1 00:00:07,757 --> 00:00:08,758 ‪ตอนเป็นเด็กเล็กๆ 2 00:00:09,551 --> 00:00:11,511 ‪เวลาหนึ่งวันอาจยาวนานเหมือนชั่วนิรันดร์ 3 00:00:13,430 --> 00:00:16,433 ‪ตอนเป็นวัยรุ่น หน้าร้อนเพียงหนึ่งฤดู 4 00:00:16,516 --> 00:00:17,892 ‪อาจนานเหมือนชั่วชีวิต 5 00:00:19,185 --> 00:00:21,229 ‪ช่วงวัย 20 ของคุณยืดยาวออกไป 6 00:00:22,856 --> 00:00:26,276 ‪แล้วจู่ๆ คุณก็ไม่อยากเชื่อว่าตัวเองอายุ 40 แล้ว 7 00:00:27,402 --> 00:00:29,154 ‪นับจากนั้นเวลาก็มีแต่จะผ่านไปเร็วขึ้น 8 00:00:30,572 --> 00:00:33,783 ‪เวลาของเราบิดเบือนในระดับย่อยด้วย 9 00:00:33,867 --> 00:00:35,618 {\an8}‪คุณอาจจะรู้จักวลีอย่าง 10 00:00:35,702 --> 00:00:39,039 {\an8}‪"เวลาสนุกผ่านไปไวเหมือนติดปีก" ‪"เวลาเบื่อช่างลากยาวนานกว่าเดิม" 11 00:00:39,122 --> 00:00:42,375 ‪จากการศึกษาพบว่ากัญชาช่วยชะลอเวลาได้ 12 00:00:43,209 --> 00:00:46,087 ‪และแอลกอฮอล์กับโคเคนก็ช่วยเร่งเวลาได้ 13 00:00:46,171 --> 00:00:47,797 ‪ดนตรีก็ทำได้เช่นกัน 14 00:00:49,549 --> 00:00:52,927 ‪เสียงเพลงรอสาย ‪อาจทำให้รู้สึกว่าแต่ละวินาทีช่างเกินทน 15 00:00:53,011 --> 00:00:54,179 ‪ขอบคุณที่ถือสายรอ 16 00:00:54,262 --> 00:00:55,430 ‪แต่ความเงียบ... 17 00:00:58,683 --> 00:00:59,726 ‪มันแย่กว่า 18 00:00:59,809 --> 00:01:03,104 ‪ตอนนี้สิ่งที่ฉันสนใจเป็นพิเศษคือ "ทำไม" 19 00:01:03,897 --> 00:01:05,482 ‪นั่นเป็นคำถามที่ดีมาก 20 00:01:05,565 --> 00:01:08,276 ‪ดูเหมือนว่าเวลาผ่านไปอย่างทรหดสม่ำเสมอ 21 00:01:08,359 --> 00:01:11,488 ‪แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแบบนั้น 22 00:01:12,113 --> 00:01:16,242 {\an8}‪มันรู้สึกเหมือนว่าแต่ละวัน ‪ห้อตะบึงผ่านไปอย่างรวดเร็ว 23 00:01:16,326 --> 00:01:19,204 {\an8}‪แป๊บๆ ก็ถึงช่วงเสาร์อาทิตย์ ‪และก็มีงานรอเต็มไปหมด 24 00:01:19,287 --> 00:01:21,873 {\an8}‪ดูเหมือนแต่ละวันของผม 25 00:01:21,956 --> 00:01:24,375 {\an8}‪ผ่านไปเร็วกว่าคนอื่น ผมก็ไม่แน่ใจว่าทำไม 26 00:01:24,459 --> 00:01:28,838 ‪แล้วทำไมเราถึงรู้สึกกับเวลาแบบนี้ 27 00:01:29,547 --> 00:01:32,675 ‪และเราจะกลับมาเป็นผู้ควบคุมได้ยังไง 28 00:01:37,680 --> 00:01:39,307 ‪(ภาพยนตร์สารคดีชุดของ NETFLIX) 29 00:01:39,516 --> 00:01:41,935 ‪การจะศึกษาเวลา เราต้องศึกษาให้ลึกกว่าปกติ 30 00:01:42,060 --> 00:01:44,729 ‪และเมื่อทำเช่นนั้น เราก็จะได้พบอาณาจักรใหม่ 31 00:01:44,813 --> 00:01:46,523 ‪เวลาและพื้นที่ 32 00:01:47,941 --> 00:01:51,402 ‪สมมติว่าเราสามารถชะลอเวลาให้ช้าลง 33 00:01:52,487 --> 00:01:53,947 ‪หรือเร่งเวลาให้เร็วขึ้นได้ 34 00:01:55,532 --> 00:01:57,992 ‪สำหรับคำถามที่ว่า "เวลาคืออะไร" 35 00:01:58,535 --> 00:02:00,370 ‪มันไม่มีคำตอบเพียงหนึ่งเดียว 36 00:02:02,580 --> 00:02:09,546 ‪(เรื่องของเวลา) 37 00:02:15,969 --> 00:02:17,971 ‪ในปี 1962 38 00:02:18,054 --> 00:02:22,100 ‪นักธรณีหนุ่มคนหนึ่ง ‪ออกสำรวจเทือกเขาแอลป์ในฝรั่งเศส 39 00:02:23,143 --> 00:02:27,355 {\an8}‪เขาไปกับเพื่อนร่วมทีม ‪แต่มิเชล ซีฟฟ์ที่อายุแค่ 23 ปี 40 00:02:28,314 --> 00:02:30,316 ‪จะต้องเผชิญกับการเดินทางแท้จริงเพียงลำพัง 41 00:02:31,651 --> 00:02:34,279 ‪มิเชลอยากเห็นว่ามันจะเป็นยังไง 42 00:02:34,362 --> 00:02:36,865 ‪หากเขาไปอยู่ห่างจากผู้คน 43 00:02:36,948 --> 00:02:40,326 ‪ห่างจากนาฬิกา ‪และไม่รู้แม้แต่การขึ้นลงของตะวัน 44 00:02:40,410 --> 00:02:43,121 ‪ด้วยการอยู่ในถ้ำสองเดือน 45 00:02:43,204 --> 00:02:45,290 ‪นี่เป็นหนึ่งในการศึกษาแรกๆ 46 00:02:45,373 --> 00:02:48,293 ‪ที่เกี่ยวกับวงจรการหลับและตื่นของมนุษย์ 47 00:02:48,376 --> 00:02:52,547 {\an8}‪โดยที่ไม่มีสัญญาณจากภายนอกบอกเวลาเลย 48 00:02:53,590 --> 00:02:56,176 ‪ในการสัมภาษณ์หลังจากนั้นเขาบรรยายว่า 49 00:02:56,259 --> 00:02:59,220 ‪มันคือการดำรงอยู่เหนือกาลเวลา 50 00:02:59,304 --> 00:03:01,681 ‪ผมอยู่เหนือกาลเวลาโดยไม่มีสัญญาณบอกเวลา 51 00:03:01,764 --> 00:03:04,684 ‪ไม่มีโทรทัศน์ ไม่มีวิทยุ ไม่มีอะไรเลย 52 00:03:04,767 --> 00:03:06,311 ‪ไม่มีนาฬิกา 53 00:03:07,353 --> 00:03:09,314 ‪ใช้ชีวิตตามความคิดของตัวเอง 54 00:03:10,481 --> 00:03:12,901 ‪ทุกครั้งที่มิเชลตื่น กิน และเข้านอน 55 00:03:12,984 --> 00:03:16,404 ‪เขาจะโทรหาเพื่อนร่วมทีม ‪ที่ประจำการอยู่หน้าทางเข้าถ้ำ 56 00:03:17,197 --> 00:03:20,116 ‪บางครั้งเขาตื่นแค่หกชั่วโมง 57 00:03:20,200 --> 00:03:21,701 ‪แล้วกลับไปนอนต่อ 58 00:03:21,784 --> 00:03:24,704 ‪หรือเขาอาจตื่นได้ถึง 27 ชั่วโมงติดต่อกัน 59 00:03:25,538 --> 00:03:28,416 ‪แต่โดยเฉลี่ยแล้ว เขาอยู่ในวงจรการตื่นและหลับ 60 00:03:28,499 --> 00:03:30,585 ‪ประมาณ 24 ชั่วโมง 61 00:03:31,461 --> 00:03:32,795 ‪มันเป็นการค้นพบที่สำคัญ 62 00:03:33,880 --> 00:03:36,883 ‪การอยู่ห่างจากสัญญาณภายนอกใดๆ ‪ที่บอกช่วงเวลาของแต่ละวัน 63 00:03:37,634 --> 00:03:39,761 ‪ร่างกายของเขายังคงรับรู้เวลาได้ 64 00:03:41,804 --> 00:03:44,182 ‪นาฬิกาโบราณที่สุดของเรา 65 00:03:44,766 --> 00:03:45,892 ‪อยู่ในตัวเรานั่นเอง 66 00:03:46,851 --> 00:03:49,103 ‪มันเรียกว่านาฬิกาชีวภาพ 67 00:03:49,187 --> 00:03:52,982 ‪"เซอร์กา" แปลว่าโดยประมาณ ‪ส่วน "เดียน" แปลว่าวัน 68 00:03:53,066 --> 00:03:55,818 ‪เพราะมันบอกเวลาเป็นรอบ 24 ชั่วโมง 69 00:03:55,902 --> 00:03:56,903 ‪ที่น่าสนใจคือ 70 00:03:56,986 --> 00:04:00,531 ‪เซลล์ส่วนใหญ่ในร่างกายเรามีนาฬิกาชีวภาพ 71 00:04:01,282 --> 00:04:04,786 {\an8}‪มันผลิตโปรตีนพิเศษเพื่อบอกเวลาโดยเฉพาะ 72 00:04:05,453 --> 00:04:07,038 ‪และเมื่อมันทำงานมาถึงจุดหนึ่ง 73 00:04:07,121 --> 00:04:11,376 ‪โปรตีนนั่นจะสามารถปิดการสังเคราะห์ตัวเองได้ 74 00:04:12,043 --> 00:04:14,254 ‪แล้วโปรตีนพวกนั้นก็จะถูกทำลายไป 75 00:04:14,337 --> 00:04:16,005 ‪และเซลล์ก็สร้างมันขึ้นมาใหม่อีกครั้ง 76 00:04:16,714 --> 00:04:19,634 ‪และวงจรนั้นจะเกิดขึ้นทุกๆ 24 ชั่วโมง 77 00:04:20,218 --> 00:04:23,930 ‪ร่างกายของเรามีวงจรเล็กๆ แบบนี้ ‪หลายพันล้านวงจร 78 00:04:24,013 --> 00:04:28,142 ‪แต่เรามีนาฬิกาหลัก ‪อยู่ในสมองมนุษย์ส่วนไฮโปทาลามัส 79 00:04:28,226 --> 00:04:31,354 {\an8}‪ในบริเวณที่เรียกว่านิวเคลียสซูพราไคแอสมาติก 80 00:04:31,437 --> 00:04:33,731 {\an8}‪ซึ่งในหลายด้านก็ควบคุม 81 00:04:33,815 --> 00:04:37,735 ‪นาฬิกาตามส่วนอื่น ‪ในร่างกายให้ทำงานสอดประสานกัน 82 00:04:37,819 --> 00:04:39,904 ‪ผลงานวิจัยพบว่าสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทุกตัว 83 00:04:39,988 --> 00:04:42,615 ‪มีนาฬิกา 24 ชั่วโมงภายใน 84 00:04:43,283 --> 00:04:44,575 ‪แม้แต่นก 85 00:04:44,659 --> 00:04:45,868 ‪สัตว์เลื้อยคลาน 86 00:04:45,952 --> 00:04:47,078 ‪ปลา 87 00:04:47,161 --> 00:04:48,955 ‪และแมลง 88 00:04:49,038 --> 00:04:51,874 ‪ที่จริงไม่ต้องมีสมองด้วยซ้ำ 89 00:04:51,958 --> 00:04:56,421 ‪พืชมีนาฬิกาชีวภาพ ‪และแม้แต่แบคทีเรียเซลล์เดียวก็มีเหมือนกัน 90 00:04:57,046 --> 00:04:58,464 ‪ทฤษฎีหนึ่งบอกว่า 91 00:04:58,548 --> 00:05:02,302 ‪เมื่อหลายพันล้านปีก่อน ‪ตอนที่สิ่งมีชีวิตเริ่มปรากฏขึ้น 92 00:05:02,385 --> 00:05:04,429 ‪เซลล์ที่แบ่งตัวช่วงกลางวัน 93 00:05:04,512 --> 00:05:06,556 ‪จะถูกทำลายจากรังสียูวีของดวงอาทิตย์ 94 00:05:06,639 --> 00:05:10,351 ‪แต่เซลล์ที่เรียนรู้จะแบ่งตัวตอนกลางคืน 95 00:05:10,435 --> 00:05:11,728 ‪อยู่รอด 96 00:05:11,811 --> 00:05:14,188 ‪พูดอีกอย่างก็คือการรับรู้เวลา 97 00:05:14,272 --> 00:05:16,566 ‪อาจเป็นรากฐานสำคัญ 98 00:05:16,649 --> 00:05:19,110 ‪ของวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ 99 00:05:21,612 --> 00:05:24,574 ‪แต่นาฬิกาชีวภาพคือพื้นฐานที่สุด 100 00:05:24,657 --> 00:05:27,702 ‪มันทำให้ร่างกายเราทำงานเป็นจังหวะ 101 00:05:27,785 --> 00:05:30,330 ‪บอกเราว่าควรกิน นอน และตื่นตอนไหน 102 00:05:31,205 --> 00:05:32,415 ‪ธุระอื่นนิดหน่อย 103 00:05:32,999 --> 00:05:34,625 ‪และมันจะตั้งค่าใหม่ทุกวัน 104 00:05:37,295 --> 00:05:40,548 ‪ความสามารถในการรับรู้เวลาที่ผ่านไป 105 00:05:40,631 --> 00:05:42,717 ‪แต่ละวัน แต่ละเดือน 106 00:05:42,800 --> 00:05:44,385 ‪แต่ละปี 107 00:05:44,469 --> 00:05:46,262 ‪เป็นคนละเรื่องกันเลย 108 00:05:47,096 --> 00:05:51,225 ‪วันที่ 14 กันยายน ‪ทีมงานของมิเชล ซีฟฟ์โทรหาเขา 109 00:05:51,309 --> 00:05:55,063 ‪เพื่อประกาศว่า ‪การอยู่ในถ้ำเป็นเวลาสองเดือนได้จบลงแล้ว 110 00:05:55,772 --> 00:05:58,107 ‪ซีฟฟ์คิดว่าพวกเขาล้อเล่น 111 00:05:58,191 --> 00:06:00,693 ‪เพราะจากที่เขานับ ‪ตอนนั้นเพิ่งเป็นวันที่ 20 สิงหาคม 112 00:06:01,361 --> 00:06:04,447 ‪ร่างกายของเขารับรู้วันเวลาได้ดี 113 00:06:05,156 --> 00:06:08,868 ‪แต่จิตใจเขาหลงหายไปทั้งเดือน 114 00:06:09,952 --> 00:06:11,662 ‪เร่งเวลาไปข้างหน้า 60 ปี 115 00:06:15,083 --> 00:06:16,626 ‪สวัสดีปีใหม่ปี 2020 116 00:06:16,709 --> 00:06:19,379 ‪และคนทั้งโลกก็พบเจอ 117 00:06:19,462 --> 00:06:21,506 ‪การทดลองแยกตัวรูปแบบหนึ่ง 118 00:06:22,965 --> 00:06:26,844 {\an8}‪ตอนที่อังกฤษเข้าสู่ ‪การล็อกดาวน์ครั้งแรก ฉันมีลูกอายุหกเดือน 119 00:06:26,928 --> 00:06:30,014 {\an8}‪กับอีกสองคน หกขวบกับแปดขวบ 120 00:06:30,098 --> 00:06:31,849 ‪และฉันรู้สึกว่าช่วงเวลาตอนนั้น 121 00:06:31,933 --> 00:06:34,936 ‪มันไร้สาระสิ้นดีที่หนึ่งวันมี 24 ชั่วโมง 122 00:06:35,019 --> 00:06:38,189 ‪เวลาผ่านไปช้ามากสำหรับฉัน 123 00:06:39,440 --> 00:06:42,610 ‪ฉันสงสัยว่า "นี่เป็น ‪ปรากฏการณ์วงกว้างกว่านี้หรือไม่" 124 00:06:42,693 --> 00:06:46,114 ‪เธอเลยทำแบบสำรวจประชากร ‪เกือบ 700 คนทั่วสหราชอาณาจักร 125 00:06:46,697 --> 00:06:51,494 ‪คนส่วนใหญ่พบว่าเวลาผิดเพี้ยนไปอย่างมาก 126 00:06:51,577 --> 00:06:53,413 ‪คิดเป็นคนจำนวนมากถึง 81 เปอร์เซ็นต์ 127 00:06:53,496 --> 00:06:57,458 ‪และที่น่าสนใจคือจำนวนนั้น ‪แบ่งได้เป็นสองส่วนเกือบเท่ากัน 128 00:06:57,542 --> 00:07:00,920 ‪ราวครึ่งหนึ่งรู้สึกเหมือนรูธว่าเวลาเดินช้ามาก 129 00:07:01,003 --> 00:07:04,090 ‪และอีกครึ่งหนึ่งรู้สึกว่ามันเร็วขึ้น 130 00:07:04,173 --> 00:07:07,510 ‪โดยทั่วไปแล้ว ความเบื่อ ความเศร้า 131 00:07:07,593 --> 00:07:10,304 ‪และหดหู่ต่างเชื่อมโยงกับ 132 00:07:10,388 --> 00:07:13,307 ‪เวลาที่เดินช้ามากช่วงไวรัสโคโรนาระบาด 133 00:07:13,933 --> 00:07:17,353 ‪การศึกษาแบบนี้ในประเทศอื่นๆ ‪ก็พบผลลัพธ์ที่คล้ายกัน 134 00:07:17,437 --> 00:07:21,482 ‪ทั้งในฝรั่งเศส อิตาลี อาร์เจนตินา ‪และมีการศึกษาในอิรักตอนนี้ 135 00:07:21,566 --> 00:07:24,652 ‪ทั้งโลกดูจะรู้สึกว่า 136 00:07:24,735 --> 00:07:28,990 ‪เวลามันบิดเบี้ยวไปในช่วงไวรัสโคโรนานี้ 137 00:07:29,073 --> 00:07:33,244 {\an8}‪ในช่วงโรคระบาด เรารู้ว่า ‪สักวันมันจะจบลง แต่วันนั้นมาไม่ถึงสักที 138 00:07:33,327 --> 00:07:36,289 {\an8}‪จนทำให้คุณต้องพิจารณาละ ‪ว่านี่คือสภาพที่คุณอยู่ในปัจจุบัน 139 00:07:36,372 --> 00:07:38,458 ‪นี่คือชีวิตและความเป็นจริงที่คุณต้องเจอ 140 00:07:39,125 --> 00:07:43,212 ‪สก็อตต์ เคลลี่เตรียมพร้อม ‪สำหรับประสบการณ์นั้นมากกว่าใคร 141 00:07:44,088 --> 00:07:46,382 ‪ย้อนกลับไปในปี 2015 เขาเดินทางสู่อวกาศ 142 00:07:46,466 --> 00:07:48,468 ‪และอยู่ที่นั่นตลอดทั้งปี 143 00:07:48,551 --> 00:07:51,262 ‪เป็นภารกิจที่มีมนุษย์ ‪บังคับยานนานที่สุดในประวัติศาสตร์นาซา 144 00:07:52,013 --> 00:07:54,557 ‪และเขากลับมายังโลกในฐานะวีรบุรุษของชาติ 145 00:07:55,725 --> 00:07:58,895 ‪เพราะการใช้ชีวิตหนึ่งปี ‪ในกระป๋องอะลูมิเนียมไฮเทค 146 00:07:59,479 --> 00:08:01,105 ‪ห่างจากพื้นโลกประมาณ 400 กม. 147 00:08:01,939 --> 00:08:03,191 ‪มันนานเหลือเกิน 148 00:08:03,983 --> 00:08:08,070 ‪ผมพยายามไม่นับวันเวลาที่ผมอยู่ในอวกาศ 149 00:08:08,154 --> 00:08:12,533 ‪เพราะผมรู้ว่าระยะเวลาหนึ่งปี ‪การนับวันคงจะทำให้หงุดหงิด 150 00:08:12,617 --> 00:08:14,827 ‪แต่แล้ววันหนึ่งตอนที่ใกล้จบภารกิจ 151 00:08:14,911 --> 00:08:17,997 ‪นักบินอวกาศชาวรัสเซีย ‪มิคาอิล โคร์เนียนโคพูดกับเขาว่า 152 00:08:18,080 --> 00:08:19,832 ‪"สก็อตต์ นายรู้ไหมว่าวันนี้วันอะไร" 153 00:08:19,916 --> 00:08:22,919 ‪นั่นคือตอนที่เราเหลือเวลาในอวกาศอีกสิบวัน 154 00:08:23,586 --> 00:08:26,506 ‪และทุกวันหลังจากนั้น ‪เขาจะถามว่าเราเหลือเวลาอีกกี่วัน 155 00:08:26,589 --> 00:08:29,800 ‪และนับถอยหลังจากสิบเหลือศูนย์ 156 00:08:29,884 --> 00:08:33,346 ‪มันทำให้ผมแทบจะเป็นบ้า ‪เพราะผมไม่ได้วางแผนไว้แบบนั้น 157 00:08:33,429 --> 00:08:36,015 ‪และต่อให้คุณไม่ได้เป็นนักบินอวกาศ 158 00:08:36,098 --> 00:08:38,017 ‪หรือไม่ได้ใช้ชีวิตในช่วงโรคระบาด 159 00:08:38,726 --> 00:08:40,603 ‪ก็ยังรู้ดีว่าความเครียด 160 00:08:40,686 --> 00:08:42,396 ‪ทำให้ทุกอย่างยืดเยื้อได้ 161 00:08:44,732 --> 00:08:48,611 ‪เรารู้ว่าอารมณ์เป็นหนึ่งใน ‪สิ่งที่บิดเบือนการรับรู้เวลาของเรา 162 00:08:48,694 --> 00:08:52,865 ‪มันไม่ได้ส่งผลต่อนาฬิกาชีวภาพจริงๆ หรอก 163 00:08:52,949 --> 00:08:56,911 ‪แต่ดูเหมือนจะมีนาฬิการูปแบบอื่นอยู่ในสมองเรา 164 00:08:56,994 --> 00:09:00,831 ‪ที่ทำงานเหมือนนาฬิกาจับเวลา ‪ซึ่งคอยทำให้เรารับรู้เวลาอยู่เสมอ 165 00:09:00,915 --> 00:09:04,502 ‪แต่นาฬิกาจับเวลาในกรณีนี้ไม่ใช่เครื่องจักร 166 00:09:04,585 --> 00:09:06,712 ‪มันเหมือนมนุษย์มากกว่า 167 00:09:08,047 --> 00:09:10,049 ‪เวลาที่มันเบื่อหรือเหงา 168 00:09:10,132 --> 00:09:12,093 ‪มันก็จะนับทุกวินาทีอย่างเอาจริงเอาจัง 169 00:09:13,010 --> 00:09:16,430 ‪และเมื่อมันเครียดมากๆ ‪มันอาจถึงกับนับวินาทีซ้ำสอง 170 00:09:17,265 --> 00:09:21,602 ‪และอีกด้านหนึ่งเมื่อเรายุ่ง ‪ผ่อนคลาย และพบปะสังสรรค์ 171 00:09:21,686 --> 00:09:25,273 ‪จิตใจของเราจะทำอย่างอื่น ‪เราก็นับข้ามไปหลายวินาที 172 00:09:25,356 --> 00:09:27,775 ‪จนทำให้เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก 173 00:09:29,110 --> 00:09:31,946 ‪ฉันชอบความคิดนี้มากเพราะมันสมเหตุสมผล 174 00:09:32,029 --> 00:09:34,865 ‪ที่เรามีระบบที่เหมือนนาฬิกาอยู่ในสมอง 175 00:09:35,908 --> 00:09:37,868 ‪แต่ปัญหาของความคิดนั้นคือ 176 00:09:37,952 --> 00:09:41,497 ‪เราหาตำแหน่งของนาฬิกานั่นไม่พบ 177 00:09:43,207 --> 00:09:44,917 ‪เราพยายามหามันแล้ว 178 00:09:45,001 --> 00:09:48,963 ‪ด้วยการส่งมนุษย์เข้าเครื่องเอ็มอาร์ไอ ‪และขอให้พวกเขานับเวลาที่ผ่านไป 179 00:09:49,046 --> 00:09:52,258 ‪แต่ไม่มีพื้นที่ใดที่หนึ่งในสมอง ‪ที่สว่างขึ้นอย่างต่อเนื่อง 180 00:09:52,842 --> 00:09:54,635 ‪การรับรู้เวลาของเรา 181 00:09:54,719 --> 00:09:57,722 ‪ดูเหมือนจะฝังอยู่ทั่วสมอง 182 00:09:57,805 --> 00:10:00,558 ‪เราพูดถึงการรับรู้เวลา 183 00:10:00,641 --> 00:10:03,978 ‪แต่แน่นอนว่าเราไม่มีอวัยวะที่ตรวจจับเวลา 184 00:10:04,061 --> 00:10:06,314 ‪เรามองไม่เห็น ไม่ได้ยิน 185 00:10:06,397 --> 00:10:08,232 ‪ไม่ได้กลิ่น และสัมผัสมันไม่ได้ 186 00:10:08,316 --> 00:10:11,277 ‪เราไม่มีทางรับรู้มันโดยตรงได้เลย 187 00:10:11,360 --> 00:10:13,571 ‪ดังนั้นในหลายๆ ด้าน การรับรู้เวลานี้ 188 00:10:13,654 --> 00:10:16,574 ‪เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นในจิตใจมนุษย์ 189 00:10:17,491 --> 00:10:19,452 ‪เป็นเวลาหลายศตวรรษที่เราเข้าใจว่า 190 00:10:19,535 --> 00:10:22,455 ‪เวลานั้นมีอยู่ทั่วไป 191 00:10:22,538 --> 00:10:25,416 ‪และเคลื่อนผ่านไปเหมือนที่เคลื่อนในความคิดเรา 192 00:10:26,208 --> 00:10:28,669 ‪มันยากที่จะจินตนาการถึงวิธีอื่นด้วยซ้ำ 193 00:10:29,253 --> 00:10:31,756 ‪แต่ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่า 194 00:10:32,381 --> 00:10:34,759 ‪เราสามารถรับรู้ได้เพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ 195 00:10:34,842 --> 00:10:36,427 ‪ของเวลาจริงเท่านั้น 196 00:10:37,678 --> 00:10:39,430 ‪และความเป็นจริงของเวลานั้น 197 00:10:39,513 --> 00:10:42,016 ‪เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าที่เราคิดไว้มาก 198 00:10:42,725 --> 00:10:44,769 ‪สิ่งที่เหมือน 199 00:10:44,852 --> 00:10:45,936 ‪ปริภูมิ 200 00:10:47,688 --> 00:10:51,567 ‪เราคิดถึงเวลาในลักษณะที่ ‪เหมือนมันเป็นปริภูมิอยู่แล้ว 201 00:10:52,276 --> 00:10:54,403 ‪แต่มันขึ้นอยู่กับวัฒนธรรมของคุณ 202 00:10:54,487 --> 00:10:56,489 ‪หรือวิธีการเขียนของคุณ 203 00:10:57,740 --> 00:11:00,409 ‪ในโลกตะวันตกเราจินตนาการว่า ‪เวลาเคลื่อนที่จากซ้ายไปขวา 204 00:11:00,493 --> 00:11:02,119 ‪เหมือนข้อความบนหน้ากระดาษ 205 00:11:02,203 --> 00:11:05,456 ‪ในอิสราเอล อดีตอยู่ทางขวา ‪และอนาคตอยู่ทางซ้าย 206 00:11:05,539 --> 00:11:08,042 ‪เพราะเราเขียนภาษาฮิบรูในลักษณะนั้น 207 00:11:08,125 --> 00:11:09,919 ‪ในภาษาจีนกลาง คุณเขียนเป็นแนวตั้ง 208 00:11:10,002 --> 00:11:12,880 ‪อดีตจึงอยู่ข้างบนและอนาคตอยู่ข้างล่าง 209 00:11:13,881 --> 00:11:17,093 ‪แต่ในทุกแห่งหนเราทุกคน ‪ต่างคิดว่าเวลามีทิศทาง 210 00:11:17,176 --> 00:11:19,595 ‪เหมือนพิกัดบนแผนที่ 211 00:11:19,679 --> 00:11:23,099 {\an8}‪มันเหมือนคุณวางกริดลงไป ‪คุณวางกริดหนึ่งบนปริภูมิ 212 00:11:23,182 --> 00:11:27,186 ‪กริดจำนวนมากวางแนวนี้ วางแนวนั้น 213 00:11:27,269 --> 00:11:30,481 ‪และแผงกริดที่ตั้งขึ้น แล้วคุณก็ใส่เวลาลงไป 214 00:11:30,564 --> 00:11:32,858 {\an8}‪คุณอยู่ที่ตำแหน่งกริดตรงนี้ในเวลานี้ 215 00:11:32,942 --> 00:11:35,069 {\an8}‪และอยู่ที่ตำแหน่งกริดนี้ในเวลาอื่น 216 00:11:35,152 --> 00:11:37,905 ‪ดังนั้นถ้าปริภูมิมีสามมิติ 217 00:11:38,781 --> 00:11:41,617 ‪คุณก็อาจคิดถึงเวลาในฐานะมิติที่สี่ 218 00:11:43,244 --> 00:11:45,996 ‪ยากที่เราจะจินตนาการถึงมิติที่สี่ ‪เวลาเป็นเรื่องประหลาดด้วย 219 00:11:46,080 --> 00:11:49,750 ‪แต่เมื่อคุณนำทั้งสี่มิตินี้มารวมกัน ‪คุณก็จะเรียกมันว่าปริภูมิเวลา 220 00:11:49,834 --> 00:11:52,294 ‪ที่ซึ่งพื้นที่และเวลา 221 00:11:52,378 --> 00:11:53,963 ‪ต่างถักทอเข้าด้วยกัน 222 00:11:54,046 --> 00:11:57,299 ‪บนผืนผ้ายืดยาวผืนเดียว 223 00:11:58,259 --> 00:12:02,263 ‪และผ้าผืนนั้นก็โดนบิดไปทั่วทุกแห่งหน 224 00:12:02,346 --> 00:12:05,808 ‪สสารและพลังงานทำให้ปริภูมิโค้งงอได้ 225 00:12:05,891 --> 00:12:09,019 ‪และยิ่งไปกว่านั้น มันสามารถบิดเบือนเวลาได้ 226 00:12:09,854 --> 00:12:14,066 {\an8}‪ดังนั้นบนโลก เวลาจะเดินช้ากว่าเวลาในอวกาศ 227 00:12:15,067 --> 00:12:16,736 {\an8}‪และเวลาบนดวงอาทิตย์ 228 00:12:16,819 --> 00:12:18,779 {\an8}‪ก็ยิ่งเดินช้าไปอีก 229 00:12:19,488 --> 00:12:21,782 {\an8}‪และเวลาเดินช้าลง 230 00:12:21,866 --> 00:12:24,034 {\an8}‪เมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากๆ 231 00:12:25,244 --> 00:12:28,998 ‪ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระดับที่ ‪ใหญ่เกินกว่ามนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างเรา 232 00:12:29,707 --> 00:12:31,375 ‪จะรู้สึกถึงมันได้ 233 00:12:31,459 --> 00:12:33,294 ‪แต่ในช่วงยุค 1970 234 00:12:33,377 --> 00:12:35,713 ‪เราก็ได้คิดค้นนาฬิกาอะตอม 235 00:12:35,796 --> 00:12:38,591 ‪ที่แม่นยำพอที่จะทดสอบเรื่องนั้นได้ 236 00:12:38,674 --> 00:12:42,136 ‪เมื่อเรานำนาฬิกาอะตอม ‪ขึ้นไปบนเครื่องบินแล้วบินไปรอบโลก 237 00:12:42,803 --> 00:12:44,263 ‪แน่นอนว่า 238 00:12:44,847 --> 00:12:48,225 ‪นาฬิกาอะตอมจะบอกว่าเวลา 239 00:12:48,309 --> 00:12:49,560 ‪ผ่านไปน้อยกว่าข้างล่าง 240 00:12:51,270 --> 00:12:55,191 ‪และถ้าเวลาเดินช้าลง ‪เมื่อเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากขึ้น 241 00:12:55,274 --> 00:12:58,611 ‪แปลว่าคนก็อาจจะแก่ช้าลงด้วย 242 00:12:59,737 --> 00:13:01,739 ‪ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเป็นนักบินอวกาศ 243 00:13:01,822 --> 00:13:04,408 ‪ที่ใช้เวลาแล่นฉิวไปรอบโลก 244 00:13:05,451 --> 00:13:08,412 {\an8}‪ขณะที่พี่ชายฝาแฝดของคุณ ‪ที่ก็เป็นนักบินอวกาศเหมือนกัน 245 00:13:08,496 --> 00:13:10,039 {\an8}‪อยู่บนพื้นดิน 246 00:13:10,122 --> 00:13:12,666 {\an8}‪ตอนนี้ผมอายุน้อยกว่าเขาประมาณ 247 00:13:13,375 --> 00:13:15,211 ‪สามมิลลิวินาที 248 00:13:15,294 --> 00:13:18,547 {\an8}‪แต่ก่อนผมเด็กกว่าเขาประมาณหกนาที 249 00:13:18,631 --> 00:13:21,884 {\an8}‪และตอนนี้ผมเด็กกว่าเขา 6 นาที 3 มิลลิวินาที 250 00:13:21,967 --> 00:13:24,470 {\an8}‪เท่ากับผมได้เปรียบมั้งครับ 251 00:13:25,137 --> 00:13:28,724 ‪แต่หากเวลาเป็นมิติหนึ่ง เหมือนปริภูมิ 252 00:13:29,558 --> 00:13:32,937 ‪นั่นก็ชวนให้เกิดคำถามใหญ่มาก 253 00:13:33,562 --> 00:13:37,650 ‪เห็นได้ชัดว่า คุณสามารถขยับ ‪ไปทางขวาหรือซ้ายในปริภูมิใดก็ได้ 254 00:13:37,733 --> 00:13:40,194 ‪แล้วทำไมเราถึงขยับขึ้นลงในเวลาไม่ได้ล่ะ 255 00:13:40,277 --> 00:13:42,655 ‪หรือขยับไปช่วงเวลาหลังและก่อนหน้านี้ไม่ได้ล่ะ 256 00:13:42,738 --> 00:13:46,033 ‪นี่เป็นคำถามที่ซับซ้อนและน่าสนใจมาก 257 00:13:46,116 --> 00:13:49,829 ‪เพราะเท่าที่รู้ เราไม่สามารถย้อนเวลาได้ 258 00:13:49,912 --> 00:13:52,331 ‪แต่หากปริภูมิทั้งหมดรอบตัวเรา 259 00:13:52,414 --> 00:13:54,208 ‪ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง 260 00:13:54,291 --> 00:13:57,878 ‪มีอยู่จริงเหมือนที่เราอยู่ในตอนนี้ 261 00:13:57,962 --> 00:13:59,839 {\an8}‪งั้นอดีตและอนาคต 262 00:13:59,922 --> 00:14:02,800 {\an8}‪ก็น่าจะเป็นจริงพอกับปัจจุบัน 263 00:14:03,509 --> 00:14:06,804 ‪เหมือนมันถูกบันทึกไว้หมดแล้ว 264 00:14:07,596 --> 00:14:09,306 ‪เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว 265 00:14:09,390 --> 00:14:12,852 ‪- เวลาสนุกผ่านไปเหมือนติดปีกบิน ‪- เรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น 266 00:14:12,935 --> 00:14:14,937 ‪วันหยุดที่ดีที่สุดคือวันสิ้นปี 267 00:14:15,020 --> 00:14:17,314 ‪จะบอกว่าทั้งหมดมันเกิดขึ้นในตอนนี้ไม่ได้ 268 00:14:17,398 --> 00:14:19,358 ‪เพราะมีแค่ตอนนี้เท่านั้นที่เป็นตอนนี้ 269 00:14:20,401 --> 00:14:24,113 ‪เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรใช้ศัพท์คำไหน 270 00:14:24,905 --> 00:14:26,282 {\an8}‪แต่คุณพูดได้ว่า 271 00:14:26,365 --> 00:14:30,160 {\an8}‪เหมือนทุกอย่างที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ‪กำลังเกิดขึ้นอยู่ที่ไหนสักแห่ง 272 00:14:31,161 --> 00:14:34,331 {\an8}‪ทุกอย่างในอดีตและอนาคตอาจเกิดขึ้น... 273 00:14:35,165 --> 00:14:36,709 {\an8}‪"เมื่อไรเมื่อนั้น" 274 00:14:40,504 --> 00:14:42,089 ‪ชายหนุ่มผู้ไม่เหมือนใคร 275 00:14:42,172 --> 00:14:43,841 {\an8}‪อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ 276 00:14:43,924 --> 00:14:46,969 {\an8}‪คิดทฤษฎีนี้ขึ้นมาครั้งแรกในปี 1905 277 00:14:48,387 --> 00:14:49,972 ‪และ 50 ปีต่อมา 278 00:14:50,055 --> 00:14:52,766 ‪เมื่อผู้ร่วมงานและเพื่อนสนิทชั่วชีวิตของเขา 279 00:14:52,850 --> 00:14:55,144 {\an8}‪มิเชล เบสโซเสียชีวิต 280 00:14:55,227 --> 00:14:57,563 {\an8}‪ไอน์สไตน์เขียนจดหมายถึงครอบครัวเขาว่า 281 00:14:58,689 --> 00:15:01,775 ‪"ตอนนี้เขาได้ออกจากโลกแปลกหน้านี้แล้ว 282 00:15:01,859 --> 00:15:03,277 ‪ล่วงหน้าก่อนผมเล็กน้อย" 283 00:15:04,069 --> 00:15:05,571 ‪"ซึ่งไม่สำคัญเลย" 284 00:15:06,572 --> 00:15:09,241 ‪"คนอย่างเราที่เชื่อเรื่องฟิสิกส์ 285 00:15:09,325 --> 00:15:12,745 ‪รู้ว่าความแตกต่าง ‪ระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคต 286 00:15:13,662 --> 00:15:17,374 ‪เป็นเพียงภาพลวงตาที่ดื้อรั้นเท่านั้น" 287 00:15:21,086 --> 00:15:23,088 ‪ทีนี้ ความคิดเรื่องเวลาเช่นนั้น 288 00:15:23,172 --> 00:15:25,841 ‪ยอมรับได้ยากด้วยหลายสาเหตุ 289 00:15:26,592 --> 00:15:29,929 ‪อย่างแรก มันมีปัญหาเล็กๆ เรื่องเจตจำนงเสรี 290 00:15:31,388 --> 00:15:33,390 ‪ถ้าอนาคตถูกเขียนไว้แล้ว 291 00:15:34,266 --> 00:15:36,936 ‪นั่นแปลว่าไม่ว่าเราจะทำอะไรลงไป 292 00:15:37,019 --> 00:15:38,854 ‪มันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรา 293 00:15:38,938 --> 00:15:42,066 ‪ยังไงสิ่งที่บันทึกไว้แล้วก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี 294 00:15:43,275 --> 00:15:45,235 ‪นั่นถือว่าบั่นทอนจิตใจทีเดียว 295 00:15:46,570 --> 00:15:49,323 ‪และในขณะที่เราเอานาฬิกาใส่ในเครื่องบิน 296 00:15:49,406 --> 00:15:51,575 ‪และพิสูจน์ว่าเวลาบิดเบือนได้ 297 00:15:51,659 --> 00:15:54,745 ‪แต่เราก็ส่งเครื่องบินพวกนั้น ‪ไปยังอดีตหรืออนาคตไม่ได้ 298 00:15:54,828 --> 00:15:56,538 ‪เราจึงไม่มีวันพิสูจน์ได้จริงๆ ว่า 299 00:15:56,622 --> 00:16:00,125 ‪อดีตหรืออนาคตมีจริง 300 00:16:00,209 --> 00:16:03,295 ‪ที่จริงเราแทบจะนึกไม่ออกว่า ‪มันหมายถึงอะไรด้วยซ้ำ 301 00:16:04,463 --> 00:16:08,550 ‪มีวิดีโอและสารคดีมากมาย ‪พยายามช่วยเราทำความเข้าใจ 302 00:16:08,634 --> 00:16:10,552 ‪โดยใช้คำเปรียบเปรยทุกรูปแบบ 303 00:16:10,636 --> 00:16:12,179 ‪เช่นว่ามันเหมือนแผ่นดีวีดี 304 00:16:12,972 --> 00:16:15,641 ‪หรือแผ่นเสียงไวนิล หรือ 305 00:16:15,724 --> 00:16:17,184 ‪ขนมปังก้อนหนึ่ง 306 00:16:17,267 --> 00:16:21,063 ‪แต่ที่จริงมันไม่มีประโยชน์เลย ‪ที่คิดจะจินตนาการตามนี้ 307 00:16:21,146 --> 00:16:24,274 ‪เราวิวัฒนาการมาจากสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียว 308 00:16:24,358 --> 00:16:26,568 ‪ที่รู้จักแยกแยะกลางวันและกลางคืน 309 00:16:27,236 --> 00:16:30,656 ‪และในระหว่างนั้น ‪เราก็พัฒนาการรับรู้เวลาไปด้วย 310 00:16:30,739 --> 00:16:33,951 ‪เพราะมันช่วยให้เราอยู่รอดได้เช่นกัน 311 00:16:34,034 --> 00:16:37,246 ‪และนั่นเป็นช่องทางเดียว ‪ที่เราจะเข้าใจกาลเวลาได้ 312 00:16:38,747 --> 00:16:40,499 ‪และช่องทางนั้นไม่ได้มีหน้าต่างบานเดียว 313 00:16:40,582 --> 00:16:43,252 ‪เพราะเรายังมีความตระหนักรู้ถึงอดีต 314 00:16:44,169 --> 00:16:45,879 ‪ซึ่งเป็นการรับรู้เวลาในอีกด้านหนึ่งเลย 315 00:16:46,839 --> 00:16:49,675 ‪ในหลายๆ ด้านนั้น หน้าที่สำคัญของสมอง 316 00:16:49,758 --> 00:16:51,969 ‪คือการใช้อดีต 317 00:16:52,052 --> 00:16:53,762 ‪เพื่อคาดการณ์อนาคต 318 00:16:53,846 --> 00:16:56,724 ‪ดังนั้นจึงทำให้ได้เปรียบทางวิวัฒนาการ 319 00:16:56,807 --> 00:16:58,934 ‪อย่างมากมายจริงๆ 320 00:17:00,978 --> 00:17:03,814 ‪ทบทวนอดีตเพื่อจินตนาการถึงอนาคต 321 00:17:04,815 --> 00:17:09,194 ‪นั่นคือวิธีที่เราเริ่มรู้ว่าดาวบนฟ้า ‪เคลื่อนที่ในแบบที่คาดเดาได้ 322 00:17:10,487 --> 00:17:13,323 ‪และพัฒนานาฬิกากับปฏิทินเพื่อติดตามดวงดาว 323 00:17:14,408 --> 00:17:16,952 ‪นั่นคือสิ่งที่ทำให้เราจัดระเบียบ 324 00:17:17,661 --> 00:17:19,538 ‪ร่วมแรงร่วมใจกัน 325 00:17:19,621 --> 00:17:21,415 ‪และสร้างอารยธรรมขึ้นมาได้ 326 00:17:22,166 --> 00:17:26,420 ‪ความสามารถในการรับรู้เส้นเวลา ‪คือสิ่งที่ทำให้โฮโมเซเปียนส์มีสติปัญญา 327 00:17:27,296 --> 00:17:31,008 ‪และความจริงที่ว่า ‪เวลาคือความรู้สึกที่บิดเบือนได้ง่ายนั้น 328 00:17:31,091 --> 00:17:32,634 ‪ในบางแง่มุมก็ถือเป็นของขวัญ 329 00:17:32,718 --> 00:17:36,138 ‪เพราะเรามีพลัง ‪ที่จะเร่งความเร็วหรือทำให้มันช้าลงได้ 330 00:17:36,221 --> 00:17:39,016 ‪ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากใช้เวลายังไง 331 00:17:39,099 --> 00:17:40,642 ‪เราค้นหาความทรงจำของเรา 332 00:17:40,726 --> 00:17:44,313 ‪และยิ่งมีความทรงจำสะสม ‪ในช่วงเวลาหนึ่งมากแค่ไหน 333 00:17:44,396 --> 00:17:47,733 ‪เราจะยิ่งเชื่อว่าช่วงเวลานั้นยาวนานมากขึ้น 334 00:17:48,525 --> 00:17:49,651 ‪มิเชล ซีฟฟ์ 335 00:17:49,735 --> 00:17:52,946 ‪รู้สึกเหมือนใช้เวลาอยู่ในถ้ำเพียงหนึ่งเดือน 336 00:17:53,030 --> 00:17:56,200 ‪เพราะเขามีความทรงจำที่ต้องจดจำน้อยมาก 337 00:17:57,076 --> 00:17:59,161 ‪เขาให้สัมภาษณ์ภายหลังว่า 338 00:17:59,244 --> 00:18:03,415 ‪"เมื่อคุณอยู่กลางความมืด ‪ความทรงจำของคุณก็จะไม่รับรู้เวลา" 339 00:18:03,499 --> 00:18:05,000 ‪"คุณหลงลืมไป" 340 00:18:05,084 --> 00:18:09,004 ‪และเมื่อคุณอายุมากขึ้น ยุ่งขึ้น ‪และใช้ชีวิตเป็นกิจวัตร 341 00:18:09,922 --> 00:18:11,298 ‪คุณก็จะหลงลืมเวลาเช่นกัน 342 00:18:11,381 --> 00:18:14,510 ‪แค่อีเมลก็ทำคุณหัวหมุนทั้งวันแล้ว 343 00:18:14,593 --> 00:18:16,553 ‪ดังนั้นพอมันกระหน่ำเข้ามาปังๆ 344 00:18:16,637 --> 00:18:19,640 ‪ก็ทำให้รู้สึกเหมือนเวลามันถูกบีบอัดอย่างมาก 345 00:18:21,183 --> 00:18:23,018 ‪แต่สำหรับหลายๆ คน 346 00:18:23,102 --> 00:18:25,979 ‪มักจะรู้สึกว่าวัยเด็กเป็นช่วงที่ยาวนานที่สุด 347 00:18:26,688 --> 00:18:30,275 ‪ถ้าลองคิดดูแล้ว ตอนคุณเป็นเด็ก ‪คุณเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ มากมาย 348 00:18:30,359 --> 00:18:32,945 ‪คุณเรียนรู้วิธีการเข้าสังคมและวิธีเล่น 349 00:18:33,028 --> 00:18:35,989 ‪และคุณได้ความรู้มากมายจากโรงเรียน 350 00:18:36,073 --> 00:18:39,451 ‪ผมคิดว่าการรับรู้ว่า ‪เวลามันเคลื่อนไหวเร็วหรือช้า 351 00:18:39,535 --> 00:18:41,829 ‪ขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณสังเกตเห็นด้วย 352 00:18:41,912 --> 00:18:44,748 ‪เด็กๆ สังเกตเห็นทุกอย่าง ‪พวกเขาอยู่กับปัจจุบันเป็นส่วนมาก 353 00:18:44,832 --> 00:18:47,626 ‪และนั่นทำให้ทุกช่วงขณะสำคัญ 354 00:18:47,709 --> 00:18:51,421 ‪มันทำให้เรารับรู้ช่วงเวลา ‪ยาวนานขึ้นจนทำให้ทุกอย่างช้าลง 355 00:18:52,256 --> 00:18:55,843 ‪ที่จริง งานวิจัยหลายชิ้น ‪พบว่าการอยู่กลางธรรมชาติ 356 00:18:57,094 --> 00:18:59,054 ‪ทำให้เวลาผ่านไปช้าลง 357 00:19:04,518 --> 00:19:07,437 ‪ในทางกลับกันการเข้าสังคม ‪ทำให้เวลาผ่านไปเร็วเหมือนติดปีก 358 00:19:07,521 --> 00:19:10,274 ‪หนึ่งในสิ่งที่ฉันอยากเน้นในงานวิจัยของฉันคือ 359 00:19:10,357 --> 00:19:14,820 ‪สิ่งที่เปลี่ยนไปมาก ‪ในสหราชอาณาจักรเพราะผลของโควิด 360 00:19:14,903 --> 00:19:17,489 ‪เราเข้าสังคมกับเพื่อนและครอบครัวไม่ได้ 361 00:19:17,573 --> 00:19:19,241 ‪เราพบปะผู้คนในสวนสาธารณะไม่ได้ 362 00:19:19,324 --> 00:19:22,369 ‪ดังนั้นบางทีตัวแปรที่ ‪น่าสนใจที่สุดที่ฉันศึกษาด้วยก็คือ 363 00:19:22,452 --> 00:19:25,581 ‪พวกเขาพึงพอใจกับปฏิสัมพันธ์ทางสังคมยังไง 364 00:19:25,664 --> 00:19:28,458 ‪เพราะมันไม่สำคัญว่าคุณจะอาศัยร่วมกันกี่คน 365 00:19:29,501 --> 00:19:33,338 ‪สิ่งสำคัญคือคุณรู้สึกพอใจกับการเข้าสังคมนั้นยังไง 366 00:19:35,299 --> 00:19:39,052 ‪และการเฉลิมฉลองต่างๆ ‪ที่ผู้คนพลาดไปในช่วงที่มีโรคระบาด 367 00:19:40,179 --> 00:19:43,599 ‪สิ่งที่เราใช้เป็นตัวบอกเวลาแต่ละปี 368 00:19:43,682 --> 00:19:46,101 ‪อาจทำให้เวลาช่วงนั้นผ่านไปเร็วขึ้น 369 00:19:47,352 --> 00:19:50,522 ‪แต่ก็ยังบังคับให้เรารู้ว่าเวลาผ่านไป 370 00:19:51,648 --> 00:19:54,067 ‪และสร้างหมุดหมายในความทรงจำของเรา 371 00:19:56,195 --> 00:19:58,405 ‪ทำให้มันเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีที่สุด 372 00:19:58,488 --> 00:20:01,658 ‪ที่จะได้มีชีวิตยืนยาวระลึกถึงอดีต 373 00:20:03,744 --> 00:20:05,621 ‪งานวันเกิดบนอวกาศมันยอดมากครับ 374 00:20:05,704 --> 00:20:08,373 ‪แต่ผมว่าวันหยุดที่ดีที่สุดคือวันสิ้นปี 375 00:20:08,457 --> 00:20:12,711 ‪เพราะปีใหม่เป็นสิ่งที่ ‪ทุกคนในทุกวัฒนธรรมจะฉลองกัน 376 00:20:14,213 --> 00:20:16,256 ‪ในวันเดียวกันของทุกปี 377 00:20:16,340 --> 00:20:19,176 ‪ทั่วทั้งโลกจะรวมตัวกัน 378 00:20:19,259 --> 00:20:22,179 ‪เพื่อทำเครื่องหมายว่า ‪โลกได้หมุนรอบดวงอาทิตย์ครบรอบอีกครั้ง 379 00:20:22,846 --> 00:20:26,099 ‪นับจังหวะเวลาที่เดินหน้าไปอย่างมั่นคง 380 00:20:26,975 --> 00:20:29,311 ‪ขณะที่อนาคตพุ่งเข้ามาสู่ปัจจุบัน 381 00:20:30,020 --> 00:20:32,481 ‪และหลังจาก ‪ช่วงเวลาปัจจุบันผ่านไปรวดเร็ว... 382 00:20:37,986 --> 00:20:39,738 ‪กลายเป็นอดีต 383 00:20:41,990 --> 00:20:45,285 ‪นักธรณีหนุ่ม มิเชล ซีฟฟ์ 384 00:20:45,369 --> 00:20:47,871 ‪เป็นชายอายุ 60 ปีในปี 1999 385 00:20:48,538 --> 00:20:51,541 ‪ตอนที่เขาถอดนาฬิกาด้วยท่าทางที่คุ้นเคย 386 00:20:52,125 --> 00:20:54,962 ‪โบกมือลากลุ่มนักข่าว 387 00:20:55,045 --> 00:20:58,590 ‪และหายตัวไปในถ้ำ ‪เพื่อทำการทดลองแยกตัวอีกครั้งหนึ่ง 388 00:20:59,591 --> 00:21:01,927 ‪ซึฟฟ์ต้อนรับปี 2000 389 00:21:02,010 --> 00:21:04,638 ‪อยู่ต่ำกว่าพื้นดิน 900 กว่าเมตร 390 00:21:04,721 --> 00:21:06,765 ‪พร้อมแชมเปญและฟัวกราส์ 391 00:21:08,267 --> 00:21:12,437 ‪และที่นั่นไม่มีใครบอกเขาว่า ‪ที่จริงตอนนั้นบนโลกเหนือพื้นดิน 392 00:21:13,563 --> 00:21:15,565 ‪เป็นวันที่ 4 มกราคมแล้ว 393 00:21:40,841 --> 00:21:45,846 ‪คำบรรยายโดย นันทพร อนุชิตดัสกร