,901 ‎นอกเหนือจากระบบสุริยะของเรา 30 00:03:18,541 --> 00:03:21,501 ‎ผมอายุ 28 ปี ตอนที่ผมเจอดาวเคราะห์ 31 00:03:22,261 --> 00:03:24,581 ‎ผมกำลังจะจบปริญญาเอก 32 00:03:24,661 --> 00:03:28,101 ‎และอาจารย์ที่ปรึกษาของผม ‎ได้มอบกุญแจอุปกรณ์ให้ผม 33 00:03:28,701 --> 00:03:32,301 ‎และหลังจากเฝ้าดูดาว 51 เพ็กอยู่สองสามครั้ง 34 00:03:32,501 --> 00:03:35,101 ‎ผมรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นบนดาวดวงนั้น 35 00:03:36,741 --> 00:03:39,141 ‎และบอกตามตรง ตอนนั้นผมตื่นตระหนก 36 00:03:40,061 --> 00:03:42,821 ‎ผมคิดว่าอุปกรณ์ของผมมีบางอย่างผิดปกติจริงๆ 37 00:03:44,141 --> 00:03:48,141 ‎ยิ่งผมอยากเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ‎มันยิ่งมีเหตุผลน้อยลงเท่านั้น 38 00:03:49,661 --> 00:03:53,061 ‎จนถึงจุดที่ผมเชื่อว่ามันต้องเป็นดาวเคราะห์แน่ๆ 39 00:03:58,501 --> 00:04:00,261 ‎ตรงนั้นดูเหมือนจะเป็นดาวเคราะห์ 40 00:04:02,461 --> 00:04:03,941 ‎ตรงนั้นอาจเป็นดาวพฤหัสบดี 41 00:04:04,501 --> 00:04:05,741 ‎มันเจ๋งมาก 42 00:04:12,061 --> 00:04:15,301 ‎ดาวเคราะห์ที่อยู่ไกลโพ้น ‎มองด้วยกล้องส่องทางไกลไม่เห็น 43 00:04:15,941 --> 00:04:17,980 ‎เพราะมันไม่ได้ปล่อยแสงออกมา 44 00:04:21,141 --> 00:04:23,821 ‎แต่ถ้าดาวเคราะห์เดินทางผ่านหน้าดาวฤกษ์ 45 00:04:24,781 --> 00:04:26,901 ‎มันจะทอดเงาเล็กๆ 46 00:04:27,541 --> 00:04:30,421 ‎และมีแสงสลัวเล็กๆ ของแสงสว่างของดาวฤกษ์ 47 00:04:32,941 --> 00:04:35,621 ‎เมื่อนักดาราศาสตร์ตรวจพบ ‎การลดลงในระดับความสว่างนี้ 48 00:04:36,061 --> 00:04:38,421 ‎พวกเขาพบดาวเคราะห์ดวงใหม่แล้ว 49 00:04:41,941 --> 00:04:43,061 ‎สวัสดี ทุกคน 50 00:04:44,621 --> 00:04:46,221 ‎กล้องส่องทางไกลส่องตรงนี้อยู่ 51 00:04:46,301 --> 00:04:48,221 ‎นี่คือภาพจากกล้องส่องทางไกลตอนนี้ 52 00:04:49,261 --> 00:04:52,301 ‎ตรงกลางคือเป้าหมายที่เราเฝ้าดูอยู่ 53 00:04:52,741 --> 00:04:56,701 ‎คุณวิเคราะห์อาณาเขตทั้งหมด ‎คุณประมวลผลข้อมูล 54 00:04:56,781 --> 00:05:00,501 ‎และถ้าคุณโชคดีพอ คุณจะตรวจพบสิ่งนี้ 55 00:05:00,701 --> 00:05:03,101 ‎มันมีการลดลงของฟลักซ์เล็กน้อย 56 00:05:03,301 --> 00:05:06,581 ‎และนี่บอกผมว่ามีดาวเคราะห์ ‎โคจรอยู่รอบดาวฤกษ์ดวงนั้น 57 00:05:10,981 --> 00:05:14,101 ‎เรารู้ว่าในจักรวาลนี้ ‎มีดาวเคราะห์อยู่มากมายเหลือเกิน 58 00:05:17,741 --> 00:05:21,421 ‎มันต้องมีสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ‎อยู่มากมายนับไม่ถ้วนแน่ๆ 59 00:05:22,261 --> 00:05:27,541 ‎มาจินตนาการกันว่านี่คือโลก นี่ครับ นะครับ 60 00:05:28,141 --> 00:05:33,421 ‎ลองจินตนาการดูว่าหนึ่งเมตรเท่ากับ 20 ปีแสง 61 00:05:33,861 --> 00:05:37,061 ‎ดังนั้นสองเมตรก็เท่ากับ 40 ปีแสง 62 00:05:37,141 --> 00:05:42,221 ‎นี่คือจุดที่ 51 เพ็กอยู่ ที่ที่พบดาวเคราะห์ดวงแรก 63 00:05:44,021 --> 00:05:46,941 ‎ไฟดวงเล็กๆ พวกนี้เป็นตัวแทนของดาวฤกษ์ 64 00:05:47,021 --> 00:05:48,861 ‎ที่พบดาวเคราะห์ 65 00:05:51,341 --> 00:05:53,021 ‎ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า 66 00:05:53,461 --> 00:05:55,701 ‎ดาวเคราะห์จะปรากฏทั่วทุกแห่ง 67 00:05:57,421 --> 00:05:59,661 ‎ดาวเคราะห์ๆ ทั่วทุกแห่ง 68 00:06:03,381 --> 00:06:04,941 ‎ตอนนี้มันดูเจ๋งมาก 69 00:06:06,261 --> 00:06:08,501 ‎เส้นขอบฟ้าของดาวฤกษ์และดาวเคราะห์ 70 00:06:09,341 --> 00:06:10,421 ‎อยู่รอบตัว 71 00:06:16,941 --> 00:06:21,581 ‎ดาวเคราะห์ที่อยู่นอกระบบสุริยะของเรา ‎เรียกว่าดาวเคราะห์นอกระบบ 72 00:06:26,541 --> 00:06:30,301 ‎นักดาราศาสตร์พบดาวเคราะห์ ‎มากกว่า 4,000 ดวง 73 00:06:31,141 --> 00:06:32,901 ‎และยังค้นพบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 74 00:06:41,141 --> 00:06:46,301 ‎ตอนนี้พวกเขาเชื่อว่าดาวฤกษ์ ‎มีดาวเคราะห์อย่างน้อยหนึ่งดวงในจักรวาล 75 00:06:48,941 --> 00:06:55,021 ‎นั่นแปลว่ามีดาวเคราะห์นอกระบบ ‎กว่าหนึ่งล้าน หนึ่งพันล้าน หนึ่งล้านล้านดวง 76 00:07:00,141 --> 00:07:03,621 ‎มากกว่าเมล็ดทรายทั้งหมดบนโลก 77 00:07:05,861 --> 00:07:10,261 ‎ผ้าใบผืนมหึมาสำหรับวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต 78 00:07:18,061 --> 00:07:20,781 ‎ระยะทางนั้นน่าตกใจ 79 00:07:22,741 --> 00:07:26,421 ‎ดาวเคราะห์นอกระบบที่ใกล้ที่สุด ‎อยู่ห่างจากเราหนึ่งล้านล้านกิโลเมตร 80 00:07:29,741 --> 00:07:34,661 ‎แต่ทั้งหมดอยู่ภายใต้แรงเดียวกัน ‎กับแรงที่ประคองโลกไว้กับที่ 81 00:07:37,221 --> 00:07:38,101 ‎แรงโน้มถ่วง 82 00:07:46,261 --> 00:07:49,541 ‎ลองจินตนาการถึงโลกใบหนึ่ง ‎ที่มีขนาดเป็นสองเท่าของโลกมนุษย์ 83 00:07:50,461 --> 00:07:52,301 ‎โดยมีแรงโน้มถ่วงมากกว่าสองเท่า 84 00:07:56,061 --> 00:07:58,381 ‎นี่คือแอตลาส 85 00:08:03,181 --> 00:08:06,381 ‎สิ่งมีชีวิตจะปรับตัวอย่างไรบนโลกแบบนั้น 86 00:08:17,941 --> 00:08:21,541 ‎แรงโน้มถ่วงดึงพืชพันธุ์ ‎ลงมาที่พื้นผิวของดาวเคราะห์ 87 00:08:24,141 --> 00:08:27,541 ‎แต่เมล็ดพันธุ์สามารถลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ 88 00:08:29,661 --> 00:08:32,621 ‎นั่นเป็นเพราะแรงโน้มถ่วงที่นี่ทรงพลังมาก 89 00:08:33,141 --> 00:08:36,101 ‎โมเลกุลของอากาศรวมตัวกันอย่างแน่นหนา 90 00:08:38,301 --> 00:08:42,861 ‎ทำให้เกิดชั้นบรรยากาศลอยตัวที่หนา ‎ที่เมล็ดพืชล่องลอยไปได้ 91 00:08:53,541 --> 00:08:55,101 ‎และที่ใดที่มีเมล็ดพืช 92 00:08:56,261 --> 00:08:57,701 ‎ก็ย่อมมีสกายเกรเซอร์ 93 00:09:03,141 --> 00:09:06,301 ‎สัตว์กินพืชขนาดยักษ์มีหกปีก 94 00:09:07,141 --> 00:09:09,621 ‎เพื่อขับเคลื่อนไปบนอากาศอันหนาแน่น 95 00:09:21,221 --> 00:09:22,821 ‎เพราะแรงโน้มถ่วงที่มากเป็นพิเศษ 96 00:09:23,461 --> 00:09:25,941 ‎พวกมันจึงหนักมากกว่าที่จะหนักบนโลกถึงสองเท่า 97 00:09:29,541 --> 00:09:31,661 ‎แต่พวกมันไม่ร่วงหล่นจากท้องฟ้า 98 00:09:32,341 --> 00:09:36,501 ‎ชั้นบรรยากาศหนามากพอ ‎ที่จะทำให้พวกมันลอยในอากาศได้ 99 00:09:43,741 --> 00:09:46,021 ‎ไม่ว่าจะบนแอตลาสหรือบนโลก 100 00:09:46,701 --> 00:09:50,821 ‎การบินคือการต่อสู้เพื่อเอาชนะแรงโน้มถ่วงเสมอ 101 00:09:53,981 --> 00:09:57,341 ‎(ทะเลสาบการ์ดา ‎ประเทศอิตาลี) 102 00:09:59,341 --> 00:10:02,941 ‎คุณอาจพูดว่าผมมีความสัมพันธ์ ‎ที่ซับซ้อนกับแรงโน้มถ่วง 103 00:10:04,661 --> 00:10:07,301 ‎และคุณรู้สึกได้จริงๆ ‎ว่าแรงโน้มถ่วงคือแรงที่ดึงคุณลงไป 104 00:10:07,381 --> 00:10:08,821 ‎ในขณะที่คุณดิ้นรนจะขึ้นสู่ด้านบน 105 00:10:11,941 --> 00:10:15,301 ‎แต่สุดท้ายแล้ว ความฝันของผม ‎คือการบินได้มาตลอด 106 00:10:18,581 --> 00:10:20,821 ‎วู้ฮู! 107 00:10:23,501 --> 00:10:27,621 ‎สิ่งที่ผมรักมากที่สุดเกี่ยวกับการเล่นพาราไกลดิ้ง ‎คือมันง่ายดายและเป็นธรรมชาติมาก 108 00:10:28,061 --> 00:10:29,821 ‎มีแค่คุณกับอากาศ 109 00:10:32,061 --> 00:10:34,661 ‎เช่นเดียวกับสกายเกรเซอร์บนแอตลาส 110 00:10:35,141 --> 00:10:38,301 ‎นักเล่นพาราไกลดิ้งใช้ปีกของพวกเขา ‎ในการสร้างแรงยก 111 00:10:42,141 --> 00:10:44,701 ‎แต่ชั้นบรรยากาศบนโลกหนาแน่นน้อยกว่า... 112 00:10:46,661 --> 00:10:49,701 ‎จึงต้องใช้ความพยายามมากกว่า ‎ในการลอยอยู่ในอากาศ 113 00:10:54,141 --> 00:10:56,501 ‎คนส่วนใหญ่ไม่มองว่าอากาศคือสสาร 114 00:10:58,541 --> 00:11:00,141 ‎แต่สำหรับผม เวลาผมบิน 115 00:11:00,501 --> 00:11:03,901 ‎ผมมองว่ามันคือของเหลว ‎ที่เคลื่อนไหวขึ้นและลงตามหุบเขา 116 00:11:04,261 --> 00:11:05,341 ‎และตามสันเขา 117 00:11:08,741 --> 00:11:12,061 ‎มันคงจะแปลกมากที่ต้องบิน ‎ในชั้นบรรยากาศที่หนาแน่นมากๆ 118 00:11:13,061 --> 00:11:16,701 ‎คุณจะสามารถร่อนไปรอบๆ ได้ตลอดเวลา ‎โดยไม่ต้องพยายามอะไรเลย 119 00:11:20,141 --> 00:11:24,181 ‎วิธีที่ดีที่สุดในการขึ้นที่สูงให้ได้ ‎คือการหาการลอยตัวขึ้นของก๊าซให้เจอ 120 00:11:25,061 --> 00:11:26,901 ‎ที่เรียกกันว่ากระแสลมอุ่น 121 00:11:29,141 --> 00:11:30,261 ‎เมื่อคุณเจอกระแสลมอุ่น 122 00:11:30,341 --> 00:11:33,461 ‎มันคล้ายกับเวลาที่คุณอยู่ในลิฟต์ ‎และมันเริ่มทำงานมาก 123 00:11:36,541 --> 00:11:38,101 ‎คุณรู้สึกถึงการดันขึ้นด้านบน 124 00:11:38,181 --> 00:11:39,621 ‎ใช่เลย ขึ้นไปแล้ว! 125 00:11:43,741 --> 00:11:45,901 ‎แค่พลังของธรรมชาติที่ดึงผมขึ้นไป 126 00:11:50,061 --> 00:11:52,861 ‎เวลาผมบินและเห็นนกล้อมเป็นวงกลม 127 00:11:52,941 --> 00:11:54,581 ‎มันแปลว่าตรงนั้นมีกระแสลมอุ่นอยู่ 128 00:11:55,701 --> 00:11:57,861 ‎เราจึงมักจะมองดูพวกมันอยู่ตลอด 129 00:12:02,341 --> 00:12:06,021 ‎คุณสามารถรู้สึกได้ถึงความสมดุล ‎ระหว่างแรงโน้มถ่วงที่ดึงคุณลงไป 130 00:12:06,101 --> 00:12:07,661 ‎และอากาศที่ยกคุณขึ้น 131 00:12:08,341 --> 00:12:10,821 ‎จากนั้นคุณสามารถใช้น้ำหนักตัวคุณ 132 00:12:10,901 --> 00:12:13,861 ‎เพื่อเร่งความเร็วและใช้ความเร็วนั้น ‎สร้างพลังงานให้มากขึ้น 133 00:12:14,461 --> 00:12:16,261 ‎และรู้สึกว่าคุณกำลังเคลื่อนไหวผ่านอากาศ 134 00:12:34,701 --> 00:12:38,341 ‎แรงโน้มถ่วงบนโลกอาจอ่อนแรงกว่าบนแอตลาส 135 00:12:39,141 --> 00:12:42,701 ‎แต่ชั้นบรรยากาศที่บางกว่า ‎หมายความว่ามีการลอยที่น้อยกว่า 136 00:12:45,261 --> 00:12:48,421 ‎สุดท้ายแล้วทุกอย่างจึงร่วงลงมา 137 00:13:02,021 --> 00:13:05,061 ‎(ความหนาแน่นของชั้นบรรยากาศ) 138 00:13:10,741 --> 00:13:14,421 ‎บนแอตลาส สกายเกรเซอร์ ‎ไม่เคยต้องลงมาบนพื้นดิน 139 00:13:18,741 --> 00:13:22,301 ‎ปีกหน้าและหลังของมัน ‎มีไว้บังคับทิศทางและผลักดัน 140 00:13:25,541 --> 00:13:28,301 ‎ปีกกลางที่ยาวของมันมีไว้จับกระแสลมอุ่น 141 00:13:32,101 --> 00:13:33,741 ‎แม้น้ำหนักจะมาก 142 00:13:34,381 --> 00:13:38,341 ‎แต่อากาศก็หนาพอที่พวกมันจะใช้ชีวิตอยู่ได้ 143 00:13:38,821 --> 00:13:40,101 ‎บนท้องฟ้า 144 00:13:45,141 --> 00:13:48,101 ‎แต่มันไม่ใช่ชีวิตที่สงบสุขเสมอไป 145 00:13:50,661 --> 00:13:54,781 ‎เช่นเดียวกับบนโลก เกรเซอร์ดึงดูดผู้ล่า 146 00:13:57,541 --> 00:14:02,021 ‎พวกมันใช้แบคทีเรียที่ผลิตก๊าซไฮโดรเจนได้ ‎ในการทำให้ถุงอากาศของพวกมันพองลม 147 00:14:02,461 --> 00:14:04,421 ‎และลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า 148 00:14:14,941 --> 00:14:17,701 ‎หากอยู่ตัวเดียว ‎พวกมันสู้เหยื่อของพวกมันไม่ได้... 149 00:14:20,461 --> 00:14:22,341 ‎พวกมันจึงล่าเป็นกลุ่ม... 150 00:14:24,421 --> 00:14:27,821 ‎รอให้สกายเกรเซอร์พลัดหลงจากกลุ่ม 151 00:14:38,501 --> 00:14:41,941 ‎เมื่อเห็นเป้าหมาย พวกมันปล่อยก๊าซออก... 152 00:14:44,461 --> 00:14:46,261 ‎และจู่โจมจากด้านบน 153 00:14:56,861 --> 00:14:59,101 ‎ผู้ล่าที่ว่องไวที่สุดในโลก 154 00:14:59,181 --> 00:15:01,341 ‎ใช้กลยุทธ์เดียวกัน 155 00:15:04,661 --> 00:15:06,621 ‎ผมสนใจเหยี่ยวบินตรงที่ 156 00:15:07,181 --> 00:15:11,541 ‎สัญชาตญาณความเป็นนักล่าของมัน ‎ร่วมกับปัจจัยด้านความเร็ว 157 00:15:16,341 --> 00:15:18,381 ‎และวิธีที่พวกมันใช้ความเร็วนั้นเป็นข้อได้เปรียบ 158 00:15:24,061 --> 00:15:27,261 ‎แต่แค่ได้มองดูสุดยอดผู้ล่าทำสิ่งที่มันถนัด... 159 00:15:31,541 --> 00:15:33,301 ‎ก็ยอดเยี่ยมแล้ว 160 00:15:35,821 --> 00:15:40,101 ‎(หุบเขาวินด์ริเวอร์ ‎รัฐไวโอมิง สหรัฐฯ) 161 00:15:43,741 --> 00:15:46,621 ‎ตอนนี้ผมน่าจะมีนกอยู่ 30 กว่าตัวได้ 162 00:15:47,461 --> 00:15:49,341 ‎นกแต่ละตัวมีบุคลิกที่แตกต่างกัน 163 00:15:50,741 --> 00:15:52,261 ‎สิ่งที่ผมชอบในตัวเหยี่ยว 164 00:15:52,341 --> 00:15:55,701 ‎คือวิธีการที่วิวัฒนาการได้สร้าง ‎แบบอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดขึ้น 165 00:16:05,341 --> 00:16:07,541 ‎ผมมีสายสัมพันธ์กับนกพวกนี้จริงๆ 166 00:16:07,821 --> 00:16:09,421 ‎แน่นอนว่าเป็นจากฝั่งของผมครับ 167 00:16:09,941 --> 00:16:11,901 ‎ผมไม่คิดว่าเหยี่ยวมองมันแบบนั้น 168 00:16:11,981 --> 00:16:14,181 ‎แต่พวกมันเห็นผมเป็นส่วนหนึ่งของทีมแน่นอน 169 00:16:16,581 --> 00:16:21,981 ‎วาเฮ แอลาเวอร์เดียนฝึกวิธีการล่า ‎ให้เหยี่ยวที่ผสมพันธุ์ในที่กักขัง 170 00:16:27,341 --> 00:16:29,261 ‎นกพวกนี้ถูกป้อนข้อมูลทางพันธุกรรม 171 00:16:29,341 --> 00:16:31,621 ‎ให้เป็นสุดยอดสัตว์ปีกนักล่าตามที่พวกมันเป็น 172 00:16:34,381 --> 00:16:35,861 ‎สิ่งที่เราทำในฐานะนักเลี้ยงเหยี่ยว 173 00:16:35,941 --> 00:16:38,621 ‎คือพยายามปลุกนิสัยนักล่านั้นในตัวนก 174 00:16:47,261 --> 00:16:49,261 ‎การฝึกด้วยเหยื่อล่อคือขั้นตอนแรกๆ 175 00:16:49,341 --> 00:16:50,261 ‎มาเลยพรรคพวก! 176 00:16:54,661 --> 00:16:57,061 ‎ผมจะเอาเหยื่อล่อนั้นไว้ตรงหน้าเหยี่ยว 177 00:16:57,581 --> 00:17:00,101 ‎และทำให้เหยี่ยวประสานตาและเท้า... 178 00:17:00,861 --> 00:17:03,061 ‎และเหวี่ยงเท้าออกไปราวกับกำลังจะคว้าเหยื่อ 179 00:17:03,941 --> 00:17:06,941 ‎ระหว่างที่สิ่งนั้นเกิดขึ้น ‎ผมพยายามจะดึงเหยื่อออกจากเหยี่ยว 180 00:17:07,421 --> 00:17:10,380 ‎เพื่อให้มันพุ่งขึ้นไปในอากาศ ‎และทำขั้นตอนนี้ซ้ำอีกครั้ง 181 00:17:11,140 --> 00:17:14,821 ‎ผมอยากเห็นนกตัวนั้นดิ่งลงมา ‎เป็นแนวตั้งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 182 00:17:18,541 --> 00:17:22,021 ‎นั่นคือสิ่งที่พวกมันจะประยุกต์ใช้ ‎ในเกมล่าหลังจากนี้ 183 00:17:30,461 --> 00:17:35,021 ‎เมื่อเหยี่ยวพร้อมแล้ว ‎วาเฮจะเอาเหยื่อเป้าหมายมาใช้ 184 00:17:36,621 --> 00:17:37,861 ‎นกพิราบแข่ง 185 00:17:41,261 --> 00:17:44,221 ‎เหยี่ยวไม่สามารถไล่ตามนกพิราบทันได้ 186 00:17:45,461 --> 00:17:47,581 ‎วิธีที่ดีที่สุดจึงเป็นการทิ้งตัวใส่มัน 187 00:17:48,501 --> 00:17:49,621 ‎โดยใช้แรงโน้มถ่วง 188 00:17:55,861 --> 00:17:58,381 ‎เมื่อนกคิดว่ามันได้เปรียบ 189 00:17:59,581 --> 00:18:01,301 ‎ตอนนั้นแหละที่ปีกของมันจะพับเก็บเข้าไป 190 00:18:04,661 --> 00:18:07,421 ‎มันบินถลาลงเป็นรูปทรงหยดน้ำตาหยดเล็กๆ 191 00:18:09,061 --> 00:18:10,381 ‎ดิ่งลงมาจากสวรรค์ 192 00:18:12,461 --> 00:18:14,901 ‎พลังงานจลน์ของเหยี่ยวที่ปะทะนกพิราบ 193 00:18:16,141 --> 00:18:19,581 ‎รุนแรงราวกับคุณถูกกระสุนปืนใหญ่ยิงทีเดียว 194 00:18:27,461 --> 00:18:30,501 ‎ในการฝึก นกพิราบหนีไปได้เสมอ 195 00:18:31,581 --> 00:18:34,981 ‎เพราะเหยี่ยวถูกทำให้ต้องบินถลาลงมา ‎ในระยะที่ต่ำกว่า 1,000 ฟุต 196 00:18:38,461 --> 00:18:39,901 ‎แต่เวลาออกล่าจริงๆ 197 00:18:40,661 --> 00:18:42,541 ‎มันจะดิ่งลงมาจากที่ที่สูงกว่ามาก... 198 00:18:44,301 --> 00:18:45,621 ‎เพื่อให้เกิดผลถึงตาย 199 00:18:51,541 --> 00:18:55,141 ‎(ความเร่งโน้มถ่วง) 200 00:19:06,461 --> 00:19:08,701 ‎ผู้ล่าออกเดินทัพ 201 00:19:23,861 --> 00:19:25,621 ‎มันใช้ปีกของมัน 202 00:19:25,701 --> 00:19:27,701 ‎ในการสร้างแรงต้าน... 203 00:19:28,981 --> 00:19:31,221 ‎ทำให้สกายเกรเซอร์ไม่มั่นคง 204 00:19:31,301 --> 00:19:33,701 ‎เพื่อกินมันบนพื้นดิน 205 00:19:42,741 --> 00:19:46,621 ‎แต่ผู้ล่ากลุ่มนี้กลุ่มเล็ก ‎เกินกว่าจะโค่นสัตว์ตัวใหญ่ขนาดนี้ได้ 206 00:19:53,861 --> 00:19:55,501 ‎วันนี้ พวกมันจะต้องทนหิว 207 00:20:07,941 --> 00:20:10,901 ‎สกายเกรเซอร์ไต่ขึ้นไปบนความสูงที่ปลอดภัย... 208 00:20:12,541 --> 00:20:13,701 ‎เพื่อพักฟื้น 209 00:20:19,461 --> 00:20:21,141 ‎แต่เพราะเป็นตัวเมียในช่วงเจริญพันธุ์ 210 00:20:21,941 --> 00:20:23,261 ‎มันจึงมีเพื่อนมาด้วย 211 00:20:25,701 --> 00:20:29,381 ‎เกรเซอร์ตัวผู้ แข่งกันเพื่อให้ถูกเลือกเป็นคู่ 212 00:20:36,741 --> 00:20:39,701 ‎หางที่ใหญ่ผิดปกติของมันคืออุปสรรค 213 00:20:40,741 --> 00:20:42,221 ‎ทำให้พวกมันบินได้ยากขึ้น 214 00:20:43,661 --> 00:20:44,941 ‎แต่สำหรับตัวเมีย 215 00:20:45,301 --> 00:20:47,461 ‎มันคือสัญลักษณ์ของกำลังวังชา 216 00:20:51,541 --> 00:20:53,901 ‎ตัวแรกที่ไปถึงตัวเมียก่อนจะได้ผสมพันธุ์ 217 00:20:54,741 --> 00:20:56,821 ‎และถ่ายทอดยีนของมัน 218 00:21:04,741 --> 00:21:07,301 ‎หลักการเดียวกันประยุกต์ใช้บนโลก 219 00:21:08,861 --> 00:21:10,381 ‎ไม่ว่าจะเป็นบนท้องฟ้า 220 00:21:11,301 --> 00:21:12,621 ‎หรือบนพื้นดิน 221 00:21:15,941 --> 00:21:18,621 ‎ตัวผู้แข่งขันกันเพื่อสิทธิ์ในการผสมพันธุ์ 222 00:21:24,061 --> 00:21:27,621 ‎ผมคิดว่าเวลาคนเรานั่งอยู่ที่บ้าน ดูแมลงในทีวี 223 00:21:27,701 --> 00:21:30,221 ‎พวกเขาจินตนาการว่าตากล้องนั่งอยู่ในป่า 224 00:21:30,781 --> 00:21:32,501 ‎ในแม่น้ำหรือแนวพุ่มไม้ 225 00:21:33,141 --> 00:21:35,901 ‎รอให้ตัวด้วงพวกนี้ผ่านมา 226 00:21:35,981 --> 00:21:39,621 ‎และสืบพันธุ์หรือต่อสู้กันหน้ากล้อง 227 00:21:42,141 --> 00:21:43,461 ‎มันไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ 228 00:21:45,261 --> 00:21:48,821 ‎(คอตส์โวลด์ ‎ประเทศอังกฤษ) 229 00:21:48,901 --> 00:21:53,221 ‎นี่คือกระท่อมเก่าๆ ใกล้พัง ‎ซึ่งอยู่ติดกับบ้านพ่อแม่ผม 230 00:21:53,341 --> 00:21:54,541 ‎ซึ่งอยู่ตรงนั้น 231 00:21:55,661 --> 00:21:58,701 ‎ข้อได้เปรียบสำคัญที่มีสถานที่อยู่ติดบ้านพ่อแม่คุณ 232 00:21:58,781 --> 00:22:02,901 ‎คือคุณมีอาหารเย็นดีๆ กินในตอนเย็น ‎และมีชาให้ดื่มระหว่างวัน 233 00:22:03,941 --> 00:22:05,741 ‎มาดูสิครับว่าเราทำอะไรกันอยู่ 234 00:22:06,381 --> 00:22:07,621 ‎โอ้พระเจ้า 235 00:22:08,821 --> 00:22:10,221 ‎พวกมันคือตัวอะไรเนี่ย 236 00:22:10,341 --> 00:22:12,021 ‎มันคือด้วงแรดครับ 237 00:22:13,741 --> 00:22:15,301 ‎ตัวผู้มีเขาใหญ่ๆ แบบนี้ 238 00:22:15,381 --> 00:22:18,621 ‎ตัวเมียไม่มี ‎มันคือรูปแบบของการคัดเลือกทางเพศ 239 00:22:18,701 --> 00:22:22,741 ‎เพราะตัวเมียชอบตัวผู้ที่มีเขาใหญ่ 240 00:22:24,261 --> 00:22:25,621 ‎ดังนั้นทุกครั้งที่พวกมันผสมพันธุ์กัน 241 00:22:25,701 --> 00:22:28,981 ‎พวกมันจะผสมพันธุ์กับด้วงที่มีเขาค่อนข้างใหญ่กว่า 242 00:22:29,061 --> 00:22:30,781 ‎ด้วงที่พวกมันเจอมาครั้งล่าสุดเล็กน้อย 243 00:22:30,861 --> 00:22:33,621 ‎ด้วงตัวผู้ตัวนั้นจึงถ่ายทอดยีนของมันต่อไป 244 00:22:34,341 --> 00:22:37,421 ‎ดังนั้นเมื่อผ่านไปแต่ละรุ่นวัย ‎เขาก็เลยใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ 245 00:22:39,301 --> 00:22:43,541 ‎- วางตรงไหนเป็นพิเศษไหม ‎- วางบนขอนไม้ หันหน้าไปหาตัวผู้อีกตัว 246 00:22:44,461 --> 00:22:46,061 ‎เอาแล้ว พวกมันพุ่งใส่กันทันที 247 00:22:49,861 --> 00:22:52,101 ‎เขาของด้วงแรดตัวผู้ 248 00:22:52,261 --> 00:22:54,821 ‎ก็เหมือนหางของสกายเกรเซอร์ตัวผู้ 249 00:22:57,861 --> 00:23:00,301 ‎มันพัฒนาขึ้นเพื่อการแข่งขันทางเพศ 250 00:23:21,301 --> 00:23:22,861 ‎ตัวที่เจ๋งกว่าทำสำเร็จอีกแล้ว 251 00:23:28,501 --> 00:23:29,541 ‎เป็นช็อตที่ดี 252 00:23:29,621 --> 00:23:32,061 ‎นั่นคือช็อตที่เราต้องการ สอดใส่ตัวเมีย ใช่ 253 00:23:35,661 --> 00:23:36,781 ‎หนึ่ง สอง สาม 254 00:23:37,981 --> 00:23:39,141 ‎- โอเคไหม ‎- โอเค 255 00:23:39,821 --> 00:23:40,781 ‎- ใช่ ‎- อย่างนั้นแหละ 256 00:23:41,221 --> 00:23:42,701 ‎- คุณกำลังใส่นั่นเข้าไปเหรอ ‎- ใช่ 257 00:23:48,021 --> 00:23:51,781 ‎แมลงตัวผู้ไม่ได้ต่อสู้เพื่อดักคู่ผสมพันธุ์เสมอไป 258 00:23:53,261 --> 00:23:57,341 ‎บางครั้งแค่แสดงความองอาจทางกาย ‎ของพวกมันก็เพียงพอแล้ว 259 00:24:00,541 --> 00:24:02,541 ‎เอาละ ผมจะเอาตัวผู้ไปวางตรงหน้าคุณนะ 260 00:24:02,621 --> 00:24:04,381 ‎มันจะเข้ามาทางขวาของคุณ 261 00:24:06,501 --> 00:24:08,101 ‎มันบินไปแล้ว 262 00:24:09,221 --> 00:24:11,581 ‎นี่คือแมลงวันก้านตายาว 263 00:24:14,781 --> 00:24:17,101 ‎แมลงวันก้านตายาวเป็นสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ ที่น่าทึ่ง 264 00:24:17,541 --> 00:24:21,301 ‎มันดูคล้ายมดนิดๆ โดยมีตาดวงใหญ่อยู่ที่ปลายก้าน 265 00:24:22,701 --> 00:24:24,501 ‎ทั้งตัวผู้และตัวเมีย 266 00:24:24,581 --> 00:24:26,381 ‎มีตาอยู่ที่ปลายก้าน 267 00:24:26,461 --> 00:24:29,381 ‎แต่ตัวผู้มีก้านตาที่ยาวกว่าตัวเมียมาก 268 00:24:31,941 --> 00:24:34,541 ‎ตัวผู้ที่มีก้านตายาว 269 00:24:34,981 --> 00:24:36,221 ‎จะเข้าไปหาตัวผู้อีกตัว 270 00:24:36,301 --> 00:24:38,501 ‎และพวกมันจะเต้นรำกันนิดหน่อย 271 00:24:44,661 --> 00:24:46,021 ‎และพวกมันจะพยายามตัดสิน 272 00:24:46,101 --> 00:24:48,941 ‎ว่าใครมีก้านตาใหญ่กว่ากัน 273 00:24:51,101 --> 00:24:52,661 ‎นั่นไง นั่นเป็นการคุมเชิงกัน 274 00:24:57,581 --> 00:25:00,941 ‎ผู้ชนะจะยืนอยู่ที่เดิม ‎จากนั้นผู้แพ้จะเดินต้วมเตี้ยมถอยไป 275 00:25:03,301 --> 00:25:07,901 ‎จากนั้นผู้ชนะตัวนั้นจะเข้าไปหาตัวเมีย ‎และสามารถสืบพันธุ์กับตัวเมีย 276 00:25:08,301 --> 00:25:11,021 ‎และวิธีนั้นสามารถถ่ายทอด ‎ลักษณะทางพันธุกรรมที่มันมี 277 00:25:11,101 --> 00:25:14,101 ‎ซึ่งจะรวมถึงก้านตาที่ยาวกว่านั่นด้วย 278 00:25:15,741 --> 00:25:17,621 ‎- เยี่ยม! เรียบร้อย ‎- ถ่ายอยู่รึเปล่า 279 00:25:18,221 --> 00:25:19,421 ‎วิเศษเลย 280 00:25:25,181 --> 00:25:28,141 ‎ปกติจะแค่แป๊บเดียวก็แยกกันแล้ว นี่วิเศษมาก 281 00:25:34,941 --> 00:25:36,981 ‎ทำไมแมลงวันก้านตายาวถึงพยายาม 282 00:25:37,061 --> 00:25:38,901 ‎ที่จะมีก้านตาที่ใหญ่แบบนี้ 283 00:25:39,461 --> 00:25:43,021 ‎แนวคิดก็คือคุณกำลังส่งสัญญาณ ‎ไปถึงตัวเมียอย่างโจ่งแจ้ง 284 00:25:43,101 --> 00:25:48,021 ‎ว่าคุณสามารถมอบพลังที่น่าทึ่งนี้ ‎ให้กับทรัพยากรนี้ได้ 285 00:25:48,101 --> 00:25:49,541 ‎สิ่งนี้ไม่มีความจำเป็นโดยสิ้นเชิง 286 00:25:51,741 --> 00:25:53,461 ‎และถ้าคุณยังอยู่รอดได้ 287 00:25:53,541 --> 00:25:57,101 ‎ถ้าคุณยังบินต่อได้ และใช้ชีวิต และไม่ถูกล่า 288 00:25:57,501 --> 00:26:01,861 ‎และยังมีสิ่งฟุ้งเฟ้อที่ไร้ประโยชน์นี้ ‎โผล่ออกมาจากหัวของคุณอยู่ 289 00:26:01,941 --> 00:26:04,901 ‎งั้นคุณก็คือการเดิมพันที่ดีทีเดียวที่จะสืบพันธุ์ด้วย 290 00:26:19,061 --> 00:26:20,301 ‎บนแอตลาส 291 00:26:20,381 --> 00:26:26,101 ‎หางที่ยาวของสกายเกรเซอร์ตัวผู้ ‎แสดงว่ามันคือตัวเลือกที่ดีเลิศ... 292 00:26:28,221 --> 00:26:30,901 ‎เพื่อเป็นพ่อของรุ่นวัยต่อไป 293 00:26:37,741 --> 00:26:41,061 ‎แต่แม่ไม่สามารถวางไข่บนท้องฟ้าได้ 294 00:26:46,981 --> 00:26:48,821 ‎มันจึงลงมาบนพื้นดิน 295 00:26:53,141 --> 00:26:58,021 ‎เพราะแรงโน้มถ่วง ตัวของมันจึงหนัก ‎เกินกว่าจะกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าได้ 296 00:27:04,141 --> 00:27:08,101 ‎เพื่อสร้างชีวิตใหม่ มันจำต้องสละชีวิตตัวเอง 297 00:27:22,141 --> 00:27:25,781 ‎ลูกๆ เติบโตใกล้กับที่ที่แม่ของพวกมันตาย 298 00:27:29,341 --> 00:27:33,101 ‎ตอนนี้พวกมันต้องขึ้นจากพื้นดิน ‎ไปอยู่กลางอากาศแล้ว 299 00:27:41,581 --> 00:27:44,181 ‎แต่สัตว์กินซากกำลังรออยู่ 300 00:27:45,781 --> 00:27:47,381 ‎สิ่งมีชีวิตไร้กระดูก 301 00:27:47,821 --> 00:27:50,381 ‎ไม่มีโครงกระดูกที่จะทำให้พวกมันมีรูปร่าง 302 00:27:55,941 --> 00:28:00,221 ‎มันฆ่าด้วยวิธีห่อหุ้มและละลายเหยื่อของมัน 303 00:28:10,941 --> 00:28:17,261 ‎สกายเกรเซอร์เพิ่งจะฟักไข่เท่านั้น ‎แต่พวกมันก็ตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงแล้ว 304 00:28:20,861 --> 00:28:24,021 ‎และตอนนี้จะถอยหลังไม่ได้แล้ว 305 00:28:38,941 --> 00:28:42,501 ‎(ทะเลทรายคาลาฮารี ‎แอฟริกาใต้) 306 00:28:48,221 --> 00:28:49,501 ‎ทุกวันบนโลก 307 00:28:49,741 --> 00:28:53,021 ‎สัตว์วัยเยาว์ต้องเอาชนะโอกาสที่เลวร้ายให้ได้ 308 00:28:53,581 --> 00:28:55,021 ‎หากพวกมันจะอยู่ให้รอด 309 00:28:59,221 --> 00:29:03,781 ‎หกสิบเปอร์เซ็นต์ของเมียร์แคต ‎มีชีวิตไม่รอดถึงวันเกิดปีแรก 310 00:29:06,341 --> 00:29:08,941 ‎สำหรับลูกเมียร์แคต ในช่วงแรกๆ ของชีวิต 311 00:29:09,421 --> 00:29:11,861 ‎ที่นี่มีอันตรายอยู่มากมาย 312 00:29:12,701 --> 00:29:16,301 ‎พวกมันถูกโจมตีได้ง่ายอยู่หลายเดือน ‎หลังจากพวกมันเกิด 313 00:29:19,861 --> 00:29:23,661 ‎แต่โดยเฉพาะในเดือนแรกหรือเดือนที่สอง ‎หลังจากพวกมันออกมาจากโพรง 314 00:29:25,941 --> 00:29:29,541 ‎มีผู้ล่าอยู่ทุกที่และเป็นอันตรายตลอดเวลา 315 00:29:34,941 --> 00:29:36,381 ‎ในบริเวณนี้มีงู... 316 00:29:37,741 --> 00:29:40,021 ‎ที่จะกินลูกเมียร์แคต 317 00:30:03,421 --> 00:30:06,301 ‎ลูกเมียร์แคตปลอดภัยเมื่ออยู่ในฝูง 318 00:30:07,261 --> 00:30:10,301 ‎แต่ถ้ามันล่าช้ากว่าตัวอื่น มันก็ถูกโจมตีได้ง่าย 319 00:30:15,861 --> 00:30:18,621 ‎แมงป่องเป็นภัยคุกคามอยู่ตลอดเวลา 320 00:30:24,581 --> 00:30:27,301 ‎ลูกเมียร์แคตไร้ความสามารถโดยสิ้นเชิงจริงๆ 321 00:30:27,821 --> 00:30:31,141 ‎และโง่เขลาจริงๆ ‎เมื่อเป็นเรื่องของการรับมือกับแมงป่องในขั้นต้น 322 00:30:34,261 --> 00:30:36,741 ‎แต่พวกมันจะหลีกเลี่ยงอันตรายนี้ไปตลอดไม่ได้ 323 00:30:38,541 --> 00:30:42,061 ‎สุดท้ายพวกมันจะต้องเรียนรู้ ‎วิธีหยุดภัยคุุกคามให้ได้ 324 00:30:49,541 --> 00:30:52,981 ‎ครั้งแรกที่ลูกเมียร์แคตเผชิญหน้ากับแมงป่อง 325 00:30:53,061 --> 00:30:55,061 ‎และต้องรับมือมันด้วยตัวเอง... 326 00:30:56,661 --> 00:30:59,021 ‎อาจเป็นการเผชิญหน้าที่น่ากลัวมาก 327 00:31:00,741 --> 00:31:03,461 ‎นี่คือช่วงเวลาแห่งความจริงที่แท้จริง 328 00:31:28,141 --> 00:31:32,301 ‎มันคือพิธีกรรมเปลี่ยนผ่านที่แท้จริง ‎เพราะทันทีที่มันจัดการเรื่องนั้นด้วยตัวเองได้แล้ว 329 00:31:33,301 --> 00:31:36,341 ‎มันก็อยู่ในขั้นที่สามารถ ‎เริ่มออกหาอาหารด้วยตัวเองได้ 330 00:31:36,421 --> 00:31:39,301 ‎และพึ่งพาตนเองได้ ‎และเป็นสมาชิกของฝูงที่มีประโยชน์ 331 00:31:41,061 --> 00:31:45,341 ‎แปลว่ามันสามารถหนีจาก ‎ความอ่อนแอของการเป็นลูกสัตว์ 332 00:31:45,421 --> 00:31:48,421 ‎และเปลี่ยนไปเป็นสัตว์ที่โตแล้วได้ 333 00:31:57,621 --> 00:32:00,981 ‎มันคือหนึ่งก้าวบนถนนสู่วัยผู้ใหญ่ 334 00:32:01,061 --> 00:32:03,741 ‎แต่หลังจากนั้นก็ไม่ใช่ขั้นตอนที่ง่ายเลย 335 00:32:05,181 --> 00:32:07,701 ‎ข้างนอกนั่นมีภัยคุกคามมากมาย 336 00:32:07,781 --> 00:32:11,101 ‎และมันจะต้องเรียนรู้ต่อไป ‎เพื่อที่จะไปให้ถึงวัยผู้ใหญ่ 337 00:32:23,261 --> 00:32:25,901 ‎หากลูกสกายเกรเซอร์จะเติบโตขึ้น 338 00:32:27,341 --> 00:32:28,701 ‎พวกมันไม่มีทางเลือก 339 00:32:31,341 --> 00:32:33,061 ‎ได้เวลาบินแล้ว 340 00:33:03,461 --> 00:33:06,021 ‎แม้แต่ในอากาศ พวกมันก็ยังไม่ปลอดภัย 341 00:33:14,181 --> 00:33:15,341 ‎บนแอตลาส 342 00:33:15,741 --> 00:33:18,301 ‎การรอดชีวิตคือเกมของโอกาส 343 00:33:27,141 --> 00:33:31,101 ‎ชีวิตดำเนินต่อไปจากรุ่นหนึ่งไปอีกรุ่นหนึ่ง 344 00:33:34,661 --> 00:33:36,221 ‎อย่างน้อยก็ในตอนนี้ 345 00:33:41,661 --> 00:33:46,741 ‎แรงโน้มถ่วงที่ทรงพลังของแอตลาส ‎ดึงดาวเคราะห์น้อยมาบนเส้นทางการปะทะ 346 00:33:55,141 --> 00:33:57,461 ‎ส่วนใหญ่ลุกไหม้ไปในชั้นบรรยากาศ 347 00:33:59,341 --> 00:34:02,861 ‎แต่ก็มีภัยคุกคามอยู่ตลอด ‎ว่าสิ่งที่ใหญ่อาจผ่านเข้าไปได้... 348 00:34:05,181 --> 00:34:08,341 ‎และเปลี่ยนเส้นทางของสิ่งมีชีวิต ‎บนดาวเคราะห์ใหม่หมด 349 00:34:18,541 --> 00:34:21,421 ‎เพราะแรงโน้มถ่วงบนโลกน้อยกว่าบนแอตลาส 350 00:34:21,861 --> 00:34:23,981 ‎การพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อยจึงเกิดขึ้นน้อยกว่า 351 00:34:27,341 --> 00:34:31,260 ‎แต่เมื่อมันเกิดขึ้น ก็อาจเป็นหายนะได้ 352 00:34:36,461 --> 00:34:38,660 ‎นี่คือคาบสมุทรยูกาตัน 353 00:34:42,501 --> 00:34:46,220 ‎ป่าเขตร้อนขนาด 70,000 ตารางกิโลเมตร 354 00:34:49,141 --> 00:34:54,501 ‎แต่สิ่งที่หลบซ่อนอยู่ในป่า ‎คือหลุมยุบจำนวนมากที่เรียกว่าซีโนเต 355 00:34:55,581 --> 00:34:59,341 ‎(คาบสมุทรยูกาตัน ‎ประเทศเม็กซิโก) 356 00:35:08,061 --> 00:35:12,301 ‎นี่คือทางเข้าสู่ระบบถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ 357 00:35:15,061 --> 00:35:18,381 ‎ไม่มีแม่น้ำหรือลำธารบนพื้นดินในคาบสมุทร 358 00:35:19,341 --> 00:35:23,061 ‎แหล่งน้ำเดียวจึงเป็นใต้ดินในถ้ำ 359 00:35:30,101 --> 00:35:34,021 ‎แต่สิ่งที่น่าสนใจจริงๆ ‎คือสถานที่ตั้งของซีโนเตพวกนี้ 360 00:35:34,421 --> 00:35:39,461 ‎ถึงแม้อาจจะมีซีโนเตอยู่ ‎มากกว่า 10,000 แห่งทั่วคาบสมุทร 361 00:35:40,221 --> 00:35:42,021 ‎แต่ในมุมตะวันตกเฉียงเหนือ... 362 00:35:45,421 --> 00:35:49,901 ‎มันเกิดขึ้นเป็นรูปครึ่งวงกลมอย่างชัดเจนมาก 363 00:35:50,181 --> 00:35:54,461 ‎ถ้าเราตามครึ่งวงกลมนั้น ‎ออกไปที่อ่าวเม็กซิโก... 364 00:35:57,901 --> 00:36:02,821 ‎ตอนนี้เราก็จะได้วงกลมเต็มวง ‎ซึ่งทำให้เป็นรอยที่คนเราจะคาดหวัง 365 00:36:02,901 --> 00:36:05,781 ‎จากขอบของหลุมที่ดาวเคราะห์น้อยพุ่งชนได้ 366 00:36:07,821 --> 00:36:10,021 ‎เมื่อ 65 ล้านปีก่อน 367 00:36:10,101 --> 00:36:13,781 ‎แรงโน้มถ่วงดึงดาวเคราะห์ดวงหนึ่ง ‎ลงมาในระบบสุริยะของเรา 368 00:36:16,581 --> 00:36:18,541 ‎มันพุ่งเข้าชนโลกของเรา 369 00:36:18,621 --> 00:36:22,741 ‎ทำให้สิ่งมีชีวิต 75 เปอร์เซ็นต์บนโลกสูญพันธุ์ 370 00:36:33,941 --> 00:36:37,341 ‎การพุ่งชนของดาวเคราะห์น้อย ‎ก่อให้เกิดซากปรักหักพังมากเพียงพอ 371 00:36:38,221 --> 00:36:41,101 ‎ที่จะปิดกั้นแสงอาทิตย์ได้ถึงสองปี 372 00:36:44,541 --> 00:36:47,501 ‎โลกจมดิ่งสู่ความมืดมิด 373 00:36:48,701 --> 00:36:50,021 ‎ไม่มีอะไรเติบโตได้ 374 00:36:54,341 --> 00:36:56,021 ‎สิ่งนี้จะเกิดขึ้นบนแอตลาส... 375 00:36:56,701 --> 00:36:59,301 ‎หากดาวเคราะห์น้อยดวงใหญ่มากพอพุ่งชนมัน 376 00:37:01,181 --> 00:37:04,301 ‎ซีโนเตเป็นสถานที่ที่ยากจะมีชีวิตรอดได้ 377 00:37:06,341 --> 00:37:10,021 ‎เหมือนที่โลกเคยเป็นเมื่อ 65 ล้านปีก่อน 378 00:37:12,261 --> 00:37:17,021 ‎ลักษณะพิเศษที่สายพันธุ์หนึ่งต้องมี ‎เพื่ออยู่รอดจากการสูญพันธุ์คืออะไร 379 00:37:27,861 --> 00:37:29,101 ‎มีใครบางคนอยู่ในนี้ 380 00:37:39,661 --> 00:37:42,421 ‎จระเข้เป็นสัตว์ที่มีความทนทานมาก 381 00:37:44,741 --> 00:37:47,861 ‎พวกมันอาศัยทั้งในน้ำและบนบก 382 00:37:50,341 --> 00:37:54,621 ‎พวกมันมีความสามารถหลากหลาย ‎ไม่ต้องการอาหารเฉพาะเจาะจง 383 00:37:56,421 --> 00:37:57,901 ‎พวกมันกินเกือบทุกอย่าง 384 00:38:00,421 --> 00:38:02,821 ‎อะไรก็ตามที่หาได้ถือว่าดีพอ 385 00:38:03,461 --> 00:38:04,381 ‎จระเข้จะกินมัน 386 00:38:09,741 --> 00:38:11,301 ‎ในซีโนเตแห่งนี้ 387 00:38:12,261 --> 00:38:15,621 ‎จระเข้ตัวหนึ่งตกลงไป ติดอยู่ ไม่มีทางออก... 388 00:38:17,061 --> 00:38:18,421 ‎แต่ไม่ว่ายังไง ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง 389 00:38:19,861 --> 00:38:21,181 ‎มันอยู่รอดได้ 390 00:38:22,421 --> 00:38:23,861 ‎พวกมันคือผู้รอดชีวิต 391 00:38:26,941 --> 00:38:30,661 ‎ในโลกที่เปลี่ยนไป ‎เป็นเรื่องดีหากมีความสามารถหลากหลาย 392 00:38:31,061 --> 00:38:32,421 ‎ไม่ใช่ชำนาญเฉพาะด้าน 393 00:38:46,341 --> 00:38:49,021 ‎หากดาวเคราะห์น้อยดวงใหญ่พอพุ่งชนแอตลาส 394 00:38:49,661 --> 00:38:52,701 ‎สกายเกรเซอร์และผู้ล่าต้องตายแน่นอน 395 00:38:59,381 --> 00:39:02,661 ‎พวกมันชำนาญเฉพาะด้าน ‎เกินกว่าจะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้ 396 00:39:08,061 --> 00:39:11,621 ‎ผู้มีความสามารถหลากหลาย ‎คือสัตว์กินซากไร้กระดูก 397 00:39:13,021 --> 00:39:16,261 ‎เช่นเดียวกับจระเข้ พวกมันกินได้ทุกอย่าง... 398 00:39:17,461 --> 00:39:19,221 ‎และอยู่ได้ทุกที่ 399 00:39:23,661 --> 00:39:26,221 ‎ในโลกแรงโน้มถ่วงสูงในจินตนาการนี้ 400 00:39:26,941 --> 00:39:29,901 ‎พวกมันอาจเป็นสุดยอดผู้รอดชีวิต 401 00:39:43,461 --> 00:39:45,181 ‎สิ่งมีชีวิตจะปรับตัวอย่างไร 402 00:39:45,541 --> 00:39:47,061 ‎ในโลกที่แตกต่าง 403 00:39:48,421 --> 00:39:49,941 ‎ในที่ที่สิ่งมีชีวิตติดอยู่ 404 00:39:50,581 --> 00:39:52,181 ‎ระหว่างทะเลทรายที่ร้อนสุดขีด 405 00:39:53,781 --> 00:39:55,701 ‎และดินแดนแห่งความมืดอันหนาวเหน็บ 406 00:39:57,741 --> 00:40:00,621 ‎โลกแห่งความสุดโต่ง 407 00:40:26,821 --> 00:40:28,741 ‎คำบรรยายโดย กมลรัตน์ ชุติเชาวน์กุล