1 00:00:07,340 --> 00:00:09,843 สุนัขบางตัวก็เป็นสัตว์ชั้นสูง 2 00:00:09,926 --> 00:00:11,636 และกล้าหาญ 3 00:00:11,720 --> 00:00:15,056 พวกมันทำอะไรมากมายเพื่อมนุษยชาติ ได้มากพอๆ กับมนุษย์คนหนึ่ง 4 00:00:15,140 --> 00:00:17,017 (ไลก้า นักบินอวกาศจากสหภาพโซเวียต) 5 00:00:17,100 --> 00:00:19,936 อย่างไลก้าที่สละชีวิต เพื่อขยายพรมแดนความรู้ของเรา 6 00:00:20,020 --> 00:00:22,063 สุนัขตัวนี้อาจเป็นผู้บุกเบิก 7 00:00:22,147 --> 00:00:24,232 แนะแนวทางไปสู่ดวงจันทร์ 8 00:00:24,315 --> 00:00:27,902 และฟรีด้าที่ช่วยชีวิตคนนับสิบ ที่ถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง 9 00:00:27,986 --> 00:00:31,740 มอบความหวังใหม่มากมายให้กับเรา ว่าจะมีอีกหลายชีวิตได้รับการช่วยเหลือ 10 00:00:32,490 --> 00:00:33,658 และคูโน่ 11 00:00:33,742 --> 00:00:36,119 ได้รับการเชิดชูเกียรติ จากการวิ่งกระโจนเข้าสู่สมรภูมิ 12 00:00:36,202 --> 00:00:37,746 และล้มข้าศึกลงได้ 13 00:00:37,829 --> 00:00:40,123 เขาช่วยชีวิตคนในช่วงเวลาสำคัญ 14 00:00:40,957 --> 00:00:43,251 ทุกวันนี้ สุนัขมีงานดมกลิ่นตรวจจับโควิด 15 00:00:43,334 --> 00:00:45,211 ค้นหาสปีชีส์ผู้รุกราน 16 00:00:45,295 --> 00:00:47,964 และมะเร็งในระยะเริ่มต้น 17 00:00:48,048 --> 00:00:49,507 พวกมันนำทางคนตาบอด 18 00:00:49,591 --> 00:00:51,676 รองหัวคนที่เกิดอาการชัก 19 00:00:51,760 --> 00:00:54,095 และช่วยปลอบใจในยามที่คนอื่นทำไม่ได้ 20 00:00:54,179 --> 00:00:56,848 เห็นได้ชัดว่ามีความสัมพันธ์พิเศษ ระหว่างมนุษย์กับสุนัข 21 00:00:56,931 --> 00:00:58,266 ไป 22 00:01:02,228 --> 00:01:04,856 แต่พวกมันก็ไม่ใช่สัตว์ที่ฉลาดที่สุด 23 00:01:12,322 --> 00:01:14,532 หรือสัตว์ที่ใกล้เคียงกับเรามากที่สุด 24 00:01:16,117 --> 00:01:18,620 แล้วทำไมจากบรรดาหลากหลายสปีชีส์บนโลกนี้ 25 00:01:18,703 --> 00:01:20,789 สุนัขถึงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์ล่ะ 26 00:01:22,082 --> 00:01:24,542 และนั่นพอจะบอกอะไรเกี่ยวกับเราได้บ้าง 27 00:01:30,131 --> 00:01:33,635 (ภาพยนตร์สารคดีชุดของ NETFLIX) 28 00:01:33,718 --> 00:01:36,554 เห็นได้ชัดว่าสุนัขพอใจกับชีวิตตนเป็นอย่างดี 29 00:01:38,223 --> 00:01:40,350 เบื้องหลังพูเดิลทุกตัวที่ได้รับการประคบประหงม 30 00:01:40,433 --> 00:01:43,019 คือประวัติศาสตร์ยาวนานที่มีมนุษย์เข้ามาจัดการ 31 00:01:43,103 --> 00:01:47,023 เจ้าตัวน้อยพวกนี้ไม่รู้ว่ามันจะไปไหนกัน แต่มันก็ออกเดินทางแล้ว 32 00:01:49,651 --> 00:01:52,028 นี่คือเจ้าตัวน้อยตัวใหม่ของเรา คุณบีซลีย์ 33 00:01:57,742 --> 00:02:02,580 (สุนัข) 34 00:02:03,456 --> 00:02:06,960 แกชอบออกทีวีไหม แกไม่รู้หรอกว่าตัวเองดังแค่ไหน 35 00:02:07,043 --> 00:02:08,336 นั่นแหละคือเสน่ห์ของแก 36 00:02:08,419 --> 00:02:10,088 (ศจ.ไคลฟ์ ไวน์ ผู้เขียน ด็อกอิสเลิฟ) 37 00:02:10,171 --> 00:02:11,840 มีการประเมินว่า 38 00:02:11,923 --> 00:02:17,011 มีสุนัขกว่า 800 ล้านตัวบนโลกนี้ครับ 39 00:02:17,929 --> 00:02:20,098 และมากกว่าครึ่งหนึ่งเป็นสัตว์เลี้ยง 40 00:02:20,723 --> 00:02:22,308 เรากำลังอยู่ในยุคสมัย 41 00:02:22,392 --> 00:02:24,727 ที่มนุษย์เป็นต้นเหตุ 42 00:02:24,811 --> 00:02:27,272 ให้สิ่งมีชีวิตหลายพันสปีชีส์สูญพันธุ์ 43 00:02:27,355 --> 00:02:29,566 แต่มีอยู่ไม่กี่สปีชีส์ 44 00:02:29,649 --> 00:02:31,568 ที่ค้นพบวิธี 45 00:02:31,651 --> 00:02:33,361 ที่จะอยู่ร่วมกันกับมนุษย์ได้แล้วจริงๆ 46 00:02:33,444 --> 00:02:36,656 และสุนัขคือตัวอย่างอันดับหนึ่งครับ 47 00:02:36,739 --> 00:02:39,659 แล้วพอคุณมองดูให้ดีว่าสุนัขอยู่ร่วมกับเรายังไง 48 00:02:39,742 --> 00:02:42,579 เราดูแลมันดีแค่ไหน อย่างน้อยก็ดีที่สุดสำหรับมัน 49 00:02:42,662 --> 00:02:45,415 คือว่ามันเป็นชีวิตที่ดีทีเดียวนะครับ 50 00:02:46,541 --> 00:02:49,002 (ศจ. สแตนลีย์ โคเรน ผู้เขียน ดิอินเทลลิเจนซ์ออฟด็อก) 51 00:02:49,085 --> 00:02:50,378 สุนัขเป็นสัตว์เลี้ยงตัวแรก 52 00:02:51,045 --> 00:02:52,338 ซึ่งมันน่าแปลกใจมาก 53 00:02:52,922 --> 00:02:56,676 บรรพบุรุษของเรา มีสัตว์กินพืชนิสัยดีมากมายรอบตัว 54 00:02:56,759 --> 00:02:59,429 แต่สิ่งแรกที่พวกเขานำมาฝึกให้เชื่องคือหมาป่า 55 00:02:59,512 --> 00:03:01,472 สัตว์นักล่ากินเนื้อที่ฆ่าพวกเขาได้ 56 00:03:03,808 --> 00:03:06,895 ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าแรกเริ่มนั้น หมาป่ากับมนุษย์เป็นมิตรกันได้อย่างไร 57 00:03:07,478 --> 00:03:08,980 แต่ทฤษฎีที่น่าเชื่อถืออันหนึ่งบอกว่า 58 00:03:09,063 --> 00:03:12,442 สมมติฐานสัตว์กินซากบอกไว้อย่างนี้ครับ 59 00:03:12,525 --> 00:03:16,404 คนจะโยนเนื้อที่เหลือให้กับหมาป่า 60 00:03:16,487 --> 00:03:18,823 แล้วหมาป่าก็จะสร้างความคิดเชื่อมโยง 61 00:03:18,907 --> 00:03:21,993 กับอาหารนั้นว่ามนุษย์ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย 62 00:03:22,076 --> 00:03:24,495 มนุษย์ไม่ได้แค่ทำให้อันตรายนั้นหมดไป 63 00:03:24,579 --> 00:03:26,873 แต่เราสร้างการป้องกันแบบใหม่ขึ้นด้วย 64 00:03:27,498 --> 00:03:29,542 ดังนั้นถ้าคุณมีหมาป่าอยู่ข้างตัว 65 00:03:29,626 --> 00:03:31,794 แม้แต่กับหมาป่าด้วยกันเอง 66 00:03:31,878 --> 00:03:35,006 มันจะส่งสัญญาณให้รู้ว่า "นี่ กำลังมีบางอย่างเข้ามาใกล้" 67 00:03:37,258 --> 00:03:41,304 เท่ากับว่าก่อนจะมีบริษัท รักษาความปลอดภัยทำหน้าที่เฝ้าระวัง ใช่แล้ว 68 00:03:41,387 --> 00:03:44,515 สุนัขเป็นเพื่อนรักษาความปลอดภัยให้เรามาก่อน 69 00:03:45,099 --> 00:03:47,685 และเพราะหมาป่าที่เป็นมิตรที่สุด ได้รับอาหารมากกว่าพวก 70 00:03:47,769 --> 00:03:51,147 พอผ่านไปหลายรุ่นเข้า หมาป่าก็เชื่องมากขึ้นเรื่อยๆ 71 00:03:51,231 --> 00:03:54,108 และกลายเป็นสปีชีส์ใหม่โดยสมบูรณ์ 72 00:03:56,986 --> 00:03:58,029 ในปี 1959 73 00:03:58,112 --> 00:04:00,198 นักวิทยาศาสตร์ชาวรัสเซีย ดิมิทรี เบลยาเอฟ 74 00:04:00,281 --> 00:04:03,159 พยายามทำแบบเดียวกันนั้นกับสัตว์ชนิดอื่น 75 00:04:05,036 --> 00:04:06,996 เขารวบรวมสุนัขจิ้งจอกเงินมาจำนวนหนึ่ง 76 00:04:07,080 --> 00:04:10,458 และเลือกตัวที่เชื่องที่สุดมาเป็นพ่อแม่พันธุ์รุ่นถัดไป 77 00:04:10,541 --> 00:04:13,670 แล้วก็ทำซ้ำแบบเดิมกับรุ่นลูกของมัน และรุ่นลูกของมันอีก 78 00:04:13,753 --> 00:04:15,797 ซ้ำไปเรื่อยๆ 79 00:04:15,880 --> 00:04:17,632 เมื่อผ่านไป 15 รุ่น 80 00:04:17,715 --> 00:04:22,470 การคัดเลือกนั้นได้เปลี่ยน สุนัขจิ้งจอกที่เคยดุร้ายและเจ้าเล่ห์ 81 00:04:24,097 --> 00:04:27,141 เป็นสัตว์ที่เป็นมิตรพอๆ กับสุนัข 82 00:04:27,225 --> 00:04:29,227 ชีววิทยาของพวกมันเปลี่ยนไป 83 00:04:29,310 --> 00:04:33,273 {\an8}พวกมันมีฮอร์โมนความเครียด ประมาณครึ่งหนึ่งของบรรพบุรุษที่เป็นสัตว์ป่า 84 00:04:33,356 --> 00:04:36,025 {\an8}ต่อมหมวกไตที่ผลิตฮอร์โมนความเครียด 85 00:04:36,109 --> 00:04:38,069 {\an8}หดตัวเล็กลงอย่างน่าแปลกใจ 86 00:04:38,152 --> 00:04:40,238 {\an8}และระดับเซราโทนินก็เพิ่มขึ้น 87 00:04:40,321 --> 00:04:42,156 {\an8}ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ทำให้สัตว์มีความสุขขึ้น 88 00:04:42,907 --> 00:04:44,575 รูปลักษณ์ของมันก็เปลี่ยนไปเช่นกัน 89 00:04:44,659 --> 00:04:46,411 หางมันเริ่มม้วนขึ้น 90 00:04:46,494 --> 00:04:48,121 ลำตัวมันก็กลมขึ้น 91 00:04:48,204 --> 00:04:49,789 และหูก็ตกลงมากขึ้น 92 00:04:49,872 --> 00:04:51,874 มีใบหน้าที่ดูเด็กลง 93 00:04:51,958 --> 00:04:53,710 และน่ารักน่าชังมากขึ้น 94 00:04:53,793 --> 00:04:55,086 และก็ 95 00:04:55,837 --> 00:04:57,297 เหมือนสุนัขมากขึ้น 96 00:04:57,380 --> 00:05:00,258 ความน่ารักจะกระตุ้นให้เรา อยากเลี้ยงดูมันเหมือนลูก 97 00:05:00,341 --> 00:05:04,178 ลองนึกภาพเด็กดูสิ เด็กทารกตัวเล็กๆ 98 00:05:04,262 --> 00:05:06,180 สัญชาตญาณของคุณจะเริ่มทำงาน 99 00:05:06,264 --> 00:05:09,225 อยากจะปกป้องเจ้าสิ่งมีชีวิตเล็กจิ๋วนี้ 100 00:05:09,309 --> 00:05:12,603 สุนัขสร้างทักษะใหม่มาแทนที่ ทักษะการเอาตัวรอดของมัน 101 00:05:13,313 --> 00:05:15,773 นั่นคือทักษะการขโมยหัวใจเรา 102 00:05:16,566 --> 00:05:18,651 ที่เราเรียกว่าแววตาหมาน้อยนั้น 103 00:05:18,735 --> 00:05:20,445 เป็นสายตาเว้าวอน 104 00:05:20,528 --> 00:05:23,406 ที่สุนัขสงวนไว้ใช้กับมนุษย์เท่านั้น 105 00:05:23,948 --> 00:05:26,951 เพื่อขออะไรบางอย่าง ขอขนม หรือขอให้ลูบ 106 00:05:27,035 --> 00:05:29,454 หรืออะไรทำนองนั้น มันไม่ทำกับสุนัขด้วยกัน 107 00:05:29,537 --> 00:05:31,331 แกเป็นเด็กดื้อหรือเปล่า 108 00:05:31,414 --> 00:05:33,082 และเราก็หลงหลุมพรางนั่นเต็มเปา 109 00:05:33,166 --> 00:05:34,542 แต่แกน่ารักจริงๆ 110 00:05:34,625 --> 00:05:36,169 งานวิจัยหนึ่งที่สถานพักพิงหมาจร 111 00:05:36,252 --> 00:05:40,089 พบว่ายิ่งสุนัขใช้แววตาหมาน้อยบ่อยเท่าไร 112 00:05:40,173 --> 00:05:42,300 ก็จะยิ่งมีคนรับมันไปเลี้ยงเร็วขึ้นเท่านั้น 113 00:05:43,009 --> 00:05:44,427 เอาละ ลูกรัก พร้อมไหม 114 00:05:44,510 --> 00:05:46,846 สุนัขทำสิ่งที่ไม่ธรรมดาได้ 115 00:05:46,929 --> 00:05:47,764 นั่ง 116 00:05:47,847 --> 00:05:49,932 แม้จะมีอุปสรรคใหญ่ด้านภาษา 117 00:05:50,016 --> 00:05:52,518 แต่พวกมันก็หาวิธีสื่อสารกับเราได้ 118 00:05:52,602 --> 00:05:53,644 พูด 119 00:05:59,442 --> 00:06:02,987 เห็นไหม มันพยายามจะคุยด้วยเป็นพักๆ มันอยากได้ขนมค่ะ 120 00:06:03,071 --> 00:06:04,864 ผมคุยกับมันแล้วมันก็... 121 00:06:05,990 --> 00:06:09,619 ทำตามที่ผมบอกให้ทำ ก็ประมาณนั้นแหละครับ 122 00:06:09,702 --> 00:06:11,829 ภาษากายมันเข้าใจได้ง่ายค่ะ 123 00:06:11,913 --> 00:06:16,042 หลังจากที่คุณได้ใช้เวลาเลี้ยงมันมานาน 124 00:06:16,125 --> 00:06:18,628 บอกมาสิ แกอยากได้อะไร ขอบใจ 125 00:06:18,711 --> 00:06:22,673 คือเรามีระบบสื่อสารกันค่ะ ถ้ามันอยากได้อะไร มันจะบอกให้ฉันรู้แน่นอน 126 00:06:22,757 --> 00:06:25,218 พวกมันจะมีพฤติกรรมน่าเอ็นดู 127 00:06:26,094 --> 00:06:29,555 ที่จะบอกว่าพวกมันอยากได้อะไร หรือพวกมันอยากจะบอกอะไร 128 00:06:29,639 --> 00:06:31,849 แต่ผมก็ไม่รู้หรอก มันก็ไม่ได้ถูกเสมอไป 129 00:06:33,684 --> 00:06:36,813 สุนัขสามารถสื่อสารความรู้สึก และความต้องการได้หลายอย่าง 130 00:06:38,815 --> 00:06:40,358 แต่นี่คือพื้นฐาน 131 00:06:40,441 --> 00:06:43,403 มีบางอย่างที่คุณเรียนรู้ได้จากเสียงเห่าของสุนัข 132 00:06:43,486 --> 00:06:46,239 อย่างแรกคือมันเห่ายังไง 133 00:06:46,322 --> 00:06:48,032 ถ้าเสียงสูง 134 00:06:49,450 --> 00:06:51,494 นั่นคือมันมีความสุข 135 00:06:51,577 --> 00:06:52,829 หรือเสียงต่ำ 136 00:06:54,080 --> 00:06:55,289 นั่นคือมันกำลังระวังตัว 137 00:06:55,373 --> 00:06:57,708 ต่อไปก็คือเห่าเยอะไหม 138 00:06:58,543 --> 00:07:01,254 นั่นแปลว่า "ฉันเครียดหรือตื่นเต้น" 139 00:07:02,004 --> 00:07:03,256 หรือว่าเห่าน้อยครั้ง 140 00:07:04,549 --> 00:07:06,551 "นี่ก็น่าสนใจนะ" 141 00:07:06,634 --> 00:07:08,719 รูปแบบของการเห่าก็สำคัญครับ 142 00:07:11,514 --> 00:07:13,558 การเห่าแบบนี้หลักๆ แล้วคือ 143 00:07:13,641 --> 00:07:15,309 การเห่าเพื่อ "เรียกฝูง" 144 00:07:15,393 --> 00:07:18,020 มันแปลว่า "มานี่สิ แล้วมาดูนี่" 145 00:07:20,398 --> 00:07:23,025 แต่จำไว้นะครับว่า สุนัขมันสืบเชื้อสายมาจากหมาป่า 146 00:07:23,609 --> 00:07:26,779 ซึ่งถ้ามันเจอกวาง แล้วเห่าเรียกฝูงล่ะก็ 147 00:07:26,863 --> 00:07:28,614 มันก็ชวดอาหารมื้อนั้นแน่ 148 00:07:28,698 --> 00:07:31,701 สุนัขก็เลยพัฒนา 149 00:07:31,784 --> 00:07:34,495 ภาษากายที่ยอดเยี่ยมขึ้นมา 150 00:07:36,622 --> 00:07:38,124 หางสุนัข 151 00:07:38,207 --> 00:07:40,918 ทำหน้าที่เป็นตัวชี้วัดอารมณ์ 152 00:07:41,002 --> 00:07:44,380 ซึ่งมันจะใช้บอกความรู้สึกของมัน 153 00:07:44,464 --> 00:07:46,466 หางตั้งแสดงอำนาจ หางลู่คือกลัว 154 00:07:46,549 --> 00:07:50,136 หางส่ายยังไง ช้าคือกังวล เร็วคือตื่นเต้น 155 00:07:50,219 --> 00:07:53,806 คุณอ่านหลายๆ อารมณ์จากหูได้ด้วย 156 00:07:53,890 --> 00:07:55,349 ก้าวร้าว 157 00:07:55,433 --> 00:07:56,559 ยอมแพ้ 158 00:07:56,642 --> 00:07:58,269 ผ่อนคลาย 159 00:07:58,352 --> 00:08:00,688 มนุษย์สามารถอ่านสัญญาณเหล่านี้ได้ 160 00:08:00,771 --> 00:08:03,065 แต่ความสัมพันธ์ของเรามันได้ผลก็เพราะ 161 00:08:03,149 --> 00:08:05,735 สุนัขมันอ่านเราได้เก่งกาจ 162 00:08:08,279 --> 00:08:11,699 ความสามารถในการดมกลิ่นของสุนัข มีส่วนสำคัญในเรื่องนี้ 163 00:08:12,325 --> 00:08:15,036 พวกมันถูกสร้างขึ้นมาให้รับรู้โลกนี้ผ่านการดมกลิ่น 164 00:08:15,119 --> 00:08:17,038 (ดร.ซินเธีย ผู้บริหารศูนย์เพนน์เว็ต) 165 00:08:17,747 --> 00:08:20,917 เมื่อพวกมันหายใจเข้าไป อากาศไม่ได้ตรงเข้าสู่ปอดมันทันที 166 00:08:21,000 --> 00:08:23,169 บางส่วนจะแยกเข้าไปในห้อง 167 00:08:23,252 --> 00:08:25,171 ที่มีไว้เพื่อตรวจจับกลิ่นโดยเฉพาะ 168 00:08:25,838 --> 00:08:29,342 มันทำให้พวกมันวิ่งและดมกลิ่นได้พร้อมกัน ซึ่งมนุษย์เราทำไม่ถนัด 169 00:08:29,425 --> 00:08:33,262 ขึ้นอยู่กับแต่ละสายพันธุ์ ประสาทรับรู้กลิ่นของสุนัขดีกว่าเรา 170 00:08:33,346 --> 00:08:36,098 ประมาณ 10,000 ถึง 100,000 เท่า 171 00:08:36,974 --> 00:08:40,019 และเวลาที่พวกมันออกไปเดินเล่น พวกมันจะคอยสำรวจ 172 00:08:40,102 --> 00:08:42,438 กลิ่นฉี่ของสุนัขตัวอื่นเสมอ 173 00:08:42,522 --> 00:08:44,899 หรือที่ดร.อ็อตโต้เรียกว่า 174 00:08:44,982 --> 00:08:48,194 "จดหมายฉี่" คือเวลาที่สุนัขทุกตัวฉี่ที่เสา 175 00:08:48,277 --> 00:08:51,572 สุนัขจะได้รับข้อมูลว่าใครมาที่นี่บ้าง และพวกมันรู้สึกยังไง 176 00:08:51,656 --> 00:08:54,408 ฉี่ของสุนัขก็เหมือนเฟซบุ๊กของมนุษย์ 177 00:08:54,492 --> 00:08:56,911 พวกมันสามารถเรียนรู้อายุ เพศ อารมณ์ ความพร้อม 178 00:08:56,994 --> 00:08:58,996 ในการผสมพันธุ์ของสุนัขตัวอื่นจากฉี่ได้ 179 00:08:59,622 --> 00:09:01,541 และรู้ว่าพวกมันเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า 180 00:09:02,917 --> 00:09:05,419 โลกที่เราพบเจอนี้ 181 00:09:05,503 --> 00:09:09,674 มีชั้นพิเศษที่สุนัขของเราได้เจอ แต่เราไม่อาจล่วงรู้ได้ 182 00:09:09,757 --> 00:09:12,218 เวลาคุณเดินผ่านห้องนี้ คุณอาจจะสังเกตเห็นว่า 183 00:09:12,301 --> 00:09:14,554 ต้องรดน้ำต้นไม้ต้นนั้นหน่อย 184 00:09:14,637 --> 00:09:17,223 ดูเหมือนสามีฉันจะใช้เวลาช่วงบ่ายบนโซฟานี้ 185 00:09:17,932 --> 00:09:21,060 และตอนนี้เขากำลังอบขนม นั่นอะไรน่ะ คุกกี้ช็อกโกแลตชิปเหรอ 186 00:09:21,143 --> 00:09:23,646 ดูเหมือนวันนี้เขาจะอารมณ์ดีมาก 187 00:09:25,481 --> 00:09:29,694 แต่สุนัขที่เดินผ่านที่เดียวกัน อาจเห็นสิ่งต่างๆ ต่างออกไปเล็กน้อย 188 00:09:31,195 --> 00:09:32,822 ต้นไม้นั่นเป็นโรค 189 00:09:34,115 --> 00:09:35,866 มีตัวเรือดอยู่ในโซฟา 190 00:09:36,576 --> 00:09:38,244 แม่มีประจำเดือน 191 00:09:38,327 --> 00:09:42,290 พ่อกำลังทำอะไรสักอย่าง มีไข่ วานิลลาสกัด และแป้ง 192 00:09:42,373 --> 00:09:45,418 และเขาก็กำลังรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อย 193 00:09:45,501 --> 00:09:46,544 (กังวล) 194 00:09:46,627 --> 00:09:48,379 (ผมช่วยนะ) 195 00:09:48,462 --> 00:09:51,507 สุนัขสามารถตรวจจับทุกอย่างที่เรารู้สึกได้ 196 00:09:53,175 --> 00:09:56,679 ซึ่งนั่นอาจอธิบายได้ว่าทำไม พวกมันถึงเป็นสัตว์ช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ 197 00:10:04,437 --> 00:10:08,274 ทุกอย่างในโลกของเธอ มีพลังยิ่งใหญ่เหนือเธอและทำให้คับข้องใจ 198 00:10:08,357 --> 00:10:11,652 และการไม่สามารถพูดได้ ไม่สามารถสื่อสารได้ 199 00:10:11,736 --> 00:10:15,364 ว่าเธอต้องการอะไร อยากได้อะไร หรือว่าถูกกระตุ้นจากอะไรมากเกินไป 200 00:10:15,448 --> 00:10:18,242 เท่ากับเธอต้องอยู่กับความคับข้องใจตลอดเวลา 201 00:10:18,326 --> 00:10:20,202 ครอบครัวคลาร์กมีลูกห้าคน 202 00:10:20,286 --> 00:10:23,247 และสองคนในนั้น เมโดวและน้องชายเธอ โคลตัน 203 00:10:23,331 --> 00:10:25,166 เป็นออทิสติก 204 00:10:25,249 --> 00:10:27,543 สำหรับเมโดวแล้ว สิ่งที่ยากที่สุดสำหรับเธอคือ 205 00:10:27,627 --> 00:10:29,670 เธอต้องต่อสู้อย่างมากกับ 206 00:10:30,421 --> 00:10:32,089 พฤติกรรมที่ทำร้ายตัวเอง 207 00:10:32,757 --> 00:10:35,551 การกระแทกหัว พยายามพังหน้าต่างในบ้าน 208 00:10:35,635 --> 00:10:37,178 ทุบเก้าอี้ 209 00:10:37,261 --> 00:10:38,804 อะไรก็ตามที่... 210 00:10:38,888 --> 00:10:41,098 ทุกอย่างที่เธอเอื้อมถึงนั่นแหละครับ 211 00:10:41,182 --> 00:10:43,976 เธอเป็นเด็กที่มีอารมณ์รุนแรงทีเดียว 212 00:10:44,060 --> 00:10:47,480 โดยพื้นฐานแล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ทุกคน ต้องการให้เธอเข้ารักษาตัว 213 00:10:48,439 --> 00:10:50,441 หมอคนนึงเคยบอกเราว่า 214 00:10:50,524 --> 00:10:53,194 เราคงสบายขึ้นถ้าเซ็นยกมอบสิทธิ์เลี้ยงดูไปซะ 215 00:10:53,277 --> 00:10:56,155 ให้เธอไปอยู่สถานพยาบาล ส่วนเราก็ใช้ชีวิตของเราต่อไป 216 00:10:57,073 --> 00:10:59,617 เอาละ เร็วเข้า ไปกันเถอะ เร็วเข้า โคโค่ 217 00:11:00,493 --> 00:11:01,786 ทำอีกทีนะ เร็วเข้า 218 00:11:01,869 --> 00:11:04,622 จากนั้นครอบครัวคลาร์ก ก็ได้รู้จักวิธีช่วยเหลือแบบใหม่ 219 00:11:04,705 --> 00:11:06,540 ที่ได้ผลกับเด็กออทิสติกคนอื่นๆ 220 00:11:07,166 --> 00:11:08,668 สุนัขช่วยเหลือ 221 00:11:08,751 --> 00:11:10,628 พวกมันจัดเป็นสุนัขช่วยเหลือการเคลื่อนไหว 222 00:11:10,711 --> 00:11:11,921 (อูน่า) 223 00:11:12,004 --> 00:11:14,173 โคลตันกับเมโดวสามารถหลับตาได้เลย 224 00:11:14,256 --> 00:11:16,592 เพราะโลกรอบตัวพวกเขามันวุ่นวายเกินไป 225 00:11:16,676 --> 00:11:20,471 แล้วออลลี่จะนำทางพวกเขาเอง 226 00:11:22,098 --> 00:11:23,391 แต่พวกมันก็ทำมากไปกว่านั้น 227 00:11:24,600 --> 00:11:27,770 เวลาที่เด็กๆ รู้สึกทำตัวไม่ถูก สุนัขจะสะกิดพวกเขา 228 00:11:29,230 --> 00:11:31,232 และบอกให้เด็กๆ นั่งลง 229 00:11:31,315 --> 00:11:34,902 แล้วมันก็จะเลียมือเด็กๆ ช่วยให้พวกเขาสงบลง 230 00:11:36,654 --> 00:11:39,532 การเปลี่ยนแปลงของเมโดว 231 00:11:39,615 --> 00:11:42,034 หลังจากที่เธอได้อูน่ามานั้น แทบจะเห็นได้ในทันทีเลยค่ะ 232 00:11:42,118 --> 00:11:45,162 เธอหยุดตีตัวเองทันที 233 00:11:45,246 --> 00:11:48,249 เหมือนกับอูน่าไม่ได้แค่รับรู้ว่าเมโดวรู้สึกยังไง 234 00:11:48,332 --> 00:11:49,834 แต่มันเข้าใจเธอจริงๆ 235 00:11:49,917 --> 00:11:50,960 เก่งมาก อูน่า 236 00:11:51,043 --> 00:11:52,712 เด็กๆ รู้สึกโดดเดี่ยวน้อยลง 237 00:11:53,796 --> 00:11:58,217 ฉันรู้สึกว่าในฐานะแม่ เราควรจะเป็นคนที่รู้ทุกอย่าง 238 00:11:58,300 --> 00:12:01,011 แต่สำหรับลูกๆ ของเราแล้ว มันไม่ง่ายเลยค่ะ 239 00:12:01,762 --> 00:12:04,432 คุณไม่มีทางรู้ว่าอะไรมันมากเกินไป และอะไรยังไม่พอ 240 00:12:05,182 --> 00:12:06,475 แต่สุนัขของพวกเขารู้ 241 00:12:07,226 --> 00:12:09,937 ว่าเมื่อไหร่ควรเข้าไปจูบและเมื่อไหร่ควรถอย 242 00:12:10,020 --> 00:12:13,649 พวกมันรู้ว่าเมื่อไหร่ไม่ควรไปแตะตัว หรือเมื่อไหร่ที่สัมผัสน้อยเกินไป 243 00:12:14,191 --> 00:12:16,152 พวกมันดูจะเข้าใจถูกต้องเสมอ 244 00:12:17,319 --> 00:12:19,071 มาเร็ว จับสายจูงไว้นะ 245 00:12:21,991 --> 00:12:24,618 และผลการศึกษาล่าสุด พบเบาะแสใหม่ว่าทำไมสุนัข 246 00:12:24,702 --> 00:12:26,704 ถึงปรับตัวเข้ากับอารมณ์เราได้ดีแบบนั้น 247 00:12:27,830 --> 00:12:30,541 ทีมนักวิจัยให้อาสาสมัครดูคลิป 248 00:12:30,624 --> 00:12:32,668 ที่จะทำให้พวกเขารู้สึกถึงอารมณ์ต่างๆ 249 00:12:33,669 --> 00:12:35,421 อย่างฉากขนหัวลุกที่สุดในเดอะไชนิง 250 00:12:35,963 --> 00:12:37,506 จอห์นนี่มาแล้ว! 251 00:12:38,090 --> 00:12:41,302 และฉากแสนเพลินใจจากเมาคลีลูกหมาป่า 252 00:12:41,385 --> 00:12:43,512 สิ่งจำเป็นที่เรียบง่าย 253 00:12:43,596 --> 00:12:45,306 และเก็บตัวอย่างเหงื่อของพวกเขาไว้ 254 00:12:45,389 --> 00:12:49,852 จากนั้นนำเอาเหงื่อนั้นไปให้สุนัข ที่ถูกเชื่อมต่อกับเครื่องตรวจสัญญาณหัวใจ 255 00:12:49,935 --> 00:12:52,313 นี่คือหลอดเหงื่อแห่งความกลัว 256 00:12:52,396 --> 00:12:54,231 และนี่คือปฏิกิริยาของพวกมัน 257 00:12:55,149 --> 00:12:58,652 อัตราการเต้นของหัวใจสุนัขจะเร็วขึ้น และมันจะหนีไปที่มุมห้อง 258 00:12:59,487 --> 00:13:01,447 ส่วนหมาตัวนี้กำลังดมเหงื่อแห่งความสุข 259 00:13:02,323 --> 00:13:05,409 มันเริ่มกระดิกหาง และกระโดดราวกับว่ามันอยากจะเล่นด้วย 260 00:13:06,619 --> 00:13:10,247 ดูเหมือนสุนัข จะสะท้อนความรู้สึกของอาสาสมัครได้ 261 00:13:11,499 --> 00:13:15,377 เวลาที่คนทำแบบนี้ รับรู้ความรู้สึกของผู้อื่น 262 00:13:15,461 --> 00:13:17,087 เราเรียกสิ่งนี้ว่าความเห็นอกเห็นใจ 263 00:13:18,714 --> 00:13:21,133 หันหน้าให้กล้องสิ ไม่ใช่ก้น 264 00:13:21,217 --> 00:13:22,802 เร็วเข้า นั่งลง 265 00:13:24,595 --> 00:13:26,555 เด็กดี แบบนี้แหละ เด็กดี 266 00:13:27,348 --> 00:13:28,682 โอเค กลับมาคุยกันต่อ 267 00:13:28,766 --> 00:13:31,393 ดังนั้นในทางจิตวิทยาแล้ว เรามักจะไม่กล้า 268 00:13:31,477 --> 00:13:34,188 ที่จะใช้คุณสมบัติของมนุษย์อ่านพฤติกรรมสัตว์ 269 00:13:34,271 --> 00:13:36,982 และผมก็เป็นคนที่วิจารณ์เรื่องนั้น อย่างหนักหน่วงมาตลอด 270 00:13:37,066 --> 00:13:39,985 จุดเปลี่ยนของตัวผมเองก็คือ 271 00:13:40,069 --> 00:13:41,987 การพาเซฟอสเข้ามาในชีวิต 272 00:13:42,071 --> 00:13:43,239 ไงจ๊ะ ที่รัก 273 00:13:43,322 --> 00:13:47,701 การได้รู้ว่าสัตว์ชนิดนี้มีบางอย่างที่น่าทึ่ง 274 00:13:47,785 --> 00:13:52,248 ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่มันฉลาด แต่เป็นเรื่องที่มันรู้จักแสดงความรักเก่งมาก 275 00:13:53,582 --> 00:13:55,751 จุดเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ของผม 276 00:13:56,335 --> 00:13:57,753 ค่อยๆ เกิดขึ้นทีละส่วน 277 00:13:58,754 --> 00:14:00,548 อย่างแรกๆ เกิดขึ้นในปี 2016 278 00:14:01,090 --> 00:14:03,717 ฉันมีไส้กรอกให้นะ เก่งมาก 279 00:14:03,801 --> 00:14:07,596 มีนักวิทยาศาสตร์ชื่อ เกรกอรี่ เบิร์นส ได้ทำการฝึกสุนัข 280 00:14:07,680 --> 00:14:11,016 ให้นอนนิ่งๆ ในเครื่องสแกนเอ็มอาร์ไอได้ 281 00:14:12,560 --> 00:14:15,229 ทำให้ตอนนี้คุณสามารถ 282 00:14:15,312 --> 00:14:18,482 เห็นภาพการเคลื่อนไหวในสมองของสุนัข 283 00:14:18,566 --> 00:14:21,652 อย่างละเอียดและครบถ้วน 284 00:14:21,735 --> 00:14:24,071 ซึ่งไม่เคยมีใครลองทำมาก่อน 285 00:14:24,154 --> 00:14:26,615 ไปสุดทางเลยจ้ะ นั่นแหละ เด็กดี 286 00:14:26,699 --> 00:14:31,287 เมื่อเข้าไปในเครื่องเอ็มอาร์ไอ ทีมงานของเบิร์นสจะให้สัญญาณกับสุนัข ซึ่งแปลว่า 287 00:14:31,370 --> 00:14:33,622 กำลังมีไส้กรอกมาเสิร์ฟ 288 00:14:34,665 --> 00:14:36,375 และอีกสัญญาณที่แปลว่า 289 00:14:36,458 --> 00:14:40,421 มนุษย์ที่แกรักอยู่แถวนี้ และจะปรากฏตัวในอีกไม่กี่อึดใจ 290 00:14:41,255 --> 00:14:43,465 เก่งมาก โซอี้ เก่งมาก 291 00:14:43,549 --> 00:14:47,887 ส่วนใหญ่สมองส่วนได้รับของขวัญของสุนัข จะสว่างขึ้นในจำนวนเท่าๆ กัน 292 00:14:48,470 --> 00:14:50,264 และในสุนัขทุกๆ ห้าตัวจะมีตัวหนึ่ง 293 00:14:50,347 --> 00:14:52,933 รู้สึกว่าการจะได้เจอกับเจ้าของ 294 00:14:53,017 --> 00:14:56,228 ให้ความรู้สึกว่าได้รางวัล ยิ่งกว่าการได้รับไส้กรอกเสียอีก 295 00:14:56,312 --> 00:14:58,439 งั้นแกก็รักฉันสินะ 296 00:14:58,522 --> 00:15:00,232 เจ้าของสุนัขส่วนใหญ่ก็คงหวังอย่างนั้น 297 00:15:02,776 --> 00:15:04,737 ใช่ครับ มันรักผม 298 00:15:05,946 --> 00:15:07,072 และผมก็รักมัน 299 00:15:07,615 --> 00:15:09,575 ฉันรู้ว่ามันรักฉันค่ะ แน่นอนเลย 300 00:15:09,658 --> 00:15:13,078 พวกมันรักผมทุกครั้งที่ผมเจอมัน มนุษย์ทุกคนไม่ได้เป็นแบบนั้น 301 00:15:13,162 --> 00:15:14,997 ค่ะ หมาฉันรักฉัน 302 00:15:15,080 --> 00:15:17,124 ฉันเชื่อว่าหมาฉันรักฉันค่ะ 303 00:15:17,207 --> 00:15:18,751 มันต้องรักสิ 304 00:15:19,293 --> 00:15:20,586 คุณจะนิยามคำว่ารักยังไง 305 00:15:21,170 --> 00:15:22,755 เรานิยามความรักไม่ได้ 306 00:15:22,838 --> 00:15:25,049 นั่นคือเหตุผลที่มัน เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบทกวีดีๆ 307 00:15:25,132 --> 00:15:27,301 และเอ็มวีเพลงยุค 80 เจ๋งๆ มากมาย 308 00:15:27,384 --> 00:15:28,886 ความรักคืออะไร 309 00:15:28,969 --> 00:15:30,471 บอกฉันสิว่ารักที่แท้จริงคืออะไร 310 00:15:30,554 --> 00:15:32,097 นี่คือรักใช่ไหม 311 00:15:32,181 --> 00:15:35,851 ฉันอยากรู้ว่าความรักมันคืออะไร 312 00:15:38,437 --> 00:15:41,398 แต่ถ้าคุณจะต้องนิยามความรัก และทำเป็นรายการออกมา 313 00:15:41,482 --> 00:15:43,442 การชอบใครสักคนมากกว่าไส้กรอก 314 00:15:43,525 --> 00:15:46,278 อาจเป็นคุณสมบัติอย่างน้อยสุดที่พึงมี 315 00:15:47,154 --> 00:15:49,281 และความรู้สึกร่วมที่เรารู้ดีว่าพวกสุนัขมีนั้น 316 00:15:49,365 --> 00:15:51,158 ก็คงจะอยู่ในรายการนั่นด้วย 317 00:15:51,951 --> 00:15:54,453 เวลาเรารักใครสักคน เราจะทำสิ่งต่างๆ เพื่อพวกเขา 318 00:15:54,536 --> 00:15:56,455 และสุนัขก็ทำแบบนั้นอย่างชัดเจน 319 00:15:57,122 --> 00:15:58,457 และความซื่อสัตย์ล่ะ 320 00:15:58,540 --> 00:16:00,209 อันนั้นสุนัขก็มีเหมือนกัน 321 00:16:01,168 --> 00:16:03,587 แต่ความรักมันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น 322 00:16:03,671 --> 00:16:05,881 {\an8}มันเป็นความรู้สึกผูกพันที่ลึกซึ้ง 323 00:16:05,965 --> 00:16:09,134 {\an8}ซึ่งทำให้คนอื่นในโลกนี้สำคัญน้อยกว่า 324 00:16:10,260 --> 00:16:11,387 และในปี 2015 325 00:16:11,470 --> 00:16:14,807 นักวิจัยได้ทดสอบว่าสุนัขรู้สึกรักได้ไหม 326 00:16:14,890 --> 00:16:17,267 ด้วยการวัดระดับออกซิโทซิน 327 00:16:17,351 --> 00:16:19,603 ซึ่งเรียกกันว่าฮอร์โมนแห่งความรัก 328 00:16:19,687 --> 00:16:23,440 เพราะมันจะพุ่งสูงในตัวพ่อแม่และลูกๆ เมื่อพวกเขาอุ้มลูก 329 00:16:23,524 --> 00:16:25,776 และในคู่รักข้าวใหม่ปลามัน 330 00:16:25,859 --> 00:16:28,946 พวกเขาพาคนที่เลี้ยงสุนัขมาที่ห้องทดลอง 331 00:16:29,029 --> 00:16:32,992 และให้เจ้าของนั่งลงและมองตาสุนัขของพวกเขา 332 00:16:33,867 --> 00:16:36,829 ผลปรากฏว่าระดับของออกซิโทซินพุ่งสูงขึ้น 333 00:16:36,912 --> 00:16:38,914 จากทั้งสองฝั่ง 334 00:16:40,207 --> 00:16:44,253 ความรักแฝงอยู่ในฮอร์โมน ในร่างกายของพวกเขา 335 00:16:48,298 --> 00:16:52,678 นักวิจัยเรียกมันว่าวงจรสร้างความรู้สึกเชิงบวก ที่มีออกซิโทซินเป็นสื่อระหว่างสองสปีชีส์ 336 00:16:52,761 --> 00:16:54,138 ในทางวิทยาศาสตร์ 337 00:16:54,221 --> 00:16:57,808 เรารู้สึกว่าจำเป็นจะต้องมีคำศัพท์ทางเทคนิค 338 00:16:57,891 --> 00:17:00,227 แต่เราอาจเรียกมันว่าความรักก็ได้ 339 00:17:00,310 --> 00:17:02,980 หนึ่งในเพื่อนร่วมงานที่ดีของผม ดร.บริดเจ็ต วอนโฮลต์ 340 00:17:03,063 --> 00:17:04,857 ที่มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน 341 00:17:04,940 --> 00:17:06,859 เป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้า 342 00:17:06,942 --> 00:17:09,403 เมื่อพูดถึงจีโนมของสุนัข 343 00:17:09,987 --> 00:17:13,157 {\an8}เธออยากเห็นว่าอะไร ที่ทำให้หมาป่ากับสุนัขแตกต่างกัน 344 00:17:13,240 --> 00:17:15,367 {\an8}ในระดับพื้นฐานที่สุด 345 00:17:15,451 --> 00:17:17,995 {\an8}และยีนหนึ่งที่เชื่อมโยงกับความซื่อสัตย์เปิดเผย 346 00:17:18,078 --> 00:17:19,246 {\an8}ก็โดดเด้งออกมา 347 00:17:19,329 --> 00:17:22,791 เพราะแบบนั้นสุนัขถึงได้สร้างวีรกรรมมากมาย 348 00:17:23,542 --> 00:17:25,169 ทั้งช่วยเราจากซากปรักหักพัง 349 00:17:25,252 --> 00:17:27,588 และวิ่งนำเราในสมรภูมิ 350 00:17:28,380 --> 00:17:32,301 และกระบวนการคัดสรรตั้งแต่ครั้งโบราณ ที่ทำให้สุนัขเป็นมิตรขึ้น น่ารักขึ้น 351 00:17:32,384 --> 00:17:35,345 ได้สลักให้ดีเอ็นเอของพวกมัน แสดงความรักอย่างเปิดเผย 352 00:17:36,305 --> 00:17:38,098 และนั่นคือพลังพิเศษของสุนัข 353 00:17:39,892 --> 00:17:42,519 คุณฝึกหนูให้ทำงานแบบเดียวกันได้ 354 00:17:42,603 --> 00:17:44,438 มันเป็นไปได้ และเป็นไปแล้ว 355 00:17:44,980 --> 00:17:48,192 แต่เมื่อคุณอยากให้คนใช้สัตว์ 356 00:17:48,275 --> 00:17:51,195 ในการออกไปหาระเบิด หายาเสพติด 357 00:17:51,278 --> 00:17:54,114 สุนัขก็ทำงานด้วยง่ายกว่าเป็นพันๆ เท่า 358 00:17:54,198 --> 00:17:56,909 เพราะสุนัขมันอยากจะช่วยคุณจริงๆ 359 00:17:57,659 --> 00:18:01,080 ฉันแต่งงานเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ฉันเลยคิดถึงเรื่องความรักเยอะมาก 360 00:18:02,081 --> 00:18:05,626 คุณต้องรักตัวเองก่อน ถึงจะรักคนอื่นได้ 361 00:18:05,709 --> 00:18:07,419 แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันพบคือ 362 00:18:07,503 --> 00:18:11,590 ก่อนที่ฉันจะเรียนรู้ที่จะรักตัวเองได้นั้น หมาของฉันก็รักฉันอยู่ดี 363 00:18:11,673 --> 00:18:14,134 - เสือแฟรงคลิน - เสือแฟรงคลิน 364 00:18:14,218 --> 00:18:16,595 สุนัขของเราไม่สนว่าพวกเขาจะกรี๊ดดังแค่ไหน 365 00:18:16,678 --> 00:18:18,931 หรือว่าเจออะไรแย่ๆ มาแค่ไหน 366 00:18:19,014 --> 00:18:20,891 พวกมันแค่รักเด็กๆ เช่นกัน 367 00:18:22,184 --> 00:18:25,938 นักโบราณคดีพบหลุมศพอายุกว่า 14,000 ปี 368 00:18:26,021 --> 00:18:28,690 ที่มีศพสุนัขสองตัวถูกฝังไว้กับคู่รัก 369 00:18:28,774 --> 00:18:31,068 และหลุมศพอายุ 12,000 ปีอีกแห่ง 370 00:18:31,151 --> 00:18:35,072 ที่มีศพผู้หญิงเอามือวางไว้บนศพลูกสุนัข 371 00:18:35,906 --> 00:18:38,867 มีหนังสือของชาวกรีกโบราณชื่อว่าอาร์เรียน 372 00:18:38,951 --> 00:18:41,161 ซึ่งอายุเกือบๆ 2,000 ปีก่อน 373 00:18:41,245 --> 00:18:42,996 และในนั้นเขาบรรยายว่า 374 00:18:43,080 --> 00:18:45,165 เขารักสุนัขของตัวเองมากแค่ไหน 375 00:18:45,249 --> 00:18:47,334 และนี่คือหนึ่งในหนังสือเล่มแรกๆ 376 00:18:47,417 --> 00:18:49,545 ที่มนุษย์เขียนขึ้นมาเลยนะครับ 377 00:18:49,628 --> 00:18:52,798 และพวกเขาก็เขียนถึงความรักที่มีต่อสุนัข 378 00:18:52,881 --> 00:18:54,883 และความรักที่สุนัขมีต่อพวกเขา 379 00:18:54,967 --> 00:18:57,052 สุนัขมีวิวัฒนาการและอยู่รอด 380 00:18:57,136 --> 00:18:58,846 เพราะเราดูแลพวกมัน 381 00:18:58,929 --> 00:19:02,099 แต่ความสบายใจและสายสัมพันธ์ ที่พวกมันมอบให้เรานั้น 382 00:19:02,182 --> 00:19:05,144 อาจสำคัญต่อการอยู่รอดของเราเช่นกัน 383 00:19:06,061 --> 00:19:08,230 ผมคงต้องบอกว่าหลักฐานทั้งหมดนั่น 384 00:19:08,313 --> 00:19:10,149 ต่างบอกว่า "ใช่ครับ" 385 00:19:10,232 --> 00:19:12,860 "เดจารักเราและเรารักมัน" 386 00:19:13,610 --> 00:19:16,613 ทุกๆ อย่างที่สิ่งมีชีวิตใดๆ ก็ตาม 387 00:19:16,697 --> 00:19:18,240 {\an8}จะทำ จะแสดง 388 00:19:18,323 --> 00:19:22,077 {\an8}ทั้งทางพฤติกรรม ทางชีววิทยา และในสมอง 389 00:19:22,870 --> 00:19:25,247 สุนัขของคุณแสดงให้เห็นทั้งหมดนั่น 390 00:19:25,330 --> 00:19:27,124 ดังนั้นถ้าคุณเชื่อว่า 391 00:19:27,207 --> 00:19:30,377 สิ่งมีชีวิตอื่นๆ รักคุณได้ 392 00:19:31,003 --> 00:19:33,547 งั้นคุณก็ต้องเชื่อว่าสุนัขของคุณก็รักคุณครับ 393 00:19:34,673 --> 00:19:35,841 ใช่ไหม ที่รัก 394 00:20:01,116 --> 00:20:06,121 คำบรรยายโดย นันทพร อนุชิตดัสกร