1 00:00:02,000 --> 00:00:07,000 Downloaded from YTS.MX 2 00:00:08,000 --> 00:00:13,000 Official YIFY movies site: YTS.MX 3 00:00:21,313 --> 00:00:23,273 - เอาละ - โอเค หวัดดี 4 00:00:23,357 --> 00:00:25,692 สแตนด์บาย จะถ่ายแล้ว 5 00:00:25,776 --> 00:00:27,069 - พร้อมนะ - พร้อม 6 00:00:27,152 --> 00:00:29,446 มีเรื่องราวเล็กน้อยที่ผมต้องเล่า 7 00:00:29,530 --> 00:00:32,323 เรื่องพี่น้องสุดแสบสามใบเถา ที่คุณรู้จักกันดี 8 00:00:32,406 --> 00:00:34,910 จุดเริ่มต้นต้องย้อนไปนานหลายปี 9 00:00:34,993 --> 00:00:36,411 - มีแอ็ด-ร็อก - เอ็มซีเอ 10 00:00:36,495 --> 00:00:37,746 - กับผม - ไมค์ ดี 11 00:00:37,829 --> 00:00:40,207 (คิงส์เธียเตอร์ BEASTIE BOYS STORY) 12 00:00:52,261 --> 00:00:53,595 คุณชอบใครในวงบีสตีบอยส์ที่สุด 13 00:00:53,679 --> 00:00:55,806 ผมชอบทุกคนเลย จริงๆ นะ 14 00:00:55,889 --> 00:00:58,642 ผมว่าเอ็มซีเอดังมาก 15 00:00:58,725 --> 00:00:59,643 ไมค์ ดี 16 00:00:59,726 --> 00:01:01,728 แอ็ด-ร็อกเป็นแรงบันดาลใจมากเลย 17 00:01:01,812 --> 00:01:03,230 เวลาคุณฟังวงหนึ่งนานขนาดนั้น 18 00:01:03,313 --> 00:01:06,316 คุณจะผ่านช่วงเวลาต่างๆ ว่าคุณรู้สึกเชื่อมโยงกับใครมากกว่า 19 00:01:06,400 --> 00:01:07,651 ในแต่ละช่วงชีวิตของคุณ 20 00:01:07,734 --> 00:01:09,027 ฉันชอบไมค์ ดี 21 00:01:09,111 --> 00:01:11,864 เขาตลกมาก แต่ตลกแบบเฉียบคมนะ 22 00:01:11,947 --> 00:01:14,366 ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ชอบวิดีโอไหนของบีสตีส์ที่สุด 23 00:01:14,449 --> 00:01:18,120 ที่ผมชอบคือวิดีโอออกกำลังกาย ซึ่งไม่ได้ถูกปล่อยออกมาให้ชม 24 00:01:18,203 --> 00:01:20,873 โทรไปยังเบอร์ ที่คุณเห็นบนหน้าจอตอนนี้ 25 00:01:20,956 --> 00:01:23,876 ผมรู้สึกว่าเอ็มซีเอเป็นหัวหน้าวง ที่ทำให้พวกเขาอยู่ด้วยกัน 26 00:01:23,959 --> 00:01:25,752 เขาคือคนต้นคิดเรื่องบ้าบิ่นทั้งหลาย 27 00:01:25,836 --> 00:01:28,130 เอ็มซีเอมีบทบาทสำคัญในโลกนี้แน่นอน 28 00:01:28,213 --> 00:01:30,215 เป็นคนที่มีอิทธิพลมาก ใจใหญ่ด้วย 29 00:01:30,299 --> 00:01:33,218 ผมคิดเสมอว่าแอ็ด-ร็อก คือศูนย์รวมความเจ๋งไว้ในตัวเขา 30 00:01:33,302 --> 00:01:36,763 นั่นเป็นคำที่คนสมัยนี้ ไม่ค่อยใช้กันแล้ว 31 00:01:36,847 --> 00:01:39,933 แต่ผมคิดว่ามันเข้ากับผมดี รวมทั้งหนุ่มๆ พวกนี้ด้วย 32 00:01:40,017 --> 00:01:41,018 คำนั้นคือ "สมชาย" 33 00:01:41,101 --> 00:01:42,644 มันคือความสมชายชาตรีที่เรามี 34 00:01:42,728 --> 00:01:45,647 เพราะเขาซื่อสัตย์มาก เขาซื่อสัตย์เกิน 35 00:01:45,731 --> 00:01:47,357 เราไม่ได้มีพรสวรรค์ทางดนตรีมากนัก 36 00:01:47,441 --> 00:01:49,568 เราจึงคิดว่าเราจะลองทำทุกแนวดู 37 00:01:49,651 --> 00:01:50,527 เยาค์ 38 00:01:51,028 --> 00:01:53,322 โย่ ผมชอบพูดกับยายว่า "ไงพวก" 39 00:01:53,405 --> 00:01:56,116 สำหรับฉัน ต้องเบสเท่านั้น 40 00:02:01,914 --> 00:02:05,250 โย่ รอเดี๋ยว นั่งลงก่อนแป๊บนึง 41 00:02:05,334 --> 00:02:06,668 ยังไม่จบแค่นี้ 42 00:02:07,419 --> 00:02:08,419 จัดไป! 43 00:02:15,844 --> 00:02:17,846 ดนตรีของพวกเขามีอิทธิพลมาก 44 00:02:17,930 --> 00:02:20,015 จะเรียกว่าเป็นเพลงประกอบชีวิต ของผมเลยก็ว่าได้ 45 00:02:20,098 --> 00:02:22,184 เป็นเพลงประกอบชีวิตของเรา 46 00:02:22,267 --> 00:02:24,019 หลายๆ วง พวกเขาชอบวงแตกกัน 47 00:02:24,102 --> 00:02:26,688 แล้วค่อยมารวมวงกันอีกทีตอนท้าย 48 00:02:26,772 --> 00:02:29,525 แต่วงนี้ พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตลอด 49 00:02:29,608 --> 00:02:33,362 จะให้ทนได้ไง ผมรู้คุณวางแผนไว้ 50 00:02:33,445 --> 00:02:35,572 ขอพูดให้เข้าใจ คดีวอเทอร์เกตไง 51 00:02:35,656 --> 00:02:38,700 อยู่ในนี้ จะให้ร็อกยังไงไหว 52 00:02:38,784 --> 00:02:41,703 ก็เพราะคำทำนายของคุณ มันไม่ชัดเจนไง 53 00:02:41,787 --> 00:02:44,998 ถ้าคุณสงสัยว่าทำไม 54 00:02:45,082 --> 00:02:47,501 ผมถึงมีปัญหามากมาย 55 00:02:47,584 --> 00:02:50,587 โอ้โฮเว้ย นี่มันภาพลวงตา 56 00:02:50,671 --> 00:02:53,465 บอกไว้เลย ว่าเราทำลายโดยเจตนา 57 00:02:55,884 --> 00:02:56,885 เย่! 58 00:02:58,428 --> 00:02:59,721 เอาละ 59 00:03:03,308 --> 00:03:05,310 โย่! 60 00:03:07,729 --> 00:03:08,730 ว่าไง 61 00:03:09,398 --> 00:03:10,858 บรุกลิน! 62 00:03:17,781 --> 00:03:19,449 หวัดดีครับ 63 00:03:21,994 --> 00:03:22,995 แหม... 64 00:03:23,871 --> 00:03:25,539 หวัดดีครับทุกคน 65 00:03:28,500 --> 00:03:31,044 - หวัดดีครับทุกคน ผมอดัม - หวัดดี อดัม 66 00:03:31,128 --> 00:03:32,129 ส่วนผมไมค์ 67 00:03:32,212 --> 00:03:36,383 หรือที่รู้จักกันคือไมเคิล ไดอะมอนด์ หรือไมค์ ดี 68 00:03:36,842 --> 00:03:39,094 เราคือวงบีสตีบอยส์จากนิวยอร์กซิตี 69 00:03:43,182 --> 00:03:46,768 คืนนี้เราจะเล่าให้คุณฟัง ถึงเรื่องราวของเด็กสามคน 70 00:03:46,852 --> 00:03:48,520 ที่ได้รู้จักและกลายมาเป็นเพื่อนกัน 71 00:03:48,604 --> 00:03:52,191 ทำเรื่องบ้าบิ่นด้วยกันมาครบทุกแบบ นานกว่า 30 ปี 72 00:03:52,983 --> 00:03:57,070 เราสองคนจะทำให้ดีที่สุด เพราะอีกคนนึงไม่อยู่กับเราแล้ว 73 00:03:57,696 --> 00:03:58,780 อดัม เยาค์... 74 00:04:02,367 --> 00:04:04,828 หรือที่พวกคุณรู้จักกันในนามเอ็มซีเอ 75 00:04:05,871 --> 00:04:08,373 เราเสียเขาไปเมื่อปี 2012 ด้วยโรคมะเร็ง 76 00:04:08,457 --> 00:04:11,376 ตอนอดัมเสียชีวิต เราจึงยุติวงของเรา 77 00:04:12,127 --> 00:04:15,255 ใช่ มันรู้สึกแปลกเกินไป ที่จะทำวงโดยไม่มีเยาค์ 78 00:04:15,339 --> 00:04:19,218 เพราะวงนี้คือไอเดียของเขาตั้งแต่แรก 79 00:04:20,594 --> 00:04:23,138 ถึงแม้เยาค์จะไม่ได้อยู่กับเราตอนนี้ 80 00:04:23,805 --> 00:04:26,892 เราคิดอยู่เสมอว่า "ถ้าเป็นเยาค์จะทำยังไง" 81 00:04:27,643 --> 00:04:30,812 แต่การนึกภาพว่าถ้าเป็นเยาค์จะทำอะไร มันค่อนข้างยากทีเดียว 82 00:04:30,896 --> 00:04:32,940 เพราะเขาเอาแน่เอานอนไม่ได้ 83 00:04:33,023 --> 00:04:36,026 เขาเป็นคนที่คาดเดาอะไรยากมาก แต่เราจะคุยเรื่องนี้กันทีหลัง 84 00:04:36,109 --> 00:04:37,653 บีสตีบอยส์มาถึงแล้ว 85 00:04:37,736 --> 00:04:39,821 มาในชุดที่นำแฟชั่นอยู่เสมอเลย 86 00:04:39,905 --> 00:04:44,117 เวลาที่พวกเขาไม่ได้อยู่บนพรมแดง พวกเขามักออกแสดงในปารีส 87 00:04:44,201 --> 00:04:45,911 ดูผมเดรดล็อกสีขาวนี่สิ 88 00:04:45,994 --> 00:04:49,790 บีสตีบอยส์กลับมาแล้ว หลังจากหายไปนานถึงหกปี 89 00:04:49,873 --> 00:04:51,667 หนุ่มๆ นั่นมันนานมากเลยนะ 90 00:04:51,750 --> 00:04:54,169 พวกคุณทำอะไรกันบ้าง ดีใจจังที่ได้เจอพวกคุณ 91 00:04:54,253 --> 00:04:56,255 - เฮ้! - อันที่จริงผมรู้ว่ามันฟังดูตลก 92 00:04:56,338 --> 00:04:59,424 แต่จริงๆ แล้ว เราถูกไอ้ตีนโตจับตัวไป 93 00:04:59,883 --> 00:05:01,051 (บทที่หนึ่ง) 94 00:05:01,134 --> 00:05:03,136 ที่เราจะทำกันตอนนี้คือย้อนเวลา 95 00:05:03,637 --> 00:05:05,764 ย้อนเวลากลับไปนานๆ เลย 96 00:05:13,063 --> 00:05:14,273 (ไมเคิล ไดอะมอนด์, 15 ปี) 97 00:05:14,356 --> 00:05:20,112 เป็นเด็กประหลาดจากครอบครัวประหลาด มันช่างประหลาดน่าดู ขอโทษนะแม่ 98 00:05:20,195 --> 00:05:21,780 แต่มันก็ค่อนข้างเหงาด้วย 99 00:05:22,239 --> 00:05:23,907 วันหนึ่ง ผมได้ยินชื่อวงเดอะแคลช 100 00:05:31,748 --> 00:05:33,750 ผมไม่ได้ชอบแค่ดนตรีของพวกเขา 101 00:05:33,834 --> 00:05:37,546 แต่ตอนที่ผมได้ยิน ผมรู้เลยว่าโลกนี้ก็มีคนประหลาดอีก 102 00:05:37,629 --> 00:05:38,964 ผมแค่ต้องตามหาพวกเขาให้เจอ 103 00:05:39,756 --> 00:05:42,176 ผมเจอเพื่อนประหลาดคนแรกของผม ที่โรงเรียน 104 00:05:42,259 --> 00:05:44,303 เขาชื่อจอห์น เบอร์รี 105 00:05:44,720 --> 00:05:48,891 บ่ายวันนึง เราเห็นโฆษณาอยู่ด้านหลัง นสพ. แจกฟรีที่ชื่อเดอะวิลเลจวอยซ์ 106 00:05:48,974 --> 00:05:51,977 เป็นโฆษณาของวงที่เรารัก ชื่อว่าแบดเบรนส์ 107 00:05:52,060 --> 00:05:54,855 (แบดเบรนส์!) 108 00:05:54,938 --> 00:05:56,732 และแบดเบรนส์มีการแสดง 109 00:05:56,815 --> 00:05:58,942 ที่สถานที่แห่งหนึ่ง ชื่อว่าเดอะโบทานีทอล์กเฮาส์ 110 00:06:03,363 --> 00:06:04,823 เราจึงไปที่คลับแห่งนั้นกัน 111 00:06:04,907 --> 00:06:09,286 และทั้งร้านมีอยู่ประมาณ 15 คน 112 00:06:09,369 --> 00:06:11,205 ทุกคนเป็นผู้ใหญ่หมดแล้ว 113 00:06:11,288 --> 00:06:14,499 แต่มีเด็กคนนึงในนั้น ที่อยู่ในวัยเดียวกับเรา 114 00:06:14,583 --> 00:06:15,667 เขาดูเจ๋งมากๆ 115 00:06:15,751 --> 00:06:18,795 เขาสวมเสื้อโค้ตตัวยาว น่าจะมาจากร้านของเก่า 116 00:06:18,879 --> 00:06:20,047 เขาสวมร้องเท้าบู๊ตคอมแบต 117 00:06:20,130 --> 00:06:23,258 เสื้อโค้ตของเขามีกระดุมทำมือ 118 00:06:23,342 --> 00:06:25,886 และชื่อของเขาคืออดัม เยาค์ 119 00:06:26,261 --> 00:06:28,222 (อดัม เยาค์, 16 ปี) 120 00:06:28,305 --> 00:06:33,519 ผมเจอเยาค์กับไมค์และจอห์น เบอร์รี ที่การแสดงสดของมิสฟิตส์ในปี 1982 121 00:06:33,602 --> 00:06:34,937 (อดัม โฮโรวิตซ์, 15 ปี) 122 00:06:35,020 --> 00:06:36,396 อาจเป็นวงเซอร์เคิลเจิร์กส์ก็ได้ 123 00:06:36,480 --> 00:06:39,816 แต่ผมชอบมิสฟิตส์มากกว่า ขอพูดว่าไปดูมิสฟิตส์แล้วกัน 124 00:06:39,900 --> 00:06:42,277 ไปๆ มาๆ ผมกับเพื่อนสองคนได้ยิน 125 00:06:42,361 --> 00:06:45,113 ว่ามีเด็กหลายคน สุมหัวกันอยู่ในห้องน้ำหญิง 126 00:06:45,447 --> 00:06:46,990 เราจึงเดินเข้าไปในนั้น 127 00:06:47,074 --> 00:06:52,538 และเราเจอเด็กพังก์ที่โคตรเจ๋งหลายคน ในวัยเดียวกับเราอยู่ที่นั่น 128 00:06:52,621 --> 00:06:55,332 และผมจำหนึ่งในนั้นได้ จิลล์ คันนิฟฟ์ 129 00:06:55,415 --> 00:06:57,376 เพราะเราเรียนเกรดห้าห้องเดียวกัน 130 00:06:57,459 --> 00:06:59,169 เธอจึงเป็นคนพาผมเข้าไปได้ 131 00:06:59,253 --> 00:07:02,214 ในกลุ่มนั้นผมจำเด็กได้อีกคนนึง 132 00:07:02,297 --> 00:07:03,340 เคท เชลเลนบาค 133 00:07:03,423 --> 00:07:05,425 เพราะเราโตมาในละแวกที่อยู่เดียวกัน 134 00:07:08,637 --> 00:07:10,681 เคทเป็น... เธอเป็นคนที่เจ๋งมาก 135 00:07:10,764 --> 00:07:12,432 เธอฉลาดกว่าพวกเราทุกคนอีก 136 00:07:12,516 --> 00:07:16,979 ไม่รู้สิ เธอหลงใหล ในดนตรีจากฝั่งยุโรปมากกว่า... 137 00:07:17,062 --> 00:07:20,148 แค่... ขอโทษที่ขัดจังหวะ แต่มาบอกว่าเธอฉลาดกว่าเรา... 138 00:07:20,232 --> 00:07:22,192 - เคทฉลาดมาก แต่... - แน่นอน มันไม่ขนาดนั้น 139 00:07:22,276 --> 00:07:24,069 - ไม่ได้บ่งบอกถึงเรามากหรอก - แต่เธอฉลาดจริง 140 00:07:24,152 --> 00:07:25,153 - เรื่องจริงเลย - ถูก 141 00:07:26,488 --> 00:07:30,200 เธอชอบฟังวงเจ๋งๆ อย่างคราฟต์เวิร์ก 142 00:07:30,284 --> 00:07:33,704 และเธออยู่ในบ้านลอฟต์บนถนน 14 กับแม่ของเธอ 143 00:07:33,787 --> 00:07:36,206 เป็นบ้านลอฟต์ยุคเก่าที่กว้างขวางมาก 144 00:07:36,290 --> 00:07:39,251 และตรงกลางบ้านมีชุดกลองของเธออยู่ 145 00:07:41,962 --> 00:07:45,382 เพื่อนพังก์ร็อกคนแรกของผม คือเดฟ สกิลเคน และเขา... 146 00:07:45,465 --> 00:07:47,885 เขาคือคนทางซ้าย ส่วนทางขวาคือผมเอง 147 00:07:47,968 --> 00:07:49,845 ผมกับเพื่อนซี้ในโรงเรียนมัธยมต้น 148 00:07:49,928 --> 00:07:51,763 เราเล่นบาสเกตบอลอยู่นอกโรงเรียน 149 00:07:51,847 --> 00:07:54,641 และเราเห็นเด็กคนนึงดูเจ๋งมาก ทั้งผมเป็นหนามกับเสื้อโค้ตตัวยาว 150 00:07:54,725 --> 00:07:57,436 กำลังเดินอยู่บนถนน ในมือก็ถือซินธิไซเซอร์ 151 00:07:57,519 --> 00:07:59,980 เราอดไม่ได้ ที่จะเข้าไปคุยกับเด็กคนนั้น 152 00:08:00,772 --> 00:08:02,149 เขาอายุน้อยกว่าเราอีก 153 00:08:02,232 --> 00:08:05,194 เขาอยู่เกรดหก และตอนนั้นเขาก็โดดเรียนออกมา 154 00:08:06,236 --> 00:08:08,655 ใช้เวลาทำความเข้าใจกันก่อน 155 00:08:10,282 --> 00:08:12,951 คุณอายุ 11 เรียนอยู่เกรดหก 156 00:08:14,411 --> 00:08:18,165 ในตอนนั้น แหล่งนัดพบหลักของเรา คืออะพาร์ตเมนต์ของจอห์น เบอร์รี 157 00:08:18,248 --> 00:08:19,541 บนแยกถนนสาย 100 กับบรอดเวย์ 158 00:08:19,625 --> 00:08:21,543 และนั่นคือที่ที่เราเล่นดนตรีกัน 159 00:08:21,627 --> 00:08:26,048 ช่วงต้นยุค 80 ทุกคนที่เรารู้จักต้องมีวงดนตรี 160 00:08:26,131 --> 00:08:29,760 เยาค์คะยั้นคะยอให้เราตั้งวงกับเขา 161 00:08:29,843 --> 00:08:31,595 เขามีชื่อวงไว้ในใจแล้วด้วย 162 00:08:32,136 --> 00:08:33,263 บีสตีบอยส์ 163 00:08:33,347 --> 00:08:35,515 (บีสตีบอยส์) 164 00:08:36,475 --> 00:08:42,438 เดิมเลยวงนี้มีผม เคท อดัม เยาค์ และจอห์น เบอร์รี 165 00:08:42,523 --> 00:08:43,899 ที่มาของชื่อนี้คือ 166 00:08:43,982 --> 00:08:48,612 Boys Entering Anarchistic States Towards Inner Excellence 167 00:08:51,031 --> 00:08:53,367 แค่ตัวย่อ BEASTIE มันไม่มีความหมาย 168 00:08:53,450 --> 00:08:56,119 เลยต้องใส่ "BOYS" เข้าไปในชื่อวง 169 00:08:56,203 --> 00:08:58,580 ชื่อวงของเราเลยน่าขำ และใช้คำฟุ่มเฟือย 170 00:08:58,664 --> 00:09:01,875 แถมไม่ถูกต้องอีก เพราะเรามีมือกลองเป็นผู้หญิง เคทไง 171 00:09:02,709 --> 00:09:06,004 คอนเสิร์ตแรกของเรา จัดที่บ้านของจอห์น เบอร์รี 172 00:09:06,088 --> 00:09:08,173 ที่ที่เขาอาศัยอยู่ บนชั้นสาม 173 00:09:09,341 --> 00:09:11,343 เยาค์กำลังจะอายุครบ 17 ปี 174 00:09:11,426 --> 00:09:12,886 และเยาค์บอกว่า "เอางี้ไหม 175 00:09:12,970 --> 00:09:15,472 ฉันจะจัดปาร์ตี้ แล้วเรามาเล่นดนตรีที่งานกัน" 176 00:09:20,394 --> 00:09:25,482 พอเราไปถึงที่นั่นเพื่อจะแสดง ผมถูกเสนอชื่อให้เป็นนักร้อง 177 00:09:25,566 --> 00:09:29,194 ตอนนั้นผมเป็นเด็กขี้อายมากๆ 178 00:09:29,278 --> 00:09:31,029 ผมไม่รู้ทำไมผมถึงตอบตกลง 179 00:09:37,035 --> 00:09:40,372 ผมคิดว่าสิ่งที่ผมจำได้หลักๆ น่าจะเป็นเด็กสิบหรือ 12 คนในห้อง 180 00:09:40,455 --> 00:09:44,459 ที่กว้างประมาณ 12 ฟุตคูณ 20 ฟุต อะไรประมาณนั้น 181 00:09:44,543 --> 00:09:46,336 พวกเขาโดดขึ้นโดดลง แล้วกระแทกกันไปมา 182 00:09:46,420 --> 00:09:49,548 แต่หลักๆ แล้ว เป็นงานที่เพื่อนมาสนุกกันมากกว่า 183 00:09:53,886 --> 00:09:55,929 ตอนนั้นผมยังไม่ได้อยู่ในบีสตีบอยส์ 184 00:09:56,013 --> 00:09:57,764 แต่ผมเข้าร่วมวงในปี 1983 185 00:09:57,848 --> 00:10:00,475 จอห์น เบอร์รีเริ่มเบื่อวงแล้ว เขาเลยลาออก 186 00:10:01,435 --> 00:10:04,021 ตอนนั้นผมไปไหนมาไหนกับไมค์ เยาค์ และเคทตลอดเวลา 187 00:10:04,104 --> 00:10:05,606 (รายการ The Scott and Gary Show โทรทัศน์สาธารณะ) 188 00:10:05,689 --> 00:10:07,983 คงเพราะผมอยู่กับพวกเขา ผมจึงกลายเป็นมือกีตาร์คนใหม่ 189 00:10:17,659 --> 00:10:20,329 เราเป็นวงฮาร์ดคอร์ แต่เราไม่ใช่แบบนั้นเลย 190 00:10:20,412 --> 00:10:25,834 เราเหมือนมอนตีไพธอน มากพอๆ กับที่เราเหมือนแบล็กแฟล็ก 191 00:10:28,462 --> 00:10:29,463 ช่วยแนะนำตัวหน่อย 192 00:10:29,546 --> 00:10:31,840 ครับ ผมไมเคิล ผมอยู่ในวงบีสตีบอยส์ 193 00:10:31,924 --> 00:10:35,427 ฉันชื่อเคท ราศีมังกร และในกระเป๋ากางเกงฉันมีขุยผ้าอยู่ 194 00:10:35,511 --> 00:10:37,888 ถามสมาชิกที่อายุมากกว่านี้ และเป็นผู้ใหญ่กว่านี้ดีกว่า 195 00:10:37,971 --> 00:10:41,517 - บอกชื่อหน่อย - ผมชื่อแอ็ด เรียกผมว่าอดัมก็ได้ 196 00:10:41,600 --> 00:10:45,854 และผมแค่มาออกทีวีเหมือนปกติน่ะ 197 00:10:45,938 --> 00:10:48,857 ผมชื่ออดัม เข็มขัดผมก็บอกอยู่ 198 00:10:48,941 --> 00:10:50,943 ถ่ายเข็มขัดของอดัมที ถ้าทำได้ 199 00:10:51,026 --> 00:10:53,320 คุณอายุเท่าไร 13-14 ปีได้ไหม 200 00:10:53,403 --> 00:10:55,030 - ประมาณนั้น - ใช่ 11-12 ปี 201 00:10:55,113 --> 00:10:57,157 ตอนนี้เราแก่ขึ้นมาหน่อย 202 00:10:57,241 --> 00:10:58,951 เราไม่ได้อายุ 15 ปีแล้ว 203 00:10:59,034 --> 00:11:00,118 เราอายุ 16 ปี 204 00:11:01,078 --> 00:11:02,788 เราสนใจดนตรีทุกแนว 205 00:11:02,871 --> 00:11:06,500 เราฟังทั้งแนวโซล พังก์ แร็ป และเร็กเก 206 00:11:06,583 --> 00:11:09,294 สมัยนั้นไม่ค่อยมีเพลงแร็ป แผ่นเสียงขนาด 12 นิ้วมีน้อยมาก 207 00:11:09,378 --> 00:11:11,588 แต่เราอยากเปลี่ยนสไตล์ของเราดู 208 00:11:11,672 --> 00:11:13,924 เราจึงหมกมุ่น อยู่กับโฆษณางี่เง่าตัวนึง 209 00:11:14,007 --> 00:11:16,176 ของร้านขายไอศกรีมที่ชื่อคาร์เวล 210 00:11:16,260 --> 00:11:20,138 สวัสดี ฉันคือมนุษย์ต่างดาวคาร์เวล มาจากนอกโลก 211 00:11:20,222 --> 00:11:21,890 ฉันชื่อคุกกี้ พุซซ์ 212 00:11:21,974 --> 00:11:23,559 แล้วใครก็ไม่รู้เกิดปิ๊งไอเดียเท่ๆ 213 00:11:23,642 --> 00:11:26,979 อัดเพลงด้วยเสียงแกล้งทางโทรศัพท์ ที่สุดแสนจะงี่เง่าที่ชื่อว่า 214 00:11:27,062 --> 00:11:28,230 "Cooky Puss" 215 00:11:35,070 --> 00:11:37,531 - หวัดดี คาร์เวล - โย่ พวก คุกกี้ พุซซ์อยู่ไหม 216 00:11:37,614 --> 00:11:38,615 ใครนะ 217 00:11:39,783 --> 00:11:41,660 คุกกี้ พุซซ์ ขอสายคุกกี้ พุซซ์หน่อย 218 00:11:41,743 --> 00:11:43,287 ที่นี่ไม่มีคนชื่อนั้น 219 00:11:43,370 --> 00:11:45,330 คุกกี้ โอพุซซ์ก็ได้ คุกกี้ ชิค... 220 00:11:45,414 --> 00:11:47,040 เดฟ พาร์สันส์คนนี้ 221 00:11:47,124 --> 00:11:50,294 มีร้านขายแผ่นเสียงในตัวเมือง ที่ชื่อแร็ตเคจ 222 00:11:50,377 --> 00:11:54,089 เราจะโดดเรียนไปสุมหัวกันอยู่ที่นั่น 223 00:11:54,173 --> 00:11:56,884 ถึงตอนนี้แล้ว เดฟเริ่มทำค่ายเพลงเล็กๆ 224 00:11:56,967 --> 00:11:59,678 บันทึกเพลง "Cooky Puss" ลงในแผ่นเสียงขนาด 12 นิ้ว 225 00:11:59,761 --> 00:12:02,890 จากนั้นก็เกิด สิ่งที่เราไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น 226 00:12:02,973 --> 00:12:06,268 ดีเจเริ่มเอาเพลงนี้ไปเปิดในคลับ 227 00:12:06,351 --> 00:12:11,023 คนอื่นนอกเหนือจากเพื่อน 15 คนของเรา ได้ฟังเพลงนี้จริงๆ 228 00:12:11,106 --> 00:12:15,319 แล้ววันนึง ผมก็ไปหาเพื่อน ที่ทำงานชั่วคราวในโรงเรียนมัธยม 229 00:12:15,402 --> 00:12:17,738 และเราได้ยินดีเจแอฟริกา แบมบาตา 230 00:12:17,821 --> 00:12:20,991 ออกรายการทอล์กโชว์หรืออะไรสักอย่าง ที่ชั้นอื่นในอาคารนั้น 231 00:12:21,074 --> 00:12:22,492 เราโคตรตื่นเต้นเลย 232 00:12:22,576 --> 00:12:25,829 เราวิ่งลงไปชั้นล่าง แอบเข้าไปในฉากถ่ายรายการทีวี 233 00:12:25,913 --> 00:12:27,748 และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น 234 00:12:28,207 --> 00:12:29,958 ผมสงสัยอยู่พอดี... มีเพลงนึงที่ผมชอบมาก 235 00:12:30,042 --> 00:12:32,878 เพลง "Cooky Puss" ของบีสตีบอยส์ ผมสงสัยว่าคุณเคยฟังรึยังครับ 236 00:12:32,961 --> 00:12:34,505 เคยสิ ผมเคยฟัง "Cooky Puss" แล้ว 237 00:12:34,588 --> 00:12:38,592 ผมได้แผ่นเสียงมาจากไหนสักแห่ง งานดีอยู่นะ 238 00:12:38,675 --> 00:12:39,676 โอเค 239 00:12:39,760 --> 00:12:41,470 คุณชอบเพลงนั้น... ทำไมคุณถึงชอบเพลงนั้น 240 00:12:41,553 --> 00:12:43,931 ครับ มันเป็นเพลงที่ตลกมาก ผมได้ยินทางวิทยุ... 241 00:12:44,014 --> 00:12:47,809 ที่มีเสียงสแครตช์แผ่นด้วยใช่ไหม แบบนั้นเหรอ 242 00:12:47,893 --> 00:12:49,728 มีสแครตช์แผ่นนิดหน่อยด้วย 243 00:12:49,811 --> 00:12:51,396 จังหวะฟังกี้ดี 244 00:12:53,649 --> 00:12:54,942 บทที่สอง: 245 00:12:55,025 --> 00:12:58,195 "สิ่งเดียวที่เราทำคือฟังเพลงแร็ป" 246 00:13:01,114 --> 00:13:03,784 ในปี 1984 มีเพลงนึงที่ปล่อยออกมา 247 00:13:03,867 --> 00:13:07,371 และเปลี่ยนทิศทางการทำเพลง ของวงเราไปตลอดกาล 248 00:13:07,454 --> 00:13:10,207 เพลง "Sucker MC's" ของรัน-ดีเอ็มซี 249 00:13:10,832 --> 00:13:15,337 สองปีก่อน เพื่อนผมคนนึง ขอให้ผมร้องเอ็มซีให้ตราตรึง 250 00:13:15,420 --> 00:13:17,881 ผมจึงร้องออกไป ผมจะร้องให้ฟัง 251 00:13:17,965 --> 00:13:20,926 ผมร้องแบบนี้ จะร้องให้ฟังดังๆ 252 00:13:21,009 --> 00:13:24,555 หลังจากนั้น ไปที่ไหนในนิวยอร์ก ก็ได้ยินแต่เพลง "Sucker MC's" 253 00:13:25,138 --> 00:13:26,557 คุณได้ยินเพลงนี้จากในรถ 254 00:13:26,640 --> 00:13:29,643 จากเครื่องเล่นเทป จากร้านขายพิซซ่า ทุกมุมเมืองเลย 255 00:13:29,726 --> 00:13:31,854 รัน-ดีเอ็มซีนี่โคตรเท่ 256 00:13:31,937 --> 00:13:33,522 และเราอยากเป็นอย่างพวกเขาบ้าง 257 00:13:33,605 --> 00:13:36,233 เราศึกษาเพลงทุกเพลง เนื้อร้องทุกคำ 258 00:13:36,316 --> 00:13:38,902 เราดูรูปทุกรูปที่มี พยายามหาว่าพวกเขาใส่รองเท้าอะไร 259 00:13:38,986 --> 00:13:40,487 ใส่เสื้อผ้าอะไร ทุกอย่างเลย 260 00:13:40,571 --> 00:13:44,783 เราจะศึกษาและร้องเพลงแร็ป เพลงโปรดของเราวนไปวนมาทั้งวัน 261 00:13:44,867 --> 00:13:47,536 ไม่ใช่ว่าเรารู้สึก อยากเป็นวงแร็ปหรืออะไรนะ 262 00:13:47,619 --> 00:13:49,997 แต่ตอนนั้น เราเริ่มเขียนเนื้อเพลงกันเองแล้ว 263 00:13:50,080 --> 00:13:52,583 ผมว่าเราแสดงตัวอย่างกันหน่อยดีกว่า 264 00:13:53,083 --> 00:13:56,128 แสดงให้เห็นว่าเราพัฒนามาแค่ไหน ในการใช้ไมค์ร้องแบบเอ็มซี 265 00:13:56,211 --> 00:13:59,131 เดี๋ยว ยังไม่ถึง เริ่มเร็วเกินไป กลับไปก่อน 266 00:13:59,214 --> 00:14:01,216 - ผมเริ่มเร็วไปเหรอ - กลับด้านหน่อย สไปค์ 267 00:14:01,300 --> 00:14:03,802 - เอาจริง โอเค - เอาละ หยุดก่อน 268 00:14:03,886 --> 00:14:04,887 เห็นไหม สไปค์ 269 00:14:04,970 --> 00:14:07,306 - เดี๋ยวนะ เราอยู่ผิดที่ผิดทางจริงๆ - เครื่องฉายข้อความ... 270 00:14:11,476 --> 00:14:12,936 - เอาละ นี่แหละที่ผมคิด... - โอเค 271 00:14:13,020 --> 00:14:14,771 - เอาละนะ - เฮ้ๆ 272 00:14:14,855 --> 00:14:19,318 เรากลับมาแล้ว เรา... เราซ้อมมาดี เราฝึกมาแล้ว จริงๆ นะ 273 00:14:19,401 --> 00:14:21,987 ขอโทษที ผมทำพลาดเรื่อง เครื่องฉายข้อความ ขอโทษจริงๆ 274 00:14:22,070 --> 00:14:24,072 เครื่องฉายข้อความเหรอ ไม่ยักรู้ว่ามีด้วย 275 00:14:30,746 --> 00:14:31,747 ยังไงก็เถอะ 276 00:14:32,748 --> 00:14:35,626 เป็นการตัดบทแบบสวยๆ "ยังไงก็เถอะ" 277 00:14:36,376 --> 00:14:40,297 ช่วงนั้นเรากำลังจะมีโชว์ใหญ่ ที่สตูดิโอ 54 278 00:14:40,380 --> 00:14:44,051 เดี๋ยว สตูดิโอ 54 นั่นน่ะเหรอ ที่มีบรูค ชีลด์สใช่ไหม 279 00:14:44,134 --> 00:14:48,555 โอเค มีบาริชนิคอฟ ฮอลสตัน และดอนนา ซัมเมอร์ 280 00:14:49,139 --> 00:14:51,350 นี่เป็นประโยคที่ต้องการคำตอบไหม 281 00:14:51,433 --> 00:14:53,810 - นั่นสิ ไม่มีใครพูดอะไรเลย - ไม่รู้สิ ยังไงก็เถอะ 282 00:14:53,894 --> 00:14:58,190 พูดถึงโชว์ของเราที่สตูดิโอ 54 มันคือการแข่งขันหาสุดยอดวงและเราแพ้ 283 00:14:58,273 --> 00:15:00,776 คือเรากำลังจะมีโชว์ที่สตูดิโอ 54 284 00:15:00,859 --> 00:15:02,819 และเราอยากเล่น เพลง "Cooky Puss" ของเรา 285 00:15:02,903 --> 00:15:04,905 เราไม่เคยเล่นเพลงนี้สดๆ มาก่อน แต่เราคิดว่า... 286 00:15:04,988 --> 00:15:07,366 เราปิ๊งไอเดียให้ดีเจมาเล่นกับเรา 287 00:15:07,991 --> 00:15:11,662 เพื่อนเราบอกว่าเขารู้จักเด็กมหาลัย นิวยอร์กคนนึงที่เปิดแผ่นเป็น 288 00:15:11,745 --> 00:15:14,957 และอยากเป็นโปรดิวเซอร์เพลงแร็ป เขามีอุปกรณ์ของดีเจครบเครื่อง 289 00:15:15,040 --> 00:15:18,544 แต่ที่สำคัญกว่านั้น เขามีเครื่องทำฟองสบู่ด้วย 290 00:15:18,627 --> 00:15:21,880 เดี๋ยวก่อน ว่าไงนะ แอ็ด-ร็อก เครื่องทำฟองสบู่เหรอ 291 00:15:21,964 --> 00:15:24,800 โย่พวก ถูกเผง ไมค์ ดี เขามีเครื่องทำฟองสบู่ 292 00:15:24,883 --> 00:15:25,884 โอเค 293 00:15:25,968 --> 00:15:29,137 เราจึงไปหาเขาที่หอพักของเขา 294 00:15:29,221 --> 00:15:33,141 แต่พอเราไปถึง ประตูก็เปิดออก โดยหนุ่มเฮฟวีเมทัลผมยาว 295 00:15:33,225 --> 00:15:36,562 สวมถุงมือหนังรูดซิปประหลาดๆ เราเห็นแล้วขวัญหนีดีฝ่อ 296 00:15:37,437 --> 00:15:38,939 นี่ต้องไม่ใช่เขาแน่ 297 00:15:39,022 --> 00:15:43,110 เขาเปิดประตูเข้าไปยังหอพักห้องเล็กๆ 298 00:15:43,193 --> 00:15:46,029 ห้องเขาอัดแน่นไปด้วย เครื่องเสียงครบชุด 299 00:15:46,113 --> 00:15:48,949 มีเทิร์นเทเบิล มีเครื่องสร้างเสียงกลองทั้งหลาย 300 00:15:49,032 --> 00:15:52,494 และใช่ครับ ทุกท่านครับ มีเครื่องทำฟองสบู่ด้วย 301 00:15:53,495 --> 00:15:54,705 แล้วเราทำยังไงต่อ 302 00:15:54,788 --> 00:15:56,623 เราตกลงจ้างเขาทันที 303 00:15:56,707 --> 00:15:58,375 และนี่คือริค รูบิน 304 00:16:03,547 --> 00:16:07,092 ตอนแรกดูเหมือนว่าเรากับริค รูบิน จะเข้ากันได้แบบแปลกๆ 305 00:16:07,176 --> 00:16:10,179 เขามาจากลองไอแลนด์ ส่วนเรามาจากนิวยอร์กซิตี 306 00:16:10,262 --> 00:16:14,850 และริคสนใจเรื่องอื่นๆ อีกมาก ที่เราไม่เคยสนใจมาก่อน 307 00:16:14,933 --> 00:16:16,685 อย่างเช่นมวยปล้ำและดนตรีเฮฟวีเมทัล 308 00:16:16,768 --> 00:16:18,896 เราคิดว่าของพวกนั้นมันไร้สาระ 309 00:16:18,979 --> 00:16:21,064 ดูเหมือนริคจะแก่กว่าเรามากและ... 310 00:16:23,817 --> 00:16:24,651 คือ... 311 00:16:24,735 --> 00:16:26,403 ภาพมันฉายไม่ค่อยตรงจังหวะเลยแฮะ 312 00:16:26,486 --> 00:16:27,571 - คือมัน... - กับ... 313 00:16:29,072 --> 00:16:31,909 เราแสดงความเห็น เรื่องกล่องเคเบิลได้ไหม แบบว่า... 314 00:16:31,992 --> 00:16:34,536 - ทุกคนคิดเรื่องนี้อยู่ใช่ไหม - ใช่ 315 00:16:34,620 --> 00:16:37,623 ไอ้นั่นมันของล้ำสมัยสุดๆ ในยุคนั้น 316 00:16:37,706 --> 00:16:41,668 พวกเขามีกล่องเคเบิล โทรศัพท์พ่วงหลายสาย ผมว่านะ... 317 00:16:42,711 --> 00:16:45,422 สมัยโน้นเรียบง่ายกว่าตอนนี้เยอะ กับบุหรี่เซเลมส์ซองนึง 318 00:16:45,506 --> 00:16:47,799 กับที่เขี่ยบุหรี่ที่เต็มแล้ว วางอยู่ข้างเตียง 319 00:16:47,883 --> 00:16:48,884 ใช่ไหมล่ะ 320 00:16:52,054 --> 00:16:55,641 ดูเหมือนริคจะแก่กว่าเรามาก และเขาดูเป็นผู้ใหญ่กว่าเรา 321 00:16:55,724 --> 00:16:57,809 และเขามีเงินซื้อของได้สารพัด 322 00:16:57,893 --> 00:17:00,145 แต่ที่สำคัญที่สุด คือความมั่นใจของเขา 323 00:17:00,229 --> 00:17:02,439 ไม่ว่าเขาสนใจอะไรอยู่ มันคือสิ่งที่เราจะสนใจตาม 324 00:17:02,523 --> 00:17:04,107 เปรียบเหมือนโรคติดต่อเลย 325 00:17:04,858 --> 00:17:06,193 คุณไม่มีทางที่จะอยู่กับริค 326 00:17:06,276 --> 00:17:09,070 โดยไม่รู้สึกตื่นเต้น เกี่ยวกับสิ่งที่เขาตื่นเต้นได้ 327 00:17:09,154 --> 00:17:10,571 เราจึงเริ่มสนใจมวยปล้ำบ้าง 328 00:17:11,281 --> 00:17:12,324 บ้างนะ 329 00:17:12,866 --> 00:17:15,827 - และแน่นอน เราเริ่มสนใจเฮฟวีเมทัล - แน่นอน 330 00:17:17,204 --> 00:17:19,080 - แน่นอน - แน่นอน 331 00:17:19,915 --> 00:17:21,916 เราใช้เวลาแค่สัปดาห์เดียว จากที่คิดว่า 332 00:17:22,000 --> 00:17:24,586 ผู้ชายที่ใส่ถุงมือหนังรูดซิปคนนี้ ดูตลกไร้สาระ 333 00:17:24,670 --> 00:17:26,880 กลายเป็นคิดว่า "เขาคือคนที่เจ๋งที่สุด" 334 00:17:26,964 --> 00:17:28,799 เขากลายเป็นส่วนหนึ่ง ของทีมเราแบบเต็มเวลา 335 00:17:29,800 --> 00:17:32,928 เขากลายเป็นพี่ชายสุดประหลาด และสุดเจ๋งของเรา 336 00:17:33,011 --> 00:17:35,097 และหอพักเขากลายเป็น สำนักงานใหญ่แห่งใหม่ของเรา 337 00:17:35,180 --> 00:17:36,765 เหมือนแร็ตเคจแห่งใหม่ของเราเลย 338 00:17:36,849 --> 00:17:40,477 ทุกๆ วัน แทนที่เราจะไปโรงเรียน เรากลับไปสุมหัวอยู่ที่ห้องของริคกัน 339 00:17:40,561 --> 00:17:43,230 และเราเอาแต่ฟังเพลง จากนั้นเราจะไปเที่ยวคลับกัน 340 00:17:43,313 --> 00:17:45,566 แล้วไปหาอะไรกิน ที่ร้านโคซี่ซุปแอนด์เบอร์เกอร์ 341 00:17:45,649 --> 00:17:48,068 เราจะคุยกัน เรื่องคืนนั้นและเรื่องดนตรี 342 00:17:48,151 --> 00:17:50,863 ดนตรีทุกอย่าง ที่เราจะร่วมกันสร้างให้ได้สักวัน 343 00:17:50,946 --> 00:17:53,782 หลังจากโชว์ที่สตูดิโอ 54 เราก็มีดีเจ 344 00:17:53,866 --> 00:17:57,703 เราคิดว่า "ช่างแม่ง มาลองแร็ป และทำให้เป็นส่วนหนึ่งของโชว์เรากัน" 345 00:17:59,121 --> 00:18:00,122 (เดอะคิตเชน นิวยอร์กซิตี) 346 00:18:00,205 --> 00:18:03,250 ริคจึงเข้ามาร่วมวงกับเรา และแน่นอน เขาเป็นดีเจดับเบิล อาร์ 347 00:18:03,333 --> 00:18:06,837 โชว์แรกๆ ที่เราแสดงกับริค ครึ่งนึงเราจะแสดงแบบวงฮาร์ดคอร์ 348 00:18:06,920 --> 00:18:10,549 จากนั้นเราจะลงจากเวที และแสดงอีกครึ่งนึงแบบวงแร็ป 349 00:18:10,632 --> 00:18:12,593 - บี-อี-เอ - เอส-ที-ไอ-อี 350 00:18:12,676 --> 00:18:15,012 พวกเราคือบีสตีโฟร์ ขาร็อกเขย่าโลก 351 00:18:15,095 --> 00:18:17,347 - ผมมาสเตอร์อดัม เยาค์ - กับสล็อปเดอะร็อก 352 00:18:17,431 --> 00:18:19,600 - กับไมค์ ดี - เคที่ เชลเลนบาค 353 00:18:19,683 --> 00:18:22,019 ฮิปฮอปเข้าหู มันหยุดไม่อยู่ 354 00:18:22,102 --> 00:18:24,146 ร้องเข้าจังหวะมันๆ จนหมดแรงเลยแล้วกัน 355 00:18:24,229 --> 00:18:27,065 โอเคๆ ผมว่านะ... 356 00:18:28,317 --> 00:18:29,401 คุณพอจะ... 357 00:18:31,403 --> 00:18:32,529 คุณพอจะนึกภาพออกแล้ว 358 00:18:32,613 --> 00:18:36,366 แร็ปเปอร์ส่วนใหญ่ถือเนื้อเพลง ที่คล้องจองกันไว้ในมือใช่ไหม 359 00:18:36,867 --> 00:18:38,118 พวกเขาทำกันแบบนั้นไม่ใช่เหรอ 360 00:18:38,202 --> 00:18:39,953 การอยู่กับเพื่อนๆ ของคุณ 361 00:18:40,037 --> 00:18:42,122 และแร็ปเพลง "Sucker MC's" ทั้งวัน ก็เรื่องนึง 362 00:18:42,206 --> 00:18:46,460 แต่การขึ้นเวทีที่มีผู้ชม และต้องแร็ปเป็นภาษาของเราเองนั้น 363 00:18:46,543 --> 00:18:47,836 นั่นก็อีกเรื่องนึง 364 00:18:47,920 --> 00:18:50,297 ตอนนั้นเราไม่รู้ตัว แต่พอผ่านไปสักพัก 365 00:18:50,380 --> 00:18:54,510 ยิ่งเราอยู่กับริค และทำตัวเหมือนริคมากเท่าไร 366 00:18:54,593 --> 00:18:56,845 เรายิ่งอยู่กับเคทน้อยลงเท่านั้น 367 00:18:56,929 --> 00:19:00,390 หรือพูดให้ถูกคือเคทอยู่กับเราน้อยลง 368 00:19:00,474 --> 00:19:02,893 ผมคิดว่าเพื่อนๆ ของเรางงหนักมาก 369 00:19:02,976 --> 00:19:05,062 ว่าทำไมเราไปขลุกอยู่กับริคตลอดเวลา 370 00:19:10,359 --> 00:19:12,653 วงดนตรีก็ต้องกินเพื่ออยู่ 371 00:19:15,656 --> 00:19:20,619 ตอนนั้นริคกำลังโปรดิวซ์เพลงแร็ปแท้ๆ เพลงแรกของเขาที่ชื่อ "It's Yours" 372 00:19:20,702 --> 00:19:22,496 ให้กับแร็ปเปอร์ชื่อทีลาร็อก 373 00:19:24,998 --> 00:19:29,127 ก่อนหน้านั้น ดนตรีสำหรับเพลงแร็ป มักเล่นโดยวงดนตรีเป็นส่วนใหญ่ 374 00:19:29,211 --> 00:19:31,880 จะเล่นให้ฟังดูฟังกี้เนียนๆ 375 00:19:31,964 --> 00:19:33,465 เพื่อให้ได้เปิดทางวิทยุ 376 00:19:33,549 --> 00:19:36,426 แต่ "It's Yours" มีแค่แร็ปเปอร์ กับเครื่องสร้างเสียงกลอง 377 00:19:36,510 --> 00:19:39,096 เสียงที่ได้ทั้งดิบและพังก์ 378 00:19:39,179 --> 00:19:40,347 มีอยู่คืนนึง 379 00:19:40,430 --> 00:19:45,602 ริคบอกว่าเขาจะไปหารัสเซลล์ ซิมมอนส์ ที่ร้านแดนซ์เทอเรีย 380 00:19:45,686 --> 00:19:48,647 เราไม่รู้ว่าริคกับรัสเซลล์ ไปเจอกันด้วยเรื่องอะไร 381 00:19:48,730 --> 00:19:52,067 แต่เราตื่นเต้นมากที่ได้แอบย่องตาม ไปฟังพวกเขาคุยกันที่บาร์ 382 00:19:52,150 --> 00:19:55,612 เพราะรัสเซลล์คนนี้ ไม่ใช่แค่ผู้จัดการของรัน-ดีเอ็มซี 383 00:19:55,696 --> 00:19:58,282 แต่เขาเป็นพี่ชายของดีเจรันด้วย 384 00:19:58,365 --> 00:19:59,950 มันไม่ใช่ว่าเขาคือคนที่ 385 00:20:00,033 --> 00:20:02,828 รู้จักใครสักคน ที่รู้จักคนในวงการแร็ป 386 00:20:02,911 --> 00:20:04,246 รัสเซลล์นี่แหละแร็ปเต็มตัว 387 00:20:04,329 --> 00:20:06,748 เขาอยู่ที่ใจกลางของวงการเพลงแร็ปเลย 388 00:20:06,832 --> 00:20:09,126 พอรัสเซลล์กลับไป เราตื่นเต้นกันมาก 389 00:20:09,209 --> 00:20:11,086 เรารีบวิ่งไปหาริคและบอกว่า 390 00:20:11,170 --> 00:20:14,548 "โย่ๆ โย่ๆ ริค เล่ามาให้หมดเลย 391 00:20:14,631 --> 00:20:16,508 รัสเซลล์คนนั้นบอกอะไรนายบ้าง 392 00:20:16,592 --> 00:20:19,094 นายต้องบอกเราทุกเรื่อง ที่พวกนายคุยกัน" 393 00:20:21,346 --> 00:20:23,098 ก็นะ แบบว่า... เราตื่นเต้นนี่นา 394 00:20:23,182 --> 00:20:24,141 ตีบทแตกมาก 395 00:20:24,224 --> 00:20:27,311 เราพูดจาน้ำเสียงแบบนี้แหละ ตอนเราอายุ 16 396 00:20:27,394 --> 00:20:30,022 ริคบอกเราว่ารัสเซลล์ไม่อยากเชื่อ 397 00:20:30,105 --> 00:20:33,275 ว่าเพลง "It's Yours" จะแต่งขึ้นโดยคนที่เขาไม่รู้จัก 398 00:20:33,358 --> 00:20:34,902 แถมยังแต่งโดยคนขาวอีก 399 00:20:34,985 --> 00:20:36,570 ริคบอกว่าพวกเขาตกลงกันแล้ว 400 00:20:36,653 --> 00:20:39,990 และพวกเขาจะวางแผนสร้างค่ายเพลง ชื่อเดฟแจม 401 00:20:40,073 --> 00:20:41,200 เดี๋ยวนะ เดี๋ยว 402 00:20:41,283 --> 00:20:44,578 ตั้งใจฟังหน่อย วางโทรศัพท์เลย แล้วมาดูนี่ 403 00:20:44,661 --> 00:20:45,996 Jam หมายถึงแผ่นเสียง 404 00:20:46,079 --> 00:20:48,332 Def ย่อมาจาก 'definitive' 405 00:20:48,415 --> 00:20:51,126 แน่นอนว่านี่คือแผ่นเสียงที่ดีที่สุด ที่คุณหาซื้อได้แล้ววันนี้ 406 00:20:51,210 --> 00:20:52,211 (เดฟแจม เทปบันทึกเสียง) 407 00:20:52,294 --> 00:20:54,213 เดฟจัง เดฟจัง นี่คือเดฟแจม 408 00:20:54,296 --> 00:20:58,008 และตอนคุยเรื่องแผนนั้นกันอยู่ ริคบอกรัสเซลล์เรื่องพวกเรา 409 00:20:58,759 --> 00:21:01,094 "นี่ ผมมีแร็ปเปอร์ผิวขาวสามคน 410 00:21:01,178 --> 00:21:02,971 พวกเขายังเรียนมัธยมอยู่เลย 411 00:21:03,055 --> 00:21:06,808 พวกเขาชอบแนวพังก์ร็อก แต่พวกเขารักฮิปฮอปมากกว่า 412 00:21:06,892 --> 00:21:09,645 สิ่งเดียวที่พวกเขาทำ คือฟังแต่เพลงแร็ป" 413 00:21:16,860 --> 00:21:21,240 รัสเซลล์ ซิมมอนส์เห็นโอกาส ในการบริหารวงแร็ปผิวขาวทันที 414 00:21:21,323 --> 00:21:24,034 ไม่กี่วันต่อมา เราก็ได้ไปหาเขาที่ออฟฟิศของเขา 415 00:21:24,117 --> 00:21:26,578 เรานึกว่าเขาจะมีออฟฟิศหรูหราใหญ่โต 416 00:21:26,662 --> 00:21:30,499 แต่พอเราขึ้นไปถึง มันมีแค่ห้องเล็กๆ สองห้อง จริงๆ นะ 417 00:21:30,582 --> 00:21:32,292 แต่สิ่งที่เจ๋งก็คือ 418 00:21:32,376 --> 00:21:38,215 หนึ่งในห้องนั้นมีเคอร์ทิส โบลว์ ราชาเพลงแร็ปอยู่ด้วย 419 00:21:39,049 --> 00:21:43,804 เขาอยู่ในออฟฟิศของรัสเซลล์ พยายามฝึกเต้นเบรกแดนซ์ 420 00:21:43,887 --> 00:21:46,765 เขาพยายามใช้หัวหมุนตัว ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง 421 00:21:46,849 --> 00:21:48,684 ไม่ใช่แค่นั้นนะ ผมไม่รู้ว่าถ้า... 422 00:21:48,767 --> 00:21:51,270 ในนี้มีใครรู้จักวงฟูลฟอร์ซบ้างไหม 423 00:21:52,563 --> 00:21:56,692 เขาห้อมล้อม... เขาห้อมล้อมไปด้วย สมาชิกของวงฟูลฟอร์ซ 424 00:21:56,775 --> 00:22:00,070 ที่กำลังดูเขาหัดเต้นเบรกแดนซ์ 425 00:22:00,153 --> 00:22:03,490 ที่เรากำลังเล่าให้คุณฟังอยู่นี้ มันเป็นภาพที่โคตรเท่จริงๆ 426 00:22:04,825 --> 00:22:06,368 พอมั่นใจดีแล้ว 427 00:22:06,451 --> 00:22:09,204 รัสเซลล์นี่ยิ่งกว่าริคอีกนะ 428 00:22:09,746 --> 00:22:10,914 ถ้าคุณอยู่ใกล้เขา 429 00:22:10,998 --> 00:22:15,002 คุณจะอดเชื่อไม่ได้ว่าเรื่องเจ๋งๆ ทุกอย่างที่เขาพูดจะเกิดขึ้นจริง 430 00:22:15,085 --> 00:22:17,963 ในปี 1984 ไม่มีใครสนใจดนตรีแร็ป 431 00:22:18,046 --> 00:22:19,590 ทางวิทยุนี่แทบไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ 432 00:22:19,673 --> 00:22:23,218 แต่ทุกที่ที่รัสเซลล์ไป เขาจะโปรโหมตให้ทุกคนรู้จัก 433 00:22:23,302 --> 00:22:26,805 "รัน-ดีเอ็มซีจะเป็นศิลปิน ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของยุคเรา" 434 00:22:28,348 --> 00:22:31,643 "ริค รูบินจะเป็นฟิล สเปกเตอร์ แห่งวงการแร็ป" 435 00:22:32,853 --> 00:22:34,062 บีสตีบอยส์ล่ะ 436 00:22:34,146 --> 00:22:38,150 พวกเขาคือบีบอยผิวขาว และพวกเขาจะเป็นวงที่ดังที่สุดในโลก" 437 00:22:39,568 --> 00:22:40,569 เอาละ 438 00:22:41,737 --> 00:22:43,405 เราจะค่อยๆ เล่าให้ฟังนะ 439 00:22:43,488 --> 00:22:45,407 เราเพิ่งเริ่มร้องเพลงแร็ป 440 00:22:45,490 --> 00:22:47,784 เราไม่เก่งเรื่องเจ๋งๆ 441 00:22:47,868 --> 00:22:50,954 แต่ริคกับรัสเซลล์เชื่อในตัวเรา และมันทำให้เรามีความมั่นใจ 442 00:22:53,749 --> 00:22:58,170 พวกเขาจึงจัดแจงให้เรา ได้อัดเพลงแร็ปเพลงแรกของเรา 443 00:22:58,253 --> 00:22:59,671 ที่ชื่อว่า "Rock Hard" 444 00:23:02,049 --> 00:23:04,426 ไม่รู้สิ มันไม่ใช่ ช่วงน่าประทับใจที่สุดที่ได้จับไมค์ 445 00:23:04,510 --> 00:23:08,805 แต่คุณต้องเข้าใจว่าเรารักดนตรีแร็ป และเราอยากเป็นแร็ปเปอร์ใจจะขาด 446 00:23:08,889 --> 00:23:11,099 เราอยากเป็นอย่างรัน-ดีเอ็มซีมาก 447 00:23:11,183 --> 00:23:13,685 "บีบอยผิวขาววงแรก เราไม่นึกเสียใจสักนิด 448 00:23:13,769 --> 00:23:16,021 ทีวีคุณไม่ได้ทำงานผิด" 449 00:23:17,814 --> 00:23:19,274 รัสเซลล์ ซิมมอนส์แต่งท่อนนี้ 450 00:23:19,358 --> 00:23:21,610 และเขาบอกเราว่าเราต้องร้อง เพราะมันเยี่ยมมาก 451 00:23:21,693 --> 00:23:24,363 มันมีความเป็นบีบอยมากแค่ไหน รวมทั้งพังก์และอะไรอย่างอื่นด้วย 452 00:23:24,446 --> 00:23:26,532 และเขาอยากให้เราร้องว่า 453 00:23:26,615 --> 00:23:29,409 "ผมเล่นกีตาร์เป็น ผมเล่นกลองได้ 454 00:23:29,493 --> 00:23:32,496 เราไม่ใช่แค่บีบอย เราคือร็อกสตาร์ผู้ยิ่งใหญ่" 455 00:23:32,579 --> 00:23:34,206 เราก็เลยทำตามนั้น 456 00:23:34,289 --> 00:23:36,917 ก็เขาเป็นคนมีชื่อเสียง ในวงการแร็ปนี่นา 457 00:23:37,000 --> 00:23:40,087 มีเคอร์ทิส โบลว์มาเต้นในออฟฟิศ อะไรทั้งหลายแหล่ 458 00:23:40,170 --> 00:23:43,006 ถ้าคุณคิดว่าการร้องแบบนั้น จะแปลกใหม่และไม่เหมือนใคร 459 00:23:43,090 --> 00:23:45,634 ก็ได้ เร่งเสียงให้สุดเลย 460 00:23:45,717 --> 00:23:47,469 ไมค์ ดี, แอ็ด-ร็อก กับเอ็มซีเอ 461 00:23:48,053 --> 00:23:50,347 ไม่นานนักก่อนที่คุณจะร้องเฮ 462 00:23:50,430 --> 00:23:52,933 หนุ่มๆ พวกนี้มีของเจ๋ง 463 00:23:53,016 --> 00:23:55,686 พวกเขารีบชิ่งไป พวกเขาน่ะคลายความเครียดเก่ง 464 00:23:55,769 --> 00:23:57,896 ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย 465 00:23:57,980 --> 00:23:59,356 สบายๆ 466 00:24:00,107 --> 00:24:04,319 ผมล่ะอยากโทษริคกับรัสเซลล์ เรื่องคุณภาพของเพลง 467 00:24:04,403 --> 00:24:06,446 แต่ประเด็นคือพวกเราเองที่เป็นคนแต่ง 468 00:24:06,530 --> 00:24:09,700 เราเขียนเนื้อ และร้องเองทั้งหมดในเพลงนั้น 469 00:24:09,783 --> 00:24:13,829 พวกเขาอยากให้เราเป็นการ์ตูน เวอร์ชันแร็ปของวงเมทัลยุค 80 470 00:24:13,912 --> 00:24:18,041 แต่ให้ใส่รองเท้าหัวแข็งของอาดิดาส กับชุดออกกำลังกายอะไรพวกนั้น 471 00:24:18,125 --> 00:24:20,127 แล้วเราก็เอาด้วย 472 00:24:20,210 --> 00:24:21,461 - แหงอยู่แล้ว - ใช่ไหมล่ะ 473 00:24:22,588 --> 00:24:23,630 จะเหลือเหรอ 474 00:24:25,591 --> 00:24:30,429 แต่ถึงจุดนึงเราก็ตัดสินใจกัน ว่าเราต้องให้เคทออกจากวง 475 00:24:30,512 --> 00:24:33,849 เพราะเธอไม่เหมาะกับ อัตลักษณ์หนุ่มแร็ปโฉมใหม่ของเรา 476 00:24:33,932 --> 00:24:35,559 มันเละเทะแค่ไหนน่ะเหรอ 477 00:24:36,685 --> 00:24:39,980 ตอนบีสตีบอยส์เริ่มวงใหม่ๆ เพื่อนส่วนใหญ่ของเราเป็นผู้หญิง 478 00:24:40,063 --> 00:24:41,940 เป็นสาวๆ ที่เจ๋งที่สุดด้วย 479 00:24:42,024 --> 00:24:44,693 มันน่าอายมากที่ต้องคิดว่า เราทำให้พวกเขาผิดหวัง 480 00:24:45,444 --> 00:24:48,906 บ้าจริงเชียว ท้ายที่สุดแล้ว เคทอาจจะออกจากวงเองก็ได้ 481 00:24:48,989 --> 00:24:50,949 แต่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงมันแย่มาก 482 00:24:51,033 --> 00:24:54,161 ก่อนหน้านั้น วงของเราเป็นเหมือนตัวตลก 483 00:24:54,244 --> 00:24:55,954 เราทำวงเพราะว่ามันสนุก 484 00:24:56,038 --> 00:24:58,707 เป้าหมายใหญ่ของเรา คือการสร้างเสียงหัวเราะให้กัน 485 00:24:58,790 --> 00:25:02,711 แต่ตอนที่เราอยู่กับริคและรัสเซลล์ พวกเขามีแผนการใหญ่โตสำหรับเรา 486 00:25:02,794 --> 00:25:04,546 ถ้าริคคือพี่ชายสุดเจ๋งของเรา 487 00:25:04,630 --> 00:25:06,840 รัสเซลล์ก็คงเป็นลุงสุดบ้าบิ่น 488 00:25:06,924 --> 00:25:10,302 เราเริ่มไปเที่ยวด้วยกันทุกคืน อยู่ด้วยกันตลอดเวลา 489 00:25:10,385 --> 00:25:13,305 ออกไปเที่ยวคลับ ดื่มคอกเทล สกรูไดรเวอร์บ้าง แบรสมังกี้บ้าง 490 00:25:13,388 --> 00:25:16,225 เราเป็นเหมือนครอบครัวและเทะแต่สนุก 491 00:25:16,308 --> 00:25:20,187 เวลาคุณอายุยังน้อยและเมาแอ๋ แล้วรัสเซลล์ ซิมมอนส์บอกคุณว่า 492 00:25:20,270 --> 00:25:23,357 คุณจะเป็นวงแร็ป ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล 493 00:25:23,440 --> 00:25:27,277 ผมว่าคุณจะได้ยินแบบนั้นบ่อยพอ จนเชื่อเรื่องที่เขาพูด 494 00:25:27,361 --> 00:25:30,614 และแล้วก็เกิดเรื่องบ้าๆ ขึ้น 495 00:25:33,492 --> 00:25:34,618 สไปค์ 496 00:25:35,369 --> 00:25:38,997 ขอโทษที ขอโทษจริงๆ มันน่าจะมีคิวบอกไม่ใช่เหรอว่า... 497 00:25:39,081 --> 00:25:41,458 แต่ยังไงมุกเมื่อกี๊ก็ไม่ฮาอยู่ดี เล่าต่อเลย 498 00:25:42,334 --> 00:25:44,002 สรุปจะเปิดหรือไม่เปิด 499 00:25:44,086 --> 00:25:45,295 ไม่ใช่คืนนี้ 500 00:25:45,379 --> 00:25:47,506 นี่คือโชว์ครั้งสุดท้าย จะให้ไปเปิดตอนไหนอีก 501 00:25:47,589 --> 00:25:49,132 เราไม่ได้โหลดเข้าเครื่องไว้ 502 00:25:49,216 --> 00:25:51,176 เราอาจจะหาได้ทันก่อนหมดคืนนี้ 503 00:25:51,260 --> 00:25:52,719 ผมจะจัดการให้ ผมจัดการให้ 504 00:25:52,803 --> 00:25:55,055 คือมันเป็นเสียง ที่พูดว่า "เรื่องบ้าๆ" 505 00:25:55,138 --> 00:25:58,433 แล้วมีภาพแอนิเมชันขึ้นมา เพื่อนผม แม็กซ์ ทันโนนเป็นคนทำ... ช่างเถอะ 506 00:25:59,059 --> 00:26:02,104 พวกคุณรู้ไหมว่าเราเล่นเปิด ให้มาดอนนาในทัวร์แรกสุดของเธอ 507 00:26:03,188 --> 00:26:05,482 เราเล่นจริงๆ เรื่องที่เราเล่นเปิดให้มาดอนนา... 508 00:26:05,566 --> 00:26:06,817 เรื่องบ้าๆ 509 00:26:09,111 --> 00:26:10,445 หาเจอแล้ว 510 00:26:12,155 --> 00:26:13,282 ช่างมันเถอะ 511 00:26:13,740 --> 00:26:17,494 วันนึงรัสเซลล์ ซิมมอนส์ได้รับสายจาก ผจก. ของมาดอนนา เฟรดดี้ เดอแมนน์ 512 00:26:17,578 --> 00:26:20,539 เขาโทรมาถามว่ารัน-ดีเอ็มซี อยากเล่นเปิดให้มาดอนนา 513 00:26:20,622 --> 00:26:21,832 ในทัวร์ครั้งแรกของเธอไหม 514 00:26:21,915 --> 00:26:25,085 และรัสเซลล์บอกว่า "ใช่ พวกเขาได้เงิน 20,000 ต่อโชว์" 515 00:26:25,169 --> 00:26:27,921 ผู้จัดการของมาดอนนาบอกว่า "ขอบคุณ ไม่เอาดีกว่า" 516 00:26:28,005 --> 00:26:31,175 ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ผจก. ของมาดอนนา โทรหารัสเซลล์ ซิมมอนส์ และเขาบอกว่า 517 00:26:31,258 --> 00:26:34,553 "เฮ้ รัสเซลล์ เดอะแฟตบอยส์ อยากเล่นเปิดให้ทัวร์ของมาดอนนาไหม" 518 00:26:35,220 --> 00:26:39,558 เขาบอกว่า "ว้า เดอะแฟตบอยส์ติดงาน พวกเขาไปเล่นไม่ได้" 519 00:26:39,641 --> 00:26:41,852 รัสเซลล์ไม่เคยเป็นผู้จัดการ ให้เดอะแฟตบอยส์ 520 00:26:43,562 --> 00:26:44,813 "แต่" เขาบอก 521 00:26:44,897 --> 00:26:47,858 "ผมมีวงนึงชื่อบีสตีบอยส์ และพวกเขาโชว์ได้ในราคา 500 เหรียญ" 522 00:26:47,941 --> 00:26:49,401 รู้ตัวอีกที 523 00:26:49,484 --> 00:26:52,112 เราก็อยู่ที่ซีแอตเทิล วอชิงตัน ในโรงแรมโฟร์ซีซันส์ 524 00:26:52,196 --> 00:26:54,573 เตรียมตัวเล่นเปิดให้ทัวร์ของมาดอนนา 525 00:26:55,407 --> 00:26:56,783 จำตอนนั้นได้ไหม 526 00:27:00,204 --> 00:27:04,458 ก่อนออกทัวร์ เราคิดแผนการที่สุดยอดขึ้นมา 527 00:27:04,541 --> 00:27:08,504 เราจะทำยังไงให้ผู้ชมทุกคนจำเราได้ 528 00:27:08,587 --> 00:27:12,883 แน่นอนว่าต้องไม่ใช่ เรื่องการใช้ไมค์อย่างช่ำชองของเรา 529 00:27:12,966 --> 00:27:18,514 ไอเดียของเราคือเราควรหยาบคาย และเล่นห่วยแตกบนเวทีให้มากที่สุด 530 00:27:18,597 --> 00:27:23,894 โย่! เตรียมตัวให้ดีนะ ดีทรอยต์ ฟิลลี ซินซี แอลเอ 531 00:27:23,977 --> 00:27:25,229 เราจะบุกไปหาแล้ว! 532 00:27:25,312 --> 00:27:26,772 ถ้าเราแค่ไปที่นั่น 533 00:27:26,855 --> 00:27:29,358 และเล่นสองเพลงที่เรารู้จัก 534 00:27:29,441 --> 00:27:30,817 และตอนนั้นเรารู้จักแค่นั้นแหละ 535 00:27:30,901 --> 00:27:33,570 และเราบอกว่า "ขอบคุณครับทุกคน ราตรีสวัสดิ์" 536 00:27:33,654 --> 00:27:34,696 ใครจะไปสนกัน 537 00:27:34,780 --> 00:27:37,157 เราจึงทำตัวให้เป็นที่น่าจดจำแทน 538 00:27:37,241 --> 00:27:39,910 ไอ้งั่งที่น่าจดจำชิบ 539 00:27:39,993 --> 00:27:41,787 เราคือร็อกสตาร์ตัวจริง 540 00:27:41,870 --> 00:27:44,164 ทุกคนที่นั่นไปเพื่อดูมาดอนนา 541 00:27:44,248 --> 00:27:46,416 และแน่นอนว่าพวกเขาไม่สนใจเราหรอก 542 00:27:47,000 --> 00:27:49,461 แต่นี่คือตอนที่มวยปล้ำของริค เข้ามามีบทบาท 543 00:27:49,545 --> 00:27:51,964 เขาอยากให้เราเป็นตัวร้าย ในเวทีมวยปล้ำ 544 00:27:52,047 --> 00:27:54,800 แหกปากร้องใส่กล้อง ที่อยู่ข้างเวทีมวยแบบนี้ 545 00:27:54,883 --> 00:27:58,178 เหตุผลเดียวที่เรายังไม่ได้ทำวิดีโอ ก็เพราะทันทีที่เราทำแล้ว 546 00:27:58,262 --> 00:28:01,014 พวกเขาจะต้องเปลี่ยนจากเอ็มทีวี ไปเป็นบีสตีทีวี 547 00:28:01,098 --> 00:28:04,142 เพราะพวกเขาจะขึ้นแสดงทั้งวันทั้งคืน 548 00:28:04,226 --> 00:28:08,480 "บีสตีบอยส์ หนึ่งในวงที่ดีที่สุด ของวงการเพลงยุคนี้" นี่ไง 549 00:28:08,564 --> 00:28:10,524 ผมว่าผมพูดไปก็ไร้ประโยชน์ 550 00:28:10,607 --> 00:28:12,109 ผมอาจจะพูดข้ามหัวคุณไป 551 00:28:12,192 --> 00:28:13,360 จบการสัมภาษณ์แต่เพียงเท่านี้ 552 00:28:13,443 --> 00:28:14,653 - ขอบคุณมากครับ - เช่นกัน 553 00:28:18,323 --> 00:28:19,324 นั่นแหละ... 554 00:28:22,202 --> 00:28:24,246 ทุกคืนที่ออกทัวร์กับมาดอนนา 555 00:28:24,329 --> 00:28:27,332 ผมจะออกไปยืนอยู่กลางเวที แล้วพูดแบบนี้ 556 00:28:29,209 --> 00:28:31,003 ผมคือราชาแอ็ด-ร็อก 557 00:28:31,086 --> 00:28:33,422 และผมคือราชาของคิงส์เธียเตอร์ 558 00:28:33,505 --> 00:28:34,631 เราคือบีสตีบอยส์ 559 00:28:34,715 --> 00:28:37,342 คืนนี้เราออกมาคว้าชัยชนะ 560 00:28:37,426 --> 00:28:40,846 พอเรากลับไปแล้ว ก็เผาที่นี่แม่งให้วอดวาย 561 00:28:40,929 --> 00:28:43,098 เพราะพวกแกทุกคนมันไร้ค่าไงให้ตาย 562 00:28:48,687 --> 00:28:53,025 อย่าลืมว่า นี่คือคนที่อดัมพ่นคำด่าใส่ 563 00:29:04,745 --> 00:29:06,788 เหมือนความสัมพันธ์ทั้งรักทั้งเกลียด 564 00:29:06,872 --> 00:29:10,375 เราเกลียดพวกเขา พวกเขาเกลียดเรา เหมือนความรักไง 565 00:29:11,418 --> 00:29:14,796 พอจบทัวร์ เรากลับมาบ้าน และสิ่งแรกที่เราทำ 566 00:29:14,880 --> 00:29:19,551 คือไปหาทุกคน ใครก็ได้ที่จะรับฟังเรา และเราบอกว่า 567 00:29:19,635 --> 00:29:22,888 "โย่ๆ เราออกทัวร์กับมาดอนนาด้วย" 568 00:29:22,971 --> 00:29:25,349 เป็นอะไรที่เจ๋งที่สุดเลยเว้ย 569 00:29:25,432 --> 00:29:27,935 ตอนนี้เรากลับบ้านมา และรับรู้อย่างเป็นทางการแล้ว 570 00:29:28,018 --> 00:29:29,311 ว่าเราคือวงแร็ป 571 00:29:31,563 --> 00:29:33,023 เอาจริงดิ 572 00:29:33,106 --> 00:29:34,900 - ไฮไฟฟ์เนี่ยนะ - อือ 573 00:29:34,983 --> 00:29:36,985 มันกลับมาฮิตแล้ว อดัม มันกลับมาแล้ว 574 00:29:38,570 --> 00:29:42,866 คืนนึงรัสเซลล์หางานแสดงให้เรา ได้ที่คลับชื่ออองคอร์ 575 00:29:42,950 --> 00:29:46,370 เป็นการเล่นเปิดให้เคอร์ทิส โบลว์ ราชาเพลงแร็ป 576 00:29:46,453 --> 00:29:48,455 เราทั้งคู่... เรามองหน้ากันและบอกว่า 577 00:29:48,539 --> 00:29:53,001 "โย่ เราจะได้เล่นเปิด ให้เคอร์ทิส โบลว์เหรอ โคตรเจ๋ง" 578 00:29:54,127 --> 00:29:56,255 - ทีนี้... - ของจริงก็พูดแบบนั้นเป๊ะๆ เลย 579 00:29:56,338 --> 00:29:57,881 - บอกให้รู้ไว้ - ใช่ เป๊ะมาก 580 00:29:57,965 --> 00:30:02,094 ทีนี้ อองคอร์เป็นคลับเพลงแร็ป ของคนผิวดำล้วนๆ 581 00:30:02,177 --> 00:30:04,888 เราคือคนผิวขาวกลุ่มเดียวที่นั่น 582 00:30:04,972 --> 00:30:08,308 แล้วเราก็คิดไอเดียดีๆ ออก 583 00:30:08,392 --> 00:30:11,436 ว่าเราจะได้นั่งลีมูซีน และแต่งตัวแบบนี้ 584 00:30:15,649 --> 00:30:17,109 ตลกตรงไหน 585 00:30:18,610 --> 00:30:21,154 ใช่ครับ นั่นเครื่องหัวของเราเอง 586 00:30:21,238 --> 00:30:22,948 ก็นะ... 587 00:30:24,825 --> 00:30:29,496 พอเราขึ้นเวทีที่อองคอร์ เล่นเพลง "Rock Hard" ของเรา 588 00:30:29,580 --> 00:30:32,040 พวกเขาก็เปิดไฟทุกดวงในร้าน 589 00:30:32,124 --> 00:30:34,668 ไฟฟลูออเรสเซนต์ เหมือนซูเปอร์มาร์เก็ตชิบเป๋ง 590 00:30:34,751 --> 00:30:37,671 พวกผู้ชายในหมู่คนดู ก็เริ่มตะโกนใส่เรา 591 00:30:37,754 --> 00:30:40,591 "โย่ๆ เมนูโดส์ ว่าไง" 592 00:30:41,341 --> 00:30:42,885 "เมนูโด โคตรชอบเลย" 593 00:30:44,178 --> 00:30:46,054 ใช่ครับ พวกเขาเรียกเราว่า "เมนูโด" 594 00:30:47,389 --> 00:30:50,934 อันที่จริงคือ "เมนูโดส์" แบบมีหลายคน 595 00:30:51,476 --> 00:30:52,477 ใช่ 596 00:30:52,561 --> 00:30:54,938 เราจึงเลิกแต่งตัวแบบนั้นให้ไวเลย 597 00:30:56,023 --> 00:30:57,566 บทที่สาม: 598 00:30:57,649 --> 00:30:59,902 "เพลงที่เปลี่ยนทุกอย่างไป" 599 00:30:59,985 --> 00:31:04,156 (บทที่สาม เพลงที่เปลี่ยนทุกอย่างไป) 600 00:31:04,239 --> 00:31:06,408 เราเริ่มเขียนเพลงแบบต่างๆ 601 00:31:06,491 --> 00:31:09,620 ไม่ได้มีแค่กีตาร์ ท่อนเวิร์ส คอรัส เวิร์ส คอรัส 602 00:31:09,703 --> 00:31:12,706 การป่วนไปทั่วได้กลายเป็น กระบวนการความสร้างสรรค์ของเรา 603 00:31:12,789 --> 00:31:14,458 เรื่องมันจะเป็นแบบนี้ 604 00:31:14,541 --> 00:31:16,084 ไมค์กี้ 605 00:31:16,168 --> 00:31:17,920 เราจะเดินอยู่บนถนน 606 00:31:20,631 --> 00:31:21,882 นี่คือ... 607 00:31:21,965 --> 00:31:23,008 เฮ้ 608 00:31:23,091 --> 00:31:24,801 นี่คือท่าทางที่เราเดินบนถนน 609 00:31:26,011 --> 00:31:27,930 - เป็นไง - ว่าไงพวก 610 00:31:29,097 --> 00:31:30,265 เราซ้อมมาแล้ว 611 00:31:30,974 --> 00:31:32,476 เราจะเดินไปตามถนน 612 00:31:32,559 --> 00:31:35,312 เราจะผลัดกันร้องเพลงคนละนิด 613 00:31:35,395 --> 00:31:37,356 กับเรื่องโง่ๆ ที่เราคิดว่าตลกดี 614 00:31:37,439 --> 00:31:40,609 เราคนนึงจะสุ่มร้องเพลงที่เราชอบ อย่างเช่น... 615 00:31:40,692 --> 00:31:42,236 รอเดี๋ยว 616 00:31:42,319 --> 00:31:45,489 แล้วอีกคนจะร้องว่า "โย่ นี่น่าจะเป็นเพลงได้นะ 617 00:31:45,572 --> 00:31:48,742 เขาควรพูดว่า "รอเดี๋ยว" แล้วเราให้สลิค ริคร้องว่า"... 618 00:31:48,825 --> 00:31:49,868 จัดไป 619 00:31:49,952 --> 00:31:53,247 แล้วอีกคนก็จะร้องว่า "ต่อไปต้องเป็น"... 620 00:31:53,330 --> 00:31:54,831 เฮ้ เลอรอย 621 00:31:54,915 --> 00:31:56,333 นี่แหละเพลง 622 00:31:57,626 --> 00:31:58,627 ทีนี้... 623 00:31:58,710 --> 00:32:03,090 จากนั้นเราจะเข้าสตูดิโอ พร้อมไอเดียเรียบง่ายและงี่เง่านั้น 624 00:32:03,173 --> 00:32:04,591 และเราจะสร้างมันเป็นเพลงขึ้นมา 625 00:32:04,675 --> 00:32:06,426 โย่ เลอรอย! 626 00:32:08,512 --> 00:32:10,931 รอเดี๋ยว รอเดี๋ยว รอเดี๋ยว 627 00:32:11,014 --> 00:32:11,849 จัดไป! 628 00:32:11,932 --> 00:32:14,726 อดัมอยู่ที่นั่นด้วย เขาจะหมกมุ่นอยู่กับการเคาะจังหวะ 629 00:32:14,810 --> 00:32:16,937 ที่แผ่นของ เครื่องสร้างเสียงกลองดีเอ็กซ์ของเขา 630 00:32:17,020 --> 00:32:19,481 เวลาที่เขาตื่นเต้นมากๆ เขาจะคว้าหูฟัง 631 00:32:19,565 --> 00:32:22,526 แล้วกระชากออกจากหัวเขา โยนไปข้างๆ และบอกว่า 632 00:32:22,609 --> 00:32:25,279 "โย่ๆ ทุกคน ฟังนี่สิ" 633 00:32:25,362 --> 00:32:28,073 ไม่จริง ไม่ๆ นั่นมันคุณ ไมค์ 634 00:32:28,156 --> 00:32:29,533 ผมเป็นแบบนี้ต่างหาก 635 00:32:29,616 --> 00:32:31,451 ยังไงก็ตาม เขาทำแบบนี้... 636 00:32:31,535 --> 00:32:33,412 บอกตามตรง นี่ผมหนุนคุณอยู่นะ อดัม 637 00:32:33,495 --> 00:32:36,164 เขาจะสร้างจังหวะแนวอะโกโกหรือสวิง ที่เด็ดมาก 638 00:32:36,248 --> 00:32:39,293 แต่พอเยาค์กับผมได้ยิน เราบอกเลยว่า "เช็ดเขร้" 639 00:32:39,376 --> 00:32:43,255 แต่พอเอาไปใส่รวมกับจังหวะแนว 808 640 00:32:43,338 --> 00:32:45,507 มันก็เปลี่ยนทุกอย่างไป 641 00:32:45,591 --> 00:32:47,509 รอเดี๋ยว รอเดี๋ยว รอเดี๋ยว 642 00:32:47,593 --> 00:32:49,803 จัดไป! 643 00:32:50,679 --> 00:32:53,682 พวกเราสามคนได้ใช้อุปกรณ์ของตัวเอง 644 00:32:53,765 --> 00:32:56,018 และทำเพลงที่เรารักออกมา 645 00:32:56,101 --> 00:32:58,687 แทนที่จะพยายามทำเพลงเหมือนคนอื่น 646 00:32:58,770 --> 00:33:00,189 เหมือนที่เราทำกับเพลง "Rock Hard" 647 00:33:00,272 --> 00:33:01,815 ตอนนี้เราได้เป็นตัวของตัวเองแล้ว 648 00:33:01,899 --> 00:33:04,526 หรืออย่างน้อยก็ได้เป็นตัวเอง เวอร์ชันในจินตนาการ 649 00:33:05,444 --> 00:33:07,905 ริคแวะมาที่สตูดิโอ และเราเล่นเพลงนี้ให้เขาฟัง 650 00:33:07,988 --> 00:33:10,574 เขานี่กระโดดโลดเต้นเลย เขาบอกว่า 651 00:33:10,657 --> 00:33:13,118 "เฮ้ ทุกคน อย่าเปลี่ยนอะไรเชียว 652 00:33:13,202 --> 00:33:16,205 แบบนี้เยี่ยมแล้ว ผมอยากเอาไปเปิดให้รัสเซลล์ฟัง 653 00:33:16,288 --> 00:33:18,332 เราต้องปล่อยเพลงนี้ให้ได้" 654 00:33:18,415 --> 00:33:21,627 เราแปลกใจมาก แต่ก็ตื่นเต้นสุดๆ 655 00:33:21,710 --> 00:33:24,922 ริคมิกซ์เพลงนี้ ทำให้มันอลังมากขึ้น และเป็นมืออาชีพมากขึ้น 656 00:33:25,005 --> 00:33:27,299 เขาทำให้จังหวะ 808 ฟังดูหลุดโลกไปเลย 657 00:33:29,134 --> 00:33:31,136 - แบบนั้น - แบบนั้น 658 00:33:31,220 --> 00:33:34,389 คุณจะได้ยินเพลงนี้ทำกระจกหลังรถสั่น ในย่านอีสต์โคสต์ 659 00:33:34,473 --> 00:33:36,975 และมันทำให้เครื่องเสียงหลายคน ดังสนั่นหวั่นไหว 660 00:33:37,059 --> 00:33:40,395 เราคิดหาทางนำองค์ประกอบต่างๆ ที่เราชอบมารวมไว้ด้วยกัน 661 00:33:40,479 --> 00:33:44,274 อย่างเช่นจังหวะ เสียงง่ายๆ การสแครตช์แผ่น นำมารวมกันเป็นเพลง 662 00:33:44,358 --> 00:33:46,068 ให้เป็นสไตล์ใหม่ 663 00:33:46,151 --> 00:33:49,404 ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราค้นพบเสียงของเราเอง 664 00:33:49,488 --> 00:33:51,949 ตอนนี้ผมโคตรชิว ผมโคตรชิวจนตัวปลิว 665 00:33:52,032 --> 00:33:54,409 เปิดดูกระเป๋าตังค์ พบเงินเป็นถุงเป็นถัง 666 00:33:54,493 --> 00:33:56,995 นั่งจิบเบียร์ชมวิวอยู่ข้างหน้าต่าง 667 00:33:57,079 --> 00:33:59,540 ใครไม่เติมเบียร์ ไม่ชิวก็ไปห่างๆ 668 00:33:59,623 --> 00:34:02,417 ตอนนี้ผมเพิ่งถึงบ้าน เพราะผมออกไปพล่าน 669 00:34:02,501 --> 00:34:05,337 นี่มันเวลาอะไร เวลาซื้อเบียร์ไง 670 00:34:05,420 --> 00:34:09,007 รัสเซลล์กับริคทำแผ่นเพลง "Hold It Now, Hit It" จากเดฟแจม 671 00:34:09,091 --> 00:34:12,761 จากนั้นเพลงนี้ก็ถูกเปิดตามรายการ มิกซ์เพลงและในคลับทั้งหลาย 672 00:34:12,844 --> 00:34:14,388 ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเราเลย 673 00:34:15,138 --> 00:34:20,310 เพลงของเราถูกเปิดต่อจากเพลงอย่าง "Rock the Bells" ของแอลแอลคูเจ 674 00:34:20,393 --> 00:34:23,730 เพลง "Peter Piper" ของรัน-ดีเอ็มซี และเพลงทั้งหลายที่เรารัก 675 00:34:23,813 --> 00:34:25,190 เราจะมีคอนเสิร์ตที่ฟิลลี 676 00:34:25,274 --> 00:34:27,234 เราไปที่นั่นแล้วเล่นเพลงให้ฟัง 677 00:34:27,317 --> 00:34:30,112 ผมจำได้ว่าเราเล่น "Hold It Now" และทุกคนเต้นกันมันมาก 678 00:34:30,195 --> 00:34:31,446 ทุกคนในคลับเลย 679 00:34:31,530 --> 00:34:34,699 มันเป็นความรู้สึกที่สุดยอดมาก ผมอุทานเลย "สุดตีนว่ะ" 680 00:34:34,783 --> 00:34:37,286 ตอนนั้นผมอายุ 19 ปี 681 00:34:37,369 --> 00:34:39,246 ผมพอมีเงินในกระเป๋าอยู่บ้าง 682 00:34:39,329 --> 00:34:40,831 เหล่าแร็ปเปอร์รู้ว่าผมเป็นใคร 683 00:34:40,914 --> 00:34:42,583 เราได้เที่ยวคลับฟรีๆ 684 00:34:42,666 --> 00:34:45,002 เราได้บัตรแลกเครื่องดื่ม ได้คุยกับสาวๆ 685 00:34:45,085 --> 00:34:46,295 - ได้ดื่มจนเมาแอ๋ - "แอ็ด-ร็อก" 686 00:34:46,378 --> 00:34:48,547 เราป่วนไปทั่ว เราเขียนเนื้อเพลงลงบนกระดาษเช็ดปาก 687 00:34:48,630 --> 00:34:49,672 เราหัวเราะเฮฮากัน 688 00:34:49,755 --> 00:34:53,217 แล้วเราก็ไปสตูดิโอ ทำเพลงจากเรื่องงี่เง่าทั้งหมดนั้น 689 00:34:53,302 --> 00:34:54,719 คืนต่อไป เพลงต่อไป 690 00:34:54,803 --> 00:34:57,973 สี่และสามและสองและหนึ่ง ว่าไง! 691 00:34:58,056 --> 00:35:01,101 พอผมถือไมค์ คนไม่เจ๋งต้องหลบไป แม่น! 692 00:35:01,185 --> 00:35:03,103 อยู่กับแอ็ด-ร็อกและไมค์ ดี แต่คุณไม่มี 693 00:35:03,187 --> 00:35:05,564 ของเด็ดน่ะผมมี มากกว่าที่ปีกัสโซมีสี 694 00:35:05,647 --> 00:35:08,150 เพลงผมเด็ด เพลงผมเจ๋ง 695 00:35:08,233 --> 00:35:10,694 ไม่แปลกใจถ้าคุณอยากจะกินตับผมเอง 696 00:35:10,777 --> 00:35:11,778 บี-อี-เอ-เอส-ที-ไอ-อี... 697 00:35:11,862 --> 00:35:15,490 เราอัดเพลงทำเพลงกันตลอดเวลา 698 00:35:15,574 --> 00:35:18,577 รัสเซลล์จะคอยเอามาเรียบเรียง และปล่อยเป็นซิงเกิลออกมาเรื่อยๆ 699 00:35:18,660 --> 00:35:21,121 - เราปล่อยเพลง "Paul Revere" - ดังเปรี้ยง 700 00:35:21,705 --> 00:35:23,916 เราปล่อยเพลง "The New Style" 701 00:35:23,999 --> 00:35:25,167 ดังเปรี้ยง 702 00:35:25,918 --> 00:35:30,255 ถึงจุดนึง รัสเซลล์มาที่สตูดิโอ และเขาบอกว่า 703 00:35:30,339 --> 00:35:33,050 "พวกคุณคือวงแร็ป ที่เจ๋งที่สุดตลอดกาล 704 00:35:33,133 --> 00:35:35,344 พวกคุณจะได้ทำอัลบั้มเต็มแล้ว" 705 00:35:35,427 --> 00:35:39,181 ตอนที่เราคุยกันอยู่นั้น อดัมกับผม 706 00:35:39,264 --> 00:35:41,350 เรายังอยู่อะพาร์ตเมนต์รูหนูอยู่เลย 707 00:35:41,433 --> 00:35:43,644 เหมือนที่คุณอยู่ทั่วไป ตอนอายุ 19 นั่นแหละ 708 00:35:43,727 --> 00:35:48,315 แต่เยาค์ย้ายไปอยู่อะพาร์ตเมนต์ ที่ทั้งใหม่และสวยในบรุกลินไฮต์ส 709 00:35:48,398 --> 00:35:50,108 เขาอยู่ที่นั่นฟรี 710 00:35:50,192 --> 00:35:52,611 เพราะเขาเป็นผู้ดูแลอาคารนั้น 711 00:35:53,195 --> 00:35:54,696 - จริงๆ - ถูกต้อง 712 00:35:54,780 --> 00:35:58,116 ถ้าเครื่องทำน้ำอุ่นของคุณพัง เขาจะขึ้นไปซ่อมให้ 713 00:35:59,451 --> 00:36:01,370 เขาไม่มีคุณวุฒิ สำหรับงานนั้นเลยสักนิด 714 00:36:01,453 --> 00:36:03,872 แต่เขาทำได้ทุกอย่าง ตามสัญชาตญาณของเขา 715 00:36:03,956 --> 00:36:06,583 ช่วงดึกของคืนนึง ผมกับไมค์ แวะไปที่อะพาร์ตเมนต์ 716 00:36:06,667 --> 00:36:09,545 เขามีเครื่องเล่นเทป วางอยู่บนโต๊ะในครัว 717 00:36:09,628 --> 00:36:10,963 แต่มันไม่ใช่เครื่องเล่นตลับเทป 718 00:36:11,046 --> 00:36:13,382 มันคือเครื่องเล่นแบบม้วน สำหรับฟิล์มหนึ่งส่วนสี่นิ้ว 719 00:36:13,465 --> 00:36:14,883 ผมไม่รู้มาก่อนว่าเขามี 720 00:36:14,967 --> 00:36:17,052 ผมไปที่นั่นและเรียนรู้วิธีใช้ 721 00:36:17,135 --> 00:36:20,138 พยายามหาคำตอบว่ามันคืออะไร 722 00:36:20,222 --> 00:36:22,391 เขามีเทปอยู่ที่ม้วนข้างนึง 723 00:36:22,474 --> 00:36:25,811 และแทนที่ฟิล์มจะโยงไปที่อีกม้วนนึง เหมือนปกติทั่วไป 724 00:36:25,894 --> 00:36:29,106 มันกลับโยงออกมาจากม้วนนึง แล้วพันรอบขาตั้งไมค์ 725 00:36:29,189 --> 00:36:31,567 แล้วก็โยงไปพันขาตั้งไมค์อีกอัน 726 00:36:31,650 --> 00:36:33,527 แล้วไปพันรอบเก้าอี้ 727 00:36:33,610 --> 00:36:35,112 แล้วค่อยกลับมาที่ม้วนที่สอง 728 00:36:35,195 --> 00:36:37,614 อดัมกับผมมองไอ้เครื่องนี้ แล้วบอกว่า 729 00:36:37,698 --> 00:36:40,742 "นี่มันมายากลชัดๆ เลยโว้ย ว่าไหม" 730 00:36:40,826 --> 00:36:43,662 พอเยาค์ลุกขึ้นมากดปุ่มเพลย์ 731 00:36:50,919 --> 00:36:52,462 จังหวะกลองต้นเพลง 732 00:36:52,546 --> 00:36:55,299 "When the Levee Breaks" ของเลดเซปเปลินก็เริ่มบรรเลง 733 00:36:55,382 --> 00:36:59,261 แต่แทนที่จะเล่นทั้งเพลง กลับมีแค่จังหวะกลองอินโทรเล่นวนไปมา 734 00:36:59,344 --> 00:37:02,347 ผมเคยเห็นพวกดีเจเขาทำกันโดยใช้ แผ่นเสียงสองแผ่นกับเทิร์นเทเบิล 735 00:37:02,431 --> 00:37:05,184 แต่ผมไม่เคยเห็น การใช้เทปม้วนต่อม้วนแบบนี้เลย 736 00:37:05,267 --> 00:37:08,562 ทั้งเสียงและภาพที่เห็น มันช่างน่าอัศจรรย์สำหรับเรา 737 00:37:08,645 --> 00:37:10,063 เยาค์บอกว่าเขาได้ยินมาว่า 738 00:37:10,147 --> 00:37:13,358 จิมมี่ เฮนดริกซ์กับสลายสโตน ใช้เทปลูปแบบนี้ เขาเลยอยากลองบ้าง 739 00:37:13,442 --> 00:37:15,152 เขาไปได้ยินเรื่องนี้มาจากไหน 740 00:37:15,235 --> 00:37:17,779 สมัยนั้นยังไม่มียูทูบหรือกูเกิลเลย 741 00:37:18,363 --> 00:37:20,449 เรานำผลงานสร้างสรรค์ของเยาค์ ไปที่สตูดิโอ 742 00:37:20,532 --> 00:37:23,368 และเราทำเพลงที่ชื่อว่า "Rhymin' & Stealin'" 743 00:37:26,288 --> 00:37:29,333 อาลีบาบากับโจร 40 คน 744 00:37:29,416 --> 00:37:32,336 อาลีบาบากับโจร 40 คน 745 00:37:32,419 --> 00:37:35,631 อาลีบาบากับโจร 40 คน 746 00:37:35,714 --> 00:37:37,716 ทั้งแตะ ทั้งทุบ ทั้งร้องเพลง ทั้งปล้น... 747 00:37:37,799 --> 00:37:41,220 ตอนที่เราเขียนเพลงและอัดเพลง ที่จะเป็นอัลบั้ม "Licensed to Ill" 748 00:37:41,303 --> 00:37:45,516 ริค รูบินกำลังโปรดิวซ์อัลบั้มใหม่ ของรัน-ดีเอ็มซี ชื่อ "Raising Hell" 749 00:37:46,391 --> 00:37:49,937 เพลง "Walk This Way" ของแอโรสมิธ ที่พวกเขาทำใหม่ป็นเวอร์ชันตัวเอง 750 00:37:50,020 --> 00:37:53,357 กลายเป็นเพลงฮิตติดกระแสหลัก ทางวิทยุและเอ็มทีวี 751 00:37:53,440 --> 00:37:56,485 ส่วนรัน-ดีเอ็มซีก็โด่งดังไปทั่วโลก 752 00:37:56,568 --> 00:37:58,445 พวกเขาออกทัวร์กันช่วงฤดูร้อนปี 1986 753 00:37:58,529 --> 00:38:00,113 รัสเซลล์ให้เราเล่นเปิดให้พวกเขา 754 00:38:00,197 --> 00:38:02,199 หน้าที่ของบีสตีบอยส์ ในทัวร์ Raising Hell 755 00:38:02,282 --> 00:38:04,368 คือการทำให้ผู้ชมเริ่มดีด เพื่อรอดูโชว์ 756 00:38:04,451 --> 00:38:06,286 เราคิดกันว่าเราจะทำให้เวทีลุกเป็นไฟ 757 00:38:06,370 --> 00:38:08,956 แล้วทำให้คนดูอินไปกับเรา 758 00:38:09,039 --> 00:38:12,543 พอทัวร์ถึงไมแอมี คนดูก็ล้นหลามแล้ว 759 00:38:12,626 --> 00:38:16,588 โปรโมเตอร์อัปเกรดสถานที่จัดงานจาก บาสเกตบอลอารีนาเป็นเบสบอลสเตเดียม 760 00:38:18,048 --> 00:38:22,427 โจ เพอร์รีกับสตีเวน ไทเลอร์ จากวงวงแอโรสมิธบินลงมาที่ไมแอมี 761 00:38:22,511 --> 00:38:24,221 เพื่อเล่นกับพวกเขาแค่เพลงเดียว 762 00:38:24,304 --> 00:38:26,682 และมันจะต้องเป็นโชว์ที่สุดยอดมากๆ 763 00:38:27,641 --> 00:38:29,643 เธอเริ่มสุงสิงกับหนุ่มๆ วงดนตรี 764 00:38:29,726 --> 00:38:31,562 เธอถึงกับขาชี้ฟ้า... 765 00:38:31,645 --> 00:38:37,192 ตัดภาพไปที่ตอนแอโรสมิธกำลังจะ ขึ้นเวทีไปแจมกับรัน-ดีเอ็มซี 766 00:38:37,276 --> 00:38:40,445 เพื่อเล่นเพลงฮิตอันดับหนึ่งทั่วโลก 767 00:38:40,529 --> 00:38:43,323 พวกเขาเดินออกมา ผู้ชมออกอาการคลั่งไคล้ 768 00:38:43,407 --> 00:38:47,202 แต่มีอีกคนที่อยู่บนเวที 769 00:38:47,286 --> 00:38:48,412 เยาค์ 770 00:38:52,332 --> 00:38:54,918 เยาค์ดันเอาเบสติดตัวไปด้วย 771 00:38:55,002 --> 00:38:58,046 และแจมมาสเตอร์เจย์จากรัน-ดีเอ็มซี คิดว่าคงสนุกดี 772 00:38:58,130 --> 00:39:01,758 ถ้าจะให้เขาเล่นเบสเพลงฮิต กับพวกเขาและแอโรสมิธ 773 00:39:01,842 --> 00:39:05,971 บนเวทีของเบสบอลสเตเดียมที่ไมแอมี 774 00:39:06,054 --> 00:39:09,349 และเยาค์ก็แสดงออกมาได้น่าทึ่งมาก 775 00:39:09,433 --> 00:39:13,061 สีหน้าของวงแอโรสมิธ งงกันไปทั้งแถบ 776 00:39:13,145 --> 00:39:15,230 "ไอ้หนุ่มขี้เมาบนเวทีคนนี้ใครกัน 777 00:39:15,314 --> 00:39:18,275 แล้วทำไมเขาถึงมาเล่นเบสกับเรา" 778 00:39:19,359 --> 00:39:20,736 ตลอดเวลาที่เล่นเพลงนั้น 779 00:39:20,819 --> 00:39:23,363 เยาค์พยายามจะทำท่า แบบเวลามือกีตาร์เอาหลังชนกัน 780 00:39:23,447 --> 00:39:26,450 กับโจ เพอร์รีที่ไม่อยากทำเลยสักนิด 781 00:39:26,533 --> 00:39:27,534 แล้วก็... 782 00:39:27,618 --> 00:39:32,080 กลายเป็นว่าเยาค์วิ่งถอยหลัง ไล่ตามเขาไปทั่วเวที 783 00:39:32,164 --> 00:39:35,792 ส่วนพวกเรายืนอยู่ข้างเวที 784 00:39:35,876 --> 00:39:40,464 ดูไป ตะโกนไป ขำไป ถูกใจจริงๆ 785 00:39:42,633 --> 00:39:46,178 มันไม่ใช่แค่สนุกสุดๆ นะ ที่ได้ออกทัวร์ 786 00:39:46,261 --> 00:39:48,180 และใช้เวลาอยู่กับรัน-ดีเอ็มซี 787 00:39:48,263 --> 00:39:51,308 แต่เราได้เรียนรู้มากมาย จากการดูพวกเขาในแต่ละคืน 788 00:39:51,391 --> 00:39:53,810 เหมือนเราอยู่ในโรงเรียนสอนแร็ปเลย 789 00:39:53,894 --> 00:39:58,690 ใช่ๆ ทุกคน เราจะไม่หยุด ทำต่อไป ทำให้ลุกเป็นไฟ 790 00:39:58,774 --> 00:39:59,775 ไง... 791 00:40:01,109 --> 00:40:02,402 ไม่มีอะไรจะพิสูจน์ 792 00:40:02,486 --> 00:40:05,072 ดูให้ดี ท่าทีของผมน่ะดึงดูด 793 00:40:05,155 --> 00:40:08,033 ดื่มให้หมด ดื่มให้เมา จะเหล้า จะเบียร์ 794 00:40:08,116 --> 00:40:11,119 ที่อยู่ตรงเทิร์นเทเบิลน่ะคือ... 795 00:40:11,203 --> 00:40:13,580 ผมชื่อรัน ผมเป็นคนมันๆ 796 00:40:13,664 --> 00:40:16,333 ฟังผมร้องให้ดี เพราะผมนั้นมีสไตล์ 797 00:40:16,416 --> 00:40:18,919 ส่วนนี่ดีเอ็มซี และเขาอยู่ข้างกาย 798 00:40:19,002 --> 00:40:21,547 คว้าไมค์ไป... 799 00:40:21,630 --> 00:40:23,173 พอเรากลับมาบ้าน 800 00:40:23,257 --> 00:40:27,302 เราพบว่าริคได้มิกซ์เพลงของเรา ครบทุกเพลงในแผ่นเสร็จแล้ว 801 00:40:27,386 --> 00:40:30,055 มันแปลกมากที่เขาทำโดยที่เราไม่รู้ 802 00:40:30,764 --> 00:40:34,351 เยาค์เป็นคนที่สนใจด้านเทคนิค ของการบันทึกเสียง 803 00:40:34,434 --> 00:40:38,021 ผมมั่นใจว่าแบบนี้คงทำให้เขาหัวเสีย หรือหงุดหงิดแน่นอน 804 00:40:38,105 --> 00:40:40,899 แต่ผลงานของริคนั้นน่าทึ่งมาก 805 00:40:40,983 --> 00:40:42,818 เขาเอาเพลงแร็ปประหลาดๆ ของเรา 806 00:40:42,901 --> 00:40:47,447 ไปทำให้เสียงออกมาคลีน โดดเด่น ขัดเกลาทุกเม็ดจนพร้อมเปิดทางวิทยุ 807 00:40:47,531 --> 00:40:50,826 เพลงพวกนั้นเหมือนเพลงจริงๆ มากกว่าแค่เพลงตลกๆ 808 00:40:50,909 --> 00:40:52,953 (บีสตีบอยส์) 809 00:40:55,247 --> 00:40:59,251 แบรสมังกี้ ฟังกี้มังกี้ 810 00:40:59,334 --> 00:41:03,213 ขี้เมาแบรสมังกี้ ฟังกี้มังกี้ 811 00:41:03,297 --> 00:41:04,798 แบรสมังกี้ 812 00:41:05,549 --> 00:41:06,967 บทที่สี่: 813 00:41:07,050 --> 00:41:10,596 "ก่อนหน้านี้เราพูดถึงเพลง ที่เราคิดว่าทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป 814 00:41:10,679 --> 00:41:12,181 และมันก็เปลี่ยนไปจริงๆ 815 00:41:12,264 --> 00:41:15,767 แต่นี่ต่างหาก ที่เป็นเพลงที่เปลี่ยนทุกอย่างไป" 816 00:41:18,187 --> 00:41:23,066 บอกก่อน เราเกือบทำ อัลบั้ม Licensed to Ill เสร็จแล้ว 817 00:41:23,150 --> 00:41:24,693 แต่รัสเซลล์บอกว่ามันยังยาวไม่พอ 818 00:41:24,776 --> 00:41:27,029 เราต้องเพิ่มเข้าไปอีกเพลงนึง 819 00:41:27,112 --> 00:41:30,574 เยาค์กับเพื่อนของเขา ทอม คุชแมน มีวงสำรองที่ชื่อ "บรุกลิน" 820 00:41:30,657 --> 00:41:33,202 พวกเขามีเพลงที่ชื่อว่า "Fight for Your Right (To Party)" 821 00:41:33,285 --> 00:41:34,328 เยาค์บอกว่า 822 00:41:34,411 --> 00:41:37,247 "ทำไมเราไม่เอาเพลงของวงบรุกลิน มาให้บีสตีบอยส์ใช้ล่ะ" 823 00:41:37,331 --> 00:41:38,498 พวกเขาทำเพลงนี้ขึ้นมาขำๆ 824 00:41:38,582 --> 00:41:42,753 เหมือนเพลงตลกล้อเลียน พวกเพื่อนๆ และเด็กมหาลัยขี้เมา 825 00:41:42,836 --> 00:41:47,090 จริงๆ เราไม่เคยเจอ พวกคนขี้เมาแบบนั้นหรอก 826 00:41:47,633 --> 00:41:50,052 แต่เราคิดว่ามันคงตลกดี ที่ได้เอามาล้อเลียน 827 00:41:50,135 --> 00:41:53,597 ไอเดียของเราคือการนำแบบนี้นิด 828 00:41:55,057 --> 00:41:56,350 แบบโน้นหน่อย 829 00:41:57,976 --> 00:41:59,645 แบบนี้อีกนิดนึง 830 00:42:01,146 --> 00:42:04,483 แล้วก็เพิ่มแบบโน้นเข้าไปอีกหน่อย 831 00:42:04,566 --> 00:42:07,778 เอาทุกอย่างที่เห็นนี้มายำรวมกัน 832 00:42:07,861 --> 00:42:09,363 สิ่งที่ได้ก็คือ... 833 00:42:09,446 --> 00:42:13,951 เราต้องสู้เพื่อสิทธิ์ของเรา 834 00:42:14,034 --> 00:42:16,537 ที่จะปาร์ตี้ 835 00:42:17,829 --> 00:42:20,040 เรื่องบ้าๆ มันเกิดขึ้นเร็วมาก 836 00:42:20,123 --> 00:42:23,001 รู้เหมือนว่าวันถัดมา พอปล่อยเพลงของเราไปแล้ว 837 00:42:23,085 --> 00:42:24,920 จากนั้นก็ปล่อยวิดีโอ 838 00:42:25,003 --> 00:42:26,046 มันดังไปทั่วเลย 839 00:42:26,129 --> 00:42:28,841 ตัวผมนี่นั่งกินซีเรียลอยู่ที่บ้าน 840 00:42:28,924 --> 00:42:32,636 และดูเพลงนี้ฉายทางเอ็มทีวี ชั่วโมงละห้ารอบ 841 00:42:32,719 --> 00:42:34,388 สมัยนั้นใครๆ ก็ดูเอ็มทีวี 842 00:42:34,471 --> 00:42:36,849 และเราโผล่ทางทีวียาวๆ เลย 843 00:42:36,932 --> 00:42:40,769 มีการฉายวิดีโอทำเองของเรา ที่ถ่ายที่อะพาร์ตเมนต์ของเพื่อน 844 00:42:40,853 --> 00:42:44,982 คั่นระหว่างวิดีโอของไมเคิล แจ็กสัน พรินซ์ และทีนา เทิร์นเนอร์ 845 00:42:45,065 --> 00:42:48,527 มันคือเรื่องบ้าสุดๆ เลย 846 00:42:49,111 --> 00:42:51,530 เราผันตัวจากการเป็นคนดังใน... 847 00:42:51,613 --> 00:42:53,907 - เรื่องบ้าๆ - ให้ตายสิ 848 00:42:56,785 --> 00:42:59,997 เราผันตัวจากการเป็นคนดัง แค่ในรัศมี 14 บล็อก 849 00:43:00,080 --> 00:43:02,583 จนเป็นที่รู้จักในวงการฮิปฮอปใต้ดิน 850 00:43:02,666 --> 00:43:06,879 เป็นที่รู้จักเวลาเดินตามท้องถนน หลังปล่อยอัลบั้ม Licensed to Ill 851 00:43:06,962 --> 00:43:10,382 ทุกที่ที่เราไป คนจะเริ่มตะโกนว่า... 852 00:43:10,465 --> 00:43:12,342 "โย่ ไมค์ ดี" 853 00:43:12,426 --> 00:43:14,136 "ว่าไง ไอ้หนู" 854 00:43:14,219 --> 00:43:16,430 กับผมและเยาค์ก็เหมือนกัน เราเดินอยู่ตามท้องถนน 855 00:43:16,513 --> 00:43:18,557 ถ้ามีคนจำเราได้ พวกเขาจะบอกว่า... 856 00:43:18,640 --> 00:43:20,434 "โย่ ไมค์ ดี" 857 00:43:23,103 --> 00:43:24,229 เรื่องจริง 858 00:43:24,313 --> 00:43:27,149 เรารู้สึกถึงตัวตนของเราจริงๆ 859 00:43:27,232 --> 00:43:29,026 ประมาณสองเดือนต่อมา 860 00:43:29,109 --> 00:43:33,572 รัสเซลล์ส่งเราไปออกทัวร์ของตัวเอง ครั้งใหญ่ครั้งแรกในอเมริกา 861 00:43:33,655 --> 00:43:34,656 เราทำไงน่ะเหรอ 862 00:43:34,740 --> 00:43:37,701 เราพาเดฟ สกิลเคน, เซย์, ดีเจเฮอร์ริเคน 863 00:43:37,784 --> 00:43:39,203 และเพื่อนคนอื่นๆ ของเราไปด้วย 864 00:43:39,286 --> 00:43:41,580 อัลบั้มของเราขายดีถล่มทลาย 865 00:43:41,663 --> 00:43:43,999 นั่นคือตอนที่เราเริ่มรู้สึกว่า มันเปลี่ยนไปจริงๆ 866 00:43:44,082 --> 00:43:46,126 การเป็นคนดัง ในเมืองของเราก็เรื่องนึง 867 00:43:46,210 --> 00:43:48,545 แต่การเป็นคนดังในห้าง ที่มิสซูลา รัฐมอนแทนา 868 00:43:48,629 --> 00:43:50,839 มันต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง 869 00:43:50,923 --> 00:43:52,591 ก่อนทัวร์นั้นจะเริ่มต้นขึ้น 870 00:43:52,674 --> 00:43:54,676 รัสเซลล์ ซิมมอนส์พาเราไปพบ กับคนประหลาดคนนึง 871 00:43:54,760 --> 00:43:57,387 เพื่อคุยว่าเราอยากได้อะไรบนเวทีบ้าง 872 00:43:57,471 --> 00:44:01,892 เพื่อปั่นหัวคนนั้นเล่น เราเลยบอกว่า "อ๋อ ขอบ้านหน่อย 873 00:44:01,975 --> 00:44:07,064 เราอยากได้เบียร์บัดไวเซอร์แพ็กหกขวด สูงสิบฟุตเป็นโต๊ะของดีเจ 874 00:44:07,147 --> 00:44:09,274 - "ได้" - "เราอยากได้กรงของนักเต้นอะโกโก" 875 00:44:09,358 --> 00:44:10,651 - "ได้" - "เราอยากได้กล่องใหญ่ๆ 876 00:44:10,734 --> 00:44:13,529 ที่มีจู๋ขนาด 25 ฟุต โผล่ออกมาตอนจบการแสดง" 877 00:44:13,612 --> 00:44:15,113 - "อันนี้ง่าย ได้ ไม่มีปัญหา" - นะ 878 00:44:15,197 --> 00:44:16,615 รู้ตัวอีกที 879 00:44:16,698 --> 00:44:20,035 พอเราไปถึงมิสซูลา รัฐมอนแทนา เพื่อแสดงครั้งแรก ก็เจอนี่เลย 880 00:44:29,586 --> 00:44:32,297 ไมค์ ดี ใจดีสู้เสือ 881 00:44:32,840 --> 00:44:35,843 เราพยายามใจดีสู้เสือ เราตื่นเต้นกันมาก 882 00:44:36,718 --> 00:44:40,430 เราไม่รู้ว่าจะมีใครมาดูเราเล่นบ้าง 883 00:44:41,265 --> 00:44:44,393 เราไม่คิดจริงๆ ว่าพวกขี้เมาทั้งหลาย 884 00:44:44,476 --> 00:44:46,270 ที่เราล้อเล่นสนุกปากจะมาดูด้วย 885 00:44:46,353 --> 00:44:50,566 แต่ปรากฏว่าพวกเขาชอบเพลง "Fight for Your Right (To Party)" มาก 886 00:44:50,649 --> 00:44:53,026 รู้อะไรไหม เราชอบเป็นคนที่ถูกรัก 887 00:44:53,110 --> 00:44:56,947 งั้นก็ช่างแม่ง เอาเหล้า 40 ดีกรีมา แล้วเมาให้เละกันดีกว่า 888 00:44:58,907 --> 00:45:03,537 ทุกอย่างที่รัสเซลล์พูดว่าจะเกิดขึ้น ก็เกิดขึ้นจริงๆ 889 00:45:03,620 --> 00:45:07,916 เขาจะโผล่มาหาบ่อยๆ ตามเมืองต่างๆ ที่เราไปทัวร์ และย้ำเตือนเรา บอกว่า 890 00:45:08,000 --> 00:45:10,002 "เห็นไหม บอกแล้วไง ไอ้พวกบ้า 891 00:45:10,085 --> 00:45:12,546 ว่าจะต้องดังเป็นพลุแตกแน่นอน" 892 00:45:13,755 --> 00:45:15,757 การแสดงของเราใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ 893 00:45:15,841 --> 00:45:18,594 คืนนี้มีผู้ชม 1,000 คน คืนต่อไปมี 2,000 คน 894 00:45:18,677 --> 00:45:21,221 - ชิคาโก แอตแลนตา... - ไมแอมี 895 00:45:21,305 --> 00:45:22,514 ไมแอมี 896 00:45:23,140 --> 00:45:24,141 - มิวนิก - มิวนิก 897 00:45:24,224 --> 00:45:25,225 ฮิวสตัน 898 00:45:25,309 --> 00:45:28,145 โชว์ โรงแรม ปาร์ตี้หลังจบงาน และปาร์ตี้หลังปาร์ตี้หลังจบงาน 899 00:45:28,228 --> 00:45:34,193 ตอนนั้นชีวิตเรากำลังรุ่งสุดๆ มีแต่เรื่องให้ทึ่ง 900 00:45:37,321 --> 00:45:39,531 เป็นที่รับรองแล้วว่า Licensed to Ill 901 00:45:39,615 --> 00:45:43,493 คืออัลบั้มเดบิวต์ที่ขายดีที่สุด ในประวัติการณ์ของค่ายเพลงนี้ 902 00:45:43,577 --> 00:45:45,662 - พวกเขาคือ... - บีสตีบอยส์ 903 00:45:45,746 --> 00:45:47,039 ถูกต้องครับ 904 00:45:51,627 --> 00:45:53,629 เท้าเหยียบกระเดื่อง ไม่เคยพลาดเหล็กอันเขื่อง 905 00:45:53,712 --> 00:45:55,923 เครื่องยนต์ร้อนระอุ ยิ่งกว่ากาน้ำต้มสุก... 906 00:45:56,006 --> 00:45:59,510 ในปี 1987 บีสตีบอยส์จะครองอเมริกา 907 00:46:01,428 --> 00:46:03,847 ไม่หยุดอยู่กับที่ เราทัวร์ทั่วประเทศไป 908 00:46:03,931 --> 00:46:06,350 บีสตีบอยส์ออกมาพักร้อนไง... 909 00:46:06,433 --> 00:46:09,144 พวกคุณสามคนมารวมตัวกันได้ยังไง จูลียาร์ดเหรอ 910 00:46:11,271 --> 00:46:13,690 เรื่องจริงไม่หลอก ผมจะเอาเงินคุณนะขอบอก 911 00:46:13,774 --> 00:46:16,193 ไปเที่ยวชายฝั่งทางโน้นทางนี้ ดูสาวๆ สะบัดก้นในบิกินี่ 912 00:46:16,276 --> 00:46:18,153 ขณะที่คุณทำงานเช้ายันเย็น 913 00:46:18,237 --> 00:46:21,198 บีสตีบอยส์แสดงสด ที่การ์เดนโคลด์ให้คนเต้น 914 00:46:21,281 --> 00:46:24,660 แต่มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้น ตลอดการทัวร์นั้น 915 00:46:24,743 --> 00:46:29,581 เราเปลี่ยนจากการแกล้งเพื่อนขี้เมา มาเป็นคนขี้เมาซะเอง 916 00:46:29,665 --> 00:46:31,291 มาโยกหัวไปพร้อมๆ กัน 917 00:46:35,337 --> 00:46:36,839 โย่ ว่าไง เอ็มทีวี 918 00:46:36,922 --> 00:46:39,383 - เราคือบีสตีบอยส์ - ใช่แล้ว 919 00:46:39,466 --> 00:46:43,345 เพลงที่แราแต่งขำๆ ได้กลายเป็นเพลงฮิตติดตลาด 920 00:46:44,096 --> 00:46:47,099 ตัวอย่างนึงคือเรามีเพลง ในอัลบั้มแรกของเรา 921 00:46:47,182 --> 00:46:51,144 ที่กะจะให้เป็นมุกตลกงี่เง่าเสียดสี 922 00:46:51,228 --> 00:46:53,230 แต่เอาเข้าจริงมันไม่ได้ตลกขนาดนั้น 923 00:46:53,814 --> 00:46:55,941 ผมจะบอกเนื้อเพลงของเพลงนี้ให้คุณฟัง 924 00:46:56,942 --> 00:47:00,529 "สาวๆ มีไว้ล้างจาน 925 00:47:01,154 --> 00:47:03,532 สาวๆ มีไว้ปัดกวาดห้องให้ผม 926 00:47:04,366 --> 00:47:06,618 สาวๆ มีไว้ซักผ้าให้ผม 927 00:47:07,327 --> 00:47:10,581 "สาวๆ อย่าลืมในห้องน้ำด้วยนะ สาว 928 00:47:18,964 --> 00:47:21,633 ตอนนั้นเรายังไม่รู้ ว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่มุกตลก 929 00:47:21,717 --> 00:47:24,178 ทุกอย่างมันดูเลอะเลือนจริงๆ 930 00:47:27,598 --> 00:47:30,601 เนื้อเพลงมันค่อนข้างเลอะเลือน สำหรับเรา 931 00:47:30,684 --> 00:47:35,731 ผมมีช่วงที่พักจากการทัวร์ แต่ผมไม่แม้แต่จะโทรหาเพื่อนๆ 932 00:47:35,814 --> 00:47:38,317 เพราะผมไม่รู้ว่า จะเข้ากับพวกเขาได้ยังไงอีก 933 00:47:38,400 --> 00:47:42,154 ผมไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตัวเองกลายเป็นคนยังไงในตอนนั้น 934 00:47:42,237 --> 00:47:45,616 ผมจำได้แม่น มีครั้งนึง ผมเจอเคท เชลเลนบาคที่ร้านขายอาหาร 935 00:47:46,283 --> 00:47:47,367 และผมไม่ได้ทักทายเธอ 936 00:47:48,410 --> 00:47:50,078 เธออาจจะไม่เห็นผม ผมไม่รู้ 937 00:47:50,162 --> 00:47:51,288 แต่ถ้าเธอเห็นผม 938 00:47:51,371 --> 00:47:55,167 เธอต้องเห็นผม ที่ไม่ใช่ผมคนเดิมแน่นอน 939 00:47:55,959 --> 00:47:58,629 ผมจำได้ว่าผมอยู่หลังร้าน ข้างๆ ตู้แช่เย็น 940 00:47:58,712 --> 00:48:00,422 เธออยู่หน้าร้าน กำลังจ่ายเงิน 941 00:48:00,506 --> 00:48:03,008 เธอหัวเราะสนุกสนาน อยู่กับเพื่อนของเธอ 942 00:48:03,842 --> 00:48:06,053 ผมว่าที่ผมไม่ได้ทักทายเธอ เพราะผมอาย 943 00:48:06,136 --> 00:48:07,804 เมื่อคิดว่าผมเปลี่ยนไปมากขนาดไหน 944 00:48:10,849 --> 00:48:12,309 พูดถึงเรื่องการเปลี่ยนไป 945 00:48:12,768 --> 00:48:16,605 ผมอยากขอโทษแมททิวพี่ชายผมสักหน่อย 946 00:48:16,688 --> 00:48:18,565 สำหรับตอนที่ผม เอาแต่เรียกเขาว่า "มันนี่" 947 00:48:18,649 --> 00:48:20,776 เวลาที่เราพยายามจะคุย เรื่องจริงจังกัน 948 00:48:20,859 --> 00:48:23,028 ผมจะบอก "โย่ มันนี่ ไม่รู้สิ มันนี่" 949 00:48:23,111 --> 00:48:26,990 เขาจะตอบมาว่า "โย่ ทำอะไรของนายวะ นี่คุยเป็นเรื่องเป็นราวอยู่" 950 00:48:27,950 --> 00:48:29,076 ยังไงก็เถอะ 951 00:48:29,159 --> 00:48:31,537 แมททิว ขอโทษนะที่ทำตัวเป็นไอ้งั่ง 952 00:48:33,080 --> 00:48:37,584 ต่อไปคือบทที่ห้า: "ไอ้งั่งในกล่อง" 953 00:48:37,668 --> 00:48:38,836 (บทที่ห้า ไอ้งั่งในกล่อง) 954 00:48:38,919 --> 00:48:42,965 อัลบั้มของเราขายดีถล่มทลาย และโชว์ของเราก็ยิ่งบ้าขึ้นเรื่อยๆ 955 00:48:43,048 --> 00:48:44,633 เหล้าเพียบ คำด่าเป็นพรวน 956 00:48:44,716 --> 00:48:48,345 ทางใต้พยายามแบนเรา เพราะพฤติกรรมลามกจกเปรต 957 00:48:48,428 --> 00:48:51,974 เราต้องแอบออกจากเวทีหลังจบโชว์ ย่องไปขึ้นรถตู้ 958 00:48:52,057 --> 00:48:54,726 แล้วขับรถข้ามรัฐ เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม 959 00:48:54,810 --> 00:48:56,478 ตอนนั้นมีสื่อของอังกฤษเล่นข่าวเรา 960 00:48:56,562 --> 00:48:58,230 พวกเขาเขียนข่าวมากมายเกี่ยวกับเรา 961 00:48:58,313 --> 00:49:01,316 พอเราไปถึงอังกฤษเพื่อแสดงทัวร์ 962 00:49:01,400 --> 00:49:03,277 พวกเขาเขียนข่าวเรื่องเราทั้งหมด 963 00:49:03,360 --> 00:49:05,654 แล้วขึ้นปกหนังสือพิมพ์ไปทั่วเลย 964 00:49:05,737 --> 00:49:06,905 (ป๊อปไอดอลเย้ยหยันเด็กใกล้ตาย) 965 00:49:06,989 --> 00:49:10,242 จึงมีความคาดการณ์แปลกๆ ว่าเราต้องเป็นไอ้พวกวิกลจริตแน่ๆ 966 00:49:11,326 --> 00:49:15,831 เราไม่ได้ทำแบบนั้นซะหน่อย ขอบอกเลยนะ มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง 967 00:49:16,331 --> 00:49:18,792 (เราเกลียดอังกฤษ ใช่ พวกบีสตีบอยส์นั่นแหละ) 968 00:49:22,296 --> 00:49:26,466 เอาจริงๆ ผมชอบนะ พวกเขาใช้คำว่า "ไอ้ห่วยโฮโรวิตซ์" 969 00:49:26,550 --> 00:49:28,135 - ชอบจริงๆ แต่ว่า... - อือ 970 00:49:28,218 --> 00:49:31,054 น่าเสียดายนะที่ไม่ได้เอามาใช้ 971 00:49:31,138 --> 00:49:32,806 - "ไอ้ห่วย" โฮโรวิตซ์เหรอ - ใช่ ติดหูดีออก 972 00:49:32,890 --> 00:49:35,309 มีการประชุมในรัฐสภาด้วย 973 00:49:35,392 --> 00:49:37,603 เพื่อตัดสินใจว่าควรอนุญาต ให้เราเข้ามาในอังกฤษไหม 974 00:49:37,686 --> 00:49:38,604 (ไปตายซะ บีสดีส์) 975 00:49:38,687 --> 00:49:39,855 พูดจริงนะเนี่ย 976 00:49:39,938 --> 00:49:44,151 แต่ละเมืองที่เราไปทัวร์ ผู้ชมจะเริ่มพัฒนาบรรยากาศแบบว่า 977 00:49:44,234 --> 00:49:45,986 "พวกเวรอย่างแกไม่ได้มีดีอะไรหรอก 978 00:49:46,069 --> 00:49:48,655 เทียบกับพวกเราที่นี่" ประมาณนี้ 979 00:49:49,364 --> 00:49:53,368 พอถึงการแสดงครั้งสุดท้าย ของทัวร์นั้นที่ลิเวอร์พูล 980 00:49:53,452 --> 00:49:55,329 พวกผู้ชมโกรธคลั่งมาก 981 00:49:55,746 --> 00:49:56,663 (บีสตีส์ท่ามกลางความเดือดดาล) 982 00:49:56,747 --> 00:49:59,499 ตอนเข้าเพลงแรกของโชว์ที่ลิเวอร์พูล 983 00:49:59,583 --> 00:50:02,961 ผู้ชมเริ่มร้องเพลงสโมสรฟุตบอล และขว้างปาของใส่เรา 984 00:50:03,045 --> 00:50:05,839 จากนั้นก็กลายเป็นพายุกระป๋องเบียร์ เต็มรูปแบบ... 985 00:50:05,923 --> 00:50:07,674 ให้ตายสิ ไมค์ ไม่เอาน่า 986 00:50:08,258 --> 00:50:11,178 พายุกระป๋องเบียร์และขวดเบียร์ เต็มรูปแบบ 987 00:50:11,678 --> 00:50:15,516 ช่วงกลางโชว์ เราหนีรอดออกมา แล้วขับรถกลับลอนดอน 988 00:50:15,599 --> 00:50:16,808 (บีสตีบอยส์รีบชิ่ง เพราะขวดเหล้าบินได้) 989 00:50:16,892 --> 00:50:19,353 หลังจากเรื่องทั้งหมด คุณคงคิดว่าเราอยากพักสักนิดใช่ไหม 990 00:50:19,436 --> 00:50:21,438 ให้เรื่องอะไรมันซาลงก่อน 991 00:50:21,522 --> 00:50:22,523 แต่เปล่าเลย 992 00:50:22,606 --> 00:50:26,235 จบจากนั้น เราก็ไปทัวร์ที่ญี่ปุ่นต่อ 993 00:50:26,318 --> 00:50:27,694 หลังจบทัวร์ที่ญี่ปุ่น 994 00:50:27,778 --> 00:50:31,323 เรากลับมาที่สหรัฐฯ และทัวร์แบบเดิมซ้ำอีกรอบ 995 00:50:31,406 --> 00:50:32,574 ไม่มีพัก 996 00:50:33,742 --> 00:50:34,910 เราไม่ได้หยุดเลย 997 00:50:35,661 --> 00:50:37,704 รัสเซลล์บอกว่า "พวกคุณต้องออกทัวร์ต่อ 998 00:50:37,788 --> 00:50:40,999 พวกคุณจะทำเงินได้เป็นกอบเป็นกำ และเป็นร็อกสตาร์ที่มีความสุข" 999 00:50:41,083 --> 00:50:43,210 "ก็ได้ รัสเซลล์ คุณว่าไงก็เอาตามนั้น" 1000 00:50:46,255 --> 00:50:47,673 เขาเป็นผู้จัดการวงนี่นา 1001 00:50:47,756 --> 00:50:51,635 ถ้าเขาบอกว่า "พวกคุณต้องทัวร์ต่อ" นั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำ 1002 00:50:52,719 --> 00:50:54,429 เราไม่ตั้งคำถามอะไรมากมายนัก 1003 00:50:54,513 --> 00:50:57,599 เรารู้สึกว่าเราต้องออกไปทำแบบนี้ 1004 00:50:57,683 --> 00:51:00,477 แต่เรายังโตไม่มากพอ ที่จะแสดงความรู้สึกออกมา 1005 00:51:00,561 --> 00:51:03,105 ว่าเราเริ่มไม่ชอบเพลงของตัวเองแล้ว 1006 00:51:03,730 --> 00:51:05,524 มันเป็นความรู้สึกที่แย่มาก 1007 00:51:06,567 --> 00:51:10,070 เยาค์คือคนแรกที่เริ่มส่งสัญญาณ ว่าไม่อยากออกทัวร์แล้ว 1008 00:51:10,988 --> 00:51:13,448 ไม่ใช่ว่าเราไม่สนุกกันในฐานะเพื่อน 1009 00:51:13,991 --> 00:51:16,326 แต่การแสดงมันเริ่มเป็นแค่นั้นเอง 1010 00:51:16,410 --> 00:51:17,411 เป็นแค่การแสดง 1011 00:51:17,995 --> 00:51:19,121 กลเม็ดบ้าๆ 1012 00:51:20,372 --> 00:51:21,832 เราทุกคนเหนื่อยล้า 1013 00:51:22,749 --> 00:51:24,126 เราคิดถึงครอบครัวของเรา 1014 00:51:24,668 --> 00:51:25,919 เราคิดถึงการได้อยู่บ้าน 1015 00:51:26,837 --> 00:51:29,798 เราคิดถึงเรื่องทั่วไป อย่างการไปซื้อแซนด์วิชในร้านค้า 1016 00:51:30,465 --> 00:51:32,801 เราคิดถึงการเป็นคนที่เราเคยเป็น 1017 00:51:33,510 --> 00:51:36,597 เรื่องงี่เง่าทั้งหลายที่เราพูด และกรงเต้นอะโกโก 1018 00:51:36,680 --> 00:51:39,516 เบียร์กองโตกับไอ้งั่งในกล่อง... 1019 00:51:39,600 --> 00:51:41,977 ทุกอย่างมันกลายเป็นสิ่งที่น่าอับอาย 1020 00:51:43,061 --> 00:51:45,230 เราใช้ร่างกายเปลืองมาก 1021 00:51:45,314 --> 00:51:48,233 พริบตาเดียวเลย บีสตีบอยส์เปลี่ยนจาก 1022 00:51:48,317 --> 00:51:51,069 หนุ่มๆ จิบน้อย มีอารมณ์ขัน และสวมที่บังตะเกียงบนหัว 1023 00:51:51,153 --> 00:51:55,157 ไปเป็นหนุ่มขี้เมาทำตัวทุเรศ ที่คนอยากไล่ออกไปจากอะพาร์ตเมนต์ 1024 00:51:55,240 --> 00:51:57,993 เหมือนหนังเรื่อง Groundhog Day ของบิล เมอร์เรย์ 1025 00:51:58,535 --> 00:52:01,788 ที่ตัวเอกต้องใช้ชีวิต วันเดียววันเดิมซ้ำๆ ทุกวัน 1026 00:52:02,623 --> 00:52:05,083 แต่ในหนังของเรา มันคือไอ้งั่ง 1027 00:52:05,167 --> 00:52:08,587 ทำตัวเอาแน่เอานอนไม่ได้ หลังจบโชว์แต่ละครั้ง 1028 00:52:10,172 --> 00:52:15,260 ปัญหาก็คือเราสร้างกล่องขึ้นมา และเราคือไอ้งั่งที่ติดอยู่ในกล่อง 1029 00:52:16,178 --> 00:52:19,389 มันกลายเป็นว่า "เราจะจบโชว์ไวๆ ได้ยังไง 1030 00:52:19,473 --> 00:52:25,395 ไอ้งั่งจะได้กลับลงกล่อง และเราจะได้ลงจากเวทีซะที" 1031 00:52:33,820 --> 00:52:35,614 (เอ็มทีวี) 1032 00:52:36,448 --> 00:52:38,075 (ข่าว) 1033 00:52:38,158 --> 00:52:39,618 เกิดอะไรขึ้นกับบีสตีบอยส์ 1034 00:52:39,701 --> 00:52:42,162 ช่วงปลายปี 1986 พวกเขาปล่อยอัลบั้ม Licensed to Ill 1035 00:52:42,246 --> 00:52:44,623 หนึ่งในอัลบั้มเดบิวต์ ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล 1036 00:52:44,706 --> 00:52:47,459 แต่พวกเขายังไม่ทันได้ทำอัลบั้มใหม่ พวกเขาก็แยกทางกันซะแล้ว 1037 00:52:47,543 --> 00:52:50,295 หลังจากการทัวร์กับรัน-ดีเอ็มซี จบลงเมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีก่อน 1038 00:52:50,379 --> 00:52:53,507 ปัจจุบันนี้ ไมค์ ดีกับเอ็มซีเอ เล่นดนตรีในวงไปทั่วนิวยอร์ก 1039 00:52:53,590 --> 00:52:56,802 ส่วนแอ็ด-ร็อกอยู่ลอสแอนเจลิส กำลังสร้างเดบิวต์หนัง 1040 00:53:09,231 --> 00:53:11,400 นายเพิ่งย้ายมาอยู่เชอร์แมนใช่ไหม 1041 00:53:12,609 --> 00:53:14,945 ใช่ ย้ายมาเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว 1042 00:53:15,028 --> 00:53:16,488 มาอยู่บ้านหลังโตที่นี่ 1043 00:53:17,406 --> 00:53:18,949 นายจะช่วยฉันล้างรถคันนี้ไหม 1044 00:53:20,075 --> 00:53:21,076 ตอนนี้เลยเหรอ 1045 00:53:33,881 --> 00:53:34,882 โอเค 1046 00:53:36,758 --> 00:53:37,885 โอเค คืองี้... 1047 00:53:38,927 --> 00:53:41,638 นั่นเป็นหนังที่ผมเล่น หลังจากจบทัวร์ Licensed to Ill 1048 00:53:42,431 --> 00:53:45,184 หนังเรื่องนี้ชื่อว่า Lost Angels และมันห่วยแตกมาก 1049 00:53:45,267 --> 00:53:47,102 ขอล่ะครับ อย่าไปหาดูนะ 1050 00:53:47,186 --> 00:53:49,021 อย่าไปหามาดูเชียว 1051 00:53:49,646 --> 00:53:50,689 อย่าเลย 1052 00:53:50,772 --> 00:53:51,773 ยังไงก็เถอะ 1053 00:53:53,233 --> 00:53:54,776 การออกทัวร์นาน 12 เดือน 1054 00:53:54,860 --> 00:53:57,946 รู้สึกเหมือนพายุทอร์นาโดได้พัดผม ออกจากอะพาร์ตเมนต์ในนิวยอร์ก 1055 00:53:58,030 --> 00:54:02,367 แล้วหอบผมไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก จากนั้นก็เอาผมไปหย่อนที่ฮอลลีวูด 1056 00:54:02,951 --> 00:54:05,245 และนั่นคือตอนที่ผมได้ไปคัดตัว เป็นนักแสดงหนัง 1057 00:54:05,829 --> 00:54:09,583 ตอนนั้นผมอายุ 22 ปี และผมไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น 1058 00:54:10,417 --> 00:54:12,961 ผมไม่ได้คุยกับอดัมหรือไมค์ มานานหลายเดือนแล้ว 1059 00:54:13,045 --> 00:54:14,713 เราไม่ได้ทะเลาะหรือไม่ลงรอยอะไรกัน 1060 00:54:14,796 --> 00:54:18,425 แต่นั่นเป็นครั้งแรก ที่เราไม่อยากไปไหนมาไหนด้วยกัน 1061 00:54:18,509 --> 00:54:22,179 ผมเดาว่าเราคงอยากพักบ้าง แยกทางกันไปสักพักนึง 1062 00:54:23,013 --> 00:54:26,517 เยาค์อยู่นิวยอร์ก เขาสนใจอีกวงของเขามาก วงบรุกลินน่ะ 1063 00:54:27,643 --> 00:54:29,978 ส่วนผมอยู่แอลเอ เพื่อเล่นหนังเรื่องนั้น 1064 00:54:30,646 --> 00:54:32,147 ส่วนไมค์ก็... 1065 00:54:33,023 --> 00:54:34,233 ไมค์ ตอนนั้นคุณทำอะไรนะ 1066 00:54:34,316 --> 00:54:39,071 บอกตามตรง ผมกำลังอยู่ในช่วง ทดลองเล่นยาหลายๆ แบบ 1067 00:54:39,488 --> 00:54:40,489 นั่นสินะ 1068 00:54:43,784 --> 00:54:48,372 สำหรับผมแล้ว ผมปลีกตัวออกจากทุกอย่าง 1069 00:54:48,455 --> 00:54:51,708 แม่ผมเพิ่งเสีย ก่อนออกอัลบั้ม Licensed to Ill ไม่นาน 1070 00:54:51,792 --> 00:54:54,378 และโอกาสที่จะหลีกหนี เพื่อกลายเป็นคนใหม่ 1071 00:54:54,461 --> 00:54:56,839 ไม่มีตอนไหนจะเหมาะกว่าตอนนี้อีกแล้ว 1072 00:54:57,673 --> 00:55:01,426 หลังจบทัวร์ ผมยังคงปลีกตัว ออกจากทุกอย่างที่ผมรู้สึก 1073 00:55:01,510 --> 00:55:02,553 (อดัม โฮโรวิตซ์, 22 ปี) 1074 00:55:03,053 --> 00:55:05,848 วันนึงหลังจากถ่ายหนัง ผมกลับไปที่โรงแรมที่ผมพักอยู่ 1075 00:55:05,931 --> 00:55:07,182 และมีคนที่แผนกต้อนรับบอกว่า 1076 00:55:07,266 --> 00:55:09,351 มีพัสดุถึงผมวางไว้ในห้องผมแล้ว 1077 00:55:09,852 --> 00:55:13,355 ผมเข้าห้องไปเจอกับพัสดุกล่องใหญ่ มันมาจากเยาค์ 1078 00:55:14,022 --> 00:55:17,359 ผมเปิดกล่องดู ข้างในกล่องเป็นกล่องอีกใบ 1079 00:55:17,442 --> 00:55:20,070 แล้วก็เป็นกล่องอีกใบ อีกใบ และอีกใบ 1080 00:55:21,280 --> 00:55:24,992 แล้วก็มีถุงซิปล็อกใบใหญ่ ที่มีผงกาแฟบดข้างใน 1081 00:55:25,617 --> 00:55:28,829 ภายในความยุ่งเหยิงนั้น มีตลับเทปอยู่ม้วนนึง 1082 00:55:30,372 --> 00:55:33,041 เป็นเทปเดโมของวงบรุกลินของเขา 1083 00:55:33,750 --> 00:55:37,254 มันแปลกนะ จากการที่คุยกับใครสักคน ทุกๆ วันมาตลอดหลายปี 1084 00:55:37,337 --> 00:55:39,965 กลายเป็นไม่ได้ข่าวจากกันเลย ตลอดหลายเดือน 1085 00:55:40,048 --> 00:55:42,801 การที่เขาส่งเทปเพลงชองเขามาให้ผม จึงเป็นอะไรที่เจ๋งมาก 1086 00:55:43,302 --> 00:55:46,138 เหมือนว่าเขาทำแบบนั้น เพื่อให้เรายังคงเป็นเพื่อนกันต่อไป 1087 00:55:46,930 --> 00:55:48,891 แต่มันทำให้ผมฉุกคิดแป๊บนึง 1088 00:55:48,974 --> 00:55:50,976 แบบว่า นั่นอาจเป็นสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ 1089 00:55:51,059 --> 00:55:53,812 เขาอาจไม่เอาบีสตีบอยส์แล้ว และเราไม่ใช่วงเดียวกันอีกต่อไป 1090 00:55:54,313 --> 00:55:59,193 ปรากฏว่าเราก็ไม่ใช่วงอีกต่อไป เพราะเยาค์ลาออกจากวง 1091 00:55:59,276 --> 00:56:02,613 เขาไม่ได้บอกเราเรื่องนี้ จนผ่านไปสองสามปีแล้ว 1092 00:56:03,113 --> 00:56:05,616 เขาเบื่อที่ต้องเป็นไอ้ขี้เมา ในงานปาร์ตี้ 1093 00:56:05,699 --> 00:56:08,118 เยาค์บอกว่า รัสเซลล์ไม่พยายามรับฟังเขาเลย 1094 00:56:08,202 --> 00:56:10,662 แถมยังพยายามโน้มน้าวเขา ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี 1095 00:56:10,746 --> 00:56:12,372 และบอกว่าเขาควรกลับไปออกทัวร์ต่อ 1096 00:56:12,456 --> 00:56:15,250 และเอาน้ำเปล่าใส่กระป๋องเบียร์ สาดไปทั่วๆ แทน 1097 00:56:15,334 --> 00:56:17,544 รวมทั้งเรื่องตลกๆ ทั้งหลายด้วย 1098 00:56:17,628 --> 00:56:19,046 แต่เยาค์ไม่เอาแล้ว 1099 00:56:19,129 --> 00:56:21,673 เขาบอกรัสเซลล์ว่า "ผมขอลาออก" 1100 00:56:21,757 --> 00:56:26,053 ระหว่างที่เกิดเรื่องบ้าๆ พวกนี้ เราไม่ได้เงินค่าลิขสิทธิ์อีกต่อไป 1101 00:56:26,720 --> 00:56:28,305 เราหาเงินจากการออกโชว์ 1102 00:56:28,388 --> 00:56:31,016 โชว์ใหญ่ๆ อย่างโชว์ที่แมดิสันสแควร์การ์เดน 1103 00:56:31,099 --> 00:56:36,104 แต่ไม่ได้สักดอลลาร์เดียว สำหรับอัลบั้มยอดฮิต Licensed to Ill 1104 00:56:36,188 --> 00:56:38,941 อัลบั้มที่เพื่อนกลุ่มนึงทำร่วมกันมา 1105 00:56:39,024 --> 00:56:41,860 มีทั้งความจริงจังและความสนุกสนาน ที่ได้ทำร่วมกัน 1106 00:56:41,944 --> 00:56:43,779 หัวเราะด้วยกันอยู่หลายชั่วโมง 1107 00:56:43,862 --> 00:56:48,659 ในร้านกาแฟ คลับ สตูดิโอ หอพัก บนแท็กซี่ และในปาร์ตี้... 1108 00:56:48,742 --> 00:56:51,078 แต่ตอนนี้ ด้วยเหตุผลอะไรสักอย่าง 1109 00:56:51,161 --> 00:56:55,123 ค่ายเพลงตัดสินใจว่า พวกเขาไม่ควรจ่ายเงินให้เรา 1110 00:56:55,666 --> 00:56:58,585 ริคกับรัสเซลล์ เพื่อนของเรา เดฟแจม 1111 00:56:59,169 --> 00:57:01,088 เราอยู่กับพวกเขาตั้งแต่ต้น 1112 00:57:01,630 --> 00:57:05,342 เรารู้สึกว่าความสำเร็จของเดฟแจม คือความสำเร็จของเรา กลับกันก็ด้วย 1113 00:57:05,425 --> 00:57:07,010 เพราะเราทุกคนคือเพื่อนกัน 1114 00:57:07,094 --> 00:57:09,763 รัสเซลล์พูดกล่าวหาว่าเราละเมิดสัญญา 1115 00:57:09,847 --> 00:57:13,058 เพราะเราไม่ได้เริ่มบันทึกเสียง อัลบั้มใหม่ให้เดฟแจม 1116 00:57:13,517 --> 00:57:17,104 รัสเซลล์อยากได้ "Fight for Your Right (To Party) Part 2" 1117 00:57:17,187 --> 00:57:18,188 ตอนรัสเซลล์เซ็นสัญญากับเรา 1118 00:57:18,272 --> 00:57:22,067 เราคิดว่าเขาเชื่อในตัวเรามากกว่า 1119 00:57:22,150 --> 00:57:26,488 แต่ลึกๆ แล้ว เขาแค่อยากได้ แร็ปเปอร์ผิวขาวสามคนออกเอ็มทีวี 1120 00:57:26,572 --> 00:57:28,365 เราจะเป็นใครก็ได้ 1121 00:57:29,908 --> 00:57:32,244 ยังไงก็เถอะ กลับมาที่ผมและลอสแอนเจลิสกัน 1122 00:57:33,495 --> 00:57:35,664 ผมอยู่ที่นั่น กำลังทำโปรเจ็กต์นึง... 1123 00:57:35,747 --> 00:57:38,333 สไปค์ ยอมตามใจผมหน่อย 1124 00:57:38,417 --> 00:57:41,253 เราขอดูคลิป ที่อดัมลงไปในสระน้ำได้ไหม 1125 00:57:41,336 --> 00:57:43,130 - ไม่ได้ เราต้อง... - ขอดูอีกทีสิ 1126 00:57:48,385 --> 00:57:50,554 เล่นซ้ำหลายๆ รอบเลย 1127 00:57:50,637 --> 00:57:51,722 สองสามครั้งก็พอ 1128 00:57:56,560 --> 00:57:59,188 ผมไม่เคยขับรถลงไปในสระว่ายน้ำ 1129 00:57:59,271 --> 00:58:00,856 - แหงล่ะ - โอเค 1130 00:58:00,939 --> 00:58:04,276 แต่ผมคิดว่าถ้าผมต้องทำแบบนั้น 1131 00:58:04,359 --> 00:58:07,487 และตอนที่ผมรู้สึกว่า รถมันลงไปในสระว่ายน้ำแล้ว 1132 00:58:07,571 --> 00:58:12,242 ปฏิกิริยาของผมคงเป็นอะไร ที่ไม่เหมือนการสำเร็จความใคร่ทางเพศ 1133 00:58:15,037 --> 00:58:16,788 ไม่รู้สิ ทุกคน มันดูเซ็กซี่ดีออก 1134 00:58:16,872 --> 00:58:18,373 ไม่รู้จะพูดอะไรได้อีก 1135 00:58:20,167 --> 00:58:22,336 ยังไงก็เถอะ ผมได้ไปที่ฮอลลีวูด 1136 00:58:22,419 --> 00:58:24,087 เอาละๆ พอแล้ว 1137 00:58:26,924 --> 00:58:30,886 ผมอยู่ที่ฮอลลีวูด และได้ไปงานปาร์ตี้ฮอลลีวูดที่ใหญ่โต 1138 00:58:30,969 --> 00:58:33,972 ผมนั่งเล่นอยู่ริมสระว่ายน้ำ เหมือนปาร์ตี้ริมสระในฮอลลีวูดทั่วไป 1139 00:58:34,640 --> 00:58:38,310 แล้วผมก็ได้ยินเพลงเจ๋งๆ ลอยมาจากไหนสักแห่ง 1140 00:58:41,438 --> 00:58:44,858 "เพลงอะไรน่ะ" ผมพยายามหาต้นตอ ว่าเพลงมันมาจากไหน 1141 00:58:44,942 --> 00:58:47,444 ผมเดินไปทั่วงานปาร์ตี้ พยายามหาคำตอบ 1142 00:58:47,528 --> 00:58:49,196 - แชมเปญไหมครับ - ขอบคุณครับ ไมค์ ดี 1143 00:58:50,072 --> 00:58:52,533 ผมเดินแบบนี้ เวลาอยู่ในงานปาร์ตี้ของฮอลลีวูด 1144 00:58:53,450 --> 00:58:54,785 ดอนนี่ วอห์ลเบิร์ก เฮ้ ว่าไง 1145 00:58:54,868 --> 00:58:55,994 ดื่มหมดยังครับ 1146 00:58:56,787 --> 00:59:00,707 ผมเดินไปตามเสียงเพลง พยายามหาต้นตอของมัน 1147 00:59:00,791 --> 00:59:02,376 จนไปเจอเครื่องเล่นตลับเทป 1148 00:59:02,960 --> 00:59:05,379 และที่เครื่องเล่นตลับเทป มีคนที่ชื่อแมตต์ ไดก์อยู่ 1149 00:59:05,462 --> 00:59:07,172 และพวกเขาคือวงดัสต์บราเธอร์ส 1150 00:59:07,256 --> 00:59:08,674 (แมตต์ ไดก์ ดัสต์บราเธอร์ส) 1151 00:59:08,757 --> 00:59:10,592 พวกเขาบอกว่าพวกเขาเป็นคนทำเพลงนี้ 1152 00:59:10,676 --> 00:59:14,346 มันเจ๋งถึงขนาดที่ผมต้องโทรหาอดัม กับไมค์ในวันต่อมา และบอกว่า 1153 00:59:14,429 --> 00:59:17,766 "พวกนายควรมาลอสแอนเจลิส และเราควรไปเจอคนกลุ่มนี้หน่อย" 1154 00:59:17,850 --> 00:59:18,934 และพวกเขาก็มาจริงๆ 1155 00:59:19,017 --> 00:59:21,311 ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ตอนที่พวกเขามาถึง 1156 00:59:21,395 --> 00:59:24,439 เพราะเราไม่ได้เจอหน้ากัน มาหลายเดือนแล้ว 1157 00:59:24,523 --> 00:59:27,943 แต่ตอนที่พวกเขามาถึง มันรู้สึก เหมือนว่านี่แหละคือสิ่งที่ควรเป็น 1158 00:59:28,026 --> 00:59:30,195 เราใช้เวลาด้วยกัน ฟังเพลงนี้ด้วยกัน 1159 00:59:30,696 --> 00:59:33,824 และทำเรื่องอื่นๆ ที่เราทำเป็นปกติ 1160 00:59:33,907 --> 00:59:38,370 วงบรุกลินของเยาค์ ผมกับการเล่นหนัง ไมค์กับการเป็นไมค์ 1161 00:59:40,163 --> 00:59:41,999 แต่มันทำให้ผมนึกได้ว่า 1162 00:59:42,082 --> 00:59:44,960 บีสตีบอยส์คือสิ่งที่เราควรทำ ในชีวิตของเรา ใช่ไหม 1163 00:59:45,043 --> 00:59:46,128 สำหรับผมนะ 1164 00:59:49,590 --> 00:59:52,217 และเราตัดสินใจกันอย่างมีสติมากๆ ที่จะเดินหน้าต่อ 1165 00:59:52,801 --> 00:59:57,681 ไม่มีผู้จัดการ ไม่มีโปรดิวเซอร์ ไม่มีค่ายเพลงคอยสั่งให้เราทำนู่นนี่ 1166 00:59:57,764 --> 00:59:59,766 จะมีแค่พวกเราสามคนเท่านั้น 1167 01:00:04,771 --> 01:00:05,647 ดังนั้น... 1168 01:00:06,982 --> 01:00:11,445 มีไม่กี่ครั้งหรอกที่คุณรู้ว่า ตัวเองอยู่ในบทใหม่ของชีวิต 1169 01:00:11,528 --> 01:00:13,947 บทที่หก: "บทใหม่ของชีวิต" 1170 01:00:14,031 --> 01:00:17,034 (บทที่หก บทใหม่ของชีวิต) 1171 01:00:17,117 --> 01:00:20,954 ดนตรีที่ดัสต์บราเธอร์สทำ มันน่าอัศจรรย์มาก 1172 01:00:21,038 --> 01:00:24,333 และเป็นแรงบันดาลใจ ให้เราอยากทำอีกอัลบั้มนึง 1173 01:00:24,416 --> 01:00:27,503 แต่ความจริงก็คือการทำวงต่อไปนั้น 1174 01:00:27,586 --> 01:00:30,130 เราต้องไปพบกับค่ายเพลงใหม่ค่ายอื่น 1175 01:00:30,214 --> 01:00:31,882 หนึ่งในนั้นคือแคปิตอลเรคคอร์ดส์ 1176 01:00:31,965 --> 01:00:35,344 เราจึงไปพบกับประธานของค่ายนั้น และเขาบอกว่า 1177 01:00:35,427 --> 01:00:38,639 "พวกคุณไม่ได้ทำอะไรในอัลบั้ม Licensed to Ill เลย พูดตามตรง 1178 01:00:38,722 --> 01:00:40,474 ริคกับรัสเซลล์เป็นคนทำทั้งหมด 1179 01:00:40,557 --> 01:00:42,351 พวกคุณคือผลงานของพวกเขา" 1180 01:00:42,434 --> 01:00:46,146 แต่ในขณะเดียวกัน พวกเขาก็ยอมเสี่ยงกับเรา 1181 01:00:46,230 --> 01:00:49,942 แม้จะดูยากลำบาก แต่เราก็อาจทำ 1182 01:00:50,025 --> 01:00:52,611 "Fight for Your Right (To Party) Part 2" ให้พวกเขาได้ 1183 01:00:52,694 --> 01:00:55,072 เราละอายเรื่องเพลงนั้นก็จริง 1184 01:00:55,155 --> 01:00:59,535 แต่เราไม่อายที่เราจะไม่ใช้มัน เพื่อตกลงเซ็นสัญญาทำอัลบั้มใหม่ 1185 01:01:01,787 --> 01:01:04,998 เราตกลงทำอัลบั้มใหม่แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องการผู้จัดการ 1186 01:01:05,082 --> 01:01:09,086 เราจึงเลือกผู้จัดการ ด้วยเหตุผลที่อาจจะไม่ฉลาดนัก 1187 01:01:09,419 --> 01:01:13,298 เราเลือกคนนี้เพราะเคยเป็นผู้จัดการ ให้เคนนี่ โรเจอร์สและไลโอเนล ริชชี่ 1188 01:01:13,382 --> 01:01:15,133 และเราคิดว่ามันตลกดี 1189 01:01:15,926 --> 01:01:19,471 บางทีมุกตลกโง่ๆ ก็ไม่ใช่ 1190 01:01:19,555 --> 01:01:22,516 สิ่งที่ดีที่สุด ที่จะนำไปสู่อนาคตทางการเงินของคุณ 1191 01:01:22,599 --> 01:01:23,934 ว่าไหม 1192 01:01:24,017 --> 01:01:26,436 อีกอย่าง เราปิ๊งไอเดียดีๆ ด้วย 1193 01:01:26,520 --> 01:01:29,481 แบบว่า โอเค ถ้าเราอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน 1194 01:01:29,565 --> 01:01:32,025 เราต้องทำอะไรต่างๆ ให้เสร็จ 1195 01:01:32,109 --> 01:01:36,697 เราจึงรับเงินก้อนนี้มา จากสัญญาค่ายเพลงใหม่ของเรา 1196 01:01:36,780 --> 01:01:42,369 และเราเช่าบ้านที่หรูหราราคาแพง บนเนินเขาฮอลลีวูดฮิลส์ 1197 01:01:43,787 --> 01:01:46,081 ไม่ใช่ว่าบ้านหลังไหน ในฮอลลีวูดฮิลส์ก็ได้ 1198 01:01:46,164 --> 01:01:49,418 แต่บ้านหลังนี้ เปรียบดังพิพิธภัณฑ์ยุค 70 1199 01:01:49,501 --> 01:01:53,505 เหมือนหนังเรื่อง Hart to Hart ผสมกับเรื่อง The Love Boat ผสมกับ 1200 01:01:53,589 --> 01:01:55,591 ร้านเรกัลบีเกิล จากเรื่อง Three's Company 1201 01:01:56,675 --> 01:01:59,261 ให้ตาย เรื่อง Hart to Hart นี่ ยกตัวอย่างได้ดี 1202 01:01:59,344 --> 01:02:00,345 เจ๋งมาก 1203 01:02:01,096 --> 01:02:05,350 บ้านหลังนี้เป็นของ อเล็กซ์และแมดิลีน แกรสฮอฟฟ์ 1204 01:02:05,434 --> 01:02:06,727 - ใช่ - เกร็ดเล็กๆ 1205 01:02:06,810 --> 01:02:09,271 ในบ้านนี้มีตู้ที่ล็อกอยู่หลังนึง 1206 01:02:09,354 --> 01:02:12,232 เวลาที่คุณอายุประมาณ 20 กว่าๆ 1207 01:02:12,316 --> 01:02:16,612 คุณขี้สงสัย แถมเมาสุดๆ และมีตู้ล็อกอยู่ตรงหน้า 1208 01:02:17,237 --> 01:02:18,405 คุณจะทำไง 1209 01:02:18,488 --> 01:02:20,199 เตะให้ตู้มันเปิดสิ ใช่ไหม 1210 01:02:20,282 --> 01:02:21,491 คุณอยากรู้ว่าข้างในมีอะไร 1211 01:02:21,575 --> 01:02:25,537 ในตู้นั้นเต็มไปด้วยของสะสมสุดเจ๋ง 1212 01:02:25,621 --> 01:02:29,333 จากยุค 70 ของแมดิลีน แกรสฮอฟฟ์ 1213 01:02:29,416 --> 01:02:30,751 ผมหมายถึงว่า... 1214 01:02:30,834 --> 01:02:32,544 ใช่ๆ 1215 01:02:32,628 --> 01:02:37,216 เราหมายถึงเสื้อโค้ตน้ำหนักเบา ที่ปะด้วยผ้ากำมะหยี่ 1216 01:02:37,299 --> 01:02:39,384 และยังมีชุดจัมป์สูทผ้าซาตินอีก 1217 01:02:39,468 --> 01:02:42,721 ทุกอย่างดูสวยอร่ามและวิเศษมาก 1218 01:02:42,804 --> 01:02:46,266 อย่างหมวกขนสัตว์ เสื้อกั๊กแบบพิเศษ 1219 01:02:46,350 --> 01:02:48,435 เป็นคุณจะไม่อยากไปทานมื้อเช้า 1220 01:02:48,519 --> 01:02:51,146 ในชุดออสการ์ แมดิสันเหรอ 1221 01:02:51,230 --> 01:02:53,857 หรือคุณอยากไปทานมื้อเช้าในชุดนี้ 1222 01:02:56,527 --> 01:02:58,820 นี่คือบ้านหลังที่เราอยู่ นั่นคือไมค์ 1223 01:02:58,904 --> 01:03:00,113 ดูเท่ระเบิดเลย 1224 01:03:00,197 --> 01:03:01,406 ขอบคุณนะ อดัม 1225 01:03:01,490 --> 01:03:05,619 ถ้าคุณมีสระว่ายน้ำแต่ไม่มีสะพานข้าม คุณจะหาทางป่วนจนได้ 1226 01:03:06,119 --> 01:03:08,038 แต่ฟังก่อน ห้องของผมไม่ได้อยู่ในบ้าน 1227 01:03:08,121 --> 01:03:10,832 มันมีห้องแปลกๆ ที่สร้างไว้ข้างๆ ตรงนี้ไง 1228 01:03:10,916 --> 01:03:13,126 และในสระว่ายน้ำมีหน้าต่างบานเล็กๆ 1229 01:03:13,210 --> 01:03:16,839 ที่มองจากห้องในสระว่ายน้ำ ตรงเข้าไปในห้องผมได้เลย 1230 01:03:16,922 --> 01:03:19,049 บางวันตอนหกโมงเช้า 1231 01:03:19,132 --> 01:03:20,801 ผมจะได้ยินเสียงทุบดังๆ 1232 01:03:20,884 --> 01:03:22,928 พอผมตื่นมาก็จะพบกับภาพนี้ 1233 01:03:25,430 --> 01:03:27,641 เยาค์มาเรียกผม "ไปกินมื้อเช้ากัน" 1234 01:03:28,892 --> 01:03:32,688 กิจวัตรของเราคือการตื่นขึ้นมา ในบ้านแกรสฮอฟฟ์ที่สุดอัศจรรย์นี้ 1235 01:03:32,771 --> 01:03:33,981 ไปกินมื้อเช้ากัน 1236 01:03:34,064 --> 01:03:36,859 และจากนั้นเราจะไปหาแมตต์ ไดก์ และดัสต์บราเธอร์สที่สตูดิโอ 1237 01:03:40,070 --> 01:03:41,363 ตอนนั้นแมตต์ ไดก์เป็นดีเจ 1238 01:03:41,446 --> 01:03:45,200 เขามีแผ่นเสียงนับพันแผ่น กองเป็นตั้งในอะพาร์ตเมนต์ของเขา 1239 01:03:45,284 --> 01:03:47,119 เขาเป็นคนที่เจ๋งจริงๆ 1240 01:03:47,202 --> 01:03:49,705 ไม่รู้สิ เราอยากรู้ว่าเขารู้อะไรบ้าง 1241 01:03:49,788 --> 01:03:53,041 ดัสต์บราเธอร์สเป็นนักศึกษา วิทย์คอมฯ ที่วิทยาลัยแคลร์มองต์ 1242 01:03:53,125 --> 01:03:54,126 (อีซี ไมค์ ราศีตุลย์) 1243 01:03:54,209 --> 01:03:55,335 อีซี ไมค์เป็นดีเจ 1244 01:03:56,336 --> 01:03:58,046 จอห์นเป็นพ่อมดด้านคอมพิวเตอร์ 1245 01:03:58,672 --> 01:04:02,301 ให้ตาย เราไม่เคยเห็นคอมพิวเตอร์ ในสตูดิโอบันทึกเสียงมาก่อน 1246 01:04:02,926 --> 01:04:05,012 เราบ้ากันมากๆ เลยตอนนั้น 1247 01:04:06,054 --> 01:04:07,055 สายเขียว 1248 01:04:12,394 --> 01:04:15,355 ("Shake Your Rump" กำกับโดย เนเทเนียล ฮอร์นโบลเวอร์) 1249 01:04:15,439 --> 01:04:18,984 ดัสต์บราเธอร์สเปิดโลกใหม่ ด้านความสร้างสรรค์ให้เรารู้จัก 1250 01:04:19,067 --> 01:04:22,446 เราสร้างดนตรีที่ละชั้น ทีละชั้นๆ 1251 01:04:22,529 --> 01:04:26,241 ทำให้ทุกเพลงอัดแน่นไปด้วยเนื้อเพลง ตัวอย่าง และมุกตลกให้มากที่สุด 1252 01:04:26,325 --> 01:04:28,285 เราใช้สองอย่างบ้าง สามอย่างบ้าง 1253 01:04:28,368 --> 01:04:31,205 เราเอาทุกอย่างมาผสมผสานกันเป็นเพลง เหมือนศิลปะภาพปะติดเลย 1254 01:04:31,288 --> 01:04:34,625 เราคิดว่าเราพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว 1255 01:04:34,708 --> 01:04:36,960 ผมเหมือนแมงดาตัวยุ่ง ผมมีเรือไว้กินกุ้ง 1256 01:04:37,044 --> 01:04:39,254 ขาผมไม่มีอะไรผิด แค่เต้นบีบอยสุดฮิต 1257 01:04:39,338 --> 01:04:41,423 ถูกจับที่มาร์ดิแกรส เพราะโดดลงแพ 1258 01:04:41,507 --> 01:04:44,176 เพื่อนผม เอ็มซีเอ มีเคราแพะเหมือนคนแก่ 1259 01:04:44,259 --> 01:04:46,261 อู๊ๆ เพลงดิสโกมันเรียกร้อง 1260 01:04:46,345 --> 01:04:48,889 เอ็มซีเอ ผมอดเต้นไม่ได้น่ะน้อง 1261 01:04:52,684 --> 01:04:53,810 ทีนี้... 1262 01:04:57,981 --> 01:05:01,026 ผมจำได้ว่ามีอยู่คืนนึง ตอนอยู่ในบ้านแกรสฮอฟฟ์ 1263 01:05:01,109 --> 01:05:05,280 เยาค์เปิดเพลงมิกซ์ที่เรากำลังทำอยู่ เสียงดังมากๆ 1264 01:05:05,364 --> 01:05:09,201 เรามองวิวแสงไฟระยิบระยับ ของลอสแอนเจลิสที่อยู่ด้านล่าง 1265 01:05:09,284 --> 01:05:12,120 ตอนนั้นเราค่อนข้างเมาด้วยล่ะ 1266 01:05:12,204 --> 01:05:17,251 เยาค์หันมาหาผมและบอกว่า "โย่ เจ๋งว่ะ" 1267 01:05:17,334 --> 01:05:22,089 ผมตอบอย่างหล่อเลยว่า "ใช่ นี่มันพิเศษจริงๆ นะเพื่อน" 1268 01:05:23,924 --> 01:05:25,259 มันก็พิเศษจริงอย่างว่า 1269 01:05:25,342 --> 01:05:29,346 เพราะช่วงนั้น เยาค์กำลังสนุก กับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ 1270 01:05:29,429 --> 01:05:34,142 พอไม่มีริคกับรัสเซลล์ เราก็ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง 1271 01:05:34,226 --> 01:05:37,688 วงดนตรีต้องทำอะไรมากกว่า แค่เขียนเพลงและปล่อยออกมาให้ฟัง 1272 01:05:37,771 --> 01:05:39,523 เหมือนถ่ายรูปก็ไม่ใช่แค่กดถ่ายรูป 1273 01:05:39,606 --> 01:05:41,191 หลังออกอัลบั้ม Licensed to Ill 1274 01:05:41,275 --> 01:05:43,610 สิ่งสุดท้ายที่เราอยากทำ คือการถ่ายรูปประหลาดๆ 1275 01:05:43,694 --> 01:05:45,445 กับคนแปลกหน้าที่เราไม่รู้จัก 1276 01:05:45,529 --> 01:05:48,323 เยาค์จึงคิดไอเดียนี้ออก เขาบอกเราว่า "เราจะถ่ายรูปเอง 1277 01:05:48,407 --> 01:05:51,451 เอาไอ้ที่บีบอันเล็กๆ มาเชื่อมต่อเข้ากับกล้อง 1278 01:05:51,535 --> 01:05:52,578 แล้วก็ถ่าย... 1279 01:05:52,661 --> 01:05:54,788 นี่ไง เห็นไหม 1280 01:05:54,872 --> 01:05:56,039 ผมชอบคุณในรูปนี้จัง ไมค์ 1281 01:05:56,748 --> 01:05:57,958 ขอบคุณ 1282 01:05:58,041 --> 01:06:00,794 แล้วเราก็ต้องถ่ายปกอัลบั้มกัน แน่นอน เยาค์บอกว่า 1283 01:06:00,878 --> 01:06:06,675 "ง่ายมาก เราจะใช้กล้องตัวนี้ และถ่ายรูปแบบ 360 องศา 1284 01:06:06,758 --> 01:06:08,510 และนั่นจะเป็นรูปปกอัลบั้มของเรา" 1285 01:06:08,594 --> 01:06:12,097 โอเค คืองี้นะ เราอยู่ด้วยกันทุกวันอยู่แล้ว 1286 01:06:12,181 --> 01:06:17,060 เยาค์จะรู้เรื่องของพวกนี้ทั้งหมด และเราจะคิดว่า 1287 01:06:17,144 --> 01:06:18,145 "เจ๋งดีจัง" 1288 01:06:18,228 --> 01:06:20,731 "เขารู้เรื่องนั้นได้ไงวะ แปลกเป็นบ้าเลย" 1289 01:06:21,732 --> 01:06:23,817 และเวลาเราเตรียมออกอัลบั้ม 1290 01:06:23,901 --> 01:06:29,031 บริษัทค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ จะจัดหาผู้กำกับมือดีให้เรา 1291 01:06:29,114 --> 01:06:32,075 แต่แน่นอนว่ากับพวกเราตอนนั้น เราค่อนข้างหวาดระแวง 1292 01:06:32,159 --> 01:06:34,411 เราไม่ไว้ใจใครเลย เยาค์จึงบอกว่า 1293 01:06:34,494 --> 01:06:35,871 "เปล่าๆ เราจะให้ลุงของฉันมาทำ 1294 01:06:35,954 --> 01:06:38,874 เขาคือนักสร้างหนังชาวสวิสในตำนาน เนเทเนียล ฮอร์นโบลเวอร์ 1295 01:06:38,957 --> 01:06:40,876 เขาจะมาที่นี่และคอยช่วยเราเอง 1296 01:06:40,959 --> 01:06:43,462 และเขาจะเป็นคนกำกับ วิดีโอทุกชิ้นของเรา" 1297 01:06:44,046 --> 01:06:45,881 (คลิปจากเพลง "Looking Down the Barrel Of A Gun") 1298 01:06:45,964 --> 01:06:47,049 (กำกับโดย เนเทเนียล ฮอร์นโบลเวอร์) 1299 01:06:47,132 --> 01:06:48,884 เยาค์ถ่อมตัวกับเรื่องนี้ เขาให้เครดิตลุงของเขา 1300 01:06:48,967 --> 01:06:50,511 สำหรับการทดลองและการกำกับภาพ 1301 01:06:50,594 --> 01:06:52,471 แต่เยาค์คือแรงผลักดัน 1302 01:06:54,306 --> 01:06:56,642 อันที่จริงในวิดีโอของเพลง "Looking Down the Barrel of a Gun" 1303 01:06:56,725 --> 01:06:59,561 เราใส่เสื้อผ้าของแมดิลีน แกรสฮอฟฟ์ 1304 01:06:59,645 --> 01:07:02,022 เป็นวันที่เรา เอาเสื้อผ้ากองโตของเธอมาใส่ 1305 01:07:02,105 --> 01:07:04,358 แล้วขับรถไปทั่ว เพื่อถ่ายวิดีโอตัวเราเอง 1306 01:07:04,441 --> 01:07:07,027 ต้องขอบคุณแมดิลีนสำหรับของพวกนี้ 1307 01:07:08,570 --> 01:07:10,280 ("Shadrach" กำกับโดย เนเทเนียล ฮอร์นโบลเวอร์) 1308 01:07:10,364 --> 01:07:12,449 ยกให้คนจน และพูดขอบคุณเสมอ 1309 01:07:12,533 --> 01:07:15,285 เพราะผมมีเรื่องราว เยอะกว่าที่เจดีมีซาลินเจอร์ 1310 01:07:15,369 --> 01:07:17,538 - ผมมีคำนำหน้านาย - และคุณคือคนท้าทาย 1311 01:07:17,621 --> 01:07:19,665 ฮอร์นโบลเวอร์อยู่กับเราบ่อยมาก 1312 01:07:19,748 --> 01:07:22,543 ซึ่งเป็นอะไรที่เจ๋งมาก เพราะเขาเป็นลุงของเยาค์ 1313 01:07:22,626 --> 01:07:25,796 แต่เขาเป็นไอ้ขี้เมาน่ะ ไมค์ ไม่รู้จะใช้คำไหนได้ดีกว่านี้ 1314 01:07:25,879 --> 01:07:27,172 เขาชอบถุงหนังใส่ไวน์ของเขา 1315 01:07:27,256 --> 01:07:29,049 พวกเราจะทำอะไรของเราไป แล้วก็มี 1316 01:07:29,132 --> 01:07:32,636 คุณลุงชาวสวิสประหลาดๆ คนนี้ นอนแผ่อยู่บนโซฟา 1317 01:07:32,719 --> 01:07:36,181 ดูนะ นี่คือสิ่งที่เราต้องเจอ ลุงของเยาค์น่ะ 1318 01:07:36,265 --> 01:07:38,308 อือ มันรู้สึกค่อนข้างแปลกสำหรับผม 1319 01:07:38,392 --> 01:07:41,937 เพราะผมไม่ชิน กับการอยู่ฝั่งนี้ของกล้อง 1320 01:07:42,020 --> 01:07:45,566 ผมชอบอยู่หลังกล้องมากกว่า 1321 01:07:47,526 --> 01:07:49,152 แต่คุณแต่งตัวมาเต็มยศเลย 1322 01:07:49,236 --> 01:07:52,406 นี่คือชุดประจำชาติ ของประเทศบ้านเกิดของผม 1323 01:07:52,489 --> 01:07:54,449 คุณจะเอาไปล้อเลียนก็ได้ 1324 01:07:54,533 --> 01:07:59,246 แต่ผมขอล้อคุณกลับ ที่คุณสวมชุดสูทนักธุรกิจไปไหนมาไหน 1325 01:07:59,329 --> 01:08:01,415 แบบนั้นอาจจะดูงี่เง่าในสายตาผมก็ได้ 1326 01:08:01,498 --> 01:08:03,417 ผมอาจจะหัวเราะเยาะคุณอยู่ก็ได้ 1327 01:08:05,919 --> 01:08:10,007 ถึงแม้จะมีทั้งกัญชา มื้อเช้า และปาร์ตี้ 1328 01:08:10,090 --> 01:08:13,594 เราก็ทำเพลงและปกอัลบั้มจนเสร็จ ส่งทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว 1329 01:08:17,430 --> 01:08:18,432 แบบนี้ 1330 01:08:18,515 --> 01:08:20,850 เราตื่นเต้นกันมาก 1331 01:08:20,934 --> 01:08:23,312 เราทำอัลบั้มนี้เสร็จ เราภูมิใจกับมันมาก 1332 01:08:23,395 --> 01:08:25,397 จะมีคนซื้อไปฟัง 1333 01:08:25,479 --> 01:08:27,357 และเห็นว่าเราเป็นมากกว่า 1334 01:08:27,441 --> 01:08:29,318 แค่คนแบบ "Fight for Your Right (To Party)" 1335 01:08:29,401 --> 01:08:32,237 คุณคิดว่าเราควรนอบน้อม ที่ออกมาจากเดฟแจม 1336 01:08:32,321 --> 01:08:33,529 - ไม่เลย - แต่เปล่าเลย 1337 01:08:33,613 --> 01:08:34,781 เราอยู่บนจุดสูงสุดของโลก 1338 01:08:34,865 --> 01:08:37,618 โย่ ว่าไง พวกเราบีสตีบอยส์ กับรายการ โย่! เอ็มทีวีแร็ปส์ 1339 01:08:37,701 --> 01:08:38,577 บอย! 1340 01:08:38,660 --> 01:08:40,787 สาวน้อย คุณก็รู้ความจริงเป็นไง 1341 01:08:41,580 --> 01:08:45,082 ไมค์ ดีรักคุณหมดใจ 1342 01:08:45,167 --> 01:08:46,710 ช่วงใกล้ปล่อยอัลบั้ม 1343 01:08:46,792 --> 01:08:47,961 เราให้สัมภาษณ์หลายรายการ 1344 01:08:48,045 --> 01:08:50,255 ให้ตาย เราพร้อมเปิดการแสดง ที่แมดิสันสแควร์การ์เดน 1345 01:08:50,339 --> 01:08:51,965 แล้วทำให้เวทีลุกเป็นไฟ 1346 01:08:53,591 --> 01:08:55,844 แคปิตอลเรคคอร์ดส์ก็เห็นดีด้วย 1347 01:08:55,928 --> 01:08:57,679 เผลอๆ พวกเขาจะตื่นเต้น มากกว่าเราซะอีก 1348 01:08:57,763 --> 01:08:59,055 บีสตีส์ไม่ใช่... 1349 01:08:59,139 --> 01:09:00,474 (ปาร์ตี้เปิดตัว อัลบั้ม Paul's Boutique) 1350 01:09:00,557 --> 01:09:02,643 แนวคิดที่คนอื่นเป็นคนบงการ 1351 01:09:03,644 --> 01:09:07,189 ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของ Licensed to Ill อัลบั้มแรกของพวกเขา 1352 01:09:07,272 --> 01:09:08,273 ไม่ใช่เรื่องฟลุก 1353 01:09:09,858 --> 01:09:11,902 คำพูดที่เห็นกันทั่วไป จากแร็ปเปอร์ที่น่าเคารพ 1354 01:09:11,984 --> 01:09:15,572 ตั้งแต่อีซี-อี และเอ็มซีแฮมเมอร์ ไปจนถึงพับลิกเอเนมี 1355 01:09:15,656 --> 01:09:17,866 ระบุว่าพวกเขาคือศิลปินตัวจริง 1356 01:09:17,950 --> 01:09:19,618 ดนตรีของพวกเขาสดใหม่ซื่อบื้อจริงๆ 1357 01:09:20,786 --> 01:09:21,995 พวกเขามีของ 1358 01:09:22,955 --> 01:09:24,163 หมดเรื่องพูดแล้ว 1359 01:09:24,872 --> 01:09:26,917 มาชักธงขึ้นเสากัน 1360 01:09:27,000 --> 01:09:28,210 แบทแมน ระวังให้ดี 1361 01:09:28,877 --> 01:09:31,587 บีสตีส์จะเข้ามาป่วนเมือง ในฤดูร้อนปีนี้ 1362 01:09:32,214 --> 01:09:36,844 และจากนั้น วันที่ 25 กรกฎาคม 1989... 1363 01:09:36,926 --> 01:09:39,220 กับการรอคอยของคนทั้งโลก... 1364 01:09:39,888 --> 01:09:43,934 อัลบั้มใหม่ของเรา Paul's Boutique เปิดตัวแล้ว และ... 1365 01:09:47,479 --> 01:09:48,479 ไม่มีอะไรเกิดขึ้น 1366 01:09:50,107 --> 01:09:51,108 จิ้งหรีดร้องระงมเลย 1367 01:09:53,109 --> 01:09:55,612 บทที่เจ็ด: "จิ้งหรีด" 1368 01:09:57,155 --> 01:10:00,868 ไม่มีวิทยุสถานีไหนเปิดเพลงใหม่ เอ็มทีวีก็ไม่เปิดวิดีโอใหม่ 1369 01:10:00,951 --> 01:10:02,911 ไม่มีการแสดง ไม่มีใครสนใจเลย 1370 01:10:02,995 --> 01:10:04,121 ทุกคนเบือนหน้าหนีหมดแล้ว 1371 01:10:04,788 --> 01:10:07,082 เรารู้สึกเหมือนทรงผม ที่พวกเขาตัดตอนเรียนเกรดเจ็ด 1372 01:10:07,165 --> 01:10:09,585 และคิดว่ามันเจ๋งดี แต่ตอนนี้พวกเขาคิดว่ามันน่าอาย 1373 01:10:09,668 --> 01:10:11,712 และอยากแกล้งทำเป็นว่า มันไม่เคยเกิดขึ้น 1374 01:10:11,795 --> 01:10:13,714 ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมแปลกใจมาก 1375 01:10:13,797 --> 01:10:17,384 ที่ Paul's Boutique ไม่ดังไปกว่าตอนเปิดตัว 1376 01:10:17,467 --> 01:10:20,470 เพราะผมรู้สึกว่าเราตั้งใจกันจริงๆ 1377 01:10:20,554 --> 01:10:22,931 มันเป็นการบันทึกเสียง ที่ทำได้ดีกว่า Licensed to Ill 1378 01:10:23,015 --> 01:10:25,142 ตอนเราทำอัลบั้ม Paul's Boutique ผมเอาแต่คิดว่า 1379 01:10:25,225 --> 01:10:26,476 "ว้าว ฟังดูดีกว่าเดิมเยอะเลย 1380 01:10:26,560 --> 01:10:29,229 ผมนึกภาพออกเลยว่าผลตอบรับ จะต้องดีกว่าเดิมแน่นอน" 1381 01:10:29,313 --> 01:10:33,108 พอมันไม่สำเร็จ ผมคิดว่า "ก็นะ ใครจะไปรู้" 1382 01:10:33,192 --> 01:10:35,402 เพราะแบบนี้เอง ผมถึงเลิกคาดเดาแล้ว 1383 01:10:35,485 --> 01:10:38,572 ไม่มีใครสนใจว่าเราออกอัลบั้มใหม่ 1384 01:10:39,114 --> 01:10:45,204 ไม่มีเลย ยกเว้นเพื่อนเก่าแก่ของเรา คุณดอน คอร์นีเลียส 1385 01:10:45,287 --> 01:10:47,372 บีสตีส์ บีสตีส์ 1386 01:10:48,040 --> 01:10:48,999 เป็นไงกันบ้าง หนุ่มๆ 1387 01:10:49,082 --> 01:10:50,417 - ว่าไง ดอน - สบายดี 1388 01:10:50,501 --> 01:10:51,710 - หวัดดี - เฮ้ ดอน 1389 01:10:51,793 --> 01:10:53,378 - โย่ ว่าไงพวก - เป็นไง 1390 01:10:54,338 --> 01:10:55,964 - ว่าไง ดอน - ก็ดี 1391 01:10:56,048 --> 01:10:57,508 - ครับ โอเค - พีซ 1392 01:10:57,591 --> 01:10:59,092 กับคุณก็ด้วยนะ น้องชาย 1393 01:10:59,176 --> 01:11:01,303 นี่ อะไรคือ "ดอน คอร์นีเลียส" เหรอ 1394 01:11:01,386 --> 01:11:03,847 - ดอน คอร์นีเลียส - คุณคิดขึ้นมาเองนี่ 1395 01:11:03,931 --> 01:11:05,724 - คุณนั่นแหละ - ดอน คอร์นีเลียส 1396 01:11:05,807 --> 01:11:09,770 โย่ พูดจริงนะ เราแค่อยากบอกว่า เราเคยขึ้นแสดงมาก่อน จะอะไรก็ช่าง 1397 01:11:09,853 --> 01:11:12,189 แต่เราดูรายการนี้มาตั้งแต่... 1398 01:11:12,272 --> 01:11:15,317 หลายคนไม่รู้หรอก ตั้งแต่ไหนล่ะ ตั้งแต่เรายังเด็กๆ 1399 01:11:15,400 --> 01:11:16,527 นานขนาดนั้นเลยล่ะ 1400 01:11:16,610 --> 01:11:19,029 ผมเอาอัลบั้มมาให้ รายการ Soul Train เพียบเลย 1401 01:11:19,112 --> 01:11:21,114 ถ้าได้มาเที่ยวในเมืองอีกเมื่อไร 1402 01:11:21,198 --> 01:11:23,575 แวะมาที่นี่ได้เสมอเลย โอเคนะ 1403 01:11:23,659 --> 01:11:24,660 - ได้เลยพวก - ได้เลย 1404 01:11:24,743 --> 01:11:27,079 บีสตีบอยส์ครับ 1405 01:11:28,038 --> 01:11:29,456 (รายการ Soul Train) 1406 01:11:29,540 --> 01:11:32,209 คุณขู่ดอน คอร์นีเลียส คุณเล่นซะเขา... 1407 01:11:32,292 --> 01:11:33,293 เปิดภาพอีกทีได้ไหม 1408 01:11:33,377 --> 01:11:36,296 ผมเอาอัลบั้มมาให้ รายการ Soul Train เพียบเลย 1409 01:11:36,839 --> 01:11:38,131 ทำไมล่ะ ไมค์ 1410 01:11:38,423 --> 01:11:41,969 ผมใส่เสื้อเหมือนเสื้อผู้หญิงอยู่นะ 1411 01:11:42,052 --> 01:11:44,429 ดูเหมือนคุณไม่รู้ วิธีใส่เสื้อเชิ้ตด้วยซ้ำ 1412 01:11:45,973 --> 01:11:49,351 เราดูเหมือนสี่คนที่ต่างกัน และมาจากวงดนตรีคนละวง 1413 01:11:49,810 --> 01:11:52,104 ขอพูดเรื่องนี้หน่อยนะ อดัม 1414 01:11:52,187 --> 01:11:53,605 ไม่ได้จะว่าอะไรนะ 1415 01:11:53,689 --> 01:11:58,569 แต่ดูเหมือนว่าคุณกำลังจะอ้วกแตก ใส่หัวไหล่ของดีเจเฮอร์ริเคนเลย 1416 01:11:58,652 --> 01:12:00,112 ดูสภาพคุณก็ไม่ค่อยไหวนะ 1417 01:12:00,195 --> 01:12:02,447 ผมว่าผมน่าจะง่วงหรืออยากร้องไห้ 1418 01:12:03,615 --> 01:12:08,120 และตอนนี้ผมต้องขอโทษ คุณดอน คอร์นีเลียสด้วย 1419 01:12:08,203 --> 01:12:13,709 เพราะเห็นได้ชัดว่าผมทำตัวก้าวร้าว ใส่เขาโดยไม่จำเป็นเลย 1420 01:12:14,251 --> 01:12:17,754 อะไรก็ตามที่ผมสูบวันนั้น คงเป็นสิ่งที่ทำให้... 1421 01:12:17,838 --> 01:12:21,383 ไม่รู้สิ ทำให้เห็นหน้าเพื่อนปุ๊บ ก็อยากชกหน้าเขาปั๊บ 1422 01:12:21,466 --> 01:12:23,051 ตามด้วยตีเข่าให้จุก 1423 01:12:25,304 --> 01:12:26,597 มันทำให้เราบ้าและก้าวร้าว 1424 01:12:26,680 --> 01:12:29,725 ให้ตายสิ ไมค์ พูดงี้มัน... มันเจาะจงเกิน 1425 01:12:29,808 --> 01:12:33,312 ผมคิดว่าอันที่ผมสูบวันนั้น น่าจะเรียกว่าสตีเวน ซีกัล 1426 01:12:36,106 --> 01:12:37,524 ทุกคนครับ 1427 01:12:37,608 --> 01:12:42,738 บอกไว้ก่อน ในปี 1988 เราไปดูจิมมี่ คลิฟฟ์แสดงสด 1428 01:12:43,363 --> 01:12:46,116 ตอนนั้นเราโคตรเมาอยู่ด้านหลัง 1429 01:12:46,200 --> 01:12:47,743 พอช่วงกลางโชว์ของจิมมี่ คลิฟฟ์... 1430 01:12:47,826 --> 01:12:51,830 ตอนนั้นเป็นโชว์กลางแจ้งในฤดูร้อน เพลงหยุดลง และเขาพูดว่า "ตอนนี้ 1431 01:12:51,914 --> 01:12:55,584 ขอเชิญนักแสดงรุ่นใหญ่มากๆ ขึ้นมาบทเวที 1432 01:12:55,667 --> 01:12:57,169 คุณสตีเวน ซีกัล" 1433 01:12:57,252 --> 01:12:58,420 เขาพูดประมาณนี้ 1434 01:12:58,504 --> 01:13:01,673 "ตอนนี้ขอเชิญนักแสดงรุ่นใหญ่มากๆ" 1435 01:13:02,007 --> 01:13:03,425 เห็นสำเนียงจาไมกาไม่ได้เลยนะ 1436 01:13:03,759 --> 01:13:06,887 แล้วสตีเวน ซีกัลแม่งก็ออกมาจริงๆ เขาใส่ชุดนินจาเต็มตัว 1437 01:13:06,970 --> 01:13:09,264 เขามาตีกลองทิมบาเลแล้วก็ลงจากเวทีไป 1438 01:13:09,348 --> 01:13:10,974 ใช่ แล้วรู้อะไรไหม อดัม 1439 01:13:11,058 --> 01:13:13,101 นั่นมันเรื่องบ้าๆ เลยล่ะ 1440 01:13:13,185 --> 01:13:14,561 เรื่อง-เรื่อง-เรื่อง... 1441 01:13:14,645 --> 01:13:16,522 (เรื่องบ้าๆ) 1442 01:13:17,481 --> 01:13:18,815 เรื่องบ้าๆ 1443 01:13:19,983 --> 01:13:21,944 เรื่องบ้าๆ 1444 01:13:22,027 --> 01:13:22,903 เรื่องบ้าๆ 1445 01:13:24,404 --> 01:13:27,324 มันตลกตรงไหน ผมไม่รู้ว่าอะไร... มันไม่ตลกเลย 1446 01:13:27,407 --> 01:13:28,784 ผมว่าเราคิดถูกแล้วที่จะตัดออก 1447 01:13:28,867 --> 01:13:30,494 ใช่ๆ ผมก็ว่างั้น ตัดออกเถอะ 1448 01:13:31,828 --> 01:13:35,374 เอาละ ตอนนั้น เราเป็นคนที่น่าปวดประสาทมาก 1449 01:13:35,457 --> 01:13:36,667 ที่สุด 1450 01:13:36,750 --> 01:13:41,255 การทุ่มเทความพยายาม เวลา และความตื่นเต้นในการทำอะไรสักอย่าง 1451 01:13:41,338 --> 01:13:42,756 แต่ผลที่ได้คือจิ้งหรีดร้อง... 1452 01:13:43,298 --> 01:13:44,716 ผมรู้สึกใจสลายหน่อยๆ นะ 1453 01:13:45,133 --> 01:13:48,011 เราทุกคนพร้อมรับมือ ถ้า Paul's Boutique ดังเป็นพลุแตก 1454 01:13:48,262 --> 01:13:51,056 แต่มันเกิดขึ้นแบบนั้น ก็เหมือนทำให้เราตาสว่าง 1455 01:13:56,520 --> 01:13:58,814 โย่ ว่าไง ไมค์ ดีพูด ว่าไง 1456 01:13:59,773 --> 01:14:00,899 อ้อ สวัสดี สหาย 1457 01:14:00,983 --> 01:14:03,443 นี่บิลล์ ฮาร์เปอร์ นักบัญชีของคุณ 1458 01:14:03,527 --> 01:14:05,362 เวรละ ว่าไงพวก เป็นไงบ้าง 1459 01:14:05,445 --> 01:14:07,489 ผมมีเรื่องอยากคุยกับคุณหน่อย 1460 01:14:07,573 --> 01:14:10,367 อย่างที่เห็นตอนนี้ สถานะทางการเงินของคุณเปลี่ยนไปนิด 1461 01:14:10,450 --> 01:14:13,120 ดูเหมือนว่าพวกคุณ ไม่ได้มีเงินเยอะอีกต่อไปแล้ว 1462 01:14:13,203 --> 01:14:14,288 ว่าไงนะ 1463 01:14:14,371 --> 01:14:17,875 คืองี้นะเพื่อน ไมค์ ดี พวกคุณไปแอลเอ ย้ายไปอยู่ที่นั่น 1464 01:14:17,958 --> 01:14:21,503 เช่าบ้านหรูหรา ที่มีสะพานทอดข้ามสระว่ายน้ำ 1465 01:14:21,587 --> 01:14:23,422 มีรถราคาแพงๆ มากมาย 1466 01:14:23,505 --> 01:14:26,425 คุณใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ ไปกับสตูดิโอราคาแพงหูฉี่ 1467 01:14:26,508 --> 01:14:27,509 เอาไว้ใช้ทำงานนี่นา 1468 01:14:27,593 --> 01:14:31,555 คุณใช้เงินซื้อนมอัลมอนด์ 4,200 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ 1469 01:14:31,638 --> 01:14:32,639 ก็เพื่องานเหมือนกัน 1470 01:14:32,723 --> 01:14:36,185 รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น คุณถังแตกยังไงล่ะ 1471 01:14:36,268 --> 01:14:38,478 บ้าจริง บิลล์ แย่เนอะ 1472 01:14:38,854 --> 01:14:39,897 ใช่ แย่สิ 1473 01:14:40,397 --> 01:14:41,356 ผมต้องวางแล้ว ไมค์ 1474 01:14:41,440 --> 01:14:43,650 ดอนนี่ ออสมอนด์โทรหาผมอีกสายนึง 1475 01:14:46,570 --> 01:14:49,698 เราเรียกช่วงเวลานี้ว่าเป็น ยุคมืดของพอล 1476 01:14:51,575 --> 01:14:53,744 แต่ข่าวดีก็คือ 1477 01:14:53,827 --> 01:14:56,455 เราเซ็นสัญญาหลายอัลบั้มกับแคปิตอล 1478 01:14:56,538 --> 01:14:58,540 ไม่ว่าพวกเขาจะชอบหรือไม่ชอบ 1479 01:14:58,624 --> 01:15:02,419 พวกเขาต้องเอาเงินให้เรา มาทำอัลบั้มต่อไป 1480 01:15:02,836 --> 01:15:05,756 แต่เราต้องลดขนาดลงนิด 1481 01:15:05,839 --> 01:15:07,841 เราหมดเงินมากมาย 1482 01:15:07,925 --> 01:15:11,011 ไปกับการทำอัลบั้ม Paul's Boutique ในสตูดิโอหรูหราพวกนั้น 1483 01:15:11,094 --> 01:15:12,721 เราจึงคิดได้ว่า "ช่างแม่ง 1484 01:15:12,804 --> 01:15:15,933 เอาเงินค่าทำอัลบั้ม มาสร้างสตูดิโอของเราเองดีกว่า 1485 01:15:16,016 --> 01:15:17,601 เราจะประหยัดได้อีกเยอะ" 1486 01:15:17,976 --> 01:15:21,271 เราเจอห้องพักเล็กๆ ในแอตวอเทอร์ 1487 01:15:21,355 --> 01:15:23,357 ด้านที่เงียบเหงาของลอสแอนเจลิส 1488 01:15:23,440 --> 01:15:25,776 ที่ไม่มีอะไรให้ทำเลย 1489 01:15:25,859 --> 01:15:29,071 เราสร้างสตูดิโอบันทึกเสียงแบบง่ายๆ มีห่วงบาสเกตบอล 1490 01:15:29,154 --> 01:15:31,073 และเยาค์สร้างทางลาดไว้เล่นสเกตด้วย 1491 01:15:31,156 --> 01:15:34,076 เราอยากเริ่มทำเพลง ในแบบของเราอีกครั้ง 1492 01:15:34,159 --> 01:15:36,578 ถึงแม้เราจะไม่รู้ ว่ามันหมายความว่าไงในตอนแรก 1493 01:15:36,912 --> 01:15:38,497 เราจึงย้ายออกจากบ้านแกรสฮอฟฟ์ 1494 01:15:38,580 --> 01:15:40,832 เราแต่ละคนย้ายมาอยู่ในบ้าน ที่ราคาถูกกว่านั้นมาก 1495 01:15:40,916 --> 01:15:44,378 ให้ตายสิ เยาค์อาศัยอยู่ในกระท่อมไม้ 1496 01:15:44,628 --> 01:15:45,754 ใช่ไหมล่ะ เอาจริงๆ 1497 01:15:45,838 --> 01:15:47,714 เราลดขนาดลงมาจริงๆ 1498 01:15:48,465 --> 01:15:51,927 แต่ก็เหมือนเดิม เราอยากทำในสิ่งที่เราทำอยู่บ่อยๆ 1499 01:15:52,386 --> 01:15:54,805 แค่ทำเพลง ไปเที่ยวเล่นกัน ทำอะไรไร้สาระ 1500 01:15:55,180 --> 01:15:57,266 แต่คราวนี้ เราอยากทำในแบบที่ต่างออกไป 1501 01:15:57,766 --> 01:16:00,102 เราคิดกันว่า แทนที่จะสุ่มหาดนตรีที่เรารัก 1502 01:16:00,185 --> 01:16:02,312 ทำไมเราไม่ลองเล่น ด้วยเครื่องดนตรีของเราล่ะ 1503 01:16:02,396 --> 01:16:05,607 ทำไมไม่ทำเพลงออกมา เหมือนเดอะมีเทอร์สล่ะ 1504 01:16:07,484 --> 01:16:09,069 แรกๆ เราก็ห่วยแหละ 1505 01:16:09,152 --> 01:16:11,947 ผมเคยเป็นมือกีตาร์วงพังก์ ตอนนี้ผมพยายามเล่นแนวแจ๊สกับโซล 1506 01:16:12,030 --> 01:16:13,532 ไม่ค่อยน่าปลื้มเท่าไร 1507 01:16:14,074 --> 01:16:16,493 - ไมค์เขาตีกลองเก่งอยู่แล้ว - ขอบคุณ 1508 01:16:16,577 --> 01:16:18,996 แต่เยาค์เขาไปซื้อเบสอะคูสติกมา 1509 01:16:19,079 --> 01:16:20,873 แล้วรู้วิธีเล่นเฉยเลย อย่างกับเวทมนตร์ 1510 01:16:21,582 --> 01:16:24,501 แบบว่า... ผมไม่รู้ว่าคุณเคยลองเล่น เครื่องดนตรีพวกนี้ไหม 1511 01:16:24,585 --> 01:16:25,919 แต่มันยากสุดๆ เลยนะ 1512 01:16:26,003 --> 01:16:30,132 กิจวัตรใหม่ของเราคือ การไปที่คลับเฮาส์ของเราทุกวัน 1513 01:16:30,215 --> 01:16:34,136 และเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ ของเรา มันนี่ มาร์ค กับมาริโอ ซี 1514 01:16:34,428 --> 01:16:37,097 เราเจอมาริโอ ซี ตอนทำอัลบั้ม Paul's Boutique 1515 01:16:37,347 --> 01:16:39,099 เขาเป็นวิศวกรเสียงให้ดัสต์บราเธอร์ส 1516 01:16:39,183 --> 01:16:41,476 เราขอให้เขาช่วยสร้างสตูดิโอของเรา 1517 01:16:41,560 --> 01:16:45,022 สุดท้ายเราก็ให้เขา อยู่ทำเพลงกับเราต่อ 1518 01:16:45,105 --> 01:16:48,108 ตอนที่เราอยู่บ้านหรูในฮอลลีวูดนั้น 1519 01:16:48,192 --> 01:16:50,485 ไมค์ขับรถชนกับรั้วกั้นถนน 1520 01:16:50,569 --> 01:16:51,612 เรื่องจริง 1521 01:16:51,695 --> 01:16:54,573 แต่มาริโอมีเพื่อนที่เป็นช่างไม้ ชื่อมาร์ค นิชิตะ 1522 01:16:54,656 --> 01:16:55,782 เขาเป็นคนมาซ่อมให้ 1523 01:16:55,866 --> 01:16:59,369 แต่มาริโอบอกว่าเขาคนนี้ คือมือคีย์บอร์ดที่ยอดเยี่ยมมาก 1524 01:16:59,453 --> 01:17:01,830 พอเราไปถึงสตูดิโอ และเริ่มเล่นเพลงกัน 1525 01:17:01,914 --> 01:17:05,667 เราขอให้เขามาช่วยเรา ทำให้เพลงออกมาฟังกี้มากขึ้น 1526 01:17:05,751 --> 01:17:06,835 เร่งเสียงอีกหน่อยสิ 1527 01:17:11,798 --> 01:17:14,384 นั่นเยาค์เล่นเบสอยู่ครับ ผมเล่นกีตาร์ 1528 01:17:14,468 --> 01:17:16,303 ฟังเสียงกีตาร์สิ อดัม 1529 01:17:16,720 --> 01:17:17,596 กีตาร์ก็แจ่มนะ 1530 01:17:17,679 --> 01:17:19,848 คุณก็มีรูปแบบการตีไฮแฮตเจ๋งๆ ไมค์ 1531 01:17:21,225 --> 01:17:24,311 มาร์คเล่นออร์แกน ดูเหมือนเราจะเข้ากันได้สวยนะ ไมค์ 1532 01:17:30,734 --> 01:17:33,529 เราทำแบบนี้อยู่ประมาณปีนึง และเรามีความสุขกันสุดๆ 1533 01:17:34,321 --> 01:17:37,157 เราได้เรียนรู้วิธีเล่นเครื่องดนตรี และเราได้สร้างดนตรีแต่ละท่อน 1534 01:17:37,241 --> 01:17:38,825 เราสร้างจังหวะแบบที่เราชอบ 1535 01:17:38,909 --> 01:17:41,286 เราได้ทำดนตรีที่เราชอบจริงๆ 1536 01:17:42,037 --> 01:17:45,249 ปัญหาเดียวก็คือเราทำไม่เสร็จสักเพลง 1537 01:17:46,416 --> 01:17:48,794 พอถึงเวลาต้องร้องเพลง 1538 01:17:48,877 --> 01:17:50,712 เราลังเลและรู้สึกอาย 1539 01:17:50,796 --> 01:17:52,047 เราเคยคิดและทำอะไรแปลกๆ 1540 01:17:52,130 --> 01:17:55,008 เลยสับสนกับเสียงร้องของเราเมื่อก่อน 1541 01:17:55,092 --> 01:17:57,052 เสียงร้องของเราควรเป็นแบบไหน 1542 01:17:57,511 --> 01:18:00,597 เราคิดว่าเราคือแร็ปเปอร์เพราะ สองอัลบั้มแรกของเราเป็นเพลงแร็ป 1543 01:18:00,848 --> 01:18:03,475 แต่เราจะแร็ปเกี่ยวกับอะไรล่ะ 1544 01:18:03,559 --> 01:18:04,935 เรารู้สึกว่าเราไม่ใช่คนเดิม 1545 01:18:05,018 --> 01:18:07,729 ที่ทำอัลบั้ม Licensed to Ill หรือ Paul's Boutique 1546 01:18:07,938 --> 01:18:10,649 เราไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่ามันพาเราไปอยู่จุดไหน 1547 01:18:13,527 --> 01:18:15,487 และแล้วเช้าวันนึงตอนผมอยู่บ้าน 1548 01:18:15,571 --> 01:18:18,615 ผมตื่นเพราะสายโทรศัพท์ แบบที่ผมไม่เคยรับมาก่อน 1549 01:18:19,700 --> 01:18:22,035 เป็นโทรศัพท์จากพ่อของเพื่อนเรา ร้องไห้อยู่ที่ปลายสาย 1550 01:18:23,579 --> 01:18:25,289 พ่อของเดฟ สกิลเคนเพื่อนของเราโทรมา 1551 01:18:25,372 --> 01:18:27,291 และบอกว่าเดฟเสียชีวิต จากการใช้ยาเกินขนาด 1552 01:18:27,666 --> 01:18:29,084 ตอนนั้นเขาอายุ 20 ปี 1553 01:18:30,919 --> 01:18:33,172 ผมไม่เคยสูญเสียเพื่อนสนิท แบบนี้มาก่อน 1554 01:18:34,381 --> 01:18:37,509 คนรอบตัวเราก็มีบ้าง แต่ไม่ใช่คนที่สนิทกันขนาดนี้ 1555 01:18:38,010 --> 01:18:39,636 มันรู้สึกต่างกันมากจริงๆ 1556 01:18:39,720 --> 01:18:41,221 เดวิด สกิลเคน 1557 01:18:42,389 --> 01:18:44,975 เราทุกคนกลับไปนิวยอร์ก เพื่อร่วมงานศพของเดฟ 1558 01:18:45,058 --> 01:18:46,643 - ทักทายหน่อย เดฟ - ไง 1559 01:18:47,186 --> 01:18:48,437 มันช่างน่าเศร้าเหลือเกิน 1560 01:18:48,520 --> 01:18:50,898 โย่ นี่คือเดฟ สกิลเคน นี่คือชาดิวัน 1561 01:18:51,815 --> 01:18:54,109 หลังจากนั้น เราไปกันที่บาร์แห่งนึง 1562 01:18:54,193 --> 01:18:56,653 เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณทำ เมื่อคุณเสียเพื่อนไป 1563 01:18:56,737 --> 01:19:00,240 ดื่มเบียร์ นั่งคุยกัน เล่าเรื่องเกี่ยวกับพวกเขา 1564 01:19:01,658 --> 01:19:03,243 เราเริ่มรู้สึกมีสติมากขึ้น 1565 01:19:03,327 --> 01:19:04,995 ตอนที่เราเจอเพื่อนเก่าในตอนนั้น 1566 01:19:05,704 --> 01:19:08,624 เราคิดว่าพวกเขาจะมองเราเป็นคนแบบใน "Fight for Your Right (to Party)" 1567 01:19:08,707 --> 01:19:10,209 และพวกเขาคงล้อเราแน่ 1568 01:19:10,667 --> 01:19:12,836 แต่กับเคทและเพื่อนเก่าของเรา ไม่ใช่แบบนั้นเลย 1569 01:19:12,920 --> 01:19:15,422 เราแค่นั่งคุยกัน คิดถึงเดฟ เพื่อนของเรา 1570 01:19:15,506 --> 01:19:18,467 และมันมีความหมายกับเราสามคน มากกว่าที่เรารู้ซะอีก 1571 01:19:19,009 --> 01:19:21,303 มันมีเหตุผล ที่ทำให้เราทุกคนเป็นเพื่อนกัน 1572 01:19:22,012 --> 01:19:24,723 และการเดินทางครั้งนั้นเหมือนได้ สานสัมพันธ์กับนิวยอร์กซิตีอีก 1573 01:19:26,350 --> 01:19:28,519 มันรู้สึกดี ที่ได้อยู่พร้อมหน้ากับทุกคนอีกครั้ง 1574 01:19:28,602 --> 01:19:33,065 มันฆ่าเขาและ 1575 01:19:33,148 --> 01:19:38,612 ฉันจะผูกมิตรได้ยังไง 1576 01:19:39,321 --> 01:19:40,739 แม้จะเจอเรื่องเศร้ามากมาย 1577 01:19:40,822 --> 01:19:43,075 เราก็ต้องกลับไปยังคลับเฮาส์ของเรา ในแอลเอ 1578 01:19:43,534 --> 01:19:45,702 และผมไม่รู้ว่า เป็นเพราะเราได้เจอเพื่อนๆ 1579 01:19:45,786 --> 01:19:49,039 หรือเพราะชีวิตเราได้เปลี่ยนไป แต่เรารู้สึกมีแรงบันดาลใจ 1580 01:19:49,122 --> 01:19:51,708 และทันใดนั้น เราก็เริ่มทำงานเพลงให้เสร็จ 1581 01:19:52,876 --> 01:19:55,838 ("Jimmy James" กำกับโดย เนเทเนียล ฮอร์นโบลเวอร์) 1582 01:19:55,921 --> 01:19:58,006 มันทำให้เรารู้สึกว่า 1583 01:19:58,090 --> 01:19:59,675 จงทำสิ่งที่ทำอยู่ต่อไปเรื่อยๆ 1584 01:19:59,967 --> 01:20:02,177 ดนตรีของเรา อาจรวมทุกอย่างที่เรารักไว้ 1585 01:20:02,261 --> 01:20:05,347 และอัลบั้มของเราอาจเป็นมิกซ์เทป ที่รวมดนตรีทุกแนวไว้ 1586 01:20:05,430 --> 01:20:08,058 รวมทั้งเสียง บทสนทนา ท่อนดนตรีใดๆ 1587 01:20:08,141 --> 01:20:09,685 หรืออะไรก็ตามที่เราคิดว่าตลกดี 1588 01:20:10,143 --> 01:20:13,438 เวลาคุณอายุ 22 คุณไม่รู้หรอกว่า จะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเอง 1589 01:20:13,522 --> 01:20:16,483 เราไม่สามารถพูดออกมาให้คนอื่นรู้ ว่าเรารู้สึกยังไง 1590 01:20:16,567 --> 01:20:18,902 แต่ผมคิดว่าการมีความรู้สึกต่างๆ 1591 01:20:18,986 --> 01:20:20,696 และไม่รู้ว่าจะทำไงกับมันดี 1592 01:20:20,779 --> 01:20:23,198 เราจะเอาความรู้สึกพวกนั้นมาใส่ ในอะไรก็ตามที่เราทำอยู่ 1593 01:20:23,574 --> 01:20:25,951 ทุกคนสบายดีไหม เรามาเริ่มวันใหม่ 1594 01:20:26,034 --> 01:20:28,370 สำหรับโลกของเรา นี่คือเช้าที่สดใส 1595 01:20:28,453 --> 01:20:30,789 เวลาผ่านไปเนิ่นนาน คิดถึงวันที่แสนหวาน 1596 01:20:30,873 --> 01:20:33,250 ดวงอาทิตย์เจิดจ้า ออกไปยืนท้ารับแสงแดด 1597 01:20:38,297 --> 01:20:40,716 นี่คือการทุ่มเทอย่างเป็นทางการ 1598 01:20:40,799 --> 01:20:43,093 กับแรงบันดาลใจมากมาย ที่เปล่งเสียงประสาน 1599 01:20:43,177 --> 01:20:45,262 สิ่งเดียวที่อยากทำคือทำตัวดีๆ 1600 01:20:45,345 --> 01:20:47,723 ผ่อนคลายสบายๆ ทำเรื่องงี่เง่าบางที 1601 01:20:48,140 --> 01:20:50,434 ส่งผ่านความรักไปทั่วทุกแห่งหน 1602 01:20:50,517 --> 01:20:52,561 ผมโดดขึ้นเวที แล้วคว้าไมค์มาซุกซน 1603 01:20:52,644 --> 01:20:55,355 ผมไม่ได้แสร้งทำ ผมเป็นตัวผมแบบนี้ 1604 01:20:55,439 --> 01:20:57,691 ถ้าจะเล่นงานผม ก็ขอให้คิดดีๆ 1605 01:20:59,276 --> 01:21:01,987 โย่ เราเป็นพวก "ช่างแม่ง" โดยนิสัย 1606 01:21:03,739 --> 01:21:04,948 คืองี้... 1607 01:21:05,908 --> 01:21:07,326 เราควรทำในสิ่งที่เราชอบ 1608 01:21:07,409 --> 01:21:10,621 ถ้าเดอะแคลชมีเพลงแนวพังก์ เร็กเก และแร็ปในอัลบั้มของพวกเขา 1609 01:21:10,704 --> 01:21:11,830 ทำไมเราจะมีบ้างไม่ได้ 1610 01:21:11,914 --> 01:21:14,833 ทำไมไม่ทำเพลงสำหรับคนเมายา ถัดจากเพลงแร็ป 1611 01:21:14,917 --> 01:21:16,627 ถัดจากเพลงฮาร์ดคอร์ล่ะ 1612 01:21:25,093 --> 01:21:26,970 นี่คือเพลงของเรา "Time for Livin'" 1613 01:21:27,346 --> 01:21:31,225 เราแค่อยากทดลองทำทุกอย่าง ที่เราสามารถทำได้ 1614 01:21:31,433 --> 01:21:33,644 เราเล่นเครื่องดนตรีเอง และเราคิดท่อนนั้นออกมา 1615 01:21:33,727 --> 01:21:35,229 เราไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน 1616 01:21:35,312 --> 01:21:39,733 ระหว่างที่ทดลองอยู่นั้น เราเปิดใจให้ตัวเองร้องเพลงออกมา 1617 01:21:41,485 --> 01:21:43,111 เราไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อนเหมือนกัน 1618 01:21:43,195 --> 01:21:45,572 แต่เราคิดว่า "ช่างแม่ง มาลองกัน" 1619 01:21:45,656 --> 01:21:49,701 มีบางอย่างเปิดเผยให้เห็น 1620 01:21:51,662 --> 01:21:54,206 ท่ามกลางเปลวเพลิงที่รายล้อม 1621 01:21:55,374 --> 01:21:57,960 แต่มันลวงตาด้วยภาพซ้อน 1622 01:21:58,043 --> 01:22:00,170 เพลงนี้ชื่อว่า "Something's Got to Give" 1623 01:22:00,254 --> 01:22:03,090 เยาค์เป็นคนแต่งเนื้อร้อง ที่พูดถึงการเปลี่ยนแปลงและการเติบโต 1624 01:22:03,173 --> 01:22:07,094 มันสมเหตุสมผลดี เพราะช่วงนั้น เยาค์กำลังลองทำทุกสิ่งทุกอย่าง 1625 01:22:07,469 --> 01:22:10,180 ไม่มีขอบเขตไหน ที่เขาไม่สนใจจะก้าวข้าม 1626 01:22:10,973 --> 01:22:13,642 อย่างเช่นการโทรหาผมตอนตีสี่ครึ่ง แล้วบอกว่า 1627 01:22:13,725 --> 01:22:15,477 "ฉันอัดเสียงนกพิราบอยู่ นายต้องมาฟังนะ" 1628 01:22:15,561 --> 01:22:16,979 ผมบอก "นี่พวก ฉันหลับอยู่" 1629 01:22:17,646 --> 01:22:19,106 เราไม่ได้คุยกันเรื่องนี้ 1630 01:22:20,315 --> 01:22:22,442 ผมแค่จะบอกว่า เขาอยู่ในโหมดแปลงร่างเต็มขั้น 1631 01:22:22,901 --> 01:22:24,152 เขาท่องเที่ยวไปทั่วโลก 1632 01:22:24,236 --> 01:22:27,197 เขาเล่นสโนว์บอร์ด กระโดดลงมาจาก ฮ. เขาไปเดินป่าในเนปาล 1633 01:22:28,198 --> 01:22:30,659 ไม่ว่ามันจะเป็นอะไรก็ตาม เขาจะออกไปค้นหามัน 1634 01:22:31,285 --> 01:22:33,996 ภาพยนตร์ ศาสนาพุทธ ดนตรี 1635 01:22:34,663 --> 01:22:37,249 การพบปะผู้คนจากทุกที่ทั่วโลก 1636 01:22:38,208 --> 01:22:41,545 ถ้าคุณรู้สึกอย่างที่ผมรู้สึก เพลงนี้คือผลงานชิ้นเอกอย่างใจนึก... 1637 01:22:41,628 --> 01:22:44,006 ("Pass The Mic" กำกับโดย เนเทเนียล ฮอร์นโบลเวอร์) 1638 01:22:44,089 --> 01:22:46,842 สิ่งที่ผมคิดอยู่ในใจ เกิดขึ้นตอนเดินย่างไป 1639 01:22:46,925 --> 01:22:49,553 ความรู้สึกแท้จริงเผยออกมา จากท่าทีที่ผมพูดจา... 1640 01:22:49,636 --> 01:22:53,557 หลังผ่านไปสองปีเต็ม ที่หมกตัวอยู่ในคลับเฮาส์ของเรา 1641 01:22:54,266 --> 01:22:56,435 เราก็ทำอัลบั้มจนเสร็จ ชื่อว่า Check Your Head 1642 01:22:56,977 --> 01:22:59,313 (บีสตีบอยส์ Check Your Head) 1643 01:22:59,396 --> 01:23:02,858 บทที่แปด: "อัลบั้มที่เปลี่ยนทุกอย่างไป" 1644 01:23:04,860 --> 01:23:07,112 เราตื่นเต้น กับอัลบั้ม Check Your Head มาก 1645 01:23:07,446 --> 01:23:11,867 และเราอยากออกไปเล่นโชว์ เรามีผู้จัดการคนใหม่ชื่อจอห์น ซิลวา 1646 01:23:12,951 --> 01:23:16,413 เขาบอกเราว่า ถ้าเราจริงจังเรื่องออกทัวร์ 1647 01:23:16,496 --> 01:23:19,499 เราจะต้องลุยงานหนัก เวียนเล่นตามคลับหลายแห่ง 1648 01:23:19,583 --> 01:23:23,921 และต้องทำงานตัวเป็นเกลียว เพื่อไต่เต้าไปเล่นในที่ใหญ่ขึ้นได้ 1649 01:23:24,379 --> 01:23:25,672 เขาซื่อสัตย์กับเรา 1650 01:23:25,756 --> 01:23:30,302 และเขาพูดถูก เพราะตอนนั้นมีไม่กี่คน ที่สนใจเราจริงๆ 1651 01:23:30,385 --> 01:23:32,054 เขายังคงเป็น ผู้จัดการคนปัจจุบันของเรา 1652 01:23:32,387 --> 01:23:33,222 ก็เลย... 1653 01:23:35,140 --> 01:23:39,186 ข่าวดี... ข่าวดีคือ ตอนนี้เรามีทีมออกทัวร์ของเราเองแล้ว 1654 01:23:40,062 --> 01:23:43,273 ข่าวร้ายคือเราต้องทำงานหนักมาก 1655 01:23:48,362 --> 01:23:50,614 ตีลังกาลงจากที่นอน เดินไปห้องครัวแบบโซซัดโซเซ 1656 01:23:50,697 --> 01:23:52,699 เทความทะเยอทะยานมาจิบสักถ้วย 1657 01:23:52,783 --> 01:23:55,702 อ้าปากหาว ยืดเส้นยืดสาย พยายามตื่นไม่ให้น้ำลายไหล 1658 01:23:57,746 --> 01:24:00,165 รีบลุกไปอาบน้ำ เลือดเริ่มสูบฉีดซ้ำ 1659 01:24:00,249 --> 01:24:02,209 อยู่บนท้องถนน รถติดทุกแห่งหน 1660 01:24:02,292 --> 01:24:06,380 มีแต่คนอย่างเรา ที่ทำงานเช้าถึงเย็น 1661 01:24:06,463 --> 01:24:11,176 ทำงานเช้ายันเย็น ช่างเป็นชีวิตที่แสนลำเค็ญ 1662 01:24:11,260 --> 01:24:15,889 แทบรอดไม่ไหว คนดีแต่เป็นผู้รับ ไม่เคยมีให้ 1663 01:24:15,973 --> 01:24:20,352 หลอกใช้ความคิดเรา แต่ไม่ให้เครดิต ช่างน่าเศร้า 1664 01:24:20,435 --> 01:24:25,232 มากพอจะทำให้เป็นบ้าได้ ถ้าเรายอมให้มันเป็นไป... 1665 01:24:25,983 --> 01:24:29,361 ห้าปีก่อนหน้านั้น เราอยู่ที่ แมดิสันสแควร์การ์เดนใช่ไหม 1666 01:24:29,444 --> 01:24:31,738 - อือ ใช่ - และตอนนี้เราได้เล่นตามคลับ 1667 01:24:31,989 --> 01:24:36,201 คุณอาจคิดว่าเราเสียเวลาเปล่า แต่การเล่นในที่เล็กๆ ก็สนุกได้ 1668 01:24:36,827 --> 01:24:39,371 ถึงแม้เราจะเล่นให้คนดูแค่ไม่กี่ร้อย 1669 01:24:39,746 --> 01:24:40,831 แต่ถือว่ามีคนเนืองแน่น 1670 01:24:41,456 --> 01:24:44,251 ผู้ชมสมัยนี้ต่างจากเมื่อปี 1987 มาก 1671 01:24:44,668 --> 01:24:46,962 Licensed to Ill เปรียบเหมือนสังเวียนเพลงร็อก 1672 01:24:47,045 --> 01:24:51,300 โชว์ในปี 1992 คลาคล่ำไปด้วย คนแปลกๆ ที่ชอบอะไรเหมือนกัน 1673 01:24:51,383 --> 01:24:52,843 คนที่เรารู้สึกว่าสื่อถึงกันได้ 1674 01:24:53,218 --> 01:24:55,220 เราโชว์ให้คนที่เราอยากใช้เวลา 1675 01:24:55,304 --> 01:24:56,930 ร่วมกันกับพวกเขาได้ดู 1676 01:24:57,306 --> 01:25:00,559 แต่เราก็ยังคงหาคำตอบ ว่าจะเป็นวงเวอร์ชันใหม่ได้ยังไง 1677 01:25:00,976 --> 01:25:04,813 หลังผ่านไปหนึ่งปีของการตระเวนโชว์ เราเริ่มรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ 1678 01:25:04,897 --> 01:25:07,774 ตอนจบทัวร์ Check Your Head นั่นเอง 1679 01:25:07,858 --> 01:25:12,070 ที่ผมคิดอย่างมั่นใจ ว่าตัวเองเป็นศิลปินตัวจริง 1680 01:25:18,118 --> 01:25:22,497 เราจะใช้เวลาออกทัวร์หนึ่งปี และเริ่มบันทึกเสียงอีกครั้ง 1681 01:25:22,581 --> 01:25:26,001 เราสนุกมากที่ได้อยู่ด้วยกัน ได้เล่นดนตรีด้วยกัน 1682 01:25:26,084 --> 01:25:27,085 จะหยุดทำไมล่ะ 1683 01:25:27,419 --> 01:25:31,423 เหมือนกับว่า Check Your Head กับ Ill Communication คือสิ่งเดียวกัน 1684 01:25:31,507 --> 01:25:33,634 แล้วเราก็เดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ 1685 01:25:34,218 --> 01:25:37,179 เราตื่นเต้นที่ได้ไปสตูดิโอทุกคืน 1686 01:25:37,513 --> 01:25:40,307 เพื่อนเราทุกคนจะมาเที่ยวเล่นหาเรา 1687 01:25:40,390 --> 01:25:43,685 ให้ตาย เรามีทั้งสนามบาสและลานสเกต 1688 01:25:43,769 --> 01:25:45,896 นี่ยังไม่นับเครื่องดนตรีอีกเป็นโหล 1689 01:25:46,772 --> 01:25:48,941 คนเจ๋งๆ หลายคนจะแวะมาที่นี่ 1690 01:25:49,233 --> 01:25:54,821 คิว-ทิปจะมาเล่นบาสและเขาได้อัดเสียง ท่อนนึงในเพลง "Get It Together" 1691 01:25:55,447 --> 01:25:58,617 คริสเตียน โฮซอย กับเจสัน ลี พวกเขาจะแวะมาเล่นสเกต 1692 01:25:59,034 --> 01:26:00,786 บิซ มาร์กี้นี่แวะมาบ่อยมาก 1693 01:26:01,203 --> 01:26:03,705 แล้ววันนึงเพื่อนเก่าของเรา จิลล์ คันนิฟฟ์ 1694 01:26:03,789 --> 01:26:07,543 โทรหาผมและขอให้ฟังเทปเดโม ของวงเธอที่ชื่อลัสเชียส แจ็กสัน 1695 01:26:07,960 --> 01:26:08,877 เยาค์... 1696 01:26:08,961 --> 01:26:09,795 (ลัสเชียส แจ็กสัน) 1697 01:26:10,963 --> 01:26:11,964 เยาค์บอกว่า 1698 01:26:12,047 --> 01:26:15,259 "เจ๋งดีนี่ เราน่าจะตั้งค่ายเพลง แล้วปล่อยเพลงนี้นะ" 1699 01:26:15,342 --> 01:26:17,427 ตอนนี้เรามีค่ายเพลงแล้ว ชื่อแกรนด์รอยัล 1700 01:26:17,511 --> 01:26:21,223 ดนตรีเจ๋งมาก และสิ่งที่ ทำให้มันยิ่งพิเศษสำหรับเรา 1701 01:26:21,640 --> 01:26:25,018 คือเคทเข้าร่วมวงลัสเชียส แจ็กสัน ตอนที่พวกเขาอยากออกโชว์ 1702 01:26:25,519 --> 01:26:28,605 สิบปีต่อมา เราก็กลับเข้ามา ในชีวิตของกันและกันอีกครั้ง 1703 01:26:32,150 --> 01:26:35,779 ทุกอย่างเกิดขึ้นในที่แห่งเดียว จี-ซัน สตูดิโอของเรานั่นเอง 1704 01:26:36,238 --> 01:26:38,323 วันนึงผมเดินเข้าไป 1705 01:26:38,407 --> 01:26:41,076 และได้ยินเยาค์ กำลังเล่นไลน์เบสสุดเจ๋งอยู่ 1706 01:26:41,159 --> 01:26:44,538 มันดีจริงๆ มันควรเอามาใส่ในเพลงได้แล้ว 1707 01:26:44,621 --> 01:26:47,124 ผมบอกว่า "โย่ เยาค์ เพลงอะไรน่ะ" 1708 01:26:47,958 --> 01:26:50,377 เขาบอกว่า "เพลงของเราไง ฉันเพิ่งแต่งเสร็จ" 1709 01:26:50,752 --> 01:26:53,422 ผมนั่งลง และเริ่มเล่นกลองกับเขา 1710 01:27:00,637 --> 01:27:04,141 มันนี่ มาร์คมือคีย์บอร์ดก็มานั่ง และเริ่มเล่นออร์แกนของเขา 1711 01:27:04,224 --> 01:27:07,227 แล้วอดัมก็หยิบกีตาร์มาสวม เขาเริ่มเล่น 1712 01:27:07,311 --> 01:27:09,688 เราเรียบเรียงเพลงกันอย่างไว และบันทึกมันไว้ด้วย 1713 01:27:10,105 --> 01:27:12,065 มันเป็นเพลงที่ทำเร็วที่สุด ที่เราเคยทำมา 1714 01:27:12,441 --> 01:27:14,818 และเป็นทำนองในแบบที่เราชอบด้วย 1715 01:27:14,902 --> 01:27:16,445 แต่เพราะอะไรก็ไม่รู้ มันวางอยู่เฉยๆ 1716 01:27:16,528 --> 01:27:18,447 เป็นเดือนแล้วเดือนเล่า โดยไม่มีเสียงร้อง 1717 01:27:19,031 --> 01:27:20,657 ตอนที่เราทำอัลบั้มใกล้เสร็จ 1718 01:27:20,741 --> 01:27:23,076 เรารู้ว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง กับเพลงนั้น 1719 01:27:23,660 --> 01:27:25,746 เราลองไอเดียที่หลากหลาย ทำให้มันเป็นเพลงแร็ป 1720 01:27:25,829 --> 01:27:26,872 แต่มันไม่เวิร์ก 1721 01:27:26,955 --> 01:27:30,417 แล้วผมเกิดปิ๊งไอเดียขึ้นมา ผมไปบ้านของมาริโอ ซี 1722 01:27:30,501 --> 01:27:33,504 และเขาจะอัดเสียง ตอนผมแหกปากร้องอะไรไปเรื่อย 1723 01:27:33,587 --> 01:27:36,840 เนื้อเพลงนี้พูดถึงมาริโอ ที่เป็นคนที่แย่ที่สุดในโลก 1724 01:27:36,924 --> 01:27:39,968 เขาคอยเป็นบ่อนทำลายเรา และฉุดรั้งเราไม่ให้ก้าวหน้า 1725 01:27:40,052 --> 01:27:41,845 ผมว่ามันคงตลกดี ที่ได้ยืนอยู่ข้างๆ เขา 1726 01:27:41,929 --> 01:27:43,514 และแหกปากร้องแบบนั้นขณะเขาอัดเสียง 1727 01:27:44,056 --> 01:27:47,935 มา มา มา ฟังให้ดี คุณไม่มีสิทธิ์พูดมากกว่านี้ 1728 01:27:48,393 --> 01:27:50,562 ชอบกันท่า ชอบขัดขวางผมอยู่เรื่อย 1729 01:27:50,646 --> 01:27:51,605 แต่ โย่ ผมน่ะ... 1730 01:27:51,688 --> 01:27:53,774 ผมคิดออกว่าเราควรถ่ายรูปเราเอง 1731 01:27:53,857 --> 01:27:56,193 แต่งตัวเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ กินโดนัท ทำอะไรไปเรื่อย 1732 01:27:56,610 --> 01:28:00,989 แต่เราคิดว่า "ช่างแม่ง เราถ่ายวิดีโอแทนเลยดีกว่า" 1733 01:28:01,490 --> 01:28:04,201 พอสไปค์มา เราก็แต่งตัวแบบที่เราแต่งตามปกติ 1734 01:28:04,284 --> 01:28:05,827 วิ่งร่อนไปมาอย่างกับคนบ้า 1735 01:28:05,911 --> 01:28:09,164 ไม่มีใบอนุญาต ไม่มีตำรวจ หรือนักดับเพลิงอะไรทั้งนั้น 1736 01:28:09,414 --> 01:28:11,750 สิ่งที่คุณเห็น อาจไม่ใช่สิ่งที่คุณได้ 1737 01:28:12,125 --> 01:28:14,962 เราพนันได้เลย คุณอย่าเพิ่งหาเรื่องใส่ตัว... 1738 01:28:15,045 --> 01:28:17,214 (นำแสดงโดย นาทาน วินด์ รับบทเป็น โคชีส) 1739 01:28:17,840 --> 01:28:20,717 บอกอยู่นี่ไง ว่ามันคือการทำลายโดยเจตนา 1740 01:28:20,801 --> 01:28:22,886 (วิค โคลฟารี รับบทเป็น บ็อบบี้ "เดอะรุกกี้") 1741 01:28:26,181 --> 01:28:28,350 (อลาซอนโดร อเลเกร รับบทเป็น "เดอะชีฟ") 1742 01:28:28,892 --> 01:28:29,810 ("Sabotage") 1743 01:28:29,893 --> 01:28:33,188 มันเปลี่ยนทุกอย่างสำหรับเราอีกครั้ง 1744 01:28:33,730 --> 01:28:37,067 ฤดูร้อนปีนั้น เราเริ่มเล่นเป็นวงปิด ในทัวร์เทศกาลดนตรีลอลลาปาลูซา 1745 01:28:38,443 --> 01:28:40,571 เราไปมินนิโซตากัน 1746 01:28:40,654 --> 01:28:44,825 เราอยู่ในลานกว้างๆ นี้ และมีกองไฟอยู่ไกลๆ ด้วย 1747 01:28:44,908 --> 01:28:46,702 ผู้ชมบ้าคลั่งมากๆ 1748 01:28:46,785 --> 01:28:50,455 เรากลับขึ้นเวทีไปเล่นตามเสียงเรียก เราเล่นเพลง "Sabotage" 1749 01:28:50,539 --> 01:28:53,959 แล้วคนดูก็บ้าคลั่งหนักกว่าเดิมอีก 1750 01:28:54,042 --> 01:28:57,379 เราลงจากเวทีมามองหน้ากัน และพูดว่า 1751 01:28:57,462 --> 01:28:59,840 "ว้าว เราได้เพลงใหม่ เพลงสุดท้ายของเราแล้ว" 1752 01:29:02,342 --> 01:29:06,597 เราคิดว่าทั้งหมดนั้นมาจากเยาค์ และไลน์เบสของเขา 1753 01:29:12,728 --> 01:29:16,356 พวกเราทุกคนเคยอยู่ในห้องที่มีเพื่อน 1754 01:29:16,440 --> 01:29:19,443 พูดหรือทำอะไรสักอย่างแบบมั่วๆ แล้วมันดันออกมาเจ๋ง 1755 01:29:20,194 --> 01:29:23,113 แต่เมื่อสิ่งนั้น ดูจะไม่เป็นที่ถูกใจในช่วงเวลาหนึ่ง 1756 01:29:23,197 --> 01:29:25,741 ได้กลายเป็นสิ่งที่อยู่ยงคงกระพัน และมีอิทธิพลมากมาย 1757 01:29:26,909 --> 01:29:28,785 เรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ 1758 01:29:29,119 --> 01:29:31,663 ปีก่อนเราให้สัมภาษณ์หลายรายการ 1759 01:29:31,747 --> 01:29:33,665 ถึงหนังสือ "Beastie Boys Book" ที่เราเขียน 1760 01:29:34,041 --> 01:29:35,751 และสิ่งที่เราถูกถามมากที่สุด 1761 01:29:35,834 --> 01:29:39,004 คือเนื้อเพลงที่เยาค์แต่ง ในเพลง "Sure Shot" 1762 01:29:39,296 --> 01:29:41,924 ขอพูดเรื่องนึงที่ควรจบไปนานแล้ว 1763 01:29:42,007 --> 01:29:44,134 เรื่องไม่เคารพผู้หญิง ไม่ควรมีอีกต่อไป 1764 01:29:44,218 --> 01:29:46,720 ถึงคนเป็นแม่ พี่สาวน้องสาว ภรรยา และสหาย 1765 01:29:46,803 --> 01:29:49,306 ผมขอมอบความรักและความเคารพให้ตลอดไป 1766 01:29:55,646 --> 01:29:59,483 เวลาที่เขาพูดแบบนั้น มันไม่ใช่ เหตุการณ์ใหญ่โตที่จริงจังอะไร 1767 01:29:59,566 --> 01:30:02,903 มันก็แค่เนื้อเพลงที่เยาค์แต่ง รวมกับเนื้อเพลงท่อนอื่นๆ 1768 01:30:02,986 --> 01:30:05,155 และเอามาพูดตอนถึงตาเขาจับไมค์ 1769 01:30:05,572 --> 01:30:08,575 เราบอกว่า "ว้าว เขาพูดแบบนี้เจ๋งดีนะ" 1770 01:30:09,159 --> 01:30:13,622 เขาไม่ได้พูดถึงคนจำนวนมากเท่านั้น เขาพูดถึงเราสองคนด้วย 1771 01:30:14,790 --> 01:30:19,086 หลายปีของการทำเพลงและออกทัวร์ สองอัลบั้มนั้นมีความสำคัญกับเรามาก 1772 01:30:19,419 --> 01:30:21,129 เราเปลี่ยนทิศทางการทำวงของเรา 1773 01:30:21,505 --> 01:30:24,299 เราเปลี่ยนตัวเองในแบบที่อยากเป็น ทั้งในฐานะคนและเพื่อน 1774 01:30:24,716 --> 01:30:27,386 เราคิดถึงโลกส่วนรวม มากกว่าแค่โลกของพวกเรา 1775 01:30:28,512 --> 01:30:30,472 ตอนที่เรากำลังดังในปี 1987 1776 01:30:30,556 --> 01:30:34,643 เราได้ออกรายการ American Bandstand และเราไม่สนใจอะไรเลยสักนิด 1777 01:30:34,726 --> 01:30:38,188 ตื่นไปโรงเรียนสาย รู้นะว่าไม่อยากไป 1778 01:30:41,900 --> 01:30:44,987 เราไม่ค่อยได้หัดทำท่าพวกนั้น 1779 01:30:46,947 --> 01:30:51,577 เจ็ดปีต่อมา เราเล่นเพลง "Sabotage" ที่งานประกาศรางวัลเอ็มทีวี 1780 01:30:51,827 --> 01:30:53,453 เรายืนแข็งทื่ออยู่กับที่ 1781 01:31:33,702 --> 01:31:38,123 โย่ เวลาที่เราเล่นในเทศกาลดนตรี หรือรายการทีวีกับวงอื่นด้วย 1782 01:31:38,207 --> 01:31:40,375 เราจะมองว่ามันคือการแข่งขัน 1783 01:31:40,459 --> 01:31:41,835 เราเล่นเพื่อเอาชนะ 1784 01:31:42,336 --> 01:31:43,879 เราพูดแบบขำๆ ครึ่งนึง 1785 01:31:43,962 --> 01:31:46,965 แต่อีกครึ่งนึงก็จริงจังเกือบ 100% 1786 01:31:47,716 --> 01:31:51,386 เราอยากให้ทุกคนที่ดูการแสดงของเรา หรือได้ไปเทศกาลนั้น 1787 01:31:51,470 --> 01:31:53,388 ได้กลับบ้านไปเล่าให้เพื่อนๆ ฟัง ในวันถัดไป 1788 01:31:53,472 --> 01:31:56,225 "บีสตีบอยส์แม่งเอาอยู่ว่ะ" ใช่ไหม 1789 01:31:56,308 --> 01:31:57,893 เราเล่นเพื่อเอาชนะ 1790 01:31:59,269 --> 01:32:03,482 ตอนที่เราเล่นในงานของเอ็มทีวี เราชนะ ใช่ไหม ไมค์ ไม่ใช่เหรอ 1791 01:32:03,565 --> 01:32:04,399 - ใช่หรือไม่ใช่ - แน่นอน 1792 01:32:04,483 --> 01:32:05,484 เราชนะใช่ไหม 1793 01:32:05,567 --> 01:32:07,903 ไม่ต้องสงสัยเลย ชนะอยู่แล้ว 1794 01:32:08,445 --> 01:32:12,282 แต่... ต่อมาในคืนนั้น สไปค์ โจนส์ได้รับการเสนอชื่อ 1795 01:32:12,366 --> 01:32:16,078 ชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมสำหรับ วิดีโอ "Sabotage" แต่เขาไม่ชนะ 1796 01:32:18,455 --> 01:32:22,042 และนั่นคือตอนที่ลุงฮอร์นโบลเวอร์ ของเยาค์สติหลุด 1797 01:32:23,585 --> 01:32:26,630 ผู้ชนะรางวัลผู้กำกับวิดีโอยอดเยี่ยม ได้แก่... 1798 01:32:30,008 --> 01:32:30,926 พูดเลยค่ะ 1799 01:32:31,260 --> 01:32:32,261 อาร์อีเอ็ม 1800 01:32:42,563 --> 01:32:48,193 แบบนี้มันน่าโมโหมาก เพราะสไปค์เป็นผู้กำกับที่เพิ่ง... 1801 01:32:48,277 --> 01:32:51,822 ผมมาจากสวิตเซอร์แลนด์ โอเคนะ ผมขอบอกให้ทุกคนรู้ไว้เฉยๆ และ... 1802 01:32:53,031 --> 01:32:58,287 ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ผมฝันมาตลอดว่าสไปค์ต้องชนะรางวัลนี้ 1803 01:32:59,121 --> 01:33:00,622 แต่มันกลับกลายเป็นแบบนี้ 1804 01:33:00,706 --> 01:33:03,208 ผมแค่อยากบอกทุกคน ว่านี่คือเรื่องตลกบ้าบอชัดๆ เลย 1805 01:33:03,584 --> 01:33:07,588 ผมมีไอเดียสำหรับหนัง สตาร์วอร์สและทุกๆ อย่าง 1806 01:33:13,510 --> 01:33:14,761 ว้าว 1807 01:33:18,557 --> 01:33:23,437 บทที่เก้า: "ผมจะกลับไปนิวยอร์กซิตี" 1808 01:33:23,520 --> 01:33:26,565 เชื่อว่าผมเบื่อที่นี่แล้ว 1809 01:33:28,233 --> 01:33:30,652 ลอนแอสเจลิสดีกับเรามาก 1810 01:33:30,736 --> 01:33:33,071 ตั้งแต่มีบ้าน ที่มีสะพานข้ามสระว่ายน้ำ 1811 01:33:33,530 --> 01:33:36,950 มีสตูดิโอเจ๋งๆ มีเพื่อนใหม่ดีๆ ได้ทำเพลงมากมาย 1812 01:33:37,534 --> 01:33:39,661 และได้กลายเป็นนักดนตรีจริงๆ 1813 01:33:39,745 --> 01:33:42,247 แต่เราอยู่ที่นั่นนานถึงแปดปี และเวลามันผ่านไปเร็วมาก 1814 01:33:42,873 --> 01:33:45,417 ตอนนั้นเราอายุประมาณ 30 ปีแล้ว และเราคิดถึงบ้าน 1815 01:33:45,501 --> 01:33:47,044 เราคิดถึงครอบครัวของเรา 1816 01:33:47,127 --> 01:33:49,338 เยาค์เป็นคนแรกที่ย้ายกลับมานิวยอร์ก 1817 01:33:49,630 --> 01:33:51,632 เขาเบื่อกับการเดินทางไปทั่วโลก 1818 01:33:51,715 --> 01:33:54,801 และเขาอยากกลับมานิวยอร์ก เพื่อเป็นคนนิวยอร์กจริงๆ 1819 01:33:55,344 --> 01:33:56,470 ไม่นานผมกับอดัมก็ตามไป 1820 01:33:56,553 --> 01:33:58,722 พวกเราสามคนจึงไล่ตามความฝัน ที่แท้จริงของเรา 1821 01:33:58,805 --> 01:34:00,098 ดาราศาสตร์ฟิสิกส์ 1822 01:34:00,766 --> 01:34:02,559 แต่มันไม่ค่อยเวิร์กเท่าไรหรอก 1823 01:34:03,644 --> 01:34:05,145 ฤดูร้อนปี 1996 1824 01:34:05,687 --> 01:34:08,941 เรากลับมาอยู่บ้าน ใช้ชีวิตแบบ เด็กมัธยมเวอร์ชันที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว 1825 01:34:09,024 --> 01:34:11,485 ไม่มีอะไรทำนอกจากเดินเล่น พยายามปะติดปะต่อสิ่งต่างๆ 1826 01:34:11,568 --> 01:34:16,031 ใช้เวลากับเพื่อนใหม่บางคน ฟังเพลงใหม่ๆ และทำเพลงใหม่ๆ 1827 01:34:16,114 --> 01:34:19,493 มันไม่ค่อยเหมือนการลงหลักปักฐาน แต่เหมือนการย้ายที่อยู่มากกว่า 1828 01:34:20,077 --> 01:34:22,871 หลังจากหลายปี ของการทำสิ่งที่เราทำเป็นปกติ 1829 01:34:22,955 --> 01:34:27,376 ทำเพลง สั่งอาหาร ทำตัวไร้สาระ ออกไปเที่ยว ทำเพลงอีก 1830 01:34:27,793 --> 01:34:29,211 เราก็ทำอัลบั้มจนเสร็จ 1831 01:34:29,294 --> 01:34:31,880 อาจเป็นอัลบั้มโปรดของเราด้วย เพราะมันคือการทดลองเยอะเลย 1832 01:34:32,381 --> 01:34:33,423 อัลบั้ม Hello Nasty 1833 01:34:34,216 --> 01:34:37,636 (บีสตีบอยส์: Hello Nasty) 1834 01:34:38,303 --> 01:34:42,266 ตอนที่เราออกทัวร์อัลบั้มนั้น มันคือทัวร์ครั้งใหญ่ที่สุดของเราเลย 1835 01:34:42,933 --> 01:34:45,102 ไม่ใช่ว่า "Fight for Your Right (To Party)" ถูกลบเลือนไป 1836 01:34:45,727 --> 01:34:48,105 แต่พอถึงตอนนั้น เราก็ไม่รู้สึกอะไรกับมันแล้ว 1837 01:34:48,897 --> 01:34:50,732 ตอนนั้นเราใกล้เป็นผู้ใหญ่เต็มตัว 1838 01:34:51,275 --> 01:34:55,028 เบียร์ จู๋ และพวกขี้เมา ทุกอย่างหายไปหมดแล้ว 1839 01:34:55,112 --> 01:34:56,989 คุณแทบไม่เห็นอะไรแบบนี้อีก 1840 01:34:57,322 --> 01:34:58,991 ตอนนั้นเรามีอายุมากกว่าเดิม 1841 01:34:59,074 --> 01:35:02,452 เรามีเรื่องที่ต้องทำแยกกัน แบบเรื่องของผู้ใหญ่น่ะ 1842 01:35:02,536 --> 01:35:04,788 เรามีความสัมพันธ์แบบจริงจัง เรามีค่ายเพลง 1843 01:35:04,872 --> 01:35:06,707 นิตยสาร ร้านขายจักรยาน 1844 01:35:06,999 --> 01:35:08,333 แต่เราสามคนก็หาเลี้ยงตัวเองได้ 1845 01:35:08,417 --> 01:35:11,086 ได้ทำอัลบั้ม ออกทัวร์ และแสดงดนตรีด้วยกัน 1846 01:35:11,962 --> 01:35:15,883 เราไมไ่ด้โตขึ้นเท่าไรหรอก แต่เราฉลาดขึ้นมากกว่า 1847 01:35:17,050 --> 01:35:19,553 ตอนนี้เราพูดได้ว่าภาพสะท้อน ของความผิดพลาดที่เราเคยทำ 1848 01:35:19,803 --> 01:35:23,098 มาจากเยาค์ และแนวคิดที่เขาแบ่งปันให้เรารู้ 1849 01:35:23,182 --> 01:35:24,433 แต่นั่นมันจริงแค่ส่วนหนึ่ง 1850 01:35:24,516 --> 01:35:26,143 เราพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 1851 01:35:26,476 --> 01:35:29,605 เราสนับสนุนกันและกัน ให้ทำและพูดอย่างที่ใจอยาก 1852 01:35:29,938 --> 01:35:32,524 ถ้าเยาค์อยากทำเพลง ที่ชื่อว่า "Bodhisattva Vow" 1853 01:35:32,608 --> 01:35:36,069 และพูดถึงชาวพุทธที่สาบานว่า จะทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ก็ได้เลย 1854 01:35:36,153 --> 01:35:37,362 เจ๋งโคตรๆ เลยแบบนั้น 1855 01:35:39,615 --> 01:35:41,950 เราเป็นผู้ใหญ่พอที่จะรู้ว่า 1856 01:35:42,034 --> 01:35:44,578 สิ่งที่เราทำและเคยทำนั้นมีความสำคัญ 1857 01:35:44,661 --> 01:35:47,581 และส่งผลกระทบต่อผู้อื่น ทั้งในทางบวกและลบ 1858 01:35:47,664 --> 01:35:50,834 เรารู้สึกซาบซึ้งใจที่เรามีชีวิตอยู่ นานพอเพื่อบอกเล่าเรื่องราวนี้ 1859 01:35:50,918 --> 01:35:54,588 และเราโชคดีมากพอที่จะ ลงมือทำอะไรสักอย่างกับเรื่องนี้ 1860 01:35:54,671 --> 01:35:59,176 มีเพลงนึงในอัลบั้ม Hello Nasty ชื่อ "Song for the Man" ที่อดัม... 1861 01:35:59,259 --> 01:36:01,762 อยู่ไหนนะ อดัมเป็นคนแต่งเพลงนี้ 1862 01:36:01,845 --> 01:36:06,141 พูดถึงท่าทางของผู้ชายหลายคน เวลาเห็นผู้หญิงเดินผ่าน 1863 01:36:06,225 --> 01:36:08,769 ผู้สัมภาษณ์คนนึงเรียกเขา ว่าเป็นคนปากว่าตาขยิบ 1864 01:36:08,852 --> 01:36:10,479 และท้าเขาเรื่องเพลง 1865 01:36:10,562 --> 01:36:12,898 ที่มาจากตัวตนในเพลง "Fight for Your Right (To Party)" 1866 01:36:12,981 --> 01:36:15,108 ตอนที่ผมได้ยินคำตอบของเขา 1867 01:36:15,192 --> 01:36:16,693 ผมภูมิใจมากที่ได้เป็นเพื่อนเขา 1868 01:36:17,528 --> 01:36:19,905 เขาพูดประมาณว่า 1869 01:36:19,988 --> 01:36:23,242 "ผมยอมเป็นคนปากว่าตาขยิบ ดีกว่าเป็นคนเดิมไปตลอดกาล" 1870 01:36:29,373 --> 01:36:30,874 เอาละครับ 1871 01:36:30,958 --> 01:36:32,876 ผมขอเล่าเรื่องนึงให้พวกคุณฟัง... 1872 01:36:32,960 --> 01:36:36,338 ผมจะเล่าเรื่องนึงจาก Beastie Boys Book หนังสือของเรา 1873 01:36:38,131 --> 01:36:39,049 เอาละ 1874 01:36:40,008 --> 01:36:41,468 เรื่องนี้มีชื่อว่า "คอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย" 1875 01:36:47,975 --> 01:36:50,602 เราไม่รู้ว่าคอนเสิร์ตไหน จะเป็นครั้งสุดท้ายที่เราได้เล่น 1876 01:36:51,520 --> 01:36:54,314 ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนั้น ก็เหมือนปกติทุกวันเลย 1877 01:36:54,398 --> 01:36:58,026 คอนเสิร์ตนั้นเป็นวงปิดในเทศกาลดนตรี ขนาดใหญ่ในเทนเนสซีที่ชื่อบอนนารู 1878 01:36:58,110 --> 01:37:00,028 ตอนนั้นคือปี 2009 1879 01:37:00,112 --> 01:37:02,865 จะมีผู้ชมนับหมื่นๆ คนไปที่นั่น 1880 01:37:02,948 --> 01:37:04,533 และเราจะเล่นเป็นวงปิด 1881 01:37:04,616 --> 01:37:06,785 เราไปถึงเทนเนสซีเร็วหน่อย เพราะเราอยากถ่ายวิดีโอ 1882 01:37:06,869 --> 01:37:08,704 สำหรับเพลงใหม่ของเรา ที่ยังไม่ได้ปล่อย 1883 01:37:08,787 --> 01:37:13,083 มีเรา มีแร็ปเปอร์ชื่อนาส และโรมัน โคปโปลาจะเป็นผู้กำกับ 1884 01:37:13,166 --> 01:37:16,378 มันคือเรื่องปกติสำหรับเรามาก ที่ได้เล่นในคอนเสิร์ตใหญ่ๆ 1885 01:37:16,461 --> 01:37:19,173 และมีคนอย่างโรมัน กับกล้องโบเล็กซ์มาถ่ายทำเรา 1886 01:37:19,256 --> 01:37:21,675 วิ่งไปทั่วซูเปอร์มาร์เก็ตในเทนเนสซี 1887 01:37:23,510 --> 01:37:26,388 ยิ่งทำตัวแปลก ก็ยิ่งเป็นเรื่องปกติ สำหรับเราตอนนั้น 1888 01:37:30,142 --> 01:37:32,644 สิ่งต่างๆ ในชีวิต ไม่มีทางเป็นเหมือนเดิมได้ตลอดไป 1889 01:37:33,478 --> 01:37:35,397 อาจจะมีครั้งสองครั้ง ที่มันผิดไปจากเดิมบ้าง 1890 01:37:35,480 --> 01:37:38,442 แต่สำหรับผมแล้ว มันมักจะผิดเพี้ยนไปจากเดิม 1891 01:37:38,525 --> 01:37:41,570 ผิดเพี้ยนราวกับรูปวาดสีเทียน ของเด็กทารก 1892 01:37:42,529 --> 01:37:44,823 แน่นอนว่ามันมีความคล้ายคลึงกันอยู่ 1893 01:37:44,907 --> 01:37:47,034 เยาค์กับผมและไมค์ยังคงอยู่ด้วยกัน 1894 01:37:47,117 --> 01:37:49,036 ยังหัวเราะด้วยกัน เป็นครอบครัวเดียวกัน 1895 01:37:49,620 --> 01:37:53,248 อัล กรีนกำลังจะจบโชว์ของเขา จากหนึ่งในเวทีมากมายที่เทศกาลนั้น 1896 01:37:53,332 --> 01:37:56,168 การได้ฟังเสียงเขาจากระยะไกล มันทำให้จิตใจผ่อนคลาย 1897 01:37:56,251 --> 01:37:58,462 เหมือนตอนที่ผมอยู่ในโรงเรียนมัธยม 1898 01:37:58,545 --> 01:38:00,631 ในห้องนอนผม รอให้พวกเขาแวะมาหา 1899 01:38:04,343 --> 01:38:07,012 แต่ตอนนี้ ในเมื่อระยะห่างมันมากเหลือเกิน 1900 01:38:14,269 --> 01:38:17,689 แทบเป็นไปไม่ได้เลย ที่จะเปลี่ยนมุมมองด้านหลัง 1901 01:38:18,982 --> 01:38:21,443 เคท เชลเลนบาคไม่ได้อยู่ที่นั่น กับเราในเทนเนสซี 1902 01:38:21,527 --> 01:38:23,070 จอห์น เบอร์รีก็ไม่อยู่ 1903 01:38:23,153 --> 01:38:25,447 เดฟ สกิลเคน, บอสโก, เดอะแคปเทน 1904 01:38:25,948 --> 01:38:27,574 เดฟ พาร์สันส์ พ่อของไมค์... 1905 01:38:35,874 --> 01:38:37,876 พ่อของไมค์ แม่ของผม ไม่อยู่ที่นั่นด้วย 1906 01:38:38,669 --> 01:38:39,711 มีอีกหลายคนเลย 1907 01:38:40,337 --> 01:38:43,298 ผมกับอดัมและไมค์อายุมากขึ้นแล้ว และเรารู้ดี 1908 01:38:43,382 --> 01:38:44,925 เรากำลังจะปล่อยอัลบั้มใหม่ 1909 01:38:45,008 --> 01:38:47,302 และเรายังคงชอบที่จะทำแบบนั้นอยู่ 1910 01:38:47,386 --> 01:38:49,555 เราเตรียมพร้อม เพื่อทำอัลบั้มใหม่วนไปเรื่อยๆ 1911 01:38:51,348 --> 01:38:56,562 การเล่นเป็นวงปิดในเทศกาลดนตรีใหญ่ๆ มันต่างจากการเล่นที่คลับซีบีจีบีมาก 1912 01:38:57,813 --> 01:39:00,983 แต่ให้ตายสิ เราไม่รู้เลย ว่านั่นจะเป็นโชว์ครั้งสุดท้ายของเรา 1913 01:39:06,655 --> 01:39:08,490 การสูญเสียครั้งใหญ่ในวงการดนตรี 1914 01:39:08,574 --> 01:39:12,953 อดัม เยาค์แห่งบีสตีบอยส์เสียชีวิต หลังสู้กับโรคมะเร็งมาอย่างยาวนาน 1915 01:39:13,036 --> 01:39:15,664 เขาเป็นที่รู้จักในชื่อเอ็มซีเอ และนักดนตรีทั้งสามคนนี้ 1916 01:39:15,747 --> 01:39:19,001 เป็นส่วนหนึ่งในไม่กี่คน ที่เป็นผู้นำการเคลื่อนไหว 1917 01:39:19,084 --> 01:39:23,005 เยาค์เป็นนักดนตรีที่ฝึกหัดเอง และต่อมาก็เป็นนักสร้างหนัง 1918 01:39:23,088 --> 01:39:27,050 อดัม เยาค์ เอ็มซีเอ อายุ 47 ปี 1919 01:39:37,519 --> 01:39:39,897 เราทุกคนมีเพื่อนที่แตกต่างกันไป 1920 01:39:41,106 --> 01:39:43,400 มีเพื่อนคนที่ชอบทำตัวงี่เง่า... 1921 01:39:44,484 --> 01:39:46,653 แต่อยู่ด้วยบางครั้งก็สนุกดี 1922 01:39:46,737 --> 01:39:48,655 สนุกที่ได้ดื่มด้วยกัน คุยเรื่องไร้สาระกัน 1923 01:39:48,739 --> 01:39:52,409 แต่คุณไม่มีทางขอความช่วยเหลือ ทั้งทางกายและทางจิตใจจากพวกเขาได้ 1924 01:39:52,492 --> 01:39:54,328 เพราะพวกเขาไม่ใช่คนที่เราไว้ใจ 1925 01:39:54,411 --> 01:39:58,540 หรือเพื่อนที่คุณเจอหน้าเป็นบางที และรู้สึกดีที่ได้ไปเที่ยวกันบ้าง 1926 01:39:58,624 --> 01:39:59,791 คุณคิดอยู่เสมอว่า 1927 01:39:59,875 --> 01:40:01,960 "เราน่าจะใช้เวลากับคนนั้น ให้มากกว่านี้" 1928 01:40:02,044 --> 01:40:04,087 แต่คุณไม่ได้ทำ ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม 1929 01:40:04,922 --> 01:40:06,256 แล้วยังมีคนที่เป็นเพื่อนแท้ 1930 01:40:06,340 --> 01:40:08,342 คนที่คุณคุยโทรศัพท์ด้วย ได้ทั้งวันทั้งคืน 1931 01:40:09,134 --> 01:40:12,095 คนที่คอยช่วยคุณย้ายบ้าน หรือไปเยี่ยมคุณที่โรงพยาบาล 1932 01:40:12,179 --> 01:40:14,348 หรือมีที่ว่างบนโซฟาของเขา ไว้ให้คุณเสมอ 1933 01:40:14,431 --> 01:40:16,391 เผื่อวันไหนที่คุณจำเป็นต้องใช้ 1934 01:40:17,309 --> 01:40:20,604 เพื่อนประเภทนี้หาได้ยากมาก เราทุกคนรู้ดี 1935 01:40:20,687 --> 01:40:23,440 แต่ยังมีเพื่อน ที่หาได้ยากกว่านั้นอีก 1936 01:40:23,524 --> 01:40:25,442 คนที่เป็นแรงบันดาลใจให้คุณ 1937 01:40:25,526 --> 01:40:27,361 คนที่ไม่เพียงแต่ลงมือทำ 1938 01:40:27,444 --> 01:40:29,196 สิ่งที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น 1939 01:40:29,279 --> 01:40:32,407 แต่บอกว่า "เราควรทำแบบนี้ด้วยกัน" 1940 01:40:32,491 --> 01:40:34,535 แล้วก็ทำจริงๆ 1941 01:40:34,618 --> 01:40:36,578 เยาค์คือเพื่อนแบบนั้นแหละ 1942 01:40:45,045 --> 01:40:47,339 เพื่อนแบบที่หาได้ครั้งเดียวในชีวิต 1943 01:40:47,965 --> 01:40:50,217 เพื่อนที่ทำให้ทุกอย่างเป็นจริง 1944 01:40:50,300 --> 01:40:52,678 เพื่อที่เป็นแรงบันดาลใจ ให้เราทำเรื่องใหญ่ๆ 1945 01:40:54,012 --> 01:40:56,723 เปิดเพลงนี้หน่อย เพลงที่เยาค์แต่ง ในอัลบั้ม Hello Nasty 1946 01:41:01,103 --> 01:41:06,483 ประมาณปี 1990 เยาค์ไปอินเดีย เนปาล และเจอคนทิเบตที่ลี้ภัยอยู่ 1947 01:41:06,567 --> 01:41:09,528 เขาอยากเข้าใจคำปฏิญาณตน เรื่องสันติวิธี 1948 01:41:10,445 --> 01:41:13,323 ทำไมพวกเขาเลือกที่จะไม่สู้กลับ เพื่อตอบโต้รัฐบาล 1949 01:41:13,407 --> 01:41:16,827 ที่ทำร้ายและจับคนขังคุก เพียงเพราะโบกธงทิเบต 1950 01:41:16,910 --> 01:41:18,370 เขาอยากรู้ให้มากกว่านั้น 1951 01:41:18,453 --> 01:41:20,163 เขาอยากช่วยเหลือ 1952 01:41:20,247 --> 01:41:21,707 แต่ตามสไตล์ของเยาค์นั้น 1953 01:41:21,790 --> 01:41:23,959 แทนที่จะเขียนเช็คให้องค์กรใดสักแห่ง 1954 01:41:24,042 --> 01:41:25,127 เขากลับก่อตั้งขึ้นมาเอง 1955 01:41:25,210 --> 01:41:26,753 กองทุนมิลาเรปาฟันด์ 1956 01:41:29,631 --> 01:41:32,384 และเขาเป็นคนจัดคอนเสิร์ต เพื่ออิสรภาพของทิเบตเป็นครั้งแรก 1957 01:41:32,467 --> 01:41:34,261 คอนเสิร์ตใหญ่เพื่อการกุศล สองวันเต็มๆ 1958 01:41:34,344 --> 01:41:38,724 ที่โกลเดนเกตพาร์ค ในซานฟรานซิสโกเมื่อปี 1996 1959 01:41:40,100 --> 01:41:43,270 เป็นคอนเสิร์ตการกุศลที่ใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่งานไลฟ์เอด 1960 01:41:43,353 --> 01:41:45,022 สิ่งที่เขาทำถูกจารึกในประวัติศาสตร์ 1961 01:41:45,105 --> 01:41:48,483 ผู้ชมนับแสนคน ต่างตะโกนคำว่า "ปลดแอกทิเบต" 1962 01:41:48,567 --> 01:41:50,485 มีเป็นสติกเกอร์ติดกันชนรถด้วย 1963 01:41:50,569 --> 01:41:52,863 พวกเขารับรู้ ถึงการเรียกร้องเพื่อสันติวิธี 1964 01:41:52,946 --> 01:41:55,782 ทั้งหมดนี้ เพียงเพราะชายคนเดียวในบีสตีบอยส์ 1965 01:41:55,866 --> 01:41:57,576 ใครจะทำแบบนั้นกันบ้าง 1966 01:42:03,665 --> 01:42:06,418 เยาค์ ไมค์ และผม ใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากกว่า 1967 01:42:06,502 --> 01:42:07,836 อยู่กับครอบครัวตัวเองซะอีก 1968 01:42:07,920 --> 01:42:09,004 จริงๆ นะ 1969 01:42:09,087 --> 01:42:11,131 พอเป็นเรื่องของเพื่อนผม แร็ปเปอร์ไมค์ ดี 1970 01:42:11,215 --> 01:42:14,843 ฉายาสวีท ลู หรือฉายาไมเคิล หลุยส์ ไดอะมอนด์ 1971 01:42:14,927 --> 01:42:16,553 ผมรู้จักเขา 1972 01:42:16,637 --> 01:42:17,679 รู้ไส้รู้พุงเลย 1973 01:42:17,763 --> 01:42:19,348 และเขาก็รู้จักผมแบบเดียวกัน 1974 01:42:19,431 --> 01:42:22,184 แต่อดัม เยาค์ ผู้เป็นจิ๊กซอว์ 1975 01:42:22,267 --> 01:42:23,435 ปริศนา 1976 01:42:24,645 --> 01:42:26,480 พูดต่อที ผมทำไม่ได้ 1977 01:42:26,563 --> 01:42:29,233 เขาวงกตแห่งไอเดียและอารมณ์ 1978 01:42:29,316 --> 01:42:31,652 คนลึกลับ ยากที่จะคาดเดา 1979 01:42:31,735 --> 01:42:34,530 หลังมิตรภาพที่ยาวนานถึง 35 ปี 1980 01:42:34,613 --> 01:42:38,492 ผมไม่เคยรู้เลย ว่าเขาจะพูดหรือทำอะไรต่อไป 1981 01:42:38,575 --> 01:42:41,453 เขาคือความขัดแย้งที่มีชีวิต ของไอเดียคนอื่น 1982 01:42:41,537 --> 01:42:45,791 ของสิ่งที่คุณควรเป็นหรือควรทำ 1983 01:42:46,625 --> 01:42:48,710 เขาคือชาวพุทธที่บอกผม 1984 01:42:48,794 --> 01:42:53,173 ว่าเมื่อคืนเขาไปงานปาร์ตี้ หลังงานปาร์ตี้เพื่อดูแฟชั่นโชว์ 1985 01:42:53,924 --> 01:42:56,802 และเขาคือไอ้หนุ่ม "Fight for Your Right (To Party)" 1986 01:42:56,885 --> 01:43:00,138 ที่ออกไปเดินเขาในเนปาล กับภารกิจเพื่อค้นพบบางอย่าง 1987 01:43:00,222 --> 01:43:03,016 และเขาได้เข้าพบนักการเมือง ในวอชิงตันดีซี 1988 01:43:03,100 --> 01:43:06,478 บอกให้พวกเขารู้ ว่าเขาได้เห็นและเรียนรู้อะไรมา 1989 01:43:13,819 --> 01:43:17,573 เขาเคยบอกผมครั้งนึง ว่าเหตุผลหลักที่เขาชอบดาไลลามะ 1990 01:43:17,656 --> 01:43:19,491 คือท่านเป็นผู้ชายที่ฮามาก 1991 01:43:21,076 --> 01:43:23,453 เห็นได้ชัดว่ามีเหตุผลอื่นๆ อีกมาก 1992 01:43:23,537 --> 01:43:26,540 ที่ทำให้เขาสนใจด้านจิตวิญญาณ ศรัทธา และศาสนาพุทธ 1993 01:43:26,623 --> 01:43:29,918 แต่ผมว่า "ผู้ชายที่ฮามาก" ที่เยาค์พูดนั้นดูสมเหตุสมผลที่สุด 1994 01:43:30,002 --> 01:43:33,005 เพราะอารมณ์ขันคือสิ่งสำคัญ 1995 01:43:40,470 --> 01:43:45,434 จะมีใครได้ทำงาน กับเพื่อนรักสองคนทุกวันบ้างล่ะ 1996 01:43:46,226 --> 01:43:47,769 ผมนี่ไง 1997 01:43:47,853 --> 01:43:49,771 ผมว่านั่นคือสิ่งที่ ทำให้ผมเป็นคนโชคดีมาก 1998 01:43:49,855 --> 01:43:54,985 ไม่ใช่ว่าทุกอย่างมันง่าย หรือมีแต่เรื่องดีๆ เท่านั้น 1999 01:43:55,068 --> 01:43:58,906 บางครั้งเราสองคนก็อยากทำอะไรใจจะขาด 2000 01:43:58,989 --> 01:44:03,243 เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายคุณ ร้องเรียกว่า "ใช่ เราจะทำแบบนี้" 2001 01:44:03,327 --> 01:44:05,287 เพื่อให้ใครสักคนในกลุ่มพวกเราพูดว่า 2002 01:44:05,370 --> 01:44:11,376 "กับพวกนายก็อาจจะเจ๋งดีนะ แต่ฉันไม่ค่อยสนใจเท่าไร" 2003 01:44:12,461 --> 01:44:16,298 พอผมกลับบ้าน ผมจะบ่นให้ใครก็ตามที่อยากรับฟัง 2004 01:44:16,381 --> 01:44:20,677 ผมจะพูดว่า "บ้าจริง คุณไม่เชื่อแน่ ว่าวันนี้โฮโรวิตซ์ทำอะไร 2005 01:44:20,761 --> 01:44:24,097 เขาแม่ง... เขาแม่งจะทำให้ผมประสาทตาย" 2006 01:44:24,181 --> 01:44:30,229 แต่เหมือนที่เรารักเพลง เนื้อเพลง หรือไอเดียอะไรสักอย่างนั่นแหละ 2007 01:44:30,312 --> 01:44:34,233 เรายังคงรักกัน และอยู่ด้วยกันมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ 2008 01:44:43,283 --> 01:44:46,453 ช่วยผมหน่อยได้ไหม คิดว่าผมเป็นเอ็ดดี้ แฮร์ริสก็ได้ 2009 01:44:46,537 --> 01:44:49,122 คุณกินชีสอย่างบ้าคลั่ง เหมือนคิดว่าผมมาจากฝรั่งเศส 2010 01:44:49,206 --> 01:44:51,834 คุณรู้ว่าผมชอบเหล้า คุณคิดว่าผมเมา 2011 01:44:51,917 --> 01:44:54,586 คุณรู้ว่าผมหายไป ผมจะบอกให้ว่าทำไม 2012 01:44:54,670 --> 01:44:58,340 บอกทีคุณทิ้งใครมา ผมอาจจะพลาดอะไรไป 2013 01:44:58,423 --> 01:45:01,301 เหตุผลที่คุณยิ้มหรืออารมณ์รุนแรง ฟังให้ดี 2014 01:45:01,385 --> 01:45:03,262 ในหัวผม อยากกำจัดมันไปให้พ้น 2015 01:45:03,345 --> 01:45:06,557 ปล่อยให้จินตนาการล่องลอย ผมจะปล่อยออกมาให้ล้น 2016 01:45:06,640 --> 01:45:08,475 ปล่อยให้ไหลไปอย่างทะเลโคลน 2017 01:45:08,559 --> 01:45:11,186 พอเครื่องผมติด ผมจะโบยบินไปไกลโพ้น 2018 01:45:11,270 --> 01:45:14,022 ผมเข้าใจข้อความได้ล้ำลึก นะทุกคน 2019 01:45:14,106 --> 01:45:17,234 ผมโดนพาดพิงเป็นพรวน เพราะผมชอบก่อกวน นะทุกคน 2020 01:45:17,317 --> 01:45:19,403 จะเอา จะเอา จะเอาอะไรอะ 2021 01:45:19,486 --> 01:45:22,698 ผมเริ่มฮา เพราะเงินที่ผมหามา คุณเอาไปคุยโว 2022 01:45:22,781 --> 01:45:25,784 ถามหน่อย "ไปเอาข้อมูลมาจากไหน ฮะ" 2023 01:45:25,868 --> 01:45:28,662 คิดว่ารับไหวเมื่อถูกเปิดโปงไหมจ๊ะ 2024 01:45:28,745 --> 01:45:32,374 ใช่ รับให้ไหวนะ 2025 01:45:39,798 --> 01:45:42,301 - จะเอา จะเอา จะเอาอะไรอะ - เอาอะไรอะ 2026 01:45:42,384 --> 01:45:44,887 - จะเอา จะเอา จะเอาอะไรอะ - เอาอะไรอะ 2027 01:45:44,970 --> 01:45:46,972 ถามว่าจะเอา จะเอา จะเอาอะไรอะ 2028 01:45:47,055 --> 01:45:48,056 เอาอะไรอะ 2029 01:45:48,140 --> 01:45:50,017 ถามว่าจะเอา จะเอา จะเอาอะไรอะ 2030 01:45:50,100 --> 01:45:51,351 เอาอะไรอะ 2031 01:45:51,435 --> 01:45:53,645 ถ้าทำได้ ผมขอแทรกหน่อย ผมอยากบอกว่าผมรักพวกเขามาก 2032 01:45:53,729 --> 01:45:56,106 ผมโตมากับพวกเขา ผมคิดว่า พวกเขาเยี่ยมมาก ผมรักพวกเขานะ 2033 01:45:57,816 --> 01:46:02,237 (อาลัยรักแด่อดัม เยาค์) 2034 01:46:13,999 --> 01:46:15,918 ไมค์ ดี ไมค์ ดี 2035 01:46:19,171 --> 01:46:22,591 ไม่ต้องมาบอกให้ผมยิ้ม 2036 01:46:22,674 --> 01:46:24,510 อยู่เคียงข้างกันไป ผมจะทำให้คุณถูกใจ 2037 01:46:24,593 --> 01:46:27,095 เบอร์ผม คุณจำไม่ได้หรอก 2038 01:46:27,179 --> 01:46:29,389 อาจเป็นเพราะผมสับรางเก่งน่ะดูออก 2039 01:46:29,473 --> 01:46:31,433 สไตล์ โปรไฟล์ บอกไว้หน่อย 2040 01:46:31,517 --> 01:46:33,977 โดนดึงกลับมาทุกที เมื่อได้ยินว่า "เด็กน้อย!" 2041 01:46:34,061 --> 01:46:36,188 จากแม่น้ำฮัดสันไปจนถึงแม่น้ำไนล์ 2042 01:46:36,271 --> 01:46:38,607 ผมวิ่งมาราธอนไม่หยุดจนไมล์สุดท้าย 2043 01:46:38,690 --> 01:46:40,651 ถ้ามาท้าผมแข่ง รู้สึกเหมือนโดนแช่งนะเนี่ย 2044 01:46:40,734 --> 01:46:42,611 ใครๆ ก็บอกว่าสไตล์ผมน่ะโคตรเสี่ย 2045 01:46:42,694 --> 01:46:45,155 คุณจะกล้า คุณจะบ้า 2046 01:46:45,239 --> 01:46:47,115 ก้าวเข้ามา ผมน่ะแร็ปเทวดา 2047 01:46:47,199 --> 01:46:49,785 ถ้าอยากมาท้า ผมว่าอย่าดีกว่า 2048 01:46:49,868 --> 01:46:52,037 อยู่ยูเรนัสยังอยากรู้จักสไตล์เรา 2049 01:46:52,120 --> 01:46:54,331 เอาเลย ร้องให้คล้องจองไม่ต้องเดา 2050 01:46:54,414 --> 01:46:56,625 ไม่งั้นจะไล่ไปให้พ้นหน้าเรา 2051 01:46:56,708 --> 01:47:01,129 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2052 01:47:01,213 --> 01:47:05,717 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2053 01:47:05,801 --> 01:47:07,928 ทำให้ตื่นเต้นและชิ่งไปเงียบๆ คือทีมเรา 2054 01:47:08,011 --> 01:47:10,222 ก้าวเข้ามาในปาร์ตี้ ทำให้งานเละเป็นขี้ 2055 01:47:10,305 --> 01:47:12,140 พูดถึงจะหวะเพลง ผมนี่แหละจอมนักเลง 2056 01:47:12,224 --> 01:47:14,268 กาแฟผมต้องใส่นมและน้ำตาล 2057 01:47:14,351 --> 01:47:16,436 ต้องเดินหน้าต่อ เดินหน้าต่อไปนานๆ 2058 01:47:16,520 --> 01:47:19,189 หวานเกินกว่าจะเปรี้ยว เฟี้ยวเกินกว่าจะร้าย 2059 01:47:19,273 --> 01:47:21,108 พวกผู้ชายสายโหด ผมไม่โปรดสักเท่าไร 2060 01:47:21,191 --> 01:47:23,777 อยากเปลี่ยนแปลงโลก ผมวางแผนและอุบาย 2061 01:47:23,861 --> 01:47:26,113 มาริโอ ซีชอบกวาดสิ่งร้ายๆ ให้หมดไป 2062 01:47:26,196 --> 01:47:28,574 จะเปล่งประกายราวลำแสงอาทิตย์ 2063 01:47:28,657 --> 01:47:30,409 แร็ปต่อไป คือความฝันที่ไม่หยุดคิด 2064 01:47:30,492 --> 01:47:32,911 โมดีให้เราเกรดเอ เพราะ "เราไม่เคยหลุดธีม" 2065 01:47:32,995 --> 01:47:35,163 ถ้าอิจฉาตาร้อน เพราะคุณยังอ่อนประสบการณ์ 2066 01:47:35,247 --> 01:47:37,332 อิจฉาท่วงทำนองและคำร้องของพวกเรา 2067 01:47:37,416 --> 01:47:41,962 อีกมิติหนึ่ง สู่กาแล็กซีใหม่ สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น 2068 01:47:42,045 --> 01:47:46,508 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2069 01:47:46,592 --> 01:47:50,637 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2070 01:47:50,721 --> 01:47:55,601 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2071 01:47:55,684 --> 01:48:00,105 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2072 01:48:01,940 --> 01:48:04,568 ฮิปฮอปโอลด์สคูลอยู่ในสายเลือดของเรา 2073 01:48:04,651 --> 01:48:06,904 ถอดรองเท้าเหวี่ยง แล้วใส่ถุงเท้าวิ่งเอา 2074 01:48:06,987 --> 01:48:08,989 เพลงเราจะแพร่ไวอย่างกับเชื้อไวรัส 2075 01:48:09,072 --> 01:48:11,450 ดนตรีไม่มีวันตาย เหมือนกระแสไฟไม่ถูกตัด 2076 01:48:11,533 --> 01:48:15,996 ผมเก่งเรื่องกระโจน กลิ้งตัวแบบฟลินต์สโตนก็ทำได้ 2077 01:48:16,079 --> 01:48:18,207 แทมมี่ ดีจัดการเรื่องผลลัพธ์ 2078 01:48:18,290 --> 01:48:20,083 บีสตีบอยส์เก่งเรื่องทำให้เพลง 2079 01:48:21,418 --> 01:48:22,461 ดับ 2080 01:48:22,544 --> 01:48:24,963 ตอนเขียนกราฟฟิตี้ ชื่อผมคือสล็อป 2081 01:48:25,047 --> 01:48:27,216 ถ้าแร็ปคือน้ำซุป จังหวะคือกระดูกหมู 2082 01:48:27,299 --> 01:48:29,468 ถอยให้ไกลจากโต๊ะ เดี๋ยวผมสับโดนหู 2083 01:48:29,551 --> 01:48:31,845 ผมคือช่างไม้สุดเท่ ดีเจแอ็ด-ร็อก 2084 01:48:31,929 --> 01:48:34,056 คิดจะเล่นงานผม ระวังเป็นลมไปก่อน 2085 01:48:34,139 --> 01:48:36,308 ผมจะจับคุณทอดในกระทะเหมือนปลาช่อน 2086 01:48:36,391 --> 01:48:38,352 เข่าคุณจะเริ่มสั่น นิ้วคุณจะเริ่มล็อก 2087 01:48:38,435 --> 01:48:40,938 เหมือนมีอะไรมาบีบคอแบบคุณสป็อค 2088 01:48:41,021 --> 01:48:45,484 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2089 01:48:45,567 --> 01:48:49,988 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2090 01:48:50,072 --> 01:48:54,493 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2091 01:48:54,576 --> 01:48:59,373 สู่กาแล็กซีอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น ดาวเคราะห์ดวงอื่น กาแล็กซีอื่น 2092 01:48:59,456 --> 01:49:01,500 อีกมิติหนึ่ง อีกมิติหนึ่ง 2093 01:49:01,583 --> 01:49:03,836 อีกมิติหนึ่ง อีกมิติหนึ่ง 2094 01:49:17,182 --> 01:49:18,225 ลุยเลย 2095 01:49:58,348 --> 01:50:00,934 ฟังนะทุกคน ฟังทางนี้ให้ดี 2096 01:50:01,018 --> 01:50:03,437 เราจะไปเดย์โทนา และไปซ่ากันที่โน่น 2097 01:50:03,520 --> 01:50:06,398 สัปดาห์เดียวได้หยุดพัก ไม่เห็นตลกตรงไหน 2098 01:50:06,481 --> 01:50:09,151 ผ่านไปแค่สองวัน เงินหมดกระเป๋าแล้วไง 2099 01:50:09,234 --> 01:50:11,904 ต้องนอนหลับในรถ เพราะโรงแรมมันเต็ม 2100 01:50:11,987 --> 01:50:14,489 เจอสาวน่ารัก เลยพาไปกินของเค็ม 2101 01:50:14,573 --> 01:50:16,241 ผมถาม "เรียนด้านไหน" 2102 01:50:16,325 --> 01:50:17,659 เธอบอกจิตวิทยา 2103 01:50:17,743 --> 01:50:20,120 ผมออกเอ็มทีวี และผมคว้าไมค์มาซ่า 2104 01:50:20,204 --> 01:50:22,915 เธอบอกอยากเจออลัน กับมาร์ธา ควินน์ 2105 01:50:22,998 --> 01:50:24,458 แต่ผมชื่อเอ็มซีเอ 2106 01:50:24,541 --> 01:50:27,669 ผมจะทำเป็นไม่ได้ยิน บอกว่าจะไปเดย์โทนา 2107 01:50:27,753 --> 01:50:30,047 - เพื่อโชว์บ้าๆ - เราคือบีสตีบอยส์ 2108 01:50:30,130 --> 01:50:31,840 - เอ็มทีวี - สปริงเบรก 2109 01:50:33,592 --> 01:50:34,468 แล้วมันผิดตรงไหน 2110 01:50:35,594 --> 01:50:38,555 สัปดาห์ก่อนฉันไปแชนฮาสเซน มินนิโซตา กับบีสตีบอยส์ 2111 01:50:39,389 --> 01:50:41,099 พวกเขาไปซ้อมทัวร์ และพวกเขาบอกว่า 2112 01:50:41,183 --> 01:50:43,018 "เราอยากได้ภาพแบบวง Marky Mark and the Funky Bunch" 2113 01:50:43,852 --> 01:50:46,522 - อยากดังก์ลูกบาสให้พวกเขาจัง - ฉันต้องไปตกลงให้ได้ก่อน 2114 01:50:46,605 --> 01:50:47,481 แล้วมันผิดตรงไหน 2115 01:50:47,564 --> 01:50:51,818 "พวกเวรอย่างแกไม่ได้มีดีอะไรหรอก เทียบกับพวกเราที่นี่" ประมาณนี้ 2116 01:50:52,277 --> 01:50:55,489 - พอถึง... - เดี๋ยวก่อนๆ ไมค์ 2117 01:50:55,572 --> 01:50:56,740 สำเนียงอังกฤษเป๊ะเว่อร์ 2118 01:50:59,201 --> 01:51:00,285 โย่ ไมค์ 2119 01:51:01,578 --> 01:51:03,956 - ไปเร็วพวก - เร็วเข้า เรามีงานต้องทำ 2120 01:51:04,039 --> 01:51:05,916 - นั่นสิพวก ได้เวลาไปซ่าแล้ว - ไปเร็ว 2121 01:51:08,252 --> 01:51:11,129 "เครื่องบินอีกลำ รถไฟอีกขบวน เติมเหล้าในสมองอีกสักขวด" 2122 01:51:11,213 --> 01:51:14,091 บีสตีบอยส์แร็ปไว้ ในเพลง "No Sleep 'Till" 2123 01:51:14,800 --> 01:51:16,760 - เอริค - บรุกลินคืออะไร 2124 01:51:16,844 --> 01:51:20,097 - คุณพูดถึงกรันจ์ใช่ไหม - กรันจ์ 2125 01:51:21,849 --> 01:51:22,975 กรันจ์ 2126 01:51:24,184 --> 01:51:25,185 กรันจ์ 2127 01:51:25,269 --> 01:51:27,271 ใครสังเกตใน ร้านโคซี่ซุปแอนด์เบอร์เกอร์บ้าง 2128 01:51:27,354 --> 01:51:30,148 เวลาคุณสั่งเบอร์เกอร์ พวกเขาจะมีช้อนตักไอศกรีม 2129 01:51:30,232 --> 01:51:32,985 และพวกเขามีเหมือนลิ้นชักใส่เนื้อ 2130 01:51:33,068 --> 01:51:34,653 พวกเขาจะจกลงไปในนั้น 2131 01:51:34,736 --> 01:51:37,030 แล้วตักเอาเนื้อลูกนึงมาวางบนเตา 2132 01:51:37,781 --> 01:51:40,826 ข้อมูลสนุกๆ นะ ตอนเราเด็กๆ เราจะคิดว่า "โย่ วันนึงพอเราโต 2133 01:51:40,909 --> 01:51:42,953 เราจะซื้อลิ้นชักใส่เนื้อไว้ในบ้าน" 2134 01:51:43,036 --> 01:51:45,247 - พูดจริงนะ พูดจริง - จริงแน่นอน 2135 01:51:45,330 --> 01:51:46,748 - ใช่ไหม - แน่นอน 2136 01:51:46,832 --> 01:51:49,710 การออกทัวร์กับฟูไฟต์เตอร์ส และโซนิกยูธเป็นไงบ้าง 2137 01:51:49,793 --> 01:51:52,713 ฟูไฟต์เตอร์ส ผมโตมากับวงนี้ ตั้งแต่ผมอายุ... 2138 01:51:52,796 --> 01:51:54,673 ตั้งแต่ผมอายุแค่สี่ขวบ ผมเคย... 2139 01:51:54,756 --> 01:51:56,717 - โย่ จะบอกให้นะ... - เด็กๆ พวกนี้มันบ้า 2140 01:51:56,800 --> 01:51:59,052 เด็กๆ พวกนี้เหมือนหลุดจากโซ่ล่าม 2141 01:51:59,136 --> 01:52:02,014 จะบอกให้นะ ผมกับโซนิกยูธ คู่กันเหมือนทารกกับจุกนมเลย 2142 01:52:02,097 --> 01:52:03,015 - นั่นสินะ - จริงๆ 2143 01:52:03,098 --> 01:52:06,310 - เด็กพวกนี้เสียสติไปแล้ว - ผมเคยอาบน้ำหมากับเทิร์สตัน 2144 01:52:06,393 --> 01:52:08,604 เฮ้ย ตัวนั้นเราอาบไปแล้ว 2145 01:52:08,687 --> 01:52:11,064 - ไม่เห็นต้องโกรธเลย - เราอาบให้มันแล้ว 2146 01:52:11,148 --> 01:52:13,901 ว่าไงพวก นายจะอาบน้ำหมา ไปตลอดชีวิตไม่ได้นะ 2147 01:52:13,984 --> 01:52:17,070 ไปออกทัวร์กันเถอะ ขึ้นแสดงบนเวทีด้วยกัน 2148 01:52:17,154 --> 01:52:20,282 เราตื่นเต้นและแปลกใจมาก 2149 01:52:20,365 --> 01:52:22,117 แต่เราก็... 2150 01:52:23,410 --> 01:52:25,746 เราก็แปลกใจที่ริค... 2151 01:52:30,209 --> 01:52:35,130 "และเราก็แปลกใจ... ที่ริคเป็นคนรัสเซียเหรอ" 2152 01:52:36,507 --> 01:52:39,510 เพราะงี้เราถึงเข้ากันได้ดี ทุกคนในวงนี้เลย 2153 01:52:39,593 --> 01:52:41,970 เราเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย เข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม 2154 01:52:42,054 --> 01:52:43,347 คุณชอบตอนไหนที่สุดในโชว์นี้ 2155 01:52:43,430 --> 01:52:46,683 ผมว่าตอนที่เราออกมาก็ดีนะ 2156 01:52:46,767 --> 01:52:48,810 - นายคิดว่าไง - ตอนที่หนุ่มๆ พวกนั้นขึ้นเวที 2157 01:52:48,894 --> 01:52:50,562 เล่นเพลง"King of Rock" และเราสนุกไปด้วย 2158 01:52:50,646 --> 01:52:52,356 ตอนนั้นน่าจะเจ๋งที่สุดแล้ว 2159 01:52:52,439 --> 01:52:55,526 - ใช่ ประกายไฟนั่นด้วย ใช่ - น่าจะเป็นตอนที่เยี่ยมที่สุด... 2160 01:52:55,609 --> 01:52:57,694 - เข้ากันไง - ใช่ เข้ากันเป็นหนึ่ง 2161 01:52:59,238 --> 01:53:00,531 รู้ไหม... 2162 01:53:00,614 --> 01:53:02,950 - ไมค์เสียสติไปแล้ว - บ้าชิบ 2163 01:53:03,033 --> 01:53:05,369 ไมค์เป็นอะไรไปเนี่ย 2164 01:53:06,370 --> 01:53:08,205 นายต้องใส่รองเท้า ถ้าจะเดินบนนั้น 2165 01:53:08,288 --> 01:53:09,623 รองเท้าอยู่ไหน 2166 01:53:09,706 --> 01:53:11,750 ฉันหารองเท้าไม่เจอ กางเกงกำมะหยี่ด้วย 2167 01:53:11,834 --> 01:53:14,253 ตอนที่เอ็มทีวีได้วิดีโอนี้ มันช่างติดตาจริงๆ 2168 01:53:14,336 --> 01:53:17,798 และก้าวข้าวขอบเขตของการทำวิดีโอ เราขอยกให้เป็นวิดีโอแหวกแนวไปเลย 2169 01:53:17,881 --> 01:53:19,591 "Shadrach" น่าสนใจด้วยสองเหตุผล 2170 01:53:19,675 --> 01:53:21,552 ข้อแรก เพราะแอนิเมชันในวิดีโอนี้ ทำได้ดีมาก 2171 01:53:21,635 --> 01:53:24,888 ข้อที่สอง เพราะมันกำกับและสร้างขึ้น โดยสมาชิกในวงคนเดียว 2172 01:53:24,972 --> 01:53:27,599 ผู้กำกับโจนาธาน เดย์ตัน และวาเลอรี ฟาริสถ่ายทำบางตอน 2173 01:53:27,683 --> 01:53:29,184 ของคอนเสิร์ตบีสตีบอยส์ 2174 01:53:29,268 --> 01:53:32,855 จากนั้นเอ็มซีเอ สมาชิกในวง ได้นำภาพเหล่านั้นมาทำใหม่ทีละเฟรม 2175 01:53:32,938 --> 01:53:34,648 เพื่อสร้างแอนิเมชันที่น่าอัศจรรย์ 2176 01:53:34,731 --> 01:53:35,816 ดูผลงานจากฝีมือของเขาสิ 2177 01:53:35,899 --> 01:53:38,694 นี่คือเพลงใหม่จากบีสตีบอยส์ "Shadrach" ครับ 2178 01:53:41,154 --> 01:53:42,656 เดี๋ยวก่อนนะ อดัม 2179 01:53:42,739 --> 01:53:45,158 เดี๋ยวก่อนสิ ขอโทษทีนะ อดัม 2180 01:53:45,242 --> 01:53:47,286 - อดัม... - อะไรกัน มีอะไร เดวิด ครอสส์ 2181 01:53:47,369 --> 01:53:49,746 อะไรวะเนี่ย... ขอโทษที ผมแค่... อะไรกันเนี่ย 2182 01:53:49,830 --> 01:53:51,331 มีอะไร เบ็น สติลเลอร์ 2183 01:53:51,415 --> 01:53:53,917 - เฮ้ ทุกคน - อะไร นั่นใคร... 2184 01:53:54,001 --> 01:53:55,752 - สบายดีไหม - เฮ้ สตีฟ บูเซมี 2185 01:53:55,836 --> 01:53:57,212 เฮ้ สบายดีไหม 2186 01:53:57,296 --> 01:54:00,966 ขอโทษที ผมเดินอยู่บนถนน พยายามเก็บตัวที่ฉีกขาด 2187 01:54:01,049 --> 01:54:02,426 และผมบังเอิญได้ยิน... 2188 01:54:02,509 --> 01:54:05,053 ผมเพิ่งตื่นนอน แต่ผมคิดว่าผมได้ยินคุณ... 2189 01:54:06,889 --> 01:54:09,391 ผมว่าผมได้ยินคุณพูดถึง Paul's Boutique 2190 01:54:09,474 --> 01:54:12,186 อัลบั้มใหม่ล่าสุดของพวกเขา มีชื่อว่า Licensed to Kill 2191 01:54:12,269 --> 01:54:14,438 ได้รางวัลแพลตินัมหลังปล่อยอัลบั้ม เพียงแปดสัปดาห์เท่านั้น 2192 01:54:14,521 --> 01:54:15,564 Licensed to Kill ใช่ไหม 2193 01:54:15,647 --> 01:54:17,191 - Ill ต่างหาก - Ill! 2194 01:54:18,317 --> 01:54:19,401 "Ill" ต่างหากล่ะ โจน 2195 01:54:19,484 --> 01:54:22,779 บอกเลยนะคะ คอนแทคเลนส์ฉันไม่ชัด แป๊บนึงนะ 2196 01:54:22,863 --> 01:54:25,616 อัลบั้มของพวกเขา มีชื่อว่า Licensed to Ill 2197 01:54:26,116 --> 01:54:28,202 ชื่ออัลบั้มอะไรงี่เง่าจัง 2198 01:54:29,036 --> 01:54:32,831 ทุกคนรู้ว่า Paul's Boutique เป็นความล้มเหลวทางธุรกิจครั้งโต 2199 01:54:32,915 --> 01:54:34,958 - ความล้มเหลวที่น่าสังเวช - ล้มไม่เป็นท่า 2200 01:54:35,042 --> 01:54:36,710 - แย่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว - ไม่มีคนซื้อ 2201 01:54:36,793 --> 01:54:39,004 มันคงน่าอับอายมากๆ เลย 2202 01:54:39,087 --> 01:54:42,674 ความล้มเหลวครั้งมโหฬาร 2203 01:54:42,758 --> 01:54:45,344 - ขอบคุณมากครับที่ย้ำ - เราทุกคนรู้อยู่แล้ว 2204 01:54:45,427 --> 01:54:48,514 เวลาต้นไม้ล้มในป่า ไม่มีใครสังเกตเห็นหรอก 2205 01:54:49,723 --> 01:54:54,311 ที่ผมอยากถามคุณก็คือ คุณยังทำต่อไปได้ยังไง... 2206 01:54:54,394 --> 01:54:59,316 ไม่ใช่ "ได้ยังไง" สิ ทำไมคุณถึงทำวงต่อไปอีก 2207 01:54:59,399 --> 01:55:02,152 - แต่ว่า... - ย้อนกลับไป อย่างที่เรารู้กัน 2208 01:55:02,236 --> 01:55:06,949 ตอนนี้มันกลายเป็นอัลบั้มแร็ป ที่มีอิทธิพลมากที่สุดเลย ใช่ไหม 2209 01:55:07,699 --> 01:55:13,872 ผมแค่บอกให้ฟัง อดัม สำหรับผมแล้ว มันเหมือน Pet Sounds แบบแร็ป... 2210 01:55:13,956 --> 01:55:17,835 เป็นเพราะการใช้ท่อนดนตรี มาซ้อนกันมากเกินไป... 2211 01:55:19,419 --> 01:55:21,630 ท่อนดนตรี ซ้อนกันเป็นชั้น 2212 01:55:21,713 --> 01:55:22,923 ฮิป 2213 01:55:23,006 --> 01:55:24,007 ฮอป 2214 01:55:24,758 --> 01:55:29,221 แล้วตอนนี้คุณพูดถึงมันว่า "ไม่มีใครชอบ" 2215 01:55:29,304 --> 01:55:31,557 ผมรู้สึกว่าคุณทำสิ่งที่คุณชอบ 2216 01:55:31,640 --> 01:55:34,351 "มันไม่ดี ผมก็จะบอกว่ามันไม่ดี 2217 01:55:34,434 --> 01:55:36,979 แต่ผมอยากให้พวกคุณรู้สึก ว่ามันดีจริงๆ" 2218 01:55:37,062 --> 01:55:39,314 เหมือนอะไรที่อยู่ในหัวเรา ทำให้เรารู้สึกแย่ 2219 01:55:39,398 --> 01:55:40,774 แต่เพราะคุณรู้สึกแย่กับตัวเอง 2220 01:55:40,858 --> 01:55:42,109 ผมไม่อยากพูดลึกถึงรายละเอียด 2221 01:55:42,192 --> 01:55:43,610 และนี่ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร 2222 01:55:43,694 --> 01:55:45,779 - เฮ้ ไมค์ เป็นไงบ้าง - ว่าไง 2223 01:55:45,863 --> 01:55:47,364 - และคืนนี้... - โย่ ว่าไง 2224 01:55:47,447 --> 01:55:50,492 เราจะปล่อย "Jimmy James" ให้ทั่วโลกได้รู้จัก 2225 01:55:50,576 --> 01:55:51,410 ใช่ 2226 01:55:51,493 --> 01:55:52,911 มันมาจากหนัง The Little Rascals ตอนที่พูดว่า 2227 01:55:52,995 --> 01:55:56,206 "คุณชื่ออะไร" "จิมมี่ เจมส์ ถามอีกที ผมก็จะตอบเหมือนเดิม" เหรอ 2228 01:55:56,290 --> 01:55:57,875 เปล่า จริงๆ แล้วมาจาก My Three Sons 2229 01:55:57,958 --> 01:56:02,129 ตอนที่ลุงชาร์ลีสติแตก ที่มีขวานอยู่บนหัวเด็กๆ 2230 01:56:02,713 --> 01:56:05,716 โอเค ผมคิดว่าถ้าเป็นเรื่องทัวร์ จากทัวร์ทั้งหมดที่เราเคยไป 2231 01:56:05,799 --> 01:56:08,760 ผมว่าคนที่ประหลาดที่สุด ที่เราออกทัวร์ด้วยน่าจะเป็นไมค์ 2232 01:56:08,844 --> 01:56:11,054 หมอนี่มันหลุดโลก 2233 01:56:15,601 --> 01:56:17,144 หวัดดี ผมชื่อไมค์ 2234 01:56:17,227 --> 01:56:20,856 - แล้วไง... - ผมอยู่ในวงบีสตีบอยส์ 2235 01:56:23,108 --> 01:56:24,359 ไง ไอ้หนู 2236 01:56:25,736 --> 01:56:28,030 "ความมืดคืบคลานมาตอนกลางวัน 2237 01:56:28,906 --> 01:56:31,658 เงาพาดผ่านช้อนสีเงินหนึ่งคัน 2238 01:56:32,826 --> 01:56:36,538 ใบมีดทำเอง ลูกโป่งของเด็กน้อย" 2239 01:56:42,419 --> 01:56:44,880 เฮ้ อย่าพลาดบีสตีบอยส์นะ พวกเขากำลังทัวร์ฤดูร้อนปี 1992 2240 01:56:44,963 --> 01:56:46,924 - ใช่แล้ว - แล้วหลังจากนั้นล่ะ 2241 01:56:47,007 --> 01:56:50,052 - เจ๋งเป้ง! - คุณจะไปไหนต่อ 2242 01:56:50,135 --> 01:56:52,262 (บีสตีบอยส์ - ดัฟฟ์) 2243 01:56:52,971 --> 01:56:56,558 ชาวปาร์ตี้ทั้งหลาย รัน-ดีเอ็มซี และบีสตีบอยส์กำลังไปหาคุณแล้ว 2244 01:56:56,642 --> 01:56:59,353 เราจะเล่นสดให้มันหยดไปเลย ใช่ไหมพวกเรา 2245 01:57:03,815 --> 01:57:05,526 - ไอ้หนู! - แล้วมันผิดตรงไหน 2246 01:57:05,609 --> 01:57:07,402 ตัวนั้นเราอาบไปแล้ว 2247 01:57:07,486 --> 01:57:08,820 ไม่เห็นต้องโกรธเลย 2248 01:59:06,063 --> 01:59:08,065 คำบรรยายโดย ชลันธร เรืองภักดี