1 00:00:09,135 --> 00:00:11,971 ‎ศิลปินโดมิโนมืออาชีพคือผู้ที่ 2 00:00:12,055 --> 00:00:16,059 ‎สามารถเรียงโดมิโนเป็นพันๆ ชิ้น 3 00:00:16,184 --> 00:00:18,186 ‎เพื่อทำโครงสร้าง ลวดลาย หรือรูปภาพ 4 00:00:19,353 --> 00:00:24,108 ‎ในปี 2017 สตีฟ ไพรซ์ได้นำทีม ‎สร้างการจัดแสดงโดมิโน 5 00:00:24,233 --> 00:00:26,903 ‎จำนวนมากกว่า 76,000 ชิ้น 6 00:00:27,028 --> 00:00:29,030 ‎ทำลายบันทึกสถิติโลกของกินเนส 7 00:00:29,363 --> 00:00:32,366 ‎เราทำเป็นภาพสองมิติเรียบๆ บนพื้น 8 00:00:32,533 --> 00:00:36,162 ‎หรือจะทำโครงสร้างสามมิติ ‎เหมือนพีระมิดกับกำแพงก็ได้ 9 00:00:36,245 --> 00:00:39,749 ‎และทำพวกส่วนโค้งเกลียวก็ได้เช่นกัน 10 00:00:39,874 --> 00:00:43,586 ‎คลิปยูทูบของเขามียอดชมนับล้านวิว 11 00:00:43,795 --> 00:00:48,299 ‎ความพอใจของการได้ดูโดมิโนล้ม ‎มาจากการที่ได้รู้ว่า 12 00:00:48,382 --> 00:00:50,134 ‎โปรเจกต์นั้นทุ่มเทกันมากแค่ไหน 13 00:00:50,802 --> 00:00:55,139 ‎ถ้าคุณเป็นผู้ชม คุณจะแค่ได้ดูมัน ‎ร่วงทับกันตามตำแหน่ง 14 00:00:55,973 --> 00:00:58,851 ‎มนุษย์ชอบดูทุกสิ่งทุกอย่าง 15 00:01:00,436 --> 00:01:04,690 ‎ทำไมคนนับล้านถึงชอบดูคลิปคุกกี้แต่งหน้าไอซิ่ง 16 00:01:05,149 --> 00:01:10,530 ‎หรือชอบดูภาพสิวตัดแปะ 21 ชิ้น ‎ที่รวมเป็นคอลลาจ 17 00:01:11,239 --> 00:01:13,199 ‎หลายคนก็ชอบโบสถ์โกธิค 18 00:01:13,324 --> 00:01:15,701 ‎ม้า ระบำใต้น้ำ 19 00:01:15,868 --> 00:01:17,954 ‎แล้วก็แน่นอน ชอบดูคนอื่นๆ 20 00:01:19,580 --> 00:01:21,499 ‎ความชอบเหล่านี้มาจากไหน 21 00:01:22,583 --> 00:01:25,044 ‎แล้วทำไมความงามจึงเป็นสิ่งที่เราค้นหา 22 00:01:26,045 --> 00:01:27,755 ‎(ผลงานซีรีส์สารคดีจาก NETFLIX) 23 00:01:27,839 --> 00:01:29,674 ‎ศิลปะเป็นประสบการณ์สร้างสรรค์ ‎เฉพาะบุคคล 24 00:01:29,757 --> 00:01:33,970 ‎ยิ่งมีความรู้มากเท่าใด ‎ยิ่งรับประสบการณ์ได้มากขึ้นเท่านั้น 25 00:01:34,512 --> 00:01:37,682 ‎ช่างภาพหลายคนประสบความสำเร็จ ‎เพราะความถนัดเฉพาะทาง 26 00:01:38,057 --> 00:01:39,475 ‎ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนิ่ง 27 00:01:39,934 --> 00:01:42,687 ‎ทารก สัตว์ หรือแฟชั่น 28 00:01:42,812 --> 00:01:45,189 ‎ผมเกรงว่าโลกนี้จะดีงามในตัวมันเองอยู่แล้ว 29 00:01:47,358 --> 00:01:50,069 ‎การจับวางที่แม่นยำและสมมาตร 30 00:01:50,444 --> 00:01:55,283 ‎ความแม่นยำในรายละเอียดช่วยมอบ ‎ความรู้สึกสมบูรณ์แบบในขั้นท้าย 31 00:01:59,036 --> 00:02:03,082 ‎กว่าหลายพันปีแล้วที่ ‎นักปรัชญาพยายามอธิบายความงาม 32 00:02:04,041 --> 00:02:08,337 ‎อริสโตเดิลกล่าวว่า "ความงามขึ้นกับ ‎ขนาดและระเบียบ" 33 00:02:08,754 --> 00:02:13,843 ‎ขงจื๊อกล่าวว่า "ข้าพเจ้ายังไม่เคยพบผู้ใด ‎ที่รักคุณธรรมเท่าที่รักความงาม" 34 00:02:13,926 --> 00:02:18,097 ‎คานท์กล่าวว่า "สิ่งงดงามนั้น ‎เป็นที่รื่นรมย์ต่อสากล 35 00:02:18,181 --> 00:02:19,765 ‎โดยปราศจากแนวคิด" 36 00:02:20,391 --> 00:02:23,519 ‎ในยุคเรอเนสซองส์ คำตอบได้ถูกปลูกฝัง 37 00:02:23,769 --> 00:02:28,858 ‎เมื่อนักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลีขนานนาม ‎ตัวเลขที่เรียกว่าสัดส่วนอันประเสริฐ 38 00:02:29,358 --> 00:02:32,153 ‎ในหนังสือที่เลโอนาร์โด ดาวินชีเป็นผู้วาดไว้ 39 00:02:33,070 --> 00:02:37,658 ‎นักคณิตศาสตร์หมกมุ่นกับอัตราส่วนนี้ ‎มานับแต่ยุคโบราณ 40 00:02:37,742 --> 00:02:40,661 ‎เพราะมันโผล่มาในเรขาคณิตอยู่ตลอด 41 00:02:40,745 --> 00:02:45,208 ‎ในยุค 1800 นักจิตวิทยาชาวเยอรมนี ‎ตัดสินว่าอัตราส่วนนี้ 42 00:02:45,291 --> 00:02:49,879 ‎คือกฎความงามสากล ‎และเป็นที่รู้จักในป๊อปคัลเจอร์ทุกวันนี้ 43 00:02:49,962 --> 00:02:53,716 ‎ว่าสัดส่วนทองคำ ‎โดยที่ผู้คนอ้างว่าพบเจอมัน 44 00:02:53,799 --> 00:02:57,595 ‎อยู่ในผลงานชิ้นเอกทุกประเภทของมนุษย์ทั่วโลก 45 00:02:58,763 --> 00:03:00,640 ‎แต่มันก็มีปัญหาอยู่เหมือนกัน 46 00:03:00,723 --> 00:03:03,726 ‎พอคนพยายามจะศึกษามันตรงๆ 47 00:03:03,935 --> 00:03:08,940 ‎มันก็ไม่ชัดเจนนักว่าทุกคนตอบสนอง ‎กับสัดส่วนทองคำนี้เป็นพิเศษ 48 00:03:09,440 --> 00:03:12,193 ‎การศึกษาครั้งแล้วครั้งเล่า ‎ได้พบหลักฐานเพียงน้อยนิด 49 00:03:12,276 --> 00:03:15,529 ‎ว่ามนุษย์จะรู้สึกดึงดูดใจกับ ‎สี่เหลี่ยมมุมฉากเป็นพิเศษ 50 00:03:15,613 --> 00:03:17,406 ‎หากใช้สัดส่วนนี้โดยเฉพาะ 51 00:03:18,157 --> 00:03:19,825 ‎แต่เราชอบสี่เหลี่ยมมุมฉากนะ 52 00:03:20,868 --> 00:03:25,331 ‎มันเป็นรูปทรงภาพที่ลื่นไหลที่สุด ‎ขณะแล่นตรงเข้าสู่สมอง 53 00:03:25,539 --> 00:03:28,417 ‎กล่าวคือเป็นรูปทรงที่ ‎สมองคนเราประมวลผลได้ไวที่สุด 54 00:03:29,502 --> 00:03:32,463 ‎น่าดูชมเพราะง่ายต่อสายตา 55 00:03:33,047 --> 00:03:36,133 ‎นักวิทยาศาสตร์ปัจจุบันหลายคนเชื่อว่า ‎เรื่องนี้มีสาเหตุ 56 00:03:36,217 --> 00:03:37,885 ‎ซึ่งสรุปได้ว่ามาจากการเอาตัวรอด 57 00:03:39,512 --> 00:03:41,722 ‎มากกว่า 150 ล้านปีก่อน 58 00:03:41,806 --> 00:03:43,849 ‎ไดโนเสาร์ครองโลก 59 00:03:43,933 --> 00:03:46,394 ‎แต่การจะเข้าใจว่ามนุษย์มองโลกยังไง 60 00:03:46,477 --> 00:03:49,105 ‎เราต้องก้มดูรอยเท้าของไดโนเสาร์ 61 00:03:49,313 --> 00:03:53,109 ‎เพราะบรรพบุรุษของเรา ‎บรรดาสัตว์ฟันแทะตัวเล็กๆ 62 00:03:53,192 --> 00:03:56,529 ‎เคยใช้ชีวิตและภาพของโลกนี้ที่พวกมันเห็น ‎ก็ค่อนข้างอึมครึม 63 00:03:56,779 --> 00:03:59,949 ‎พวกมันเห็นแค่สองสีเท่านั้น คือสีน้ำเงินกับแดง 64 00:04:00,199 --> 00:04:04,078 ‎อีกทั้งยังเป็นสัตว์หากินตอนกลางคืน ‎เพื่อหลีกเลี่ยงสัตว์นักล่าที่สายตาดีกว่า 65 00:04:04,328 --> 00:04:08,207 ‎แล้วก็ต้องหมั่นสอดส่อง ‎สภาพแวดล้อมโดยรอบในแนวนอน 66 00:04:09,083 --> 00:04:14,255 ‎นั่นอาจเป็นสาเหตุง่ายๆ ที่ปัจจุบันนี้ ‎เราสร้างอะไรมากมายเป็นทรงนั้น 67 00:04:15,589 --> 00:04:20,177 ‎แน่นอนว่าความงามด้านภาพอาศัยสายตา ‎และทัศนวิสัยของเราก็พัฒนาไป 68 00:04:20,261 --> 00:04:21,887 ‎เพราะมันช่วยให้เราอยู่รอด 69 00:04:22,680 --> 00:04:27,893 ‎เมื่อไดโนเสาร์สูญพันธุ์ บรรพบุรุษของเรา ‎ก็ออกมาสู่แสงสว่าง 70 00:04:28,477 --> 00:04:30,813 ‎ครั้นเวลาผ่านไป ดวงตาของพวกมันก็พัฒนา 71 00:04:30,896 --> 00:04:34,608 ‎เปืดรับสารพัดสีแห่งสายรุ้งที่เรารู้จักกันทุกวันนี้ 72 00:04:34,692 --> 00:04:37,903 ‎และสายตาเรายังคงดึงดูดภาพมากมาย 73 00:04:37,987 --> 00:04:40,740 ‎ที่เคยช่วยให้บรรพบุรุษของเราเอาตัวรอดมาได้ 74 00:04:41,657 --> 00:04:45,202 ‎ดอกไม้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าอาจใกล้จะออกผล 75 00:04:45,411 --> 00:04:49,123 ‎สัญญาณของแหล่งน้ำอาจเป็น ‎ความอุดมสมบูรณ์ล้นเหลือ 76 00:04:49,874 --> 00:04:52,877 ‎และสถานที่คุ้มภัยต่างๆ ช่วยให้เรา ‎หนีรอดจากนักล่า 77 00:04:53,502 --> 00:04:57,715 ‎เรายังชอบภาพทิวทัศน์ที่ดูคล้ายกับ ‎จุดที่บรรพบุรุษมนุษย์เกิดวิวัฒนาการ 78 00:04:59,216 --> 00:05:02,386 ‎ในยุค 1990 ศิลปินสองคนทำการสำรวจ 79 00:05:02,470 --> 00:05:06,849 ‎เพื่อหาภาพวาดที่คนปรารถนาที่สุด ‎ใน 14 ประเทศ 80 00:05:07,141 --> 00:05:08,601 ‎พวกเขาถามคำถาม เช่น... 81 00:05:09,018 --> 00:05:12,313 ‎"คุณชอบดูภาพวาดกลางแจ้ง ‎หรือภาพในร่มมากกว่ากัน" 82 00:05:12,688 --> 00:05:17,818 ‎"ลักษณะฉากแบบใดในตัวเลือกต่อไปนี้ ‎ที่ดึงดูดใจคุณที่สุด" 83 00:05:18,194 --> 00:05:20,363 ‎และ "คุณจะชอบภาพวาด 84 00:05:20,446 --> 00:05:23,574 ‎ที่คนเปลือยกายหรือสวมเสื้อผ้ามิดชิดมากกว่า" 85 00:05:23,991 --> 00:05:28,371 ‎ผลที่ได้ออกมาเป็นภาพแบบนี้ ‎ในสหรัฐอเมริกา 86 00:05:28,454 --> 00:05:33,209 ‎ในฝรั่งเศส เป็นแบบนี้ ‎นี่คือในตุรกี และนี่คือประเทศจีน 87 00:05:33,584 --> 00:05:38,881 ‎บางครั้งเราก็เรียกมันว่าสมมติฐาน ‎ทุ่งสะวันนาแห่งแอฟริกา 88 00:05:39,048 --> 00:05:41,050 ‎เพราะสะวันนามีทัศนียภาพพวกนั้น 89 00:05:41,175 --> 00:05:44,428 ‎ฟ้าสีคราม โขดหินกำบัง 90 00:05:44,512 --> 00:05:47,973 ‎ของกินที่เติบโตในบึงน้ำขนาดใหญ่ 91 00:05:48,349 --> 00:05:51,227 ‎ปรากฏว่าเราเป็น ‎สิ่งมีชีวิตที่ไม่แหวกแนวเอาเสียเลย 92 00:05:51,936 --> 00:05:54,605 ‎ความงามส่วนหนึ่ง ‎ก็แค่ความปรารถนาที่จะมีชีวิต 93 00:05:56,565 --> 00:06:00,236 ‎แต่ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นด้วย ‎ว่าความงามต้องมีคำอธิบาย 94 00:06:01,028 --> 00:06:04,073 ‎ผมว่าที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์หลงผิด 95 00:06:04,156 --> 00:06:07,451 ‎เพราะรู้สึกดีกับการได้อธิบายบางอย่าง 96 00:06:07,576 --> 00:06:11,580 ‎เพราะคิดว่าคำอธิบายเหล่านั้นมีอำนาจกว้างไกล 97 00:06:12,164 --> 00:06:15,501 ‎ในปี 2017 ริชาร์ด พรัมพิมพ์หนังสือ 98 00:06:15,584 --> 00:06:19,004 ‎ที่สร้างกระแสฮือฮาในวงการชีววิทยาวิวัฒนาการ 99 00:06:19,088 --> 00:06:24,385 ‎ในหนังสือ เขาแย้งว่าความงามไม่ได้ ‎ขึ้นกับการเอาตัวรอดหรือความแข็งแกร่งเท่านั้น 100 00:06:24,468 --> 00:06:27,638 ‎บางครั้งก็เป็นการทำตามใจชอบ ‎และไร้ประโยชน์เสียด้วยซ้ำ 101 00:06:28,472 --> 00:06:30,099 ‎ดูจากหางนกยูงตัวนี้ 102 00:06:30,975 --> 00:06:35,479 ‎หางของมันปกคลุมด้วยตาสวยๆ นับร้อยดวง 103 00:06:35,563 --> 00:06:38,858 ‎แต่ละดวงหลากสีสัน มีสี่ถึงห้าสี 104 00:06:38,941 --> 00:06:41,527 ‎ทำจากโครงสร้างนาโนออปติก ‎ที่อยู่ในขนนก 105 00:06:41,610 --> 00:06:43,821 ‎ซึ่งเกิดจากเม็ดสีเมลานิน 106 00:06:43,904 --> 00:06:45,948 ‎จัดเรียงกันแบบโปร่งแสงราวผลึก 107 00:06:46,157 --> 00:06:51,203 ‎นกยูงตัวเมีย ที่จริงๆ เรียกว่าพีเฮน ‎จะถูกดึงดูดเข้าหาเจ้าหางนี่ 108 00:06:51,370 --> 00:06:56,292 ‎ระหว่างที่เกี้ยวพาราสี นกยูงตัวผู้จะแพนหาง 109 00:06:56,375 --> 00:06:59,628 ‎และแผ่ทรงครึ่งวงกลมขนาดยักษ์ 110 00:06:59,712 --> 00:07:03,466 ‎เพื่อหยุดตัวเมียขณะที่มันรำแพนหาง 111 00:07:03,716 --> 00:07:08,429 ‎แต่หางมีน้ำหนักมาก ‎และยิ่งทำให้นกยูงตัวผู้บินหรือหนียากขึ้นไปอีก 112 00:07:08,512 --> 00:07:11,682 ‎ดังนั้นหลักๆ แล้วความงามของมัน ‎ไม่ดีต่อการเอาตัวรอด 113 00:07:13,017 --> 00:07:16,854 ‎เรื่องนี้กระทั่งชาลส์ ดาร์วินก็สะดุดใจ ‎ขณะที่เขียนจดหมายถึงเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง 114 00:07:17,646 --> 00:07:20,733 ‎"ทุกครั้งที่ฉันจ้องขนของหางนกยูง 115 00:07:20,816 --> 00:07:22,026 ‎มันทำให้ฉันรูัสึกป่วย!" 116 00:07:22,109 --> 00:07:25,529 ‎เขารำคาญใจเพราะการปรับตัว ‎ตามธรรมชาติคัดสรร 117 00:07:25,613 --> 00:07:30,034 ‎ไม่สามารถอธิบายวิวัฒนาการ ‎ของประดับตกแต่งที่ไม่ช่วยอะไรเลย 118 00:07:30,117 --> 00:07:31,869 ‎ในการดิ้นรนเพื่อมีชีวิตรอด 119 00:07:32,161 --> 00:07:36,999 ‎เขาเสนอทฤษฎีคัดเลือกเพศ ‎และตั้งสมมติฐานว่า 120 00:07:37,208 --> 00:07:42,004 ‎การเลือกคู่เป็นประสบการณ์ ‎ที่สัตว์ใช้อารมณ์รับรู้เอง 121 00:07:42,087 --> 00:07:46,509 ‎ไม่ใช่แค่นกยูงที่มีเครื่องประดับตกแต่ง ‎ที่ไม่ช่วยอะไรมันเลย 122 00:07:47,051 --> 00:07:50,763 ‎แต่ยังมีนกบาวเวอร์สีเพลิงกับปีกโบกสะบัด 123 00:07:50,846 --> 00:07:54,350 ‎นกเกราส์กับอกสีเหลืองฟู 124 00:07:54,600 --> 00:07:58,437 ‎นกโจรสลัดตัวใหญ่ ‎กับลูกโป่งเหนียงคอสีแดง 125 00:07:58,604 --> 00:08:01,398 ‎นกกระสาปากพลั่วกับปากที่ดูเหมือนพลั่ว 126 00:08:01,649 --> 00:08:06,278 ‎เท่ากับในโลกทุกวันนี้ ‎ไม่มีนกตัวไหนที่ไม่แผ่รัศมี 127 00:08:06,612 --> 00:08:09,782 ‎ไม่แสดงออกอย่างเปิดเผย ไม่หลากหลาย ‎หรือไม่มีความชอบส่วนตัว 128 00:08:09,865 --> 00:08:11,283 ‎นี่เป็นเรื่องของความพึงพอใจ 129 00:08:11,367 --> 00:08:14,954 ‎ความพึงพอใจเป็นแรงกระตุ้นที่ ‎ผลักดันให้สรรพสัตว์เลือกทำอย่างที่ทำ 130 00:08:16,872 --> 00:08:20,626 ‎แต่ในสมองมนุษย์ นั่นล่ะครับ ‎คือความงาม นั่นคือความพึงพอใจ 131 00:08:20,918 --> 00:08:25,506 ‎เรามองว่าการผสมกันระหว่างคอร์เทกซ์สายตา 132 00:08:25,589 --> 00:08:28,342 ‎รวมกับระบบรางวัลตอบแทนพวกนี้ 133 00:08:28,425 --> 00:08:32,054 ‎คือรูปแบบทางชีวภาพ ‎ที่ทำให้เราตอบสนองต่อความงาม 134 00:08:32,137 --> 00:08:35,516 ‎เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสารสื่อประสาท ‎หลักๆ ทั้งสาม 135 00:08:35,683 --> 00:08:37,351 ‎หนึ่ง สารโดปามีน 136 00:08:37,560 --> 00:08:43,691 ‎สารโดปามีนดูเหมือนจะเกี่ยวกับ ‎ความปรารถนาและความต้องการของเรา 137 00:08:43,774 --> 00:08:47,027 ‎โดปามีนที่พุ่งขึ้นขับเคลื่อนเราได้จริงๆ 138 00:08:47,528 --> 00:08:52,116 ‎มันขับดันเราให้เข้าหาสิ่งที่เราถูกใจ 139 00:08:52,199 --> 00:08:56,078 ‎ความงามยังกระตุ้นระบบเอ็นโดคานาบินอยด์ 140 00:08:56,161 --> 00:08:57,621 ‎และระบบโอปิออยด์ 141 00:08:57,705 --> 00:09:02,084 ‎ระบบเดียวกันนี้ถูกกระตุ้น ‎ด้วยการเสพกัญชาหรือฝิ่น 142 00:09:02,209 --> 00:09:06,380 ‎มันดูเหมือนจะเป็นแก่นของความพึงพอใจ 143 00:09:06,797 --> 00:09:11,302 ‎แต่พีเฮนที่วิวัฒน์เพื่อหาความพึงใจ ‎แบบเดียวกันในหางตัวผู้ 144 00:09:11,427 --> 00:09:15,347 ‎อธิบายได้ว่าทำไมความพึงพอใจ ‎ที่มนุษย์ได้จากความงามนั้นจึงยากกว่า 145 00:09:15,764 --> 00:09:17,474 ‎เพราะเราไม่ได้เห็นพ้องตรงกันทุกเรื่อง 146 00:09:19,893 --> 00:09:23,606 ‎ครั้งหนึ่งสัญลักษณ์ของความงามในญี่ปุ่น ‎ทำให้คนต้องย้อมฟันดำ 147 00:09:23,897 --> 00:09:27,651 ‎ครั้งหนึ่งสัญลักษณ์ของความงามในยุโรป ‎ทำให้คนต้องถอนขนคิ้ว 148 00:09:27,735 --> 00:09:33,157 ‎ในอเมริกาทุกวันนี้ บางคนก็มองว่า ‎สัญลักษณ์ของความงามคือแต่งเติม สเปรย์ 149 00:09:33,240 --> 00:09:36,744 ‎พ่น เผา หรือทาผิวให้เป็นสีน้ำตาลทอง 150 00:09:36,827 --> 00:09:42,249 ‎มนุษย์เราเป็นสัตว์ที่ผูกพันกับวัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง ‎เราได้อิทธิพลจากสภาพสังคม 151 00:09:42,333 --> 00:09:46,170 ‎และรับความหลากหลายในสภาพนั้น ‎เรารับมันมาใช้กับตัวเอง 152 00:09:47,254 --> 00:09:52,259 ‎ความชื่นชอบทางสุนทรียภาพ ‎เกิดขึ้นในจิตใจผ่านทางพัฒนาการ 153 00:09:52,343 --> 00:09:55,346 ‎ผ่านประสบการณ์ที่ได้รับ ‎และผ่านทางการสร้างสรรค์ส่วนบุคคล 154 00:09:55,846 --> 00:09:59,308 ‎แน่นอนว่าเราทุกคนถูกวัฒนธรรมกำหนด ‎ขึ้นกับบริบทของแต่ละคน 155 00:09:59,391 --> 00:10:01,185 ‎แต่ฉันมักจะพยายามถามตัวเอง 156 00:10:01,685 --> 00:10:04,355 ‎"ทำไมเราคิดแบบนั้น" ‎"สิ่งนั้นมาจากไหน" 157 00:10:05,189 --> 00:10:08,817 ‎วัฒนธรรมของศิลปะโดมิโนเริ่มจากอินเทอร์เน็ต 158 00:10:09,068 --> 00:10:15,282 ‎เรามีสังคมเฉพาะกลุ่มสังคมใหญ่มาก ‎ที่คนเขาชื่นชอบเรื่องพรรค์นี้ 159 00:10:15,991 --> 00:10:21,288 ‎เมื่อ 150 ปีก่อน จิตรกรแนวอิมเพรสชันนิสม์ ‎ก็แจ้งเกิดในวงการลำบาก 160 00:10:21,372 --> 00:10:25,125 ‎ตอนนี้ ถ้าสอบถามคนอเมริกันส่วนใหญ่ ‎คนมักจะพูดว่า 161 00:10:25,209 --> 00:10:27,461 ‎พวกเขาชอบงานศิลปะแนวอิมเพรสชันนิสม์ที่สุด 162 00:10:27,544 --> 00:10:29,588 ‎สมองของเราไม่ได้เปลี่ยนไปใน 150 ปีนี้ 163 00:10:29,672 --> 00:10:34,635 ‎แต่ความชอบของคนหมู่มาก ‎กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ 164 00:10:34,718 --> 00:10:37,971 ‎จริงไหมครับ ดังนั้นมันต้องเกี่ยวกับ ‎ประสบการณ์ความเคยชินของเรา 165 00:10:39,390 --> 00:10:40,265 ‎ยกตัวอย่างจากสี 166 00:10:41,100 --> 00:10:45,020 ‎ปัจจุบันในอเมริกา ‎สีชมพูมักเกี่ยวข้องกับเด็กผู้หญิง 167 00:10:45,771 --> 00:10:51,235 ‎แต่ในปี 1927 ตอนที่นิตยสารไทม์สอบถาม ‎ห้างสรรพสินค้าใหญ่สิบแห่งในอเมริกา 168 00:10:51,568 --> 00:10:54,196 ‎ครึ่งหนึ่งบอกว่าสีชมพูเป็นสีของเด็กผู้ชาย 169 00:10:54,279 --> 00:10:57,282 ‎การเปลี่ยนแปลงนั้นเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษต่อมา 170 00:10:57,366 --> 00:11:01,370 ‎ส่วนหนึ่งเพราะโฆษณา ‎การตลาดของของเล่นในยุค 1980 171 00:11:01,453 --> 00:11:03,455 ‎ฉันรักเธอ มายลิตเติ้ลโพนี่ 172 00:11:03,539 --> 00:11:04,915 ‎แล้วก็สีเหลืองเข้ม 173 00:11:04,998 --> 00:11:09,503 ‎หนึ่งในงานศึกษาพบว่าสายตาของทารก ‎จับจ้องที่สีนี้นานที่สุด 174 00:11:09,586 --> 00:11:11,088 ‎แต่ผู้ใหญ่ทั่วโลก 175 00:11:11,171 --> 00:11:14,758 ‎จัดอันดับสีนี้เป็นสีที่คนนิยมน้อยที่สุดเสมอ 176 00:11:15,175 --> 00:11:18,137 ‎หนึ่งในทฤษฎีที่มีก็คือเมื่อเราโตขึ้น 177 00:11:18,220 --> 00:11:22,558 ‎เราเรียนรู้ที่จะเชื่อมโยงสีเฉดนี้ ‎เข้ากับสิ่งที่ไม่น่าอภิรมย์ 178 00:11:23,058 --> 00:11:26,770 ‎มีวิธีซับซ้อนหลายวิธีซึ่งประสบการณ์ การศึกษา 179 00:11:26,854 --> 00:11:31,191 ‎และโครงสร้างทางสังคมของเรา ‎สามารถส่งอิทธิพล 180 00:11:31,275 --> 00:11:33,652 ‎ต่อสิ่งที่คนคนหนึ่งมองว่าสวยงาม 181 00:11:33,819 --> 00:11:37,573 ‎เราอาจดูภาพวาดเชื้อพระวงศ์แล้วรู้สึกทึ่ง 182 00:11:37,656 --> 00:11:40,200 ‎กับความงามอันรุ่มรวย 183 00:11:40,284 --> 00:11:45,038 ‎แต่ตรงกันข้าม ‎ถ้าสถาบันกษัตริย์เป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจเรา 184 00:11:45,122 --> 00:11:47,291 ‎เราก็จะไม่เห็นว่ามันสวยงามตรงไหน 185 00:11:49,001 --> 00:11:54,256 ‎การจับจุดให้ได้ว่าคนบางกลุ่มพึงพอใจอะไร ‎เป็นงานที่ยากมากๆ 186 00:11:54,339 --> 00:11:58,135 ‎นักวิทยาศาสตร์จึงมักจะใส่ใจกับสิ่งที่ 187 00:11:58,218 --> 00:11:59,636 ‎คนส่วนมากจะพอใจ 188 00:12:00,262 --> 00:12:05,768 ‎ยังไม่มีการค้นคว้าอย่างแข็งขันเพื่ออธิบายว่า ‎ทำไมบางคนเห็นความงามในสิ่งนี้ 189 00:12:06,185 --> 00:12:07,060 ‎หรือสิ่งนี้ 190 00:12:08,437 --> 00:12:09,521 ‎หรือสิ่งนี้ 191 00:12:10,522 --> 00:12:13,692 ‎แต่นักวิจัยซึ่งกำลังศึกษาสมองในขณะที่ 192 00:12:13,776 --> 00:12:15,819 ‎เกิดประสบการณ์ด้านสุนทรียภาพสูงสุด 193 00:12:15,903 --> 00:12:21,033 ‎เชื่อว่าอาจจะพบเบาะแสในส่วนหนึ่งของสมอง ‎ที่เรียกว่าดีเอ็มเอ็น 194 00:12:21,492 --> 00:12:25,913 ‎ดีเอ็มเอ็นคือสมองส่วนเครือข่ายอัตโนมัติ 195 00:12:26,163 --> 00:12:29,458 ‎เราคิดถึงมันว่าเป็นสมองในสภาวะที่ล่องลอย 196 00:12:30,125 --> 00:12:34,755 ‎ในการสแกนสมองที่มีการขอให้คนทำภารกิจ ‎หรือเจาะจงคิดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง 197 00:12:35,088 --> 00:12:37,466 ‎พื้นที่ส่วนนี้ของสมองเงียบลง 198 00:12:37,883 --> 00:12:42,513 ‎ดีเอ็มเอ็นสว่างวาบ ‎เมื่อเราไม่ได้ทำงานเฉพาะเจาะจง 199 00:12:42,596 --> 00:12:44,598 ‎และเราปล่อยความคิดล่องลอยไม่จดจ่อกับอะไร 200 00:12:45,265 --> 00:12:49,311 ‎มันอาจสะท้อนถึงสภาพจิตใจ 201 00:12:49,394 --> 00:12:52,356 ‎เมื่อเราเหม่อลอย เมื่อเราคิดอะไรเรื่อยเปื่อย 202 00:12:52,439 --> 00:12:53,732 ‎เมื่อใช้ความคิดอยู่กับตัวเอง 203 00:12:54,483 --> 00:12:58,904 ‎ในการทดลองล่าสุดสองสามครั้ง ‎มีการให้คนดูภาพงานศิลปะ 204 00:12:58,987 --> 00:13:01,198 ‎จากวัฒนธรรมต่างๆ ที่หลากหลาย 205 00:13:01,615 --> 00:13:03,367 ‎แล้วก็เกิดเรื่องน่าประหลาดใจ 206 00:13:03,742 --> 00:13:06,787 ‎บริเวณดีเอ็มเอ็นในสมองสว่างวาบ 207 00:13:07,162 --> 00:13:09,748 ‎แต่เกิดขึ้นเฉพาะเวลาที่พวกเขาดูภาพวาด 208 00:13:09,832 --> 00:13:11,458 ‎ซึ่งพวกเขาบอกว่าจับใจที่สุด 209 00:13:12,209 --> 00:13:16,213 ‎มันกระตุ้นความเกี่ยวข้องทั้งหมด 210 00:13:16,296 --> 00:13:17,923 ‎และความคิดในสมองเรา 211 00:13:18,006 --> 00:13:20,592 ‎ซึ่งเป็นการปล่อยจินตนาการให้ล่องลอยไปตามใจ 212 00:13:21,176 --> 00:13:25,138 ‎นักวิจัยเชื่อว่านี่คือหลักฐานที่ว่า ‎การรับรู้ความงามของเรา 213 00:13:25,222 --> 00:13:29,685 ‎เกี่ยวข้องกับประสาทสัมผัสและอารมณ์ส่วนตัว 214 00:13:29,935 --> 00:13:31,019 ‎การรับรู้ตัวตนของเรา 215 00:13:31,520 --> 00:13:35,524 ‎การที่ภาพวาดจับใจเรามันมีอะไรบางอย่าง 216 00:13:35,607 --> 00:13:40,571 ‎ที่บีบให้เราต้องย้อนคิดพิจารณาตัวเอง ‎นั่นอาจเป็นรูปแบบทางชีวภาพ 217 00:13:40,654 --> 00:13:43,949 ‎เมื่อภาพวาดทำให้สะเทือนอารมณ์ 218 00:13:44,199 --> 00:13:48,203 ‎ซึ่งนั่นอาจช่วยอธิบายได้ว่า ‎ทำไมเราถึงถูกดึงดูดหรือประทับใจ 219 00:13:48,328 --> 00:13:52,374 ‎ภาพแบบเดิมๆ ‎ต่อให้ความทรงจำเราเลือนหายไป 220 00:13:52,708 --> 00:13:55,878 ‎เคยมีงานวิจัยที่เสนอว่าคนที่เป็นภาวะสมองเสื่อม 221 00:13:55,961 --> 00:13:58,005 ‎ยังคงมีรสนิยมเดิมๆ ทางศิลปะ 222 00:13:58,380 --> 00:14:00,966 ‎เหมือนที่เคยมีมาทั้งชีวิต 223 00:14:01,466 --> 00:14:06,054 ‎ในการทดลองปี 2008 ‎ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ 20 ราย 224 00:14:06,138 --> 00:14:07,931 ‎ได้ดูภาพวาดชุดหนึ่ง 225 00:14:08,098 --> 00:14:12,311 ‎บางภาพก็เป็นภาพกิจกรรมคนทั่วไป เช่น ‎คนอาบแดดของเอ็ดเวิร์ด ฮอปเปอร์ 226 00:14:12,561 --> 00:14:15,814 ‎บางภาพก็ไม่ชัดเจนเท่า ‎เช่น หญิงร่ำไห้ของปิกาสโซ 227 00:14:16,398 --> 00:14:20,527 ‎ส่วนภาพอื่นๆ เป็นงานแอ็บสแตรคเต็มขั้น ‎เช่น คอมโพสิชันของมงดริอาน 228 00:14:21,278 --> 00:14:25,157 ‎นักวิจัยขอให้ผู้ป่วยจัดอันดับภาพ ‎โดยเรียงจากความชอบ 229 00:14:25,574 --> 00:14:27,951 ‎สองสัปดาห์ต่อมา พวกเขาก็ได้รับภารกิจเดิม 230 00:14:28,577 --> 00:14:30,746 ‎เมื่อถูกขอให้จัดอันดับภาพเหมือนครั้งแรกสุด 231 00:14:30,829 --> 00:14:33,665 ‎พวกเขาจัดวางได้ตรงตามลำดับเดิมเป็นส่วนใหญ่ 232 00:14:37,377 --> 00:14:39,171 ‎การรับรู้ด้านความงามของเรานั้นลึกซึ้ง 233 00:14:39,588 --> 00:14:41,924 ‎ฉันว่าภาพของแรนดี้สวย 234 00:14:43,216 --> 00:14:45,052 ‎และเธอรู้จักใช้สีได้ดีมาก 235 00:14:45,510 --> 00:14:49,848 ‎สำหรับผู้มีภาวะสมองเสื่อม ‎งานศิลปะอาจเป็นการบำบัดที่ทรงพลังได้ 236 00:14:50,223 --> 00:14:54,269 ‎ฉันว่าสำหรับฉัน สิ่งที่โดดเด่นที่สุดก็คือสี 237 00:14:54,770 --> 00:14:56,396 ‎ตามด้วยความเคลื่อนไหว 238 00:14:56,980 --> 00:14:58,398 ‎ฉันรักความเคลื่อนไหวในภาพวาด 239 00:14:58,899 --> 00:15:00,734 ‎ในภาพนี้เราเห็นอะไรอีกคะ 240 00:15:02,653 --> 00:15:04,529 ‎ฉันเป็นโรคสมองเสื่อมจากลิวอี้บอดี้ 241 00:15:05,072 --> 00:15:08,825 ‎เป็นเรื่องช็อกมากสำหรับฉัน ‎ฉันว่าทุกคนก็ตกใจเหมือนกัน 242 00:15:09,993 --> 00:15:12,162 ‎เราทุกคนประสบการสูญเสียความทรงจำ 243 00:15:12,829 --> 00:15:17,584 ‎แต่ละคนอยู่ในระดับที่ต่างกัน ‎และระยะเวลาที่ต่างกันไป 244 00:15:18,418 --> 00:15:23,632 ‎ฉันว่าในแง่หนึ่ง เราก็ยังรักษาความชอบ ‎ที่มีต่องานศิลปะบางประเภท 245 00:15:23,715 --> 00:15:25,092 ‎หรืองานศิลปะบางชิ้นเอาไว้ได้ 246 00:15:25,550 --> 00:15:28,595 ‎นั่นแปลว่าผลงานศิลปะเหล่านั้น ‎สื่อสารกับเราอย่างลึกซึ้ง 247 00:15:29,096 --> 00:15:32,432 ‎การได้ดูคนวาดรูป เป็นเรื่องวิเศษมากสำหรับฉัน 248 00:15:34,017 --> 00:15:36,103 ‎ได้มองหน้าพวกเขา ‎พวกเขากลับมามีชีวิตชีวา 249 00:15:37,437 --> 00:15:40,190 ‎ทั้งผู้ที่เป็นโรคสมองเสื่อม ‎และพวกเราคนอื่นๆ 250 00:15:40,607 --> 00:15:45,779 ‎ลองจินตนาการสถานการณ์ที่เราทุกคน ‎สวมเสื้อผ้าแบบเดียวกันเป๊ะ 251 00:15:46,613 --> 00:15:48,240 ‎อาหารทุกมื้อไร้รสชาติ 252 00:15:49,032 --> 00:15:51,576 ‎บ้านทุกหลังหน้าตาเหมือนกันหมด 253 00:15:52,035 --> 00:15:54,329 ‎นั่นเป็นโลกที่มีใครอยากอยู่ด้วยหรือครับ 254 00:15:54,413 --> 00:15:58,792 ‎การขาดความงาม ‎การที่เราปราศจากโอกาส 255 00:15:58,875 --> 00:16:00,127 ‎ที่จะได้สัมผัสกับสุนทรียภาพ 256 00:16:00,210 --> 00:16:03,380 ‎ผมว่ามันคงทำให้ชีวิตยากไร้มากทีเดียว 257 00:16:10,262 --> 00:16:11,096 ‎เพอร์เฟกต์ 258 00:16:35,620 --> 00:16:37,372 ‎คำบรรยายโดย ศันสนีย์ โอบอ้อม