1 00:00:02,000 --> 00:00:07,000 Downloaded from YTS.MX 2 00:00:08,000 --> 00:00:13,000 Official YIFY movies site: YTS.MX 3 00:01:18,995 --> 00:01:20,205 (โปแลนด์โดนบุก) 4 00:01:20,872 --> 00:01:23,291 (เดอะบลิตซ์: นาซีบอมบ์ลอนดอน) 5 00:01:25,877 --> 00:01:27,671 {\an8}(เกณฑ์ทหารชายอายุ 20 ทุกคน) 6 00:01:40,350 --> 00:01:42,185 (เตือนการโจมตีทางอากาศ พรางไฟไว้) 7 00:01:48,900 --> 00:01:50,819 {\an8}(สงครามเยอรมันยุติแล้ว) 8 00:01:53,530 --> 00:01:55,448 ตอนเป็นเด็กในอังกฤษ 9 00:01:55,532 --> 00:01:58,785 เราใช้ชีวิตภายใต้สงครามโลกครั้งที่สอง 10 00:01:58,869 --> 00:02:00,412 คนรุ่นพ่อแม่และปู่ย่าตายาย 11 00:02:00,495 --> 00:02:02,164 เคยผ่านสงครามโลกมาแล้วสองครั้ง 12 00:02:02,455 --> 00:02:03,456 {\an8}(จิมมี่ เพจ) 13 00:02:03,540 --> 00:02:05,417 {\an8}เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง 14 00:02:05,500 --> 00:02:08,462 {\an8}จึงเกิดความหวังต่ออนาคตมาก 15 00:02:09,212 --> 00:02:10,213 ในลอนดอน 16 00:02:10,297 --> 00:02:12,799 มีอาคารพังเสียหายมากมาย 17 00:02:12,883 --> 00:02:14,301 และหลุมขนาดใหญ่… 18 00:02:14,384 --> 00:02:16,344 เพราะมันเป็นเขตหลังสงคราม 19 00:02:16,970 --> 00:02:19,097 {\an8}ยังมีการปั่นส่วนอาหาร จำได้ว่า… 20 00:02:19,181 --> 00:02:20,223 {\an8}(จอห์น พอล โจนส์) 21 00:02:20,307 --> 00:02:22,851 {\an8}มีไข่ นม เนย และอื่นๆ 22 00:02:22,934 --> 00:02:25,103 {\an8}พร้อมกับสมุดคูปองเล็กๆ เล่มหนึ่ง 23 00:02:25,687 --> 00:02:27,355 ผู้คนกำลังฟื้นตัว 24 00:02:27,439 --> 00:02:30,525 นอกลอนดอน ในเวสต์มิดแลนส์ 25 00:02:30,609 --> 00:02:34,070 เป็นชีวิตเงียบๆ กึ่งชานเมือง 26 00:02:34,154 --> 00:02:35,280 หลังสงคราม 27 00:02:36,531 --> 00:02:37,532 {\an8}อเมริกาคือความฝันของผม 28 00:02:37,616 --> 00:02:38,617 {\an8}(โรเบิร์ต แพลนต์) 29 00:02:38,742 --> 00:02:40,410 เพราะมันเป็นโลกที่แตกต่าง 30 00:02:40,494 --> 00:02:41,953 จากโลกที่เราอยู่โดยสิ้นเชิง 31 00:03:07,938 --> 00:03:11,525 {\an8}(จอห์นนี่ เบอร์เนตต์ ทรีโอ้ "เดอะเทรนเคปต์เอ-โรลลิน") 32 00:03:24,621 --> 00:03:26,706 ผมได้ฟังเพลงร็อกแอนด์โรลอันวิเศษ 33 00:03:26,790 --> 00:03:28,500 ที่เข้ามาจากอเมริกา 34 00:03:29,000 --> 00:03:30,961 ได้ยินเสียงกีตาร์ไฟฟ้าบรรเลง 35 00:03:31,044 --> 00:03:33,547 แทบจะเหมือนมาจากดาวอังคาร 36 00:03:33,630 --> 00:03:35,465 แม้ว่ามันมาจากเมมฟิส 37 00:03:35,632 --> 00:03:36,633 {\an8}(ปี 1957) 38 00:03:36,716 --> 00:03:39,427 {\an8}แต่ในอังกฤษนี้ เราติดอยู่กับนักดนตรี 39 00:03:39,511 --> 00:03:41,096 ที่ปลอดภัยมาก 40 00:03:41,179 --> 00:03:45,308 จนพลังธรรมชาติที่ชื่อ ลอนนี่ โดเนแกนมาถึง 41 00:03:49,312 --> 00:03:56,278 {\an8}(ลอนนี่ โดเนแกน) 42 00:04:14,129 --> 00:04:16,255 ผมเหมือนโดนสะกดจิต 43 00:04:16,339 --> 00:04:18,842 เมื่อเห็นลอนนี่ โดเนแกนเล่นดนตรี 44 00:04:18,925 --> 00:04:20,510 มันเหมือนประตูมิติ 45 00:04:20,594 --> 00:04:22,721 ทำให้เราเข้าถึง 46 00:04:22,804 --> 00:04:26,266 อิสระบางอย่างที่เราไม่เคยเห็นในอังกฤษ 47 00:04:27,434 --> 00:04:28,477 ลุยเลย จิมมี่! 48 00:04:35,275 --> 00:04:38,278 วันหนึ่งผมมาโรงเรียนและเห็น… 49 00:04:39,196 --> 00:04:41,114 ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่กลางสนาม 50 00:04:41,198 --> 00:04:42,532 {\an8}มีผู้คนรายล้อมเขา 51 00:04:42,616 --> 00:04:43,700 {\an8}(โรงเรียนของจิมมี่ เพจ) 52 00:04:43,783 --> 00:04:44,826 {\an8}เขาชื่อร็อด ไวแอตต์ 53 00:04:44,910 --> 00:04:47,412 {\an8}และเขากำลังเล่นเพลงของลอนนี่ โดเนแกน 54 00:04:47,496 --> 00:04:48,788 ด้วยกีตาร์อะคูสติก 55 00:04:48,872 --> 00:04:49,873 {\an8}(จิมมี่ เพจ, ร็อด ไวแอตต์) 56 00:04:49,956 --> 00:04:53,627 {\an8}ผมจึงเดินเข้าไปหาเขาและพูดว่า "ผมมีกีตาร์แบบนั้นที่บ้าน" 57 00:04:53,710 --> 00:04:54,795 เขาพูดว่า "เอามาสิ 58 00:04:54,878 --> 00:04:56,963 เดี๋ยวสอนวิธีตั้งสายกีตาร์ให้" 59 00:04:57,047 --> 00:05:00,175 แล้วเขาก็เล่นคอร์ดบางคอร์ดให้ผมดูด้วย 60 00:05:00,675 --> 00:05:03,887 {\an8}(ปี 1958) 61 00:05:09,851 --> 00:05:16,817 {\an8}(ออลยัวร์โอน - บีบีซี เทเลวิชั่น) 62 00:05:38,338 --> 00:05:41,007 ผมแยกจากกีตาร์ไม่ได้เลย 63 00:05:41,091 --> 00:05:42,676 ผมเล่นกีตาร์ก่อนอาหารเช้า 64 00:05:42,759 --> 00:05:44,636 แล้วก็เล่นระหว่างทางไปโรงเรียน 65 00:05:45,095 --> 00:05:46,596 ผมไปโรงเรียนและอยากซ้อม 66 00:05:46,680 --> 00:05:48,723 แต่มันจะถูกยึด 67 00:05:48,807 --> 00:05:51,685 และได้คืนเมื่อหมดวัน 68 00:05:57,649 --> 00:05:59,442 พ่อผมพูดว่า 69 00:05:59,526 --> 00:06:02,487 {\an8}"พ่อไม่รู้เรื่องกีตาร์นี่หรอกนะ แต่… 70 00:06:02,571 --> 00:06:03,572 {\an8}(แพทริเซียและเจมส์ เพจ) 71 00:06:03,655 --> 00:06:04,698 {\an8}พ่อจะสนับสนุนลูก 72 00:06:04,781 --> 00:06:07,033 {\an8}ถ้าลูกรักษาการเรียนด้วย" 73 00:06:07,117 --> 00:06:09,286 {\an8}แต่แม่ผมสนับสนุนให้ผม 74 00:06:09,369 --> 00:06:12,205 เล่นต่อไปและเริ่มเล่นในกลุ่ม 75 00:06:12,289 --> 00:06:13,832 และแม่เชื่อในตัวผมจริงๆ 76 00:06:13,915 --> 00:06:15,750 มันสำคัญมากนะ 77 00:06:19,004 --> 00:06:20,714 {\an8}(จอห์น พอล โจนส์) 78 00:06:20,797 --> 00:06:22,591 {\an8}พ่อแม่ผมเคยอยู่ในคณะการแสดง 79 00:06:23,508 --> 00:06:25,385 {\an8}แม่ผมเป็นนักร้องใส่ชุดราตรี 80 00:06:25,469 --> 00:06:26,636 {\an8}(มาร์กี้ แคสเซิล, โจ บอลด์วิน) 81 00:06:26,720 --> 00:06:27,929 {\an8}ส่วนพ่อผมเป็นนักแสดงตลก 82 00:06:28,013 --> 00:06:29,264 {\an8}เขาเล่นเปียโน 83 00:06:30,807 --> 00:06:32,684 ผมจึงเคยติดสอยห้อยตาม 84 00:06:32,767 --> 00:06:33,977 ไปตามฐานทัพต่างๆ 85 00:06:34,060 --> 00:06:35,770 ที่พวกเขาไปสร้างความบันเทิงให้กองทัพ 86 00:06:35,854 --> 00:06:38,899 และจะมีการแสดงนานาชาติติดๆ กัน 87 00:06:38,982 --> 00:06:41,985 คนเล่นหีบเพลงชักและคนเล่นแบนโจ 88 00:06:42,068 --> 00:06:43,487 ผมซึมซับไว้หมด 89 00:06:55,290 --> 00:06:57,125 {\an8}สรุปว่าผมมีภูมิหลังทางดนตรี 90 00:06:57,209 --> 00:06:58,210 {\an8}(มาร์กี้ แคสเซิล) 91 00:06:58,293 --> 00:06:59,544 {\an8}และทั้งหมดนั้นเป็นพื้นฐาน 92 00:06:59,628 --> 00:07:01,671 ของทุกอย่างที่ผมทำหลังจากนั้น 93 00:07:05,300 --> 00:07:06,593 {\an8}(แอนนี่, โรเบิร์ต แพลนต์ และลูก) 94 00:07:06,676 --> 00:07:08,345 {\an8}ผมเติบโตในเวสต์มิดแลนส์ 95 00:07:08,428 --> 00:07:10,847 {\an8}ตระกูลพ่อผมมาจากที่นั่น 96 00:07:10,931 --> 00:07:14,100 {\an8}และตระกูลแม่ผมเป็นพวกยิปซีจากโรมาเนีย 97 00:07:15,101 --> 00:07:16,853 วัยเด็กของผมได้รับการทะนุถนอมมาก 98 00:07:17,687 --> 00:07:20,690 {\an8}จนกระทั่งพ่อแม่ส่งผม ไปโรงเรียนใหญ่ในเมืองใหญ่ 99 00:07:20,774 --> 00:07:22,609 {\an8}เรียนเพื่อเป็นนักสอบบัญชี 100 00:07:22,692 --> 00:07:24,569 {\an8}(พาเหรดโรงเรียนของโรเบิร์ต แพลนต์) 101 00:07:24,653 --> 00:07:27,781 {\an8}ผมสนใจกิจกรรมในโรงเรียนหลายอย่าง 102 00:07:27,864 --> 00:07:29,324 แต่เมื่อลิตเทิล ริชาร์ดปรากฏตัว 103 00:07:29,407 --> 00:07:32,702 มันทั้งเร้าใจ ครอบงำ 104 00:07:32,786 --> 00:07:34,162 และสะกดจิต 105 00:07:34,830 --> 00:07:37,666 จนทำให้อย่างอื่นไม่น่าสนใจไปเลย 106 00:07:40,710 --> 00:07:44,172 {\an8}(ลิตเทิล ริชาร์ด) 107 00:07:52,180 --> 00:07:55,100 ผมรู้ตัวทันทีว่า สิ่งที่ผมต้องการทำคือร้องเพลง 108 00:08:11,449 --> 00:08:12,742 เท่านั้นเลย 109 00:08:13,326 --> 00:08:15,996 ผมก็ถอนตัวไม่ขึ้น ตลอดชีวิต 110 00:08:26,548 --> 00:08:30,343 {\an8}(จอห์น บอนแฮมแทบไม่เคยให้สัมภาษณ์ และเสียชีวิตในปี 1980) 111 00:08:30,968 --> 00:08:35,432 {\an8}(การสัมภาษณ์นี้เผยแพร่ที่นี่เป็นครั้งแรก) 112 00:08:35,515 --> 00:08:37,434 {\an8}ผมจอห์น บอนแฮม 113 00:08:38,101 --> 00:08:40,604 ตอนเด็กๆ ผมชอบทำเสียงกลอง 114 00:08:42,814 --> 00:08:44,858 ผมได้กลองชุดครั้งแรกตอนอายุสิบขวบ 115 00:08:45,358 --> 00:08:47,736 และเราไปดูหนังที่จีน ครูปาแสดง 116 00:08:47,819 --> 00:08:49,112 {\an8}มันน่าทึ่งมากเลย 117 00:08:49,196 --> 00:08:53,617 {\an8}(จีน ครูปา) 118 00:09:12,177 --> 00:09:13,678 ที่มิดแลนส์นี้ 119 00:09:13,762 --> 00:09:16,139 ผมเคยซื้อแผ่นเสียงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 120 00:09:16,556 --> 00:09:19,267 จอห์นนี่ คิดด์แอนด์เดอะไพเรตส์ มีอิทธิพลมากสมัยนั้น 121 00:09:19,351 --> 00:09:21,102 (เชกคินออลโอเวอร์ ติดท็อปฮิต 20) 122 00:09:21,478 --> 00:09:28,443 {\an8}(จอห์นนี่ คิดด์แอนด์เดอะไพเรตส์) 123 00:09:44,459 --> 00:09:49,339 {\an8}(ปี 1960) 124 00:09:59,516 --> 00:10:01,393 {\an8}เราได้ยินตามตู้เพลงทั้งหลาย 125 00:10:01,476 --> 00:10:03,812 {\an8}แน่นอน พวกเขามีลำโพงขนาดเบ้อเริ่มถึง 15 นิ้ว 126 00:10:04,729 --> 00:10:07,023 สิ่งที่ได้ยินชัดที่สุดคือเสียงเบส 127 00:10:09,568 --> 00:10:10,944 ผมได้ยินแล้วนึกในใจ 128 00:10:11,027 --> 00:10:12,821 "นั่นคือเสียงที่ฉันอยากสร้าง" 129 00:10:15,824 --> 00:10:18,660 พอผมบอกพ่อ เขาพูดว่า 130 00:10:18,743 --> 00:10:20,704 "กีตาร์เบสเป็นเครื่องดนตรีใหม่ 131 00:10:21,371 --> 00:10:24,040 ภายในสองปีก็จะไม่มีใครรู้จักแล้ว 132 00:10:25,417 --> 00:10:27,544 เล่นแซกโซโฟนดีกว่า ลูกจะมีงานตลอดไป" 133 00:10:29,629 --> 00:10:31,548 ผมตอบไปว่า "ไม่ ผมอยากได้กีตาร์เบส พ่อ" 134 00:10:32,549 --> 00:10:35,886 เขาฟังผมซ้อมแล้วพูดว่า "ตามพ่อมา 135 00:10:36,136 --> 00:10:38,096 แล้วตั้งใจดูที่มือซ้ายพ่อเท่านั้น" 136 00:10:39,055 --> 00:10:40,390 บนเปียโน ก็… 137 00:10:41,183 --> 00:10:43,101 ผมเรียนพื้นฐานทั้งหมดจากตรงนั้น 138 00:10:43,977 --> 00:10:45,520 ('แชโดวส์' ออกแสดง…) 139 00:10:45,604 --> 00:10:46,980 ผมมีวงดนตรีเล็กๆ 140 00:10:47,063 --> 00:10:48,857 เราเล่นกันที่สโมสรเยาวชน 141 00:10:48,940 --> 00:10:51,818 และผมได้คุยกับบาทหลวงหนุ่ม ที่มุ่งมั่นมาก 142 00:10:51,902 --> 00:10:52,944 {\an8}(สาธุคุณกอร์ดอน เบตส์) 143 00:10:53,028 --> 00:10:54,988 {\an8}เขาบอกว่า "เราอยากได้คนเล่นออร์แกน" 144 00:10:55,071 --> 00:10:58,533 {\an8}ผมก็บอกว่า "ผมเล่นออร์แกนให้ได้ ถ้าคุณต้องการ" 145 00:10:59,034 --> 00:11:01,495 ผมไม่ได้คิดอะไร เขาก็ว่า "ได้ ตกลง" 146 00:11:02,412 --> 00:11:05,499 {\an8}(โบสถ์เซนต์เอเดนส์ - นิวเอลธัม) 147 00:11:05,582 --> 00:11:07,918 {\an8}เวลาเล่นดนตรีในโบสถ์ คุณต้องด้นสด 148 00:11:08,001 --> 00:11:11,505 แต่เพราะผมไม่ค่อยเก่ง เรื่องการเล่นจากดนตรีอยู่แล้ว 149 00:11:11,588 --> 00:11:13,340 ผมจึงด้นสดทุกอย่าง 150 00:11:13,965 --> 00:11:15,342 ผมเรียนรู้เพลงสวด 151 00:11:15,425 --> 00:11:17,219 ผมพอจะรู้ว่าเพลงสวดนั้นคือเพลงอะไร 152 00:11:17,302 --> 00:11:20,305 ผมไม่ได้เคร่งศาสนานัก แต่ก็เป็นเวทีแสดงที่ดี 153 00:11:20,388 --> 00:11:22,432 โอเคนะ และเขาเป็นบาทหลวงที่เจ๋งมาก 154 00:11:23,016 --> 00:11:27,813 ผมจึงกลายเป็นคนเล่นออร์แกน และครูสอนประสานเสียงตอนอายุ 14 155 00:11:40,408 --> 00:11:43,286 ซึ่งจ่ายผมถึงปีละ 25 ปอนด์ 156 00:11:44,329 --> 00:11:45,997 ทำให้ผมซื้อเบสของเฟนเดอร์ได้ 157 00:11:53,338 --> 00:11:56,091 ผมเคยไปเล่นดนตรีคืนวันพฤหัส 158 00:11:56,174 --> 00:11:57,425 {\an8}ที่คลับมาร์คี 159 00:11:57,509 --> 00:11:58,510 {\an8}(ปี 1963) 160 00:11:58,593 --> 00:12:00,595 {\an8}หลังจากเล่นไปได้สักพัก 161 00:12:00,679 --> 00:12:02,514 {\an8}วงคาร์เตอร์-ลิวอิส แอนด์เดอะซัทเทิร์นเนอร์ส 162 00:12:02,597 --> 00:12:03,682 {\an8}เดินมาหาและถามผมว่า 163 00:12:05,058 --> 00:12:06,476 {\an8}ผมอยากมาอัดเสียงกับพวกเขาไหม 164 00:12:06,560 --> 00:12:08,353 {\an8}ผมตอบว่า "เอาสิ ฟังดูดีมากเลย" 165 00:12:08,436 --> 00:12:10,230 ผมไปพร้อมอุปกรณ์ของผม 166 00:12:10,313 --> 00:12:12,607 คันเหยียบและเครื่องขยายเสียง ของดีอาร์มอนด์ 167 00:12:12,691 --> 00:12:15,235 และกีตาร์ไฟฟ้า ของกิบสันเลสพอลตัวใหม่เอี่ยม 168 00:12:16,319 --> 00:12:17,654 คนในวงพูดว่า 169 00:12:17,737 --> 00:12:19,865 "เล่นอะไรก็ได้ตอนโซโล่" 170 00:12:20,490 --> 00:12:23,618 พอถึงรอบสอง ผมก็ได้ส่วนที่ให้เล่นแล้ว 171 00:12:36,715 --> 00:12:38,967 และคงมีข่าวแพร่ออกไป 172 00:12:39,050 --> 00:12:40,260 เรื่องนักกีตาร์หนุ่มคนนี้… 173 00:12:40,343 --> 00:12:42,220 (ยินดีด้วย คาร์เตอร์-ลิวอิสแอนด์เดอะซัทเทิร์นเนอร์ส) 174 00:12:42,304 --> 00:12:44,764 เพราะผมเริ่มได้รับวันนัดอัดเสียงมากขึ้น 175 00:12:46,683 --> 00:12:48,602 ตอนที่ผมได้เข้าวงการอัดเสียงนี้ 176 00:12:48,685 --> 00:12:51,188 ผมอายุน้อยกว่าคนอื่นๆ ถึงเจ็ดปี 177 00:12:51,771 --> 00:12:56,151 ไม่มีใครในหมู่นักดนตรีที่ผ่านมา 178 00:12:56,234 --> 00:12:57,611 หรือนักดนตรีปัจจุบัน 179 00:12:57,694 --> 00:12:59,529 ที่รู้จักอิทธิพลทั้งหมด 180 00:12:59,613 --> 00:13:02,324 และจุดอ้างอิงต่างๆ ที่วงหนุ่มสาวใช้ 181 00:13:03,033 --> 00:13:04,826 แน่นอนว่าผมรู้จักทั้งหมด 182 00:13:04,910 --> 00:13:07,704 ไม่ว่าจะเป็นเพลงอาร์แอนด์บี เพลงบลูส์ 183 00:13:07,787 --> 00:13:09,915 หรือเพลงร็อก เพลงแนวไหนก็ตาม 184 00:13:09,998 --> 00:13:11,750 ทุกคนซื้อแผ่นเสียงเหล่านี้ 185 00:13:11,833 --> 00:13:13,543 ที่เข้ามา 186 00:13:13,627 --> 00:13:17,172 อาจจะทางเรือพาณิชย์อเมริกัน 187 00:13:17,798 --> 00:13:21,092 เพลงแนวอาร์แอนด์บีเริ่มได้รับความนิยม 188 00:13:24,471 --> 00:13:31,436 {\an8}(ซันนี่ บอย วิลเลียมสัน) 189 00:13:33,271 --> 00:13:35,190 ผมไปดูซันนี่ บอย วิลเลียมสันแสดง 190 00:13:35,273 --> 00:13:37,234 ที่เทศกาลเพลงโฟล์กบลูส์อเมริกัน 191 00:13:37,776 --> 00:13:40,445 ตอนนั้นผมหัดเล่นฮาร์โมนิก้าด้วย 192 00:13:40,529 --> 00:13:43,156 มันจึงเป็นการบุกที่น่าทึ่ง 193 00:13:43,240 --> 00:13:47,077 ของดนตรีโดยไม่รู้ตัว 194 00:14:24,739 --> 00:14:26,700 ซันนี่ บอยแทบจะเป็นทุกอย่าง 195 00:14:26,783 --> 00:14:31,079 ที่กลายเป็นกระแสหลัก ทางดนตรีทั้งหมดของผม 196 00:14:38,420 --> 00:14:41,173 แต่ที่บ้านเกิดผม ผมมีฮีโร่ของตัวเอง 197 00:14:41,923 --> 00:14:43,675 และเขาคือเพอร์รี่ ฟอสเตอร์ 198 00:14:43,758 --> 00:14:44,759 {\an8}(เพอร์รี่ ฟอสเตอร์) 199 00:14:44,843 --> 00:14:47,804 {\an8}เขาได้ตั้งวงชื่อว่า วงเดลต้าบลูส์ 200 00:14:48,305 --> 00:14:51,600 และไม่รู้ยังไง ผมหาทางพูด 201 00:14:51,683 --> 00:14:53,101 จนได้เข้าวง 202 00:14:54,895 --> 00:14:56,938 ผมพร้อมที่จะเป็นม็อด หรือร็อกเกอร์ 203 00:14:57,022 --> 00:14:59,566 หรืออะไรก็ได้ ตราบใดที่ผมได้ร้องเพลง 204 00:14:59,649 --> 00:15:02,277 และรวบรวมลุคต่างๆ รอบตัวผม 205 00:15:02,360 --> 00:15:04,738 พยายามหาสิ่งที่เข้ากับตัวเอง 206 00:15:07,199 --> 00:15:08,950 {\an8}ผมเคยเล่นดนตรีไปด้วยทำงานไปด้วย 207 00:15:09,034 --> 00:15:10,076 {\an8}(จอห์นและแจ็ก บอนแฮม) 208 00:15:10,160 --> 00:15:12,329 {\an8}ผมเคยทำงานก่อสร้างกับพ่อ 209 00:15:12,871 --> 00:15:15,123 เคยเป็นช่างก่อสร้างฝีมือดี 210 00:15:16,041 --> 00:15:17,626 แต่งานก่อสร้างค่อยๆ ลดลง 211 00:15:17,709 --> 00:15:19,920 {\an8}และงานดนตรีมากขึ้น ดูเหมือนจะเป็นแบบนั้น 212 00:15:20,003 --> 00:15:21,004 {\an8}(เสียงของจอห์น บอนแฮม) 213 00:15:21,087 --> 00:15:23,131 {\an8}เราออกจากโรงเรียนและตั้งวงเล็กๆ 214 00:15:23,215 --> 00:15:24,508 {\an8}อะไรแบบนั้น 215 00:15:24,591 --> 00:15:26,301 {\an8}เราเล่นดนตรีแถวบ้านกัน 216 00:15:27,385 --> 00:15:30,180 สำหรับผม ดนตรีโซลมีอิทธิพลมากในเวลานั้น 217 00:15:33,934 --> 00:15:40,899 {\an8}(เจมส์ บราวน์ แอนด์ ฮิส เฟมัส เฟลมส์) 218 00:15:55,497 --> 00:15:57,415 เจมส์ บราวน์เป็นที่ชื่นชอบมาก 219 00:15:57,499 --> 00:15:59,918 เพราะเสียงกลองมันสุดยอดมาก 220 00:16:00,418 --> 00:16:02,254 ผมคิดในใจ "ฉันจะเล่นให้ได้แบบนั้น" 221 00:16:11,304 --> 00:16:12,556 พอผมอายุ 16 222 00:16:12,639 --> 00:16:14,933 ผมไปดูวงที่โรเบิร์ตเป็นนักร้อง 223 00:16:15,725 --> 00:16:18,854 การแสดงออกมาดีมาก เพราะเขาร้องได้ยอดเยี่ยมมาก 224 00:16:19,771 --> 00:16:21,398 ท่ามกลางคนดูนั้น 225 00:16:21,481 --> 00:16:24,442 {\an8}คือชายคนสำคัญกับแฟนคนสวยของเขา 226 00:16:24,526 --> 00:16:26,027 {\an8}(จอห์น บอนแฮมและแพท ฟิลลิปส์) 227 00:16:26,111 --> 00:16:28,363 {\an8}เขาติดต่อผมหลังการแสดง เขาพูดว่า 228 00:16:28,446 --> 00:16:30,073 {\an8}"คุณใช้ได้นะ 229 00:16:30,157 --> 00:16:32,826 {\an8}แต่จะดีขึ้นกว่านี้เยอะ ถ้ามีมือกลองเก่งๆ" 230 00:16:33,451 --> 00:16:36,329 ผมคิดในใจ "ให้ตาย เอาละสิ" 231 00:16:38,290 --> 00:16:40,167 ครั้งแรกที่เราเล่นด้วยกัน 232 00:16:40,250 --> 00:16:41,334 เราอายุประมาณ 16 233 00:16:41,418 --> 00:16:42,627 และมันดีมากๆ 234 00:16:50,135 --> 00:16:51,470 จอห์นเป็นคนที่น่าทึ่งมาก 235 00:16:51,970 --> 00:16:53,847 เขาเป็นมือกลองที่ทรงพลังมาก 236 00:16:55,056 --> 00:16:57,767 ผมดูเขาด้วยความทึ่งสุดๆ 237 00:16:57,851 --> 00:17:00,687 เขาวิเศษมาก 238 00:17:01,688 --> 00:17:04,440 แต่การเล่นดนตรีในท้องถิ่นมีการแข่งขันสูง 239 00:17:04,524 --> 00:17:07,026 มีช่วงเวลาที่เดินทางไปแสดง 240 00:17:07,110 --> 00:17:08,612 และทุกอย่างไปได้สวย 241 00:17:08,695 --> 00:17:10,906 แล้วจู่ๆ ก็ไม่มีงาน ไม่มีเงิน 242 00:17:10,988 --> 00:17:12,741 ต้องกลับมาสู่จุดเริ่มต้น 243 00:17:12,991 --> 00:17:15,494 มีหนหนึ่งเราน้ำมันหมด 244 00:17:16,161 --> 00:17:18,872 ผมต้องขโมยน้ำมันจากรถอีกคัน 245 00:17:18,955 --> 00:17:21,541 และผมถูกตำรวจจับได้กลางดึก 246 00:17:21,624 --> 00:17:24,127 ตอนกำลังเอาสายยางใส่กระป๋อง 247 00:17:24,210 --> 00:17:26,463 เขานั่งตัวสั่นอยู่ข้างหลัง 248 00:17:27,380 --> 00:17:29,382 คิดในใจว่า "แพทจะว่ายังไง" 249 00:17:31,176 --> 00:17:34,137 แพทกลายเป็นภรรยาเขา และเธอเคยพูดว่า 250 00:17:34,221 --> 00:17:37,015 "อย่าเล่นดนตรีกับแพลนต์อีกเชียว 251 00:17:37,557 --> 00:17:39,059 เขาจะพาซวย" 252 00:17:48,276 --> 00:17:51,154 ผมออกจากโรงเรียนตอนอายุ 16 253 00:17:51,404 --> 00:17:53,281 ผมสอบตกแทบทุกวิชา 254 00:17:53,448 --> 00:17:55,325 เพราะผมเล่นดนตรีในคลับทั้งคืน 255 00:17:55,408 --> 00:17:57,536 ในคืนก่อนสอบไล่ 256 00:17:57,619 --> 00:17:59,037 พ่อผมพูดว่า 257 00:17:59,120 --> 00:18:01,998 "พ่อฝากงานเสมียนให้แกได้" 258 00:18:03,333 --> 00:18:05,669 "ไม่ครับ พ่อ ผมจะหาวงดนตรี ผมจะหาวงดนตรี" 259 00:18:05,752 --> 00:18:07,379 เคยมีสถานที่หนึ่งในลอนดอน 260 00:18:07,462 --> 00:18:08,797 ชื่ออาร์เชอร์สตรีท 261 00:18:08,880 --> 00:18:10,841 ทุกเช้าวันจันทร์ 262 00:18:10,924 --> 00:18:14,386 นักดนตรีท้องถิ่นทุกคน จะมารวมตัวกันเพื่อของาน 263 00:18:15,262 --> 00:18:17,722 ผมที่เป็นเด็กจึงไปที่นั่น 264 00:18:17,806 --> 00:18:19,474 ผมไปที่นั่นทุกเช้าวันจันทร์ 265 00:18:34,156 --> 00:18:36,616 ผมเริ่มได้เล่นกับวงต่างๆ 266 00:18:36,700 --> 00:18:38,410 และในห้องอัดเสียง 267 00:18:41,580 --> 00:18:42,581 {\an8}(ปี 1964) 268 00:18:42,664 --> 00:18:45,417 {\an8}นี่จิมมี่ เพจกับกีตาร์ไฟฟ้าของเขา 269 00:18:45,959 --> 00:18:48,128 {\an8}นั่นกีตาร์เลสพอล หรือแบล็กบิวตี้ของผม 270 00:18:48,211 --> 00:18:50,797 {\an8}กีตาร์ตัวนี้เป็นกีตาร์ 271 00:18:50,881 --> 00:18:52,716 ที่ผมเล่นในห้องอัดเสียงส่วนใหญ่ 272 00:18:54,843 --> 00:18:56,803 นั่นไง กำลังเข้าไปเพื่อดูว่า 273 00:18:56,887 --> 00:18:59,931 ผมจะเจออะไรบนแท่นวางโน้ตเพลง 274 00:19:12,527 --> 00:19:14,863 ที่จริงการอัดเสียงในสมัยนั้นสนุกมาก 275 00:19:15,822 --> 00:19:18,033 ตอนแรกๆ ผมได้เล่นดนตรีในห้องอัด 276 00:19:18,116 --> 00:19:19,409 ร่วมกับจิมมี่บ่อยมาก 277 00:19:20,577 --> 00:19:22,704 {\an8}(เชอร์ลีย์ บาสซีย์) 278 00:19:22,787 --> 00:19:24,664 {\an8}ห้องอัดเพลงโกลด์ฟิงเกอร์ อยู่ที่ถนนแอบบีย์ 279 00:19:24,789 --> 00:19:27,083 {\an8}จิมมี่กับผมไปอัดทำนอง 280 00:19:27,167 --> 00:19:28,502 {\an8}มีวงออร์เคสตราทั้งวง 281 00:19:29,085 --> 00:19:30,295 และเชอร์ลีย์ บาสซีย์ 282 00:19:34,508 --> 00:19:37,219 บรรยากาศทั้งหมด… แค่การได้อยู่ในนั้น… 283 00:19:37,302 --> 00:19:40,138 ตอนนั้นน่ะ ผมยังเด็กอยู่เลย 284 00:19:40,222 --> 00:19:42,766 มันแบบว่า "โอ้โฮ เชอร์ลีย์ บาสซีย์" 285 00:19:42,849 --> 00:19:45,101 ขณะที่เล่น คุณมองเห็นเธอ 286 00:19:45,185 --> 00:19:47,437 และเธอออกท่าทางทุกอย่าง 287 00:19:48,605 --> 00:19:50,607 แบบนั้น มันน่าดูมากๆ 288 00:20:11,002 --> 00:20:14,548 สตูดิโอเหล่านี้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมาก 289 00:20:15,215 --> 00:20:17,217 คุณห้ามเป็นคนที่ทำพลาด 290 00:20:17,300 --> 00:20:18,969 จนพวกเขาต้องเลยเวลา 291 00:20:19,052 --> 00:20:20,512 แน่นอนว่าถ้าคุณทำพลาด 292 00:20:20,595 --> 00:20:22,139 คุณจะไม่ถูกเรียกมาอีก 293 00:20:34,901 --> 00:20:36,862 มีสมุดจดเล่มเล็กๆ แบบนี้ 294 00:20:36,945 --> 00:20:39,114 ที่ผมพกติดตัว 295 00:20:39,698 --> 00:20:42,868 ผมเข้าห้องอัดกับวงโรลลิงสโตนส์ 296 00:20:42,951 --> 00:20:44,953 เดวิด โบวี่, เพทูล่า คลาร์ก… 297 00:20:45,036 --> 00:20:47,122 ผมอยู่ในแผ่นเสียงของคิงส์ 298 00:20:47,205 --> 00:20:49,166 แผ่นเสียงแรกของวงฮู 299 00:20:49,249 --> 00:20:51,501 กับนักดนตรีหลากหลาย 300 00:20:52,043 --> 00:20:54,004 แต่ผมไม่ได้ร่วมงานกับวงบีเทิลส์ 301 00:21:11,313 --> 00:21:14,649 {\an8}(ปี 1965) 302 00:21:19,988 --> 00:21:21,573 {\an8}(โดโนแวน จิมมี่ เพจ - กีตาร์) 303 00:21:21,656 --> 00:21:23,909 {\an8}ผมได้ร่วมงานกับโดโนแวนพอควร 304 00:21:23,992 --> 00:21:26,745 {\an8}และผมสนุกกับการร่วมงานกับเขา 305 00:21:27,287 --> 00:21:29,956 {\an8}มิกกี้ โมสต์เป็นโปรดิวเซอร์ของเขา 306 00:21:30,040 --> 00:21:32,417 {\an8}(มิกกี้ โมสต์) 307 00:21:32,501 --> 00:21:35,212 {\an8}การเข้าห้องอัดเหล่านี้ดีมาก เพราะผมสามารถดู 308 00:21:35,295 --> 00:21:37,923 และถามคำถามต่างๆ ได้ 309 00:21:38,006 --> 00:21:39,257 ผมทำแบบนั้นจริงๆ 310 00:21:39,341 --> 00:21:42,052 ผมถือเป็นหน้าที่ที่จะถามวิศวกร 311 00:21:42,135 --> 00:21:45,639 ถึงวิธีทำเอฟเฟกต์ เช่น เทปเอคโค่ และรีเวิร์บ 312 00:21:45,722 --> 00:21:48,433 และคุณได้เห็นวิธีที่เขาติดไมค์ 313 00:21:48,517 --> 00:21:49,935 เข้ากับเครื่องดนตรีต่างๆ 314 00:21:50,811 --> 00:21:52,646 หลักๆ แล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมทำได้ 315 00:21:52,729 --> 00:21:54,564 ผมได้รับอนุญาตให้ทำได้ 316 00:21:54,648 --> 00:21:57,067 ไม่ใช่แค่นั้น ผมมีโอกาสได้เล่นโซโล่ด้วย 317 00:21:57,150 --> 00:21:58,401 เป็นเรื่องดีนะ 318 00:22:08,787 --> 00:22:09,788 ผมเดินไปหามิกกี้ โมสต์ 319 00:22:09,871 --> 00:22:11,248 ถามว่า "ต้องการคนเรียบเรียงไหม" 320 00:22:11,498 --> 00:22:13,917 "คุณ…" "ใช่ ผมเรียบเรียงด้วย 321 00:22:14,000 --> 00:22:16,086 ใช่ ตลอดเลย" และ… 322 00:22:16,711 --> 00:22:18,922 จริงๆ ผมยังไม่เคยหรอก 323 00:22:19,005 --> 00:22:22,884 แต่พ่อผมสอนเสมอว่า อย่าปฏิเสธงาน 324 00:22:23,510 --> 00:22:26,930 ผมกับมิกกี้ร่วมงานกันได้ดีมาก 325 00:22:28,557 --> 00:22:30,934 {\an8}เขาเคยขับรถโรลส์-รอยซ์ สีเหลืองของเขาผ่านมา… 326 00:22:31,017 --> 00:22:32,018 {\an8}(ปี 1966) 327 00:22:32,102 --> 00:22:34,229 {\an8}และใส่เทปต้นฉบับ ลงในกล่องรับจดหมายของผม 328 00:22:34,312 --> 00:22:38,358 พร้อมข้อความว่า "คุณรู้ว่าเราต้องการอะไร นี่วันศุกร์" มีแค่นั้นเอง 329 00:22:38,942 --> 00:22:41,695 ผมเล่นเบสในห้องอัดทั้งวัน สัปดาห์ละเจ็ดวัน 330 00:22:41,778 --> 00:22:43,655 ผมจึงต้องเรียบเรียงเพลงตอนกลางคืน 331 00:22:43,738 --> 00:22:45,448 พอเก้าโมงเช้า 332 00:22:45,532 --> 00:22:48,034 ผมก็ไปห้องอัดและเล่นเพลงพวกนั้น 333 00:22:48,118 --> 00:22:51,163 ผมเรียบเรียงเพลงทั้งหมด ของวงเฮอร์แมนส์เฮอร์มิตส์ 334 00:22:51,246 --> 00:22:52,414 และโดโนแวน 335 00:22:53,248 --> 00:22:55,500 และมีส่วนร่วมไม่น้อยกับเพลงของลูลู 336 00:22:55,625 --> 00:22:56,918 เพราะผมเรียบเรียงทุกเพลงของเธอ 337 00:22:57,002 --> 00:22:58,003 ร่วมกับมิกกี้ โมสต์ 338 00:23:02,591 --> 00:23:09,556 {\an8}(ลูลู - จอห์น พอล โจนส์ เรียบเรียง, เบส) 339 00:23:13,894 --> 00:23:15,645 {\an8}ผมเคยร่วมทำเพลงประกอบหนังกับเธอ 340 00:23:15,729 --> 00:23:18,732 {\an8}เช่น "ทูเซอร์ วิธเลิฟ" ซึ่งดังมากในอเมริกา 341 00:23:19,983 --> 00:23:22,569 {\an8}นี่ถือเป็นจุดสูงสุดของวงการดนตรี 342 00:23:22,652 --> 00:23:24,029 (หนุ่มห้องอัด จอห์น พอล โจนส์) 343 00:23:24,112 --> 00:23:25,697 พ่อผมภูมิใจมาก 344 00:23:26,198 --> 00:23:28,158 เมื่อคนที่เขารู้จักและนับถือ 345 00:23:28,241 --> 00:23:30,785 มาพูดว่า "ผมเห็นจอห์น ลูกคุณ ในห้องอัดที่นั่นที่นี่ 346 00:23:30,869 --> 00:23:33,455 เมื่อวันก่อน เขาใช้ได้เลย เขาเก่งเลยนะ" 347 00:23:33,538 --> 00:23:34,623 และ… 348 00:23:35,207 --> 00:23:36,374 ทำให้เขาหน้าบานมาก 349 00:23:40,253 --> 00:23:42,756 ในช่วงนั้นผมอยู่ในวงต่างๆ หลายวง 350 00:23:42,839 --> 00:23:44,341 (แพลนต์ผันตัวเป็นนักร้องบัลลาด) 351 00:23:44,424 --> 00:23:46,760 และทำงานกับสตูดิโออัดเสียงสองสามแห่ง 352 00:23:46,843 --> 00:23:50,806 แต่พ่อแม่ผมไม่ค่อยสนใจนัก 353 00:23:51,348 --> 00:23:55,435 ตอนผมออกแผ่นเสียง ซิงเกิลแรกทางช่องซีบีเอส 354 00:23:56,144 --> 00:23:59,606 พวกเขาไม่รู้เรื่องเลย เพราะผม… 355 00:24:00,690 --> 00:24:03,944 ผมต้องเลือกระหว่าง 356 00:24:04,027 --> 00:24:05,320 อยู่ในโลกการศึกษาและ… 357 00:24:06,488 --> 00:24:08,990 หน้าที่การงาน… การฝึกงานของผม 358 00:24:10,659 --> 00:24:12,786 เพื่อเป็นนักสอบบัญชี หรือไม่ก็… 359 00:24:14,287 --> 00:24:16,623 ออกไปท่องโลกและทำสิ่งที่ต้องทำ 360 00:24:16,706 --> 00:24:17,874 ผมก็เลยทำ 361 00:24:18,583 --> 00:24:20,127 ผมเลยบอกลาทุกคน 362 00:24:23,255 --> 00:24:28,468 {\an8}(ปี 1967) 363 00:24:28,552 --> 00:24:31,304 {\an8}ผมรู้ว่ามีนักร้องที่เก่งกว่าผม 364 00:24:31,388 --> 00:24:34,975 แต่ผมน่ะออกไปเปล่งเสียงโหวกเหวก 365 00:24:35,058 --> 00:24:36,184 (อย่าปลูก เสพลูกเดียว) 366 00:24:36,268 --> 00:24:41,106 ผมใส่ชุดยาว ทาหน้า สั่นกระดิ่ง จุดธูปหอม 367 00:24:42,274 --> 00:24:43,316 มันแบบ… 368 00:24:43,400 --> 00:24:44,401 (เสียงของจอห์น บอนแฮม) 369 00:24:44,484 --> 00:24:46,361 {\an8}โรเบิร์ตเคยเกกมะเหรกเกเร 370 00:24:46,444 --> 00:24:48,572 {\an8}กว่าเพื่อนทุกคนของผมที่นี่ 371 00:24:48,655 --> 00:24:49,865 {\an8}บ้าบอมากเลย 372 00:24:49,948 --> 00:24:50,949 {\an8}(ให้กัญชาถูกกฎหมาย) 373 00:24:51,032 --> 00:24:54,786 จอห์นเดินมาหาผมแล้วถามว่า "มันเพื่ออะไรกัน" 374 00:24:54,911 --> 00:24:56,204 ('บุปผาชน' ประท้วง) 375 00:24:56,288 --> 00:24:59,040 ผมตอบว่า "ใช่ คุณพูดถูก มันเพื่ออะไรกัน" 376 00:24:59,124 --> 00:25:00,750 ปลายปี 1967 377 00:25:00,834 --> 00:25:02,544 เรากลับมารวมตัวกัน 378 00:25:02,627 --> 00:25:04,880 และเราเล่นดนตรีเข้ากันดีมาก 379 00:25:20,395 --> 00:25:22,647 เราจึงตั้งวงแบนด์ออฟจอย 380 00:25:22,814 --> 00:25:25,442 เราอยากผสมเพลงบลูส์ เข้ากับแนวคิดไซคาเดเลีย 381 00:25:25,525 --> 00:25:28,320 เราอยากเป็นส่วนหนึ่ง ของการเคลื่อนไหวอันสำคัญนั้น 382 00:25:28,403 --> 00:25:29,988 เราไปแสดงที่แฟรงค์ฟรีแมนส์ 383 00:25:30,071 --> 00:25:31,865 เราแสดงที่มิดเดิลเอิร์ธในลอนดอน 384 00:25:31,948 --> 00:25:33,116 (โรเบิร์ต แพลนต์ แบนด์ออฟจอย) 385 00:25:33,200 --> 00:25:36,161 เราไปที่ทินแพนแอลลีย์ และอัดเพลง เมมโมรี่เลน 386 00:25:36,703 --> 00:25:39,581 ซึ่งเป็นเพลงแรกที่ผมแต่ง 387 00:25:40,791 --> 00:25:42,501 แต่น่าเสียดาย เราไม่ได้ปล่อยเพลงนั้น 388 00:25:43,251 --> 00:25:44,878 และมีคนชอบเพลงเราไม่มากนัก 389 00:25:45,420 --> 00:25:47,589 แต่เราชอบเพลงตัวเอง 390 00:26:03,271 --> 00:26:06,900 (โรเบิร์ต แพลนต์ และวงแบนด์ออฟจอย) 391 00:26:07,025 --> 00:26:10,195 (โรเบิร์ต แพลนต์ และวงแบนด์ออฟจอย) 392 00:26:10,278 --> 00:26:15,450 (รำลึกการปรากฏตัวครั้งสุดท้าย โรเบิร์ต แพลนต์และวงแบนด์ออฟจอย) 393 00:26:15,534 --> 00:26:17,452 แพทต่อว่าจอห์นว่า 394 00:26:17,536 --> 00:26:19,371 "บอกแล้วว่าให้อยู่ห่างๆ เขา 395 00:26:19,913 --> 00:26:21,164 เขาพาคุณไปไม่ถึงไหนหรอก" 396 00:26:21,248 --> 00:26:23,792 เขาเลยแยกตัวไปอยู่กับทิม โรส 397 00:26:23,875 --> 00:26:26,336 เล่นเพลง ไอก็อตอะโลนลี่เนส และเพลง มอร์นิ่งดิว 398 00:26:26,711 --> 00:26:28,380 มันเคยเป็นแบบนั้นแหละ 399 00:26:28,463 --> 00:26:29,548 {\an8}(จอห์นและเจสัน บอนแฮม) 400 00:26:29,631 --> 00:26:31,842 {\an8}ตอนนั้นเรามีลูก เราเลยต้องมีงานทำ 401 00:26:31,925 --> 00:26:33,927 {\an8}ในวงมืออาชีพสักวง เพื่อให้ได้เงิน 402 00:26:34,010 --> 00:26:35,345 {\an8}มาเลี้ยงชีพ 403 00:26:36,263 --> 00:26:39,891 ผมอับจนหนทาง 404 00:26:41,268 --> 00:26:42,894 ตอนนั้นผมลำบากมาก 405 00:26:43,562 --> 00:26:47,482 ผมมีกระเป๋าเดินทางสีน้ำตาล กับยาเพนิซิลลิน 406 00:26:47,566 --> 00:26:49,276 ผมไร้บ้าน ไม่มีที่ให้อยู่ 407 00:26:49,359 --> 00:26:50,360 ผมเลย… 408 00:26:51,862 --> 00:26:54,364 ผมได้งานร่วมกับวงอ็อบส์-ทวีเดิล 409 00:27:05,333 --> 00:27:07,502 ผมได้รับการยอมรับ 410 00:27:07,586 --> 00:27:09,963 ให้เป็นนักดนตรีประจำสตูดิโอ 411 00:27:10,505 --> 00:27:13,633 ผมได้เลื่อนขั้นจนได้ทำงาน 412 00:27:13,717 --> 00:27:17,012 ที่นักดนตรีดั้งเดิมทั้งหลายทำ ตอนที่ผมเริ่มเข้ามาทำ 413 00:27:17,095 --> 00:27:18,388 อย่างเช่นมูแซก 414 00:27:18,472 --> 00:27:21,475 มูแซกคือสิ่งที่พวกเขาใช้เรียก ดนตรีประกอบเบื้องหลัง 415 00:27:21,558 --> 00:27:23,310 นึกออกไหม 416 00:27:23,393 --> 00:27:27,105 มันยากมากๆ 417 00:27:27,189 --> 00:27:28,398 ในการอัดเพลงมูแซก 418 00:27:28,482 --> 00:27:30,275 เพราะคุณมีโน้ตดนตรีเป็นปึก 419 00:27:30,358 --> 00:27:32,527 คุณต้องเปิดเล่นมันไปเรื่อยๆ 420 00:27:32,611 --> 00:27:33,695 เปิดและเล่นไปเรื่อยๆ 421 00:27:34,070 --> 00:27:36,531 การทำแบบนั้น การเล่นไปครึ่งเพลง 422 00:27:36,615 --> 00:27:39,493 โดยไม่ล้มป่วยไปเสียก่อน เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก 423 00:27:39,576 --> 00:27:42,370 ผมจึงรู้ว่า 424 00:27:42,871 --> 00:27:45,373 ถึงเวลาที่ต้องออกจากตรงนั้น 425 00:27:45,457 --> 00:27:48,960 เพื่อนผมทุกคน เช่น เอริกและเจฟฟ์ ทุกคนอยู่ในวงดนตรี 426 00:27:49,044 --> 00:27:50,754 และพวกเขากำลังสนุกกันมาก 427 00:27:50,837 --> 00:27:52,881 ผมเลยคิดว่า "ผมมีดีหลายอย่าง 428 00:27:52,964 --> 00:27:54,549 ที่ผมจะเสนอให้ได้" 429 00:27:55,383 --> 00:27:56,927 เจฟฟ์ เบ็กพูดว่า 430 00:27:57,010 --> 00:27:59,721 "คงจะดีมากๆ ถ้าคุณมาเข้าวงยาร์ดเบิดส์" 431 00:27:59,805 --> 00:28:01,932 ผมคิดในใจ "จะเล่นแบบไหนดี 432 00:28:02,015 --> 00:28:03,558 ถ้ามีโอกาสได้เข้า" 433 00:28:03,642 --> 00:28:06,561 "ใช่ ทำเลย ทำตอนนี้ นี่คือโอกาส" 434 00:28:09,189 --> 00:28:16,154 {\an8}(เดอะยาร์ดเบิดส์) 435 00:28:32,796 --> 00:28:34,965 การได้มาเข้าวงยาร์ดเบิดส์กับเจฟฟ์ 436 00:28:35,048 --> 00:28:36,133 มันคือการไปทัวร์กับเพื่อน 437 00:28:36,216 --> 00:28:37,926 และได้มีช่วงเวลาดีๆ 438 00:28:38,718 --> 00:28:41,096 แต่ระหว่างการทัวร์อเมริกา 439 00:28:41,179 --> 00:28:44,099 เขาลาออกจากวง ผมตกใจมาก 440 00:28:44,891 --> 00:28:49,604 แต่มันทำให้ผมมีโอกาส ลองทิศทางใหม่ 441 00:28:49,688 --> 00:28:52,357 ผมได้เล่นกีตาร์ลีดแทน 442 00:28:59,865 --> 00:29:02,200 ไม่มีใครสนใจวงยาร์ดเบิดส์ 443 00:29:02,284 --> 00:29:04,077 ในอังกฤษกันแล้ว 444 00:29:04,161 --> 00:29:07,539 เราจึงเริ่มขยายฐานแฟนคลับใต้ดิน 445 00:29:07,622 --> 00:29:08,832 ในอเมริกา 446 00:29:09,583 --> 00:29:13,462 และมันก็น่าตื่นเต้น น่าตื่นเต้นสุดๆ 447 00:29:13,545 --> 00:29:16,965 ที่ได้สัมผัสบรรยากาศดนตรีเวสต์โคสต์ 448 00:29:24,264 --> 00:29:26,183 แต่เราต้องสู้กับมิกกี้ โมสต์ 449 00:29:26,266 --> 00:29:27,726 ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ของเรา 450 00:29:28,226 --> 00:29:30,645 เราจึงอัดเพลงซิงเกิลห่วยๆ พวกนี้ 451 00:29:30,729 --> 00:29:33,523 สำหรับรายการวิทยุเอเอ็ม ซึ่งเป็นรายการเพลงป็อป 452 00:29:34,149 --> 00:29:37,319 และผมไม่อยากทำเพลงซิงเกิลอีกต่อไป 453 00:29:38,737 --> 00:29:40,113 การอยู่ในอเมริกา 454 00:29:40,197 --> 00:29:42,657 และเห็นการเริ่มต้นของ รายการวิทยุใต้ดินเอฟเอ็ม 455 00:29:42,741 --> 00:29:45,410 ซึ่งเล่นเพลงทั้งอัลบั้ม… 456 00:29:45,494 --> 00:29:49,122 ผมรู้ว่านี่คือวิถีสู่อนาคต 457 00:29:49,664 --> 00:29:51,374 ผมจึงวางแผน 458 00:29:51,458 --> 00:29:53,668 ทำอัลบั้มที่จะถูกนำไปเล่น 459 00:29:53,752 --> 00:29:56,463 ทุกเพลง ทางสถานีเอฟเอ็ม 460 00:30:03,720 --> 00:30:05,722 ผมคิดเสียงใหม่ๆ สำหรับวงยาร์ดเบิดส์ 461 00:30:05,806 --> 00:30:07,557 ไว้ในหัวผมแล้ว 462 00:30:07,641 --> 00:30:11,102 ผมรู้ว่าต้องการทำอะไรกับกีตาร์ 463 00:30:11,186 --> 00:30:13,063 ในเพลงใหม่ที่ผมคิดไว้ 464 00:30:13,146 --> 00:30:14,439 อย่าง เดซด์แอนด์คอนฟิวสด์ 465 00:30:14,523 --> 00:30:17,442 ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากเจค โฮมส์ 466 00:30:20,195 --> 00:30:24,491 {\an8}(ปี 1968) 467 00:30:42,050 --> 00:30:45,637 ผมได้กีตาร์นั้นมาจากเจฟฟ์ เบ็ก 468 00:30:46,304 --> 00:30:49,182 ผมทาสีและปลุกเสกกีตาร์นั้น 469 00:30:50,517 --> 00:30:54,062 นี่คือกีตาร์ที่ผ่านอะไรมามากมาย 470 00:30:54,813 --> 00:30:58,900 เหมือนดาบเอกซ์คาลิเบอร์ ดาบในตำนาน 471 00:31:13,790 --> 00:31:16,877 ผมไปดูลายมือในแอลเอ 472 00:31:17,794 --> 00:31:19,629 และหมอดูบอกว่า 473 00:31:20,046 --> 00:31:23,550 "คุณจะมีเรื่องต้องตัดสินใจเร็วๆ นี้ 474 00:31:23,633 --> 00:31:25,469 ซึ่งจะพลิกชีวิตคุณ" 475 00:31:26,011 --> 00:31:29,598 หลังดูหมอได้สองสามวัน ก็มีการประชุม 476 00:31:30,182 --> 00:31:31,349 คนอื่นๆ ในวงพูดว่า 477 00:31:31,433 --> 00:31:32,642 "พอแล้ว เราอยากยุบวง" 478 00:31:34,478 --> 00:31:35,687 คือว่ามันน่าตกใจ 479 00:31:38,899 --> 00:31:42,777 ผมพูดทันทีว่า "ผมรู้แล้วว่าผมจะทำอะไร 480 00:31:42,861 --> 00:31:44,321 ผมจะตั้งวงของตัวเอง 481 00:31:44,404 --> 00:31:46,698 และผมรู้ว่าจะทำอะไรกับวงนั้น" 482 00:31:47,324 --> 00:31:50,243 ผมแค่ต้องหานักร้องที่มีเสียงทรงพลัง 483 00:31:50,785 --> 00:31:52,954 และก็มีนักร้องชื่อเทอร์รี่ รี้ด 484 00:31:53,038 --> 00:31:54,498 เขาลงชื่อกับผมไว้ 485 00:31:54,581 --> 00:31:56,875 ผมคิดในใจ "ผมจะเลือกเขา" 486 00:31:57,584 --> 00:32:00,212 {\an8}ผมขอให้ปีเตอร์ แกรนต์ ช่วยติดต่อเทอร์รี่ รี้ด 487 00:32:00,295 --> 00:32:01,588 {\an8}(ปีเตอร์ แกรนต์) 488 00:32:01,671 --> 00:32:03,965 {\an8}ปีเตอร์ แกรนต์เคยเป็นผู้จัดการวงยาร์ดเบิดส์ 489 00:32:04,049 --> 00:32:06,051 {\an8}และโชคดีมาก เขาเชื่อมั่นในตัวผม 490 00:32:06,134 --> 00:32:08,178 คือว่านะ ทันทีที่ยาร์ดเบิดส์ยุบวง 491 00:32:08,303 --> 00:32:09,888 และผมพูดว่า "ผมจะตั้งวงใหม่" 492 00:32:09,971 --> 00:32:12,682 เขาเสนอตัวทันที เขาพูดว่า "เยี่ยมเลย" 493 00:32:12,766 --> 00:32:14,309 และ "ผมจะช่วยเต็มที่" 494 00:32:14,893 --> 00:32:18,230 ปีเตอร์ แกรนต์กับมิกกี้ โมสต์ อยู่ห้องทำงานเดียวกัน 495 00:32:18,855 --> 00:32:20,565 ในนั้นมีโต๊ะสองตัว 496 00:32:20,649 --> 00:32:23,693 พวกเขาหันหน้าเข้าหากันจากคนละฝั่ง 497 00:32:25,028 --> 00:32:27,030 ผมมาได้ข่าวทีหลังว่า 498 00:32:27,113 --> 00:32:30,158 "เทอร์รี่ รี้ดได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินเดี่ยว 499 00:32:30,242 --> 00:32:31,284 กับมิกกี้ โมสต์ไปแล้ว" 500 00:32:31,368 --> 00:32:32,702 ผมก็… "เหรอ" 501 00:32:33,286 --> 00:32:34,746 - สดๆ ร้อนๆ - อ้อ ผมรู้ดี 502 00:32:34,830 --> 00:32:36,081 - สำหรับคุณ - ใช่ 503 00:32:36,164 --> 00:32:37,624 ผมคิดในใจ "ว้าว นี่มันโหดเหี้ยมมาก" 504 00:32:37,707 --> 00:32:40,043 แต่อย่างไรก็ดี เทอร์รี่ รี้ดได้แนะนำ 505 00:32:40,127 --> 00:32:42,587 นักร้องคนหนึ่งจากมิดแลนส์ ที่อยู่ในวงอ็อบส์-ทวีเดิล 506 00:32:42,671 --> 00:32:43,672 และผมคิดว่า 507 00:32:43,755 --> 00:32:45,757 "ชื่อนี้แปลก นี่มันแปลกๆ" 508 00:32:46,383 --> 00:32:48,677 เขากับปีเตอร์ แกรนต์หันมามองหน้าผม 509 00:32:50,053 --> 00:32:53,098 เขาถามว่าผมรู้ไหมว่า เขาจะเจอโรเบิร์ต แพลนต์ได้ที่ไหน 510 00:32:54,307 --> 00:32:56,685 ผมตอบว่า "รู้สิ ตรงนี้ไง" 511 00:32:57,185 --> 00:33:00,981 เขาร้องด้นสดได้ไพเราะมาก 512 00:33:01,064 --> 00:33:02,566 ผมคิดว่าวิเศษมาก 513 00:33:02,649 --> 00:33:04,693 ผมจึงเชิญเขามาที่บ้าน 514 00:33:05,443 --> 00:33:07,612 ตอนนั้นผมยังไม่มีที่อยู่ 515 00:33:08,113 --> 00:33:11,491 ผมจึงถือกระเป๋าขึ้นรถไฟไปแพงบอร์น 516 00:33:11,575 --> 00:33:13,243 และลองเสี่ยงอีกสักครั้ง 517 00:33:14,703 --> 00:33:16,705 ใช่ เราเข้ากันได้ดีมาก 518 00:33:16,788 --> 00:33:19,916 เขาสำรวจแผ่นเสียงของผม… 519 00:33:20,000 --> 00:33:21,376 และพูดว่า "ผมมีแผ่นนั้น" 520 00:33:21,460 --> 00:33:23,920 ผมเล่นเพลงของโจน บาเอซให้เขาฟัง 521 00:33:24,004 --> 00:33:25,547 เพลง เบ๊บ ไอม์กอนนะลีฟยู 522 00:33:25,630 --> 00:33:29,134 และพูดว่า "ถ้าคุณร้องท่อนบนสุดนั้นได้ 523 00:33:29,217 --> 00:33:31,136 ผมมีดนตรีเรียบเรียงที่เข้ากับมัน" 524 00:33:31,219 --> 00:33:34,264 และมันก็ลงตัวมากๆ 525 00:33:34,347 --> 00:33:35,432 มันสวยงาม 526 00:33:35,515 --> 00:33:38,310 เขาร้องได้ไพเราะมาก 527 00:33:50,530 --> 00:33:52,782 เรารู้ว่ามีเรื่องดีเกิดขึ้น 528 00:33:53,992 --> 00:33:56,411 ผมรู้สึกได้จากบรรยากาศ 529 00:33:57,496 --> 00:34:01,416 จิมมี่เล่นกีตาร์ได้สุดยอดมาก น่าทึ่งมาก 530 00:34:04,669 --> 00:34:05,837 แล้วจิมมี่ก็พูดกับผมว่า 531 00:34:05,921 --> 00:34:08,006 "เราได้มือกลองแล้ว" 532 00:34:08,173 --> 00:34:10,674 และก่อนเขาจะพูดอะไรต่อ ผมพูดว่า "เดี๋ยวนะ 533 00:34:10,759 --> 00:34:12,636 ไม่มีมือกลองคนไหนในโลก 534 00:34:12,719 --> 00:34:15,221 จะเทียบกับจอห์น บอนแฮมได้ 535 00:34:15,638 --> 00:34:17,098 เขาเป็นเลิศ" 536 00:34:17,432 --> 00:34:19,058 ตอนนั้นเขาเล่นกับทิม โรส 537 00:34:19,643 --> 00:34:21,185 จิมมี่พูดว่า "ถ้าอย่างนั้น 538 00:34:21,269 --> 00:34:22,770 เราไปหาเขากัน" 539 00:34:22,854 --> 00:34:26,316 และผมพูดว่า "จอห์น คุณต้องฟังจิมมี่เล่น 540 00:34:26,399 --> 00:34:29,277 เขาน่าทึ่งมาก" จอห์นบอกว่า "ไม่มีทาง" 541 00:34:29,986 --> 00:34:31,863 ผมพูดว่า "คุณต้องบ้าแน่ๆ 542 00:34:31,946 --> 00:34:35,534 คุณไม่อยากเล่นเพลงโฟล์กอิเล็กทริกหรอก 543 00:34:36,159 --> 00:34:38,745 มากับผมเถอะ" เขาพูดว่า "แพทฆ่าผมแน่" 544 00:34:38,828 --> 00:34:40,247 "อย่าพูดแบบนั้นสิ" 545 00:34:40,330 --> 00:34:42,415 ผมบอกว่า "ผมจะคุยกับแพทและแม่ของคุณให้" 546 00:34:45,252 --> 00:34:49,047 โม ภรรยาผมอ่านเจอว่า "จิมมี่กำลังตั้งวงดนตรี 547 00:34:49,589 --> 00:34:51,007 คุณควรโทรหาเขา 548 00:34:51,508 --> 00:34:52,884 ดูว่าเขาอยากได้มือเบสไหม" 549 00:34:52,968 --> 00:34:54,094 ผมแบบว่า "ไม่ ไม่ได้… 550 00:34:54,176 --> 00:34:56,054 ผมต้องทำนี่ ผมต้องทำนั่น 551 00:34:56,138 --> 00:34:57,806 ผมมีนี่… และอัลบั้ม…" 552 00:34:57,889 --> 00:34:59,766 "ไม่" เธอพูด เธอยืนกรานลูกเดียว 553 00:34:59,850 --> 00:35:02,727 "โทรหาเขานะ" ผมก็เลยโทร 554 00:35:03,311 --> 00:35:06,189 ผมพูดว่า "สวัสดี จิม ได้ยินมาว่าคุณกำลังตั้งวงดนตรี" 555 00:35:06,273 --> 00:35:07,566 เขาตอบว่า "ใช่ๆ" 556 00:35:07,649 --> 00:35:09,693 ผมก็ว่า "คุณอยากได้มือเบสไหม" 557 00:35:09,776 --> 00:35:11,611 เขาว่า "อันที่จริงก็ต้องการ 558 00:35:11,695 --> 00:35:13,780 แต่มีปัญหาหนึ่ง" ผมบอกว่า "อะไรเหรอ" 559 00:35:13,864 --> 00:35:16,449 เขาบอกว่า "มือกลองเล่นกับทิม โรส 560 00:35:16,533 --> 00:35:19,494 และเขาได้ 40 ปอนด์ต่อสัปดาห์ เราให้ดีกว่านั้นได้ไหม" 561 00:35:22,080 --> 00:35:24,166 เราเลยตัดสินใจว่า ได้ เราน่าจะทำได้ 562 00:35:26,001 --> 00:35:29,504 ปีเตอร์ แกรนต์จัดการจองห้องซ้อมได้สองชั่วโมง 563 00:35:29,588 --> 00:35:30,755 {\an8}ที่ถนนเจอร์ราร์ด 564 00:35:30,839 --> 00:35:32,549 {\an8}(19 ถนนเจอร์ราร์ด ห้องซ้อมใต้ดิน) 565 00:35:32,716 --> 00:35:35,510 {\an8}เราทุกคนไปที่นั่น และผมตั้งอุปกรณ์ของผม 566 00:35:35,594 --> 00:35:38,388 {\an8}จอห์น พอล โจนส์ ไปพร้อมกับอุปกรณ์อัดเสียง 567 00:35:38,472 --> 00:35:40,515 และจอห์นมีกลองของเขา 568 00:35:40,599 --> 00:35:43,268 มีเครื่องขยายเสียงตั้งเรียงราย 569 00:35:43,351 --> 00:35:45,395 และเรายกเครื่องหนึ่งขึ้นมา… 570 00:35:45,479 --> 00:35:47,814 "สวัสดี สบายดีไหม" "ดี" แบบนั้นน่ะ 571 00:35:47,898 --> 00:35:49,733 "ผมชื่อนั่นนี่ เขาชื่อนั่นนี่" 572 00:35:50,442 --> 00:35:51,526 {\an8}(เสียงของจอห์น บอนแฮม) 573 00:35:51,610 --> 00:35:53,653 {\an8}มันแปลกมากจริงๆ ที่ได้พบจอห์น พอลกับจิมมี่ 574 00:35:53,737 --> 00:35:55,238 {\an8}จากพื้นเพของผม 575 00:35:55,322 --> 00:35:57,115 {\an8}ผมคิดว่านี่เป็นเรื่องตลก 576 00:35:57,199 --> 00:35:59,242 {\an8}การได้รับโทรเลขอะไรเนี่ยน่ะ 577 00:35:59,326 --> 00:36:01,620 มีโอกาสที่จะได้ร่วมวงยาร์ดเบิดส์ 578 00:36:01,703 --> 00:36:03,580 เหมือนของขวัญจากสวรรค์ ว่าไหม 579 00:36:04,122 --> 00:36:06,416 ผมบอกว่าเพลงแรกที่ผมอยากเล่น 580 00:36:07,042 --> 00:36:08,376 คือ เทรนเคปต์เอ-โรลลิน 581 00:36:08,460 --> 00:36:10,420 เทรนเคปต์เอ-โรลลิน "คุณรู้จักไหม" 582 00:36:10,504 --> 00:36:13,715 ผมบอกว่า "ไม่" เขาพูดว่า "เป็นเพลง 12 ห้อง" 583 00:36:14,591 --> 00:36:16,885 "มีช่วงริฟฟ์กีตาร์นี้" "โอเค ได้เลย" 584 00:36:16,968 --> 00:36:18,220 แล้วก็เริ่มเล่นกัน 585 00:36:18,887 --> 00:36:20,639 และห้องแทบระเบิด 586 00:36:20,722 --> 00:36:23,225 เราเล่นไปเรื่อยๆ และเล่นโซโล่เบรก 587 00:36:23,308 --> 00:36:26,102 กับที่เหลือทั้งหมด และโรเบิร์ตด้นสด 588 00:36:26,186 --> 00:36:27,938 ผมไม่เคยได้ยินอะไรแบบนั้น 589 00:36:28,021 --> 00:36:29,731 ผมนึกว่าจะมีนักร้องเพลงโซลเจ๋งๆ 590 00:36:29,815 --> 00:36:32,400 แต่กลับมีคนบ้าที่ตะโกน 591 00:36:33,360 --> 00:36:35,862 กับเสียงไพเราะและช่วงเสียงอันวิเศษ 592 00:36:36,029 --> 00:36:37,864 ผมพูดว่า "ทำไมร้องเสียงสูงจัง 593 00:36:37,948 --> 00:36:39,658 เดี๋ยวเจ็บคอนะ" 594 00:36:39,741 --> 00:36:42,869 มันน่าเศร้ามากเพราะดูเหมือนว่า 595 00:36:43,995 --> 00:36:45,956 นั่นคือสิ่งที่ผมรอคอย 596 00:36:46,039 --> 00:36:47,582 ผมค่อนข้างขี้อาย 597 00:36:47,666 --> 00:36:50,210 ในสถานการณ์เช่นนั้น สิ่งที่ควรทำก็คือ 598 00:36:50,293 --> 00:36:52,546 ไม่พูดมาก ทำตามคนอื่น 599 00:36:52,629 --> 00:36:54,339 และปล่อยพลังออกมาเต็มที่ 600 00:36:54,422 --> 00:36:55,966 ผมเล่นเบส 601 00:36:56,049 --> 00:36:58,009 และเขาคงคิดเหมือนกัน 602 00:36:58,093 --> 00:36:59,636 เพราะส่วนจังหวะ 603 00:36:59,719 --> 00:37:02,389 เป็นส่วนที่อ่อนไหวมาก… 604 00:37:05,100 --> 00:37:08,645 ผมแค่อยากรู้ว่าเราจะร่วมงานกันได้ 605 00:37:08,812 --> 00:37:10,981 ครั้งแรกที่เราเล่นด้วยกัน 606 00:37:11,064 --> 00:37:12,983 ก็บอกได้แล้วว่าจะเป็นวงที่ดี 607 00:37:13,066 --> 00:37:14,693 ไม่ได้จะโม้หรืออะไรนะ 608 00:37:16,653 --> 00:37:17,863 แต่ผมรู้ 609 00:37:19,948 --> 00:37:21,158 วิเศษมาก 610 00:37:21,241 --> 00:37:25,245 เมื่อเพลงหยุดลง ผมเชื่อจริงๆ ว่า 611 00:37:25,328 --> 00:37:28,915 ทุกคนรู้ดีว่านี่คือประสบการณ์ ที่จะพลิกชีวิต 612 00:37:28,999 --> 00:37:31,001 ผมคิดว่ามันมีพลังงานขับเคลื่อนเยอะมาก 613 00:37:31,084 --> 00:37:34,087 เยอะมากจนต้องออกมาเพื่อทุกคน 614 00:37:34,171 --> 00:37:35,464 "เราพามันไปสู่เวทีถัดไป 615 00:37:35,547 --> 00:37:37,048 และพามันไปแพงบอร์นกัน" 616 00:37:48,518 --> 00:37:50,479 แพงบอร์นตั้งอยู่ริมแม่น้ำเทมส์ 617 00:37:50,979 --> 00:37:54,065 จำได้ว่าตอนเห็นบ้านบนเรือครั้งแรก 618 00:37:54,149 --> 00:37:56,318 ผมคิดในใจ "มันคือเวทมนต์โดยแท้" 619 00:37:56,860 --> 00:37:58,487 มันมีพลังที่ดี 620 00:37:58,570 --> 00:38:01,948 และมันคือแหล่งความคิดสร้างสรรค์ 621 00:38:02,324 --> 00:38:03,658 และนี่คือบ้านที่ผมอาศัย 622 00:38:03,742 --> 00:38:06,286 ในปี 1967 จนถึง 1970 623 00:38:06,995 --> 00:38:10,332 ตอนแรกเราจัดเตรียมที่ชั้นบนของบ้าน 624 00:38:10,415 --> 00:38:12,209 ตรงหน้าต่างบานบนสุด 625 00:38:12,292 --> 00:38:13,460 มีห้องค่อนข้างใหญ่ 626 00:38:13,543 --> 00:38:16,463 นั่นคือที่ที่เราใช้ซ้อม 627 00:38:22,344 --> 00:38:25,597 เรามองเห็นแม่น้ำ มันสวยดี 628 00:38:25,680 --> 00:38:27,933 และเราได้รู้จักกัน 629 00:38:28,016 --> 00:38:29,267 และทำงานหนักมาก 630 00:38:29,351 --> 00:38:30,477 เราไม่ใช่คนขี้เกียจ 631 00:38:30,560 --> 00:38:32,354 เป้าหมายของเราไม่ใช่การได้ออกทีวี 632 00:38:32,437 --> 00:38:35,273 เราทุกคนอยากเล่นดนตรีมาก 633 00:38:35,357 --> 00:38:38,151 เราเตรียมเพลงสำหรับอัลบั้ม 634 00:38:38,652 --> 00:38:41,696 จากนั้นเราก็เพิ่มเรื่องอื่น 635 00:38:41,780 --> 00:38:43,532 ที่จะเติมเต็มการแสดง 636 00:38:44,574 --> 00:38:47,160 เราซ้อมกันอยู่หลายวัน 637 00:38:47,244 --> 00:38:48,954 และมันเสียงดังน่าดู 638 00:38:49,746 --> 00:38:51,748 คุณจะได้ยิน คุณจะได้ยินจากฟากนี้ 639 00:38:51,832 --> 00:38:54,626 และผมคาดว่าจะมีคนมาเคาะประตู 640 00:38:54,709 --> 00:38:56,378 เพื่อร้องเรียน แต่ไม่มีเลย 641 00:39:04,469 --> 00:39:06,263 เราเตรียมพร้อมอย่างรวดเร็ว 642 00:39:06,346 --> 00:39:08,140 เพราะมีการทัวร์ 643 00:39:08,223 --> 00:39:10,058 ที่วงยาร์ดเบิดส์ต้องทำรออยู่แล้ว 644 00:39:10,225 --> 00:39:12,519 ซึ่งนานสองสามวันในสแกนดิเนเวีย 645 00:39:12,602 --> 00:39:14,855 เป็นจังหวะเหมาะ และโชคดีมากๆ 646 00:39:14,938 --> 00:39:16,356 ที่มีทัวร์นี้ที่เราทำได้ 647 00:39:16,773 --> 00:39:18,817 เราจึงสามารถไปที่นั่น และได้ประโยชน์ 648 00:39:18,900 --> 00:39:20,402 จากการเล่นต่อหน้าผู้ฟัง 649 00:39:20,485 --> 00:39:22,445 ที่ไกลจากลอนดอน และที่เหลือทั้งหมด 650 00:39:23,947 --> 00:39:25,782 {\an8}เราออกเดินทางไปสแกนดิเนเวีย 651 00:39:25,866 --> 00:39:27,993 {\an8}เพื่อเล่นคอนเสิร์ตแรก ในฐานะวงยาร์ดเบิดส์ 652 00:39:28,076 --> 00:39:29,202 {\an8}(กันยายน ปี 1968) 653 00:39:29,286 --> 00:39:30,745 เราขึ้นเครื่องบินกัน 654 00:39:30,829 --> 00:39:32,414 ผมกับจอห์นนั่งข้างๆ กัน 655 00:39:32,497 --> 00:39:33,832 สูบบุหรี่ไปพลาง 656 00:39:33,915 --> 00:39:36,126 เห็นช้อนส้อมมากมาย 657 00:39:36,209 --> 00:39:37,878 มีดและส้อมตรงหน้าเรา 658 00:39:38,378 --> 00:39:40,213 สิ่งของที่โดยปกติเราจะขโมย 659 00:39:40,297 --> 00:39:41,840 อยู่ตรงนั้นมากมายก่ายกอง 660 00:39:42,466 --> 00:39:44,551 แทบจะเอาใส่กระเป๋าไม่พอ 661 00:39:44,634 --> 00:39:46,678 เพื่อเอาลงจากเครื่องบิน ถ้าไม่มีใครช่วย 662 00:39:46,761 --> 00:39:49,097 มันเยี่ยมมาก มีครบทุกอย่าง 663 00:39:49,181 --> 00:39:51,725 จิน โทนิก ผู้คน 664 00:39:52,476 --> 00:39:54,478 ผู้คนใจดีและมีเสน่ห์ 665 00:39:55,228 --> 00:39:57,481 ห้องแอร์ มัน… เราออกเดินทาง 666 00:39:57,981 --> 00:39:59,816 เพราะคุณไม่สามารถ… คุณจะทำอะไรได้ 667 00:40:01,359 --> 00:40:02,986 ถึงตอนนั้นก็วิ่งไปหาแม่ไม่ได้แล้ว 668 00:40:05,906 --> 00:40:08,575 {\an8}(ทีนคลับ - แกลดแซกซ์ เดนมาร์ก) 669 00:40:08,658 --> 00:40:12,162 {\an8}ตอนที่ผมบอกเพื่อนร่วมงาน และคนที่จ้างผม 670 00:40:12,245 --> 00:40:14,122 ว่าผมจะเลิกทำงานห้องอัด 671 00:40:14,206 --> 00:40:16,374 ผมจะเข้าร่วมวงร็อกแอนด์โรล 672 00:40:16,458 --> 00:40:19,211 ทุกคนพูดว่า "คุณบ้าไปแล้ว บ้าไปแล้วจริงๆ" 673 00:40:25,133 --> 00:40:27,594 มือกีตาร์เบส จอห์น พอล โจนส์ 674 00:40:27,677 --> 00:40:29,012 จอห์น พอล โจนส์ 675 00:40:33,183 --> 00:40:35,685 มือกลอง จอห์น บอนแฮม 676 00:40:40,440 --> 00:40:42,484 กีตาร์ลีด จิมมี่ เพจ 677 00:40:48,114 --> 00:40:50,033 และผม โรเบิร์ต แพลนต์ 678 00:40:54,037 --> 00:40:56,081 เย้ เอาเลย 679 00:41:04,923 --> 00:41:05,924 ใช่เลย 680 00:41:11,012 --> 00:41:12,806 เย้ 681 00:43:39,828 --> 00:43:41,079 เอ้า! 682 00:45:42,367 --> 00:45:44,077 มันผ่านไปด้วยดี 683 00:45:44,161 --> 00:45:46,288 จนวงเริ่มทำอัลบั้ม 684 00:45:46,371 --> 00:45:48,415 ทันทีที่กลับจากสแกนดิเนเวีย 685 00:45:48,498 --> 00:45:52,085 เราเล่นมาด้วยกันนานแค่ไหน สักหนึ่งเดือนเอง 686 00:45:53,044 --> 00:45:57,382 {\an8}เราเข้าไปที่โอลิมปิกสตูดิโอส์ตอนดึก ตลอดสองสามสัปดาห์ 687 00:45:57,466 --> 00:45:58,467 {\an8}(โอลิมปิก ซาวด์ สตูดิโอส์) 688 00:45:58,550 --> 00:46:01,970 ครั้งแรกที่เราเข้าไปคือ วันที่ 25 กันยายน 689 00:46:02,053 --> 00:46:03,346 {\an8}ปี 1968 690 00:46:03,430 --> 00:46:06,600 {\an8}"มาถึงตั้งแต่ห้าทุ่มเป็นต้นไป" 691 00:46:08,351 --> 00:46:09,519 เริ่มเทคหนึ่ง 692 00:46:09,603 --> 00:46:10,604 {\an8}เอาละ 693 00:46:10,687 --> 00:46:11,688 {\an8}(กลิน จอนส์) 694 00:46:11,771 --> 00:46:13,732 {\an8}มีกลิน จอนส์ กลินที่น่ารัก 695 00:46:13,815 --> 00:46:16,193 ที่แผงควบคุมโต๊ะเฮลิออส 696 00:46:16,276 --> 00:46:18,737 ซึ่งถูกสร้างมาโดยเฉพาะเพื่อโอลิมปิกสตูดิโอส์ 697 00:46:18,820 --> 00:46:20,572 และเขาเป็นวิศวกรเสียง 698 00:46:21,448 --> 00:46:23,533 เสียงกลองชุดหนึ่ง 699 00:46:23,617 --> 00:46:25,076 จอห์น จิมมี่ และจอห์น พอล 700 00:46:25,160 --> 00:46:28,246 เชื่อมโยงกันในการอัดเสียงเหล่านี้ มากกว่าผม 701 00:46:28,955 --> 00:46:31,374 เพราะพวกเขาอัดเสียงเล่นสด 702 00:46:32,334 --> 00:46:34,252 พวกเขาต้องเล่นให้ได้เดี๋ยวนั้น 703 00:46:34,336 --> 00:46:35,587 เพราะจบเทคแล้วจบเลย 704 00:46:35,670 --> 00:46:38,340 บรรยากาศเลยลุกเป็นไฟ 705 00:46:38,423 --> 00:46:40,884 และผมพยายามเล่นคลุมทั้งหมด 706 00:46:42,928 --> 00:46:45,639 จอห์น พอล โจนส์เล่นเบสได้น่าทึ่งที่สุด 707 00:46:45,722 --> 00:46:49,017 และเขาเป็นบุคคล ที่ควรได้รับการยกย่องทางดนตรี 708 00:46:54,189 --> 00:46:56,650 ผมหลงรักเท้าขวาของจอห์นมาก 709 00:46:58,401 --> 00:47:00,111 ผมนับถือมาก 710 00:47:00,695 --> 00:47:03,281 และผมเคยพยายามทำให้มันเด่น 711 00:47:03,365 --> 00:47:04,658 ช่วยมันไปด้วย 712 00:47:05,283 --> 00:47:06,493 และให้พื้นที่มัน 713 00:47:08,286 --> 00:47:09,412 เทคสาม 714 00:47:09,496 --> 00:47:12,499 ผมจะได้เล่นช่วงริฟฟ์ และทิ้งช่วงไว้ 715 00:47:12,582 --> 00:47:14,668 แล้วเสียงกลองของเขาจะโผล่ขึ้นมา 716 00:47:14,751 --> 00:47:17,170 แล้วจังหวะจะโดดเด่นขึ้นทันที 717 00:47:47,492 --> 00:47:49,578 (ข่าว สี่ทุ่ม) 718 00:47:50,203 --> 00:47:52,164 (ข่าวรอบโลก ก.ย.-ต.ค. 1968) 719 00:47:52,247 --> 00:47:59,212 {\an8}(เม็กซิโกซิตี้ กองทัพเปิดฉากยิงนักเรียน) 720 00:48:00,213 --> 00:48:03,258 (โอลิมปิกเกมส์ สะเทือนด้วยพลังคนผิวดำ) 721 00:48:18,190 --> 00:48:19,649 {\an8}(ดูบาร์บาเรลลาทำสิ่งที่เธอถนัด) 722 00:48:23,236 --> 00:48:27,574 {\an8}(ลอนดอน - "แฮร์" เริ่มการเลิกเซ็นเซอร์หนัง) 723 00:48:48,053 --> 00:48:50,138 (จะมีการเดินขบวนเพื่อสิทธิพลเมือง ในเดอร์รี่) 724 00:48:52,849 --> 00:48:56,144 {\an8}(ไนจีเรีย - สงครามเบียฟรานรุนแรงขึ้น) 725 00:48:56,228 --> 00:48:59,523 {\an8}(เวียดนามใต้ - สหรัฐส่งทหาร 24,000 นาย) 726 00:48:59,606 --> 00:49:02,400 {\an8}(เรอเน แคสซิน ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ) 727 00:49:02,484 --> 00:49:07,405 {\an8}(อิเควทอเรียลกินีเป็นอิสระจากสเปน) 728 00:49:10,200 --> 00:49:12,202 (อำนาจของเขา: ทั่วรัฐ สังกัดของเขา: ฮาวาย 5-0) 729 00:49:12,285 --> 00:49:13,495 (ไนต์ ออฟ เดอะ ลิฟวิ่ง เดด) 730 00:49:13,578 --> 00:49:15,956 {\an8}(วอชิงตัน สหรัฐฯ โบอิ้งผลิตเครื่องจัมโบ้เจ็ต 747) 731 00:49:16,039 --> 00:49:18,792 {\an8}(บีเทิลกับแฟนสาวโดนข้อหากัญชา) 732 00:49:22,546 --> 00:49:26,007 {\an8}(เนวาดา สหรัฐ แอบทดสอบนิวเคลียร์) 733 00:49:26,091 --> 00:49:28,552 (อะพอลโล 7 ได้เวลาออกตัว) 734 00:49:28,677 --> 00:49:33,223 {\an8}(อะพอลโล 7 การถ่ายทอดสดจากอวกาศครั้งแรก) 735 00:50:05,547 --> 00:50:07,757 ผมกะจะใส่ทุกอย่างเท่าที่ทำได้เข้าไป 736 00:50:07,841 --> 00:50:09,885 ผมกะจะเล่นกีตาร์อะคูสติก 737 00:50:09,968 --> 00:50:12,304 ผมเล่นกีตาร์เพดัลสตีล 738 00:50:12,387 --> 00:50:14,598 ผมเล่นกีตาร์สไลด์ กีตาร์ไฟฟ้า 739 00:50:14,681 --> 00:50:16,016 {\an8}(เทปมาสเตอร์ต้นฉบับเสียหาย) 740 00:50:16,099 --> 00:50:17,767 {\an8}ผมอยากให้มีหลากหลายเนื้อเสียง 741 00:50:17,851 --> 00:50:20,520 {\an8}และอารมณ์ จนทั้งอัลบั้ม 742 00:50:20,604 --> 00:50:23,857 {\an8}จะจับกุมผู้ฟังโดยสิ้นเชิง 743 00:50:23,940 --> 00:50:27,944 {\an8}และพาพวกเขาไปยังดินแดน ที่ไม่เคยไปมาก่อน 744 00:50:29,029 --> 00:50:30,655 กีตาร์ไม่ได้ถูกตั้งตามปกติ 745 00:50:30,739 --> 00:50:32,073 ในเพลง แบล็กเมาน์เทนไซด์ 746 00:50:32,157 --> 00:50:33,950 มันคล้ายการตั้งพิณซีต้าร์มากกว่า 747 00:50:35,452 --> 00:50:39,581 {\an8}(จิมมี่ เพจ) 748 00:50:39,706 --> 00:50:42,709 {\an8}จิมมี่กับจอห์น พอล มีความสามารถมาก 749 00:50:43,585 --> 00:50:46,338 พวกเขาเล่นเครื่องดนตรีหลากหลาย 750 00:50:47,380 --> 00:50:49,633 จนไม่มีอะไรที่พวกเขาจะอึดอัดใจ 751 00:50:49,716 --> 00:50:51,134 ที่จะเล่น 752 00:50:51,218 --> 00:50:54,679 มันเลยทำให้เราสามารถเล่น 753 00:50:54,763 --> 00:50:55,764 ได้อย่างมีสีสัน 754 00:52:15,802 --> 00:52:17,304 จิมมี่เป็นโปรดิวเซอร์อัลบั้มนี้ 755 00:52:17,804 --> 00:52:18,889 ซึ่งมันดีมากๆ 756 00:52:18,972 --> 00:52:20,223 เพราะมันมีเสียงอีกแบบ 757 00:52:20,307 --> 00:52:21,349 และผมชอบแบบนั้น 758 00:52:21,808 --> 00:52:24,060 เขามีไอเดียเรื่องการตั้งไมค์ 759 00:52:24,144 --> 00:52:26,521 เพื่อให้ได้ระยะห่าง เขาจะได้รู้ว่าเขาอยากได้ยินอะไร 760 00:52:27,898 --> 00:52:29,858 มีเรื่องซับซ้อนมากบางอย่าง 761 00:52:29,941 --> 00:52:31,610 เกิดขึ้นระหว่างการมิกซ์เสียง 762 00:52:31,776 --> 00:52:35,071 เช่น เสียงสะท้อนย้อนกลับ ที่มาในเพลง ยูชู้กมี 763 00:52:35,155 --> 00:52:37,824 เมื่อคุณกลับเทปแล้วใส่เสียงสะท้อน 764 00:52:37,908 --> 00:52:39,409 จากนั้นก็กลับเทปอีกที 765 00:52:39,493 --> 00:52:41,578 คุณก็จะได้เสียงสะท้อนย้อนกลับ 766 00:52:54,758 --> 00:52:57,385 ผมค่อยๆ เบาเสียงเพลงหนึ่งเพื่อเข้าสู่อีกเพลง 767 00:52:57,469 --> 00:52:58,929 และใช้เทคนิคต่างๆ เหล่านี้ 768 00:52:59,012 --> 00:53:01,389 เพื่อที่เวลาคนฟังทั้งอัลบั้ม 769 00:53:01,473 --> 00:53:04,476 ผมว่ามันจะได้ดึงความสนใจเต็มที่ 770 00:53:04,559 --> 00:53:07,479 ผมว่ามันน่าทึ่งมาก ใช่ 771 00:53:07,562 --> 00:53:10,482 ผมมีลำโพงควอดอิเล็กโทรสแตติก เครื่องใหญ่คู่หนึ่ง 772 00:53:10,565 --> 00:53:12,192 อยู่ในห้องข้างหน้า 773 00:53:12,275 --> 00:53:14,486 คุณแทบจะนั่งอยู่ในลำโพงได้เลย 774 00:53:14,945 --> 00:53:16,863 และผมเคยเล่นเสียงดังๆ 775 00:53:34,589 --> 00:53:37,551 ถ้าคุณออกเงินทำอัลบั้มเอง 776 00:53:37,634 --> 00:53:39,511 คุณจะอยู่ในสถานะที่ดีกว่า 777 00:53:39,594 --> 00:53:42,430 การเข้าไปด้วยการส่งเทปเดโม่ 778 00:53:42,514 --> 00:53:44,224 ฉะนั้น ถ้าคุณรู้ดีว่ากำลังทำอะไร 779 00:53:44,307 --> 00:53:47,727 มันก็สมเหตุสมผลที่จะทำอัลบั้มให้เสร็จ 780 00:53:47,811 --> 00:53:50,272 แล้วค่อยไปหาค่ายเพลงและเซ็นสัญญา 781 00:53:54,234 --> 00:53:56,069 เบิร์ต เบินส์ โปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน 782 00:53:56,153 --> 00:53:59,781 เคยทำงานประชาสัมพันธ์ให้ผม ได้ดีมากที่แอตแลนติกเรคคอดส์ 783 00:53:59,865 --> 00:54:01,283 (เพลงฮิตอยู่ที่แอตแลนติก) 784 00:54:01,366 --> 00:54:02,951 ตอนเขาพาผมไปที่นั่นในปี 1964 785 00:54:03,034 --> 00:54:05,328 และผมพูดว่าเราควรเล็งไปที่แอตแลนติก… 786 00:54:06,163 --> 00:54:07,455 เราจึงทำเช่นนั้น 787 00:54:07,539 --> 00:54:09,666 (บันทึกจากเอส. ไวส์ ถึง: เจอร์รี่ เวกซ์เลอร์) 788 00:54:09,749 --> 00:54:12,961 (เราได้เตรียมให้จิมมี่ เพจมาที่นิวยอร์ก) 789 00:54:13,044 --> 00:54:16,047 (เพื่อเซ็นสัญญาในวันที่ 11 พฤศจิกายน) 790 00:54:16,131 --> 00:54:18,800 ใช่ ใช่แล้ว เราทำส่วนของเราแล้ว 791 00:54:18,884 --> 00:54:21,261 และจิมมี่กับปีเตอร์จะไปโน้มน้าวคน 792 00:54:21,344 --> 00:54:23,346 ว่าพวกเขาต้องการมันจริงๆ 793 00:54:23,430 --> 00:54:26,600 จิมมี่มีคุณสมบัติและความรู้ ที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ 794 00:54:27,309 --> 00:54:29,561 เขาไปนิวยอร์กกับปีเตอร์ 795 00:54:29,644 --> 00:54:32,189 และเพราะอย่างนั้น พวกเขาจึงไปพบเจอร์รี่ เวกซ์เลอร์ 796 00:54:32,272 --> 00:54:33,273 {\an8}(สนามบินเคนเนดี) 797 00:54:33,356 --> 00:54:38,612 {\an8}(ตุลาคม ปี 1968) 798 00:54:51,833 --> 00:54:58,173 {\an8}(แอตแลนติกเรคคอดส์) 799 00:55:00,383 --> 00:55:02,636 เราเปิดเพลง และนั่นเป็นช่วงที่ดีมาก 800 00:55:02,719 --> 00:55:05,305 ที่สามารถเล่นเพลงได้ ไม่ว่าพวกเขาจะคิดยังไง 801 00:55:05,388 --> 00:55:09,643 การได้เล่นเพลงให้เจอร์รี่ เวกซ์เลอร์ฟัง 802 00:55:10,393 --> 00:55:16,817 {\an8}(เจอร์รี่ เวกซ์เลอร์) 803 00:55:37,963 --> 00:55:40,340 แอตแลนติกไม่ได้รับอนุญาตให้รีมิกซ์เลย 804 00:55:40,423 --> 00:55:41,925 มันสมบูรณ์แบบแล้ว เรียบร้อยแล้ว 805 00:55:42,008 --> 00:55:44,553 การจัดลำดับก็สมบูรณ์แบบ ไม่มีอะไร… 806 00:55:44,636 --> 00:55:46,721 แน่นอนจะไม่มีซิงเกิลไหนถูกดึงออก 807 00:55:49,432 --> 00:55:53,019 ผมเคยเห็นสถานการณ์ที่เพลงซิงเกิล 808 00:55:53,103 --> 00:55:55,272 ทำลายจิตวิญญาณของวงมาแล้ว 809 00:55:55,355 --> 00:55:58,024 ผมไม่อยากให้มันทำลายจิตวิญญาณของวงนี้ 810 00:55:58,108 --> 00:56:01,945 ผมจึงพูดย้ำว่า "เราเป็นวงที่ทำเพลงอัลบั้ม 811 00:56:02,028 --> 00:56:03,864 เราไม่ได้ทำเพลงซิงเกิล" 812 00:56:04,698 --> 00:56:07,450 เรามีสิทธิ์เรียกร้องเพราะเราเป็นเจ้าของอัลบั้ม 813 00:56:12,539 --> 00:56:15,333 และนี่คือผมที่กำลังเซ็นสัญญา 814 00:56:15,417 --> 00:56:18,253 และนั่นคือปีเตอร์ที่ดูเจ๋งมากๆ 815 00:56:18,336 --> 00:56:20,714 ดูเหมือนเจ้าพ่อมาเฟีย 816 00:56:24,009 --> 00:56:30,390 {\an8}(แอตแลนติกเรคคอดส์ เซ็นวงใหม่มาแรง เลด เซพเพลิน) 817 00:56:30,474 --> 00:56:33,560 {\an8}(หนึ่งในข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดแห่งปี) 818 00:56:40,525 --> 00:56:42,486 ปีเตอร์ แกรนต์และจิมมี่ได้จัดการให้ 819 00:56:42,569 --> 00:56:46,865 แอตแลนติกไม่มีสิทธิ์ในสิ่งที่เราทำเลย 820 00:56:48,158 --> 00:56:50,619 พวกเขาไปที่นั่น พูดว่า "ฟังนะ คุณอยากได้วงนี้ 821 00:56:50,702 --> 00:56:53,330 และเราจะมอบดนตรีนี้ให้คุณ" แต่… 822 00:56:54,748 --> 00:56:57,334 ปีเตอร์ แกรนต์ไม่ยอมให้ผู้อำนวยการผลิตคนไหน 823 00:56:57,417 --> 00:56:59,002 มาเฉียดสตูดิโอ 824 00:56:59,544 --> 00:57:00,796 หรือคนในวงเลย 825 00:57:00,879 --> 00:57:03,423 และพวกเขากลัวปีเตอร์มาก ซึ่งยอดเยี่ยมเลย 826 00:57:03,507 --> 00:57:05,801 การได้มีอิสระแบบนั้น เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน 827 00:57:10,764 --> 00:57:12,766 แทนที่จะใช้ชื่อวงยาร์ดเบิดส์ต่อไป 828 00:57:12,849 --> 00:57:15,143 วงนี้เข้มแข็งจนเริ่มต้นใหม่ได้ 829 00:57:15,227 --> 00:57:17,145 เราจึงตัดสินใจเปลี่ยนชื่อวง 830 00:57:17,229 --> 00:57:18,230 (เลด เซพเพลิน เดบิวต์) 831 00:57:18,313 --> 00:57:20,232 คีธ มูนได้เสนอชื่อ เลด เซพเพลิน 832 00:57:20,315 --> 00:57:22,776 ผมคิดว่าเป็นชื่อที่ดี 833 00:57:22,859 --> 00:57:25,612 ผมคิดว่า "อืม เป็นชื่อที่แย่มาก 834 00:57:25,695 --> 00:57:27,906 จะไม่มีใครจำได้หรอก" 835 00:57:28,907 --> 00:57:30,659 แต่ผมคิดชื่อที่ดีกว่าไม่ออก 836 00:57:30,742 --> 00:57:32,244 เราจึงใช้ชื่อ เลด เซพเพลิน 837 00:57:35,080 --> 00:57:37,582 {\an8}จู่ๆ ผมก็เป็นพ่อคนและใกล้จะแต่งงาน 838 00:57:37,666 --> 00:57:39,000 {\an8}(โรเบิร์ต แพลนต์และมอรีน วิลสัน) 839 00:57:39,084 --> 00:57:41,419 {\an8}และผมอยู่ในวงที่ตอนนี้จะใช้ชื่อว่า 840 00:57:41,503 --> 00:57:42,712 {\an8}เลด เซพเพลิน 841 00:57:43,213 --> 00:57:46,091 ผมเลยกลับไปหาพ่อแม่อย่างเผื่อใจ 842 00:57:46,967 --> 00:57:48,718 ผมเรียกพ่อกับแม่มา แล้วพูดว่า 843 00:57:49,302 --> 00:57:52,472 "พ่อกับแม่อาจอยากรู้จักคนที่มีความเป็นไปได้ 844 00:57:52,556 --> 00:57:55,851 มีความน่าจะเป็นที่สุดที่จะเป็นลูกสะใภ้" 845 00:57:55,934 --> 00:57:57,519 และแน่นอนว่า 846 00:57:59,146 --> 00:58:00,313 พวกเขายอมรับ 847 00:58:03,733 --> 00:58:08,196 วันที่ 9 พฤศจิกายน 1968 เราเล่นที่คลับมิดเดิลเอิร์ธ 848 00:58:08,780 --> 00:58:12,409 และเพื่อฉลองการเล่นดนตรีที่นั่น 849 00:58:12,492 --> 00:58:13,994 ผมจึงแต่งงานในวันเดียวกัน 850 00:58:14,744 --> 00:58:17,706 พยายามทำหลายๆ อย่างให้มากที่สุดในหนึ่งวัน 851 00:58:18,915 --> 00:58:20,750 รถเสียระหว่างทางไปแสดง 852 00:58:20,834 --> 00:58:22,377 ปัญหาต่างๆ นานา 853 00:58:22,878 --> 00:58:24,379 เราวางแผนว่าจะเล่นเพลงอะไร 854 00:58:24,463 --> 00:58:25,839 และจะเล่นยังไง 855 00:58:25,922 --> 00:58:28,467 เราเล่นสามเพลงแรกไปอย่างรวดเร็ว 856 00:58:28,550 --> 00:58:32,053 คุณเห็นได้เลยว่าคนคิดว่า "นี่มันอะไรกันเนี่ย" 857 01:01:30,565 --> 01:01:32,067 มันตลกดีนะ 858 01:01:32,150 --> 01:01:33,735 คุณไม่ได้เล่นงานใหญ่ๆ ในอังกฤษ 859 01:01:33,819 --> 01:01:34,820 คุณจะพูดว่า 860 01:01:34,903 --> 01:01:36,655 "คุณอยากจองวันให้วงเลด เซพเพลินเล่นไหม" 861 01:01:36,738 --> 01:01:38,073 อะไรทำนองนี้ 862 01:01:38,156 --> 01:01:40,200 คนก็ยังไม่จอง 863 01:01:41,159 --> 01:01:43,286 แอตแลนติกจึงตัดสินใจว่า 864 01:01:43,370 --> 01:01:46,373 จะให้อัลบั้มออกวันที่ 12 มกราคม 865 01:01:46,456 --> 01:01:48,208 เฉพาะในอเมริกา 866 01:01:48,291 --> 01:01:51,169 ปีเตอร์จึงวางแผนการทัวร์ให้เรา 867 01:01:51,253 --> 01:01:52,796 (เลด เซพเพลิน ปล่อยอัลบั้มมกราคม) 868 01:01:52,879 --> 01:01:55,090 คิดว่าเป็นคืนก่อนวันคริสต์มาสนะ เราต้องออกเดินทาง 869 01:01:55,173 --> 01:01:57,384 จู่ๆ คุณก็พบว่าอัลบั้มใกล้จะออก 870 01:01:57,467 --> 01:01:59,928 เราจึงต้องไปอเมริกาเพื่อแสดง 871 01:02:01,012 --> 01:02:03,765 ผมกังวลว่าจะไม่สะดวกเหมือนที่บ้าน 872 01:02:05,016 --> 01:02:07,978 แพทพูดตลอดว่า "ฉันบอกแล้วว่าอย่าร่วมงานกับเขา" 873 01:02:08,061 --> 01:02:11,398 แต่เธอกับมอรีน ภรรยาผมสนิทกัน 874 01:02:11,481 --> 01:02:15,360 พวกเขาจึงรู้สึกร่วมยินดี 875 01:02:15,443 --> 01:02:18,238 กับสิ่งที่จอห์นและผมทำอยู่ 876 01:02:18,738 --> 01:02:20,157 เราให้ความร่วมมือ 877 01:02:20,740 --> 01:02:21,825 {\an8}(ธันวาคม ปี 1968) 878 01:02:21,908 --> 01:02:25,745 {\an8}การไปอเมริกาคือความฝันของผม ด้วยประการทั้งปวง 879 01:02:29,833 --> 01:02:30,834 (เลดในสหรัฐตลอดเดือน) 880 01:02:30,917 --> 01:02:32,752 (เลด เซพเพลิน วงใหม่ที่แตกยอดจาก) 881 01:02:32,836 --> 01:02:33,837 (วงยาร์ดเบิดส์วงเก่า) 882 01:02:33,920 --> 01:02:35,755 (เริ่มทัวร์ในสหรัฐหนึ่งเดือนในวันเปิดของขวัญ) 883 01:02:35,839 --> 01:02:38,884 เราเริ่มต้นด้วยการสนับสนุนวงวานิลลาฟัดจ์ 884 01:02:38,967 --> 01:02:42,179 และพวกเขาเป็นวงเดียว ที่ให้การสนับสนุนเรา 885 01:02:44,055 --> 01:02:45,724 {\an8}พวกเขาเป็นเพื่อนที่ดี เพราะพวกเขาเป็นเพื่อน 886 01:02:45,807 --> 01:02:47,142 {\an8}ในยามที่เราไม่มีอะไรเลย 887 01:02:47,225 --> 01:02:48,226 {\an8}(เสียงของจอห์น บอนแฮม) 888 01:02:48,310 --> 01:02:49,311 {\an8}(คาร์ไมน์ แอพไพซ์) 889 01:02:49,394 --> 01:02:51,062 {\an8}คาร์ไมน์กับจอห์น บอนแฮม 890 01:02:51,146 --> 01:02:52,898 {\an8}คุยกันถูกคอมาก 891 01:02:52,981 --> 01:02:54,191 พวกเขาเคยดู 892 01:02:54,274 --> 01:02:56,443 และเลียนแบบกันและกัน และเล่นดนตรีส่วนเล็กๆ 893 01:02:56,526 --> 01:02:59,112 มันเป็นการแลกเปลี่ยนพลังระหว่างทุกคน ที่ดีเยี่ยม 894 01:03:02,240 --> 01:03:03,909 เดนเวอร์เป็นที่แรกที่แสดง 895 01:03:04,493 --> 01:03:06,328 เหมือนเล่นอยู่ในโรงเก็บเครื่องบิน 896 01:03:06,411 --> 01:03:08,163 มีคนดูไม่มากนัก 897 01:03:08,246 --> 01:03:09,789 ผมคิดในใจ "ตายละ" 898 01:03:09,873 --> 01:03:13,126 แต่ผมพูดว่า "เอางี้ มานั่งรวมกันดีกว่า 899 01:03:13,210 --> 01:03:15,378 ทำเหมือนว่าเรากำลังเล่นในคลับ 900 01:03:15,462 --> 01:03:18,632 และเล่นให้กันและกันฟัง 901 01:03:18,715 --> 01:03:20,008 ไม่ต้องห่วงว่าสถานที่ 902 01:03:20,091 --> 01:03:21,760 จะมีคนดูครึ่งเดียวหรือเต็ม 903 01:03:21,843 --> 01:03:24,596 เรามาเล่นเพื่อให้เราได้ความรู้สึก" 904 01:03:25,514 --> 01:03:28,266 {\an8}(ซีแอตเทิล) 905 01:03:28,850 --> 01:03:30,811 {\an8}(แวนคูเวอร์) 906 01:03:32,270 --> 01:03:34,147 {\an8}(พอร์ตแลนด์) 907 01:03:35,690 --> 01:03:37,067 (สโปเคน) 908 01:03:37,609 --> 01:03:39,861 หลังจากแสดงร่วมกับวานิลลาฟัดจ์สองสามครั้ง 909 01:03:39,945 --> 01:03:42,155 จากนั้นเราก็ไปที่ไนต์คลับวิสกี้อะโกโกในแอลเอ… 910 01:03:42,239 --> 01:03:43,824 (เลด เซพเพลิน และอลิซ คูเปอร์) 911 01:03:43,907 --> 01:03:45,700 จากนั้นเราก็ไปซานฟรานซิสโก 912 01:03:53,375 --> 01:03:55,627 (คันทรีโจแอนด์เดอะฟิช) 913 01:03:55,710 --> 01:04:01,591 (เลด เซพเพลิน ทัชมาฮาล) 914 01:04:01,675 --> 01:04:06,721 (คันทรีโจแอนด์เดอะฟิช เลด เซพเพลิน - ทัชมาฮาล) 915 01:04:07,222 --> 01:04:08,431 {\an8}(9 มกราคม 1969) 916 01:04:08,515 --> 01:04:10,225 {\an8}อัลบั้มนี้ได้ถูกเล่น 917 01:04:10,308 --> 01:04:11,852 {\an8}ทางวิทยุใต้ดินแล้ว 918 01:04:11,935 --> 01:04:14,896 และผู้คนก็อยากเห็นวงนี้ 919 01:04:14,980 --> 01:04:17,607 ที่พวกเขาได้ยิน 920 01:04:17,691 --> 01:04:21,695 เราเลยจะเข้าไป แบบว่าพร้อมขวาน 921 01:04:21,778 --> 01:04:24,948 และเล่นเหมือนไม่เคยเล่นมาก่อน 922 01:04:25,031 --> 01:04:27,200 ใส่ทุกอย่างที่เรามีเข้าไป 923 01:04:28,869 --> 01:04:32,873 เราอยู่หลังเวทีที่ฟิลมอร์ ปีเตอร์ แกรนต์พูดว่า 924 01:04:33,623 --> 01:04:35,000 "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น 925 01:04:35,083 --> 01:04:37,669 ถ้าไม่ดังเปรี้ยงที่นี่ ก็จบเห่" 926 01:07:13,992 --> 01:07:17,287 หลังจากงานนั้น เราก็รู้ว่าเรามาถูกทางแล้ว 927 01:07:17,370 --> 01:07:19,206 (ไป) 928 01:07:29,466 --> 01:07:32,052 {\an8}ทุกอย่างดำเนินไปเหมือนไฟป่า 929 01:07:32,135 --> 01:07:34,387 {\an8}ทุกอย่างเพิ่มพูนขึ้น 930 01:07:34,471 --> 01:07:36,348 {\an8}คนดูเบียดกันเพื่อแย่งเข้าประตู 931 01:07:36,431 --> 01:07:39,184 {\an8}ตอนที่เราไปเล่นที่บอสตันทีปาร์ตี้ 932 01:07:39,267 --> 01:07:41,102 เพราะเราทัวร์ทั่วอเมริกา 933 01:07:41,186 --> 01:07:43,897 จากฝั่งตะวันตกไปฝั่งตะวันออก 934 01:07:44,815 --> 01:07:46,900 ในวิทยุเอฟเอ็ม พวกเขาจะเล่น 935 01:07:46,983 --> 01:07:50,195 แผ่นเสียงของคุณด้านหนึ่ง แล้วพูดถึงเพลงด้านนั้น 936 01:07:50,278 --> 01:07:53,198 ฟังโฆษณา แล้วกลับมาเล่นอีกด้าน 937 01:07:53,448 --> 01:07:54,950 {\an8}คนฟังก็จะฟังกันไป 938 01:07:55,033 --> 01:07:57,327 {\an8}และพวกเขาจะพูดว่า "วงนี้จะมาแสดงในเมืองของคุณคืนนี้" 939 01:07:57,661 --> 01:08:00,622 คนฟังก็จะมาดูกันหมด 940 01:08:00,705 --> 01:08:01,706 (กำลังออกอากาศ) 941 01:08:01,790 --> 01:08:02,958 ร็อกแอนด์โรลกับเลด เซพเพลิน 942 01:08:03,041 --> 01:08:05,460 โรเบิร์ต แพลนต์อยู่ตรงนี้ และผมรู้ว่าตอนนี้คุณรู้สึกดีมาก 943 01:08:06,878 --> 01:08:09,172 ผมจะคุยกับผู้ฟังที่โทรเข้ามาอีกคน 944 01:08:09,256 --> 01:08:11,424 - คุณกำลังออกอากาศนะ - ใช่โรเบิร์ต แพลนต์ไหมคะ 945 01:08:11,508 --> 01:08:13,635 - บางทีก็ใช่ - คุณพระช่วย 946 01:08:13,718 --> 01:08:15,887 ฉันอยากให้คุณรู้ว่าหัวใจฉันกำลังล้มเหลว 947 01:08:15,971 --> 01:08:17,097 ตายละ 948 01:08:17,180 --> 01:08:19,015 อย่าพูดอย่างนั้น เรียกหมอเร็ว 949 01:08:19,807 --> 01:08:22,144 ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่าคุณเซ็กซี่มาก 950 01:08:22,227 --> 01:08:23,645 - เหลือเชื่อเลย - โอเคจ้ะ 951 01:08:23,727 --> 01:08:24,980 - ขอบคุณมาก - โชคดีนะ 952 01:08:25,063 --> 01:08:26,356 - สายต่อไป - ฮัลโหล 953 01:08:26,439 --> 01:08:28,483 ผมกะจะไปดูคุณเมื่อคืนนี้ 954 01:08:28,566 --> 01:08:29,901 แต่หาตั๋วไม่ได้เลย 955 01:08:29,985 --> 01:08:31,736 เมื่อคืนดีมากเลย 956 01:08:31,820 --> 01:08:33,445 คุณชื่ออะไร ช่างเถอะ 957 01:08:34,614 --> 01:08:35,615 - ฮัลโหล - สวัสดี 958 01:08:35,699 --> 01:08:36,992 สวัสดี 959 01:08:37,075 --> 01:08:38,702 สวัสดี ทายซิ ฉันคิดว่าคุณสมาร์ทมาก 960 01:08:38,785 --> 01:08:39,869 หมายความว่าไง 961 01:08:39,953 --> 01:08:41,788 หมายความว่าคุณหน้าตาดีมากๆ 962 01:08:41,872 --> 01:08:42,998 สุดยอด 963 01:08:43,081 --> 01:08:46,168 ฉันประทับใจกับคอนเสิร์ต ฉันชอบมาก 964 01:08:46,251 --> 01:08:47,836 ฉันคิดว่าคุณสมาร์ทมาก 965 01:08:47,919 --> 01:08:49,546 ทำสิ่งที่คุณทำอยู่ต่อไปนะคะ 966 01:08:49,628 --> 01:08:51,673 ขอบคุณสำหรับกำลังใจ เราจะทำต่อไป 967 01:08:58,680 --> 01:08:59,764 (ลอสแอนเจลิส ฟรี เพรส) 968 01:08:59,847 --> 01:09:01,475 {\an8}(เลด เซพเพลิน หน้า 6 พี่น้องชายหญิง) 969 01:09:02,601 --> 01:09:06,146 {\an8}(เลด เซพทลิน) 970 01:09:24,539 --> 01:09:26,458 มีความคาดหวังล้นหลาม 971 01:09:26,541 --> 01:09:28,668 ล้นหลามจริงๆ 972 01:09:28,919 --> 01:09:30,003 (วงร็อกใหม่น่าประทับใจ) 973 01:09:30,086 --> 01:09:32,297 {\an8}(ขึ้นแท่นสูงสุดอย่างเร็ว วงท็อปในตำนานรายต่อไป) 974 01:09:57,823 --> 01:10:01,034 เมื่อกลับมาอังกฤษ พร้อมกับสิ่งที่เราประสบมา 975 01:10:01,117 --> 01:10:02,828 ผมต้องอยู่เงียบๆ 976 01:10:03,662 --> 01:10:05,872 {\an8}คือว่าอัลบั้มนั้นยังไม่ออกที่นี่ 977 01:10:05,956 --> 01:10:06,957 {\an8}(มีนาคม ปี 1969) 978 01:10:07,040 --> 01:10:09,960 {\an8}ผมจึงไม่มีอะไรจะพูด 979 01:10:11,545 --> 01:10:13,171 คนคงหัวเราะเยาะผม 980 01:10:14,714 --> 01:10:17,134 บอนโซกับผมเคยมาเจอกันและพูดว่า 981 01:10:18,343 --> 01:10:20,762 "นั่นอะไร" "เอ่อ ไม่รู้สิ" 982 01:10:21,471 --> 01:10:23,098 "เกิดอะไรขึ้น" "ผมไม่รู้" 983 01:10:24,307 --> 01:10:28,019 ให้ตาย มันสุดยอดมาก เหลือเชื่อเลย 984 01:10:28,103 --> 01:10:29,771 คือว่าเรากลับจากอเมริกา 985 01:10:29,855 --> 01:10:31,189 และเราผ่านการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ 986 01:10:31,273 --> 01:10:32,983 เรารู้สึกดีมากๆ เลยนะ 987 01:10:33,066 --> 01:10:34,609 แต่มันส่งผลกับเรา 988 01:10:34,693 --> 01:10:36,736 คิดดูสิ เราอายุ 20 989 01:10:37,320 --> 01:10:39,698 แล้วจู่ๆ ก็มียาเสพติด 990 01:10:40,240 --> 01:10:41,825 และมีผู้หญิงเพียบ 991 01:10:41,908 --> 01:10:44,828 และมีคนใหม่ๆ มากมายผ่านเข้ามาในชีวิต 992 01:10:44,911 --> 01:10:48,999 มีสิ่งที่เป็นเหมือนวัฒนธรรมย่อยๆ เกิดขึ้นจากชื่อเสียง 993 01:10:49,624 --> 01:10:51,710 โดยเฉพาะชื่อเสียงในช่วงแรกๆ 994 01:10:51,793 --> 01:10:54,379 เพราะนั่นคือตอนที่คุณรู้สึกได้ว่า 995 01:10:55,172 --> 01:10:56,631 กำลังจะมีสิ่งใหม่ๆ เข้ามา 996 01:10:56,882 --> 01:10:59,634 มันรู้สึกดี ก็ควรนะ 997 01:11:00,510 --> 01:11:02,679 โดยเฉพาะเมื่อเราทำโดยไม่มีสื่อ 998 01:11:02,762 --> 01:11:04,014 ซึ่งท่าทางจะไม่ชอบเรา 999 01:11:04,097 --> 01:11:05,849 เราได้รับการรีวิวน้อยมาก 1000 01:11:06,391 --> 01:11:08,727 รีวิวที่เห็นชัดๆ คือในโรลลิงสโตน 1001 01:11:08,810 --> 01:11:10,896 (ตามใจตัวเองและจำกัดตัวเอง) 1002 01:11:10,979 --> 01:11:12,355 จำได้ว่าผมอ่านรีวิวนั้น 1003 01:11:12,439 --> 01:11:14,733 และคิดว่า "พวกเขาพูดถึงใคร หมายถึงพวกเราเหรอ" 1004 01:11:14,816 --> 01:11:16,443 (จิมมี่ เพจเป็นโปรดิวเซอร์ที่มีขีดจำกัด) 1005 01:11:16,526 --> 01:11:18,195 (และนักแต่งเพลงอ่อนหัดและขาดจินตนาการ) 1006 01:11:18,278 --> 01:11:20,155 นักเขียนหลายคนในสมัยนั้น 1007 01:11:20,238 --> 01:11:22,115 ไม่รู้ว่าพวกเขาศึกษาด้านดนตรี 1008 01:11:22,199 --> 01:11:24,284 เพื่อมาวิจารณ์ หรือว่าพวกเขาห่วงแค่ 1009 01:11:24,367 --> 01:11:26,786 กิจกรรมทางสังคมบางอย่าง 1010 01:11:26,870 --> 01:11:28,371 (เพลงน่าเบื่อมาก ซ้ำไปซ้ำมา) 1011 01:11:28,455 --> 01:11:31,583 แต่คุณแยแสปฏิกิริยาของคนอื่นหรือไม่ 1012 01:11:31,666 --> 01:11:33,084 ถ้าคุณเล่นแบบนั้น 1013 01:11:33,919 --> 01:11:37,506 น่าเสียดายที่คำตอบคือ ใช่ 1014 01:11:38,632 --> 01:11:40,884 นั่นคือจุดที่คุณหมดกำลังใจได้ 1015 01:11:41,885 --> 01:11:46,348 โชคดีที่เราสี่คนไม่สนมากนัก 1016 01:11:46,431 --> 01:11:49,184 เราสนว่าเราพอใจ กับผลงานตัวเองแค่ไหนมากกว่า 1017 01:11:49,851 --> 01:11:52,771 อัลบั้มแรกถูกวิจารณ์ยับ 1018 01:11:52,854 --> 01:11:54,272 หลายคนจะพูดว่า "ไม่ 1019 01:11:54,356 --> 01:11:56,024 ฉันไม่ชอบแนวเพลงของเซพเพลิน" 1020 01:11:56,107 --> 01:11:57,192 ด้วยเหตุผลบางอย่าง 1021 01:11:57,526 --> 01:11:59,444 พวกเราคิดว่ามันน่าขัน 1022 01:12:00,779 --> 01:12:03,573 เราตั้งใจทำมากๆ 1023 01:12:03,657 --> 01:12:06,243 และคนฟังเข้าใจ คุณมองออกว่าพวกเขาเข้าใจ 1024 01:12:06,827 --> 01:12:08,745 แล้วพวกเขาบอกเพื่อนว่าเข้าใจ 1025 01:12:08,829 --> 01:12:09,955 "ไปฟังดูสิ" 1026 01:12:10,413 --> 01:12:13,834 สถานที่จัดงานคับคั่งไปด้วยผู้คน แสดงว่าสิ่งที่คนได้ยิน 1027 01:12:13,917 --> 01:12:16,086 ซึ่งตรงข้ามกับสิ่งที่พวกเขาอ่าน 1028 01:12:16,169 --> 01:12:17,796 คือสิ่งที่ทำให้วงอยู่ได้ 1029 01:12:32,978 --> 01:12:35,272 มันน่าตื่นเต้นมากที่ได้แสดงคอนเสิร์ตเหล่านี้ 1030 01:12:35,355 --> 01:12:37,566 และการได้ร่วมงาน 1031 01:12:37,649 --> 01:12:38,775 กับพวกเราสี่คน 1032 01:12:38,859 --> 01:12:41,611 และได้เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ 1033 01:12:41,695 --> 01:12:43,905 ด้วยอารมณ์ขัน ความเข้มข้น 1034 01:12:43,989 --> 01:12:46,616 หรือระดับความก้าวร้าว หรืออะไรก็ตาม 1035 01:12:46,825 --> 01:12:49,452 นี่แสดงว่าเราแน่นแฟ้นมาก 1036 01:12:49,536 --> 01:12:51,788 จนเราสามารถเคลื่อนไปทางไหนก็ได้ 1037 01:12:51,872 --> 01:12:53,165 แล้วทุกคนจะตาม 1038 01:12:53,248 --> 01:12:55,250 ถ้ามือกีตาร์นำ ทุกคนก็จะตาม 1039 01:12:55,333 --> 01:12:57,335 ผมสามารถรั้งไว้และเปลี่ยนได้ 1040 01:12:57,419 --> 01:13:01,256 การด้นสดอยู่ในระดับที่ไม่ธรรมดา 1041 01:13:01,882 --> 01:13:04,050 เพลง เดซด์แอนด์คอนฟิวสด์ 1042 01:13:04,134 --> 01:13:07,304 ความเข้มข้นยิ่งมากขึ้น มันร้ายกาจมากๆ 1043 01:18:12,818 --> 01:18:13,819 เฮ้ 1044 01:19:59,841 --> 01:20:01,134 ผมรู้ว่าเรามีดีอะไร 1045 01:20:01,218 --> 01:20:04,429 และผมอยากทำให้ทุกคนประทับใจ 1046 01:20:04,513 --> 01:20:07,641 ผมมีวิสัยทัศน์ทั้งหมดสําหรับอัลบั้มถัดไป 1047 01:20:07,724 --> 01:20:10,727 มันจะยิ่งใหญ่อลังการ 1048 01:20:10,811 --> 01:20:14,981 ตั้งแต่วิธีการทำเพลงไปเลย 1049 01:20:15,065 --> 01:20:18,109 รวมถึงการใช้เทคนิคโอเวอร์ดับ และเลเยอร์ด้วย 1050 01:20:18,735 --> 01:20:20,821 ผมจึงเรียกวงมาซ้อมที่บ้าน 1051 01:20:20,904 --> 01:20:23,615 และเราซ้อมเพลงใหม่สองเพลง 1052 01:20:23,698 --> 01:20:25,075 โฮลล็อตตะเลิฟ 1053 01:20:25,158 --> 01:20:27,077 และ ว็อตอิสแอนด์ว็อตชู้ดเนเวอร์บี 1054 01:20:27,619 --> 01:20:29,871 จิมมี่นั่งลงพร้อมกับกีตาร์อะคูสติก 1055 01:20:30,288 --> 01:20:31,998 แล้วเราก็ซ้อมเพลงกัน 1056 01:20:32,624 --> 01:20:35,127 เขาจะเข้ามาและเล่นสิ่งที่เขาแต่ง 1057 01:20:35,210 --> 01:20:37,295 จากนั้นพวกเราก็ช่วยกันคิดไปด้วยกัน 1058 01:20:37,838 --> 01:20:41,383 {\an8}เราเข้าห้องอัดโอลิมปิกสตูดิโอส์ ในเดือนเมษายน 1059 01:20:41,466 --> 01:20:44,010 {\an8}เราตื่นเต้นมากที่ได้กลับมาเข้าห้องอัดอีกครั้ง 1060 01:20:44,094 --> 01:20:45,178 {\an8}(เมษายน ปี 1969) 1061 01:20:45,262 --> 01:20:48,849 {\an8}ความสามารถในการแต่งเพลงของผมเริ่มพัฒนา 1062 01:20:49,975 --> 01:20:52,477 เพราะบรรยากาศการเล่นรอบตัวผม 1063 01:20:53,186 --> 01:20:54,604 เพลง โฮลล็อตตะเลิฟ 1064 01:20:54,688 --> 01:20:56,815 จิมมี่ได้แต่งช่วงคอรัสไว้ 1065 01:20:56,898 --> 01:21:00,652 เขาเล่นท่อนริฟฟ์กีตาร์ให้ดู ซึ่งมันสุดยอดมาก 1066 01:21:13,373 --> 01:21:16,418 ท่อนนั้นผมเลยร้องเนื้อเพลงของวิลลี่ ดิกซัน 1067 01:21:26,887 --> 01:21:28,513 และแบบว่า… 1068 01:21:29,556 --> 01:21:32,309 ผมหาท่อนที่ดีที่สุดของเพลงคนผิวดำ 1069 01:21:32,809 --> 01:21:34,769 และนำมาดัดแปลงนิดหน่อย 1070 01:21:34,853 --> 01:21:35,979 ไม่ทางใดทางหนึ่ง 1071 01:21:37,272 --> 01:21:40,567 ผมว่าไม่มีประโยชน์ ที่จะมีเพลง โฮลล็อตตะเลิฟ 1072 01:21:40,650 --> 01:21:41,943 แล้วมีท่อนริฟฟ์อีก 1073 01:21:42,027 --> 01:21:44,279 ซึ่งเป็นเสียงเหมือนๆ กัน 1074 01:21:47,282 --> 01:21:50,911 เรื่องของเรื่องคือ เพลง ว็อตอิสแอนด์ว็อตชู้ดเนเวอร์บี 1075 01:21:50,994 --> 01:21:54,247 มีท่อนที่นุ่มนวล สบายๆ กว่า 1076 01:21:54,331 --> 01:21:56,082 จากนั้นก็ตามด้วย… 1077 01:21:56,166 --> 01:21:57,709 ผมคงไม่เรียกว่า ท่อนคอรัสที่ทรงพลัง 1078 01:21:57,793 --> 01:22:00,170 แต่มันมีความเข้มข้นขึ้น 1079 01:22:00,253 --> 01:22:02,214 ทำให้คุณเห็น 1080 01:22:02,297 --> 01:22:05,300 พลังของจอห์น บอนแฮม และพลังของวง 1081 01:22:05,383 --> 01:22:06,635 ร่วมกันทั้งหมด 1082 01:22:25,070 --> 01:22:26,363 เรากำลังจะออกทัวร์ 1083 01:22:26,446 --> 01:22:28,865 และผมคิดว่ามันต้องสนุกมาก 1084 01:22:28,949 --> 01:22:32,953 ที่จะได้อัดเสียงตามสถานที่ต่างๆ ในอเมริกา 1085 01:22:33,036 --> 01:22:34,371 (เลด เซพเพลินกลับมาอเมริกา) 1086 01:22:34,454 --> 01:22:39,126 เป้าหมายคือให้ได้แรงบันดาลใจ จากความรักของผู้คน 1087 01:22:39,209 --> 01:22:41,461 และให้ได้ปฏิกิริยาจากคนดู 1088 01:22:49,052 --> 01:22:51,179 (เลด เซพเพลิน) 1089 01:22:54,683 --> 01:22:56,560 (ฮอลลีวูด) 1090 01:23:20,375 --> 01:23:24,880 มันเป็นความสุขที่ได้เข้าห้องอัดในอเมริกา 1091 01:23:24,963 --> 01:23:27,424 คุณได้พลังจากการเดินทาง 1092 01:23:27,507 --> 01:23:29,426 และบันทึกมันไว้ 1093 01:23:29,509 --> 01:23:31,219 ภายในสิ่งที่คุณกำลังบันทึกด้วย 1094 01:23:48,403 --> 01:23:50,780 เสียงกลองของจอห์น บอนแฮมจะกระจาย 1095 01:23:50,864 --> 01:23:53,158 ออกทั้งสองช่องสเตอริโอ 1096 01:23:53,241 --> 01:23:55,076 จากนั้นคุณก็สามารถวางตำแหน่งเสียง 1097 01:23:55,160 --> 01:23:57,913 ของเครื่องดนตรีอื่นๆ และจัดชั้นเสียงไว้ภายในได้ 1098 01:24:04,503 --> 01:24:05,754 เขาตั้งเสียงเครื่องดนตรีเป็น 1099 01:24:05,837 --> 01:24:07,756 เขารู้ศาสตร์การตั้งเสียงกลอง 1100 01:24:07,839 --> 01:24:09,508 ทำให้เวลาที่เขาตีกลอง 1101 01:24:09,591 --> 01:24:12,344 มันจะดังก้องกังวานที่สุด 1102 01:24:12,427 --> 01:24:13,887 มันดังไปไกล 1103 01:24:16,014 --> 01:24:17,974 และเขาตีด้วยข้อมือ 1104 01:24:18,058 --> 01:24:19,768 ไม่ใช่ใช้ทั้งแขนตี 1105 01:24:19,851 --> 01:24:22,562 แต่เขาก็สามารถตีกลองเบสแบบเน้นๆ 1106 01:24:22,646 --> 01:24:25,065 และคุณจะรู้สึกได้ ไม่มากก็น้อยข้างใน 1107 01:24:26,691 --> 01:24:28,401 เขาสร้างสรรค์มาก 1108 01:24:29,069 --> 01:24:31,446 เป็นแรงบันดาลใจให้เล่นด้วย 1109 01:24:31,530 --> 01:24:34,491 คุณจะได้ยิน ผมไม่อยากเล่น… 1110 01:24:34,574 --> 01:24:35,742 ทับเสียงนั่น 1111 01:24:36,535 --> 01:24:39,162 ผมอยากทำบางอย่างที่เข้ากันกับมันได้ดี 1112 01:24:39,246 --> 01:24:42,332 นั่นคือสิ่งที่ผมเคยทำได้ดี คือการเล่นให้เข้ากัน 1113 01:24:42,833 --> 01:24:45,335 คนฟังจะได้ยินทุกคนเล่น 1114 01:24:45,418 --> 01:24:47,129 นั่นเป็นสิ่งสําคัญสําหรับผม 1115 01:24:47,212 --> 01:24:48,630 ที่คนฟังได้ยินทุกคนเล่น 1116 01:24:48,713 --> 01:24:51,341 สิ่งที่ทุกคนเล่น บนแผ่นเสียงเซพเพลิน 1117 01:25:14,489 --> 01:25:16,783 (เอ็ดมอนตัน การ์เด้นส์ 9 พฤษภาคม 1969) 1118 01:25:17,617 --> 01:25:18,618 (แวนคูเวอร์) 1119 01:25:18,702 --> 01:25:19,870 (ซีแอตเทิล) 1120 01:25:19,953 --> 01:25:22,122 {\an8}(โฮโนลูลู) 1121 01:25:24,458 --> 01:25:26,293 {\an8}(รับสิทธิ์ฟรีหนึ่งครั้ง ที่แกรนด์บอลรูม) 1122 01:25:26,376 --> 01:25:27,377 {\an8}(ชิคาโก - ดีทรอยต์) 1123 01:25:27,461 --> 01:25:30,088 {\an8}(เมอร์ริเวเธอร์โพสต์พาวิลเลียน เดอะฮู และลีด เซพเพลิน) 1124 01:25:30,505 --> 01:25:33,341 {\an8}(บอสตันทีปาร์ตี้ เข้าได้หนึ่งคน) 1125 01:25:33,425 --> 01:25:35,719 {\an8}(นิวยอร์ก - โคลัมเบีย) 1126 01:25:35,802 --> 01:25:39,473 (บิล เกรแฮมส์ ฟิลมอร์อีสต์ เลด เซพเพลิน - 31 พฤษภาคม 1969) 1127 01:25:46,229 --> 01:25:48,356 เราอัดเสียงสิ่งที่เราชอบ 1128 01:25:48,857 --> 01:25:51,860 เซพเพลินมีอิทธิพลที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง 1129 01:25:51,943 --> 01:25:54,196 เราต่างฟังดนตรีคนละแนว 1130 01:25:54,279 --> 01:25:55,280 และผมพูดเสมอว่า 1131 01:25:55,447 --> 01:25:57,699 เลด เซพเพลินคือพื้นที่ตรงกลาง 1132 01:25:58,200 --> 01:25:59,284 ที่อยู่ระหว่างพวกเราทุกคน 1133 01:26:14,716 --> 01:26:17,969 ทุกคนถูกกระตุ้นให้เผย 1134 01:26:18,053 --> 01:26:20,138 ความเปราะบางต่างๆ 1135 01:26:20,222 --> 01:26:23,642 ตอนเริ่มแต่งเพลงร่วมกับจิมมี่ 1136 01:26:23,725 --> 01:26:26,186 โดยเราต้องแจกแจงเรื่องอ่อนไหว 1137 01:26:26,269 --> 01:26:27,521 และเรื่องน่าอายที่อาจเกิดขึ้น 1138 01:26:28,104 --> 01:26:29,940 การแต่งเพลงเป็นเรื่องลึกซึ้ง 1139 01:26:30,023 --> 01:26:31,441 คุณเปิดเผยตัวเอง 1140 01:26:32,108 --> 01:26:35,946 ผมแต่งเนื้อเพลงบางเพลงในอัลบั้มแรก 1141 01:26:36,029 --> 01:26:37,531 และในอัลบั้มที่สองด้วย 1142 01:26:37,614 --> 01:26:40,283 แต่ผมไม่ค่อยมั่นใจกับเนื้อเพลงของตัวเอง 1143 01:26:40,367 --> 01:26:42,160 เท่าความมั่นใจในการเล่นกีตาร์ 1144 01:26:42,786 --> 01:26:44,955 ผมต้องเริ่มคิดว่า 1145 01:26:45,038 --> 01:26:47,290 ผมจะทำอะไรในฐานะนักร้อง 1146 01:26:47,374 --> 01:26:50,043 และในฐานะคนที่จะนำทำนอง 1147 01:26:50,127 --> 01:26:51,837 หรือเรื่องราวมาสู่เพลง 1148 01:26:52,254 --> 01:26:55,924 เป้าหมายคือใช้ดนตรี กระตุ้นให้เขาเกิดแรงบันดาลใจ 1149 01:26:56,007 --> 01:26:57,384 ออกมาเป็นเนื้อเพลง 1150 01:26:57,467 --> 01:27:00,428 จากนั้นเขามาพร้อมเนื้อเพลง สำหรับเพลง แรมเบิลออน 1151 01:27:01,054 --> 01:27:02,764 ใช่ นี่คือ… 1152 01:27:03,682 --> 01:27:05,976 เนื้อเพลงคร่าวๆ ของเพลง แรมเบิลออน 1153 01:27:07,018 --> 01:27:10,147 "ใบไม้ร่วงหล่นไปทั่ว ถึงเวลาที่ฉันต้องลาจาก" 1154 01:27:11,314 --> 01:27:14,860 นั่นคือเรื่องราวของชีวิตผม 1155 01:28:24,596 --> 01:28:28,517 ผมตั้งใจจะให้มีเนื้อเสียง และการจัดชั้นเสียงเยอะๆ 1156 01:28:28,600 --> 01:28:32,145 โดยเฉพาะกับกีตาร์ ในเพลง แรมเบิลออน 1157 01:28:32,229 --> 01:28:35,148 มันมีส่วนของกีตาร์หลายส่วนในเพลง 1158 01:28:35,440 --> 01:28:38,568 มีการไล่คอร์ด 1159 01:28:38,652 --> 01:28:41,029 ที่ไหลไปตามบางท่อนของเพลง 1160 01:28:41,112 --> 01:28:43,156 แล้วก็มีบางช่วงเป็นโซโล่ล้วนๆ 1161 01:29:00,465 --> 01:29:04,094 มันสนุกดีที่ได้ทำเพลงเหล่านี้ 1162 01:29:04,177 --> 01:29:07,305 และทุกคนเล่นส่วนของตัวเอง แล้วย้อนมาฟัง 1163 01:29:07,389 --> 01:29:10,350 แล้วพูดว่า "ว้าว เขาทำอะไรกับส่วนนี้" 1164 01:29:11,101 --> 01:29:13,103 มันมีต้นกำเนิด 1165 01:29:13,186 --> 01:29:14,729 มาจากหลากหลายที่ 1166 01:29:14,813 --> 01:29:18,525 การที่เราสามารถลึกซึ้งในการแต่งเพลง 1167 01:29:18,608 --> 01:29:20,861 นั่นเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญ 1168 01:29:20,944 --> 01:29:22,612 เพราะมันคือการเปิดเผยตัวตนทั้งหมด 1169 01:29:23,989 --> 01:29:27,951 ตอนเด็กๆ พ่อแม่ผม เคยพาผมไปยอดเขาอัศจรรย์ทุกแห่ง 1170 01:29:28,034 --> 01:29:31,204 และดูซากโบราณสวยๆ และ… 1171 01:29:32,122 --> 01:29:35,917 ซากอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ของชนชาติอื่น 1172 01:29:36,001 --> 01:29:37,002 เอ่อ 1173 01:29:37,794 --> 01:29:39,546 นั่นคือสิ่งที่เพลงนั้นพูดถึง 1174 01:29:39,629 --> 01:29:42,299 ผม คุณ และคนอื่นๆ 1175 01:29:50,932 --> 01:29:51,975 (เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์) 1176 01:29:52,142 --> 01:29:55,103 (มอร์ดอร์) 1177 01:30:19,211 --> 01:30:22,172 {\an8}(พฤษภาคม ปี 1969) 1178 01:30:22,255 --> 01:30:24,299 {\an8}งานแล้วงานเล่า คืนแล้วคืนเล่า 1179 01:30:24,382 --> 01:30:27,302 เรามีสัก 20 เพลงให้เลือกในเวลานั้น 1180 01:30:27,385 --> 01:30:29,304 ไม่นานเราก็มี 40 เพลง 1181 01:30:29,387 --> 01:30:32,974 เราได้เปิดประตูไปยังอเมริกา และเห็นแสงรำไร 1182 01:30:33,058 --> 01:30:36,269 และแน่นอนว่า คุณจะเตะประตูนั้นให้เปิดออก 1183 01:30:36,353 --> 01:30:39,314 และเดินเข้าไปและ… 1184 01:30:39,397 --> 01:30:41,316 มันเป็นทวีปใหญ่มาก 1185 01:30:41,399 --> 01:30:43,360 เราต้องให้ข่าวแพร่สะพัด 1186 01:30:43,443 --> 01:30:44,903 ผ่านการแสดงสด 1187 01:30:48,615 --> 01:30:51,535 ตอนแรกๆ เราก็ตะลุยทัวร์ 1188 01:30:51,827 --> 01:30:54,120 เราทัวร์อยู่เป็นเดือนๆ ก็ว่าได้ 1189 01:30:55,038 --> 01:30:57,707 สามคนในวงมีครอบครัวแล้ว 1190 01:30:57,791 --> 01:30:59,501 ณ เวลานั้น 1191 01:30:59,584 --> 01:31:01,837 {\an8}และนี่เป็นการทัวร์ครั้งที่ห้าของเรา ภายในเจ็ดเดือน… 1192 01:31:01,920 --> 01:31:03,130 {\an8}(โรเบิร์ตและคาร์เมน แพลนต์) 1193 01:31:03,213 --> 01:31:06,967 {\an8}เท่ากับว่าพวกเขา อยู่ห่างจากลูกๆ นานมาก 1194 01:31:08,135 --> 01:31:10,053 มันยากนะเมื่อคุณมีครอบครัว 1195 01:31:10,637 --> 01:31:12,889 {\an8}ผมนั่งเครื่องบินไปตามสถานที่ดีๆ กับโม ภรรยาของผม 1196 01:31:12,973 --> 01:31:14,099 {\an8}(จอห์น พอลและมอรีน โจนส์) 1197 01:31:14,182 --> 01:31:15,392 {\an8}เธอจะมานิวยอร์ก 1198 01:31:15,475 --> 01:31:17,602 {\an8}และพาลูกๆ ไปชอปปิ้ง 1199 01:31:17,686 --> 01:31:19,521 ไปดูโชว์ต่างๆ มันเยี่ยมมาก 1200 01:31:19,604 --> 01:31:21,231 แล้วพวกเขาก็กลับบ้าน ปล่อยให้เรา 1201 01:31:21,314 --> 01:31:23,692 ไปแสดงต่อตามที่ต่างๆ ที่เหลือ 1202 01:31:26,194 --> 01:31:29,698 สมัยนั้นไม่มีรถบัส หรือรถดีๆ สำหรับออกทัวร์ 1203 01:31:29,781 --> 01:31:32,200 มีแต่ต้องขึ้นพาหนะขนส่งอะไรก็ตามที่ขึ้นได้ 1204 01:31:32,284 --> 01:31:35,120 เพื่อไปยังสถานที่ เล่นดนตรี แล้วพยายามให้ริชาร์ด โคล 1205 01:31:35,495 --> 01:31:38,248 หาสถานที่ถัดไป หรือบางครั้งก็เมืองถัดไป 1206 01:31:38,999 --> 01:31:41,042 คุณบอกได้เสมอ เวลาที่เขา… 1207 01:31:41,126 --> 01:31:43,545 คุณไปถึงทางแยกแล้วเห็นเขาทำท่านี้… 1208 01:31:43,628 --> 01:31:46,131 คุณก็พูดว่า "ไม่ เราหลงอีกแล้ว" 1209 01:31:46,840 --> 01:31:49,384 การทัวร์ในอังกฤษง่ายกว่าเยอะ 1210 01:31:49,468 --> 01:31:52,262 ถ้าคุณอยู่ในอเมริกา ทั้งวันคุณอยู่ในโรงแรมที่ไหนสักแห่ง 1211 01:31:52,345 --> 01:31:54,764 ทะเลาะกับพวก 1212 01:31:54,848 --> 01:31:56,099 พวกงี่เง่าและทุกอย่าง 1213 01:31:56,683 --> 01:31:58,059 มันส่งผลกับคุณ 1214 01:31:58,143 --> 01:31:59,895 สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างวันก่อนหน้านั้นน่ะ 1215 01:32:00,770 --> 01:32:02,481 มีแต่สายการบินพาณิชย์ 1216 01:32:02,564 --> 01:32:04,399 คุณจึงต้องตื่นแต่เช้า 1217 01:32:04,483 --> 01:32:07,819 ไปนั่งที่สนามบิน เพื่อรอเครื่องบินพาไปที่ไหนสักแห่ง 1218 01:32:09,029 --> 01:32:11,323 แต่เพราะแบบนั้น ทุกคนจึงได้ข่าวว่าเราอยู่ในอเมริกา 1219 01:32:16,411 --> 01:32:19,456 {\an8}(มิถุนายน ปี 1969) 1220 01:32:22,876 --> 01:32:24,836 (รอธแมนส์ยินดีต้อนรับสู่ลอนดอน) 1221 01:32:24,920 --> 01:32:28,840 (เลด เซพเพลินมาถึงแล้ว… มาร่วมสนุก) 1222 01:32:40,560 --> 01:32:42,103 {\an8}เรากลับจากอเมริกา 1223 01:32:42,187 --> 01:32:43,647 {\an8}ใครๆ ก็อยากจองตัว 1224 01:32:43,730 --> 01:32:45,148 มันคนละบรรยากาศกันเลย 1225 01:32:45,232 --> 01:32:46,566 ไม่มีการประชาสัมพันธ์ใดๆ 1226 01:32:46,650 --> 01:32:48,944 แต่น่าแปลก คุณได้แสดงต่อหน้าคนอังกฤษ… 1227 01:32:49,027 --> 01:32:51,238 "คนพวกนี้รู้ได้ยังไงว่าเรามา" 1228 01:32:51,321 --> 01:32:53,490 เราคิดกันว่าคงเป็นการบอกปากต่อปาก 1229 01:33:59,764 --> 01:34:02,100 ผมชอบแนวคิดเรื่องแรงกระตุ้น 1230 01:34:02,184 --> 01:34:04,102 ให้เดินทางและความสนใจ 1231 01:34:04,186 --> 01:34:06,021 คุณจะรู้อะไรถ้าไม่เสาะหา 1232 01:34:06,146 --> 01:34:07,689 คุณต้องออกไปตามหามัน 1233 01:34:32,672 --> 01:34:34,591 เราเล่นตามเทศกาลดนตรีต่างๆ ในอเมริกา 1234 01:34:34,674 --> 01:34:36,551 สองปีหลังจากปรากฏการณ์ซัมเมอร์ออฟเลิฟ 1235 01:34:36,635 --> 01:34:39,012 ผมรู้ว่ามันไม่ได้สำคัญอะไร 1236 01:34:39,095 --> 01:34:41,014 แต่สำหรับผม มันสำคัญมาก 1237 01:34:41,097 --> 01:34:44,810 เพราะผมอยู่ในที่ที่ผมต้องการอยู่ 1238 01:34:44,893 --> 01:34:45,977 ทางอารมณ์ 1239 01:34:50,440 --> 01:34:55,111 {\an8}(เทศกาลเพลงป๊อปนานาชาติ แอตแลนตา 5 กรกฎาคม 1969) 1240 01:35:21,680 --> 01:35:23,849 ผมจําได้ว่าจอห์นทำการเช็กเสียง 1241 01:35:23,932 --> 01:35:25,642 ที่เทศกาลดนตรีแจ๊สนิวพอร์ต 1242 01:35:25,725 --> 01:35:28,436 และผมเห็นมือกลองของเจมส์ บราวน์ 1243 01:35:28,520 --> 01:35:30,605 ออกมาจากประตูต่างๆ 1244 01:35:30,689 --> 01:35:34,317 แล้วพูดว่า "อะไร… อะไรกันเนี่ย" 1245 01:35:35,318 --> 01:35:36,653 และเขาก็… 1246 01:35:37,863 --> 01:35:40,699 เขาจะพูดว่า "ใช่ ผมรู้ ผมรู้ว่าใครดูผมอยู่" 1247 01:35:40,782 --> 01:35:42,534 แต่มันเยี่ยมมาก 1248 01:35:43,702 --> 01:35:47,372 มันทำให้เซพเพลินไม่เหมือนใคร 1249 01:35:47,455 --> 01:35:49,374 วิธีที่เขาเข้าถึงจังหวะ 1250 01:35:49,458 --> 01:35:50,625 และสิ่งที่เขาทําน่ะ 1251 01:36:00,677 --> 01:36:01,845 {\an8}(สะพานนิวพอร์ต) 1252 01:36:01,928 --> 01:36:04,181 (ขอต้อนรับสู่เทศกาลนิวพอร์ต) 1253 01:36:04,639 --> 01:36:06,266 (เทศกาลดนตรีแจ๊สนิวพอร์ต) 1254 01:36:50,352 --> 01:36:54,147 เราอัดเพลงสำหรับเลด เซพเพลิน สอง ในการทัวร์ครั้งนั้น 1255 01:36:54,231 --> 01:36:56,191 มันเหมือนพายุเฮอร์ริเคน 1256 01:36:56,691 --> 01:36:59,986 ลมหมุนแห่งพลังงานและการปลดปล่อย 1257 01:37:01,196 --> 01:37:03,698 ด้วยเวลาที่เราใช้ในอเมริกา 1258 01:37:03,782 --> 01:37:06,409 เราไม่มีโอกาส 1259 01:37:06,493 --> 01:37:08,995 คิดถึงบ้านมากนัก 1260 01:37:09,079 --> 01:37:11,248 เราเลยกลับมาเล่น 1261 01:37:11,331 --> 01:37:12,749 ในเทศกาลดนตรีของอังกฤษครั้งแรก 1262 01:37:12,833 --> 01:37:14,334 ขอเสียงต้อนรับเลด เซพเพลินหน่อย 1263 01:37:14,417 --> 01:37:16,211 และแน่นอนว่า คุณยังสงสัยว่า 1264 01:37:16,294 --> 01:37:19,047 นี่จะมีเสียงสะท้อนไหม 1265 01:37:19,131 --> 01:37:20,715 นี่จะไปถึงจุดสูงสุดไหม 1266 01:37:22,676 --> 01:37:27,264 (เทศกาลเพลงบลูส์เมืองบาธ) 1267 01:37:34,354 --> 01:37:35,522 ว้าว 1268 01:38:05,969 --> 01:38:08,555 ผมเคยเห็นรูปเทศกาลเมืองบาธ 1269 01:38:08,638 --> 01:38:12,309 แต่การได้เห็นภาพเคลื่อนไหว มันน่าทึ่งมาก 1270 01:38:13,393 --> 01:38:15,020 นั่นน่าจะเป็นเทศกาลแรก 1271 01:38:15,103 --> 01:38:16,396 ที่เราเล่นในอังกฤษ 1272 01:38:16,938 --> 01:38:18,857 และฝนไม่ตก จึงเป็นเรื่องดีมากๆ 1273 01:38:18,940 --> 01:38:19,983 และสนุกด้วย 1274 01:38:22,819 --> 01:38:25,530 แต่คุณอยากพักระหว่างการทัวร์ 1275 01:38:25,614 --> 01:38:26,907 นานแค่ไหนล่ะ ไม่นานหรอก 1276 01:38:26,990 --> 01:38:29,242 เราไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย 1277 01:38:30,202 --> 01:38:32,454 มีแต่พลังงานและกำลัง 1278 01:38:53,016 --> 01:38:56,770 เก้านาฬิกา 32 นาที อะพอลโล 11 ก็ทะยานขึ้น 1279 01:38:59,481 --> 01:39:03,527 (มิวสิกคาร์นิวัล เลด เซพเพลิน) 1280 01:39:35,475 --> 01:39:36,643 {\an8}(20 กรกฎาคม 1969) 1281 01:39:45,694 --> 01:39:47,988 นี่เป็นก้าวเล็กๆ ของชายคนหนึ่ง 1282 01:39:50,740 --> 01:39:53,451 แต่เป็นก้าวกระโดดที่ยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ 1283 01:40:08,550 --> 01:40:10,135 ผมจำได้ว่าเราอยู่กันในเต็นท์ 1284 01:40:10,218 --> 01:40:11,887 ในขณะที่มีคนไปเหยียบดวงจันทร์ 1285 01:40:16,391 --> 01:40:19,269 นึกภาพออกไหมว่าอยู่ในอเมริกา 1286 01:40:20,103 --> 01:40:22,731 เป็นเด็กคนหนึ่ง ไม่เด็กไม่โต และเงยหน้ามอง… 1287 01:40:22,814 --> 01:40:25,108 คุณกำลังฟังดนตรี 1288 01:40:25,192 --> 01:40:26,860 แล้วเงยหน้าเห็นคนบนดวงจันทร์ 1289 01:41:08,485 --> 01:41:10,987 ข้างนอกนั้นกว้างใหญ่ไพศาล 1290 01:41:11,071 --> 01:41:14,658 {\an8}และผมมั่นใจว่าคนส่วนใหญ่อยากรู้ว่า 1291 01:41:14,741 --> 01:41:17,702 {\an8}คนเหล่านี้จะกลับจากดวงจันทร์ อย่างปลอดภัยหรือไม่มากกว่า 1292 01:41:17,786 --> 01:41:19,329 {\an8}(ยินดีต้อนรับ นักบินอวกาศ อะพอลโล 11) 1293 01:41:19,412 --> 01:41:23,166 แต่วันที่พวกเขากลับมา ก็เป็นวันสำคัญสำหรับเราเช่นกัน 1294 01:41:31,925 --> 01:41:34,344 นั่นเป็นเรื่องที่สําคัญที่สุด 1295 01:41:34,427 --> 01:41:36,930 ถ้าคุณเป็นเด็กและอยากเป็นนักร้อง 1296 01:41:37,013 --> 01:41:41,184 คุณได้แผ่นเสียงทองคำ จะเกิดอะไรขึ้นต่อไปเหรอ 1297 01:41:42,018 --> 01:41:43,436 ไม่สำคัญหรอก 1298 01:41:48,483 --> 01:41:50,944 ผมแค่อยากให้แน่ใจว่า 1299 01:41:51,027 --> 01:41:54,322 อัลบั้มนี้จะทำให้ทุกคนตื่นเต้นมาก 1300 01:41:54,406 --> 01:41:57,534 ผมอยากให้มันเป็นสิ่งที่พวกเขา ไม่เคยได้ยินมาก่อน 1301 01:41:58,160 --> 01:42:01,997 มีความเป็นอะคูสติกและอิเล็กทริก และสุดโต่งมากขึ้น 1302 01:42:02,080 --> 01:42:03,915 และอาจจะฉีกกรอบเดิมๆ ด้วย 1303 01:42:03,999 --> 01:42:06,168 เมื่อถึงเวลามิกซ์ 1304 01:42:06,251 --> 01:42:07,961 สำหรับเลด เซพเพลิน สอง 1305 01:42:08,044 --> 01:42:11,381 ผมจึงมิกซ์กับเอ็ดดี้ เครเมอร์ ที่เอแอนด์อาร์สตูดิโอส์ในนิวยอร์ก 1306 01:42:12,424 --> 01:42:14,301 ผมว่าเขาทำได้ดีมาก 1307 01:42:14,384 --> 01:42:17,179 ในการมิกซ์สิ่งต่างๆ เหล่านี้ 1308 01:42:17,262 --> 01:42:19,681 มักมีคนทำตั้งแต่สองคนขึ้นไป 1309 01:42:22,851 --> 01:42:25,103 ผมอยากทำบางอย่างกับเพลง โฮลล็อตตะเลิฟ 1310 01:42:25,187 --> 01:42:26,605 เพื่อให้มันเลิกเป็นเพลงซิงเกิล 1311 01:42:27,397 --> 01:42:32,194 มันเลยจะมีส่วนที่สุดโต่ง ฉีกกรอบเดิมๆ 1312 01:42:32,277 --> 01:42:35,572 กลางเพลงโดยเริ่มด้วยคลื่นโซนิก 1313 01:42:41,620 --> 01:42:43,538 จากนั้นเมื่อผมใช้เทคนิคโอเวอร์ดับ 1314 01:42:43,622 --> 01:42:45,332 สำหรับส่วนที่จะเข้าไปตรงกลาง 1315 01:42:45,415 --> 01:42:48,168 ผมก็ผ่อนสายกีตาร์จนสุด 1316 01:42:48,251 --> 01:42:52,380 และเกาสายกีตาร์ทุกสาย 1317 01:43:00,806 --> 01:43:02,265 แล้วก็มีการแพนเสียงเยอะเลย 1318 01:43:02,349 --> 01:43:04,476 แปลว่าย้ายที่จากซ้ายไปขวา 1319 01:43:26,373 --> 01:43:28,333 แล้วก็เรียบร้อย 1320 01:43:28,416 --> 01:43:30,752 เลด เซพเพลิน สอง ก็เสร็จสมบูรณ์ 1321 01:43:31,545 --> 01:43:33,296 และพร้อมจะนำไปส่ง 1322 01:43:35,215 --> 01:43:38,468 (เลด เซพเพลิน สอง ด้านหนึ่ง - 1. โฮลล็อตตะเลิฟ) 1323 01:43:40,929 --> 01:43:46,643 {\an8}(เทศกาลดนตรีป๊อปนานาชาติ เท็กซัส 31 สิงหาคม 1969) 1324 01:45:33,959 --> 01:45:36,419 (เทศกาลดนตรีป๊อปนานาชาติ เท็กซัส) 1325 01:45:36,503 --> 01:45:37,671 (เลด เซพเพลินตัวเป็นๆ) 1326 01:46:48,325 --> 01:46:50,577 (เลด เซพเพลิน สอง) 1327 01:46:53,955 --> 01:46:56,792 {\an8}(22 ตุลาคม 1969) 1328 01:46:56,875 --> 01:46:59,586 {\an8}(เลด เซพเพลิน สอง) 1329 01:47:06,426 --> 01:47:08,970 {\an8}(แคชบ็อกซ์ รีวิวอัลบั้ม) 1330 01:47:09,054 --> 01:47:11,306 (บิลบอร์ด รีวิวอัลบั้ม) 1331 01:47:11,389 --> 01:47:14,142 {\an8}('เลด เซพเพลิน สอง' สร้างแรงสั่นสะเทือนแบบเฮฟวี่ใหม่) 1332 01:47:14,267 --> 01:47:16,728 {\an8}(ยอดขายถล่มทลาย) 1333 01:47:16,812 --> 01:47:19,564 (เลด เซพเพลินสุดยิ่งใหญ่) 1334 01:47:19,648 --> 01:47:21,983 (เลด เซพเพลิน กับวิธีทำ 37,000 ดอลลาร์ในคืนเดียว) 1335 01:47:22,150 --> 01:47:25,612 (เลด เซพเพลิน สอง ทะยานฟ้า) 1336 01:48:11,658 --> 01:48:12,659 (บิลบอร์ดท็อป 1. เลด เซพเพลิน สอง) 1337 01:48:14,077 --> 01:48:17,455 (วาไรตี้ - อัลบั้มขายดีที่สุด 1. เลด เซพเพลิน สอง) 1338 01:48:17,581 --> 01:48:21,793 (เลด เซพเพลิน - ยอดขายล้านแผ่น อาจมีทัวร์อังกฤษ) 1339 01:48:22,043 --> 01:48:23,795 (ยอดขายสหรัฐ 5 ล้าน) 1340 01:48:28,049 --> 01:48:31,428 (เลด เซพเพลินติดท็อปอเมริกา) 1341 01:48:36,016 --> 01:48:42,814 (เลด เซพเพลิน - วงอันดับ 1 ของโลก ค่ายแอตแลนติก) 1342 01:48:44,900 --> 01:48:51,072 {\an8}(เซพเพลินแซงบีเทิลส์) 1343 01:48:51,156 --> 01:48:55,452 (เรคอร์ด มิเรอร์ ตื่นทอง) 1344 01:49:01,833 --> 01:49:04,628 (เลด เซพเพลินตัวเป็นๆ) 1345 01:49:08,840 --> 01:49:11,676 {\an8}วันที่ 9 มกราคม 1970 1346 01:49:12,260 --> 01:49:15,263 {\an8}เราแสดงที่โรยัลอัลเบิร์ตฮอลล์ในลอนดอน 1347 01:49:15,347 --> 01:49:18,433 และถ้าเราคิดย้อนไปหนึ่งปี 1348 01:49:18,517 --> 01:49:21,645 วันที่ 9 มกราคม 1969 1349 01:49:21,728 --> 01:49:23,605 คือตอนที่เราแสดงในซานฟรานซิสโก 1350 01:49:24,523 --> 01:49:28,193 นี่จึงเป็นความคืบหน้าของทั้งปี 1351 01:49:28,568 --> 01:49:30,028 มันเหลือเชื่อมาก 1352 01:49:30,111 --> 01:49:32,072 ผมสนุกมากๆ 1353 01:49:33,490 --> 01:49:35,283 ไม่มีนักสอบบัญชีตรงนี้ 1354 01:49:35,367 --> 01:49:37,869 นี่เป็นคอนเสิร์ตในลอนดอน แน่นอนว่า 1355 01:49:37,953 --> 01:49:39,704 นี่คือที่ที่ครอบครัวเราต้องมา 1356 01:49:40,247 --> 01:49:42,499 ใช่ มันเหมือนงานรวมญาติ 1357 01:49:43,375 --> 01:49:45,919 การได้ไปเหยียบเวทีที่นั่น 1358 01:49:46,002 --> 01:49:48,922 จึงเป็นอะไรที่ไม่คาดฝัน มันดีมากๆ 1359 01:49:49,548 --> 01:49:50,715 และเป็นการแสดงของเราเอง 1360 01:49:50,799 --> 01:49:52,634 เราจึงออกไปแสดงเต็มที่ 1361 01:49:56,179 --> 01:49:57,222 เลด เซพ! 1362 01:49:58,306 --> 01:50:01,351 เลด เซพ! 1363 01:50:02,477 --> 01:50:05,814 เลด เซพ! 1364 01:50:06,565 --> 01:50:09,234 เลด เซพ! 1365 01:50:10,569 --> 01:50:12,195 เลด เซพ! 1366 01:54:52,601 --> 01:54:53,602 ขอบคุณมากครับ 1367 01:55:06,448 --> 01:55:09,868 เลด เซพ! 1368 01:55:10,577 --> 01:55:13,830 เลด เซพ! 1369 01:55:15,040 --> 01:55:18,043 เลด เซพ! 1370 01:55:18,919 --> 01:55:20,128 เลด เซพ! 1371 01:55:21,213 --> 01:55:23,048 พ่อผมมาดูการแสดงนั้น 1372 01:55:23,131 --> 01:55:25,717 เขาภูมิใจมาก ซึ่งดีมากเลย 1373 01:55:27,052 --> 01:55:30,013 เขาพูดว่า "เขามีความปรารถนาแรงกล้า มีไฟและทั้งหมดนั้น" 1374 01:55:30,096 --> 01:55:31,890 มันดีมากๆ 1375 01:55:33,141 --> 01:55:35,852 จอห์น พอลกับผม เราเข้ากันได้ดีมากๆ 1376 01:55:35,936 --> 01:55:37,229 พวกเราทุกคนเลย 1377 01:55:37,813 --> 01:55:39,606 สมาชิกแต่ละคนในวงค่อนข้างแตกต่างกัน 1378 01:55:39,689 --> 01:55:42,234 ด้านอุปนิสัยนะ แต่พวกเขาเป็นคนดี 1379 01:55:42,317 --> 01:55:44,277 แต่ละคนมีบุคลิกเป็นของตัวเอง 1380 01:55:45,737 --> 01:55:47,447 ประมาณกลางปี 1969 นั่นแหละ 1381 01:55:47,531 --> 01:55:49,491 ผมถึงรู้จักแต่ละคนจริงๆ 1382 01:55:50,158 --> 01:55:51,827 มันต้องค่อยเป็นค่อยไป ว่าไหม 1383 01:55:52,994 --> 01:55:54,663 ผมคุยเรื่องโรเบิร์ตได้เรื่อยๆ 1384 01:55:54,746 --> 01:55:57,165 เพราะผมรู้จักเขาดีมาก จริงๆ นะ เหลือเชื่อเลยละ 1385 01:55:57,249 --> 01:56:00,669 รู้ไหม จิมมี่ค่อนข้างขี้อายนะ 1386 01:56:00,752 --> 01:56:03,130 แต่เมื่อได้รู้จักเขาอย่างที่ผมรู้จัก เขาเป็นคนดีมากเลย 1387 01:56:04,089 --> 01:56:06,508 ผมชอบพวกเขาแต่ละคน เพราะสิ่งที่พวกเขาทำ 1388 01:56:06,591 --> 01:56:08,802 และผมชอบการเล่นในวง 1389 01:56:09,302 --> 01:56:10,929 ผมจึงไม่ต้องทำอย่างอื่น 1390 01:56:13,557 --> 01:56:16,768 เราประสบความสำเร็จตั้งแต่วันแรก 1391 01:56:16,852 --> 01:56:18,812 ที่เล่นเพลง เทรนเคปต์เอ-โรลลิน 1392 01:56:18,895 --> 01:56:20,856 เพราะเราถูกใจช่วงเวลานั้น 1393 01:56:20,939 --> 01:56:21,982 และมันได้ผล 1394 01:56:22,482 --> 01:56:25,694 แต่ก่อนหน้านั้นทั้งหมดไม่มีใครรู้ 1395 01:56:26,153 --> 01:56:27,404 เราได้แต่ลองดูว่าอะไรเวิร์ก 1396 01:56:27,988 --> 01:56:30,031 ฉะนั้น จะหยุดทำไมล่ะ 1397 01:56:30,907 --> 01:56:33,952 ถ้าคุณรู้ว่าคุณมีบางสิ่งที่แตกต่าง 1398 01:56:34,035 --> 01:56:35,245 ในตัวคุณ 1399 01:56:35,328 --> 01:56:36,830 คุณก็ต้องนำมันออกมาใช้ 1400 01:56:36,913 --> 01:56:38,498 คุณต้องใช้มันไปเรื่อยๆ 1401 01:56:38,582 --> 01:56:40,167 แต่คุณต้องเชื่อมั่นด้วย 1402 01:56:40,250 --> 01:56:42,627 และตราบใดที่คุณเป็นตัวของตัวเอง 1403 01:56:42,711 --> 01:56:45,380 เป้าหมายชัดเจน คุณก็จะทำให้ฝันเป็นจริงได้ 1404 01:56:45,464 --> 01:56:46,465 ผมเชื่ออย่างนั้นนะ 1405 01:56:46,548 --> 01:56:49,217 ผมเชื่อว่าทำให้ฝันเป็นจริงได้ เพราะนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น 1406 02:01:17,777 --> 02:01:19,571 (คำอุทิศ ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเกียรติแก่) 1407 02:01:19,654 --> 02:01:21,072 (เดสมอนด์ แมคมาฮอน ดอน มูสโซ) 1408 02:01:21,156 --> 02:01:22,365 (ลิซ่า เฟนทัม ดีเร็ก โบลตัน) 1409 02:01:22,449 --> 02:01:24,367 (เบนจามิน อเล็กซานเดอร์ โนเอล โธมัส วิลเลียมส์) 1410 02:01:24,451 --> 02:01:26,661 (เชล ทาลมี รอย วิลเลียมส์) 1411 02:01:26,745 --> 02:01:29,164 (ร็อด ไวแอตต์)