1 00:00:06,110 --> 00:00:07,945 ‎(ผลงานซีรีส์จาก NETFLIX) 2 00:00:51,947 --> 00:00:55,826 ‎ปี 1551 ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงกลียุค 3 00:00:56,994 --> 00:01:01,123 ‎รัฐบาลกลางสูญเสียอำนาจ ‎หลังปกครองประเทศมาหลายศตวรรษ 4 00:01:02,500 --> 00:01:06,545 ‎ญี่ปุ่นจึงถูกบีบให้เข้าสู่ ‎สงครามกลางเมืองอันโหดร้ายทารุณ 5 00:01:08,714 --> 00:01:12,760 ‎อนาธิปไตยแผ่อิทธิพลเมื่อขุนศึกอาวุธครบมือ ‎หรือที่เรียกว่าไดเมียว 6 00:01:12,843 --> 00:01:15,096 ‎เปิดศึกแย่งชิงอำนาจและดินแดน 7 00:01:17,139 --> 00:01:19,100 ‎ในจังหวัดเล็กๆ ที่ชื่อโอวาริ 8 00:01:19,183 --> 00:01:22,186 ‎มีตระกูลเล็กๆ ตระกูลหนึ่ง ‎ที่รู้จักกันในนามตระกูลโอดะ 9 00:01:22,269 --> 00:01:26,524 ‎ซามูไรผ่าเหล่าผ่ากอผู้หนึ่งในตระกูล ‎กำลังจะเปิดศึกนองเลือด 10 00:01:26,607 --> 00:01:28,734 ‎ที่จะทำให้ผู้คนหลายพันล้มตายใต้คมดาบ 11 00:01:28,818 --> 00:01:33,197 ‎และกำหนดทิศทาง ‎ของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นไปอีก 300 ปี 12 00:01:38,285 --> 00:01:40,830 ‎(ญี่ปุ่น ปี 1551) 13 00:02:11,402 --> 00:02:17,116 ‎เหตุการณ์สำคัญในปี 1551 ของตระกูลโอดะ ‎คือการตายของโอดะ โนบุฮิเดะผู้ยิ่งใหญ่ 14 00:02:24,165 --> 00:02:28,711 ‎เมื่อโนบุฮิเดะเสียชีวิต 15 00:02:28,794 --> 00:02:31,922 ‎ตระกูลโอดะก็แตกแยกในทันที 16 00:02:35,759 --> 00:02:38,971 ‎เจ้าจะไม่มีวันได้เป็นผู้นำตระกูลนี้ 17 00:02:43,893 --> 00:02:45,811 ‎ความตาย การสูญเสียผู้นำ 18 00:02:45,895 --> 00:02:51,108 ‎คือช่วงวิกฤติที่สุด ‎ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในตระกูลหรืออาณาจักรใด 19 00:02:59,116 --> 00:03:01,827 ‎และตระกูลที่เราเรียกกันในที่นี้ 20 00:03:01,911 --> 00:03:04,246 ‎ไม่ใช่ตระกูลที่เป็นครอบครัวในแบบที่เราเข้าใจ 21 00:03:04,330 --> 00:03:06,415 ‎แกนกลางของตระกูลคือเครือญาติ 22 00:03:06,498 --> 00:03:10,628 ‎พี่น้องที่อาจแข่งขันชิงตำแหน่ง แต่ขณะเดียวกัน 23 00:03:10,711 --> 00:03:13,255 ‎ก็มีข้ารับใช้ มีบริวาร 24 00:03:13,339 --> 00:03:16,467 ‎มีญาติที่แต่งเข้าตระกูล ดังนั้นจึงมีแบ่งเป็นฝักฝ่าย 25 00:03:18,427 --> 00:03:22,014 ‎และช่วงที่ผู้นำเสียชีวิต ‎คือช่วงทดสอบพลกำลังของทุกฝ่าย 26 00:03:23,641 --> 00:03:27,186 ‎อีกปัญหาหนึ่งสำหรับตระกูลโอดะคือ ‎เป็นตระกูลขนาดเล็ก 27 00:03:27,269 --> 00:03:29,939 ‎ที่มีตระกูลขนาดใหญ่กว่ามากอยู่รายรอบ 28 00:03:33,108 --> 00:03:35,611 ‎พวกเขาจึงต้องเน้นไปที่การวางกลยุทธ์มากกว่า 29 00:03:35,694 --> 00:03:38,697 ‎และคิดรอบคอบกว่าใครเรื่องหาวิธีเอาตัวรอด 30 00:03:38,781 --> 00:03:41,617 ‎ถ้าพวกเขาคือปลาเล็กกลางวงล้อมของวาฬ 31 00:03:55,631 --> 00:03:58,968 ‎เพราะตระกูลโอดะตกอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม 32 00:03:59,051 --> 00:04:02,179 ‎จึงทำให้สมาชิกของตระกูลส่วนมากแปลกใจ ‎เมื่อโอดะ โนบุฮิเดะ 33 00:04:02,263 --> 00:04:07,017 ‎เลือกบุตรชายคนโต โอดะ โนบุนากะเป็นทายาท 34 00:04:10,604 --> 00:04:13,941 ‎ซึ่งเป็นตัวเลือกที่ขัดสายตา ‎คนในตระกูลส่วนมากด้วยหลายสาเหตุ 35 00:04:14,024 --> 00:04:17,987 ‎มีความบาดหมางฝังลึก ‎ระหว่างญาติพี่น้องของโนบุนากะ 36 00:04:18,069 --> 00:04:19,947 ‎ซึ่งมีหลายคน 37 00:04:20,030 --> 00:04:24,827 ‎ทุกคนคิดว่าตนเองจะทำหน้าที่นี้ ‎ได้ดีกว่าโนบุนากะซึ่งยังอายุน้อย 38 00:04:44,888 --> 00:04:48,350 ‎พฤติกรรมของโนบุนากะในพิธีศพของบิดา 39 00:04:48,434 --> 00:04:51,979 ‎ยิ่งทำให้ญาติพี่น้องเหยียดหยามเขามากกว่าเดิม 40 00:04:52,062 --> 00:04:55,733 ‎เพราะแทนที่จะแสดงท่าที ‎โศกเศร้าเหมาะสมตามธรรมเนียม 41 00:04:55,816 --> 00:05:00,321 ‎เขากลับหยิบธูปเต็มกำมือแล้วขว้างใส่แท่นบูชา 42 00:05:02,323 --> 00:05:03,490 ‎เจ้าโง่ 43 00:05:10,706 --> 00:05:14,293 ‎โนบุนากะได้ชื่อว่าเป็นคนเลือดร้อน 44 00:05:17,463 --> 00:05:20,132 ‎เขาเป็นชายประเภทที่ทำตัวหยาบคาย เกเร 45 00:05:26,096 --> 00:05:29,058 ‎จึงมีคนมากมาย ทั้งในตระกูลโอดะเอง 46 00:05:29,141 --> 00:05:32,811 ‎และในตระกูลไดเมียวต่างๆ ‎ที่เป็นพันธมิตรกับตระกูลโอดะ 47 00:05:32,895 --> 00:05:34,897 ‎เห็นว่าเขาคือคนโง่ 48 00:05:48,786 --> 00:05:49,995 ‎ท่านพี่ ขอร้อง 49 00:05:58,754 --> 00:06:02,591 ‎ในญี่ปุ่น พิธีกรรมคือสิ่งสำคัญที่สุด 50 00:06:03,384 --> 00:06:06,637 ‎และสมาชิกในตระกูลเหล่านี้ ‎ต่างชอบทำตามขนบประเพณี 51 00:06:08,055 --> 00:06:10,307 ‎เขากลับไม่สนใจประเพณีโดยสิ้นเชิง 52 00:06:19,024 --> 00:06:22,194 ‎พฤติกรรมของโนบุนากะทำให้หลายคนกังวลมาก 53 00:06:22,277 --> 00:06:24,822 ‎กับการที่เขาได้ขึ้นเป็นผู้นำตระกูล 54 00:06:24,905 --> 00:06:28,951 ‎จนทำให้บุคคลหนึ่งในนั้น ‎กระทำการที่อุกอาจที่สุดเท่าที่เป็นได้ 55 00:06:33,956 --> 00:06:36,166 ‎เขาชื่อ ฮิราเตะ มาซาฮิเดะ 56 00:06:36,250 --> 00:06:39,837 ‎ผู้ถูกวางตัวเป็นหัวหน้าบริวารของทายาทคนใหม่ 57 00:07:03,402 --> 00:07:07,322 ‎เขาตกใจมากกับพฤติกรรมของโนบุนากะ ‎และละอายใจมากจนถึงกับ 58 00:07:07,406 --> 00:07:09,783 ‎ประท้วงด้วยการทำเซ็ปปูกุ 59 00:07:09,867 --> 00:07:11,952 ‎หรือพูดอีกแบบคือ เขาคว้านท้องตัวเอง 60 00:07:15,539 --> 00:07:17,791 ‎มันคือพิธีกรรมคว้านท้องตัวเองรูปแบบหนึ่ง 61 00:07:19,460 --> 00:07:23,172 ‎เล่ากันว่าบางคนที่คว้านท้องตัวเอง 62 00:07:23,255 --> 00:07:24,506 ‎ยังควักไส้ออกมาด้วย 63 00:07:27,176 --> 00:07:29,887 ‎มันคือวิธีหนึ่งของการ ‎ควบคุมความตายด้วยมือตนเอง 64 00:07:31,763 --> 00:07:33,223 ‎แต่ในบางราย 65 00:07:33,307 --> 00:07:36,393 ‎มันยังเป็นวิธีแสดงการประท้วง 66 00:07:36,477 --> 00:07:41,857 ‎อาจเป็นวิธีหนึ่งที่กระตุ้นผู้ชมกระทำการบางอย่าง 67 00:07:47,863 --> 00:07:52,159 ‎มาซาฮิเดะคงส่งสัญญาณ ‎แก่บุคคลอื่นในตระกูลโอดะว่า "ดูซะ 68 00:07:52,242 --> 00:07:56,747 ‎ถ้าพวกเจ้าคิดว่าโนบุนากะ ‎คือคนโง่และหยาบคายขนาดนั้น 69 00:07:56,830 --> 00:07:58,415 ‎และพวกเจ้านับถือข้า 70 00:07:58,499 --> 00:08:01,668 ‎การฆ่าตัวตายของข้าควรเป็นสัญญาณว่าบางที 71 00:08:01,752 --> 00:08:05,088 ‎โนบุนากะคงไม่ใช่คนที่ ‎พวกเจ้าอยากสนับสนุนจริงๆ" 72 00:08:11,887 --> 00:08:15,599 ‎ชีวิตของโนบุนากะเสี่ยงภัยตั้งแต่วันแรก 73 00:08:18,477 --> 00:08:23,398 ‎เขารู้ตัวดีว่าตนโดดเดี่ยวอยู่กลางแดนอันตราย 74 00:08:24,191 --> 00:08:26,151 ‎ทั้งที่เป็นดินแดนของตระกูล 75 00:08:27,986 --> 00:08:32,782 ‎ในยุคเซ็นโกคุ การฆาตกรรม ‎ในตระกูลเป็นเรื่องธรรมดาที่สุด 76 00:08:32,866 --> 00:08:34,785 ‎พ่อฆ่าลูก 77 00:08:34,868 --> 00:08:36,536 ‎ลูกฆ่าพ่อ 78 00:08:36,620 --> 00:08:37,913 ‎พี่น้องฆ่ากันเอง 79 00:08:39,373 --> 00:08:41,541 ‎ทั้งหมดนี้เพื่อการยึดอำนาจ 80 00:09:00,477 --> 00:09:05,023 ‎มีข้อสงสัยว่าภรรยาของเขา โนฮิเมะ ‎น่าจะวางแผนกำจัดเขา 81 00:09:08,026 --> 00:09:12,364 ‎เพราะเธอคือลูกสาวของ ‎ศัตรูคู่อาฆาตของเขานั่นเอง ไซโต้ โดซัน 82 00:09:12,447 --> 00:09:15,450 ‎ซึ่งมีฉายาว่า งูพิษแห่งมิโน่ ‎เธอคือลูกสาวของงูพิษ 83 00:09:17,661 --> 00:09:20,872 ‎พวกเขาแต่งงานกันเพื่อเป็น ‎หนทางสงบศึกระหว่างสองตระกูล 84 00:09:20,956 --> 00:09:22,958 ‎ก็เลยมีคนสงสัยว่า 85 00:09:23,041 --> 00:09:27,713 ‎เธอน่าจะถูกส่งตัวมาจับตาดูเขา 86 00:09:29,256 --> 00:09:32,759 ‎บางทีอาจจะเพื่อสังหารเขาก็ได้ถ้าจำเป็น 87 00:09:35,554 --> 00:09:39,474 ‎ซึ่งนี่คือหนึ่งในอันตรายใหญ่หลวง ‎ของการแต่งงานสร้างพันธมิตรแบบนี้ 88 00:09:39,558 --> 00:09:42,894 ‎เมื่อเรามีลูกสาวของศัตรูตัวฉกาจที่สุดร่วมเตียง 89 00:09:48,483 --> 00:09:50,944 ‎เธออาจจะสังหารเขาด้วยยาพิษก็ได้ 90 00:09:56,658 --> 00:09:59,369 ‎ถ้าเขาตาย จะเป็นผลดีต่อเรา 91 00:10:00,829 --> 00:10:01,997 ‎เขาเห็นแก่ตัว 92 00:10:02,080 --> 00:10:03,749 ‎เขาคิดถึงแต่ตัวเอง 93 00:10:07,419 --> 00:10:10,005 ‎และมีหลายคนสงสัยว่าเธอคงสมคบคิด 94 00:10:10,088 --> 00:10:12,633 ‎กับน้องชายของสามี โนบุยูกิ 95 00:10:12,716 --> 00:10:14,259 ‎(โอดะ โนบุยูกิ น้องของโนบุนากะ) 96 00:10:14,801 --> 00:10:17,554 ‎โนบุยูกิเป็นที่ชื่นชอบของญาติพี่น้องมากทีเดียว 97 00:10:17,638 --> 00:10:21,975 ‎ด้วยความที่เขามีลักษณะสุขุม ‎ซึ่งตรงข้ามกับโนบุนากะมาก 98 00:10:24,770 --> 00:10:27,356 ‎เรียกได้ว่าเขาคือบุตรชายที่ดี 99 00:10:27,439 --> 00:10:31,985 ‎บุตรชายที่รักษาศักดิ์ศรีตลอดเวลาที่บิดายังมีชีวิต 100 00:10:37,949 --> 00:10:41,578 ‎โชคดีของโนบุนากะ ‎หนึ่งในบริวารที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเขา 101 00:10:41,662 --> 00:10:45,582 ‎รายงานว่าโนบุยูกิคิดจะยึดอำนาจ 102 00:10:55,300 --> 00:10:57,719 ‎โปรดอภัยให้ข้าด้วย 103 00:11:04,434 --> 00:11:05,352 ‎ท่านพี่ 104 00:11:13,777 --> 00:11:16,446 ‎เจ้าไม่ใช่น้องของข้า 105 00:11:26,665 --> 00:11:31,378 ‎เหตุการณ์นี้แสดงให้เห็น ‎นิสัยด้านหนึ่งของเขาซึ่ง... 106 00:11:31,461 --> 00:11:33,797 ‎โหดเหี้ยมมาก 107 00:11:35,006 --> 00:11:37,467 ‎ฝังลึกอยู่ในแรงปรารถนาที่จะเอาตัวรอด 108 00:11:38,218 --> 00:11:41,263 ‎ฝังลึกอยู่ในแรงปรารถนาที่จะเป็นใหญ่ 109 00:11:41,346 --> 00:11:45,225 ‎เหตุการณ์นี้คือวิธีของโนบุนากะที่จะประกาศว่า 110 00:11:45,308 --> 00:11:49,354 ‎เขาจะสู้ถึงที่สุดแม้จะต้องตาย 111 00:11:49,438 --> 00:11:51,982 ‎ความล้มเหลวที่จะโค่นเขาในครั้งนี้ 112 00:11:52,065 --> 00:11:55,193 ‎ทำให้โนบุนากะเป็นที่ยำเกรงของทุกคน 113 00:12:01,366 --> 00:12:05,203 ‎เมื่อกำจัดภัยคุกคาม ‎ที่เป็นสายเลือดเดียวกันไปแล้ว 114 00:12:05,287 --> 00:12:09,624 ‎โนบุนากะก็หันไปสนใจ ‎ภัยที่เหลือสุดท้ายซึ่งร้ายกาจที่สุด 115 00:12:10,250 --> 00:12:11,918 ‎ในการที่เขาจะยึดครองจังหวัดโอวาริ 116 00:12:13,295 --> 00:12:15,714 ‎ภัยที่ว่านี้คือญาติของเขาเอง โนบุกาตะ 117 00:12:20,385 --> 00:12:22,804 ‎โนบุกาตะกุมพื้นที่ทางเหนือของโอวาริ 118 00:12:28,018 --> 00:12:30,312 ‎เขามีผู้ใต้บังคับบัญชา 3,000 นาย 119 00:12:32,856 --> 00:12:34,816 ‎โนบุกาตะคือศัตรูที่สูสีมาก 120 00:12:36,318 --> 00:12:39,571 ‎ดังนั้นในตอนนี้เรามีนักรบมาแรงสองคน 121 00:12:40,906 --> 00:12:44,826 ‎การห้ำหั่นระหว่างทั้งคู่คือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ 122 00:12:44,910 --> 00:12:49,247 ‎เมื่อต่างฝ่ายต่างครอบครองพื้นที่คนละครึ่ง ‎ของจังหวัดโอวาริในยามนี้ 123 00:12:49,331 --> 00:12:50,916 ‎และต้องการขยายอำนาจของตน 124 00:12:50,999 --> 00:12:54,085 ‎พวกเขาไม่เพียงแย่งชิงดินแดนและพื้นที่เท่านั้น 125 00:12:54,169 --> 00:12:57,255 ‎แต่ยังห้ำหั่นกันว่าใครคือผู้นำตระกูลโอดะด้วย 126 00:12:57,339 --> 00:13:02,928 ‎และเพื่อยุติเรื่องนี้ ผมว่า ‎โนบุนากะคิดจะเผด็จศึกในคราวเดียว 127 00:13:03,011 --> 00:13:06,223 ‎ที่ตัดสินว่าเขาจะพิชิตหรือพ่ายแพ้ 128 00:13:10,602 --> 00:13:14,815 ‎การที่โอดะ โนบุนากะจะออกรบ ‎เขาต้องมีกองทัพซามูไร 129 00:13:22,614 --> 00:13:25,867 ‎แปดร้อยปีก่อนโนบุนากะจะมีบทบาท 130 00:13:25,951 --> 00:13:29,538 ‎ไม่มีใครอยากได้ชื่อว่าซามูไร ‎เพราะมันหมายถึง "ข้ารับใช้" 131 00:13:37,254 --> 00:13:40,674 ‎แต่คำนี้ค่อยๆ มีความหมาย ‎เป็นแบบที่เราเข้าใจในปัจจุบัน 132 00:13:40,757 --> 00:13:45,387 ‎ชายที่เทียบเท่าอัศวินบนหลังม้าของญี่ปุ่นโบราณ 133 00:13:52,602 --> 00:13:58,525 ‎ในที่สุด "ซามูไร" ก็มีความหมายว่า ‎"บูชิ" หรือชนชั้นนักรบ 134 00:14:09,119 --> 00:14:12,998 ‎แน่นอนว่าอาวุธที่เป็นสัญลักษณ์ ‎ชัดที่สุดของซามูไรคือดาบคาตานะ 135 00:14:13,081 --> 00:14:14,416 ‎ดาบญี่ปุ่น 136 00:14:17,127 --> 00:14:21,548 ‎ซึ่งเป็นที่ยอมรับว่าน่าจะเป็น ‎ดาบที่ดีที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์โลก 137 00:14:23,466 --> 00:14:27,470 ‎ดาบคาตานะมีคมดาบโค้งที่ยืดหยุ่นและคมมาก 138 00:14:31,266 --> 00:14:35,186 ‎มันทำให้ซามูไรชักดาบออกจากฝัก ‎ฟันฉับเห็นผลในครั้งเดียว 139 00:14:35,270 --> 00:14:38,982 ‎และยังเอื้อประโยชน์ให้ ‎ซามูไรบนหลังม้าอย่างมาก 140 00:14:39,065 --> 00:14:43,028 ‎เพราะทุกการฟาดฟัน ‎ที่พุ่งเป้าโจมตีทหารเดินเท้าเบื้องล่าง 141 00:14:45,739 --> 00:14:49,826 ‎จะเฉือนศัตรูด้วยแรงเคลื่อนที่ ‎ของม้าที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า 142 00:14:51,369 --> 00:14:54,331 ‎นักรบเหล่านี้แข็งแกร่งน่าทึ่ง 143 00:14:54,414 --> 00:14:59,669 ‎พวกเขารู้จักแต่การศึกมานับร้อยปี ‎พวกเขารู้จักการสู้รบมาแต่เกิด 144 00:15:04,299 --> 00:15:07,802 ‎น่าจะเป็นนักรบที่เก่งที่สุด ‎เท่าที่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์ 145 00:15:19,689 --> 00:15:24,986 ‎โนบุนากะยังยึดประเพณีโบราณของซามูไร 146 00:15:27,489 --> 00:15:31,993 ‎แต่เขารู้ว่าการรบในญี่ปุ่น ‎จะเปลี่ยนจากรูปแบบเดิม 147 00:15:33,995 --> 00:15:37,874 ‎สงครามจะกลายเป็นเรื่องของ ‎พวกมากมีชัย เราต้องมีกองทัพขนาดใหญ่ 148 00:15:41,503 --> 00:15:45,048 ‎เราคิดถึงโอดะ โนบุนากะ ‎ในฐานะอเล็กซานเดอร์มหาราชแห่งญี่ปุ่นก็ได้ 149 00:15:45,131 --> 00:15:48,218 ‎เขาน่าจะเป็นผู้นำทัพที่มีหัวก้าวหน้าที่สุดในยุคนั้น 150 00:15:48,301 --> 00:15:53,306 ‎เพราะเขาเปิดรับความคิดใหม่ ‎ทุกรูปแบบอย่างน่าทึ่ง 151 00:15:54,808 --> 00:15:57,102 ‎ก่อนหน้ายุคสมัยของโนบุนากะ 152 00:15:57,185 --> 00:16:01,606 ‎กองทัพและการศึกเป็นกิจการขนาดเล็กทีเดียว 153 00:16:01,690 --> 00:16:03,942 ‎เมื่อกองทัพเติบโตขึ้น 154 00:16:04,025 --> 00:16:07,278 ‎ภายใต้แรงกดดันที่จะต้องรอดชีวิตจากศัตรู 155 00:16:07,362 --> 00:16:11,908 ‎โนบุนากะจึงเริ่มคิดเกณฑ์ชาวบ้านเข้าร่วมมากขึ้น 156 00:16:11,992 --> 00:16:13,660 ‎เรารู้จักทหารเหล่านี้ในชื่ออาชิงารุ 157 00:16:15,245 --> 00:16:17,580 ‎พวกเขาคือชาวนาที่ถูกเกณฑ์มาร่วมรบ 158 00:16:17,664 --> 00:16:18,873 ‎เป็นทหารราบ 159 00:16:19,457 --> 00:16:23,336 ‎ทหารเหล่านี้มีชีวิตอยู่ใต้ปกครองของซามูไร 160 00:16:23,420 --> 00:16:25,964 ‎ยาวนานเกือบ 400 ปี 161 00:16:26,047 --> 00:16:27,465 ‎พวกเขาคือทรัพย์สมบัติ 162 00:16:27,549 --> 00:16:30,010 ‎เป็นข้าทาสของชนชั้นปกครอง 163 00:16:30,093 --> 00:16:33,930 ‎ที่ใช้งานข้าทาสเหมือนเป็นเศษเงินติดกระเป๋า 164 00:16:43,398 --> 00:16:47,193 ‎แต่อาชิงารุของโนบุนากะแตกต่างอย่างมาก 165 00:16:47,277 --> 00:16:49,988 ‎จากอาชิงารุในขนบเดิม 166 00:16:50,071 --> 00:16:52,323 ‎ซึ่งไม่ต่างจากชาวนาถือไม้พลอง 167 00:16:53,158 --> 00:16:57,412 ‎โนบุนากะเลี้ยงดูและฝึกฝนพวกเขาอย่างจริงจัง 168 00:16:58,747 --> 00:17:02,292 ‎เขาตระหนักว่าเมื่อฝึกฝนพวกเขาจริงจัง ‎และได้ความจงรักภักดีเพียงน้อยนิด 169 00:17:02,375 --> 00:17:06,171 ‎พวกเขาจะกลายเป็นพลทหาร ‎ที่มีประสิทธิภาพและอันตรายมาก 170 00:17:06,879 --> 00:17:10,466 ‎กองทหารราบเหล่านี้ ‎มีค่ายิ่งกว่าซามูไรจำนวนมาก 171 00:17:11,634 --> 00:17:15,597 ‎พวกเขาเปลี่ยนจากฝูงคนเป็นกองทัพ 172 00:17:18,515 --> 00:17:22,645 ‎ปี 1558 หนึ่งปีหลังสังหารน้องชายตนเอง 173 00:17:22,729 --> 00:17:27,358 ‎และได้กองทัพใหม่ประกอบด้วย ‎ทหารชาวนาเกือบ 3,000 นาย 174 00:17:28,401 --> 00:17:31,654 ‎โนบุนากะก็ออกจากฐานที่มั่น ‎ทางตอนใต้ของจังหวัดโอวาริ 175 00:17:31,738 --> 00:17:34,866 ‎และเดินทัพขึ้นเหนือเพื่อปะทะกับ ‎คู่แข่งของตนเอง โนบุกาตะ 176 00:17:37,285 --> 00:17:38,411 ‎โนบุกาตะตอบโต้ด้วยการ 177 00:17:38,495 --> 00:17:43,333 ‎ระดมพลซามูไร ‎ชำนาญการศึก 3,000 นายของตน 178 00:17:43,416 --> 00:17:45,919 ‎เพื่อยับยั้งและทำลายผู้บุกรุก 179 00:17:47,253 --> 00:17:50,882 ‎โนบุนากะมีประสบการณ์ ‎บัญชาการในสนามรบน้อยมาก 180 00:17:50,965 --> 00:17:53,676 ‎และเขาเผชิญกับกำลังพลที่แข็งแกร่งกว่า 181 00:17:53,760 --> 00:17:55,261 ‎แต่เขามีเรื่องหนึ่งที่ได้เปรียบ 182 00:17:55,804 --> 00:17:57,722 ‎ของขวัญจากโลกภายนอก 183 00:17:57,806 --> 00:18:01,184 ‎ที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าการศึกของญี่ปุ่นไปตลอดกาล 184 00:18:14,864 --> 00:18:19,202 ‎ปี 1453 เรือโปรตุเกสที่มาจากมาเก๊า 185 00:18:19,285 --> 00:18:21,496 ‎ถูกพายุซัดจนออกนอกเส้นทาง 186 00:18:21,579 --> 00:18:24,916 ‎และมาเกยตื้นบนเกาะเล็กๆ เกาะทาเนกาชิมะ 187 00:18:24,999 --> 00:18:27,043 ‎ซึ่งอยู่ชายฝั่งตอนใต้ของญี่ปุ่น 188 00:18:27,127 --> 00:18:30,588 ‎เข้าใจว่าเรือลำนี้พยายามจะขึ้นฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ 189 00:18:30,672 --> 00:18:35,093 ‎และเช่นเดียวกับหลายกรณี ‎ในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น บางสิ่งเกิดผิดพลาด 190 00:18:35,176 --> 00:18:37,554 ‎ผู้ที่ไม่ได้คิดจะมา กลับขึ้นฝั่งที่ญี่ปุ่น 191 00:18:44,435 --> 00:18:47,689 ‎และพวกเขานำอาวุธชนิดนี้มาด้วย ปืนอาร์ควิบัส 192 00:18:54,654 --> 00:18:57,073 ‎สำหรับไดเมียวหลายคน การนำอาวุธปืนมาใช้ 193 00:18:57,157 --> 00:18:59,951 ‎ดูเหมือนไม่ได้เห็นผลแน่นอนทันที 194 00:19:02,495 --> 00:19:06,541 ‎ทั้งเสียเวลาบรรจุกระสุน ‎เสียงดังและมีกลิ่นเหม็น 195 00:19:06,624 --> 00:19:09,460 ‎และถ้าเกิดฝนตก ปืนก็อาจไม่ทำงาน 196 00:19:09,544 --> 00:19:13,298 ‎ดังนั้น ไดเมียวหลายคนจึงลังเลมาก 197 00:19:13,381 --> 00:19:15,091 ‎ที่จะใช้งานปืนอาร์ควิบัสเต็มรูปแบบ 198 00:19:16,759 --> 00:19:18,845 ‎แต่โอดะ โนบุนากะกังวลเรื่องนี้น้อยกว่าใคร 199 00:19:20,722 --> 00:19:22,098 ‎ความที่มาจากตระกูลขนาดเล็ก 200 00:19:22,182 --> 00:19:25,101 ‎เขารู้ว่าเขาต้องหาข้อได้เปรียบทุกทางที่ทำได้ 201 00:19:25,185 --> 00:19:27,437 ‎เพื่อจะพิชิตศัตรูที่มีกำลังมากกว่า 202 00:19:27,520 --> 00:19:31,024 ‎ดังนั้นเขาจึงยินดีอย่างยิ่ง ‎ที่จะใช้ปืนอาร์ควิบัสแต่แรก 203 00:19:31,649 --> 00:19:35,069 ‎โอดะ โนบุนากะเป็นหนึ่งในไดเมียวคนแรกๆ ‎ที่รู้ศักยภาพทางทหารของมัน 204 00:19:35,153 --> 00:19:38,990 ‎เขายังสามารถหาเงินซื้อปืนจำนวนมาก 205 00:19:39,073 --> 00:19:43,494 ‎ซึ่งเป็นสิ่งที่เปลี่ยนพวกเขา ‎จากกองกำลังเล็กๆ ในสนามรบ 206 00:19:43,578 --> 00:19:45,413 ‎เป็นกองกำลังที่ทรงอำนาจ 207 00:19:59,552 --> 00:20:02,805 ‎เมื่อโนบุกาตะและโนบุนากะขัดแย้งกันรุนแรงขึ้น 208 00:20:02,889 --> 00:20:06,226 ‎โนบุนากะตัดสินใจเปิดฉากรุก ‎เขาออกจากปราสาทคิโยสึ 209 00:20:06,309 --> 00:20:09,812 ‎และเคลื่อนพลไปที่อิวะกุระ 210 00:20:09,896 --> 00:20:12,815 ‎ซึ่งเป็นที่มั่นของโนบุกาตะ 211 00:20:17,654 --> 00:20:21,282 ‎ตอนนั้นโนบุนากะมีกองทหาร ‎ประมาณ 3,000 นาย 212 00:20:22,325 --> 00:20:26,537 ‎และเขาน่าจะมีปืน ‎ประมาณ 400 หรือ 500 กระบอก 213 00:20:37,632 --> 00:20:42,220 ‎ฝ่ายโนบุกาตะก็มีกองทหารประมาณ 3,000 นาย 214 00:20:43,680 --> 00:20:46,474 ‎ซึ่งน่าจะมีอาวุธครบมือกว่านิดหน่อย 215 00:20:47,558 --> 00:20:50,853 ‎พวกเจ้าต้องพร้อมตาย 216 00:20:55,191 --> 00:20:56,526 ‎ไป! 217 00:20:59,404 --> 00:21:03,491 ‎สำหรับโนบุกาตะและโนบุนากะ ‎นี่คือศึกชี้เป็นชี้ตายส่วนตน 218 00:21:03,574 --> 00:21:07,370 ‎พวกเขาอาจกวาดล้าง ‎กำลังของอีกฝ่ายไม่ได้ราบคาบก็จริง 219 00:21:07,453 --> 00:21:09,038 ‎แต่เป็นไปได้ที่ว่า ใครก็ตามที่แพ้ 220 00:21:09,122 --> 00:21:13,251 ‎ทหารใต้บังคับบัญชาก็จะไปเข้าพวก ‎กับอีกฝ่าย และตนเองจะถูกกำจัด 221 00:21:17,964 --> 00:21:19,048 ‎รอก่อน 222 00:21:25,430 --> 00:21:30,059 ‎โนบุนากะต้องหลอกล่อศัตรูให้รุกคืบเข้าใกล้ 223 00:21:30,143 --> 00:21:32,812 ‎เพื่อให้อยู่ในระยะหวังผลสังหาร ‎ที่ประมาณ 100 เมตร 224 00:21:33,646 --> 00:21:34,522 ‎รอก่อน 225 00:21:43,364 --> 00:21:44,240 ‎ยิง! 226 00:21:54,334 --> 00:21:58,087 ‎การให้พลแม่นปืนผลัดกันยิงทีละแนว 227 00:21:58,755 --> 00:22:03,593 ‎สร้างความเสียหายให้ศัตรูอย่างมาก ‎แม้จะเป็นศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดหรือหุ้มเกราะก็ตาม 228 00:22:10,391 --> 00:22:14,187 ‎แต่การบรรจุกระสุนใช้เวลานานมาก 229 00:22:21,903 --> 00:22:25,198 ‎สุดท้าย การรบจึง... 230 00:22:27,033 --> 00:22:29,786 ‎กลายเป็นการสู้ในระยะประชิด 231 00:22:40,213 --> 00:22:44,133 ‎ในศึกครั้งนี้ กำลังพลทหารชาวนา 232 00:22:44,217 --> 00:22:48,346 ‎ต่อกรกับกำลังพลซามูไรที่ดูหมิ่นอีกฝ่าย 233 00:22:49,806 --> 00:22:53,518 ‎เมื่อซามูไรที่อ่อนล้าเหล่านี้เข้าสู้ระยะประชิด 234 00:22:53,601 --> 00:22:57,814 ‎พวกเขากำลังรบกับกลุ่มคน ‎ที่ไม่มีอะไรจะเสียและมีแต่ได้ 235 00:23:05,613 --> 00:23:10,785 ‎การรบของผู้ที่พร้อมเสี่ยงทุกอย่าง ‎โหดเหี้ยมเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้ 236 00:23:11,744 --> 00:23:14,747 ‎เราจะใกล้จนได้กลิ่นอาหารเช้าที่ศัตรูกินเข้าไป 237 00:23:19,502 --> 00:23:22,588 ‎เราจะใกล้จนเห็นแววตาของคนใกล้ตาย 238 00:23:22,672 --> 00:23:25,883 ‎เมื่อเรากระซวกดาบเข้าท้องของเขา 239 00:23:28,010 --> 00:23:31,222 ‎ขณะเดียวกัน เราก็ต้องระวัง ‎ห่ากระสุนที่แหวกอากาศเข้ามา 240 00:23:33,349 --> 00:23:35,893 ‎มีเสียงผู้คนกรีดร้อง 241 00:23:35,977 --> 00:23:39,480 ‎ทั้งจากเสียงข่มขวัญศัตรู ‎และเสียงร้องของผู้บาดเจ็บ 242 00:23:44,318 --> 00:23:46,529 ‎มันเหมือนการรบในนรกแน่นอน 243 00:23:48,281 --> 00:23:53,035 ‎ผ่านไปสามชั่วโมง ฝ่ายโนบุนากะก็ได้เปรียบ 244 00:23:56,164 --> 00:23:59,792 ‎พวกเขาฝ่าแนวหน้าของโนบุกาตะ ‎และพิชิตชัยในที่สุด 245 00:24:10,344 --> 00:24:16,100 ‎เมื่อเสร็จศึก ว่ากันว่า ‎มีคนตายมากกว่า 1,200 คน 246 00:24:17,018 --> 00:24:22,315 ‎นับเป็นอัตราการสูญเสียที่สูงมาก ‎สำหรับการศึกขนาดเล็กเช่นนั้น 247 00:24:32,825 --> 00:24:37,205 ‎กำลังพลของอิวะกุระภายใต้การนำ ‎ของโนบุกาตะถอยร่นกลับปราสาทอิวะกุระ 248 00:24:43,878 --> 00:24:48,090 ‎ซึ่งพวกเขาปักหลักสู้อยู่นานสามเดือน ‎แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ 249 00:24:50,343 --> 00:24:52,220 ‎โนบุกาตะถูกสังหาร 250 00:24:56,057 --> 00:25:01,103 ‎เหลือโนบุนากะเป็นผู้ปกครอง ‎จังหวัดโอวาริเพียงผู้เดียว 251 00:25:06,275 --> 00:25:09,445 ‎หลังการศึกที่อูคิโนะ 252 00:25:10,071 --> 00:25:15,952 ‎ในที่สุดโนบุนากะก็ยึดครองโอวาริได้เบ็ดเสร็จ 253 00:25:16,035 --> 00:25:19,080 ‎เขาคือผู้นำตระกูลโอดะ 254 00:25:22,375 --> 00:25:29,006 ‎ตลอดวัยเยาว์ของโนบุนากะ ‎เขาพัฒนาตนจนเป็นผู้นำการยุทธ์ที่เก่งกาจ 255 00:25:32,593 --> 00:25:35,638 ‎เขาไม่ใช่ "เจ้าโง่แห่งโอวาริ" อีกต่อไป 256 00:25:37,640 --> 00:25:41,185 ‎เขาตระหนักดีว่ากองทัพของตนเอง 257 00:25:41,269 --> 00:25:45,940 ‎มีทั้งความแข็งแกร่งและจุดอ่อน ‎ของซามูไรแบบเดิม 258 00:25:47,400 --> 00:25:54,323 ‎ข้อดีของการใช้ทหารชาวนา ‎และความสำคัญของเทคโนโลยี 259 00:25:57,535 --> 00:26:02,623 ‎ผมว่าตรงนี้เองคือจุดพลิกผัน ‎ให้เขายิ่งทะเยอทะยานถึงขีดสุด 260 00:26:04,458 --> 00:26:09,672 ‎แสนยานุภาพที่โนบุนากะ ‎แสดงให้เห็นในการยึดโอวาริ 261 00:26:09,755 --> 00:26:12,592 ‎ตอนนี้กำลังจะแผ่อิทธิพลไปที่อื่น 262 00:26:18,139 --> 00:26:21,225 ‎เก้าปีแห่งการนองเลือดหลังการตายของบิดา 263 00:26:21,309 --> 00:26:24,979 ‎ตอนนี้โนบุนากะ ‎เป็นผู้นำของโอวาริอย่างไร้ข้อกังขา 264 00:26:25,646 --> 00:26:29,942 ‎แต่เขายังไม่ทันได้เริ่มปกครอง ‎ก็เกิดภัยคุกคามใหม่จากตะวันออก 265 00:26:30,651 --> 00:26:36,032 ‎อิมากาว่า โยชิโมโต้ หนึ่งในไดเมียว ‎หรือขุนศึกที่น่าเกรงขามที่สุดของญี่ปุ่น 266 00:26:36,115 --> 00:26:39,035 ‎เคลื่อนพลมาพร้อมกองทัพขนาดมหึมา 267 00:26:39,660 --> 00:26:44,999 ‎เป้าหมายของเขาคือเกียวโต เมืองหลวง ‎และศูนย์กลางอำนาจทางทหารเดิม 268 00:26:45,666 --> 00:26:49,003 ‎ซึ่งการจะไปที่นั่น เขาต้องเดินทัพผ่านโอวาริ 269 00:26:49,086 --> 00:26:50,379 ‎ถ้าเขาทำสำเร็จ 270 00:26:50,463 --> 00:26:54,550 ‎ความทะยานอยากเป็นใหญ่ ‎ของโนบุนากะจะถูกโค่นย่อยยับ 271 00:26:56,927 --> 00:27:01,974 ‎น่าจะมีไดเมียวผู้ทรงอำนาจจริงๆ ‎ประมาณหกหรือแปดคน 272 00:27:02,058 --> 00:27:06,562 ‎ที่สามารถผลักดันสิ่งที่เราเรียกว่าการรวมชาติ 273 00:27:06,646 --> 00:27:11,150 ‎ซึ่งนั่นหมายถึงการยึดเมืองหลวง เกียวโต 274 00:27:12,568 --> 00:27:13,903 ‎อิมากาว่าเป็นหนึ่งในนั้น 275 00:27:14,862 --> 00:27:18,407 ‎เจตนาของอิมากาว่า โยชิโมโต้ ‎คือการยึดเกียวโต 276 00:27:19,116 --> 00:27:21,994 ‎ในการบรรลุเป้าหมายนี้ ‎เขาต้องเดินทัพไปยังเมืองหลวง 277 00:27:22,078 --> 00:27:26,999 ‎และการเดินทัพไปยังเมืองหลวง ‎เขาต้องข้ามจังหวัดโอวาริก่อน 278 00:27:29,126 --> 00:27:32,838 ‎แต่โนบุนากะไม่ยอมให้อิมากาว่าผ่านทาง 279 00:27:33,589 --> 00:27:38,844 ‎โนบุนากะแน่วแน่ที่จะต้านขบวนทัพ ‎ของอิมากาว่าไว้ที่ชายแดนของตน 280 00:27:41,305 --> 00:27:47,311 ‎ด้วยเหตุนี้ พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น ‎นอกจากรบกัน 281 00:27:53,526 --> 00:27:57,863 ‎การปะทะกับโอดะครั้งนี้ ‎ฝ่ายอิมากาว่า โยชิโมโต้ได้เปรียบทุกด้าน 282 00:27:57,947 --> 00:28:02,159 ‎อิมากาว่า โยชิโมโต้เป็นผู้นำของอาณาจักร 283 00:28:02,243 --> 00:28:04,578 ‎ที่มีขนาดใหญ่มาก มีอิทธิพลและมั่งคั่งมาก 284 00:28:06,580 --> 00:28:11,293 ‎ในบางพงศาวดารระบุว่ากองทัพของเขา ‎มีกำลังพลมากถึง 45,000 นาย 285 00:28:11,377 --> 00:28:14,004 ‎แหล่งข้อมูลหนึ่งที่มีเหตุผลกว่า ‎ประเมินไว้ที่ 25,000 นาย 286 00:28:14,088 --> 00:28:17,717 ‎แต่ถึงอย่างไรก็มีกำลังพล ‎เหนือกว่าที่โนบุนากะจะรวบรวมได้ 287 00:28:18,217 --> 00:28:22,263 ‎เขามีกำลังพลมากกว่าโนบุนากะสิบสองต่อหนึ่ง 288 00:28:23,931 --> 00:28:27,685 ‎ด้วยกำลังพลที่เหนือกว่ามากของอิมากาว่า 289 00:28:27,768 --> 00:28:32,148 ‎เขาจึงคาดว่าจะเคลื่อนพลผ่านเข้าไปได้ ‎และกำจัดโนบุนากะ 290 00:28:32,231 --> 00:28:35,276 ‎มุ่งหน้าสู่เกียวโต 291 00:28:38,946 --> 00:28:43,576 ‎ดังนั้นเขาจึงเริ่มโจมตีป้อมบางส่วน ‎ตามแนวชายแดนของโนบุนากะ 292 00:28:43,659 --> 00:28:46,036 ‎และยึดป้อมเหล่านั้นอย่างง่ายดาย 293 00:28:50,249 --> 00:28:54,754 ‎ซามูไรที่เขาส่งมานำภารกิจครั้งนี้ ‎มีนามว่า โทกูงาวะ อิเอยาซุ 294 00:28:58,799 --> 00:29:01,343 ‎อิเอยาซุอายุน้อยแต่เขาเป็นนักยุทธวิธีที่หลักแหลม 295 00:29:01,927 --> 00:29:03,304 ‎เขารับใช้โยชิโมโต้ 296 00:29:06,390 --> 00:29:07,892 ‎แต่เขาก็มีแรงทะยานอยากสุดขีด 297 00:29:07,975 --> 00:29:11,228 ‎และมองว่าอนาคตของเขายิ่งใหญ่กว่านี้ได้ 298 00:29:22,156 --> 00:29:26,035 ‎นายพลของโนบุนากะ ‎เข้าใจดีว่าฝ่ายตนเสียเปรียบ 299 00:29:26,118 --> 00:29:28,871 ‎และศัตรูมีกำลังพลเหนือกว่า ‎พวกเขาจึงยุโนบุนากะ 300 00:29:28,954 --> 00:29:32,541 ‎ให้ทำสิ่งที่เคยทำกันมาซึ่งก็คือตั้งรับอยู่ในป้อม 301 00:29:32,625 --> 00:29:35,211 ‎ซึ่งเป็นตำแหน่งตั้งรับที่ดีที่สุดที่พวกเขาทำได้ 302 00:29:35,294 --> 00:29:38,923 ‎และพยายามยืนหยัดไว้ ‎บางทีโชคจะเข้าข้างพวกเขาก็ได้ 303 00:29:40,966 --> 00:29:43,093 ‎โนบุนากะมีมุมมองที่ต่างออกไปมาก 304 00:29:46,263 --> 00:29:49,975 ‎เขาพยายามที่จะทำสิ่งแปลกใหม่ผิดคาด 305 00:29:50,059 --> 00:29:52,186 ‎สิ่งที่จะทำให้ศัตรูไม่ทันตั้งตัว 306 00:29:52,269 --> 00:29:55,606 ‎และหวังว่าการเสี่ยงเดิมพันแบบนี้เพียงพอ 307 00:29:55,689 --> 00:29:59,568 ‎จะเปลี่ยนสถานการณ์ครั้งนี้ให้เป็นผลดีต่อเขา 308 00:30:03,739 --> 00:30:10,371 ‎หนึ่งในความสามารถที่ยอดเยี่ยมที่สุด ‎ของโนบุนากะคือเก่งการจัดการ 309 00:30:11,330 --> 00:30:13,040 ‎เขามีกำลังพลน้อยกว่า 310 00:30:13,958 --> 00:30:16,794 ‎แต่เขามีข้อมูลของศัตรูดีกว่า 311 00:30:21,590 --> 00:30:25,094 ‎และนี่คืออีกตัวอย่างยอดเยี่ยม ‎ทำให้เห็นความฉลาดของโนบุนากะ 312 00:30:25,177 --> 00:30:27,930 ‎เขามีทหารสอดแนมทั่วจังหวัด 313 00:30:28,013 --> 00:30:31,433 ‎คอยให้ข้อมูลเขาเป็นรายวัน ‎หรืออาจจะถึงขั้นรายชั่วโมง 314 00:30:33,477 --> 00:30:38,232 ‎การเคลื่อนไหวของศัตรู ความแข็งแกร่ง ‎จุดตั้งค่าย ศัตรูกำลังทำอะไร 315 00:30:38,315 --> 00:30:39,483 ‎เขารู้ทุกอย่าง 316 00:30:47,908 --> 00:30:50,411 ‎โนบุนากะส่งทหารสอดแนม ‎จนพบว่าที่ตั้งค่ายของโยชิโมโต้ 317 00:30:50,494 --> 00:30:53,372 ‎อยู่บนยอดเขาที่ชื่อเขาโอะเกะฮะซะมะ 318 00:30:56,250 --> 00:31:00,796 ‎อิมากาว่า โยชิโมโต้พร้อมทหาร 5,000 นาย ‎ตั้งค่ายที่เขาโอะเกะฮะซะมะ 319 00:31:00,880 --> 00:31:03,674 ‎ซึ่งหมายความว่ากำลังพลที่เหลืออยู่ที่อื่น 320 00:31:07,261 --> 00:31:11,640 ‎ทั้งหมดทั้งมวลนั้นทำให้เห็นภาพว่า 321 00:31:11,724 --> 00:31:14,643 ‎จริงอยู่ที่อิมากาว่า โยชิโมโต้มีกองทัพขนาดใหญ่ 322 00:31:16,020 --> 00:31:18,606 ‎แต่อยู่กระจัดกระจายมาก แตกย่อยมาก 323 00:31:21,317 --> 00:31:25,821 ‎โนบุนากะจึงสรุปได้ว่า ‎ถ้าเขาสังหารผู้นำกองทัพของศัตรูได้ 324 00:31:25,905 --> 00:31:29,033 ‎กองทัพนี้ก็จะแตกระส่ำระสาย ‎ไม่มีสิ่งใดจะเป็นจุดรวมใจอีก 325 00:31:29,116 --> 00:31:34,371 ‎ดังนั้น เขาไม่ต้องโค่นทั้งกองทัพ ‎เขาแค่ต้องสังหารอิมากาว่า โยชิโมโต้ 326 00:31:43,255 --> 00:31:45,758 ‎เขาตัดสินใจจะเปิดฉากโจมตีกะทันหัน 327 00:31:46,800 --> 00:31:51,597 ‎ในยุคของสงครามกลางเมืองเช่นนี้ ‎การศึกส่วนใหญ่เป็นการรบกันตามแบบเดิม 328 00:31:51,680 --> 00:31:55,601 ‎พวกเขาสู้รบในที่เปิดโล่ง พวกเขาจะบุกล้อมป้อม 329 00:31:57,895 --> 00:32:01,148 ‎ไม่เคยมีใครคิดจะโจมตีกะทันหันแบบนี้ 330 00:32:03,692 --> 00:32:08,155 ‎แต่โนบุนากะพร้อมจะใช้ทหารกลุ่มเล็ก ‎โจมตีกองทัพที่มีขนาดใหญ่กว่ามาก 331 00:32:08,238 --> 00:32:11,116 ‎ทั้งที่เสียเปรียบทุกด้าน ‎แต่เมื่อเห็นโอกาส เขาก็พร้อมฉวยไว้ 332 00:32:11,200 --> 00:32:14,620 ‎ด้วยการโจมตีตอนกลางคืนหรือซุ่มโจมตี 333 00:32:19,583 --> 00:32:22,169 ‎นี่คือเหตุการณ์ช่วงแรกๆ ที่ทำให้เห็นว่า 334 00:32:22,252 --> 00:32:25,297 ‎โนบุนากะเป็นคนฉลาด ‎ช่างคิดริเริ่ม และพร้อมคิดนอกกรอบ 335 00:32:30,386 --> 00:32:36,392 ‎ด้วยวิธีนี้ทำให้โนบุนากะและกองทัพของเขา ‎ยึดที่มั่นล้อมค่ายของโยชิโมโต้ไว้ได้ 336 00:32:43,941 --> 00:32:50,155 ‎อิมากาว่า โยชิโมโต้กำลังจะทำ ‎พิธีตรวจสอบหัวของศัตรู 337 00:32:50,239 --> 00:32:54,451 ‎ซึ่งในพิธีนี้ ขุนศึกหรือผู้บังคับบัญชา 338 00:32:54,535 --> 00:33:00,332 ‎จะตรวจดูหัวของศัตรูที่พ่ายแพ้ 339 00:33:06,380 --> 00:33:11,510 ‎หัวที่ถูกตัดมาเหล่านี้จะถูกเช็ดล้าง ‎แต่งหน้าทำผมอย่างดี 340 00:33:11,593 --> 00:33:14,847 ‎พิธีกรรมนี้ให้บรรยากาศแปลกตรงที่ ‎เป็นทั้งการล้างแค้น 341 00:33:15,597 --> 00:33:18,559 ‎น่าสยองและสร้างความอับอายแก่ฝ่ายศัตรู 342 00:33:18,642 --> 00:33:21,020 ‎ด้วยการตัดหัวนำมาเดินแห่เป็นแค่วัตถุ 343 00:33:21,603 --> 00:33:24,565 ‎แต่ก็ยังมีความนับถือให้เกียรติประกอบด้วย 344 00:33:24,648 --> 00:33:27,109 ‎โดยถือว่าเราต้องพิจารณาหัวของศัตรู 345 00:33:27,192 --> 00:33:30,946 ‎ด้วยความนับถือต่ออดีตเจ้าของหัวเหล่านั้น 346 00:33:48,422 --> 00:33:52,885 ‎อิมากาว่า โยชิโมโต้ ‎อยู่ในช่วงที่เราเรียกว่านอกปฏิบัติการ 347 00:33:53,594 --> 00:33:59,433 ‎พวกเขากำลังกินดื่ม ‎ฉลองการรบที่ผ่านไปด้วยดีมาตลอด 348 00:34:05,814 --> 00:34:08,734 ‎นี่เองคือช่วงเวลาที่โนบุนากะรอคอย 349 00:34:15,240 --> 00:34:18,327 ‎แต่มีความเสี่ยงสูง เป็นช่วงเวลา ‎ชี้เป็นชี้ตายสำหรับโนบุนากะ 350 00:34:22,081 --> 00:34:23,207 ‎แต่เขาไม่มีทางเลือก 351 00:34:24,374 --> 00:34:29,088 ‎เขาต้องสังหารโยชิโมโต้ เขาต้องตีงูที่หัว 352 00:34:30,714 --> 00:34:33,383 ‎กำลังพลของเขาบุกไปข้างหน้า ‎และเริ่มการสังหาร 353 00:34:34,383 --> 00:34:37,220 ‎ทหารทุกนายของอิมากาว่าที่พวกเขาเจอ 354 00:34:39,973 --> 00:34:43,102 ‎ฝ่ายอิมากาว่าสับสน ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น 355 00:34:43,185 --> 00:34:47,314 ‎อิมากาว่า โยชิโมโต้คิดจริงๆ ว่า ‎ทหารเมาอาละวาด 356 00:34:47,397 --> 00:34:51,860 ‎เพราะทหารของเขากินดื่มและเคยทะเลาะกัน 357 00:34:51,943 --> 00:34:55,155 ‎ใช้เวลาสักพักกว่าที่พวกเขาจะรู้ว่า ‎ไม่ใช่ พวกเขาโดนโจมตี 358 00:35:00,869 --> 00:35:03,914 ‎ขณะเดียวกันนั้น ทหารของโอดะโจมตีไม่ยั้ง 359 00:35:04,498 --> 00:35:08,877 ‎ทหารของอิมากาว่าแตกตื่น พวกเขาทิ้งอาวุธ 360 00:35:08,961 --> 00:35:11,797 ‎พวกเขาถอยร่นเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ 361 00:35:14,216 --> 00:35:15,884 ‎มีแต่ความปั่นป่วนโกลาหล 362 00:35:20,264 --> 00:35:21,807 ‎และในเวลาอันรวดเร็ว 363 00:35:24,309 --> 00:35:28,605 ‎โยชิโมโต้ก็เหลือทหารสัก 300 นาย ‎ตอนนี้เขาพลิกมาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ 364 00:35:31,275 --> 00:35:32,943 ‎ศึกครั้งนี้หืดขึ้นคอมาก 365 00:35:36,822 --> 00:35:42,661 ‎หนึ่งในทหารของโอดะ ‎สามารถจู่โจมโยชิโมโต้ตัวต่อตัว 366 00:35:56,425 --> 00:35:57,843 ‎นายพลของศัตรูตายแล้ว 367 00:35:59,469 --> 00:36:02,723 ‎กองทหารของอิมากาว่าที่เหลือแตกกระเจิงหนีไป 368 00:36:04,516 --> 00:36:07,227 ‎ทหารของอิมากาว่าที่เหลืออยู่ตามที่ต่างๆ 369 00:36:07,311 --> 00:36:09,354 ‎ได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นก็ตัดสินใจถอยทัพ 370 00:36:11,982 --> 00:36:15,485 ‎โนบุนากะพิชิตชัยชนะได้อย่างน่าทึ่ง 371 00:36:20,157 --> 00:36:24,494 ‎ยุทธการโอะเกะฮะซะมะ ‎กินเวลาแค่ 15 นาทีเท่านั้น 372 00:36:24,578 --> 00:36:28,916 ‎แต่เป็นยุทธการชี้เป็นชี้ตาย ‎มากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น 373 00:36:31,210 --> 00:36:36,506 ‎การลอบโจมตีจนประสบความสำเร็จ ‎ยิ่งแสดงให้เห็นว่าเขาคือนักยุทธวิธีอัจฉริยะ 374 00:36:36,590 --> 00:36:39,426 ‎ซึ่งหายากมากในคนวัยนี้ 375 00:36:39,509 --> 00:36:43,972 ‎ตระกูลขนาดเล็กส่วนใหญ่คงไม่มีวัน ‎กล้าโค่นศัตรูที่มีกำลังมากกว่าขนาดนั้น 376 00:36:44,932 --> 00:36:49,811 ‎แต่พฤติกรรมที่ทำให้บริวารบางคน ‎ของโนบุนากะเองเป็นห่วงมาก 377 00:36:49,895 --> 00:36:51,688 ‎เมื่อครั้งงานศพของพ่อเขาก็คือ 378 00:36:53,023 --> 00:36:54,524 ‎ความบ้าบิ่นที่เขาแสดงให้เห็นตรงนี้ 379 00:36:54,608 --> 00:36:56,693 ‎มันทำให้เห็นว่าเขามีนิสัยมุทะลุ 380 00:36:56,777 --> 00:37:00,530 ‎กล้าเสี่ยง แต่เขาก็ใคร่ครวญมาแล้ว ‎อย่างรอบคอบมากว่า... 381 00:37:01,531 --> 00:37:05,035 ‎อะไรที่จะเป็นไปได้มากที่สุด ‎ซึ่งทำให้เขารอดชีวิตและเป็นผู้พิชิต 382 00:37:07,371 --> 00:37:12,000 ‎สิ่งสำคัญที่สุดจากการที่เขาทำลายหนึ่งใน ‎ผู้ทรงอำนาจของญี่ปุ่นภาคกลาง 383 00:37:12,709 --> 00:37:16,296 ‎ทำให้โอดะ โนบุนากะก้าวขึ้นมามีชื่อเสียง 384 00:37:16,380 --> 00:37:18,966 ‎และยังเป็นการเบิกทาง 385 00:37:19,049 --> 00:37:23,929 ‎ให้เขาเริ่มรวมญี่ปุ่นเป็นปึกแผ่น 386 00:37:28,267 --> 00:37:35,232 ‎ผลที่ตามมาหลังยุทธการโอะเกะฮะซะมะ ‎ทำให้โนบุนากะมีพันธมิตรสำคัญสองราย 387 00:37:35,315 --> 00:37:40,862 ‎ที่จะสนับสนุนเขาไปอีกหลายปี ‎และช่วยเขาพิชิตชัยในอนาคต 388 00:37:40,946 --> 00:37:46,076 ‎ที่ยุทธการโอะเกะฮะซะมะนี้เอง ‎ที่โนบุนากะได้รับรู้ฝีมือ 389 00:37:46,159 --> 00:37:51,123 ‎ของซามูไรหนุ่มในกองทัพของตน ‎ทั้งที่เดิมเป็นอาชิงารุ 390 00:37:52,124 --> 00:37:54,793 ‎เขาชื่อโทโยโตมิ ฮิเดโยชิ 391 00:37:57,045 --> 00:38:01,049 ‎ฮิเดโยชิเข้าร่วมเป็นทหารอาชีพในฐานะ ‎พลทหารราบในกองทัพของโนบุนากะ 392 00:38:01,133 --> 00:38:05,304 ‎แต่เขาทำให้โนบุนากะประทับใจฝีมือการต่อสู้มาก 393 00:38:12,436 --> 00:38:15,897 ‎ซึ่งไม่ได้จำกัดแค่การรบมือเปล่า 394 00:38:15,981 --> 00:38:19,359 ‎ดูเหมือนเขามีศักยภาพ ‎ในการควบคุมจัดการคนด้วย 395 00:38:19,443 --> 00:38:22,821 ‎พูดอีกแบบก็คือ เขามีศักยภาพที่จะเป็นผู้นำ 396 00:38:32,247 --> 00:38:34,916 ‎ด้วยเหตุนี้ทำให้ฮิเดโยชิเลื่อนขั้นไปเรื่อยๆ 397 00:38:35,000 --> 00:38:38,211 ‎จนกลายเป็นหนึ่งในนายพลที่จงรักภักดี ‎และทุ่มเทที่สุดของโนบุนากะ 398 00:38:38,920 --> 00:38:42,924 ‎และบุคคลที่จะมีอิทธิพลใหญ่หลวง ‎ต่อประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น 399 00:38:51,808 --> 00:38:57,522 ‎ยังมีพันธมิตรสำคัญอีกรายเกิดขึ้นจากยุทธการนี้ 400 00:38:57,606 --> 00:38:59,524 ‎ซึ่งเป็นรายที่แตกต่างมาก 401 00:38:59,608 --> 00:39:02,778 ‎จากความสัมพันธ์ระหว่างโนบุนากะและฮิเดโยชิ 402 00:39:04,404 --> 00:39:08,867 ‎ชายที่เรากำลังพูดถึงนี้มีนามว่า ‎โทกูงาวะ อิเอยาซุ 403 00:39:10,744 --> 00:39:14,790 ‎บิดาของเขาเป็นผู้ส่งมอบเขาในวัยหนุ่ม ‎ไปเป็นตัวประกันของศัตรู 404 00:39:14,873 --> 00:39:16,666 ‎ในตระกูลอิมากาว่า 405 00:39:20,003 --> 00:39:25,258 ‎อิเอยาซุจึงเติบโตมาและถูกคาดหวัง ‎ให้รับใช้กองทัพของอิมากาว่า 406 00:39:27,761 --> 00:39:31,056 ‎แต่ตอนนี้ผู้นำตระกูลอิมากาว่าตายเสียแล้ว 407 00:39:32,516 --> 00:39:35,435 ‎อิเอยาซุจึงตัดสินใจร่วมมือ 408 00:39:36,019 --> 00:39:40,148 ‎กับชายที่โค่นเจ้านายของเขา โอดะ โนบุนากะ 409 00:39:43,235 --> 00:39:46,071 ‎เรื่องที่อิเอยาซุเปลี่ยนข้างอย่างรวดเร็ว 410 00:39:46,154 --> 00:39:50,242 ‎ทำให้เห็นว่าความจงรักภักดี ‎เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอนในยุคเซ็นโกคุนี้ 411 00:39:50,325 --> 00:39:54,663 ‎ไม่มีกฎเพิ่มเติมอีก นี่คือศึก ‎เพื่อแย่งชิงการยึดครองญี่ปุ่น 412 00:39:54,746 --> 00:39:57,624 ‎ดังนั้นผู้ที่ยินดีเสี่ยง 413 00:39:57,707 --> 00:40:00,210 ‎มักจะหวังพึ่งพา 414 00:40:00,293 --> 00:40:03,338 ‎ผู้ที่ดูจะมีอำนาจมากกว่าหรือผู้ที่น่าจะขึ้นสู่อำนาจ 415 00:40:05,090 --> 00:40:09,010 ‎ความสำคัญของ ‎ยุทธการโอะเกะฮะซะมะก็คือ จู่ๆ 416 00:40:09,094 --> 00:40:13,890 ‎เราก็มีชายสามคนที่จะเป็น ‎ผู้กำหนดชะตากรรมของญี่ปุ่นร่วมกัน 417 00:40:13,974 --> 00:40:19,438 ‎โอดะ โนบุนากะ โทโยโตมิ ฮิเดโยชิ ‎และโทกูงาวะ อิเอยาซุ 418 00:40:23,567 --> 00:40:26,862 ‎เมื่อมีอิเอยาซุและฮิเดโยชิเคียงข้าง 419 00:40:26,945 --> 00:40:30,907 ‎โนบุนากะจึงเปิดศึกนองเลือด ‎จัดการคู่แข่งติดๆ กัน 420 00:40:31,658 --> 00:40:34,161 ‎เขาขยายดินแดนมากขึ้นจากการปักธงรบ 421 00:40:34,995 --> 00:40:38,999 ‎ต่อมา เขาก็อาจหาญเดินทัพสู่เกียวโต ‎เมืองหลวงของประเทศ 422 00:40:40,250 --> 00:40:44,212 ‎จากนี้ไป โนบุนากะวางแผนการที่อาจหาญที่สุด 423 00:40:45,005 --> 00:40:47,382 ‎นั่นคือการรวมญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่น 424 00:40:50,677 --> 00:40:52,596 ‎แต่เขายังไม่ประสบความสำเร็จ 425 00:40:53,305 --> 00:40:56,766 ‎มีไดเมียวอื่นๆ ที่ยังมีอำนาจ ‎ทางตะวันตกและทางเหนือ 426 00:40:56,850 --> 00:40:59,019 ‎ซึ่งเป็นภัยคุกคามอำนาจของโนบุนากะ 427 00:40:59,102 --> 00:41:01,730 ‎เพราะพวกเขาไม่ยอมจำนนอยู่ใต้อาณัติของเขา 428 00:41:03,231 --> 00:41:05,984 ‎และผู้ที่ไม่ยอมแพ้ต่อเขา 429 00:41:06,067 --> 00:41:09,196 ‎จะได้ลิ้มรสความโกรธและคมดาบของเขา 430 00:41:09,279 --> 00:41:11,948 ‎เพราะเขาไม่อดทน ‎กับความเห็นต่างไม่ว่าเรื่องใด 431 00:41:12,866 --> 00:41:14,284 ‎มีเพียงชายลักษณะนี้เท่านั้น 432 00:41:14,367 --> 00:41:17,704 ‎ที่จะเริ่มขั้นตอนรวมชาติญี่ปุ่นได้ 433 00:41:22,459 --> 00:41:26,963 ‎สภาพการณ์เช่นนี้ทำให้ ‎คู่แข่งของโนบุนากะโกรธเคือง 434 00:41:27,506 --> 00:41:31,384 ‎พวกเขารู้ว่าโนบุนากะต้องการอำนาจแต่ผู้เดียว 435 00:41:31,968 --> 00:41:35,472 ‎ดังนั้น การศึกแท้จริงเพื่อชิงญี่ปุ่น ‎กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว 436 00:42:04,084 --> 00:42:07,337 ‎(คำบรรยายโดย กิตติพล เอี่ยมกมล)