1 00:00:26,443 --> 00:00:28,945 (ไมล์ส เดวิสเป็นผู้เล่นดนตรีทั้งหมด ยกเว้นว่ามีหมายเหตุ) 2 00:00:29,029 --> 00:00:31,531 (คำพูดของไมล์สเป็นของเขาเองทั้งหมด พากย์โดยคาร์ล ลัมบลี่) 3 00:00:33,992 --> 00:00:37,412 ดนตรีเป็นเสมือนคำสาปสำหรับผมเสมอมา 4 00:00:37,704 --> 00:00:39,664 มีแรงผลักดันให้ผมเล่นดนตรีมาโดยตลอด 5 00:00:40,874 --> 00:00:42,500 มันเป็นสิ่งแรกในชีวิตผม 6 00:00:42,584 --> 00:00:45,462 คิดถึงทั้งตอนก่อนนอนและตอนตื่น 7 00:00:46,129 --> 00:00:47,672 มันอยู่ตรงนั้นเสมอ 8 00:00:48,423 --> 00:00:50,467 มันมาก่อนสิ่งอื่นใด 9 00:01:28,296 --> 00:01:30,673 การใช้ชีวิตเป็นทั้งการผจญภัยและเรื่องท้าทาย 10 00:01:31,508 --> 00:01:34,344 มันไม่เกี่ยวกับการอยู่นิ่งๆ อย่างปลอดภัย 11 00:01:35,929 --> 00:01:39,891 แต่ผมเป็นแบบนี้มาโดยตลอด เป็นมาทั้งชีวิต 12 00:01:41,267 --> 00:01:44,979 ถ้าใครอยากสร้างสรรค์ต่อไปเรื่อยๆ พวกเขาก็ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง 13 00:01:48,900 --> 00:01:54,197 (ปี 1926) 14 00:02:14,968 --> 00:02:17,303 ผมเกิดที่อัลตัน รัฐอิลลินอยส์ 15 00:02:17,762 --> 00:02:20,140 เมืองเล็กๆ ริมแม่น้ำมิสซิสซิปปี 16 00:02:22,100 --> 00:02:24,853 พ่อผมย้ายครอบครัวไปที่อีสต์เซนต์หลุยส์ 17 00:02:27,313 --> 00:02:30,984 อีสต์เซนต์หลุยส์ กับเซนต์หลุยส์ เป็นเมืองชนบท มีชาวชนบทเยอะ 18 00:02:31,860 --> 00:02:34,112 โดยเฉพาะคนผิวขาวจากแถบนั้น 19 00:02:34,362 --> 00:02:35,363 ชนบทมากๆ 20 00:02:36,322 --> 00:02:37,866 เหยียดผิวเข้ากระดูกดำ 21 00:02:40,451 --> 00:02:42,370 ไมล์สโตมาในครอบครัวมีกิน 22 00:02:43,496 --> 00:02:45,165 พ่อเขาเป็นทันตแพทย์ 23 00:02:45,707 --> 00:02:47,458 อีกทั้งยังมีฟาร์มเลี้ยงวัว... 24 00:02:47,542 --> 00:02:49,502 (เรจินัลด์ เพ็ตตี้ ผู้อาศัยเมืองอีสต์เซนต์หลุยส์) 25 00:02:49,586 --> 00:02:51,045 ...เลี้ยงหมู และสัตว์อื่นด้วย 26 00:02:52,172 --> 00:02:54,340 พวกเขามั่งมีที่สุดในเมืองนั้น 27 00:02:54,591 --> 00:02:56,718 เขารวยเป็นอันดับสองของรัฐอิลลินอยส์... 28 00:02:56,801 --> 00:02:57,760 (ควินซี่ ทรูป นักเขียน) 29 00:02:57,844 --> 00:02:58,761 ...ชายผิวสี 30 00:02:58,845 --> 00:03:02,765 แต่ยุคที่เขาเติบโตขึ้นมายังเป็นยุค ที่อเมริกามีกฎหมายเหยียดผิวสีอยู่... 31 00:03:02,849 --> 00:03:04,142 (ฟาร่าห์ กริฟฟิน นักเขียน) 32 00:03:04,267 --> 00:03:07,395 ...ดังนั้นความมั่งคั่งของเขา ของพ่อเขา 33 00:03:07,478 --> 00:03:12,108 ไม่สามารถปกป้องเขาจากการแบ่งแยกสีผิว และการเหยียดผิว 34 00:03:12,192 --> 00:03:14,110 ในเมืองอย่างอีสต์เซนต์หลุยส์ได้ 35 00:03:16,696 --> 00:03:19,991 ตอนวันเกิดอายุ 13 ปี พ่อซื้อแตรทรัมเป็ตให้ 36 00:03:21,451 --> 00:03:25,163 แม่อยากให้ผมมีไวโอลิน แต่พ่อไม่ยอมแม่ 37 00:03:26,497 --> 00:03:28,499 มันทำให้พวกเขาทะเลาะกันรุนแรง 38 00:03:29,918 --> 00:03:33,087 พวกเขาจ้องขย้ำคอกันมาตั้งแต่ผมยังเด็ก 39 00:03:34,339 --> 00:03:37,467 เขาจะได้ยินพ่อกับแม่คุยหรือบ่นกัน... 40 00:03:37,550 --> 00:03:39,093 (ลี แอนนี่ บอนเนอร์ เพื่อนวัยเด็ก) 41 00:03:39,177 --> 00:03:43,598 ...เรื่องนี้คงเข้าไปอยู่ในหัวเขา ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก 42 00:03:44,015 --> 00:03:46,893 ไมล์สซึมซับมันเข้าไป เขาซึมซับทั้งหมด 43 00:03:47,435 --> 00:03:51,564 ทั้งความโมโหและทัศนคติแบบนั้นต่อผู้หญิง 44 00:03:53,983 --> 00:03:57,779 ผมจำได้ว่าแม่หยิบของขว้างใส่พ่อ 45 00:03:58,529 --> 00:04:00,823 พ่อโกรธเสียจนต่อยแม่เลย 46 00:04:00,907 --> 00:04:03,159 พ่อต่อยแม่แรงจนฟันร่วงจากปากสองสามซี่ 47 00:04:04,994 --> 00:04:06,788 มันต้องมีผลอะไรต่อแม่สักอย่าง 48 00:04:07,497 --> 00:04:09,165 แต่ผมไม่รู้ว่ามีผลอย่างไร 49 00:04:11,251 --> 00:04:13,586 ไมล์สถือเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง 50 00:04:14,545 --> 00:04:16,297 แต่เขาก็น่าจะถือเป็น... 51 00:04:17,382 --> 00:04:18,383 คนพิลึกด้วย 52 00:04:18,466 --> 00:04:19,884 (โรงเรียนมัธยมลินคอล์น) 53 00:04:19,968 --> 00:04:21,678 ไมล์สมักจะออกไปในป่า 54 00:04:22,387 --> 00:04:25,515 แล้วฟังเสียงสัตว์หรือเสียงนกร้องเพลง 55 00:04:25,598 --> 00:04:28,559 และเล่นตามเสียงที่เขาได้ยิน 56 00:04:31,229 --> 00:04:34,524 เขามีวิธีการทำอะไรในแบบของตัวเองเสมอ 57 00:04:36,943 --> 00:04:38,736 ไมล์สเริ่มเข้าวงการตั้งแต่ยังเด็ก 58 00:04:38,820 --> 00:04:42,657 เขาเป็นสมาชิกกลุ่มนักเป่าแตรทรัมเป็ต ในวงบลูเดวิลของเอ็ดดี้ แรนเดิล 59 00:04:43,533 --> 00:04:45,994 ไมล์สทั้งยังเด็กและตัวเล็ก 60 00:04:46,077 --> 00:04:48,830 ชุดสูตที่เขาต้องใส่ขณะแสดงแทบหลวมเกินไป... 61 00:04:48,913 --> 00:04:49,998 (แอชลี่ย์ คาห์น นักเขียน) 62 00:04:50,081 --> 00:04:53,459 ในขณะที่คนอื่นๆ ในวงของเอ็ดดี้ แรนเดิล ต้องมีรายได้ทางอื่น... 63 00:04:53,584 --> 00:04:55,253 (เบนจามิน คาวทรา นักประวัติศาสตร์) 64 00:04:55,336 --> 00:04:59,465 ...ไมล์ส เดวิสที่เป็นเด็กวัยรุ่นกลับได้ขึ้นเป็น ผู้กำกับดนตรีของวงดังนี้อย่างรวดเร็ว 65 00:05:00,216 --> 00:05:04,762 ("I LOVE THE RHYTHM IN A RIFF" บิลลี่ เอคสไตน์ กับวงดนตรี) 66 00:05:08,349 --> 00:05:11,602 จุดพลิกผันที่แท้จริงสำหรับไมล์สเป็นช่วง 67 00:05:11,686 --> 00:05:13,980 ฤดูร้อนหลังโรงเรียนมัธยมปิดเทอม 68 00:05:14,063 --> 00:05:18,234 เขาได้รับเชิญไปเล่นกับวงของบิลลี่ เอคสไตน์ 69 00:05:22,530 --> 00:05:25,366 ทั้งชาร์ลี พาร์คเกอร์ กับดิซซี่ กิลเลสปีก็อยู่ในวงนั้น 70 00:05:26,242 --> 00:05:28,619 ตรงนั้นเป็นพื้นที่ทดลอง 71 00:05:28,703 --> 00:05:32,582 อนาคตของดนตรีแจ๊สสมัยใหม่อยู่ในวงใหญ่นั้น 72 00:05:37,628 --> 00:05:40,256 ความรู้สึกดีที่สุดในชีวิตผม 73 00:05:40,840 --> 00:05:42,091 ตอนไม่ถอดเสื้อผ้า 74 00:05:42,425 --> 00:05:44,677 เกิดขึ้นครั้งแรกที่ผมได้เจอดิซกับเบิร์ด 75 00:05:45,720 --> 00:05:46,929 ผมอายุ 18 ปี 76 00:05:48,514 --> 00:05:52,685 ผมตัดสินใจในตอนนั้นเลย ว่าผมต้องไปที่ถนนเลขที่ 52 ในนิวยอร์ก 77 00:05:53,144 --> 00:05:54,312 ที่ทุกอย่างกำลังเกิดขึ้น 78 00:05:55,646 --> 00:06:02,528 (ปี 1944) 79 00:06:14,540 --> 00:06:15,917 วอลเตอร์ ครอนไคท์รายงาน 80 00:06:16,334 --> 00:06:19,128 ปีที่มีสงครามมักก่อให้เกิดกระแส และรสนิยมใหม่ๆ เสมอ 81 00:06:19,212 --> 00:06:24,300 และรสนิยมที่แปลกที่สุดตอนนี้ คือความตื่นเต้นที่มาจากเสียงดนตรีชื่อว่า แจ๊ส 82 00:06:24,384 --> 00:06:26,886 ดนตรีพิลึกนี้ถูกกล่าวหาว่าก่อให้เกิดเรื่องต่างๆ 83 00:06:26,969 --> 00:06:30,056 รวมถึงสภาพอากาศที่ย่ำแย่ และศีลธรรมที่เสื่อมถอยในปัจจุบัน 84 00:06:34,477 --> 00:06:38,981 ถนนเลขที่ 52 เป็นนครเมกกะแห่งคลับแจ๊ส... 85 00:06:39,065 --> 00:06:40,358 (จิมมี่ ฮีธ นักดนตรี) 86 00:06:40,441 --> 00:06:43,027 ..มีคลับแจ๊สขนาบถนนทั้งสองฝั่งเลย 87 00:06:47,407 --> 00:06:50,785 ผมไม่เคยได้ยินดนตรีที่ไหน เหมือนกับที่ถนนเลขที่ 52 เลย 88 00:06:51,953 --> 00:06:54,497 เรามักจะไปฟังดนตรีที่นั่นด้วยความตกตะลึง 89 00:06:55,665 --> 00:06:58,251 ดนตรีโดนใจจนน่ากลัว 90 00:07:01,963 --> 00:07:03,589 แต่ละคลับจะมีลำโพงด้านนอก... 91 00:07:03,673 --> 00:07:04,632 (จิมมี่ คอบบ์ นักดนตรี) 92 00:07:04,715 --> 00:07:06,384 ...จะได้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นข้างใน 93 00:07:06,467 --> 00:07:08,845 แต่คุณสามารถยืนข้างนอก... 94 00:07:08,928 --> 00:07:10,346 (แดน มอร์เกนสเติร์น นักเขียน) 95 00:07:10,430 --> 00:07:14,934 ...แล้วฟังดนตรีจนกว่า คนเฝ้าประตูที่คลับจะเดินมาไล่คุณ 96 00:07:16,144 --> 00:07:19,188 (จูลิอาร์ด) 97 00:07:20,857 --> 00:07:24,318 ไมล์สไปสมัครเรียนที่จูลิอาร์ด เพราะเขาอยากศึกษาดนตรี 98 00:07:25,236 --> 00:07:29,490 และเพราะแม่ของเขาอยากให้เขาเป็น นักดนตรีที่ได้รับการฝึกฝน 99 00:07:30,867 --> 00:07:34,579 เขาจริงจังกับจูลิอาร์ด เขามุ่งมั่นตั้งใจเรียน 100 00:07:34,662 --> 00:07:37,874 และเขาเห็นคุณค่าในสิ่งที่จูลิอาร์ดอาจสอนเขา 101 00:07:39,292 --> 00:07:42,295 คนแก่ๆ หลายคนนึกว่าถ้าคุณไปเรียน 102 00:07:42,378 --> 00:07:44,505 มันจะทำให้คุณเล่นดนตรีเหมือนคนขาว 103 00:07:45,173 --> 00:07:46,674 ถ้าคุณเรียนรู้จากทฤษฎี 104 00:07:46,757 --> 00:07:48,885 อารมณ์จะหายไปจากดนตรีของคุณ 105 00:07:50,052 --> 00:07:51,637 ผมชอบไปที่ห้องสมุด 106 00:07:51,721 --> 00:07:54,265 แล้วยืมสมุดโน๊ตเพลง ของเหล่านักประพันธ์ดนตรีผู้ยิ่งใหญ่ 107 00:07:55,349 --> 00:07:57,935 ผมอยากเห็นว่าดนตรีทั้งหมดเป็นอย่างไร 108 00:07:59,312 --> 00:08:01,647 แต่เขาก็รู้ว่ามีเหตุการณ์อย่างอื่น 109 00:08:01,731 --> 00:08:03,399 ที่ไม่เกิดขึ้นที่จูลิอาร์ด 110 00:08:04,442 --> 00:08:08,279 ดังนั้นช่วงกลางวันเขาจะไปที่จูลิอาร์ด 111 00:08:08,362 --> 00:08:11,574 ส่วนตอนกลางคืนเขาจะไปที่ถนนเลขที่ 52 112 00:08:13,659 --> 00:08:17,163 ผมใช้ช่วงสัปดาห์แรกที่นิวยอร์ก ออกตามหาเบิร์ดกับดิซซี่ 113 00:08:17,830 --> 00:08:19,874 ใช้เงินไปหมด แต่ก็หาไม่เจอ 114 00:08:21,209 --> 00:08:24,170 แต่แล้วคืนหนึ่ง ผมได้ยินเสียงคนพูดมาจากข้างหลัง 115 00:08:24,253 --> 00:08:26,923 "ว่าไง ไมล์ส ได้ข่าวว่านายตามหาฉันอยู่" 116 00:08:28,090 --> 00:08:30,760 ผมหันหลังไปเจอเบิร์ดอยู่ตรงนั้น 117 00:08:31,219 --> 00:08:34,472 ("HOT HOUSE" ชาร์ลี "ยาร์ดเบิร์ด" พาร์คเกอร์) 118 00:08:37,517 --> 00:08:40,311 นักดนตรีบีบ็อปเป็นเหมือนนักวิทยาศาสตร์จรวด 119 00:08:41,354 --> 00:08:43,814 บีบ็อปนี่เทียบเท่ากับโครงการแมตฮันตันเลย... 120 00:08:43,898 --> 00:08:44,899 (เกร็ก เทท นักเขียน) 121 00:08:46,359 --> 00:08:50,071 และแจ๊สแนวนี้ถูกพัฒนาโดยนักฟิสิกส์เสียงหัวกะทิ 122 00:08:51,113 --> 00:08:54,283 ที่เป่าแล้วเป่าอีกให้ดนตรีนี้ ไปไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ 123 00:08:57,662 --> 00:09:01,874 ดังนั้นไมล์สก็ได้ก้าวเข้าไปอยู่ ในแหล่งเพาะการวิจัยและการพัฒนาดนตรี 124 00:09:09,882 --> 00:09:12,134 บีบ็อปเป็นดนตรีผิวสี 125 00:09:12,218 --> 00:09:14,929 เป็นดนตรีของนักดนตรีผิวสี... 126 00:09:15,012 --> 00:09:16,347 (เจอรัลด์ เออร์ลี่ นักประวัติศาสตร์) 127 00:09:16,430 --> 00:09:18,224 ...ที่อยากหนีให้ไกลจากดนตรียุคกลาง 128 00:09:22,728 --> 00:09:26,649 ไม่มีการยิ้ม หัวเราะ อมยิ้ม หรือการเต้นรำเลย 129 00:09:27,066 --> 00:09:28,359 ไม่ให้ความบันเทิง 130 00:09:29,777 --> 00:09:31,821 พวกเขาอยากเป็นศิลปินอย่างสตราวินสกี... 131 00:09:31,904 --> 00:09:33,030 (ควินซี่ โจนส์ นักดนตรี) 132 00:09:33,114 --> 00:09:35,199 ...เหมือนสตราวินสกีที่เป็นนักดนตรีบริสุทธิ์ 133 00:09:36,867 --> 00:09:41,205 ไมล์สได้เห็นผู้คนที่แต่งตัวสง่างามมาก 134 00:09:41,706 --> 00:09:45,501 มันมาพร้อมศักดิ์ศรี มาพร้อมความสูงส่ง 135 00:09:45,585 --> 00:09:46,586 ทั้งยังฟอร์มดี 136 00:09:51,465 --> 00:09:55,803 ไม่นานหลังไมล์สเริ่มเรียนที่จูลิอาร์ด 137 00:09:56,220 --> 00:09:58,973 ไอรีนก็มาหา หวานใจสมัยมัธยมของเขา 138 00:09:59,473 --> 00:10:03,060 เธอมาพร้อมลูกของพวกเขา และท้องลูกอีกคน 139 00:10:04,687 --> 00:10:09,650 จู่ๆ เธอก็โผล่มาหา มาเคาะประตูหน้าบ้านเลย 140 00:10:10,192 --> 00:10:11,861 แม่ผมบอกให้มา 141 00:10:12,695 --> 00:10:17,158 สิ่งที่เขาต้องพยายามทำในวัยนั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย 142 00:10:17,366 --> 00:10:21,162 มีทั้งสถานการณ์ครอบครัวที่เขามีลูก 143 00:10:21,871 --> 00:10:26,542 ทั้งความจำเป็นต้องทุ่มเทเวลา ในฐานะนักศึกษาที่ตั้งใจเรียนที่จูลิอาร์ด 144 00:10:26,626 --> 00:10:28,669 และยังมีความจำเป็นต้องทุ่มเทเวลา 145 00:10:29,211 --> 00:10:30,838 ให้กับดนตรีนี้ด้วย 146 00:10:31,339 --> 00:10:33,924 พอถึงจุดหนึ่ง เขาต้องทิ้งอะไรบางอย่าง 147 00:10:36,302 --> 00:10:38,971 ดนตรีคือทุกสิ่งทุกอย่าง 148 00:10:39,305 --> 00:10:42,308 มันคือกามารมณ์ ราคะ ทุกอย่างเลย 149 00:10:42,391 --> 00:10:43,267 อำนาจ 150 00:10:43,643 --> 00:10:44,685 ทุกอย่าง อารมณ์ขัน 151 00:10:45,436 --> 00:10:47,855 แต่เขาแบ่งปันมันไม่ได้ 152 00:10:48,731 --> 00:10:51,192 ดังนั้นใครบางคนจะต้องกลายมาเป็นรอง 153 00:10:54,445 --> 00:10:59,283 อยู่มาวันหนึ่ง อาจารย์บอกว่า ดนตรีบลูส์เกิดขึ้นจาก 154 00:10:59,367 --> 00:11:03,120 ความทุกข์ยากลำบากของทาสและระบบทาส... 155 00:11:03,204 --> 00:11:04,955 (เวย์น ชอร์เทอร์ นักดนตรี) 156 00:11:05,039 --> 00:11:07,917 ...กับเสียงร้องห่มร้องไห้ 157 00:11:08,000 --> 00:11:11,337 ว่านี่ได้กลายเป็นความโศกเศร้าของผู้ถูกล่ามโซ่ 158 00:11:11,420 --> 00:11:13,589 ไมล์สนั่งอยู่ตรงไหนสักแห่งหลังห้อง 159 00:11:13,673 --> 00:11:15,549 เขายกมือตอนที่อาจารย์ยังพูดไม่จบ 160 00:11:17,259 --> 00:11:18,344 เธอถาม "อะไร" 161 00:11:19,053 --> 00:11:20,054 เขาบอกว่า 162 00:11:21,472 --> 00:11:24,183 "อาจารย์ตอแหล" 163 00:11:26,185 --> 00:11:27,561 แล้วเดินออกจากห้องเรียน 164 00:11:30,064 --> 00:11:34,026 ภายในเวลาไม่กี่เดือน ไมล์สก็ได้ไปใช้เวลาอยู่กับเบิร์ด 165 00:11:34,110 --> 00:11:35,861 และอัดดนตรีกับเบิร์ด 166 00:11:36,404 --> 00:11:37,738 เขามาถึง... 167 00:11:38,155 --> 00:11:39,281 ในทันทีเลย 168 00:11:40,032 --> 00:11:42,576 ทุกคืนที่เขาขึ้นแท่นเวทีกับเบิร์ด 169 00:11:42,660 --> 00:11:45,621 เบิร์ดจะเล่นดนตรีท่อนหลัก แล้วทิ้งเขาไว้บนเวทีคนเดียว 170 00:11:46,288 --> 00:11:47,873 เขาบอกว่าเขาอาเจียนทุกคืน 171 00:11:48,791 --> 00:11:52,586 เพราะว่าเขาเครียดและหน้าแตกมาก 172 00:11:53,295 --> 00:11:56,257 นักดนตรีพวกนั้นทำเขาเล่นแตรจนเหนื่อยทุกคืน 173 00:11:57,633 --> 00:11:59,176 แต่เขาก็คิดอย่างอื่นออก 174 00:12:11,814 --> 00:12:16,110 เขาได้คิดค้นสไตล์ที่สะท้อนให้เห็น ตัวตนที่แท้จริงของเขา 175 00:12:16,485 --> 00:12:19,280 โทนเสียงตรงๆ สุนทรีย์... 176 00:12:20,281 --> 00:12:22,116 (แทมมี่ แอล. เคอร์โนเดิล นักดนตรีวิทยา) 177 00:12:22,199 --> 00:12:24,201 ...นั่นคือตัวเขา เป็นแบบฉบับเขาเอง 178 00:12:32,501 --> 00:12:36,881 ไมล์สได้พบกับกิล เอวานส์ ซึ่งพวกเขาต่างเคารพกันและกัน 179 00:12:37,339 --> 00:12:40,092 และทุ่มเทให้กับดนตรีพอๆ กัน 180 00:12:40,509 --> 00:12:43,053 ซึ่งมันจะคงอยู่ไปตลอดชีวิต 181 00:12:45,055 --> 00:12:48,684 ผมชอบการแต่งดนตรีของเขา และเขาชอบการเล่นของผม 182 00:12:49,101 --> 00:12:50,895 เราได้ยินเสียงในมุมเดียวกัน 183 00:12:52,438 --> 00:12:55,483 ในปลายยุค 40 พวกเขาทำโปรเจกต์หนึ่งด้วยกัน 184 00:12:55,566 --> 00:12:57,193 ชื่อว่า "เบิร์ธออฟเดอะคูล" 185 00:12:57,610 --> 00:13:00,529 ดนตรีสำหรับวงเก้าชิ้นที่จะทำให้ 186 00:13:00,613 --> 00:13:05,326 เกิดการผสมผสานระหว่าง แนวคิดคลาสสิกสมัยใหม่กับแจ๊ส 187 00:13:13,125 --> 00:13:14,710 และตอนนี้ ทุกท่านครับ 188 00:13:14,794 --> 00:13:16,754 เราจะนำเสนอสิ่งใหม่ในดนตรีสมัยใหม่ 189 00:13:16,837 --> 00:13:19,965 "ความประทับใจในดนตรีสมัยใหม่" กับไมล์ส เดวิสผู้ยิ่งใหญ่ 190 00:13:20,049 --> 00:13:21,801 และองค์กรใหม่ที่วิเศษสุดของเขา 191 00:13:25,137 --> 00:13:29,517 ผมคิดว่าพวกเขามีความตั้งใจ อยากสร้างสรรค์ดนตรีที่น่าฟัง ดนตรีคอนเซิร์ต 192 00:13:29,600 --> 00:13:33,479 โดยจงใจไม่ให้มีแรงขับ 193 00:13:34,063 --> 00:13:37,066 และแนวฟังก์จากถนนเลขที่ 52 194 00:13:46,033 --> 00:13:48,452 แต่หลักๆ แล้วเป็นความพยายามสร้างสีสันใหม่ 195 00:13:49,286 --> 00:13:52,248 ในแบบที่ทำให้ดนตรีแจ๊สมีสีสันหลากหลายขึ้น 196 00:13:58,671 --> 00:14:02,883 และผมคิดว่าเขาตระหนักรู้ว่า หากจะขับเคลื่อนดนตรีไปข้างหน้า 197 00:14:03,300 --> 00:14:06,303 คุณก็ต้องพามันไปที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน 198 00:14:13,352 --> 00:14:16,605 หัวใจของอารยธรรมยุโรปโชติช่วงอีกครั้ง 199 00:14:17,189 --> 00:14:18,440 ปารีสเป็นอิสระ 200 00:14:19,316 --> 00:14:21,986 การปกครองภายใต้ระบอบนาซี นานสี่ปีสิ้นสุดลงแล้ว 201 00:14:23,070 --> 00:14:25,114 ที่นี่กลายเป็นเมืองแห่งแสงสว่างอีกครั้ง 202 00:14:34,790 --> 00:14:37,918 มันเป็นช่วงเวลาที่พิเศษมากสำหรับฝรั่งเศส... 203 00:14:38,002 --> 00:14:39,086 (จูเลียตต์ เกรโค่ นักแสดง) 204 00:14:39,712 --> 00:14:40,546 พิเศษมาก 205 00:14:42,006 --> 00:14:43,883 เพราะได้มีภาวะเคลิ้มสุข 206 00:14:43,966 --> 00:14:45,634 เป็นภาวะเคลิ้มสุขหลังสงคราม 207 00:14:49,680 --> 00:14:52,641 ได้มีระเบิดสองลูก ระเบิดอะตอมกับการปลดปล่อย 208 00:14:55,853 --> 00:14:59,148 หลังสงคราม ฝรั่งเศสเปลี่ยนไป ยุโรปเปลี่ยนไป... 209 00:14:59,231 --> 00:15:00,649 (วินเซนต์ เบส์เซียร์ส นักเขียน) 210 00:15:00,733 --> 00:15:03,277 ...และพวกเขาต้องการเสียงใหม่สำหรับยุคใหม่ 211 00:15:04,153 --> 00:15:05,237 ซึ่งเสียงนั้นคือแจ๊ส 212 00:15:05,321 --> 00:15:09,283 ตอนนี้คุณกำลังฟังวงดนตรีห้าชิ้น ของแทดด์ ดาเมรอน กับไมล์ส เดวิส 213 00:15:10,534 --> 00:15:11,535 นี่คือไมล์ส เดวิส 214 00:15:14,580 --> 00:15:16,790 ผมได้เดินทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก 215 00:15:17,458 --> 00:15:21,503 ผมชื่นชอบการอยู่ในปารีส และชอบวิธีที่ทุกคนปฏิบัติต่อผม 216 00:15:22,546 --> 00:15:26,300 เขาบอกว่าขนาดอาหารที่ฝรั่งเศส ก็ยังอร่อยกว่าเลย 217 00:15:26,800 --> 00:15:32,014 กลิ่นที่โชยในอากาศที่ปารีสยังหอมหวานกว่าเลย 218 00:15:33,140 --> 00:15:36,644 ช่วงเวลานั้นทำให้เขารู้สึกตื่นเต้น 219 00:15:38,646 --> 00:15:40,522 ดนตรีเป็นทั้งชีวิตของผม 220 00:15:40,940 --> 00:15:45,861 ผมหลงใหลดนตรีมาโดยตลอด จนไม่มีเวลาให้กับเรื่องความรัก 221 00:15:46,779 --> 00:15:48,697 จนกระทั่งผมได้เจอกับจูเลียตต์ เกรโค่ 222 00:15:52,409 --> 00:15:56,997 ("SOUS LE CIEL DE PARIS" จูเลียตต์ เกรโค่) 223 00:15:58,082 --> 00:16:01,710 ครั้งแรกที่ฉันได้เห็นไมล์ส ฉันเห็นเขาจากด้านข้าง 224 00:16:05,381 --> 00:16:07,883 และมันน่าทึ่งจริงๆ มันช่างงดงาม 225 00:16:07,967 --> 00:16:09,718 งดงามอย่างสุนทรีย์ เขางดงาม 226 00:16:12,012 --> 00:16:13,806 ทักษะภาษาอังกฤษฉันยังแย่อยู่ 227 00:16:13,889 --> 00:16:15,933 แต่ตอนนั้นมันแย่มากๆ 228 00:16:16,016 --> 00:16:17,142 และ... 229 00:16:17,935 --> 00:16:19,812 แต่เราเข้าใจกันจนได้ 230 00:16:21,438 --> 00:16:22,439 เป็นปาฏิหาริย์ 231 00:16:23,816 --> 00:16:25,776 เป็นสิ่งที่เรียกว่าปฏิหาริย์รัก 232 00:16:32,408 --> 00:16:35,577 ผมกับจูเลียตต์เคยเดินเลียบแม่น้ำแซนด้วยกัน 233 00:16:36,203 --> 00:16:37,663 จูงมือกัน จูบกัน 234 00:16:37,746 --> 00:16:40,416 มองตากันและกัน แล้วจูบกันอีกสักหน่อย 235 00:16:41,917 --> 00:16:43,460 ผมใส่ใจไอรีนมาก 236 00:16:44,128 --> 00:16:47,131 แต่ผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อนในชีวิต 237 00:16:48,632 --> 00:16:52,177 เธอพาเขาเข้าไปเจอกลุ่มศิลปิน 238 00:16:52,261 --> 00:16:54,096 ปัญญาชน นักปราชญ์ 239 00:16:54,179 --> 00:16:57,850 ไปเจอเหล่ามันสมองที่ชาญฉลาดที่สุดในยุคนั้น 240 00:16:58,308 --> 00:17:02,646 ในตอนนั้น ดนตรีแจ๊สถูกมองว่า เป็นจุดสูงสุดของงานศิลปะ 241 00:17:02,730 --> 00:17:06,358 ในกลุ่มปัญญาชนและคนสร้างสรรค์ชาวฝรั่งเศส 242 00:17:07,443 --> 00:17:09,445 เขาได้พบกับปาโบล ปีกัสโซ 243 00:17:09,528 --> 00:17:11,113 ฌอง-ปอล ชาตร์ 244 00:17:11,822 --> 00:17:15,743 เขาถือเป็นผู้เทียบเท่ากับ เหล่าศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ในสายตาคนยุคนั้น 245 00:17:17,494 --> 00:17:23,042 สำหรับไมล์ส ปารีสคือที่ที่เปิดโลก ความเป็นไปได้และศักยภาพ 246 00:17:23,500 --> 00:17:27,588 มันทำให้เขารู้สึกว่า เขาสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่ 247 00:17:28,088 --> 00:17:30,758 โดยไม่ต้องติดอยู่ในกรอบของเชื้อชาติ 248 00:17:31,258 --> 00:17:33,886 ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่จะรั้งคุณไว้ได้ 249 00:17:33,969 --> 00:17:37,890 และว่ามันอาจเป็นอะไรบางอย่าง ที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จ 250 00:17:38,766 --> 00:17:42,770 ปารีสเป็นที่ที่ผมเข้าใจว่า คนขาวไม่ได้เหมือนกันหมด 251 00:17:43,687 --> 00:17:46,065 ว่าบางคนอคติ แต่บางคนไม่เป็น 252 00:17:47,483 --> 00:17:49,526 ผมไปได้แค่สองสามสัปดาห์เอง 253 00:17:50,360 --> 00:17:52,905 แต่ผมได้ฝันหวานถึงความเป็นไปได้แล้ว 254 00:17:53,489 --> 00:17:55,074 บางทีอาจเกิดปาฏิหาริย์ 255 00:17:56,325 --> 00:18:00,788 ซาตร์ถามไมล์สว่า "ทำไมไม่แต่งงานกับเกรโค่ล่ะ" 256 00:18:02,664 --> 00:18:04,875 ไมล์สตอบว่า "เพราะผมตกหลุมรักเธอ 257 00:18:04,958 --> 00:18:05,876 ผมรักเธอ" 258 00:18:17,596 --> 00:18:21,183 ตอนนั่งเครื่องบินกลับประเทศนี้ ผมรู้สึกซึมเศร้ามาก 259 00:18:21,266 --> 00:18:24,186 จนพูดอะไรไม่ออกตลอดทาง 260 00:18:25,229 --> 00:18:27,898 ไม่เคยรู้เลยว่าจะสะเทือนใจแบบนั้น 261 00:18:34,822 --> 00:18:38,784 ศิลปินชาวแอฟริกันอเมริกันทุกคน ที่เคยไปอยู่ต่างประเทศ 262 00:18:39,159 --> 00:18:42,579 จะพูดถึงความผิดหวังอย่างรุนแรง เมื่อได้กลับมายังสหรัฐอเมริกา 263 00:18:42,663 --> 00:18:44,957 คุณได้เห็นชาติของคุณในแบบที่รู้จัก 264 00:18:45,040 --> 00:18:47,835 แต่คุณเห็นชัดขึ้นกว่าเดิม 265 00:18:47,918 --> 00:18:49,878 เพราะคุณเคยมีประสบการณ์ที่แตกต่าง 266 00:18:53,257 --> 00:18:55,050 มันลำบากมากที่ต้องกลับมา 267 00:18:55,134 --> 00:18:59,096 เจอเรื่องเหลวไหลที่คนขาวทำกับ คนดำในประเทศนี้ 268 00:19:00,013 --> 00:19:01,974 ผมสูญเสียความมีวินัย 269 00:19:02,641 --> 00:19:06,478 สูญเสียบังเหียนชีวิตของตัวเอง แล้วเริ่มลอยไปอย่างไร้จุดหมาย 270 00:19:07,938 --> 00:19:11,150 มารู้ตัวอีกที ผมเสพติดเฮโรอีน 271 00:19:12,067 --> 00:19:16,613 ซึ่งแปลว่าผมซื้อและฉีดเฮโรอีนตลอดทั้งวันทั้งคืน 272 00:19:18,073 --> 00:19:19,324 ชีวิตผมมีแค่นั้น 273 00:19:24,037 --> 00:19:26,415 อาชีพการงานของเขาคุมไม่อยู่ 274 00:19:27,749 --> 00:19:30,752 ไม่มีใครคาดหวังว่าไมล์สจะมีชีวิตรอด 275 00:19:30,836 --> 00:19:35,465 ไม่ต้องพูดถึงว่าเขาจะเป็น นักดนตรีประสบความสำเร็จอีกหรือไม่ 276 00:19:40,762 --> 00:19:44,308 ผมมีคลับเล็กๆ แห่งหนึ่ง น่าจะที่ฮาร์ตฟอร์ด 277 00:19:45,017 --> 00:19:46,935 ผมจองตัวซิมโฟนีซิด ดาวดัง 278 00:19:48,145 --> 00:19:51,398 และซิมโฟนีซิดบอกว่า "อย่าให้เงินไมล์ส" 279 00:19:52,816 --> 00:19:55,235 คืนแรกไมล์สเข้ามาหาผมแล้วพูดว่า 280 00:19:55,319 --> 00:19:56,945 "จอร์จ ขอห้าดอลลาร์หน่อยสิ" 281 00:19:56,987 --> 00:19:58,488 (จอร์จ เวน นักโปรโมตดนตรีแจ๊ส) 282 00:19:58,572 --> 00:19:59,907 ...ผมตอบว่า "ไม่เอาน่า" 283 00:20:00,490 --> 00:20:02,117 "จอร์จ ขอสองดอลลาร์หน่อย" 284 00:20:02,826 --> 00:20:04,828 ผมก็... "ไม่เอาน่า ไมล์ส" 285 00:20:05,329 --> 00:20:07,372 "จอร์จ ขอ 50 เซนต์" 286 00:20:08,582 --> 00:20:10,083 "นี่ เพื่อน คุณก็รู้..." 287 00:20:10,584 --> 00:20:12,628 "จอร์จ ขอหนึ่งเพนนี" 288 00:20:13,420 --> 00:20:15,297 นั่นครั้งแรกที่ผมได้เจอไมล์ส 289 00:20:19,134 --> 00:20:22,012 เราไปแสดงที่คลับแห่งหนึ่งในนิวยอร์ก 290 00:20:23,222 --> 00:20:25,474 และพ่อของเขามาจากอีสต์เซนต์หลุยส์ 291 00:20:25,557 --> 00:20:26,934 มาที่คลับนั้น... 292 00:20:27,017 --> 00:20:27,976 (จิมมี่ ฮีธ แซกโซโฟน) 293 00:20:28,060 --> 00:20:30,395 ...ลากเขาลงจากเวที ทิ้งแตรไว้บนนั้นละ 294 00:20:30,479 --> 00:20:32,439 เขาบอก "มา ลูกต้องกลับบ้านกับพ่อ" 295 00:20:38,528 --> 00:20:40,781 ผมรู้สึกเหมือนเด็กน้อยที่เดินทางกับพ่อ 296 00:20:42,783 --> 00:20:44,660 ผมไม่เคยรู้สึกแบบนั้นมาก่อน 297 00:20:44,993 --> 00:20:47,120 และคงไม่ได้รู้สึกแบบนั้นอีกเลย 298 00:20:48,789 --> 00:20:51,917 ระหว่างทางกลับบ้าน ผมบอกพ่อว่าจะเลิกยา 299 00:20:52,000 --> 00:20:54,169 และผมแค่ต้องการพักผ่อนสักพัก 300 00:20:55,921 --> 00:20:58,507 มารู้ตัวอีกที ผมเสพยาอีกแล้ว 301 00:20:59,466 --> 00:21:02,177 ผมยืมเงินพ่อมาสนับสนุนนิสัยเล่นยา 302 00:21:06,181 --> 00:21:09,184 คุณจะมองเห็นเขาเดินมาตอนกลางคืน 303 00:21:10,352 --> 00:21:12,229 คุณจะไปเจอเขาที่ไหนสังแห่ง 304 00:21:12,396 --> 00:21:13,981 แต่ไม่รู้เลยว่านั่นคือไมล์ส 305 00:21:14,064 --> 00:21:17,234 บางครั้งเขาอาจสวมเสื้อผ้าที่... 306 00:21:17,317 --> 00:21:19,027 (ยูจีน เรดมอนด์ ผู้อาศัยอีสต์เซนต์หลุยส์) 307 00:21:19,152 --> 00:21:20,904 ...ทำให้เขาดูเหมือนคนเร่ร่อน 308 00:21:21,530 --> 00:21:23,073 เราอยากให้เขาเป็นซูเปอร์แมน 309 00:21:25,909 --> 00:21:27,327 แต่ว่ามัน... 310 00:21:27,828 --> 00:21:28,996 ไม่เป็นแบบนั้น 311 00:21:34,251 --> 00:21:38,297 ฉันไม่อยากเห็นเขาในสภาพนั้นเลย 312 00:21:40,424 --> 00:21:41,466 แต่ว่าฉัน... 313 00:21:42,426 --> 00:21:43,927 ฉันไม่อยากพูดเรื่องนั้น 314 00:21:48,765 --> 00:21:51,727 ผมไปที่ฟาร์มของพ่อที่มิลสตัตต์ 315 00:21:52,811 --> 00:21:54,062 ผมป่วย 316 00:21:55,397 --> 00:21:58,483 ถ้ามีใครการันตีได้ว่าผมจะตายในสองวินาที 317 00:21:58,567 --> 00:21:59,776 ผมคงเชื่อ 318 00:22:02,571 --> 00:22:04,781 ผมเป็นแบบนี้ไปอีกเจ็ดหรือแปดวัน 319 00:22:05,741 --> 00:22:06,742 ผมกินไม่ลง 320 00:22:07,909 --> 00:22:10,454 และจู่ๆ วันหนึ่งผมก็หาย ง่ายๆ เลย 321 00:22:10,871 --> 00:22:11,705 หาย 322 00:22:13,248 --> 00:22:14,166 ผมรู้สึกดีขึ้น 323 00:22:15,083 --> 00:22:16,543 ดี บริสุทธิ์ 324 00:22:21,214 --> 00:22:25,844 หนุ่มผิวขาวคนหนึ่งได้ก่อตั้ง ค่ายเพลงแจ๊สค่ายใหม่ ชื่อเพรสตีจ 325 00:22:26,345 --> 00:22:29,097 และเขาอยากให้ผมทำอัลบั้มให้เขา 326 00:22:30,724 --> 00:22:32,976 ผมเห็นว่าชีวิตผมมีแต่จะดีขึ้น 327 00:22:33,894 --> 00:22:35,729 เพราะตอนนี้ตกต่ำสุดขีดแล้ว 328 00:22:36,897 --> 00:22:40,192 เรา พลเมืองชาวนิโกร ได้ตัดสินใจไม่ขึ้นรถเมล์... 329 00:22:40,275 --> 00:22:42,402 - ประกวดมิสอเมริกา - ทีมดอดเจอร์บ้าระห่ำ 330 00:22:42,486 --> 00:22:44,071 เอ็มเม็ตต์ ทิลล์ถูกจับกุม... 331 00:22:44,154 --> 00:22:46,323 มอเตอรามิก เชฟโรเรตรุ่นใหม่น่าอัศจรรย์ 332 00:22:50,452 --> 00:22:52,746 แป้งผสมเค้กเบ็ตตี้ ครอกเกอร์ทุกสูตร... 333 00:22:52,829 --> 00:22:55,916 บ่ายวันนี้ ดิสนีย์แลนด์ อาณาจักรที่วิเศษที่สุดในโลก... 334 00:23:06,343 --> 00:23:10,055 ("BLUE MONK" ทีโลเนียส มังค์) 335 00:23:12,849 --> 00:23:17,604 ผมอยู่ในคลับแห่งหนึ่งที่นิวยอร์ก และไมล์สนั่งอยู่ด้านหลังคลับนั้น 336 00:23:19,231 --> 00:23:21,566 ตอนเดินออกมา ไมล์สมาหยุดผมแล้วพูดว่า 337 00:23:21,650 --> 00:23:24,152 "คุณจะจัดเทศกาลดนตรีแจ๊สที่นิวพอร์ตเหรอ" 338 00:23:24,611 --> 00:23:26,363 ผมตอบ "ใช่แล้ว ไมล์ส" 339 00:23:27,072 --> 00:23:29,699 เขาพูดว่า "จัดเทศกาลไม่ได้ถ้าขาดผม" 340 00:23:30,700 --> 00:23:32,869 ผมถาม "คุณอยากแสดงในเทศกาลดนตรีเหรอ" 341 00:23:32,953 --> 00:23:35,372 เขาตอบ "จัดเทศกาลไม่ได้ถ้าขาดผม" 342 00:23:35,872 --> 00:23:38,291 ผมเลยบอกว่า "ก็ได้ ผมจะโทรหาตัวแทนคุณ" 343 00:23:47,592 --> 00:23:49,719 นิวพอร์ตเป็นเหมือนการคัดตัว 344 00:23:51,471 --> 00:23:55,725 ในหมู่คนดูมีเหล่าผู้บริหาร จากโคลัมเบียเรเคิร์ดส์มาฟังอยู่ด้วย 345 00:23:55,809 --> 00:23:59,855 ตอนนั้นโคลัมเบียเรเคิร์ดส์เป็นเหมือน แบรนด์ทิฟฟานี่ของวงการค่ายเพลง 346 00:23:59,938 --> 00:24:01,606 เขารู้ว่ามันหมายความว่าอะไร 347 00:24:01,982 --> 00:24:03,984 เขารู้ว่าหมายความว่าอะไรสำหรับเขา 348 00:24:05,235 --> 00:24:08,321 ดังนั้นถ้าที่นิวพอร์ตเขาได้มีโอกาสแบบนั้น 349 00:24:08,405 --> 00:24:10,532 เขาจะลุยเต็มที่ ใส่ทุกอย่างที่มี 350 00:24:20,709 --> 00:24:26,131 ไมล์สเอาปากแตรจ่อหน้าไมโครโฟนเลย 351 00:24:27,632 --> 00:24:31,011 และเขาได้เปลี่ยน โลกแห่งดนตรีแจ๊ส ณ ตอนนั้นเอง 352 00:24:31,094 --> 00:24:33,180 เขาพลิกอาชีพตัวเอง ณ ตอนนั้นเอง 353 00:24:33,763 --> 00:24:38,101 เพราะความงดงามของเพลงนั้น และความงดงามของแตรทรัมเป็ตของไมล์ส 354 00:24:38,810 --> 00:24:42,981 ทำให้บีบ็อปกลายเป็นดนตรีที่ทุกคนยอมรับได้ 355 00:24:51,656 --> 00:24:55,785 ตอนนี้พวกเขาเปิดเพลงของไมล์ส ขณะร่วมรักกันได้แล้ว 356 00:25:28,818 --> 00:25:30,946 การบรรเลงเพลงรักต้องใช้ความกล้าอย่างสูง 357 00:25:31,780 --> 00:25:34,407 การไปหลบอยู่หลังโน๊ตหลายๆ ตัว ที่ผสมกันมั่วนั้นทำง่าย... 358 00:25:34,491 --> 00:25:35,825 (คาร์โลส ซานตาน่า นักดนตรี) 359 00:25:35,909 --> 00:25:37,369 ...และ "ดูสิว่าผมทำอะไรเป็น" 360 00:25:37,452 --> 00:25:39,371 แบบว่า... โอเค 361 00:25:47,254 --> 00:25:51,716 ผู้ชายส่วนใหญ่ไม่กล้าแสดงความอ่อนแอ 362 00:25:52,884 --> 00:25:55,053 ผู้หญิงรักสิ่งนั้นในตัวผู้ชายที่สุด 363 00:26:08,692 --> 00:26:12,862 ผมคิดว่าในแง่หนึ่ง ไมล์สก็ดูเหมือน... 364 00:26:13,405 --> 00:26:15,615 แต่พอเขาเริ่มบรรเลงเพลง ทุกคนจะแบบ... 365 00:26:16,658 --> 00:26:18,702 เขาทำให้คุณหมดทางขัดขืน 366 00:26:29,629 --> 00:26:34,634 เสียงดนตรีของไมล์สไม่เหมือนใครจากโน๊ตแรก 367 00:26:36,136 --> 00:26:37,512 มันมีความรู้สึกของ... 368 00:26:38,221 --> 00:26:40,348 ความสุข ความงดงาม 369 00:26:42,225 --> 00:26:44,102 มีบางอย่างที่โรแมนติกมาก 370 00:26:45,186 --> 00:26:47,522 แต่มันโรแมนติกในแบบที่ไม่อ่อนไหว 371 00:27:04,956 --> 00:27:07,709 เขาเปิดใจหมดเปลือกให้คุณเห็น 372 00:27:08,335 --> 00:27:10,920 เข้าไปถึงหัวใจคุณ... 373 00:27:11,796 --> 00:27:14,090 เข้าไปถึงก้นบึ้งจิต 374 00:27:24,934 --> 00:27:29,356 ฉันอยากมีความรู้สึกเหมือนเสียงของไมล์ส 375 00:27:40,700 --> 00:27:42,285 ไมล์สมีวิธีการบรรเลง... 376 00:27:43,036 --> 00:27:47,874 ที่มีเสียงเหมือนก้อนหินที่กระดอนบนบ่อน้ำ... 377 00:27:47,957 --> 00:27:49,167 (เฮอร์บี้ แฮนค็อค นักดนตรี) 378 00:27:53,380 --> 00:27:56,216 เขาแค่แตะคลื่นแต่ละคลื่น 379 00:28:09,979 --> 00:28:11,439 บางครั้งเขาจะไม่เล่นโน๊ตหนึ่ง 380 00:28:12,190 --> 00:28:13,775 และผมเคยเห็นคนทำแบบนี้... 381 00:28:13,858 --> 00:28:15,068 (มาร์คัส มิลเลอร์ นักดนตรี) 382 00:28:15,151 --> 00:28:16,111 ...รอคอยโน๊ตต่อไป 383 00:28:27,038 --> 00:28:29,124 เสียงของเขาช่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง 384 00:28:29,958 --> 00:28:31,042 และสง่างาม 385 00:28:32,335 --> 00:28:33,628 และอร่อย 386 00:28:34,879 --> 00:28:36,381 ดนตรีเสียงอร่อย 387 00:28:43,138 --> 00:28:44,681 ไมล์สสามารถเล่นโน๊ตเดียว... 388 00:28:45,348 --> 00:28:47,392 ผมเคยเห็นเขาเล่นโน๊ตเดียว 389 00:28:47,767 --> 00:28:49,978 และนักพนันเงินหนาที่มาที่คลับ 390 00:28:50,061 --> 00:28:52,272 พวกเขาออกมาฟังเสียงโน๊ตเดียวนั้นแล้วพูดว่า 391 00:28:53,148 --> 00:28:56,025 "ได้แล้ว แค่นี้ก็คุ้มเงินที่เสียไปแล้ว" 392 00:28:56,109 --> 00:28:57,402 และพวกเขาก็พร้อมกลับ 393 00:28:58,653 --> 00:28:59,779 ไมล์สจะเล่น... 394 00:28:59,863 --> 00:29:01,614 พวกเขาก็จะพูดว่า "ได้แล้ว พวก" 395 00:29:05,034 --> 00:29:07,620 ในเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม ปี 1956 396 00:29:07,704 --> 00:29:11,499 ผมจำเป็นต้องผ่าตัดเนื้องอกไม่ใช่มะเร็ง ที่กล่องเสียงของผม 397 00:29:12,375 --> 00:29:14,335 มันกวนผมมาพักหนึ่งแล้ว 398 00:29:14,919 --> 00:29:17,881 ผมไม่ควรพูดเป็นเวลาอย่างน้อยสิบวัน 399 00:29:19,132 --> 00:29:21,634 ผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ เขาอาการค่อนข้างดี 400 00:29:21,718 --> 00:29:22,761 (คอร์เทซ แม็คคอย เพื่อน) 401 00:29:22,844 --> 00:29:23,762 สัปดาห์ที่สอง... 402 00:29:25,513 --> 00:29:27,015 เขาหุบปากไม่อยู่ 403 00:29:28,516 --> 00:29:30,643 ทุกคนโดนด่าว่าไอ้ระยำตัวพ่อ 404 00:29:33,271 --> 00:29:34,272 และมันจบตรงนั้น 405 00:29:34,939 --> 00:29:36,274 เขามีเสียงแหบ 406 00:29:37,442 --> 00:29:38,610 ที่ไม่เคยหายดี 407 00:29:39,778 --> 00:29:42,739 ในตอนนั้น ไม่มีใครรู้ว่าไมล์สผ่าตัดมา... 408 00:29:42,822 --> 00:29:43,990 (ซานดร้า แม็คคอย เพื่อน) 409 00:29:44,032 --> 00:29:45,909 ...และเสียงของเขาเสียหาย 410 00:29:46,201 --> 00:29:47,744 เขาขึ้นไปบนเวที 411 00:29:47,827 --> 00:29:50,246 และเริ่มประกาศด้วยเสียงแหบแห้ง 412 00:29:50,330 --> 00:29:51,998 ว่าคืนนั้นเขาจะเล่นเพลงอะไร 413 00:29:52,081 --> 00:29:54,959 และฉันว่าเขาน่าจะพูดได้แค่สองสามประโยค 414 00:29:55,043 --> 00:29:58,213 ก่อนที่กลุ่มคนดูจำนวนมากเริ่มหัวเราะเยาะเขา 415 00:29:59,255 --> 00:30:01,049 ไมล์สหันหลังขวับ 416 00:30:01,591 --> 00:30:05,220 เขามองคนดูด้วยสีหน้าที่แปลกมากๆ 417 00:30:05,804 --> 00:30:06,763 แล้วเดินออกไป 418 00:30:15,522 --> 00:30:19,108 ผมสามารถสื่อสารกับวงดนตรีได้ด้วยสายตา 419 00:30:20,151 --> 00:30:23,488 นั่นคือสิ่งที่ผมทำเวลาผมหันหลังให้คนดู 420 00:30:24,322 --> 00:30:27,784 ผมจะไปใส่ใจเรื่องการพูดคุย และเรื่องเหลวไหลตอนเล่นไม่ได้ 421 00:30:28,952 --> 00:30:31,955 เพราะถ้าทุกอย่างเข้าทาง ดนตรีจะสื่อสารกับพวกเขาเอง 422 00:30:43,633 --> 00:30:47,220 จอร์จ อวาเกียน โปรดิวเซอร์ดนตรีแจ๊ส ของโคลัมเบียเรเคิร์ดส์ 423 00:30:47,470 --> 00:30:49,597 อยากให้ผมเซ็นสัญญาผูกขาด 424 00:30:50,557 --> 00:30:52,725 ผมบอกเขาว่าผมอยากร่วมค่ายโคลัมเบีย 425 00:30:52,809 --> 00:30:54,936 เพราะสิ่งที่เขาเสนอจะให้ผม 426 00:30:57,522 --> 00:30:58,940 จอร์จ อวาเกียนพูดว่า 427 00:30:59,023 --> 00:31:02,110 "นี่คือรายการสิ่งที่ผมอยากให้คุณทำ 428 00:31:03,069 --> 00:31:04,445 คุณต้องสะอาด 429 00:31:04,529 --> 00:31:06,573 คุณต้องมีวงดนตรีที่เสมอต้นเสมอปลาย" 430 00:31:07,740 --> 00:31:11,202 และข้อสุดท้ายคือเขาต้องยกเลิกสัญญากับเพรสตีจ 431 00:31:11,286 --> 00:31:13,454 ผมจะเล่นให้ฟัง แล้วค่อยบอกว่ามันคืออะไร 432 00:31:26,509 --> 00:31:31,472 เขามีวงดนตรีห้าชิ้นวงใหม่ มีจอห์น โคลเทรนเป็นนักเล่นเทเนอร์แซกโซโฟน 433 00:31:31,556 --> 00:31:37,061 เขาพาวงดนตรีห้าชิ้นนั้นเข้าไปที่สตูดิโอ ของรูดี้ แวน เกลเดอร์ 434 00:31:37,520 --> 00:31:40,189 และเขาได้เล่นเพลงแล้วเพลงเล่า... 435 00:31:40,273 --> 00:31:41,858 (แจ็ค เชมเบอร์ส นักประวัติศาสตร์) 436 00:31:41,941 --> 00:31:44,903 ...และในเวลาสองวัน เขาอัดเพลงจำนวนมากพอ 437 00:31:45,695 --> 00:31:48,072 จนหมดข้อผูกมัดกับเพรสตีจ 438 00:31:57,123 --> 00:32:01,586 เอาง่ายๆ คือเขาถอดกุญแจมือ ออกจากมือนักดนตรีแล้วพูดว่า "เอ้า 439 00:32:02,921 --> 00:32:04,923 เล่นตามใจชอบ เป็นตัวเอง 440 00:32:05,965 --> 00:32:10,553 ผมจะยอมให้ดนตรีมีชีวิต ให้มันหายใจ และให้มันพัฒนา 441 00:32:11,220 --> 00:32:12,221 ตามความรู้สึกเรา" 442 00:32:20,396 --> 00:32:24,776 ไมล์สนึกว่าเขาแค่กำลังกำจัด ข้อผูกมัดที่มีอยู่โดยเร็วที่สุด 443 00:32:25,276 --> 00:32:28,988 แต่ที่จริงแล้วมันเป็นดนตรีแจ๊สที่ล้ำค่า ซึ่งเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ 444 00:32:33,326 --> 00:32:37,413 การซ้อมดนตรีมาราธอนสองครั้ง และการอัดดนตรีอย่างน้อยสามชั่วโมง 445 00:32:39,958 --> 00:32:42,710 เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่ง ในประวัติศาสตร์แจ๊ส 446 00:32:42,794 --> 00:32:46,297 (ทำงานกับวงดนตรีห้าชิ้นของไมล์ส เดวิส) 447 00:32:46,381 --> 00:32:47,674 (ผ่อนคลายกับไมล์ส เดวิส) 448 00:32:47,757 --> 00:32:48,967 (สูบกับไมล์ส เดวิส) 449 00:32:49,050 --> 00:32:50,218 (ทำอาหารกับไมล์ส เดวิส) 450 00:33:03,606 --> 00:33:05,066 ฉันได้พบกับไมล์ส เดวิสครั้งแรก 451 00:33:05,149 --> 00:33:08,069 ตอนฉันแสดงกับแคทเธอรีน ดันแฮม คอมพานี 452 00:33:10,780 --> 00:33:14,575 มันได้แนะนำให้ฉันรู้จาก หลายๆ คนที่ฉันได้เจอในช่วงนั้น 453 00:33:14,659 --> 00:33:16,369 ในวงการการแสดง 454 00:33:18,579 --> 00:33:21,791 ฉันได้ไปปารีส ได้ไปเบอร์ลิน ฉันได้ไปทุกที่ 455 00:33:23,209 --> 00:33:25,795 มีคนบอกว่าฉันขาสวยที่สุดในวงการ 456 00:33:29,507 --> 00:33:31,342 ฮิวจ์ โอไบรอันอยากคบฉัน 457 00:33:32,427 --> 00:33:35,430 โรรี่ คาลฮูนอยากพาฉันไปลาสเวกัส 458 00:33:37,223 --> 00:33:40,309 พระเจ้า ฉันพยายามนึกถึงสุภาพบุรุษทุกคน... 459 00:33:40,393 --> 00:33:41,811 (ฟรานเซส เทย์เลอร์ นักเต้นรำ) 460 00:33:44,022 --> 00:33:47,692 ในฐานะนักเต้นรำ ฝีเท้าบนเวทีของฉันยอดเยี่ยม 461 00:33:47,775 --> 00:33:50,862 และพวกเขาคงอยากทำความรู้จักฉันมากขึ้น 462 00:33:53,072 --> 00:33:55,908 ฉันไม่ค่อยจะรู้อะไรเรื่องดนตรีแจ๊ส 463 00:33:56,909 --> 00:33:59,787 คนที่ฉันรู้จักก็มีจอห์นนี่ แมธิส 464 00:34:01,456 --> 00:34:05,460 ("CHANCES ARE" จอห์นนี่ แมธิส) 465 00:34:13,968 --> 00:34:16,471 ตอนนั้นฉันขึ้นแสดงที่ไนต์คลับซีโร 466 00:34:17,263 --> 00:34:19,557 และไมล์สได้เห็นการแสดง 467 00:34:20,141 --> 00:34:22,393 เขาตกหลุมรักหัวปักหัวปำทันที 468 00:34:22,477 --> 00:34:24,520 แต่ก็เป็นแบบนั้นหมดทุกคน 469 00:34:28,232 --> 00:34:30,860 นี่เป็นเพียงอีกบทหนึ่งที่เหล่าสุภาพบุรุษ... 470 00:34:32,028 --> 00:34:33,404 อยากคบกับฟรานเซส 471 00:34:39,327 --> 00:34:42,246 แซมมี่ เดวิส จูเนียร์ขอให้ฉันไปร่วมแสดง 472 00:34:42,330 --> 00:34:45,875 ละครเวทีใหม่ที่เขาทำอยู่ ชื่อว่ามิสเตอร์วันเดอร์ฟูล 473 00:34:47,251 --> 00:34:49,212 วันหนึ่ง ระหว่างฉันเดินทางไปซ้อม 474 00:34:50,088 --> 00:34:52,090 ไมล์สเดินมาตามถนน 475 00:34:52,924 --> 00:34:55,927 เรามองหน้ากัน เขามองหน้าฉันแล้วพูดว่า 476 00:34:56,552 --> 00:34:59,013 "ในเมื่อผมเจอคุณแล้ว ผมจะไม่มีวันปล่อยคุณไป" 477 00:35:00,932 --> 00:35:04,435 และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ ฉันย้ายเข้าไปอยู่กับเขา 478 00:35:17,448 --> 00:35:21,869 ฟรานเซส เทย์เลอร์ เป็นดุจเทพธิดาแห่งแรงบันดาลใจ 479 00:35:22,745 --> 00:35:27,375 เธอเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจ มากที่สุดที่เขาเคยคบ 480 00:35:27,875 --> 00:35:29,710 คนที่เขาคบนานที่สุด 481 00:35:30,378 --> 00:35:33,256 เธอเป็นคนที่ให้ความมั่นคงและความรักแก่เขา 482 00:35:33,339 --> 00:35:37,468 ในช่วงเวลาที่เขาได้สร้างสรรค์ผลงาน ที่บรรเจิดและเป็นที่นิยมที่สุด 483 00:35:42,557 --> 00:35:44,642 เขาต้องเดินทางไปปารีส 484 00:35:45,977 --> 00:35:47,562 และเขาทิ้งดนตรีไว้ให้ฉัน 485 00:35:49,897 --> 00:35:51,858 ฉันตกหลุมรักกับเสียงของเขา 486 00:35:52,108 --> 00:35:53,818 มันโดนใจฉัน 487 00:35:56,696 --> 00:35:58,573 แล้วฉันก็เปิดเพลงซ้ำๆ 488 00:36:00,199 --> 00:36:03,119 และนั่นเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินดนตรีของเขา 489 00:36:12,170 --> 00:36:14,881 ในปี 1956 เมื่อไมล์สไปถึงยุโรป 490 00:36:15,590 --> 00:36:17,216 เรามีนัดซ้อมดนตรี... 491 00:36:17,300 --> 00:36:18,634 (เรเน่ เออร์เธเกอร์ เปียโน) 492 00:36:18,718 --> 00:36:21,804 ...เขาไม่เคยเล่นดนตรีที่มีทำนองยุโรปมาก่อน 493 00:36:23,055 --> 00:36:25,308 และเขาไม่กล่าวทักทาย 494 00:36:25,516 --> 00:36:27,560 ไม่ยิ้มเลยสักนิด 495 00:36:28,352 --> 00:36:31,856 และโดยไม่พูดไม่จาสักคำ เขาก็เริ่มบรรเลงเพลง 496 00:36:42,700 --> 00:36:46,412 ผมก็เล่นตามเขาทันที เพราะเรารู้จักเพลงของเขา 497 00:36:46,996 --> 00:36:48,456 เราชอบเพลงของเขา 498 00:36:49,707 --> 00:36:52,335 ผมมักจะถามตัวเองอยู่เสมอ 499 00:36:52,418 --> 00:36:55,880 ถ้าหากเราพูดว่า "ขออภัย คุณเล่นอะไรอยู่นะ 500 00:36:55,963 --> 00:36:57,840 เราไม่รู้จักเพลงนั้น" 501 00:36:58,841 --> 00:37:02,261 เขาคงจะไม่ชอบเลย แต่เราเล่นตามได้ 502 00:37:02,845 --> 00:37:07,350 เขาพูดว่า "ดีเลย" จากนั้นก็จบ ได้แล้ว 503 00:37:07,725 --> 00:37:09,477 เราเข้ากันได้ 504 00:37:12,688 --> 00:37:13,773 ฉันรักคุณ 505 00:37:16,025 --> 00:37:17,777 ฉันจะไม่ทิ้งคุณ จูเลี่ยน 506 00:37:18,527 --> 00:37:19,528 ผมรักคุณ 507 00:37:20,529 --> 00:37:23,866 หากไม่ได้ยินเสียงของคุณ ผมจะหลงในแดนแห่งความเงียบงัน 508 00:37:23,950 --> 00:37:25,159 (ฌานน์ มอโร) 509 00:37:25,243 --> 00:37:26,452 ไม่ค่อยกล้าหาญเลยค่ะ 510 00:37:26,535 --> 00:37:28,079 ไมล์บังเอิญอยู่ที่ปารีส 511 00:37:28,162 --> 00:37:31,749 ตอนที่หลุยส์ มาลล์ทำภาพยนตร์เสร็จพอดี 512 00:37:32,375 --> 00:37:35,336 อาซอนเซอร์ พัวร์ เลชาโฟด์ "ลิฟต์สู่ตะแลงแกง" 513 00:37:38,631 --> 00:37:40,341 เล่นตลกอะไรกัน 514 00:37:40,925 --> 00:37:42,593 มาลล์ยังหนุ่มมาก 515 00:37:42,677 --> 00:37:45,721 และตอนนั้นเป็นช่วงเริ่มต้นของอาชีพเขา 516 00:37:46,055 --> 00:37:46,889 เงินเหรอ 517 00:37:46,973 --> 00:37:50,393 อีกทั้งเขายังอยากสร้างภาพยนตร์ที่แตกต่าง 518 00:37:50,643 --> 00:37:53,145 และเปลี่ยนวิธีการสร้างภาพยนตร์ 519 00:37:53,229 --> 00:37:58,401 เช่นการให้มีคนจริงๆ ในสถานที่จริง 520 00:38:02,989 --> 00:38:04,991 และเขาได้เข้าหาไมล์สพร้อมไอเดีย 521 00:38:05,241 --> 00:38:08,577 "คุณทำซาวด์แทร็กดนตรีแจ๊สให้ได้ไหม" 522 00:38:14,917 --> 00:38:17,586 ก่อนหน้านั้น เวลาใช้นักดนตรีในภาพยนตร์ 523 00:38:17,670 --> 00:38:22,008 เขาจะมา แล้วขอให้คนอื่นมากัน 30 คน 524 00:38:22,091 --> 00:38:26,304 ไวโอลิน เครื่องกระทบ เครื่องดนตรีทองเหลือง และอื่นๆ 525 00:38:26,387 --> 00:38:29,307 แล้วก็ "สามสี่ ทุกท่าน พร้อมไหม สามสี่" 526 00:38:31,892 --> 00:38:36,605 คนที่แต่งเพลงจะรู้ว่าแต่ละท่อนต้องยาวแค่ไหน 527 00:38:36,689 --> 00:38:39,108 สองนาที 40 วินาที เป็นต้น 528 00:38:39,400 --> 00:38:40,818 แต่ไม่ใช่ไมล์ส 529 00:38:51,829 --> 00:38:54,498 ไมล์สไม่ได้แต่งเพลง 530 00:38:56,375 --> 00:38:58,961 เขาบรรเลงดนตรีทั้งหมด 531 00:38:59,712 --> 00:39:02,340 ขณะที่ดูการฉายภาพยนตร์นั้นเลย 532 00:39:13,184 --> 00:39:19,565 เขาด้นสดและสร้างสรรค์เสียง ขณะได้เห็นภาพยนตร์บนหน้าจอ 533 00:39:32,370 --> 00:39:36,415 การดูภาพไปพร้อมๆ กับการเล่นดนตรี 534 00:39:36,499 --> 00:39:39,585 นั้นสำคัญมาก เพราะเขาคือฌานน์ มอโร 535 00:39:41,921 --> 00:39:45,299 นี่เป็นดนตรีของเขา แต่เป็นความทุกข์ของฌานน์ มอโร 536 00:39:52,598 --> 00:39:55,226 ผมตระหนักอย่างรวดเร็วว่าสิ่งที่เราทำ... 537 00:39:55,768 --> 00:39:58,229 มันคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม 538 00:40:04,235 --> 00:40:06,445 ซาวด์แทร็กนั้นทำให้ภาพยนตร์เรื่องนั้นโด่งดัง 539 00:40:08,030 --> 00:40:11,325 หลายๆ คนได้ฟังอัลบั้มดนตรีนั้นก่อน 540 00:40:11,409 --> 00:40:13,994 แล้วค่อยอยากมาดูภาพยนตร์ทีหลัง 541 00:40:19,834 --> 00:40:22,420 ระหว่างการอัดดนตรีให้เรื่องลิฟต์สู่ตะแลงแกง 542 00:40:22,503 --> 00:40:26,215 ไมล์สได้มีประสบการณ์การด้นสดรูปแบบใหม่ 543 00:40:27,007 --> 00:40:30,386 นั่นเป็นสิ่งที่เขาจะพัฒนาขึ้นในปีต่อๆ ไป 544 00:40:31,720 --> 00:40:35,099 อะไรบางอย่างได้เริ่มต้นขึ้นในสตูดิโออัดเสียง 545 00:40:35,724 --> 00:40:37,810 ของหนังเรื่องลิฟต์สู่ตะแลงแกง 546 00:40:42,189 --> 00:40:43,441 เริ่มอีกทีครับ 547 00:40:45,192 --> 00:40:46,193 เอาละนะ 548 00:40:46,277 --> 00:40:48,362 0-62-291 549 00:40:48,446 --> 00:40:50,656 - เลขสอง เทกแรก - รอเดี๋ยวสิ 550 00:40:51,991 --> 00:40:54,702 ผมน่าจะเป็นคนแรกที่ไปถึง เพราะผมต้องจัดกลอง 551 00:40:56,620 --> 00:40:58,581 ผมแบกกลองเข้าไปแล้วจัดวางมัน 552 00:40:58,998 --> 00:41:01,000 จากนั้นก็รอจนทุกคนเดินเข้ามา 553 00:41:04,753 --> 00:41:07,548 เขาเดินถือกระดาษโน๊ตแผ่นเล็กๆ 554 00:41:07,631 --> 00:41:09,091 ไม่พกโน๊ตเพลงมาด้วยซ้ำ 555 00:41:10,968 --> 00:41:12,678 และเขาบอกผมแค่ประโยคเดียว 556 00:41:12,761 --> 00:41:14,096 "สวิงเลย" 557 00:41:14,180 --> 00:41:15,055 (จิมมี่ คอบบ์ กลอง) 558 00:41:15,139 --> 00:41:16,307 เขาบอกว่า "สวิงเลย" 559 00:41:19,894 --> 00:41:22,146 ผมไม่ได้จดโน๊ตดนตรีอัลบั้มไคด์ออฟบลู 560 00:41:22,813 --> 00:41:24,148 แต่พกสเก็ตช์เข้าไป 561 00:41:24,231 --> 00:41:26,901 เพราะผมอยากให้การเล่นมีความเป็นธรรมชาติ 562 00:41:28,986 --> 00:41:31,614 ผมรู้ว่าถ้าเรามีนักดนตรีฝีมือดี 563 00:41:31,697 --> 00:41:33,657 พวกเขาจะรับมือกับสถานการณ์นั้น 564 00:41:33,741 --> 00:41:37,703 และเล่นมากกว่าทำนองที่มีอยู่ และเก่งเกินกว่าที่ตัวเองคิดไว้ 565 00:41:39,538 --> 00:41:41,123 ท่อนแรกของเพลง "So What" 566 00:41:48,380 --> 00:41:50,799 จากนั้นพอลก็เล่นเบสว่า 567 00:41:56,680 --> 00:41:59,391 ให้ตาย นั่นเป็นเพลงแรกของไมล์สที่ผมได้ฟัง 568 00:41:59,892 --> 00:42:03,020 ผมหยิบแผ่นเสียงจากคอลเลกชันของพ่อ แล้วเปิด 569 00:42:05,272 --> 00:42:08,943 สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงพอล เชมเบอร์สเล่นเบส 570 00:42:16,575 --> 00:42:19,078 เราสงสัยในคำสอนศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่ก็ทำ... 571 00:42:19,161 --> 00:42:20,287 (โจชัว เร้ดแมน นักดนตรี) 572 00:42:20,371 --> 00:42:22,206 ...ทำไมไบเบิลถึงเป็นไบเบิลล่ะ 573 00:42:22,289 --> 00:42:23,415 ก็มันเป็นไบเบิล 574 00:42:23,499 --> 00:42:25,209 ทำไมไคด์ออฟบลูถึงเป็นไคด์ออฟบลู 575 00:42:25,292 --> 00:42:30,673 ก็เพราะมันเป็นไคด์ออฟบลู และมันเปลี่ยนสไตล์ของแจ๊ส 576 00:42:38,639 --> 00:42:40,558 ตอนตีฉาบช่วงเริ่มเพลง "So What" 577 00:42:40,641 --> 00:42:42,101 ผมนึกว่าตีแรงเกินไป 578 00:42:42,685 --> 00:42:45,437 ผมนึกว่าเสียงมันดังเกินสมควร 579 00:42:48,440 --> 00:42:50,317 และเหมือนมันสั่นก้องไม่หยุด 580 00:42:50,401 --> 00:42:53,195 แต่มันพาคุณเข้าไปหาท่วงทำนองเลย 581 00:42:54,196 --> 00:42:56,073 เหมือนได้ขึ้นทางหลวงแล้ว 582 00:42:56,782 --> 00:42:58,867 และทำนองที่เหลือก็เร่งเครื่อง 583 00:43:12,506 --> 00:43:14,133 ในอัลบั้มไคด์ออฟบลู 584 00:43:14,216 --> 00:43:15,843 สิ่งที่เขาขอให้พวกเขาทำ 585 00:43:16,385 --> 00:43:20,556 คือให้คิดลึกลงไปอีกว่า คุณสามารถสร้างเสียงแบบไหนได้บ้าง 586 00:43:24,643 --> 00:43:28,272 เขาพูดว่า "ผมมีไอเดียสองสามอัน ลุยเลย" 587 00:43:31,025 --> 00:43:34,945 และนี่เป็นสิ่งที่ไมล์สทำไปจนตลอดชีวิต 588 00:43:47,458 --> 00:43:51,170 ไคด์ออฟบลูยังทำให้เขา แบ่งปันความหลงใหลของเขาได้ยาก 589 00:43:51,253 --> 00:43:53,756 แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อนักดนตรีเหล่านั้นกล้าเปิดใจ 590 00:43:54,882 --> 00:43:55,841 พวกเขาก็แสดงให้เห็น 591 00:43:56,759 --> 00:43:59,345 ว่าพวกเขามีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาดหลักแหลม 592 00:43:59,803 --> 00:44:01,555 และน่าตื่นเต้นได้แค่ไหน 593 00:44:25,371 --> 00:44:27,581 ไคด์ออฟบลูบ่งชี้ถึง 594 00:44:27,665 --> 00:44:29,500 วิธีคิดแบบใหม่เกี่ยวกับดนตรีของคุณ 595 00:44:29,583 --> 00:44:32,920 และวิธีการเล่นดนตรี และการเข้าใจดนตรีแบบใหม่ 596 00:44:33,504 --> 00:44:36,757 สำหรับโคลเทรน นั่นเป็นประตูที่เขาต้องการ 597 00:44:37,383 --> 00:44:39,301 เพื่อที่จะค้นพบตัวตนของเขา 598 00:44:45,349 --> 00:44:48,977 มีสองสามคนที่ฟังออกว่าจอห์น โคลเทรน เป็นหนุ่มที่มีศักยภาพ 599 00:44:49,853 --> 00:44:54,358 แต่ไมล์สได้ชวนเขามาแล้วส่งเสริมให้โคลเทรน 600 00:44:54,441 --> 00:44:58,570 ได้กลายมาเป็นศิลปิน ที่พวกเรารักและนับถือในเวลาต่อมา 601 00:45:18,048 --> 00:45:20,467 คนที่ไม่ชอบดนตรีแจ๊สยังชอบอัลบั้มนั้นเลย 602 00:45:21,385 --> 00:45:22,720 ประมาณทุกๆ ทศวรรษ 603 00:45:22,803 --> 00:45:25,764 จะมีคนกลุ่มใหม่พูดถึงไคด์ออฟบลู 604 00:45:25,848 --> 00:45:28,517 "นั่นเป็นอัลบั้มที่ทำให้ผมเริ่มฟังดนตรีแจ๊ส" 605 00:45:33,522 --> 00:45:35,357 คุณฟังมันได้เป็นร้อยๆ ครั้ง 606 00:45:35,441 --> 00:45:37,943 มันมีอะไรใหม่ๆ ให้เสมอ... 607 00:45:39,611 --> 00:45:43,449 และสำหรับผมแล้ว นั่นคือนิยามของคำว่าผลงานชิ้นเอก 608 00:45:57,671 --> 00:46:01,341 ผมว่าไมล์สไม่น่าจะรู้ว่าอัลบั้มนั้นจะเป็นอัลบั้ม 609 00:46:01,425 --> 00:46:03,761 ที่ขายดีเกินอัลบั้มทั้งปวง 610 00:46:03,844 --> 00:46:06,013 ในประวัติศาสตร์ดนตรีแจ๊ส 611 00:46:06,930 --> 00:46:09,641 ถ้าไมล์สคิดว่ามันจะเป็นแบบนั้น 612 00:46:09,725 --> 00:46:11,477 เขาคงขอตึก 613 00:46:12,519 --> 00:46:16,273 และเขาคงขอให้มี รถเฟอร์รารีสองคันหน้าตึกเดี๋ยวนี้ 614 00:46:16,356 --> 00:46:18,108 เขาคงขอแบบจัดเต็มจริงๆ 615 00:46:19,109 --> 00:46:21,528 ถ้าเขานึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น 616 00:46:21,612 --> 00:46:23,030 เขารีดพวกนั้นแน่ 617 00:46:40,547 --> 00:46:43,467 ไคด์ออฟบลูประสบความสำเร็จในทันที 618 00:46:44,259 --> 00:46:47,888 เขากำลังกลายเป็นดาราดังในกระแสหลัก 619 00:46:49,515 --> 00:46:55,187 สัญญากับโคลัมเบียได้ทำให้ดนตรีของเขา เข้ากระแสหลักในอเมริกาอย่างไม่เคยมีมาก่อน 620 00:46:59,441 --> 00:47:03,862 เขายกระดับตัวเองสู่ดินแดนแห่งมาเอสโตรดนตรี 621 00:47:10,828 --> 00:47:14,706 สิ่งเดียวที่ผมอยากทำ คือการสื่อสารความรู้สึกผมผ่านดนตรี 622 00:47:16,416 --> 00:47:18,877 การทำสัญญากับโคลัมเบียทำเงินเยอะกว่า 623 00:47:19,336 --> 00:47:22,840 แต่การได้ค่าจ้างงามๆ มันแย่ตรงไหนล่ะ 624 00:47:33,350 --> 00:47:35,644 มันเป็นยุคแห่งคนผิวสี 625 00:47:36,019 --> 00:47:39,898 ซึ่งคนผิวสีอยากแสดงความภาคภูมิใจในสิ่งที่เป็น 626 00:47:40,399 --> 00:47:42,651 และไมล์สเป็นตัวอย่างที่โดดเด่น 627 00:47:42,985 --> 00:47:45,988 เขาจะแต่งตัวให้ดีที่สุดเท่าที่ทำได้ 628 00:47:57,666 --> 00:48:00,586 ไมล์ส เดวิสเป็นตัวอย่างของคนเจ๋งจริง 629 00:48:01,503 --> 00:48:03,630 เขาเป็นวีรบุรุษในตำนาน 630 00:48:08,218 --> 00:48:10,304 เขากลายเป็นซูเปอร์แมนผิวสี 631 00:48:14,808 --> 00:48:16,852 ตอนที่อัลบั้มใหม่ของไมล์สออกมา 632 00:48:17,519 --> 00:48:19,938 เราเดินถืออัลบั้มอวดเลย... 633 00:48:20,022 --> 00:48:21,148 (เจมส์ เอ็มทูเม่ นักดนตรี) 634 00:48:21,231 --> 00:48:22,900 ...การชอบไมล์ส 635 00:48:22,983 --> 00:48:26,528 กลายเป็นนิยามของความทันสมัย 636 00:48:32,951 --> 00:48:37,039 ไมล์ส เดวิสใส่ชุดหล่อระเบิด และขับรถเร็ว 637 00:48:37,122 --> 00:48:38,999 มีเหล่านารีและทุกอย่างครบหมด 638 00:48:39,625 --> 00:48:42,711 เราไม่ได้แค่อยากเล่นดนตรีกับไมล์ส เดวิส เราอยากเป็นเขา... 639 00:48:42,794 --> 00:48:43,670 (เลนนี่ ไวท์ นักดนตรี) 640 00:48:49,968 --> 00:48:53,180 ผมจะถามว่า "ไมล์ส จะทำอะไรกับลูกๆ ล่ะ 641 00:48:53,263 --> 00:48:55,933 เมื่อไรจะพาพวกเขาไปด้วย" 642 00:48:56,016 --> 00:48:58,268 เขาบอกว่า "บอกให้พวกเขานั่งแท็กซี่สิ" 643 00:49:08,195 --> 00:49:11,657 ไมล์สกลายเป็นตัวแทนของความเจ๋งแบบหนึ่ง 644 00:49:11,990 --> 00:49:14,034 ของความซับซ้อนน่าสนใจ 645 00:49:14,117 --> 00:49:16,036 และความเป็นชายชาตรี 646 00:49:17,621 --> 00:49:20,999 เป็นชายผิวสีประเภทที่ไม่ยอมให้ใครมาหยาม 647 00:49:28,757 --> 00:49:33,470 การเป็นคนเจ๋ง ทันสมัย ฉุนเฉียว ซับซ้อน และทันแฟชั่น 648 00:49:34,179 --> 00:49:36,348 ผมเป็นทั้งหมดนั่นและมากกว่านั้นอีก 649 00:49:37,099 --> 00:49:40,102 แต่ผมเล่นแตรสุดความสามารถ และผมมีวงชั้นเยี่ยม 650 00:49:40,686 --> 00:49:44,189 ดังนั้นผมไม่ได้เป็นที่ยอมรับ เพราะภาพลักษณ์คนหัวรั้นอย่างเดียว 651 00:49:45,774 --> 00:49:49,319 ผู้คนเริ่มคุยกันเรื่องความลึกลับของไมล์ส เดวิส 652 00:49:55,534 --> 00:49:59,079 ฉันว่าความเข้มของผิวไมล์ส เดวิส 653 00:49:59,162 --> 00:50:02,249 แทนที่เขาจะมองมันเป็นข้อเสีย 654 00:50:02,332 --> 00:50:03,875 เขากลับมองเป็นข้อดี 655 00:50:06,920 --> 00:50:08,672 มันแตกต่างจากทุกอย่าง 656 00:50:08,755 --> 00:50:12,634 ที่เราเห็นทางโทรทัศน์หรือภาพยนตร์ ในสมัยนั้นมาก 657 00:50:13,593 --> 00:50:18,432 ไมล์สเปลี่ยนให้มันกลายเป็นสิ่งที่เจ๋ง สิ่งพึงปราถนา 658 00:50:19,891 --> 00:50:23,145 ทุกครั้งที่ผมออกไปเจอผู้คน ผมจะแต่งตัวดี 659 00:50:23,228 --> 00:50:24,563 ฟรานเซสก็เช่นกัน 660 00:50:25,564 --> 00:50:28,358 ไอ้หนุ่มผิวดำปี๋อย่างผม 661 00:50:28,442 --> 00:50:30,610 กับผู้หญิงที่งดงามน่าตกตะลึง 662 00:50:31,028 --> 00:50:32,654 ให้ตาย มันสุดยอดไปเลย 663 00:50:32,946 --> 00:50:35,866 ผู้คนต่างหยุดและจ้องมองอ้าปากค้าง 664 00:50:43,248 --> 00:50:47,127 ไมล์สจะซื้อเสื้อผ้าให้ฉันเพราะฉัน... 665 00:50:47,627 --> 00:50:50,005 ใครๆ ก็รู้ว่าขาฉันสวย 666 00:50:52,340 --> 00:50:54,426 เขาทันสมัย ฉันทันสมัย 667 00:50:56,595 --> 00:50:59,681 และแน่นอนว่าตอนเราขึ้นลงรถเฟอร์รารี 668 00:50:59,765 --> 00:51:02,684 เราเป็นคู่รักที่ร้อนแรง ไม่ต้องสงสัยเลย 669 00:51:03,602 --> 00:51:06,146 ไมล์สกับฟรานเซส ร้อนแรงเป็นไฟ 670 00:51:37,928 --> 00:51:40,514 ตอนเป็นเด็ก เวลาผมเห็นพวกเขาด้วยกัน... 671 00:51:41,056 --> 00:51:42,891 มันเหมือน "ว้าว" รู้ไหม 672 00:51:43,225 --> 00:51:46,978 พวกเขาแต่งตัวดีมาก ทันสมัยสุด 673 00:51:48,230 --> 00:51:49,106 และอยู่ในห้วงรัก 674 00:51:50,690 --> 00:51:52,901 เหมือนเป็นเจ้าชายกับเจ้าหญิง 675 00:51:59,699 --> 00:52:02,494 ผมเคยมีเพื่อนเป็นนักเขียน เขาชื่อจอร์จ เฟรเซอร์ 676 00:52:03,578 --> 00:52:05,163 และเขาได้ไปเอาคำหนึ่งมา 677 00:52:06,123 --> 00:52:08,041 ซึ่งเขาเอามาใช้กับไมล์ส 678 00:52:10,544 --> 00:52:15,549 มันเกี่ยวกับมาทาดอร์ชาวสเปน นักสู้วัวกระทิง 679 00:52:18,051 --> 00:52:19,886 มีหลายคนที่ฆ่าวัวกระทิงได้ 680 00:52:20,345 --> 00:52:22,556 และบางครั้งมันก็เป็นการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้น 681 00:52:22,973 --> 00:52:26,935 แต่นักสู้บางคนจะเดินเข้าไปในสังเวียน แล้วยืนถือผ้าคลุมเฉยๆ 682 00:52:27,561 --> 00:52:29,020 กระทิงจะวิ่งเข้าขวิด 683 00:52:29,771 --> 00:52:32,691 แล้วคนดูก็ต่างหายใจเฮือก 684 00:52:35,318 --> 00:52:37,863 นักสู้คนนั้นมี "เดวนเด" 685 00:52:40,782 --> 00:52:43,702 และไมล์สมีเดวนเด 686 00:52:47,497 --> 00:52:50,959 ไมล์สเป็นคนที่... บางอย่างเขาก็ชอบ 687 00:52:51,042 --> 00:52:54,212 ถ้าเขาชอบคุณ งั้นเขาก็ชอบคุณ แต่ถ้าไม่ชอบ ก็คือไม่ชอบเลย 688 00:52:54,296 --> 00:52:56,798 เขาเป็นคนแบบนั้น 689 00:52:57,090 --> 00:52:59,801 ถ้าเขาชอบคุณละก็ 690 00:53:00,343 --> 00:53:01,845 เขาก็จะชอบคุณไปเลย 691 00:53:01,928 --> 00:53:05,015 และเขาไม่ชอบคุณละก็ เขาก็คงจะไม่ชอบคุณตลอดไป 692 00:53:05,599 --> 00:53:06,433 รู้ไหม 693 00:53:09,394 --> 00:53:12,063 ผมเย็นชากับคนส่วนใหญ่ 694 00:53:12,939 --> 00:53:15,066 นั่นเป็นวิธีการที่ผมปกป้องตัวเอง 695 00:53:15,358 --> 00:53:18,695 ด้วยการไม่ยอมให้ใครรู้อารมณ์ความรู้สึกของผม 696 00:53:19,613 --> 00:53:21,656 ซึ่งมันใช้ได้ผลอยู่นานทีเดียว 697 00:53:24,034 --> 00:53:25,660 ผมไปที่... 698 00:53:25,744 --> 00:53:26,786 (อาร์ชี่ เชพพ์ นักดนตรี) 699 00:53:26,870 --> 00:53:29,414 ...วิเลจแวนการ์ดที่ไมล์สขึ้นแสดงอยู่ 700 00:53:30,373 --> 00:53:36,087 แล้วผมก็แนะนำตัวว่า "คุณเดวิสครับ ผมชื่ออาร์ชี่ เชพพ์ 701 00:53:36,713 --> 00:53:38,798 และผมขอเล่นด้วยได้ไหมครับ" 702 00:53:39,424 --> 00:53:41,760 เขาถาม "อาร์ชี่อะไรนะ" 703 00:53:43,386 --> 00:53:44,387 และ... 704 00:53:44,930 --> 00:53:46,306 ผมตอบว่า "อาร์ชี่ เชพพ์" 705 00:53:46,723 --> 00:53:48,808 เขาพูดว่า "ไปตายไป 706 00:53:49,809 --> 00:53:51,353 มาเล่นกับฉันไม่ได้หรอก" 707 00:53:51,853 --> 00:53:53,230 ไมล์สไม่สนใคร 708 00:53:54,439 --> 00:53:56,608 ไมล์สไม่จำเป็นต้องเอาใจ... 709 00:53:57,567 --> 00:53:58,735 ใครยกเว้นตัวเอง 710 00:54:02,989 --> 00:54:06,076 ไมล์สไม่สนใจใคร 711 00:54:08,119 --> 00:54:11,164 เข้าใจความหมายไหม เขาไม่สนใจผู้คน 712 00:54:12,123 --> 00:54:13,875 เพราะเขาคือไมล์ส เดวิด 713 00:54:16,962 --> 00:54:19,673 เขามีบุคลิกแปลกๆ หลายอย่าง 714 00:54:20,799 --> 00:54:23,385 เขาฉุนเฉียว ต่อต้านสังคม... 715 00:54:24,844 --> 00:54:28,139 แต่หลายครั้งที่ความไม่มั่นใจ และสิ่งร้ายกาจเหล่านั้น 716 00:54:28,640 --> 00:54:31,601 เป็นพื้นฐานของผลงานศิลปะ 717 00:54:31,685 --> 00:54:34,980 ดังนั้นศิลปะก็กลายเป็นหนทางเยียวยา 718 00:54:36,815 --> 00:54:40,026 มันให้โอกาสเขาได้เผยความอ่อนแอออกมา 719 00:54:40,402 --> 00:54:41,820 และเปิดเผยมุมของเขา 720 00:54:42,112 --> 00:54:44,364 ที่เขาเปิดเผยในโลกความเป็นจริงไม่ได้ 721 00:54:48,493 --> 00:54:51,830 (เบิร์ดแลนด์) 722 00:54:54,749 --> 00:54:56,710 เราทำงานที่เบิร์ดแลนด์ 723 00:54:57,752 --> 00:55:02,048 เราแสดงจบไปชุดหนึ่ง แล้วไมล์สขึ้นมาสูบบุหรี่ข้างบน 724 00:55:05,343 --> 00:55:08,346 ผมยืนอยู่ด้านหน้าเบิร์ดแลนด์ ตัวเปียกโชก 725 00:55:08,680 --> 00:55:11,474 เพราะมันเป็นคืนร้อนชื้นเหงื่อแตก ในเดือนสิงหาคม 726 00:55:12,726 --> 00:55:16,604 ผมเพิ่งเดินพาสาวผิวขาวสุดสวย ชื่อจูดี้ไปส่งขึ้นรถแท็กซี่ 727 00:55:18,189 --> 00:55:21,901 ตำรวจขาวคนหนึ่งเข้ามาบอกให้ผมไปที่อื่น 728 00:55:24,321 --> 00:55:27,157 ไมล์สถามว่า "ทำไม ผมสูบบุหรี่อยู่ 729 00:55:27,240 --> 00:55:29,784 ผมทำงานด้านล่างในคลับและขึ้นมาสูบบุหรี่" 730 00:55:29,868 --> 00:55:32,120 เขายืนอยู่ข้างป้ายที่เขียนชื่อเขาเลย 731 00:55:32,203 --> 00:55:35,540 ไ-ม-ล์-ส ไมล์ส... 732 00:55:35,623 --> 00:55:36,833 (สแตนลี่ย์ เคราช์ นักเขียน) 733 00:55:36,916 --> 00:55:38,501 ...นั่นชื่อผม คุณเป็นใคร 734 00:55:39,002 --> 00:55:40,503 ไคด์ออฟบลูเพิ่งออกมา 735 00:55:40,587 --> 00:55:45,842 ใครๆ ก็พูดถึงเขาไปทั่ว และเขากำลังอยู่ในช่วงกำลังปัง 736 00:55:47,010 --> 00:55:48,303 กำลังดังที่สุด 737 00:55:50,388 --> 00:55:52,766 ตำรวจบอกว่า "ผมไม่สน แต่ห้ามยืนตรงนั้น" 738 00:55:52,849 --> 00:55:54,684 ไมล์สสวน "ผมจะไม่ไปไหน" 739 00:55:55,518 --> 00:55:58,480 ผมจ้องหน้าเขาอย่างดุดัน 740 00:55:58,938 --> 00:56:00,065 และผมไม่ไปไหน 741 00:56:01,816 --> 00:56:04,778 ในตอนนั้นไมล์สยังหนุ่มยังแน่น 742 00:56:05,362 --> 00:56:08,031 เลยเป็นการยากที่ตำรวจจะแตะเขาได้ 743 00:56:09,783 --> 00:56:12,369 จู่ๆ ก็มีตำรวจสายสืบผิวขาววิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้ 744 00:56:12,452 --> 00:56:14,412 แล้วก็ตูม เขาตีหัวผม 745 00:56:15,747 --> 00:56:17,123 ผมไม่ทันมองเห็นเขาเลย 746 00:56:18,666 --> 00:56:20,543 ฉันได้รับสายโทรศัพท์ 747 00:56:20,627 --> 00:56:23,129 ว่าฉันควรไปที่สถานีตำรวจ 748 00:56:24,464 --> 00:56:26,049 และฉันได้เห็นหน้าเขา 749 00:56:28,510 --> 00:56:30,428 มันน่ากลัวมาก 750 00:56:31,429 --> 00:56:32,680 ฉันร้องไห้เลย 751 00:56:39,771 --> 00:56:43,900 ถ้านี่เป็นที่อีสต์เซนต์หลุยส์ละก็ ผมคงไม่แปลกใจที่เกิดเรื่องบ้านี่ 752 00:56:43,983 --> 00:56:46,152 แต่ไม่ใช่ที่นครนิวยอร์ก 753 00:56:46,236 --> 00:56:50,031 ซึ่งควรจะเป็นเมืองที่สุภาพและทันสมัยที่สุดในโลก 754 00:56:52,534 --> 00:56:55,537 มันเป็นเรื่องเชื้อชาติ ทั้งหมดนั่นเป็นเพราะเชื้อชาติ 755 00:56:55,620 --> 00:56:59,290 ทั้งเมืองนั้นเหยียดผิว น่าจะเหยียดทั้งโลกละมั้ง 756 00:56:59,374 --> 00:57:00,375 ดังนั้น... 757 00:57:01,084 --> 00:57:02,168 มันจะเป็นอะไรได้ 758 00:57:03,253 --> 00:57:05,380 ผมมองไม่ออกว่ามันจะเป็นเพราะอย่างอื่น 759 00:57:09,092 --> 00:57:13,138 มันเป็นเครื่องเตือนใจว่า ไม่ว่าคุณประสบความสำเร็จแค่ไหน 760 00:57:13,221 --> 00:57:14,639 ไม่ว่าคุณจะเก่งแค่ไหน 761 00:57:14,722 --> 00:57:19,310 ไม่ว่าคุณจะมีเงินเยอะแค่ไหน หรือแม้กระทั่งได้รับการยอมรับแค่ไหน 762 00:57:20,395 --> 00:57:22,230 มันก็ไม่สามารถปกป้องคุณ 763 00:57:22,856 --> 00:57:26,025 จากความเกลียดชังคนผิวสีในสหรัฐอเมริกาได้ 764 00:57:26,943 --> 00:57:28,486 ให้ตาย คือ... 765 00:57:29,320 --> 00:57:31,281 เรื่องนี้หนีไม่พ้นเลยจริงๆ 766 00:57:34,951 --> 00:57:37,120 เหตุการณ์นั้นเปลี่ยนผมไปตลอดกาล 767 00:57:38,037 --> 00:57:41,583 ทำให้ผมขุ่นเคืองและมองโลกในแง่ร้ายกว่าเดิม 768 00:57:48,089 --> 00:57:51,176 เขาเคยคิดซ้ำๆ เราอาจคุยกัน และจู่ๆ เขาก็จะพูดว่า 769 00:57:51,259 --> 00:57:52,719 "ไอ้พวกตำรวจ..." 770 00:57:53,303 --> 00:57:56,389 ใช่ไหม จู่ๆ ก็จะพูดขึ้นมาเพราะอะไรไม่รู้ 771 00:57:56,473 --> 00:57:58,016 เขาคิดซ้ำกลับไปเรื่องนั้น 772 00:57:59,350 --> 00:58:00,935 เรื่องแบบนั้นไม่ลืมง่ายๆ 773 00:58:01,019 --> 00:58:03,229 แค่เพราะเราประสบความสำเร็จนิดหน่อยหรอก 774 00:58:03,313 --> 00:58:04,814 เรื่องที่เกิดขึ้นตอนเราอายุน้อย 775 00:58:05,648 --> 00:58:08,026 จะอยู่กับเราไปจนตลอดชีวิต 776 00:58:21,915 --> 00:58:26,586 "ไมล์สอะเฮด" เป็นอัลบั้มแรก ที่ไมล์ส เดวิสร่วมเล่นดนตรีกับกิล เอวานส์ 777 00:58:26,669 --> 00:58:28,755 หลังไมล์สเซ็นสัญญากับโคลัมเบียเรเคิร์ดส์ 778 00:58:29,297 --> 00:58:32,717 มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ไมล์ ย้ายไปอยู่กับโคลัมเบียเรเคิร์ดส์ 779 00:58:32,800 --> 00:58:35,970 เพราะโคลัมเบียมีทั้งงบและวิธีทาง 780 00:58:36,054 --> 00:58:38,139 ทำให้โปรเจกต์แบบนี้เป็นไปได้ 781 00:58:50,151 --> 00:58:53,363 ผมกับกิลเป็นศิลปินดนตรีที่พิเศษเมื่อร่วมงานกัน 782 00:58:54,155 --> 00:58:58,368 ผมชอบทำงานกับกิล เพราะเขาช่างพิถีพิถันและสร้างสรรค์ 783 00:58:59,285 --> 00:59:02,038 และผมไว้ใจการเรียบเรียงของเขาเต็มที่ 784 00:59:07,252 --> 00:59:08,878 เราทำงานกันที่เปียโนบ่อย 785 00:59:08,962 --> 00:59:10,922 เรามักจะพูดว่า "นี่ล่ะ นั่นล่ะ" 786 00:59:12,048 --> 00:59:15,426 ผมตื่นเต้นกับการตีความเพลงมาก 787 00:59:16,177 --> 00:59:17,887 และมันเข้ากันอย่างเป็นธรรมชาติ 788 00:59:24,018 --> 00:59:26,104 (ไมล์สอะเฮด ไมล์ส เดวิส) 789 00:59:28,940 --> 00:59:30,733 ตอน "ไมล์สอะเฮด" ออกมา 790 00:59:30,817 --> 00:59:36,197 ด้านหน้ามีภาพนางแบบสาวผิวขาว นั่งอยู่บนดาดฟ้าเรือใบ 791 00:59:37,073 --> 00:59:39,325 นั่นเป็นหน้าปกดั้งเดิม 792 00:59:42,245 --> 00:59:47,000 ผมคิดว่าภาพนี้ตั้งใจจะทำให้นึกถึง ชีวิตหรู ชีวิตดี 793 00:59:47,458 --> 00:59:49,752 และจะทำให้สามารถโฆษณาอัลบั้ม 794 00:59:49,836 --> 00:59:52,547 กับกลุ่มผู้ฟังที่ใหญ่ขึ้น คือกลุ่มคนขาว 795 00:59:53,715 --> 00:59:57,343 ไมล์สเข้าไปหาจอร์จ อวาเกียนแล้วพูดว่า 796 00:59:58,177 --> 01:00:01,180 "นังขาวนั่นมาทำอะไรบนปกอัลบั้มผม" 797 01:00:05,351 --> 01:00:07,061 เขาเริ่มตระหนักถึงอำนาจของเขา 798 01:00:07,353 --> 01:00:10,565 ในฐานะศิลปินที่ทำรายได้มหาศาล 799 01:00:10,648 --> 01:00:12,108 ให้กับค่ายเพลงของเขา 800 01:00:12,191 --> 01:00:14,736 เขาจึงมีสิทธิ์มีเสียงในการตัดสินใจแบบนี้ 801 01:00:15,945 --> 01:00:18,990 และการผลิตอัลบั้มเดิมชุดต่อไป 802 01:00:19,073 --> 01:00:22,201 ใช้ชื่ออัลบั้มและภาพหน้าปกใหม่ 803 01:00:22,285 --> 01:00:24,495 ไมล์ส เดวิสได้ขึ้นหน้าปกด้วยตัวเอง 804 01:00:31,127 --> 01:00:35,632 ไมล์สอะเฮดเป็นอัลบั้มแรก ในทั้งหมดสามอัลบั้มสุดแสนไพเราะ 805 01:00:35,715 --> 01:00:38,051 ที่ทำร่วมกับกิล เอวานส์ และวงดนตรีคลาสสิก 19 ชิ้น 806 01:00:38,676 --> 01:00:41,679 สองปีหลังไมล์สอะเฮด อัลบั้ม "พอร์กี้แอนด์เบสส์" ก็ออกมา 807 01:00:43,765 --> 01:00:45,683 และสองปีหลังจากนั้น 808 01:00:53,566 --> 01:00:57,111 ฉันได้ใช้เวลาอยู่ในบาร์เซโลนา 809 01:00:59,572 --> 01:01:02,075 หลังเราแสดงเสร็จแล้ว 810 01:01:02,158 --> 01:01:05,495 เราจะฟังดนตรีฟลาเมงโกและดูการเต้นรำ 811 01:01:05,578 --> 01:01:07,288 ซึ่งฉันถูกใจมันมาก 812 01:01:10,792 --> 01:01:11,751 ฉันบอกไมล์สว่า 813 01:01:11,834 --> 01:01:14,087 "ฉันอยากให้คุณเห็นเหมือนฉัน 814 01:01:14,170 --> 01:01:16,214 และมีความรู้สึกกับดนตรีฟลาเมงโกเหมือนฉัน" 815 01:01:16,297 --> 01:01:17,715 (ฟรานเซส เทย์เลอร์ เดวิส ภรรยา) 816 01:01:17,757 --> 01:01:19,342 ...เขาไม่อยากไป แต่ในที่สุดก็ยอม 817 01:01:20,134 --> 01:01:23,721 แล้วเราก็ได้ไปชม ดนตรีฟลาเมงโกและการเต้นรำ 818 01:01:29,060 --> 01:01:30,311 ตอนเราออกจากโรงละคร 819 01:01:31,562 --> 01:01:32,480 เรา... 820 01:01:33,272 --> 01:01:36,067 มุ่งตรงไปที่ร้านขายแผ่นเสียงโคโลนี 821 01:01:37,318 --> 01:01:40,196 แล้วเขาก็ซื้ออัลบั้มฟลาเมงโกทุกแผ่นเลย 822 01:02:00,967 --> 01:02:04,512 ในอัลบั้ม "สเก็ตเชสออฟสเปน" นั่นเป็นท่อนยากที่สุดสำหรับผม 823 01:02:05,638 --> 01:02:09,308 ท่อนที่ต้องเป่าแตรทรัมเป็ต แทนตรงที่ควรมีคนร้องเพลง 824 01:02:09,684 --> 01:02:11,561 โดยเฉพาะเมื่อต้องด้นสด 825 01:02:13,438 --> 01:02:18,526 เสียงของผมต้องรู้สึกปีติและเศร้า ในเพลงนี้ ซึ่งนั่นก็ยากมาก 826 01:02:20,153 --> 01:02:22,613 ถ้าคุณเล่นเพลงแบบนั้นสักสามสี่ครั้ง 827 01:02:23,072 --> 01:02:25,241 อารมณ์ที่ต้องการมันก็จะหายไป 828 01:02:30,830 --> 01:02:32,457 ดูเหมือนจะออกมาใช้ได้ 829 01:02:33,040 --> 01:02:34,834 ทุกคนชอบอัลบั้มนั้น 830 01:02:38,463 --> 01:02:40,047 เคยมีเจ้าหญิงองค์หนึ่ง... 831 01:02:40,131 --> 01:02:42,175 เจ้าหญิงองค์นั้นคือท่านใช่ไหม 832 01:02:42,258 --> 01:02:43,593 และนางตกหลุมรัก 833 01:02:43,676 --> 01:02:45,595 มันยากหรือเปล่า 834 01:02:45,678 --> 01:02:47,388 มันง่ายมากเลย 835 01:02:48,097 --> 01:02:51,142 ใครๆ ก็เห็นว่าเจ้าชายมีเสน่ห์ 836 01:02:51,934 --> 01:02:53,436 คนเดียวสำหรับข้า 837 01:03:07,784 --> 01:03:09,786 ไมล์สชอบทำนองที่หนักแน่นเสมอ 838 01:03:12,914 --> 01:03:17,668 เขารู้สึกว่าทำนองเหล่านั้น ทำให้เขาสามารถพูดได้ 839 01:03:18,044 --> 01:03:20,630 ว่า "นี่เป็นสิ่งที่คุณรู้จักคุ้นเคย 840 01:03:21,214 --> 01:03:24,634 ผมจะทำให้คุณเห็นว่ามันงดงามได้ขนาดไหน" 841 01:03:28,471 --> 01:03:31,933 ดังนั้นเขาสามารถเอาเพลงอย่าง ซัมเดย์มายพรินซ์วิลคัม 842 01:03:32,016 --> 01:03:33,267 จากหนังวอลท์ ดิสนีย์ 843 01:03:34,143 --> 01:03:38,564 แล้วเอามาใส่อารมณ์ที่ลุ่มลึกล้นหลาม 844 01:03:38,981 --> 01:03:42,276 เขาพูดว่า "ผมเล่นเพลงนี้ให้ฟรานเซส ภรรยาผม" 845 01:03:43,027 --> 01:03:48,366 คุณจะรู้สึกได้ถึงความรัก และความใส่ใจในดนตรีของเขา 846 01:03:56,749 --> 01:03:58,501 ซัมเดย์มายพรินซ์วิลคัม 847 01:03:58,584 --> 01:04:01,254 เป็นอัลบั้มแรกที่ฉันขึ้นหน้าปกให้ไมล์ส 848 01:04:02,255 --> 01:04:04,340 และเขาไปนอกเมือง 849 01:04:05,049 --> 01:04:07,760 ฉันจำได้ว่าฉันไปถ่ายแบบและ... 850 01:04:08,594 --> 01:04:11,430 ทุกๆ สองนาทีเขาจะโทรมา เพื่อถามว่าฉันใส่ชุดอะไร 851 01:04:11,514 --> 01:04:12,849 ดูเป็นอย่างไรบ้าง 852 01:04:12,932 --> 01:04:17,144 เขาอยากทำให้แน่ใจว่าฉันดูไร้ที่ติ 853 01:04:18,145 --> 01:04:20,606 และแน่นอนว่าฉันก็คิดว่าไร้ที่ติแล้ว 854 01:04:26,529 --> 01:04:29,365 ฉันแต้มไฝที่แก้มน้อยๆ ของฉัน 855 01:04:29,448 --> 01:04:31,826 เพราะฉันคิดว่ามันดูเก๋ 856 01:04:35,580 --> 01:04:37,456 (ไมล์ส เดวิส ซัมเดย์มายพรินซ์วิลคัม) 857 01:04:37,540 --> 01:04:41,377 ซัมเดย์มายพรินซ์วิลคัม เป็นอัลบั้มที่ผมเริ่มเรียกร้อง 858 01:04:41,460 --> 01:04:44,589 ให้โคลัมเบียใช้ผู้หญิงผิวสีบนปกอัลบั้มผม 859 01:04:46,215 --> 01:04:47,967 ก็มันเป็นอัลบั้มของผมนี่ 860 01:04:48,050 --> 01:04:49,677 และผมเป็นเจ้าชายของฟรานเซส 861 01:04:50,136 --> 01:04:52,471 ผมก็เลยได้เอาฟรานเซสขึ้นปก 862 01:04:54,473 --> 01:04:58,269 เขายืนหยัดเพื่อความงามของหญิงผิวสี 863 01:04:58,352 --> 01:05:02,523 แล้วพูดว่านี่คือความงามที่ผมกำลังแสดงออกมา 864 01:05:02,607 --> 01:05:04,609 ทางดนตรีนี้ ทางแตรนี้ 865 01:05:04,692 --> 01:05:06,360 เป็นจุดยืนที่ยิ่งใหญ่มาก 866 01:05:07,445 --> 01:05:10,865 และผมมั่นใจว่าเขาทำแบบนั้น เพราะคิดว่าภรรยาตัวเองแซ่บด้วย 867 01:05:20,666 --> 01:05:22,793 ใครๆ ก็อยากได้เล่นเรื่องเวสต์ไซด์สตอรี 868 01:05:23,502 --> 01:05:25,922 ก็ทำโดยเจอโรม รอบบิ้นส์กับสตีฟ ซอนด์ไฮม์ 869 01:05:26,422 --> 01:05:28,007 มันคือละครดังสุด 870 01:05:33,346 --> 01:05:37,183 ฉันว่าน่าจะมีสาวๆ ไปคัดตัวถึง 300 คน 871 01:05:39,101 --> 01:05:43,147 ฉันขึ้นไปบนเวที ยืนดีดนิ้ว แล้วก็... 872 01:05:47,652 --> 01:05:51,280 ฉันร้องสแกตแบบเอลล่า ฟิทซ์เจอรัลด์ แล้วเจอโรม รอบบิ้นส์ก็... 873 01:05:51,364 --> 01:05:52,865 ทุกคนฮือฮากันใหญ่ 874 01:05:53,240 --> 01:05:54,992 ฉันได้บทเลย 875 01:06:07,505 --> 01:06:11,133 ในช่วงนี้ ผมดื่มเหล้าเยอะกว่าที่เคยดื่ม 876 01:06:11,425 --> 01:06:13,427 และผมสูดโคเคนเยอะด้วย 877 01:06:14,720 --> 01:06:17,473 สองอย่างนั้นรวมกันแล้ว ทำให้คนเราขี้หงุดหงิดมาก 878 01:06:19,684 --> 01:06:22,853 ฟรานเซสเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ทำให้ผมหึง 879 01:06:24,271 --> 01:06:26,899 และความหึงหวงบวกกับเหล้ายา 880 01:06:27,316 --> 01:06:29,276 เธอมองหน้าเหมือนผมบ้าเลย 881 01:06:29,902 --> 01:06:31,487 ซึ่งตอนนั้นผมก็บ้าจริง 882 01:06:33,531 --> 01:06:36,617 ผมนึกว่าตัวเองสติดี และมีความสุขล้น 883 01:06:38,828 --> 01:06:41,080 พอเป็นเรื่องฉันแล้ว เขาขี้หึง 884 01:06:41,956 --> 01:06:46,877 เขารับไม่ได้เลยที่ฉันอยู่กับคนกลุ่มนี้และได้รับ... 885 01:06:48,713 --> 01:06:49,839 ความสนใจขนาดนี้ 886 01:06:51,507 --> 01:06:54,844 ตอนนั้นเองที่เขาขับรถเฟอร์รารี มารับฉันที่โรงละคร 887 01:06:55,428 --> 01:06:58,305 แล้วพูดว่า "ผมอยากให้คุณออกจากเวสต์ไซด์สตอรี 888 01:06:59,015 --> 01:07:00,891 ผู้หญิงควรอยู่กับสามี" 889 01:07:05,062 --> 01:07:06,188 ฉันทำอะไรไม่ถูกเลย 890 01:07:11,569 --> 01:07:12,945 แต่ฉันรักเขา 891 01:07:13,738 --> 01:07:15,072 และทำตามที่เขาสั่ง 892 01:07:16,365 --> 01:07:17,366 ฉันลาออกจากละคร 893 01:07:20,786 --> 01:07:22,204 เขาส่งคนไปตามลูกๆ 894 01:07:22,830 --> 01:07:25,875 เชอรีล แอน กับเกรกอรี่ กับไมล์สตัวน้อย 895 01:07:28,085 --> 01:07:31,797 ท้ายที่สุดแล้วฉันก็ได้ไปทำงานในครัวแทน 896 01:07:34,633 --> 01:07:37,887 ฉันมาที่นิวยอร์ก และฟรานเซสพาเราไปสมัครเรียน... 897 01:07:37,970 --> 01:07:39,013 (เชอรีล เดวิส ลูกสาว) 898 01:07:39,096 --> 01:07:42,933 ...แล้วเราก็เริ่มกิจวัตรไปโรงเรียน กลับบ้าน และทำการบ้าน 899 01:07:44,226 --> 01:07:46,103 เป็นการเปลี่ยงแปลงครั้งใหญ่สำหรับเธอ 900 01:07:48,397 --> 01:07:52,068 ฉันทำอาหารหรือทำอะไรไม่เป็นเลย ฉันเดินสายมาตลอด ไม่เป็น 901 01:07:54,111 --> 01:07:55,071 เขาบอกฉันว่า 902 01:07:55,946 --> 01:07:57,740 "ดู ฟัง 903 01:07:58,491 --> 01:08:00,659 ดูที่ผมทำอยู่แล้วทำตาม" 904 01:08:03,204 --> 01:08:04,413 ฉันเลยหัดทำอาหาร 905 01:08:06,707 --> 01:08:08,334 เธอจะทำอาหารอยู่ข้างล่าง 906 01:08:08,626 --> 01:08:11,545 แล้วบางครั้งเธอก็จะเดินหายขึ้นไปข้างบน 907 01:08:11,837 --> 01:08:15,841 หลังจากนั้นเธอบอกผมว่า "จำตอนที่ฉันชอบหายตัวไปข้างบนได้ไหม" 908 01:08:15,925 --> 01:08:17,051 ผมตอบว่า "ได้" 909 01:08:17,134 --> 01:08:20,304 เธอบอกว่า "ฉันขึ้นไปดูรองเท้าบัลเลต์ของฉัน" 910 01:08:25,559 --> 01:08:28,979 ดูเหมือนเธอจะเก็บกด... 911 01:08:31,065 --> 01:08:32,691 ความรู้สึกบางอย่างเกี่ยวกับ... 912 01:08:34,026 --> 01:08:35,528 สิ่งอื่นที่เธออาจได้ทำ 913 01:08:40,282 --> 01:08:44,245 ผมเข้ารับการผ่าตัดสะโพกในปี 1965 914 01:08:44,328 --> 01:08:47,248 แล้วพวกเขาตัดกระดูกหน้าแข้ง มาใส่แทนข้อสะโพกของผม 915 01:08:47,957 --> 01:08:48,916 แต่ใช้ไม่ได้ 916 01:08:49,291 --> 01:08:51,460 เลยต้องผ่าอีกรอบในเดือนสิงหาคมนั้น 917 01:08:52,670 --> 01:08:54,880 ผมเจ็บปวดตลอดเวลา 918 01:08:55,881 --> 01:08:58,551 ผมเริ่มดื่มเหล้ามากกว่าที่เคย 919 01:08:58,634 --> 01:09:00,302 อีกทั้งยังกินยาแก้ปวดด้วย 920 01:09:01,220 --> 01:09:03,180 และผมเริ่มเสพโคเคนมากขึ้น 921 01:09:04,306 --> 01:09:06,183 คงเป็นเพราะซึมเศร้าละมั้ง 922 01:09:08,185 --> 01:09:10,396 มันเป็นเพราะความหึงหวง 923 01:09:11,397 --> 01:09:12,398 โคเคน 924 01:09:13,691 --> 01:09:14,692 ยาเพอร์โคแดน 925 01:09:15,651 --> 01:09:17,778 เหล้าสก็อตกับนมรวมกัน 926 01:09:19,029 --> 01:09:20,364 ซึ่งฉันมารู้เอาทีหลัง 927 01:09:21,991 --> 01:09:22,867 และ... 928 01:09:23,534 --> 01:09:27,288 ทุกอย่างเหล่านี้รวมกัน จะทำให้น็อตหลุด 929 01:09:29,248 --> 01:09:30,583 ซึ่งเกิดขึ้นกับเขา 930 01:09:38,132 --> 01:09:41,594 คืนหนึ่งฉันอยู่กับไมล์สที่เบิร์ดแลนด์ 931 01:09:50,144 --> 01:09:53,397 และควินซี่ โจนส์ก็อยู่ด้วย 932 01:10:06,243 --> 01:10:07,703 พอเรากลับถึงบ้านคืนนั้น 933 01:10:08,204 --> 01:10:13,083 ฉันแค่บอกไมล์สเฉยๆ ว่า ควินซีย์ โจนส์หล่อดี 934 01:10:19,256 --> 01:10:20,507 มารู้ตัวอีกที... 935 01:10:22,593 --> 01:10:23,677 มันเร็วมาก 936 01:10:25,804 --> 01:10:28,140 ฉันเห็นดาวเลย ฉันนอนกองกับพื้น 937 01:10:30,726 --> 01:10:33,938 เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับฉัน 938 01:10:34,021 --> 01:10:35,940 เพราะทั้งชีวิตฉันไม่เคยโดนต่อย 939 01:10:39,193 --> 01:10:40,444 นั่นเป็นครั้งแรก 940 01:10:41,654 --> 01:10:43,405 และมันไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่ 941 01:10:44,323 --> 01:10:45,449 ซึ่งโชคร้าย 942 01:10:50,746 --> 01:10:53,415 ตอนนั้นฉันยังไม่รู้ตัวว่าฉันใกล้ทิ้งเขาแล้ว 943 01:10:54,667 --> 01:10:55,542 แต่... 944 01:10:56,627 --> 01:10:58,170 มันเกิดขึ้นตอนนั้นเอง 945 01:11:05,511 --> 01:11:07,179 ตอนนี้ผมพูดได้เต็มปาก 946 01:11:08,347 --> 01:11:11,100 ฟรานเซสเป็นภรรยาที่ดีที่สุดที่ผมเคยมี 947 01:11:13,310 --> 01:11:17,231 ผมตระหนักว่าผมทำไม่ดีกับเธอแค่ไหน และมันจบแล้ว 948 01:11:18,691 --> 01:11:22,778 ตอนนี้ผมรู้แล้ว ถ้ารู้ตั้งแต่ตอนนั้นก็คงดี 949 01:11:25,781 --> 01:11:27,533 เขาพูดถึงเธอเสมอ 950 01:11:28,284 --> 01:11:31,245 แม้หลังเลิกกันแล้ว 951 01:11:31,328 --> 01:11:33,998 สี่ห้าปีต่อมา เขาก็จะพูดว่า 952 01:11:35,332 --> 01:11:37,084 "เห็นชุดที่สาวคนนั้นใส่ไหม 953 01:11:37,501 --> 01:11:39,586 ฉันเคยซื้อชุดแบบนั้นให้ฟรานเซส" 954 01:11:43,215 --> 01:11:44,341 หลังฉันทิ้งเขา 955 01:11:45,217 --> 01:11:47,970 ฉันได้ยินไมล์สพูดว่าเขาทำผิดมหันต์ 956 01:11:48,929 --> 01:11:50,180 และเขาพูดด้วยว่า 957 01:11:50,973 --> 01:11:52,182 "ใครก็ตามที่ได้เธอไป 958 01:11:52,975 --> 01:11:54,476 แม่งโชคดีเป็นบ้า" 959 01:11:59,356 --> 01:12:01,066 ฉันได้ยินเขาพูดว่าอย่างนั้น 960 01:12:03,444 --> 01:12:04,403 เขาพูดถูก 961 01:12:31,138 --> 01:12:33,974 ในปีสุดท้ายที่เทรนอยู่ในวงผม 962 01:12:34,058 --> 01:12:35,893 เขาเริ่มเล่นดนตรีเพื่อตัวเอง 963 01:12:37,227 --> 01:12:40,314 พอทำแบบนั้นแล้ว เวทมนตร์ในวงก็หายไป 964 01:12:40,397 --> 01:12:42,566 และผู้คนที่เคยชอบเล่นดนตรีด้วยกัน 965 01:12:42,649 --> 01:12:44,193 ก็เริ่มจะไม่สนแล้ว 966 01:12:45,069 --> 01:12:47,279 ตอนนั้นเองที่วงดนตรีแตก 967 01:12:48,530 --> 01:12:51,367 ถ้าผมพูดว่ามันไม่ได้ทำให้ผมเศร้า ผมคงโกหก 968 01:12:51,450 --> 01:12:53,702 เพราะผมชอบเล่นดนตรีกับวงนี้มาก 969 01:12:55,204 --> 01:12:57,998 ผมว่ามันเป็นวงดนตรีเล็ก ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ 970 01:12:59,750 --> 01:13:02,169 หรืออย่างน้อยก็ยอดเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยได้ยิน 971 01:13:03,796 --> 01:13:06,757 ผมคิดหาสิ่งใหม่ๆ จะบรรเลงเสมอ 972 01:13:06,840 --> 01:13:09,468 ความท้าทายใหม่ๆ สำหรับไอเดียทางดนตรีของผม 973 01:13:10,636 --> 01:13:12,679 ตอนนี้ถึงเวลาทำอะไรใหม่ๆ แล้ว 974 01:13:20,729 --> 01:13:23,107 ตอนนั้นผมทำงานที่ที่มีชื่อว่าฮาล์ฟโน๊ต 975 01:13:23,649 --> 01:13:25,442 ไมล์สเดินเข้ามาระหว่างมีชุดแสดง 976 01:13:25,526 --> 01:13:28,237 สวมผ้าคลุมกับหมวกสีดำ หน้าตาดูลี้ลับ... 977 01:13:28,320 --> 01:13:29,279 (รอน คาร์เตอร์ เบส) 978 01:13:29,863 --> 01:13:32,032 เขาพูดว่า "ผมต้องการมือเบส 979 01:13:32,491 --> 01:13:33,492 สนใจหรือเปล่า" 980 01:13:33,951 --> 01:13:37,538 ในสมัยนั้น ไม่มีใครดังระเบิด เท่าไมล์ส เดวิสแล้ว 981 01:13:40,207 --> 01:13:41,375 โทรศัพท์ผมดังขึ้น 982 01:13:42,042 --> 01:13:43,293 ผมได้ยินเสียงกีตาร์... 983 01:13:43,377 --> 01:13:44,711 (เวย์น ชอร์เทอร์ แซกโซโฟน) 984 01:13:44,795 --> 01:13:46,755 ...มีเสียงกีตาร์ มีคนดีดกีตาร์อยู่ 985 01:13:47,631 --> 01:13:49,007 แล้วก็มีเสียงคนพูดว่า 986 01:13:49,550 --> 01:13:51,677 "กีตาร์นี่โคตรเด็ดเลยนะ ว่าไหม" 987 01:13:53,262 --> 01:13:55,472 "มาบ้านฉัน พรุ่งนี้บ่ายโมงครึ่ง..." 988 01:13:55,556 --> 01:13:56,723 (เฮอร์บี้ แฮนค็อค เปียโน) 989 01:13:56,807 --> 01:13:57,683 ...วางสาย 990 01:13:58,559 --> 01:14:00,060 เขาไม่บอกชื่อ 991 01:14:00,727 --> 01:14:03,730 ไม่ให้ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ หรืออะไรเลย 992 01:14:04,148 --> 01:14:05,566 แต่ไมล์สโทรหาผม 993 01:14:09,611 --> 01:14:11,822 เขาส่งตั๋วชั้นหนึ่งมาให้ผม 994 01:14:11,905 --> 01:14:14,867 แล้วส่งผมไปตัดชุดทักซิโดกับช่างตัดชุดของเขา 995 01:14:15,742 --> 01:14:17,703 จากนั้นผมบินไปแคลิฟอร์เนีย 996 01:14:18,662 --> 01:14:20,247 ไมล์ส ครั้งนี้คุณจะเล่นเพลงอะไร 997 01:14:21,874 --> 01:14:24,168 คนอื่นบอกก็ได้ เพราะไมล์สกล่องเสียงอักเสบ 998 01:14:27,087 --> 01:14:28,338 ดนตรีบลูส์อะไรสักอย่าง 999 01:14:28,422 --> 01:14:31,049 เอาละ แนะนำอีกครั้ง วงดนตรีห้าชิ้นของไมล์ส เดวิส 1000 01:14:36,722 --> 01:14:39,600 วงดนตรีห้าชิ้นอันยอดเยี่ยมของไมล์ส ในยุค 1960 1001 01:14:39,683 --> 01:14:43,187 ได้สร้างสรรค์วิธีการด้นสดแบบใหม่เอี่ยม 1002 01:14:43,270 --> 01:14:46,648 ที่ยอมให้มีระดับความเป็นประชาธิปไตยสูงมาก 1003 01:14:46,732 --> 01:14:48,775 เข้าไปในดนตรีนั้นได้ 1004 01:14:49,276 --> 01:14:52,738 และใครจะชักจูงดนตรีไปทางไหนก็ได้ตามใจชอบ 1005 01:15:04,166 --> 01:15:10,380 เขารายล้อมตัวเองด้วยเสียงคนอายุน้อย ไม่เป็นที่รู้จัก ที่กำลังสร้างชื่อเสียงอยู่เสมอ 1006 01:15:10,881 --> 01:15:15,260 เขายอมให้พวกเขาได้พัฒนา ตัวตนทางดนตรีในวงนั้น 1007 01:15:15,761 --> 01:15:18,847 และเขาสร้างกลุ่มใหม่เรื่อยๆ 1008 01:15:18,931 --> 01:15:21,266 ตลอดช่วงอาชีพที่เหลือของเขา 1009 01:15:25,145 --> 01:15:28,273 ตอนผมไปร่วมวงของไมล์ส ผมอายุ 23 ปี 1010 01:15:28,357 --> 01:15:31,318 โทนี่ วิลเลี่ยมส์ มือกลอง อายุ 17 ปี 1011 01:15:32,903 --> 01:15:35,322 เราเป็นเด็ก ยังเด็กอยู่เลย 1012 01:15:48,752 --> 01:15:53,006 ความสร้างสรรค์และความอัจฉริยะ ในการแสดงออกทางศิลปะทุกรูปแบบ 1013 01:15:53,090 --> 01:15:54,967 ไม่สนใจเรื่องอายุเลย 1014 01:15:55,050 --> 01:15:56,718 ถ้าเก่งก็คือเก่ง ถ้าไม่ก็ไม่ 1015 01:15:58,345 --> 01:16:00,764 และความแก่ไม่ช่วยให้เก่งขึ้นมาหรอก 1016 01:16:03,267 --> 01:16:06,103 สำหรับเรา ทุกคืนเหมือนการเข้าห้องทดลอง 1017 01:16:07,354 --> 01:16:08,730 ไมล์สเป็นหัวหน้านักเคมี 1018 01:16:09,356 --> 01:16:14,611 เรามีหน้าที่ผสมส่วนประกอบ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ ทำนองต่างๆ 1019 01:16:15,362 --> 01:16:19,408 ให้กลายเป็นสิ่งที่จะระเบิดอย่างปลอดภัย แต่อันตรายเล็กน้อยทุกคืน 1020 01:16:20,951 --> 01:16:22,119 ซึ่งเป็นแบบนั้นทุกคืน 1021 01:16:34,464 --> 01:16:39,761 ไมล์สอยากให้เราใช้ชีวิตบนเวที ต่อหน้าผู้คน 1022 01:16:39,845 --> 01:16:41,638 สร้างสรรค์ต่อหน้าผู้คน 1023 01:16:42,514 --> 01:16:45,976 พูดอีกแบบคือ อย่ายึดมั่นในสิ่งที่รู้อยู่แล้ว 1024 01:16:46,685 --> 01:16:49,229 เขาอยากได้สิ่งที่เราไม่รู้ 1025 01:16:56,987 --> 01:16:58,947 ผมชอบไอเดียนั้น ผมเกลียดการซ้อม 1026 01:16:59,531 --> 01:17:00,907 ไอเดียดีๆ โดนปัดทิ้งหมด 1027 01:17:00,991 --> 01:17:03,702 ผมอยากทำพลาดบนเวทีและแก้ไขมันตรงนั้นเลย 1028 01:17:05,621 --> 01:17:07,039 ไมล์สบอกเราด้วยซ้ำว่า 1029 01:17:07,122 --> 01:17:12,419 "ฉันจ้างให้พวกนายมาซ้อมดนตรี บนเวที ต่อหน้าทุกคน" 1030 01:17:12,919 --> 01:17:15,130 ผมค้านว่า "สาธารณะชนไม่ชอบหรอก" 1031 01:17:15,213 --> 01:17:18,050 เขาบอกว่า "ฉันจัดการสาธารณะชนเอง 1032 01:17:19,718 --> 01:17:20,969 นายเล่นไปเถอะ" 1033 01:17:30,604 --> 01:17:32,731 ธีโอ นายก็รู้ว่าฉันเล่นแบบนั้นไม่ได้ 1034 01:17:32,814 --> 01:17:33,857 ได้สิ 1035 01:17:35,859 --> 01:17:36,693 ใกล้แล้ว 1036 01:17:36,777 --> 01:17:38,236 เข้าใจความหมายไหม 1037 01:17:38,320 --> 01:17:39,780 เฮอร์บี้ ทำแบบนั้นได้ไหม 1038 01:17:41,239 --> 01:17:43,784 - เราจะแยกมันออกมา - ครับ ไอเดียดี 1039 01:17:44,993 --> 01:17:46,203 หก 1040 01:17:46,953 --> 01:17:49,790 เดี๋ยวก่อนนะ ธีโอ ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตรงนั้นจะเล่นอะไร 1041 01:17:49,873 --> 01:17:52,125 - อย่าเล่นตรงจังหวะแรก - เล่นท่อนนั้น ธีโอ 1042 01:17:53,418 --> 01:17:55,712 เมื่อเขาเล่นเทก 1043 01:17:55,796 --> 01:18:01,885 ที่คนเป่าแตรเล่นทำนองถูกต้องหมด 1044 01:18:01,968 --> 01:18:04,638 โดยไม่มีความผิดพลาดใหญ่ๆ เลย 1045 01:18:04,721 --> 01:18:06,223 เทกนั้นจะได้ขึ้นแผ่นเสียง 1046 01:18:21,947 --> 01:18:23,532 ผมมีสมุดเล่มหนึ่งติดตัว 1047 01:18:24,282 --> 01:18:26,410 ที่ผมใช้สมัยอยู่ในกองทัพ 1048 01:18:26,910 --> 01:18:30,789 ผมก็จดอะไรไว้บ้าง เขาถามว่า "มีดนตรีไหม" 1049 01:18:31,456 --> 01:18:33,750 ผมตอบ "มี ในสมุดนี้ก็มีบ้าง" 1050 01:18:33,834 --> 01:18:36,253 เขาเปิดสมุดแล้วพูดว่า "ลองอันนี้กัน" 1051 01:18:36,336 --> 01:18:38,171 - เพลงนี้เรียกว่าอะไร - "Footprints" 1052 01:18:38,505 --> 01:18:39,506 "Footprints" เหรอ 1053 01:18:43,260 --> 01:18:45,011 และโดยไม่มีการซักซ้อมก่อน 1054 01:18:45,345 --> 01:18:47,973 เราก็อ่านโน๊ตและปรึกษากันครู่หนึ่ง แล้วก็อัดเสียงเลย 1055 01:18:54,479 --> 01:18:56,815 ครั้งต่อไปที่เราไปที่สตูดิโออัดเสียง 1056 01:18:56,898 --> 01:19:00,777 เขาก็พูดว่า "เราจะอัดเสียงวันพุธหน้า เอาสมุดมาด้วย" 1057 01:19:03,488 --> 01:19:07,492 (ปี 1969) 1058 01:19:24,551 --> 01:19:25,761 ในปี 1969 1059 01:19:25,844 --> 01:19:29,139 เกิดเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ มนุษย์ขึ้นไปเดินบนดวงจันทร์ 1060 01:19:29,222 --> 01:19:30,056 (เลนนี่ ไวท์ กลอง) 1061 01:19:30,140 --> 01:19:36,813 และสหรัฐอเมริกายังคงทำ สงครามนองเลือดกับเวียดนามอยู่ 1062 01:19:36,897 --> 01:19:41,193 ผมคิดว่าไมล์สรู้สึกถึงความสำคัญของคนรุ่นใหม่ 1063 01:19:41,276 --> 01:19:43,361 เพราะไมล์สมองไปข้างหน้าเสมอ 1064 01:19:46,573 --> 01:19:50,577 ปี 1969 เป็นปีที่ดนตรีร็อกและฟังก์ ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า 1065 01:19:51,703 --> 01:19:55,248 ผู้คนต่างเข้าไปฟังและดูดาราตัวเป็นๆ กันจนเต็มสนามกีฬา 1066 01:19:55,791 --> 01:19:58,710 และดูเหมือนดนตรีแจ๊สจะเริ่มเหี่ยวแห้งไร้ชีวิต 1067 01:19:59,336 --> 01:20:03,089 ในปี 1969 เราเล่นดนตรีในคลับ ที่มีคนดูไม่ถึงครึ่งหลายแห่ง 1068 01:20:04,299 --> 01:20:05,759 มันทำให้ผมตระหนักบางอย่าง 1069 01:20:13,600 --> 01:20:15,268 ดนตรีของจิมมี่ เฮนดริกซ์ 1070 01:20:15,352 --> 01:20:17,229 สไล สโตน และเจมส์ บราวน์ 1071 01:20:17,729 --> 01:20:23,109 ทำให้ไมล์สเห็นว่าคุณสามารถ เล่นคอนเซิร์ตครั้งเดียว และเข้าถึงคนดูมากมาย 1072 01:20:25,862 --> 01:20:29,908 รายได้ขณะเล่นคอนเซิร์ต ยาว 45 นาทีครั้งเดียว 1073 01:20:29,991 --> 01:20:33,453 มากกว่ารายได้ตลอดสัปดาห์ ที่เล่นคืนละสามเช็ตในคลับ 1074 01:20:35,205 --> 01:20:36,957 เหตุผลหนึ่งที่เขาเล่นกีตาร์ไฟฟ้า 1075 01:20:37,040 --> 01:20:40,544 เป็นเพราะเขาได้ไปใช้เวลา อยู่กับสไลแอนด์เดอะแฟมิลี่สโตน 1076 01:20:42,295 --> 01:20:43,922 สไลเล่าให้ฟังว่าทำเงินเท่าไร 1077 01:20:44,381 --> 01:20:46,049 ไมล์สถาม "อะไรนะ" 1078 01:20:47,884 --> 01:20:51,680 หลังจากนั้นไมล์ก็เลยเปลี่ยนสไตล์ 1079 01:20:53,890 --> 01:20:55,642 ผมเริ่มตระหนักว่า 1080 01:20:55,725 --> 01:20:58,478 นักดนตรีร็อกส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องดนตรีเลย 1081 01:20:59,521 --> 01:21:01,398 ผมคิดว่าถ้าพวกเขาทำได้ 1082 01:21:01,481 --> 01:21:03,525 เข้าถึงผู้คนและขายอัลบั้มได้มากมาย 1083 01:21:03,608 --> 01:21:05,694 โดยไม่มีความรู้ในสิ่งที่ทำเลย 1084 01:21:05,777 --> 01:21:09,155 งั้นผมก็ทำได้เหมือนกัน แต่ทำได้ดีกว่า 1085 01:21:11,616 --> 01:21:13,785 ไมล์ขอพบผม... 1086 01:21:13,869 --> 01:21:15,787 (ไคลฟ์ เดวิส ประธาน โคลัมเบียเรเคิร์ดส์) 1087 01:21:15,871 --> 01:21:18,039 ...เป็นการประชุมที่ตึงเครียดมาก 1088 01:21:19,374 --> 01:21:22,210 เขาพูดว่าไอ้พวกเด็กผมยาวผิวขาว 1089 01:21:22,294 --> 01:21:26,882 ขโมยดนตรีของเขา ขโมยท่อนซ้ำของเขา 1090 01:21:27,507 --> 01:21:31,011 เขาโมโหมาก และเขาขอถอนตัวออกจากค่าย 1091 01:21:32,178 --> 01:21:35,432 ผมบอกว่า "ฟังนะ ผมนัดวันให้คุณได้ 1092 01:21:35,849 --> 01:21:40,395 ให้คุณไปเล่นดนตรีกับศิลปินรุ่นใหม่ 1093 01:21:40,854 --> 01:21:42,939 ให้ไปเล่นดนตรีอีกแบบ 1094 01:21:43,398 --> 01:21:49,195 ผมแค่รู้ว่าถ้าคุณไปเล่นวันนั้น จะเกิดอะไรบางอย่างขึ้น" 1095 01:21:50,989 --> 01:21:55,660 ("IF I'M IN LUCK I MIGHT GET PICKED UP" เบ็ตตี้ เดวิส) 1096 01:21:58,079 --> 01:21:59,497 ในช่วงนี้ 1097 01:21:59,581 --> 01:22:03,418 ผมได้พบกับนักร้องนักแต่งเพลงสาวสวย ชื่อว่าเบ็ตตี้ เมบรี่ 1098 01:22:04,210 --> 01:22:09,174 เธอเต็มไปด้วยสิ่งแปลกใหม่น่าประหลาดใจ และเธอช่วยชี้ทางให้กับผม 1099 01:22:10,008 --> 01:22:15,347 เบ็ตตี้ เดวิสเป็นคนที่กล้าและเก่งหลายทาง 1100 01:22:15,430 --> 01:22:19,059 เธอเป็นส่วนหนึ่งในซีนร็อก ที่นิวยอร์กและแคลิฟอร์เนีย 1101 01:22:20,477 --> 01:22:24,898 เธอเปลี่ยนความคิดของเขาอย่างสิ้นเชิง ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นในวงการดนตรี 1102 01:22:30,528 --> 01:22:33,156 เบ็ตตี้มีผลกระทบต่อชีวิตส่วนตัว 1103 01:22:33,239 --> 01:22:35,450 และชีวิตทางด้านดนตรีของผมมาก 1104 01:22:35,533 --> 01:22:38,203 แล้วเธอก็ช่วยเปลี่ยนสไตล์การแต่งตัวผมด้วย 1105 01:22:39,621 --> 01:22:42,666 ผมไปที่บ้านเขา เขามีชุดหน้าตาแปลกๆ 1106 01:22:42,749 --> 01:22:47,379 และของแปลกๆ แขวนในตู้เสื้อผ้า ทั้งรองเท้าและหมวกตลกเต็มไปหมด 1107 01:22:47,462 --> 01:22:48,838 ผมถาม "เกิดอะไรขึ้น" 1108 01:22:49,756 --> 01:22:52,258 เขาเปลี่ยนสไตล์ จากแบบนี้ไปเป็นแบบนี้ 1109 01:23:04,771 --> 01:23:06,439 ผมอยากเปลี่ยนเส้นทาง 1110 01:23:06,523 --> 01:23:10,610 ผมจำเป็นต้องเปลี่ยนเส้นทาง ถ้าผมอยากเชื่อมั่นและรักดนตรีต่อไป 1111 01:23:13,697 --> 01:23:16,700 ผมสนใจในนักเล่นเบสอิเล็กทรอนิกส์ 1112 01:23:17,075 --> 01:23:20,787 มันทำเสียงที่ผมอยากฟัง มากกว่าเบสยืนธรรมดา 1113 01:23:25,375 --> 01:23:28,336 เขาเรียกผมไปหาแล้วบอกว่า "ฉันอยากคุยด้วย" ผมตอบ "โอเค" 1114 01:23:28,837 --> 01:23:31,506 เขาบอกว่า "ฟังนะ นายแค่ต้องเล่น ให้เหมือนกับเบสยืน 1115 01:23:31,589 --> 01:23:32,841 ผมตอบ "มันไม่เหมือนกัน 1116 01:23:33,842 --> 01:23:35,885 โน๊ตก็ไม่เหมือน เสียงก็ไม่เหมือน 1117 01:23:35,969 --> 01:23:37,887 แรงกระทบกับความยาวโน๊ตก็ไม่เหมือน 1118 01:23:37,971 --> 01:23:38,888 และตำแหน่ง... 1119 01:23:38,972 --> 01:23:41,141 สิ่งเดียวที่เหมือน ไมล์ส ก็คือโน๊ตเดียวกัน 1120 01:23:44,644 --> 01:23:47,439 ผมฟังแบบนี้ตั้งแต่ตอนอายุ 18 แล้ว 1121 01:23:47,981 --> 01:23:49,315 ทำไมต้องเลิกเล่นด้วย 1122 01:23:49,858 --> 01:23:52,152 เพื่อไปเล่นกับคุณเหรอ ไม่ ผมไม่ทำหรอก" 1123 01:23:53,319 --> 01:23:54,320 เขาตอบ "โอเค" 1124 01:23:58,074 --> 01:24:00,160 ผมก็เลยใส่หมวกแล้วจากมา 1125 01:24:08,043 --> 01:24:10,670 วงเราแตกตอนที่รอนตัดสินใจลาออกถาวร 1126 01:24:10,754 --> 01:24:13,006 เพราะเขาไม่อยากเล่นเบสไฟฟ้า 1127 01:24:13,715 --> 01:24:16,426 ตอนนี้ผมเริ่มจะคิดหาทางอื่น 1128 01:24:16,509 --> 01:24:18,094 ที่จะลองดนตรีนี้ได้ 1129 01:24:20,180 --> 01:24:23,725 ผมไปที่สตูดิโอในเดือนสิงหาคมปี 1969 1130 01:24:26,019 --> 01:24:30,065 ไมล์สสั่งว่า "ไปที่โคลัมเบียสตูดิโอสิบโมงเช้า" 1131 01:24:31,066 --> 01:24:34,527 ผมไปถึงเก้าโมงครึ่ง แม่บ้านเปิดประตูให้เข้าไป 1132 01:24:37,572 --> 01:24:40,700 ผมนำการแสดงดนตรี ที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนเข้ามา 1133 01:24:41,284 --> 01:24:43,369 เหมือนกับที่ทำในไคด์ออฟบลู 1134 01:24:44,871 --> 01:24:47,874 ผมบอกนักดนตรีว่าอยากทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ 1135 01:24:48,875 --> 01:24:52,921 เล่นอะไรก็ได้ที่ได้ยิน พวกเขาก็ทำแบบนั้นเลย 1136 01:24:58,009 --> 01:25:00,720 มีคนเล่นเครื่องกระทบสี่คนพร้อมกัน 1137 01:25:01,262 --> 01:25:03,598 เบสสองตัวเล่นพร้อมกัน 1138 01:25:03,681 --> 01:25:07,852 คีย์บอร์ดสองหรือสามคนพร้อมกัน มีกีตาร์ 1139 01:25:09,562 --> 01:25:12,857 เป็นการเล่นแบบด้นสดครั้งยิ่งใหญ่ 1140 01:25:18,613 --> 01:25:21,449 เขาให้ผมพกไปแต่ฉาบกับกลองแต๊ก 1141 01:25:22,075 --> 01:25:27,163 แล้วเราก็เริ่มเล่นท่อนแรก ของเพลง "Bitches Brew" 1142 01:25:30,625 --> 01:25:31,501 จากนั้น... 1143 01:25:39,384 --> 01:25:45,265 คุณจะได้ยินเสียงแตรทรัมเป็ต ของไมล์สกระทบกับตึก 1144 01:25:45,348 --> 01:25:46,933 ตอนกลางคืน ตีสาม 1145 01:25:49,394 --> 01:25:53,064 รู้ไหม และเสียงมันเหมือน นิวยอร์กเป็นแกรนด์แคนยอนที่มีแต่ตึก 1146 01:26:05,285 --> 01:26:07,996 มันเหมือนเป็นลางบอกเหตุ 1147 01:26:08,079 --> 01:26:10,874 เหมือนกำลังจะเกิดเรื่องอะไรบางอย่าง 1148 01:26:23,928 --> 01:26:28,391 เคลื่อนไหวเหมือนตัวอะมีบาที่ว่ายวนไป 1149 01:26:29,142 --> 01:26:32,770 แล้วมันทำแบบนี้ แล้วก็จะมีอะไรแทงขึ้นมา 1150 01:26:33,271 --> 01:26:38,902 แต่มันเหมือนตัวอะไรบางอย่าง ที่เคลื่อนไหวไปพร้อมๆ กัน 1151 01:26:56,169 --> 01:26:58,546 ผมเปิดวิทยุช่องแจ๊สอยู่ ดีเจพูดว่า 1152 01:26:58,630 --> 01:27:01,674 "พระเจ้า อัลบั้มใหม่ของไมล์สเพิ่งออกมา" 1153 01:27:08,932 --> 01:27:10,808 (บันทึกซีบีเอส วันที่ 14 พฤศจิกายน 1969) 1154 01:27:10,892 --> 01:27:13,228 (ไมล์เพิ่งโทรมาบอกว่า อยากให้ตั้งชื่ออัลบั้มล่าสุดว่า) 1155 01:27:13,311 --> 01:27:14,520 ("บิตเชสบรูว์") 1156 01:27:14,604 --> 01:27:15,813 (ขอคำแนะนำ) 1157 01:27:17,065 --> 01:27:18,358 แล้วเขาก็พูดชื่ออัลบั้ม 1158 01:27:18,441 --> 01:27:20,693 ผมนี่แบบว่า "เฮ้ย พูดออกอากาศได้เหรอ" 1159 01:27:20,944 --> 01:27:24,739 เขาบอกว่า "ช่างเพลงเถอะ รอดูปกเสียก่อน" 1160 01:27:28,368 --> 01:27:33,206 อัลบั้มบิตเชสบรูว์ขายได้เร็วกว่า อัลบั้มทั้งหมดที่ผมเคยทำ 1161 01:27:33,289 --> 01:27:36,668 และขายได้เยอะกว่า อัลบั้มแจ๊สใดในประวัติศาสตร์ 1162 01:27:39,712 --> 01:27:41,464 หลังเขาทำบิตเชสบรูว์ 1163 01:27:41,547 --> 01:27:44,008 เขาก็เริ่มไปแสดงที่ฟิลมอร์อีสต์ และที่พวกนั้น 1164 01:27:45,343 --> 01:27:48,179 เราอยู่ในห้องแต่งตัว และไมล์สรับบิล 1165 01:27:49,681 --> 01:27:52,350 เขาดูบิล และเราได้ยินเขาพูดว่า 1166 01:27:53,726 --> 01:27:55,186 "ฉันรู้สึกเหมือนโจรเลย" 1167 01:28:00,525 --> 01:28:03,569 ที่นั่นเป็นร้านอาหารอินเดีย ถนนเลขที่ 125 1168 01:28:04,696 --> 01:28:06,948 เรานั่งกินนั่งคุยกันประมาณสองชั่วโมง... 1169 01:28:07,031 --> 01:28:08,408 (เจมส์ เอ็มทูเม่ เครื่องกระทบ) 1170 01:28:08,491 --> 01:28:10,910 ...แล้วเราก็ลุก ขณะเราเดินออกไป 1171 01:28:11,995 --> 01:28:13,913 เขาถามว่า "คิดว่าไงล่ะ" 1172 01:28:14,539 --> 01:28:18,376 ผมก็แบบว่า "ประการแรก คิดเรื่องอะไร 1173 01:28:18,459 --> 01:28:21,337 คือผมก็พยายาม... สมองผมคิดถึงบทสนทนา" 1174 01:28:21,421 --> 01:28:23,673 เขาถาม "คิดยังไงกับดนตรี" 1175 01:28:25,383 --> 01:28:29,178 ผมก็ทำแบบนี้ เพราะพวกเขาเล่นดนตรีอินเดีย 1176 01:28:29,762 --> 01:28:34,350 แล้วไมล์สก็พูดว่า "อัลบั้มใหม่ เราจะทำแบบนั้นเลย ออนเดอะคอร์เนอร์" 1177 01:28:34,434 --> 01:28:39,689 เขาพูดว่า "ฉันจะเล่นกลองทาบลา กับซีตาร์ไฟฟ้า เติมความฟังก์" 1178 01:28:57,623 --> 01:29:00,501 อัลบั้มออนเดอะคอร์เนอร์ ไม่มีความคลุมเครือเลย 1179 01:29:00,585 --> 01:29:01,669 เราลุยกันเลย 1180 01:29:04,589 --> 01:29:06,382 มันเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ 1181 01:29:06,466 --> 01:29:09,135 สี่ หนึ่ง สอง นั่นคือฟังก์ 1182 01:29:16,517 --> 01:29:19,395 พวกเขาติดกระแสเลย พวกเขาดังระเบิด 1183 01:29:19,479 --> 01:29:21,397 ทุ่มสุดตัวกันทุกคืน 1184 01:29:21,481 --> 01:29:25,651 พวกเขาเล่นได้อย่างดีเยี่ยมและอันตราย 1185 01:29:25,735 --> 01:29:29,697 ในแง่ของการใช้เครื่องกระทบ และการใช้วิธีทำให้เสียงบิดเบี้ยว 1186 01:29:37,080 --> 01:29:38,706 นี่เป็นดนตรีป่าดงดิบอวกาศ 1187 01:29:41,709 --> 01:29:44,379 ตอนนั้นเองที่เราต่อติดจริงๆ 1188 01:29:44,462 --> 01:29:48,299 กับแนวดนตรีหมอผีวูดูของไมล์ส 1189 01:29:52,637 --> 01:29:55,098 นี่คือดนตรีแอซิด 1190 01:29:56,391 --> 01:29:59,143 คนที่สูบปุ๊นแล้วเข้าไปฟังดนตรีตอนเมายา 1191 01:29:59,227 --> 01:30:01,354 จู่ๆ ก็สร่างขึ้นมาทันทีทันใด 1192 01:30:01,437 --> 01:30:03,564 ส่วนคนที่สร่างอยู่แล้วจะเมาแทน 1193 01:30:04,440 --> 01:30:07,110 วิธีการเล่นดนตรีของเขาเปลี่ยนทุกอย่างไปหมด 1194 01:30:14,700 --> 01:30:18,037 กลุ่มผู้ฟังของไมล์สกำลังเปลี่ยน เพราะดนตรีของเขาเปลี่ยน 1195 01:30:18,663 --> 01:30:20,665 ไปซึบซับกระแสปัจจุบัน 1196 01:30:21,332 --> 01:30:25,461 กระแสในปัจจุบัน ไม่ใช่เมื่อสิบปีที่แล้ว ปัจจุบัน 1197 01:30:30,675 --> 01:30:34,971 ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่า คนมากมายเหล่านี้ชอบมันตรงไหน 1198 01:30:37,974 --> 01:30:39,892 ผมพยายามคิดว่าเขาได้ยินอะไรในเพลง 1199 01:30:39,976 --> 01:30:41,269 ผมไม่เข้าใจเลย 1200 01:30:42,186 --> 01:30:43,938 อีกอย่าง เสียงก็ไม่น่าฟัง 1201 01:30:48,276 --> 01:30:49,735 กับคนที่พูดแบบนั้น 1202 01:30:49,819 --> 01:30:52,864 ผมจะมองหน้าแล้วพูดว่า "นายไม่รู้เรื่อง 1203 01:30:52,947 --> 01:30:55,533 และสิ่งที่ทำให้นายพูดแบบนั้นก็คือความอิจฉา 1204 01:30:55,616 --> 01:30:58,953 เพราะนายไม่มีวันเป็น มี หรือแม้แต่จะเข้าใจ 1205 01:30:59,745 --> 01:31:04,375 สิ่งที่อยู่เหนือความคิดอันตื้นเขิน บูดเบี้ยวบิดเบือนของนายได้" 1206 01:31:05,334 --> 01:31:07,295 "ให้ตาย คาร์โลส พูดแรงนะ" 1207 01:31:07,670 --> 01:31:08,796 ก็มันจริงนี่ 1208 01:31:16,345 --> 01:31:20,349 เมื่อคุณได้ฟังแผ่นเสียงทั้งหลาย 1209 01:31:20,433 --> 01:31:25,521 ที่เขาอัดอย่างต่อเนื่อง ในช่วงประมาณปี 1969 ถึงปี 1975 1210 01:31:25,605 --> 01:31:28,858 คุณจะได้ยินเสียงแม่แบบ สำหรับดนตรีฮิปฮอป ดนตรีเฮาส์ 1211 01:31:28,941 --> 01:31:30,985 ดรัมแอนด์เบส อิเล็กทรอนิกา 1212 01:31:31,694 --> 01:31:34,572 ไมล์สทำทั้งหมดนั่นในต้นยุค 1970 1213 01:31:35,490 --> 01:31:39,619 เขาสร้างสรรค์ดนตรีแบบใหม่ และเขย่าวงการ 1214 01:31:51,923 --> 01:31:55,009 ตอนฉันคบกับเขา เขาสุขภาพดี เขาอยู่ดีมาก 1215 01:31:56,552 --> 01:31:59,514 เขากินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ดูแลให้ร่างกายสะอาด 1216 01:32:00,806 --> 01:32:04,143 แน่นอนว่าเขาไปชกมวย ออกกำลังกายที่ฟิตเนสแทบทุกวัน 1217 01:32:04,644 --> 01:32:07,313 ดังนั้นนั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในตอนนั้น 1218 01:32:07,396 --> 01:32:08,731 ซึ่งก็ดีมาก 1219 01:32:18,115 --> 01:32:20,743 ฉันรู้ว่าไมล์สเริ่มจะกลับไปเสพยา 1220 01:32:21,369 --> 01:32:23,913 แม้ว่าเขาจะไม่เสพยาเวลาอยู่กับฉัน 1221 01:32:23,996 --> 01:32:25,998 เพราะเขาขี้หวาดระแวงมาก 1222 01:32:27,500 --> 01:32:30,169 เขารุนแรง เขาชอบทารุณ 1223 01:32:32,213 --> 01:32:34,715 ฉันบอกว่า "รู้ไหม ฉันไม่อยู่แบบนี้หรอก" 1224 01:32:39,637 --> 01:32:43,766 เดือนตุลาคม ปี 1972 ผมหลับขณะขับรถ 1225 01:32:43,849 --> 01:32:46,435 แล้วพุ่งรถลัมโบร์กินีชนเกาะกลางถนน 1226 01:32:47,520 --> 01:32:50,398 ผมต้องนอนพักฟื้นนานเกือบสามเดือน แล้วพอได้กลับบ้าน 1227 01:32:50,481 --> 01:32:54,694 ผมก็ต้องใช้ไม้ค้ำอยู่พักหนึ่ง ซึ่งทำให้สะโพกข้างที่เจ็บแย่ลงไปอีก 1228 01:32:56,612 --> 01:33:00,074 นั่นน่าจะเป็นจุดพลิกผันครั้งใหญ่ในชีวิตเขา 1229 01:33:01,534 --> 01:33:04,620 ความเจ็บปวดที่เขารู้สึกตั้งแต่ตื่นยันหลับ... 1230 01:33:04,704 --> 01:33:05,955 (มาร์ค รอธบอม ผู้จัดการ) 1231 01:33:06,038 --> 01:33:10,167 ...บีบบังคับเขา ผมขอใช้คำว่า "บีบบังคับ" ให้เขาใช้ยาแพทย์สั่ง 1232 01:33:10,251 --> 01:33:13,713 โคเคน แอลกอฮอล์ บุหรี่ 1233 01:33:13,796 --> 01:33:15,256 อะไรก็ได้ที่ลดความเจ็บปวด 1234 01:33:16,340 --> 01:33:20,428 เขาเริ่มรับงานและทัวร์น้อยลงเรื่อยๆ 1235 01:33:21,929 --> 01:33:25,057 ในที่สุดก็ไม่เหลือวงดนตรีของไมล์ส เดวิส 1236 01:33:28,227 --> 01:33:32,231 จิตวิญญาณผมเหนื่อยล้า กับเรื่องไร้สาระทั้งหลายในชีวิตผม 1237 01:33:32,315 --> 01:33:33,733 ตลอดหลายต่อหลายปี 1238 01:33:34,567 --> 01:33:36,569 ผมรู้สึกหมดความคิดสร้างสรรค์ 1239 01:33:38,321 --> 01:33:40,948 ผมไม่มีดนตรีใหม่จะให้แล้ว 1240 01:33:41,824 --> 01:33:44,869 ผมรู้ว่าผมจำเป็นต้องพักผ่อน ผมเลยพัก 1241 01:33:45,828 --> 01:33:49,290 ผมวางสิ่งที่ผมรักที่สุดในชีวิต ดนตรีของผม 1242 01:33:50,583 --> 01:33:52,376 และยิ่งผมห่างจากมัน 1243 01:33:52,460 --> 01:33:55,463 ผมก็ยิ่งจมดิ่งลึกลงไปสู่โลกที่มืดมิดกว่า 1244 01:33:57,882 --> 01:34:03,054 ตึกอะพาร์ตเมนต์ของเขาคือถ้ำของเขา 1245 01:34:03,888 --> 01:34:06,390 และเขาปลีกตัวเข้าไปอยู่ในนั้น 1246 01:34:07,266 --> 01:34:10,645 บางครั้งเขาจะไม่ออกไปไหนนานหลายวัน หรือนานหลายสัปดาห์ 1247 01:34:13,481 --> 01:34:14,940 ตอนผมอายุ 15 หรือ 16 1248 01:34:15,024 --> 01:34:18,611 ผมจะไปอยู่นิวยอร์กในช่วงเวลาอันมืดมิดนั้น 1249 01:34:19,945 --> 01:34:22,073 ผมจำได้ว่าในบ้านมืดตลอดเวลา... 1250 01:34:22,156 --> 01:34:23,240 (วินซ์ วิลเบิร์น หลาน) 1251 01:34:23,324 --> 01:34:27,453 ...ผมจำได้ว่ามันมีบุหรี่ ขวดเบียร์ 1252 01:34:27,995 --> 01:34:28,871 กับโคเคน 1253 01:34:32,375 --> 01:34:35,670 ผมจำได้ว่าผมไปเยี่ยมพ่อสองสามครั้ง 1254 01:34:36,170 --> 01:34:37,672 มันเป็นช่วงเวลาที่หดหู่สำหรับพ่อ 1255 01:34:38,923 --> 01:34:40,716 พ่อ... คือผมไม่... 1256 01:34:40,800 --> 01:34:42,677 (เอริน เดวิส ลูกชาย) 1257 01:34:42,760 --> 01:34:43,886 ...ผมกลัวพ่อนิดๆ 1258 01:34:46,430 --> 01:34:50,267 พ่อต้องรับมือกับความเจ็บปวด และการไม่ได้เล่นดนตรีคนเดียว 1259 01:34:51,519 --> 01:34:54,105 ผมรู้ว่าสำหรับพ่อ การไม่เล่นดนตรี... 1260 01:34:54,730 --> 01:34:56,732 เปรียบเหมือนการอดน้ำ 1261 01:35:00,194 --> 01:35:01,821 ผมอยากให้มันหยุด 1262 01:35:01,904 --> 01:35:03,698 ผมอยากให้ความมืดมิดหายไป 1263 01:35:05,157 --> 01:35:06,701 เขาเหมือนคนที่ผมไม่เคยรู้จัก 1264 01:35:07,326 --> 01:35:12,832 และผมอยากให้เขากลับไปเป็น ลุงของผม เป็นซูเปอร์ฮีโร่ของผม 1265 01:35:20,923 --> 01:35:22,299 ผมจำตอนไปที่ฮาร์เลมได้ 1266 01:35:22,967 --> 01:35:25,261 ในรถเรามีผู้หญิงนั่งอยู่ด้วย 1267 01:35:26,470 --> 01:35:27,930 เธอนั่งข้างผม 1268 01:35:28,013 --> 01:35:31,559 และไมล์สขับรถไปที่นั่นแล้วบอกว่า "รอนี่" 1269 01:35:34,395 --> 01:35:37,440 แล้วเขาเดินออกมาจากอาคารที่เข้าไป 1270 01:35:38,441 --> 01:35:39,483 ในสภาพเมายามาก 1271 01:35:41,694 --> 01:35:44,655 บนใบหน้าเขาจะมีรอยเปื้อนโคเคน 1272 01:35:44,739 --> 01:35:48,159 และผมอยากพูดอะไรออกไป แต่ผมกลัวเกินไป 1273 01:35:50,453 --> 01:35:52,830 เขาจะผลักผมเบาๆ 1274 01:35:52,913 --> 01:35:53,789 แล้วพูดว่า 1275 01:35:54,290 --> 01:35:55,249 "นายอึ๊บเธอ" 1276 01:35:56,208 --> 01:35:58,919 ผมก็พูดว่า "ฉันไม่ได้อึ๊บเธอ" 1277 01:35:59,003 --> 01:36:02,089 แล้วเขาก็พูดว่า "เราจะไม่ไปไหน จนกว่านายจะยอมรับว่าอึ๊บ" 1278 01:36:04,175 --> 01:36:05,468 เขาดับเครื่อง 1279 01:36:06,635 --> 01:36:09,096 ผมตอบ "ก็ได้ ฉันอึ๊บเธอบนฝากระโปรง ไปได้หรือยัง" 1280 01:36:09,180 --> 01:36:12,057 แล้วเขาก็พูดว่า "นึกว่าเราเป็นเพื่อนกันเสียอีก" 1281 01:36:12,892 --> 01:36:15,853 คืนไหนไปเที่ยวกับไมล์สจะเป็นแบบนี้ 1282 01:36:23,944 --> 01:36:26,781 ช่วงนั้นไมล์สชอบมาหา เราจะ... 1283 01:36:26,864 --> 01:36:29,617 เขาต้องการเงิน และเราจะให้เงินเขา 1284 01:36:29,700 --> 01:36:32,870 ซึ่งไม่หวังว่าจะได้คืนหรอกนะ 1285 01:36:34,330 --> 01:36:37,458 อย่างไรก็ตาม วันหนึ่งเราออกมา แล้วผมบอกมารีว่า... 1286 01:36:38,125 --> 01:36:39,376 "ผมว่าจบแล้ว 1287 01:36:39,460 --> 01:36:41,587 สภาพนี้เขากู่ไม่กลับแล้ว" 1288 01:36:42,630 --> 01:36:45,549 แล้วผมก็พูดต่อว่า "แต่ก็ไม่มีทางรู้ได้" 1289 01:36:47,968 --> 01:36:49,678 ในประมาณช่วงเดียวกัน 1290 01:36:49,762 --> 01:36:52,765 ซิเซลี ไทสันก็เริ่มมาหาผมอีก 1291 01:36:53,849 --> 01:36:56,185 เธอแวะมาหาผมตลอดช่วงนี้ 1292 01:36:56,560 --> 01:36:59,021 แต่ตอนนี้เธอเริ่มมาหาบ่อยขึ้น 1293 01:37:00,940 --> 01:37:04,401 ในช่วงปีเหล่านั้น สุขภาพเขาแย่สุดๆ 1294 01:37:05,069 --> 01:37:07,571 หลายๆ คนคิดว่าสภาพเขาแย่มาก 1295 01:37:07,655 --> 01:37:09,406 จนเขาไม่มีวันเล่นดนตรีอีกแน่ๆ 1296 01:37:09,490 --> 01:37:11,575 เขาก็ยังคิดเลยว่าอาจไม่ได้เล่นดนตรีอีก 1297 01:37:12,827 --> 01:37:16,413 ซิเซลีมอบแรงบันดาลใจให้เขามองเห็นอีกครั้ง 1298 01:37:16,497 --> 01:37:18,290 ว่าเขายังมีอะไรจะมอบให้โลกอยู่ 1299 01:37:18,874 --> 01:37:21,544 ว่าความสร้างสรรค์ของเขาเอง... 1300 01:37:22,002 --> 01:37:23,879 ความสร้างสรรค์เขายังไม่ถึงจุดสูงสุด 1301 01:37:26,048 --> 01:37:28,425 เธอช่วยไล่คนพวกนั้นออกจากบ้านผม 1302 01:37:28,884 --> 01:37:31,011 เธอปกป้องผมและเริ่มดูแล 1303 01:37:31,095 --> 01:37:33,848 ให้ผมกินอาหารดีๆ และดื่มน้อยลง 1304 01:37:33,931 --> 01:37:35,850 เธอช่วยผมเลิกโคเคน 1305 01:37:36,934 --> 01:37:40,229 เธอทำอาหารสุขภาพให้ผมกิน มีผักเยอะๆ 1306 01:37:40,312 --> 01:37:41,981 และน้ำผลไม้เยอะมาก 1307 01:37:43,524 --> 01:37:48,529 เขาจะวิ่งออกกำลังกายบนชายหาด และพยายามหันไปกินมังสวิรัต 1308 01:37:48,612 --> 01:37:52,408 ซึ่งสุดยอดมาก เพราะเขาทำไม่สำเร็จ 1309 01:37:53,951 --> 01:37:56,996 ไมล์สจะบอกว่า "มารับฉันที่บ้านสิ 1310 01:37:57,079 --> 01:37:59,123 พาฉันไปที่ที่มีเนื้อสัตว์หน่อย 1311 01:38:01,208 --> 01:38:06,755 ให้ฉันได้ดมกลิ่นเนื้อหน่อย แล้วสั่งแซนด์วิชฮอตลิงก์ให้ด้วย 1312 01:38:10,384 --> 01:38:14,221 ช่วงปีเหล่านั้นจำเป็นต่อไมล์ส ให้เขาได้มีกำลัง 1313 01:38:14,930 --> 01:38:21,645 ที่จะเลิกยา หันมาเล่นดนตรีอีก รับมือกับสาธารณชน 1314 01:38:22,187 --> 01:38:24,565 รับมือกับการทัวร์ รับมือกับนักวิจารณ์ 1315 01:38:25,608 --> 01:38:26,483 และมีชีวิต 1316 01:38:28,485 --> 01:38:33,115 ตั้งแต่ปี 1975 จนถึงต้นปี 1980 ผมไม่หยิบแตรเลย 1317 01:38:33,949 --> 01:38:37,411 เป็นเวลากว่าสี่ปีที่ผมไม่ได้หยิบแตร แม้สักครั้งเดียว 1318 01:38:39,622 --> 01:38:42,291 ท้ายที่สุดแล้วก็รวมกันเกือบหกปี 1319 01:38:45,085 --> 01:38:47,212 เขาเอาเทปมาที่ออฟฟิศผมอยู่เรื่อย 1320 01:38:48,005 --> 01:38:51,175 ในเทปมีวงดนตรีที่ฟังดูแตกต่าง เป็นวงอิเล็กทรอนิกส์ 1321 01:38:52,301 --> 01:38:57,932 ผมบอกว่า "ผมจะจ้างคุณ 70,000 ดอลลาร์ ให้เล่นคอนเสิร์ตที่เอเวอรีฟิชเชอร์ฮอลสองครั้ง" 1322 01:38:59,391 --> 01:39:02,353 เขามองหน้าเหมือนผมบ้า ไม่มีใครทำแบบนั้น 1323 01:39:04,438 --> 01:39:10,569 แล้วผมก็เขียนเช็คเงินสด จำนวน 35,000 ดอลลาร์ให้เขา 1324 01:39:14,949 --> 01:39:16,158 ผมกลั้นหายใจ 1325 01:39:18,118 --> 01:39:25,084 ผมซื้อรถเฟอร์รารีรุ่น 308 จีทีเอสไอ สปอร์ตคูเป้ สีเหลืองคันใหม่เอี่ยม 1326 01:39:25,167 --> 01:39:26,585 หลังคาถอดได้ 1327 01:39:28,170 --> 01:39:30,422 ผมพร้อมกลับไปเล่นดนตรีแล้ว 1328 01:39:34,259 --> 01:39:37,054 เขาซื้อรถคันนั้นเพื่อขับไปงานนั้นโดยเฉพาะ... 1329 01:39:37,137 --> 01:39:38,138 (มาร์คัส มิลเลอร์ เบส) 1330 01:39:38,222 --> 01:39:40,307 ...ส่วนผมแค่ซื้อเสื้อตัวใหม่ 1331 01:39:42,559 --> 01:39:43,644 เขาซื้อเฟอร์รารี 1332 01:39:47,147 --> 01:39:48,607 ไมล์สกลับมาแล้ว 1333 01:39:55,614 --> 01:39:58,867 และเขามีเสียงสไตล์ใหม่กับศิลปินอายุน้อย 1334 01:40:06,667 --> 01:40:09,503 เขาหายไปเจ็ดปี แล้วจู่ๆ ก็กลับมาแล้ว 1335 01:40:09,586 --> 01:40:10,587 (ไมค์ สเติร์น กีตาร์) 1336 01:40:10,671 --> 01:40:14,633 ผู้ชายคนนี้จะเลิกเล่นถาวร แล้วพูดว่า "แค่นี้พอแล้ว" ยังได้ 1337 01:40:14,717 --> 01:40:17,094 และทุกคนจะพูดว่า "พอแล้วจริงๆ" 1338 01:40:17,177 --> 01:40:18,470 แต่เขาอยากเล่นต่อไป 1339 01:40:31,066 --> 01:40:35,696 มันไม่ใช่แค่การกลับมาของศิลปินคนหนึ่ง 1340 01:40:35,779 --> 01:40:37,322 แต่เป็นการกลับมาของคนคนหนึ่ง 1341 01:40:41,035 --> 01:40:43,620 ผมไม่เคยเห็นใครทำได้เหมือนเขาเลย 1342 01:40:46,874 --> 01:40:49,418 ยังสนุกกับการแสดง ในเทศกาลดนตรีแจ๊สที่ยุโรปไหมครับ 1343 01:40:49,501 --> 01:40:52,546 ครับ ผมชอบเล่นที่ยุโรป เทศกาลดนตรีแจ๊ส 1344 01:40:52,629 --> 01:40:54,840 แล้วโมลเดล่ะ คุณไปสาย 1345 01:40:55,591 --> 01:40:56,925 เมื่อเช้าผมป่วย 1346 01:40:57,551 --> 01:40:59,136 เริ่มจากทัวร์แรก... 1347 01:40:59,219 --> 01:41:00,512 (ไมเคล อีแลม ผู้ช่วยส่วนตัว) 1348 01:41:00,596 --> 01:41:03,474 ...เราไปเมืองใหม่หรือประเทศใหม่ทุกๆ วัน 1349 01:41:06,351 --> 01:41:08,729 สมมุติว่าเริ่มการแสดงเวลาสองทุ่ม 1350 01:41:10,397 --> 01:41:13,567 เราจะกลับถึงโรงแรมเที่ยงคืน 1351 01:41:14,151 --> 01:41:15,861 หลังจากนั้นเขาก็อยากเขียนภาพ 1352 01:41:18,197 --> 01:41:22,284 เขาจะหยิบอุปกรณ์เขียนอะไรก็ได้ที่มี แล้วเริ่มวาดภาพ 1353 01:41:26,205 --> 01:41:30,042 ตอนเราเดินสาย เขาวาดภาพในเครื่องบิน วาดในรถ 1354 01:41:30,125 --> 01:41:32,419 วาดในเลาจ์ขณะรอเครื่องบิน 1355 01:41:32,711 --> 01:41:35,631 พอไปถึงหน้างาน เขาก็วาดภาพในห้องแต่งตัว 1356 01:41:36,507 --> 01:41:40,177 มันเคลื่อนจากแขนของเขา ไปที่มือ แล้วก็ลงไปที่หน้ากระดาษ 1357 01:41:42,137 --> 01:41:44,014 เมื่อวาดเส้นผิด 1358 01:41:44,098 --> 01:41:46,975 มันรู้สึกเหมือนกับดนตรีไหมครับ 1359 01:41:47,684 --> 01:41:50,896 โน๊ตต่อจากตัวที่คุณคิดว่าแย่ 1360 01:41:51,980 --> 01:41:54,066 จะแก้ไขตัวก่อนหน้า 1361 01:42:02,866 --> 01:42:05,244 ตอนนั้นยังเช้าตรู่ ฉันออกไปวิ่ง... 1362 01:42:05,494 --> 01:42:06,537 (โจ เจลบาร์ด จิตรกร) 1363 01:42:06,620 --> 01:42:10,624 ...ฉันยืนรออยู่หน้าลิฟต์ พอลิฟต์เปิดออก เขาก็อยู่ในนั้น 1364 01:42:11,458 --> 01:42:13,710 หัวใจฉันเต้นแรง มันเหมือนกับ... 1365 01:42:15,546 --> 01:42:18,215 เหมือนในหนัง ฉากที่ได้เจอแวมไพร์ 1366 01:42:18,298 --> 01:42:20,467 และคุณรู้ว่าคุณจะตาย แต่คุณไม่สน 1367 01:42:21,635 --> 01:42:23,637 ฉันหันกลับไปมอง เขาพูดว่า "วิ่งเร็วๆ นะ 1368 01:42:23,720 --> 01:42:25,639 เพราะพอผมกลับมา ผมจะตามจับคุณ" 1369 01:42:26,473 --> 01:42:29,351 แค่นั้นเลย แล้วเราก็เริ่มเขียนภาพด้วยกัน 1370 01:42:36,441 --> 01:42:39,528 มันมีองค์ประกอบของทุกสิ่งที่เขาทำ 1371 01:42:39,611 --> 01:42:40,988 ออกมาจากทุกที่ 1372 01:42:41,071 --> 01:42:42,865 ไมล์ส อะไรทำให้คุณเริ่มเขียนภาพ 1373 01:42:42,948 --> 01:42:44,908 เขาไม่เคยเนื้อหอมเท่านั้นมาก่อน 1374 01:42:44,992 --> 01:42:46,076 พวกคุณเป็นใคร 1375 01:42:46,952 --> 01:42:49,746 ดูเหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่าตัวเองเคยเป็นใคร 1376 01:42:49,830 --> 01:42:51,331 มันเหมือนผมได้เริ่มต้นใหม่ 1377 01:42:51,415 --> 01:42:52,791 เขาได้ออกทอล์กโชว์ 1378 01:42:52,875 --> 01:42:55,544 สวัสดียามเย็น นี่คือไมล์ส เดวิส 1379 01:42:55,627 --> 01:42:56,879 ออกรายการช่วงดึก 1380 01:42:56,962 --> 01:42:58,380 - ไมล์ส เดวิส - ไมล์ส เดวิส 1381 01:42:58,463 --> 01:43:00,132 - ไมล์ส เดวิส - ไมล์ส เดวิส 1382 01:43:00,215 --> 01:43:01,383 ไมล์ส เดวิส 1383 01:43:02,426 --> 01:43:06,471 เขารับสัมภาษณ์ในทุกเมืองที่เขาไปแสดง 1384 01:43:07,181 --> 01:43:10,017 เขาดูเหมือนคนละคนไปเลย 1385 01:43:17,816 --> 01:43:20,944 และเขาได้ไปเล่นดนตรีกับพรินซ์ด้วย 1386 01:43:21,028 --> 01:43:25,324 เขาชอบพรินซ์มาก พรหมลิขิตให้พวกเขาได้ร่วมงานกัน 1387 01:43:32,122 --> 01:43:34,791 ผมได้รับสายโทรศัพท์จากทอมมี่ ลิพูม่า 1388 01:43:34,875 --> 01:43:38,462 รองประธานฝ่ายคัดสรรค์และพัฒนาศิลปิน ที่ค่ายวอร์เนอร์บราเธอร์ส 1389 01:43:38,545 --> 01:43:42,424 เขาบอกว่า "ไมล์ส เดวิสเพิ่งออกจากโคลัมเบีย และจะย้ายมาวอร์เนอร์บราเธอร์ส" 1390 01:43:42,507 --> 01:43:45,719 ผมพูดว่า "เหรอ ยินดีด้วย" แล้วเขาก็ถามว่า "มีเพลงไหม" 1391 01:43:51,558 --> 01:43:55,020 ทันทีที่ผมวางสาย เสียงเบสเพลง "Tutu" ก็ให้ไอเดีย 1392 01:44:05,781 --> 01:44:08,200 เวลาผมแต่งเพลงให้ใคร ถ้าผมเห็นภาพเขา... 1393 01:44:09,159 --> 01:44:11,745 โยกตามจังหวะเพลง ผมจะคิดว่า "โอเค เพลงนี้ใช่" 1394 01:44:17,626 --> 01:44:20,337 ผมมองเข้าไปในสตูดิโอและมองไปที่ไมล์ส 1395 01:44:20,879 --> 01:44:23,507 เขาเริ่มเล่นเพลงกับเปียโนให้ผมฟัง 1396 01:44:25,717 --> 01:44:30,722 พอมองย้อนกลับไปแล้ว ผมตระหนักว่า หมอนี่ไม่เคยอัดเพลงแบบนี้มาก่อน 1397 01:44:30,806 --> 01:44:35,894 เขาไม่เคยสวมหูฟัง แล้วเล่นกับเพลง ที่มีเครื่องกลองหรืออะไรแบบนี้มาก่อน 1398 01:44:39,064 --> 01:44:42,526 เขาอินมาก ไม่ใช่แค่อินแบบชอบเท่านั้น 1399 01:44:42,609 --> 01:44:43,527 แต่อินสุดๆ 1400 01:44:43,610 --> 01:44:44,611 ใช่เลย 1401 01:44:46,863 --> 01:44:49,950 ลึกๆ ข้างใน เขายังเป็นเด็กหนุ่มคนนั้น 1402 01:44:50,033 --> 01:44:52,160 ที่มานิวยอร์กเพื่อเล่นดนตรีทันสมัย 1403 01:44:52,244 --> 01:44:53,745 เขาอยากมีความรู้สึกแบบนั้นเสมอ 1404 01:44:57,833 --> 01:45:01,044 ไมล์สไม่เคยพูดถึงอัลบั้มเก่าๆ ของเขา 1405 01:45:01,128 --> 01:45:03,338 พ่อไม่ได้เก็บไว้ที่บ้าน ไม่เก็บไว้สักแผ่น 1406 01:45:04,047 --> 01:45:07,009 ไม่มีเลย และพ่อไม่อยากให้เอาเข้าบ้าน 1407 01:45:07,092 --> 01:45:09,219 พ่ออยากได้แต่เพลงที่พ่อทำอยู่ 1408 01:45:19,855 --> 01:45:22,566 ตอนผมเพิ่งไปร่วมวงใหม่ๆ ไมล์สดูโอเค 1409 01:45:22,649 --> 01:45:26,236 เขาตื่นตัวและเตรียมพร้อมเสมอ 1410 01:45:26,320 --> 01:45:30,240 แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาเริ่มดูไม่ค่อยดีเลย 1411 01:45:31,366 --> 01:45:34,161 และถ้าคุณได้ดูคอนเสิร์ตที่เราเล่น ออกแซเทอร์เดย์ไนต์ไลฟ์ 1412 01:45:34,244 --> 01:45:35,871 คุณจะเห็นว่าผมพูดถึงอะไร 1413 01:45:35,954 --> 01:45:39,333 เขาเดินไปมา และเสียงของเขาเปราะบางมาก 1414 01:45:41,084 --> 01:45:44,129 เขาน้ำตาตกในเพราะจับโทนเสียงไม่ได้ 1415 01:45:44,212 --> 01:45:45,464 จับโทนเสียงไม่ได้ 1416 01:45:47,299 --> 01:45:50,260 บางครั้งเขาจะเดินโซเซบนเวที แต่... 1417 01:45:51,386 --> 01:45:52,346 เขายังเป็นไมล์ส 1418 01:45:57,059 --> 01:46:00,937 คืนนี้จะเป็นครั้งแรกของเรา ที่ไมล์ส เดวิส และควินซี่ โจนส์ 1419 01:46:01,021 --> 01:46:03,690 เล่นดนตรีด้วยกันบนเวทีเดียวกัน 1420 01:46:04,608 --> 01:46:06,443 ผมพยายามมา 15 ปีแล้ว 1421 01:46:07,611 --> 01:46:10,447 ผมแหย่เขามาพักหนึ่งแล้ว ผมคะยั้นคะยอเรื่องนี้... 1422 01:46:10,530 --> 01:46:12,407 (ควินซี่ โจนส์ โปรดิวเซอร์และนักแต่งเพลง) 1423 01:46:12,491 --> 01:46:14,076 ...แล้วเขาก็พูดว่า "ก็ได้วะ" 1424 01:46:15,243 --> 01:46:17,371 ถ้าเขาไม่เล่นดนตรีอีกเลย เขาก็ไม่ต้องเล่น 1425 01:46:17,454 --> 01:46:22,334 เพราะเขาเป็นผู้นำ กระแสใหม่ๆ มานาน 50 ปีแล้ว 1426 01:46:22,417 --> 01:46:25,087 การได้เห็นเขาในวัย 65 ปี 1427 01:46:25,170 --> 01:46:28,090 พยายามสร้างตัวตน วัย 25 ปีของตัวเองขึ้นมาใหม่ 1428 01:46:28,173 --> 01:46:29,591 มันอัศจรรย์เหลือเกิน 1429 01:46:30,175 --> 01:46:31,927 เพื่อนรักของผม 1430 01:46:32,010 --> 01:46:35,514 และศิลปินเพลงคนโปรดคนหนึ่ง ที่ผมเชิดชู ไมล์ส เดวิส 1431 01:46:37,099 --> 01:46:38,517 ผมรักเขาจริงๆ 1432 01:46:39,684 --> 01:46:42,896 มันทำให้ผมยิ้มลึกไปถึงวิญญาณ 1433 01:46:47,859 --> 01:46:49,736 มีเพลงที่ชื่อว่า "The Pan Piper" 1434 01:46:49,820 --> 01:46:50,946 (วอลเลซ โรนีย์ ทรัมเป็ต) 1435 01:46:51,029 --> 01:46:54,282 ...และผมรู้ว่าเพลงนั้นเล่นยาก 1436 01:46:54,991 --> 01:46:58,245 ผมไม่มั่นใจว่าเขาจะเล่นได้หรือเปล่า 1437 01:47:04,584 --> 01:47:05,877 เขาไม่ยอมพูดหรอก 1438 01:47:11,758 --> 01:47:15,762 ดังนั้นพอถึงเวลาเล่นเพลงนั้น ผมจำได้ว่าผมเข้าไปช่วย 1439 01:47:29,985 --> 01:47:33,321 ผมจำได้ว่าเขาเคยบอกผมว่า "ฟังนะ ถ้าฉันกลับไปเล่นเพลงเก่าๆ 1440 01:47:33,405 --> 01:47:34,573 ฉันตายแน่" 1441 01:47:36,491 --> 01:47:39,703 และผมนั่งดูอยู่หน้าทีวีแล้วคิดว่า "เขาป่วย 1442 01:47:41,121 --> 01:47:42,122 เขาป่วย" 1443 01:47:53,633 --> 01:47:57,888 เขาบอกว่า "เวลาพระเจ้าลงโทษคุณ มันไม่ใช่ว่าคุณ..." 1444 01:48:00,056 --> 01:48:01,308 มันเศร้ามาก 1445 01:48:02,309 --> 01:48:04,561 "มันไม่ใช่ว่าคุณอดได้สิ่งที่ต้องการ 1446 01:48:06,229 --> 01:48:07,898 คุณจะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ 1447 01:48:08,857 --> 01:48:10,358 แต่กลับหมดเวลา" 1448 01:48:18,658 --> 01:48:19,659 ไมล์ส เดวิส! 1449 01:48:20,827 --> 01:48:21,995 ควินซี่ โจนส์! 1450 01:48:28,752 --> 01:48:32,839 ไมล์สเข้าโรงพยาบาล ช่วงสุดสัปดาห์วันแรงงานปี 1991 1451 01:48:34,508 --> 01:48:36,593 เราคุยกันและฟังเพลงกันอยู่ 1452 01:48:37,177 --> 01:48:41,598 แล้วฉันมองเขา เขาดูแปลกๆ นิ่งๆ 1453 01:48:41,973 --> 01:48:45,310 แล้วฉันมองขึ้น คุณหมอมาที่หน้าประตู 1454 01:48:45,393 --> 01:48:48,939 แล้วเขาเดินเข้ามา มันก็แค่วินาทีเดียวเอง 1455 01:48:49,022 --> 01:48:51,191 ฉันนั่งให้เขาซบหัวที่ตักฉัน 1456 01:48:52,025 --> 01:48:54,027 แล้วหมอก็เริ่มปั๊มหัวใจเขา 1457 01:48:54,110 --> 01:48:56,780 จากนั้นเขาก็ส่งเพจและมีหมอเข้ามาอีกคน 1458 01:48:56,863 --> 01:48:59,241 แล้วก็มีหมอกับพยาบาลมากันเต็ม 1459 01:48:59,324 --> 01:49:02,953 ฉันยังนั่งอยู่บนเตียง ส่วนเขาว่างเปล่า 1460 01:49:03,036 --> 01:49:05,413 เขายังหายใจอยู่ ฉันรู้ว่ายังไม่ตาย 1461 01:49:05,497 --> 01:49:08,041 ฉันไม่รู้... มันน่ากลัวมาก 1462 01:49:08,124 --> 01:49:09,751 พวกเขาต่างรุมเขา 1463 01:49:09,834 --> 01:49:12,212 และปั๊มหัวใจและฉีดยาให้เขา 1464 01:49:12,295 --> 01:49:17,133 จากนั้นพวกเขาก็เข็นเราออกไป ในลิฟต์ ในทางเดิน ในสภาพนั้น 1465 01:49:17,217 --> 01:49:19,844 พวกเขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่าฉันอยู่บนเตียง 1466 01:49:19,928 --> 01:49:22,222 ว่าหัวเขายังซบฉันอยู่ 1467 01:49:22,305 --> 01:49:25,183 มีผู้คนมารุมเรา 1468 01:49:25,267 --> 01:49:31,022 ตอนเราอยู่ในลิฟต์ พวกเขาพูดว่า "เขาเส้นเลือดสมองแตก" 1469 01:49:46,830 --> 01:49:49,291 เดโบร่าห์ ภรรยาเก่าของผมโทรมาบอกว่า 1470 01:49:49,374 --> 01:49:52,043 "ฉันว่าคุณควรหาอะไรเกาะก่อน" 1471 01:49:52,127 --> 01:49:53,420 ผมถาม "มีเรื่องอะไร" 1472 01:49:53,503 --> 01:49:54,379 เธอตอบว่า 1473 01:49:55,755 --> 01:49:57,215 "ไมล์ส เดวิสเสียแล้ว" 1474 01:50:06,725 --> 01:50:08,602 และมันรู้สึกเหมือน... 1475 01:50:13,023 --> 01:50:14,232 มีคนเอา... 1476 01:50:16,526 --> 01:50:18,236 หัวเจาะคอนกรีตมาฟาดหัวผม 1477 01:50:30,165 --> 01:50:34,461 ฉันคิดว่าไมล์สเป็นคนที่ไม่เหมือนใครที่สุด ที่ฉันเคยรู้จักแน่นอน 1478 01:50:39,924 --> 01:50:43,345 เขาทำอะไรๆ ในแบบที่แตกต่างจากคนอื่นๆ 1479 01:50:43,428 --> 01:50:46,348 เขามองโลกอีกแบบ เขาเห็นอะไรๆ อีกแบบ 1480 01:50:49,142 --> 01:50:52,937 คุณต้องซื่อสัตย์กับตัวเอง ฉันว่านั่นเป็นคติประจำใจเขา 1481 01:51:00,820 --> 01:51:03,740 ทำไมคนเราถึงสามารถแต่งดนตรีที่งดงามได้ 1482 01:51:04,240 --> 01:51:05,950 ทั้งๆ ที่มีอีกด้านหนึ่ง 1483 01:51:07,285 --> 01:51:09,245 บางครั้งฉันก็ไม่ไหว 1484 01:51:09,329 --> 01:51:11,706 แต่บางครั้งมันก็สมบูรณ์แบบ 1485 01:51:16,127 --> 01:51:21,925 ฉันไม่เสียใจ ฉันไม่ลืม แต่ฉันก็ยังรัก 1486 01:51:28,723 --> 01:51:30,183 ผมคิดถึงเขา 1487 01:51:30,266 --> 01:51:32,185 ผมคิดถึงเขา ผมฝันถึงเขาบ่อย 1488 01:51:34,729 --> 01:51:35,730 เขา... 1489 01:51:37,399 --> 01:51:38,525 ราศีจับจริงๆ 1490 01:51:49,577 --> 01:51:50,912 ผมก็ต้องรักเขาสิ 1491 01:51:52,956 --> 01:51:54,374 เขาเป็นเหมือนพี่ชาย 1492 01:51:55,125 --> 01:51:58,378 ที่ทำเรื่องโง่ๆ แต่ผมก็รับได้ 1493 01:52:05,969 --> 01:52:07,053 เขาเป็นคนจริง 1494 01:52:11,766 --> 01:52:12,767 จริงแท้ 1495 01:52:15,979 --> 01:52:18,773 จะไม่ค่อยมีคนอย่างไมล์สอีกแล้ว 1496 01:52:20,817 --> 01:52:22,902 พอแล้ว ไม่พูดแล้ว 1497 01:55:00,977 --> 01:55:05,189 คำบรรยายโดย นันทวัน ริดเดล